ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1
1 ปีผ่านไป
“อ๊ะ อือ….แทยอน ยะ อย่าสิเดี๋ยวไปเรียนสายนะ”
“สายนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกก็พี่หอมขนาดนี้แทจะอดใจได้ไง”
“เด็กบ้า อ๊ะ อ่า……”
เสียงกระซิบแหบพร่าดังแผ่วเบาข้างใบหูขาว ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปทั่วใบหน้าขาวเนียนผ่องแดงระเรื่อจากสัมผัสแสนวาบหวานของคนทั้งสอง มือไล้ลูบบีบฟอนเฟ้นเนินเนื้อนุ่มหยุ่นเต็มฝ่ามือ คนตัวเล็กอยากชื่นใจคนสวยใต้ร่างกายเต็มอก ความต้องการแผ่ซ่านจนไม่อาจหยุดยั้งหัวใจได้อีก
หญิงสาวฉายแววตาปรารถนาสัมผัสนั้นอย่างชัดเจน โอบกอดรอบคอแอ่นกายตามสัมผัสแสนเร่าร้อน ไม่มีท่าทีขัดขืนหรือปฏิเสธคนรักของตัวเองแม้แต่น้อยเพราะเธอพร้อมมอบกายนี้ให้ด้วยความเต็มใจ อย่างไรทิฟฟานี่กับแทยอนก็เป็น ‘คนรักกัน’ อย่างเปิดเผยฉะนั้นการ ‘ร่วมรัก’ จึงเป็นเรื่องปกติของคนสองคนอยู่แล้ว คู่รักที่ไหนเขาก็ทำกันทั้งนั้น
“อ๊ะ อืม….”
แทยอนฉกชิมเรียวปากอวบอิ่มคนรักราวกับคนหิวกระหาย ตวัดลิ้นสอดดูดดุนผ่อนแรงตามอารมณ์บนเตียงใหญ่ เสียงครางหวานดังกระเส่าไม่ขาดช่วง หยอกเย้าความอ่อนนุ่มอย่างเบามือเกรงว่าจะบุบสลายหากรุนแรงกับเธอมากเกินไปอยากทะนุถนอมดูแลอย่างดี ทุกจุดสัมผัสจึงเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนุ่มนวลแต่ก็แฝงความร้อนแรงในกายทั้งสอง
ตัวเล็กกดลากริมฝีปากเลื่อนลงจนถึงอกสวยครอบครองปลายยอดเนื้อหยุ่น ดูดกลืนมันราวกับต้องการกินเจ้าของทั้งร่างกายเข้าไปไม่ให้ใครได้เชยชม จนคนด้านล่างดิ้นพล่านร้องครวญครางไม่ได้ศัพท์โอบกอดแผ่นหลังเนียนผ่องซุกหน้าข้างซอกคอขบกัดไหล่มน ขณะที่มือแสนซุกซนกำลังหายเข้าไปใต้ชุดนอนเบาหวิวบางเฉียบของเธอ
“อ๊า…!!”
สัมผัสเปียกฉ่ำลื่นมือทำให้อยากล่วงล้ำเข้าไปเต็มทน มันสร้างความรู้สึกล้นปรี่จนแทบกระอัก เน้นหนักแกล้งหยอกให้เธอปั่นป่วนกับการปลุกเร้า จิกเล็บบนไหล่ผ่อนแรงตามผู้นำเกมประกบริมฝีปากจูบเบนความสนใจก่อนตัวเล็กจะเริ่มบทรักแสนเร่าร้อนในยามเช้า…
“อ๊า….แทยอนตรงนั้นน่ะ”
“พี่ฟานี่….”
“อื้อ….แทยอน”
“พี่ฟานี่”
“แทยอน”
“พี่ฟานี่ดีจังเลย”
“แทยอน”
“ดีจัง…..”
“แทยอนตื่นได้แล้ว น้องแท แทยอนค่ะตื่นเถอะสายแล้วนะ”
“พะ พี่ฟานี่!!”
เสียงเรียกแสนหวานดังขึ้นแทรกเข้ามาในโสตประสาท คนข้างเตียงนั่งมองด้วยความสงสัย มือบางที่เขย่าปลุกร่างคนตัวเล็กอยู่นานสองนาน แทยอนสะดุ้งตื่นจาก ‘ฝัน’ เบิกตาโพลนตกใจกวาดมองสำรวจรอบห้อง หน้าตาตื่นตระหนก หายใจหอบ เหงื่อชุ่มตัวเหมือนคนออกกำลังกายหมาดๆ
หัวใจเต้นระส่ำหนักจนสะเทือนถึงเส้นประสาทในสมอง ทุกอย่างอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากที่เห็นก่อนนอนรวมไปถึง….คนรักอย่าง‘ทิฟฟานี่’ เธอนั่งยิ้มทักทายยามเช้าในชุดสีขาวตัวบางสุดเซ็กซี่เผยให้เห็นบลาสีแดงสดด้านใน แถมยังเปิดไหล่ข้างหนึ่งชวนให้มองจนเผลอกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
“ตื่นได้แล้วนะคะที่รัก เค้าจะเก็บที่นอนให้”
ได้ยินไม่ผิดหรอก….พี่ทิฟฟานี่เป็นแฟนของฉันเอง เราคบกันมานานและกินอยู่ด้วยกันมานานพอตัวแล้วล่ะ แต่…
…เมื่อกี้พี่ไม่ได้นอนอยู่ในอ้อมกอดแทหรอเนี้ย…
ใบหน้าขาวผ่องเจื่อนแดงก่ำยิ้มเหยเก ไม่กล้าสบตาคนรักตัวเองได้แต่แสร้งทำเป็นหันไปทางอื่นกัดริมฝีปากตัวเองข่มอาการเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก มือจิกกำผ้าห่มแน่นแทบจะฉีกมันขาดเป็นชิ้นๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้เป็นความฝัน ไอ้ความรู้สึกดีแบบนั้นมันเป็นแค่ฝันได้อย่างไงนะ สัมผัสนั้นมันช่างดีจนอธิบายไม่ถูก เหมือนได้กอดแฟนตัวเองจริงๆจนรู้สึก……เปียกไปหมด
…นี่หรอที่เขาเรียกว่า ‘ฝันเปียก’ บ้าจริง!! ฉันไม่ใช่ผู้ชายนะ…
…ฉันลามกกับพี่ทิฟฟานี่ได้ไงเนี้ย!!...
“แทยอน เตงเป็นอะไรหรือเปล่าหน้าแดงๆนะ” ทิฟฟานี่เลิกคิ้วถามพร้อมยกมือขึ้นแตะหน้าปากคนรัก “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ หืม…”
“เอ่อ ปะ เปล่าหรอกแทสบายดี คงจะร้อนมั้ง”
…ร้อนรุ่มเพราะพี่นี่แหละ…
“เค้าขอโทษที่ปิดแอร์เร็วไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“แทไปอาบน้ำได้แล้วนะเดี๋ยวไปเรียนสาย เค้าจะทำอะไรให้กิน”
“อะ อืม” แทยอนพยักหน้าหงึกหงักเหมือนหุ่นกระบอกไม้ไผ่รีบคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำทันที ปล่อยคนรักมองตามหลังแอบอมยิ้มหัวเราะคิกคักก่อนจัดแจงเก็บกวาดห้องนอนไปทำหน้าที่อื่นต่อ
ตึกตัก!! ตึกตัก!!
