คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2-6
ผมก้าวลงจากเตียงแล้วก็ทรุดลง ขาสั่นอย่างเห็นได้ชัด
“หึหึ”
มันหัวเราะแล้วช้อนตัวผมขึ้นอุ้มพาไปทางห้องน้ำก่อนจะวางผมลงในอ่าง
“เอ้า อาบเองนะ นี่ถ้าไม่ต้องไปเอาของ ในห้องน้ำอีกสักรอบก็ไม่เลว”
มันลูบหน้าผมก่อนจะออกไปจากห้องน้ำ แต่ไม่ปิดประตู ผมด่ามันในใจ ใช้ฝักบัวชำระคราบเหงื่อยไคล
มองไปทั่วห้องน้