ตัวเล็กพิงประตูห้องหน้ำสองมือกุมกลางหน้าอกพยายามควบคุมไม่ให้หัวใจเต้นแรงจนเกินไป มือสั่นระริกยังรู้สึกได้ถึงความอุ่นลื่น คับแน่นจนแทบระเบิดแบบในฝัน มันดียิ่งกว่าตอนนวดหมูบดปรุงรสในโบว์สแตนเลสหรือนวดแป้งโดว์เย็นๆเสียอีก
…ให้ตายเถอะ ทำไมฉันต้องฝันบ้าๆ แบบนั้นด้วย…
ผู้หญิงเขาฝันกันแบบนี้ได้ด้วยหรอ คิดว่ามีแต่ผู้ชายเสียอีกที่จะฝันอะไรแบบนี้ได้ บ้าจริงๆ มันไม่ควรเกิดขึ้นกับพี่ทิฟฟานี่เลย แต่ก็อาจจะดีก็ได้เพราะฉันก็ไม่เคยมองเห็นใครในสายตานอกจากพี่ฟานี่อยู่แล้ว อันที่จริงไม่เคยคิดนอกใจพี่ทิฟฟานี่ด้วยซ้ำคนน่ารักเอาใจเก่งแบบนี้จะไปหาที่ไหนได้อีกล่ะ จะกอดหอมกับพี่คนเดียวนี่แหละถึงจะแค่ในฝันก็เถอะ ถ้าได้สักครั้งก็คงดีเนอะ
“เฮ้อ….คิดบ้าอะไรอีกเนี้ยคิม แทยอน”
ตัวเล็กสะบัดความคิดคนหื่นเดินหยุดยืนส่องกระจกในห้องน้ำพักใหญ่ บ่นพึมพำลำพังพลางลูบหน้าไล่ความรู้สึกในฝันนั้นออกไป พวงแก้มขาวผ่องยังแดงก่ำไม่หายหน้าอายจริงๆ ที่ฝันว่าได้นอนกอดคนรักตัวเองแบบนั้น แถมยังทำให้….ชุดนอนเปียกอีกต่างหาก คงต้องซักผ้าเองแล้วล่ะ
เสียงจิ๊จ๊ะดังขึ้นราวกับคนเสียอารมณ์ ตาคมเหลือบมองแปรงสีฟันคู่กันในแก้วใบหนึ่งสีม่วงกับสีชมพู ของทุกอย่างเกือบในห้องก็เป็นของใช้คู่กันมากกว่าครึ่งและส่วนมากก็เป็นทิฟฟานี่เลือกเองเสียด้วย เราเป็นคู่รักที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยทำให้ของใช้พวกนี้ก็เยอะตามไปด้วย ไม่ว่ามองไปทางไหนก็รู้สึกดียิ่งกว่าฝัน ใบหน้าหวานอมยิ้มก่อนหยิบมันขึ้นมาทำความสะอาดร่างกาย พยายามไม่คิดถึงฝันนั้นอีก
…คิดดูอีกทีฝันนั่นมันก็ดีเหมือนกันนะ…
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแทยอนออกจากห้องในสภาพที่ดูดีขึ้นเป็นกอง เสื้อยืดกับกางเกงยีนต์สีเข้มเข้ารูป แต่งหน้าบางๆ พอเดินออกไปแล้วไม่ทำให้ใครตกใจ หย่อนสะโพกนั่งลงโต๊ะอาหารในคอนโดใหญ่คว้าแก้วนมอุ่นวางอยู่ก่อนแล้วกระชับในมือ ตากลมใสแอบลอบมองแผ่นหลังแฟนสาวง่วนอยู่กับเครื่องปิ้งขนมปังตรงหน้า ก็อดอมยิ้มเต็มสุขไม่ได้…
เราสองคนเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งแต่งงานกันเลย ตื่นมาก็เห็นหน้าเธอเป็นคนแรก ก่อนนอนก็เห็นหน้าเธอเป็นคนสุดท้าย
“วันนี้มีแค่ขนมปังกับนมร้อนกินรองท้องไปก่อนนะ” ร่างบางหันกลับมานั่งตรงข้ามวางจานขนมปังปิ้งกับไข่ดาวให้แทยอน “ของในตู้เย็นหมดแล้ว ไข่ก็เหลือแค่ฟองเดียว”
“เราแบ่งกันคนละครึ่งดีกว่า”
“แทกินเถอะ เค้ายังไม่หิวหรอก”
“ไม่เอา ต้องกินด้วยกันอาหารเช้าสำคัญนะพี่เป็นคนบอกแทเองนี่”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันไม่ค่อยสนใจนักหรอกอาหารเช้าหรือมื้อไหนๆ แค่กินอิ่มตื่นไปเรียนให้ทันก็พอใจแล้ว แต่ตอนนี้…..ฉันไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในห้องเก่าแคบๆอีกแล้ว….ก็ฉันมีแฟนแล้วนี่นา…แฟนของฉัน…ก็คือผู้หญิงคนนี้ ‘ทิฟฟานี่ ฮวัง’
ตัวเล็กใช้ส้อมแบ่งไข่ดาวในจานตักวางใส่ขนมปังปิ้งเติมแต่งรสชาติด้วยซอสรสเผ็ดหวานก่อนจะยื่นให้ทิฟฟานี่และทำในส่วนของตัวเองด้วย หญิงสาวอมยิ้มตาปิดรับขนมปังกินพร้อมกัน ถึงอาหารเช้าวันนี้จะมีน้อยเราก็ต้องแบ่งกันกินอย่างไงแทยอนก็คงไม่ยอมให้ทิฟฟานี่อดอยู่คนเดียวแน่
มันไม่ใช่แค่หน้าที่ของคนเป็นแฟนกัน แต่มันคือความรู้สึกของคนรักที่อยากดูแลกันและกันให้ดีที่สุด
“เดี๋ยวเลิกเรียนเราไปซุปเปอร์มาเก็ตซื้อของมาเก็บไว้แล้วก็ทำหม้อไฟกินกันเนอะ”
“อื้อได้สิ วันนี้แทเลิกเรียนไวด้วย”
“แทรีบกินเถอะ เค้าไปหยิบหนังสือให้”
…เธอน่ารักชะมัดเลย เหมือนภรรยาเอาใจสามีไม่ผิด…
มื้ออาหารเช้าผ่านไปไม่เร่งรีบ ทั้งสองคนเดินจับมือกันลงไปที่รถของทิฟฟานี่ บีเอ็มสีขาวหรูหราจอดในที่ประจำใต้ตึกคอนโดสูงเสียดฟ้า มันเป็นรถใหม่ส่งตรงจากอเมริกาเธอได้เป็นของขวัญจากคุณพ่อเมื่อปีที่แล้ว ถ้าจะถามถึงรถของแทยอนน่ะหรอก็คงพบเห็นได้ทั่วไป เพราะแทยอนเข้ามาเรียนในเมืองหลวงจึงไม่มีอะไรดีไปกว่าการนั่งรถประจำทางกับการยืนรอหน้าป้ายรถเมล์ทุกเช้า แต่นั่นมันเมื่อก่อน….
คนขับรถก็คงไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร แน่นอนก็คือฉันเองนี่แหละ….ถึงไม่ม่รถเป็นของตัวเองก็ใช่ว่าจะขับไม่เป็นสักหน่อย ตอนนี้ฉันเองก็มีตำแหน่งแฟนของพี่ฟานี่ และพ่วงตำแหน่งคนขับรถส่วนตัวของเธอไปแล้ว
ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้คบกับคนที่แอบชอบมานานแบบนี้
ตั้งแต่วันที่สารภาพรักและขอคบกับรุ่นพี่ในวันงานกีฬาสีเมื่อปีที่แล้ว ฉันกับพี่ทิฟฟานี่เราก็คบกันมาปีกว่าตอนนี้ฉันเรียนอยู่ปีสองและพี่ฟานี่ก็เรียนอยู่ปีสาม ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดนี้ได้สามเดือนแล้วล่ะ ฉันเองก็ไม่เคยคาดคิดเหมือนกันว่าจะมีวันที่เราได้คบกันเป็นแฟนแบบนี้…
ในตอนนั้น…..
.
.
.
หนึ่งปีก่อน
งานกีฬาสีมหาวิทยาลัยโซล
งานกีฬาที่หลายๆคนในมหา’ลัยและคนภายนอกต่างให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพื่อรอคอยการแข่งขันสนุกสนานดุเดือด นักกีฬาก็หุ่นดีหล่อล่ำและที่สำคัญที่สุดในงานกีฬาเรียกได้ว่าเป็นไฮไลฟ์ของงานกีฬาก็ว่าได้ เพราะได้รับความสนใจมากกว่านักกีฬาหล่อๆนั่นก็คือ….. ‘เชียร์ลีดเดอร์’
ฉันเป็นคนหนึ่งล่ะที่ยืนติดขอบสนามเชียร์เพื่อรอดูเชียร์สีเดอร์ประจำคณะ…..แต่ไม่ใช่คณะของฉันเองหรอกนะศิลปศาสตร์อาจได้คะแนนเรื่องไอเดียและความแปลกใหม่ แต่ลีดของคณะสังคมศาสตร์น่ะน่ารักที่สุดเพราะรุ่นพี่ทิฟฟานี่และเพื่อนของเธอเป็นผู้นำเชียร์จึงได้รับความสนใจมากทีเดียว ตามธรรมเนียมเด็กปีหน้องต้องขึ้นสแตนเชียร์หลายคนก็อิดออดหนีซ้อมบ้าง ไม่อยากเชียร์บ้าง
แต่ฉันยินดีนั่งอยู่แถวหน้าสุดเพื่อจุดโฟกัสไปยังฝั่งตรงข้าม เห็นเชียร์ทีมสังคมศาสตร์ชัดที่สุด ฉันเคยลงชื่อแข่งกีฬาบาสเพราะสนามอยู่ติดกับสแตนนั้นแต่ก็ถูกไล่ออกเพราะฉันไม่ได้เรื่องแถมยังเตี้ยเกินไปอีกต่างหาก แต่ก็ช่างเถอะเป็นสแตนก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะมอง…. ‘คนที่แอบชอบมานานไม่ได้’
ฉันแอบชอบพี่ทิฟฟานี่มานานมากๆแล้วด้วย…แต่พี่เขาคงไม่รู้ตัวหรอก ฉันไม่ได้ต่างอะไรกับมดตัวเล็กๆไม่โดดเด่น ไม่สะดุดตาอะไรสำหรับใคร ก็แค่คนธรรมดาไม่มีอะไรน่าสนใจ
ฉันแอบชอบรุ่นพี่ทิฟฟานี่ตั้งแต่ตอนเรียนไฮสคูลเราเคยอยู่โรงเรียนเดียวกัน เธอย้ายมาจากแอลเอกลางเทอมก่อนสอบไม่กี่สัปดาห์ ภาษาของเธอไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ในตอนนั้นแต่ก็ขยันหัดพูดเขียนจนสอบได้ระดับท็อปของโรงเรียน น่าทึ่งมากเลยล่ะ เธอเป็นคนสวยหน้าตาดี แถมเฟรนลี่สุดๆ จนใครๆต่างก็ชื่นชมทั่วหน้าทั้งอาจารย์และเพื่อนๆ ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันนะและมักแอบไปยืนชมผลงานตามบอร์ดประกาศของโรงเรียนบ่อยๆ
แม้เข้าเรียนกลางเทอมแต่เธอก็ถูกผู้ชายเกือบครึ่งโรงเรียนขายขนมจีบแล้ว การเดินสวนกันในโรงอาหารทำให้ฉันตกหลุมรักเธอตั้งแต่วันแรกที่พบหน้า เสี้ยววินาทีที่เธอหันมายิ้มให้ฉันมันเหมือนถูกหลุมอากาศดูดกลืนหายไปในพริบตา
….ในตอนนั้นหัวใจของฉันมันก็ถูกรุ่นพี่เอาไปด้วย….
ฉันแน่ใจว่าการพบกับพี่ทิฟฟานี่เป็นพรมลิขิตแม้พระเจ้าอาจไม่ได้สร้างให้ฉันเกิดมาคู่กับพี่เขาก็ตาม
ตอนนั้นฉันแอบชื่นชมพี่ทิฟฟานี่มาตลอดรู้เรื่องของพี่เขาดีไปเสียทุกอย่าง ฉันรู้ว่าพี่ทิฟฟานี่ชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง รู้ว่าวันหยุดพี่เขาชอบไปนั่งกินไอศกรีมที่ไหน ชอบอ่านหนังสือประเภทอะไร บ้านของเธอทำธุรกิจหลายอย่างที่แอลเอ ฉันแอบนั่งมองพี่เขาเรียนวิชาพละจากบนตึกเป็นประจำ ใบหน้าชุ่มเหงื่อรวบมัดผมเล่นกีฬาไม่เก่งเท่าไหร่แต่เธอก็ส่องประกายในหัวใจฉันเสมอ
คนตกหลุมรักก็อาจจะเพ้อฝัน ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น กลับมาที่หอก็จะนั่งคิดถึงภาพใบหน้ารุ่นพี่ทิฟฟานี่ละเลงปลายดินสอวาดรูปพี่เขาเอาไว้ประดับห้อง รอยยิ้มของพี่ทิฟฟานี่ช่างงดงามเหมือนโลกที่มีแต่ความสดใสจริงๆ
เราเดินสวนทางกันบ่อยและก็บ่อยครั้งที่ฉันพยายามรวบรวมความกล้าสักครั้งเพื่อทักทายเธอ….แต่สุดท้ายฉันก็ได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ ตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก เหมือนคนติดอ้างแล้วก็ปล่อยให้พี่เขาเดินผ่านไปในที่สุดโดยไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากถูกสต๊าฟให้กลายเป็นหิน
‘สะหวาด…….’
‘ฟานี่วันนี้เราไปดูร้านเปิดใหม่หลังโรงเรียนกันเถอะ’
‘อืม ฉันไม่ได้ไปไหนเหมือนกัน’
ห่วยแตกชะมัด ไม่ได้เรื่องเลยเพียงแค่อ้าปากทักทายยังไม่กล้าพอ
กระทั่งวันจบการศึกษา ฉันซื้อตุ๊กตาหมีสีชมพูมาให้เป็นของขวัญและโปสการ์ดที่ตั้งใจทำเองกับมือ….ถามว่าได้ให้หรือเปล่า ก็คงจะตอบได้คำเดียวว่า ‘ไม่’ เพราะฉันไม่กล้าเข้าไปคุยกับพี่เขาท่ามกลางกลุ่มเพื่อนและคนที่ชื่นชมพี่ทิฟฟานี่มากมายขนาดนั้นหรอก
สุดท้ายฉันก็ได้แต่หันหลังกลับคอตกกินแห้วอีกตามเคย…
กี่ครั้งแล้วนะที่เป็นแบบนี้….แค่จะยิ้มตอนพี่เขาสวนทางมายังไม่กล้าสักนิด แล้วจะไปทำอะไรได้มากไปกว่ากลับมาที่ห้องแล้วก็นอนจมอยู่กับเตียงกอดตุ๊กตาตัวนั้นเองอยู่คนเดียว
ถึงพี่ทิฟฟานี่จะเรียนจบไปเข้ามหา’ลัยแล้วแต่ฉันก็ยังชอบพี่ทิฟฟานี่อยู่ดี ฉันใช้เวลากับการอ่านหนังสือ ติวเข้มอย่างหนักเพื่อเอ็นเข้ามหา’ลัยเดียวกัน คณะเดียวกันแต่สุดท้ายก็ติดคณะอื่นเพราะความถนัดของฉันมันไปด้านนี้ ไม่เสียใจหรอกนะอย่างน้อยฉันก็ได้อยู่ในรั้วมหา’ลัยเดียวกันแล้ว
ฉันได้พบพี่ทิฟฟานี่อีกครั้งในวันรับน้อง พี่เขาเปลี่ยนไปมาก สวยขึ้นเยอะเลยแถมยังเป็นดาวมหา’ลัยอีกต่างหาก
…จะมีสักครั้งมั้ยนะที่ฉันจะได้คุยกับพี่ทิฟฟานี่…แล้วถ้าได้คุยกันฉันจะพูดอะไรกับเธอดี…
ขอให้ความกล้าเกิดขึ้นในใจของฉันสักครั้งเถอะนะ อย่างน้อยฉันจะได้บอกความรู้สึกในใจตัวเองบ้างถึงพี่ทิฟฟานี่จะไม่เคยรู้จักฉัน ไม่เคยรู้ว่าฉันแอบชอบตรงนี้ก็เถอะ
หลังจากสนุกสนานกับกีฬาสีมหา’ลัยสามวันเต็มๆ ก็เข้าสู่พิธีปิดงานกีฬาในช่วงบ่ายของวัน นักกีฬาและทีมเชียร์ต่างเดินเข้าสนามรอฟังพิธีการรับมอบรางวัลจนเสร็จพิธีแน่นอนเชียร์ลีดเดอร์คณะสังคมศาสตร์ชนะเลิศลำดับหนึ่งของมหา’ลัย ฉันปรบมือจนแทบหักออกนอกหน้าจนคนอื่นมองเป็นตาเดียวกัน ฉันผิดตรงไหนกันนะ ก็แค่ปรบมือให้คนที่ฉันชอบเท่านั้นเอง
เมื่อพิธีเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้วทุกคนก็แยกย้ายเก็บข้าวของรอบสแตน นักกีฬาหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้าไปพร้อมช่อดอกไม้สีสดช่อใหญ่แสดงความยินดีกับพี่ทิฟฟานี่ เสียงโห่ร้องแซวดังลั่นสนาม ในใจของฉันก็เดือดผุดราวกับน้ำต้มสุขในหม้อรามยอน น้ำตาคลอเบ้าแทบล้นออกจากตา
ทั้งที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นผู้ชายมาอ้อนวอนขอความรักจากคนที่ฉันชอบ
ฉันมีสิทธิหึงหวงพี่เขาหรือเปล่า ?
มีสิทธิเข้าไปขวางหรือพูดอะไรได้บ้างไหม ?
ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอตอบไปแบบไหน แต่นักกีฬาคนนั้นก็เดินจากไปพร้อมช่อดอกไม้ หัวใจของฉันเจ็บช้ำจนไม่อาจอยู่เฉยๆได้ รีบสาวเท้าวิ่งเข้าไปพร้อมขวดน้ำที่ยังไม่ได้เปิด มืออีกข้างถือไม้กวาดขยะ หยุดจ้องหน้าเธอขณะหันหลังคุยกับเพื่อนไม่ขาดปาก ตอนนั้นขาฉันสั่นแทบไม่มีแรงยืน หัวใจเต้นราวกับคนจะตาย
เธอคงไม่เห็นฉัน….เธอไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ แต่!! แต่ฉันจะไม่อยู่เฉยๆอีกแล้ว
‘พี่ทิฟฟานี่หยุดก่อน!!!’ ตัวเล็กตะโกนลั่นก่อนหญิงสาวจะเดินห่างไปไกล มือสั่นเทาค่อยๆยื่นขวดน้ำให้เธอแต่อีกคนกลับหันมาชี้หน้าตัวเองด้วยความสงสัย
‘คะ?? เรียกพี่หรอคะ’
‘ฉันชอบพี่มาก เอ่อ…ฉันชอบรอยยิ้มของพี่มากๆและเอ่อ….มันทำให้ฉันตกหลุมรักพี่…ดะ ได้โปรดคบกับฉันได้มั้ยคะ!!!’
‘เอ๋??’
นั่นคือคำสารภาพรักที่ไม่มีใครตั้งตัวและเป็นครั้งแรกที่ฉันคุยกับเธอ
ใบหน้าของเธอดูงงมากประหลาดใจกับสิ่งที่ฉันพูดออกไป พี่ทิฟฟานี่ยืนเลิกคิ้วมองยืนนิ่งไม่ขยับ หัวใจของฉันก็เต้นแรงจนทุกอย่างหยุดหมุนไปหมด ฉันตะโกนเสียงดังมาจนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกัน น่าอาย น่าอายชะมัดเลย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าฉันคงถูกปฏิเสธและก็ต้องกลับไปนอนช้ำบนเตียงเหมือนเดิม
เธอจะตอบตกลงได้อย่างไงกันก็เราไม่เคยคุยกันเลย เธอจะจำหน้าคนที่แกล้งเดินสวนกันบ่อยๆได้หรือเปล่า เธอจะรู้มั้ยว่าฉันเคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับเธอก่อนเข้ามหา’ลัย เธอจะเข้าใจหรือเปล่าว่าฉัน….ชอบเธอมากแค่ไหน
ฉันพยายามปลอบใจตัวเองหลายอย่าง ถ้อยคำด่าทอตัวเองนับสิบแล่นผ่านแกนสมองน้อยๆของฉันเป็นสายน้ำ
อย่าเสียใจไปเลยนักรบยังต้องตายในสนามรบ ฉันเองก็คงต้องตายในสนามรักเหมือนกัน อย่างน้อยก็พูดออกไปแล้ว พูดออกไปแล้วว่าคิดอย่างไงกับเธอถึงมันจะห่วยโครตก็เถอะ
ไอ้คิม แทยอน!! แกคงทำให้รุ่นพี่เขากลัวไปตะโกนใส่เธอแบบนั้นได้อย่างไงกัน แหกปากตะโกนดังลั่นทั่วสนามเขามองหัวเราะเยาะกันเอาไปนินทาต่อสนุกปากแม่ค้าเลยล่ะสิ ไอ้หน้าโง่เอ้ย!!
‘ขวดน้ำนี่ให้พี่หรอคะ’
‘อะ อะ อื้อ’
‘ขอบคุณนะ เธอ…..’
‘คะ คิม คิม แทยอน ฉันเด็กปีหนึ่งคณะศิลปศาสตร์ชื่อ คิม แทยอน’
…แนะนำตัวขนาดนี้ฉันควรให้เบอร์ไปเลยดีมั้ย โถ่!!…
‘เมื่อกี้ที่เธอบอกว่าชอบพี่ เธอพูดจริงหรือเปล่า’
‘จริงที่สุดนั่นคือความรู้สึกของ ฉะ ฉันคือว่า เอ่อ ถ้าพี่ไม่…..’
ตอนนี้ฉันอยากวิ่งเอาหัวโขกเสาแป้นบาสจริงๆ อยากฝังตัวเองใต้แท่นปูนไม่ต้องผุดต้องเกิดกันอีกเลย ใบหน้าฉันร้อนผ่าวเขินอายยิ่งกว่าก้าวลงจากรถแล้วสะดุดหน้าแหกกลางป้ายรถเมล์
‘คือ ฉะ ฉันขอโทษที่….’
‘อืม ตกลง ลองคบดูก็ไม่เห็นเสียหายเลยเนอะแทยอน’ ทิฟฟานี่ยิ้มตาปิดโค้งแก้มฟูรับขวดน้ำตากมือแทยอน ‘ขอบคุณสำหรับน้ำดื่มเย็นๆนะ ฉันคอแห้งพอดีเลย’
‘เฮ้ย!! ทิฟฟานี่แกตกลงคบกับน้องปีหนึ่งทั้งที่ยังไม่รู้จักกันเลยเนี้ยนะ!!’
‘ฟานี่เธอจะบ้าหรอ’
‘นั่นน้องปีหนึ่งนะฟานี่เธออย่าไปแกล้งน้องเลย’
‘เด็กคนนี้บ้าชะมัดเลยคิดอะไรของเขานะ ฮ่าๆๆๆ’
ใช่เธอบ้าไปแล้วแน่ๆ เสียงเพื่อนในกลุ่มแทรกขึ้นมาด้วยความประหลาดใจไม่ต่างอะไรกับคนที่ยืนม้วนอายตรงหน้า เธอพูดออกมาแบบนั้นง่ายๆ กำลังคิดอะไรอยู่นะ ฉันไม่รู้เลย ไม่รู้อะไรสักอย่างภายใต้รอยยิ้มหวานตาปิดนั่นนอกจากความรู้สึกดีใจสุดๆไปเลย
‘อย่าแกล้งน้องแบบนั้นสิพวกเธอ ไม่รู้จักก็ทำความรู้จักกันสิไม่เห็นจะแปลกเลย’
‘พะ พี่ฟานี่’
‘แทยอนก็น่ารักดี ถ้าพี่จะคบด้วยก็คงไม่มีใครว่าอะไรหรอกเนอะ’
‘เอ่อ…เอ่อ….จะ จริงหรอ พี่พูดจริงๆหรอ’
‘อื้ม หน้าพี่เหมือนคนชอบล้อเล่นหรอคะ’
‘คะ คือ เปล่าแทไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น’
‘แล้วนี่แทยอนกวาดพื้นเสร็จหรือยัง เราไปนั่งกินไอติมหน้า ม. กัน’
‘พี่….’
‘เราจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นไง’
พระเจ้า!! นี่ไม่ใช่ความฝัน!!! นี่เป็นความจริง!!!!!!!!!!!
ฉันขอคบกับรุ่นพี่ทิฟฟานี่และเธอก็ตอบตกลงแถมชวนไปกินไอติมด้วย ฉันดีใจจนแทบอยากกระโดดแล้วตะโกนให้คนทั้งมหา’ลัยรู้ว่า ฉันนี่แหละคิม แทยอน คนตัวเล็กแสนธรรมดาที่รุ่นพี่ตอบตกลงคบหาดูใจด้วย
ฉันดีใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไงแล้ว ของคุณพรมลิขิตที่ทำให้เธอตอบตกลง ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ฉันกล้าบอกความรู้สึกของตัวเองวันนี้
หลังจากนั้นมาเราก็ทำความรู้จักและเริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ เราใช้เวลาส่วนมากอยู่ด้วยกันไปกินข้าว ช้อปปิ้ง เดินเล่น ซื้อของหรือแม้แต่ไปเรียนในตอนเช้ารุ่นพี่ทิฟฟานี่ก็จะแวะมารับฉันทุกวัน จากวันเป็นเดือนผ่านพ้นไปกลายเป็นความรู้สึกผูกพันมากขึ้น ฉันเริ่มมีความกล้ามากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยแต่ก็แค่บางเรื่อง
ฉันแทบไม่อยากเชื่อตัวเองเลยว่าจะมีวันที่เราได้คบกันแบบนี้ เพราะวันที่ฟ้าเป็นใจให้ฉันมีความกล้าบอกความรู้สึกตัวเองในวันนั้น….ฉันถึงได้มีแฟนในวันนี้…
จากแค่เริ่มดูใจกันไปก่อนนานวันเข้าความรู้สึกดีๆมากมายก็เปลี่ยนเป็นความรัก รุ่นพี่ทิฟฟานี่เปิดเผยความสัมพันของเราต่อคนในมหา’ลัยจนกลายเป็นอิจฉาฉันไปหมด เราสองคนไม่มีอะไรปิดบังกัน บ้างก็ว่าฉันทำบุญด้วยอะไรถึงได้สาวสวยทรงเสน่ห์ของมหา’ลัยไปครองคนเดียว ฉันก็อยากถามตัวเองเหมือนกันแหละฉันทำบุญด้วยอะไรถึงโชคดีขนาดนี้
‘เตงเค้าเลิกเรียนเย็นนะเตงรอเค้าได้หรือเปล่า’
‘อืม ได้สิเดี๋ยวแทนั่งรอใต้ตึกคณะนะ’
‘ห้ามแอบเหล่สาวคณะเค้านะแทยอน’
‘โถ่ มีอยู่ตรงนี้ทั้งคนจะไปมองที่ไหนอีกล่ะ’
‘ไม่รู้แหละ ถ้าเตงมองใครเค้าจะจิ้มตาบอดเลย’
สรรพนามของเราเปลี่ยนไปจาก ‘ฉันกับเธอ’ เป็น ‘เค้ากับเตง’ มันก็ฟังดูน่ารักดีนะ คนเป็นแฟนกันที่ไหนเขาก็พูดแบบนี้กันใช่มั้ยล่ะ แต่ก็พี่ทิฟฟานี่คนเดียวที่พูดแบบนี้กับฉัน เธอน่ารักมากเลยใช่มั้ย แน่สิเธอน่ารักที่สุดเลย
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีกว่าที่เราคบกันอะไรๆมันดีขึ้นจากเมื่อก่อนหลายเท่า ความสัมพันของเราไม่มีอะไรซับซ้อนมันก็เรื่อยๆ ทั่วไปไม่มีอะไรแปลกใหม่ เราตกลงกันว่าจะย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดเดียวกันเพื่อความสะดวกอะไรหลายๆอย่าง และอยู่ด้วยกันเหมือนคู่รักอื่นๆ ไม่สิ….มันไม่เหมือนคู่รักอื่นๆหรอก
เพราะฉันไม่เคยแตะต้องตัวรุ่นพี่ทิฟฟานี่เลย ไม่เคยแม้แต่จูบหรือหอมแก้มกัน เราไม่เคยมีอะไรกัน ไม่เคยร่วมรักหรืออะไรสักอย่าง ไม่มีสักครั้งหนึ่งปีเต็มๆ ที่เราอยู่กันแบบนี้ มากที่สุดก็แค่…นอนกอดกันถึงจะมีโอกาสมากมายแต่ฉัน…ก็ไม่เคยกล้าทำอะไรมากไปกว่านั้น
ฉัน…..ไม่กล้าทำให้เธอบุบสลายเหมือนในฝันหรอก…ถึงลึกลงไปในจิตใต้สำนึกของตัวเองมันอยากย่ำยีเธอแทบบ้าก็เถอะ นี่ฉันพูดอะไรออกไปเนี้ย!!
นั้นคือเรื่องราวส่วนหนึ่งของฉันกับเธอ รุ่นพี่ทิฟฟานี่สาวสวยที่ฉันแอบชอบมาแสนนาน จากคนที่ไม่เคยรู้จักชื่อของฉันเลย….กลายเป็นแฟนกันไปแล้วในวันนี้
.
.
.
บีเอ็มคันหรูจอดเทียบหน้าตึกคณะของทิฟฟานี่ก่อนเพราะตึกของแทยอนอยู่เข้าไปอีกหน่อย แต่คนขับรถเลือกจะจอดตรงนี้เพราะไม่อยากให้ใครมองว่าเกาะทิฟฟานี่กินแล้วได้ขับรถหรูๆแบบนี้เท่าไหร่นัก แค่นี้ก็ถูกคนบางกลุ่มแอนตี้อย่างกับดารานักร้องดังๆมากพอแล้ว
ตัวเล็กคว้าหนังสือวางหน้าตักก่อนจะหันไปมองแฟนสาวข้างกาย เสื้อนั่นมันจะบางอะไรนักหนาก็ไม่รู้ แค่เปิดไหล่ข้างหนึ่งก็เกินพอแล้วไม่ต้องมองเลยว่าเธอใส่กระโปรงตัวจิ๋วมาเรียนจนไม่ต้องคิดเลยว่า ถ้าหากเธอก้มผิดท่าไอ้เครื่องในนั่นจะมีสีอะไรโผล่ออกมาบ้าง ขนาดฉันเป็นแฟนยังไม่รู้เลยว่าเธอใส่สีอะไร
เข้าใจหรอกว่ามันดูเซ็กซี่ในแบบของเธอแต่….พี่ลืมไปหรือเปล่าว่ามีแฟนแล้วนะ จะใส่มาให้ใครดูกันเชอะ!!
“แทว่าพี่ฟานี่เอาเสื้อคลุมไปด้วยดีกว่านะ เอ่อ….มันดูโป๊ไปหน่อย”
“ทำไม หึงเค้าหรอ”
“ปะ เปล่า”
“เค้าก็อุส่าห์คิดว่าเตงจะหึงเค้า” ทิฟฟานี่โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เท้าแขนกับเรียวขาฝั่งคนขับในระยะห่างเพียงไม่กี่คืบ สัญญาณเตือนภัยในสมองตัวเล็กดังขึ้นจนหูอื้อเหมือนต้องมนต์สะกดให้สบตานั้นไม่ขยับ “ซักนิดก็ไม่เลยหรอ”
“เอ่อ เอ่อคือ…..”
“หืม?”
ตึกตัก!! ตึกตัก!!
…หึงสิ แทหึงมากด้วยล่ะที่พี่แต่งตัวแบบนี้…
เข้าใจว่านาทีนี้ต้องมองหน้าแต่สายตาคนตัวเล็กกลับมอง…. ‘หน้าอก’ มันก็หน้าเหมือนกันแหละแต่ไอ้ที่เบียดกันใต้เสื้อคอกว้างกับบลาสีแดงสดตรงนั้นใครบ้างจะไม่มอง….เนินเนื้อขาวผ่องกลมเนินน่าสัมผัส ความรู้สึกในฝันแล่นแผ่นสมองจนหายใจไม่ทั่วท้อง เร่งปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกายให้ทำงานอย่างหนัก
ฉันเองก็อยากจะลอง…. ‘จับ’ เหมือนกันมันจะรู้สึกอย่างไงนะ……หน้าอกของแฟนตัวเองเนี้ย
ในระยะห่างเพียงไม่เท่าไหร่เริ่มลดเหลือน้อยลง….ทิฟฟานี่ขยับเลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่ลูบไล้หน้าขาแทยอนอย่างแผ่วเบา เกี่ยวปลายนิ้วบนขอบรอบกางเกงใต้เสื้อยืดสีอ่อนสะกินข้างเอวจนเผลอกลั้นหายใจ กำพวงมาลัยรถแน่นข่มอารมณ์ร้อนในอก
ตึกตัก!! ตึกตัก!! หัวใจเต้นหนักหน่วงขึ้นเมื่อลมหายใจแฟนสาวสัมผัสอุ่นปลายคาง ใบหน้าขาวสะอาดแดงก่ำ มือไม้เริ่มสั่นทำอะไรไม่ถูก ตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ไร้วิญญาณ ตอนนี้เราห่างกันเท่าไหร่…ไม่ถึงสองนิ้วเลยมั้งปากของเราก็จะจูบกันอยู่แล้ว ถ้าเราจูบกันก็คงไม่มีใครเห็นหรอกกระจกรถทึบแถมบริเวณนี้ก็ไม่มีใครอยู่ด้วย
กลิ่นน้ำหอมเธอยั่วยวนเสียเหลือเกิน นี่มันน้ำหอมหรือสารกระตุ้นฟีโรโมนกันนะ…..ฉันจะทำอย่างไงดี!!!
“ไม่หึงก็ได้” ทิฟฟานี่ผละออกจากคนรัก กอดอกทำหน้าบูดเหมือนเด็กไม่มีผิด “เค้าก็ไม่อยากบังคับเตง ถ้าเตงไม่รู้สึกแบบนั้น”
“อะ เอ่อ เปล่าแทหวงพี่ต่างหาก หวงมากอยากให้ใส่เสื้อคลุม”
“จริงหรอ”
“อืม แทไม่อยากให้ใครมองแฟนของแทนี่นา”
“งั้นเค้าใส่เสื้อคลุมก็ได้”
หญิงสาวหันหน้ามายิ้มหวานให้กับคนรักทำเอาอีกคนถึงกับโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก จะเรียกว่า ‘อด’ ก็คงไม่ได้หรอกมั้ง เราไม่เคยจูบกันเลยนี่นา…. ตัวเล็กหยิบเสื้อคลุมสวมให้เธอหลังลงจากรถเดินไปส่งทิฟฟานี่หน้าห้องเรียนพร้อมกัน อย่างน้อยก็มีเสื้อคลุมทับไม่ให้ใครเห็นเรือนร่างแสนหวงแหนนั้นแหละนะ นี่ฉันคงไม่หวงจนออกนอกหน้าไปหรอกนะก็เธอสวยขนาดนั้นนี่
“วันนี้เตงเรียนร่วมกับคณะอื่นห้ามแอบเหล่สาวนะแทยอน”
“แทไม่ได้ตาเหล่สักหน่อย”
“เค้าก็หวงเตงเหมือนกันนะรู้มั้ยคะ” มือบางหยิกแก้มคนรักหยอกล้อ หัวเราะคิกคักอารมณ์ดี “เตงเป็นแฟนเค้านะแทยอน”
“แทจะปิดตาไม่มองใครเลยนอกจากอาจารย์”
“ทำให้ได้อย่างที่ปากพูดแล้วกัน”
“ย๊า!! หยิกแก้มแททำมายยย”
“ฮ่ะๆๆ”
…ฉันจะมองใครได้ล่ะ มีแฟนน่ารักขนาดนี้แล้วทั้งคน…
“คู่รักประจำมหา’ลัยนี่หวานแต่เช้าเลยนะ” ร่างสูงโปร่งเดินกอดอกตามหลังมาขณะทั้งคู่ยืนอยู่หน้าห้องเรียน “มดตายทั้งรังแล้วคะแบบเนี้ย”
“เจสมาแต่เช้าเลย”
“ถ้าวันนี้ไม่สอบก็คงไม่มาเช้าหรอก ง่วงชะมัดเลย”
“ขี้เซาไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“ก็มันง่วงนี่นา”
เธอชื่อ ‘เจสสิก้า จอง’ หลานสาวผู้อำนวยการมหา’ลัยโซล เห็นนิ่งๆ มาเรียนสายแบบนี้บ่อยๆ แต่ผลสอบเข้ามหา’ลัยของเธอติดลำดับหนึ่งของประเทศ การเรียนก็อยู่ระดับท็อปของมหา’ลัยอีกต่างหาก เธออยู่คณะเดียวกันและเป็นเพื่อนสนิทของพี่ทิฟฟานี่ด้วย เธอสวยมากจนแทบหยุดหายใจได้เลยตอนทั้งคู่อยู่ข้างกัน
ฉันเหมือนเป็นมนุษย์ธรรมดาในกลุ่มนางฟ้าของมหา’ลัยไปแล้ว
“กลัวหลงห้องหรือไงถึงต้องมาส่งกันแบบเนี้ย”
“ฉันเป็นแฟนกันก็ต้องมาส่งกันสิ ไม่เห็นจะแปลกเลย”
“ฉันก็อยากมีแฟนแบบนี้บ้างจัง” ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์โอบรอบคอแทยอนจากทางด้านหลังเบียดแก้มจนแทบสนิท “ตัวเล็กๆ ขาวๆ นุ่มๆ แบบเนี้ยเห็นแล้วอยากขย่ำชะมัด”
“เหวอออ”
“เจสสิก้าปล่อยเลยนะ!!”
“ขี้หวงชะมัดเลย”
“หวงสิ นี่แฟนฉันนะ”
“ก็ได้ๆ แค่แกล้งเล่นๆน่ะเนอะแทยอน”
ทิฟฟานี่นิ่วหน้าดึงร่างคนรักเข้ามาหาตัวเอง เช็ดแก้มตัวเล็กจนเนื้อนุ่มแทบหลุดคามือ หญิงสาวแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด จะให้พอใจได้อย่างไรกันก็แฟนตัวเองถูกกอดแถมเบียดเสียดแก้มถูไถกับเพื่อนสนิทแบบนั้น ยิ่งเห็นแทยอนไม่ขยับหนีขืนตัวแล้วล่ะก็อยากจะบีบจมูกให้แดงก่อนไปเรียนยิ่งนักเชียว รู้ว่าเจสสิก้าแหย่เล่นแต่สำหรับเธอก็หวงคนรักไม่แพ้ใครเหมือนกัน
“อะ อืม” แทยอนพยักหน้าพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู “งั้นเดี๋ยวแทไปเรียนก่อนนะเดี๋ยวอาจารย์ก็เข้าแล้ว”
“อืม แล้วเจอกันหลังเลิกเรียนนะคะ”
ทั้งสองโบกไม้โบกมือลาเดินแยกกันไปเรียนหนังสือตามปกติ ตัวเล็กได้แต่ยืนอมยิ้มแก้มปริกอดหนังสือไปตึกคณะตัวเองอีกด้านหนึ่ง วันแรกการเปิดภาคเรียนมันช่างมีความสุขอะไรแบบนี้
…แฟนของฉันน่ารักที่สุดในโลกเลย…
--------------------------------------------------
ในที่สุดแทยอนก็เดินมาถึงตึกคณะตัวเองแต่ยังไม่ทันก้าวเข้าห้องเรียน ร่างเล็กก็ถูกกระชากดึงเข้าไปด้านในจนตัวแทบปลิวลอยตามแรงดึงนั้น เงาบางผลักแทยอนนั่งลงโต๊ะมุมห้องยืนค้ำเงาดำทาบทับตัวเล็กจนหน้าเจื่อน จ้องมองไม่กระพริบราวกับตำรวจกำลังสอบปากคำผู้ต้องหา
นั่นคือ ‘อิม ยุนอา’ เพื่อนสนิทของฉันเรารู้จักกันตอนรับน้องปีหนึ่ง คนเดียวที่ไว้ใจและสามารถคุยได้ทุกเรื่อง เป็นคนค่อนข้างรักสนุกและประสบการณ์โชกโชนมากทีเดียว เห็นมีสาวคณะอื่นมาแนะนำตัวเมื่ออาทิตย์ก่อนไม่กี่วันต่อมาก็เลิกกันเสียแล้ว
“ยะ ยุนอาตกใจหมดเลย”
“แทยอนเป็นไงบ้างเมื่อคืนนี้อะผลเป็นไง *A B C ว่ะ”
“เป็นอย่างไงอะไรหรอ”
“ก็เรื่องนั้นไง แผนน่ะ แผนที่เราวางไว้ไง”
“เอ่อ….กะ ก็… ก็ฉันไม่….”
โชคดีที่ในห้องยังไม่มีใครมา มีเพียงสองเพื่อนสนิทนั่งอยู่ในห้องสโลปขนาดใหญ่เท่านั้น ตัวเล็กลุกขึ้นนั่งในท่าปกติเล่าเรื่องเหตุการณ์เมื่อคืนให้เพื่อนสนิทฟังทั้งหมด
.
.
.
เมื่อวานนี้…..
‘นี่ไงแทยอน เปิดหนังเรื่องนี้แล้วรับรองแผนสำเร็จแน่’
‘แค่ดูหนังหรอ มันจะได้ผลหรอยุนอา’
‘นี่หนังเรื่อง ศึกรักเตียงหัก เรื่องนี้แจ่มมากเลยนะเว้ย รับรอง…เสร็จแน่ๆ’
ยุนอายกนิ้วให้ความมั่นใจเต็มร้อยกับแผนที่วางไว้ให้หนังรักโรแมนติกเรื่องหนึ่งมาดูกับพี่ทิฟฟานี่สองคนเพื่อสร้างบรรยากาศ ก่อนขึ้นเตียงเริ่มบทรักอะไรนั่น ‘แผนเผด็จศึกกลางเตียง’ คือชื่อที่ยุนอาตั้งขึ้นมา เพื่อให้ได้เสร็จกิจอย่างที่ว่านั้นแหละ ยุนอาเป็นเพื่อนคนเดียวที่รู้เรื่องนี้
…ลองหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไรมั้ง…
เมื่อกลับไปถึงบ้านก็เปิดดูหลังจากอาบน้ำเตรียมนอน มันเป็นหนังรักเรทอาร์ชวนขนลุกนาทีแรกเปิดมาก็มีเสียงโอ๊ยอ๊ายอะไรไม่รู้ทั้งที่ภาพยังไม่เปิดด้วยซ้ำ พระนางนอนนัวกันบนเตียงเห็นโน้นนี่ทะลุจอไปหมด มันได้อารมณ์มากทีเดียวแต่….พี่ทิฟฟานี่กลับนั่งดูหน้าตาเฉยมากราวกับไม่รู้สึกอะไรกับมัน หรือเธออาจจะดูหนังแบบนี้บ่อยนะ ได้ข่าวว่าเธอเป็นแฟนหนังแนวนี้อยู่ด้วยนี่นา
‘จำไว้นะแทยอน พอถึงฉากอย่างว่าแกก็กอดพี่ฟานี่เลยที่เหลือก็ปล่อยไปตามบรรยากาศ’
คนตัวเล็กนึกคำพูดของยุนอาพลางหันไปมองคนรักข้างกาย ขยับเบียดเข้าไปใกล้จนตัวติดกันหัวใจเต้นตึกตักขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าแดงก่ำเหลือบมองคนรักก่อนจะค่อยๆ แกล้งทำเป็นยืดแขนโอบไหล่เธอจากด้านหลัง ชุดนอนของเธอคล้ายเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ๆ แต่มันค่อนข้างบางจนเห็นชัดเจนว่าเธอ ‘โนบรา’ คงไม่แปลกหรอกเวลานอนใครเขาใส่เสื้อในล่ะจริงมั้ง แต่มันช่าง…..มันน่าจับ น่าลูบ น่า….
‘แทยอน….เตงคะ’ เสียงหวานกระเส่าดังขึ้นอย่างแผ่วเบา เสียงเธอสั่นเหมือนอากาศหนาวกำมือแน่นหน้าตักตัวเองหันมองสบตาคนตัวเล็ก
‘อะ อะไรหรอ’
ให้ตายเถอะสายตาของเธอมันช่างเร่าร้อนเซ็กซี่ดีเหลือเกิน ไม่ต่างจากนางเอกในหนังรักโรแมนติกตอนกอดฟัดกับพระเอกบนเตียงไม่มีผิด เรียวปากอวบอิ่มขบเม้มกันริมฝีปากล่างเย้ายวนชวนเคลิ้มอย่างคำแนะนำของยุนอาไม่มีผิดเพี้ยน มือเราสอคนกุมมือกันไม่ปล่อยเธอคงรู้สึกได้มั้งว่าฉันกำลังสั่น….และสั่นไปทั้งตัวด้วย
‘หนาวจังเลย กอดเค้าหน่อยได้มั้ย’
…มันเริ่มแล้วสินะ ไอ้ที่ยุนอาบอกมันมาแล้ววุ้ย!!!…
‘กอดแน่นๆหน่อยสิ เค้าหนาวมากเลยอยากให้เตงกอดแน่นๆ’
‘จะให้แทเบาแอร์ให้มั้ย’
‘…..ไม่ต้องหรอกแบบนี้แหละดีแล้ว’
‘อะ อืม’
‘หนังกำลังสนุกเลยเนอะ แต่อากาศหนาวไปหน่อย’
ว่าแล้วก็กระชับวงแขนโอบกอดร่างบางแนบชิดขึ้น ลำแขนเฉียดหน้าอกเธอจนรู้สึกได้ถึงความนุ่มอุ่นข้างในทิฟฟานี่โนมหัวซบไหล่แทยอนจนไออุ่นลมหายใจสัมผัสต้นคอ ไม่นานหนังรักก็เริ่มบทรักสวาทเรทอาร์อีกครั้ง เสียงร้องได้ใจจริงๆ อะไรมันจะขนาดนั้นนะ หัวใจดวงน้อยในอกสั่นสะท้าน แอบลอบมองคนรักอยู่หลายต่อหลายครั้ง
ถึงจะอาบน้ำแล้วแต่กลิ่นแชมพูกับครีมอาบน้ำอ่อนๆ ติดตัวเธอมันช่างเย้ายวนจริงๆเลย
ทั้งคู่ห่างกันเพียงไม่กี่คืบ ไอ้ที่หนาวมันก็หนาวจริงๆ ไม่รู้เลยว่าที่หนาวมันเพราะแอร์ตัวใหม่ในห้องหรือเพราะหนังเรื่องที่เรากำลังดูอยู่นะถึงได้ทำให้จิตใจของฉันดูวุ่นวายขนาดนี้ หนังดำเนินไปเรื่อยฉากวาบหวิวก็ค่อยๆหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆเช่นกันกระทั่งหนังจบลงด้วยฉากเลิฟซีนแสนหวาน เราก็เข้าห้องนอน
‘ไว้เราดูหนังด้วยกันอีกเนอะ’ ทิฟฟานี่ยืดตัวเกาะไหล่แทยอนประทับจูบหวานข้างแก้มคนรัก นอนอยู่กลางหน้าอกแทยอนเกลี่ยวนนิ้วข้างสันกรามคมอมยิ้มจ้องหน้าไม่กระพริบ ‘เค้าว่าสนุกดีนะ ถึงจะเป็นหนังเรทไปหน่อย’
‘อะ อืม สนุกดีถ้าพี่ฟานี่ชอบ….’
‘เค้าชอบ ชอบมากเลยล่ะ……’
‘เอ่อ…คือ….’
‘หืม?’ หญิงสาวได้บนก้มหน้าลงเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เบียดหน้าอกกลมนุ่มจนสัมผัสได้ถึงเนินเนื้อด้านในแม้จะมีเสื้อตัวบางขวางไว้อยู่ มันเหมือนมีอะไรเป็นตุ่มแข็งๆ เสียดสีกับตัวเองไอ้ตรงนั้นมันคือ…..มืออีกข้างยังลูบพวงแก้มปลั่งแทยอนไม่วาง ในระยะที่ใบหน้าห่างกันเพียงลมหายใจ
ตัวเล็กกลืนน้ำลายฝืนคอ น้ำเสียงแหบพร่าหายไปราวกับคนเป็นไข้ ในขณะริมฝีปากอวบอิ่มของอีกคนขยับเคลื่อนเข้ามาใกล้จนแตะปลายคางอีกครั้ง เหมือนคำสาปร้ายสาดใส่คนนอนนิ่งให้แข็งทื่อเกร็งเป็นท่อนไม้ ตาลายโลกหมุนไปหมด เหลือบมองต่ำกระดุมเสื้อชุดนอนเม็ดบนสุดท้ายของพี่ทิฟฟานี่ก็หลุดลุ้ย เปิดกว้างจนเห็น…..
….หนองโพ!!!!…
ตึกตัก!!! ตึกตัก!!! ตึกตัก!!!!!!!!
…ตะ ตาลายชะมัดเลยมัน มันเป็นหนองโพที่!!…
…พระเจ้า!! ฉันจะตายมั้ยเนี้ย!!...
‘เตง เตงเป็นอะไรคะ’
‘ปะ เปล่าเสื้อพี่ เอ่อ เสื้อมันหลุดเดี๋ยวใส่ให้นะ’ ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปติดกระดุมเสื้อชุดนอนให้แฟนสาวทันที ‘นะ นอนเถอะพรุ่งนี้เราต้องไปเรียนแต่เช้า’
‘…..อืม ฝันดีนะคะที่รัก’
‘ฝันดี แทรักพี่ฟานี่นะคะ’
ฉันอายจนหน้าแดงเรืองแสงในความมืดได้แล้วมั้ง ความเงียบอาจทำให้พี่ทิฟฟานี่ได้ยินเสียงหัวใจของฉันก็ได้ ตัวเล็กขยับกางแขนออกให้เธอนอนหนุนแทนหมอนกอดร่างบางในอ้อมอก ขบเม้มเลียริมฝีปากตัวเองพยายามนึกถึงคำพูดของยุนอาอีกครั้งตั้งสติให้มั่น กว่าจะทำใจกล้าเผด็จศึกได้พี่ทิฟฟานี่ก็นอนหลับไปแล้ว….
คืนนั้นก็คงแค่…..หอมแก้มอีกต่างเคยเฉกเช่นปกติ
ใช่แล้วมันปกติทุกอย่างนั่นแหละ มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ไม่มีอะไรอย่างที่คิดเลยสักอย่างเพราะ ‘เราไม่ได้ทำอะไรกันเลย’ ฉันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาข่มตาให้หลับจิตใจก็ว้าวุ่นจ้องใบหน้าพี่ทิฟฟานี่อยู่แบบนั้นกว่าจะหลับตาลงได้ก็เกือบเช้า
.
.
.
นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันฝันประหลาดบ้าบอนั่นก็ได้
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ”
“อะไรกันนี่แกยังไม่เคลมพี่ฟานี่อีกหรอ!!!!” ยุนอาตะโกนลั่นเสียงดัง เขย่าร่างตัวเล็กหัวสั่นเป็นตุ๊กตา “แกคบกันมาเป็นปีแล้วนะเว้ยแทยอน นี่แกยังไม่เคยแม้แต่จูบพี่ฟานี่เลยสักครั้งบ้าไปแล้ว!!”
“ฉะ ฉัน”
“พี่ฟานี่ออกจะสวยเซ็กซี่ขนาดนั้น อีกอย่างแกกินนอนอยู่ด้วยกันทุกวันนะไอ้แทยอน แกปล่อยให้โอกาสดีๆแบบนี้หลุดมือไปได้อย่างไงกัน!!”
“หนังมันไม่สนุกนี่หว่า”
“อย่ามาพูดเลย หนังเรื่อยนี้ใครดูก็เสร็จทุกรายแต่แก อ๊ากก!! ฉันจะพูดไงดีเนี้ย”
ยุนอาโวยวายเสียงดังอยากจะเขกกะโหลกเพื่อนตัวดีเสียเหลือเกิน บรรยากาศคู่รักดูหนังรักโรแมนติกเรทอาร์แบบนั้นไม่มีใครปล่อยให้หลุดมือไปหรอก ไม่อยากจะเชื่อว่าแทยอนทำมันหายไปจนได้ โลกนี้มีใครซื่อบื่อมากกว่านี้หรือเปล่านะ มีคนสวยเซ็กซี่ที่ใครก็อิจฉาเป็นแฟนแต่กลับไม่ทำอะไรเธอเลยเป็นปี ไม่เคยมีอะไรกันยังพอทน แต่นี่จูบก็ไม่เคย แทยอนทำด้วยอะไรนะถึงได้แข็งแกร่งแบบนี้
“มากสุดแกทำอะไรกันตอนอยู่สองคนบอกฉันสิแทยอน”
“หอมแก้มก่อนนอนแค่นั้นแหละ”
“อะไรนะแค่หอมแก้ม!!”
“คือฉัน ฉัน ไม่กล้าแล้วก็ ก็ ทะ ทำ คือ ฉันทำ xxx ….ไม่เป็น”
“ทำไม่เป็น!! ฮ่ะๆๆๆ ไอ้ไก่อ่อนเอ๊ย!!”
“ก็ฉันไม่เคยทำ xxx นี่หว่า”
แน่สิ ตั้งแต่เกิดมาจากท้องแม่ไม่เคยมีแฟนแถมยังไม่เคยมีอะไรกับใครเลยสักครั้ง ฉันเนี้ยซิงทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยล่ะ ยกเว้นแก้มที่ถูกพี่เจสสิก้าจูบทุกวัน แทยอนตอบเสียงขาดหายหน้าแดงก่ำเขินอายไม่กล้าพูดเต็มเสียงพร้อมกำก้มมองมือตัวเองหน้าตัก
“พระเจ้าสร้างแกมาสมบูรณ์แบบทุกอย่างแต่ลืมใส่โหมดเซ็กส์ในสมองแกหรือไงเนี้ย”
“ฉันไม่รู้…ฉันไม่กล้าทำอะไรนี่นา”
“มันต้องกล้าแล้วแทยอน แกคบพี่ผู้หญิงที่สวยเลิศของมหา’ลัย แต่แก็ไม่ยอมเคลมเธอแกทนได้ไงว่ะ”
“มัน มันคงไม่จำเป็นหรอกมั้งไอ้เรื่องแบบเนี้ย”
“โอ๊ย!! แทยอนไอ้ซื่อบื่อ นี่มันชีวิตจริงนะเว้ยไม่ใช่นิยายเรื่องนี้มันสำคัญนะ” ยุนอานั่งตรงข้างแทยอนอธิบายน้ำเสียงอ่อนใจกับความซื่อบื่อของเพื่อนตัวเอง “แกลองคิดดูสิ ถ้าแกไม่เคลมพี่ฟานี่จะเป็นไง”
“เป็นไง”
“เธออาจจะคิดไม่เซ็กซี่พอ หรืออาจจะคิดว่าแกเบื่อ ผู้หญิงอะนอกใจเราเพราะเรื่องแบบนี้ได้นะแทยอน ไม่มีใครอยู่กินด้วยกันแล้วก็นอนโดยไม่มีเซ็กส์กันหรอก”
“แล้วฉัน….ต้องทำอย่างไง”
แค่ได้ยินว่า ‘นอกใจ’ ตัวเล็กถึงกับหูผึ่งหวั่นใจกับเหตุผลที่ยุนอายกขึ้นมาเป็นประเด็น มันก็จริงนั่นแหละ คบกันมาตั้งนานไม่เคยทำอะไรได้มากกว่ากอดหรือหอมแก้มกันเลยแบบนี้….พี่ฟานี่อาจจะนอกใจไปหาคนอื่นก็ได้…
“เคลมพี่ฟานี่ซะ แกต้องจัดการเธอต้องมีอะไรกับพี่ทิฟฟานี่ให้ได้” รอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์เผยบนใบหน้าเฉียบคมของยุนอาก่อนพูดต่อ “เดี๋ยวฉันจะทำ How to Some ให้แกดูเอง”
“ซัม ?”
“ใช่จะฉันจะสอนให้แกซั่มแบบซัมๆ รับรองพี่ฟานี่ถูกแกเคลมแน่ๆเพื่อน”
…จะไปรอดมั้ยเนี้ย…
ติ๊ง!!
xolovestephi : ตั้งใจเรียนนะคะที่รัก อยากไปกินหม้อไฟเร็วๆจัง
taeyeon_ss : พี่ฟานี่ก็เหมือนกันนะ
ตัวเล็กยิ้มเหยเกพยักหน้าหันไปทางอื่นไม่อยากจะนึกเลยว่าการทำอะไรแบบนั้นจะออกมารูปแบบไหน แล้วมันจะเป็นอย่างไง แค่ความกล้าพอจะจูบปากเธอยังไม่มีนับประสาอะไรกับร่วมรักกัน ในสายตาของแทยอนถึงเธอจะเซ็กซี่ดูจัดจ้านแค่ไหนก็ยังน่าเอ็นดูบอบบาง น่าปกป้อง ทะนุถนอมอยู่ดี
จะแตะต้องตัวเธอมันจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเธอก็ไม่มีท่าทีเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย…ปีกว่าที่เราคบกันมาไม่เคยแตะต้องตัวพี่ทิฟฟานี่เลย
‘เรื่องนี้มันอาจไม่สำคัญหรอกถ้าแกเพิ่งคบกัน แต่นี่มันปีกว่าแล้วไม่ทำก็คงไม่ได้แล้วแทยอน ผู้หญิงเขานอกใจเราเพราะเรื่องแบบนี้ได้นะ อาจจะหาคนที่ตอบสนองอะไรๆได้มากกว่าแกไม่กลัวหรือไงไหนบอกว่าชอบพี่ฟานี่ตั้งแต่ไฮสคูลไง มันอยู่ที่ตัวแกเองแกต้องเคลมพี่ฟานี่ แกต้อง xxx กับเธอ’
…ฉันต้องกล้าพอที่จะทำเรื่องนั้นสินะ…
“เฮ้อ….”
…ผิดหรือไงที่ฉัน xxx ไม่เป็น…
...ครั้งแรกของเราจะเป็นแบบไหนนะ...
To be continued
----------------------------------------------
- Talk -
#ฟิคsome
เด็กใหม่บอร์ดเด็กดี ฝากด้วยนะคะ ^^
แนะนำติชมกันได้นะคะ วันนี้อัดลง 1 ตอนก่อน (แบตโน๊ตบุ๊คหมดพอดี)
เดี๋ยวมาต่อให้อีกนะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น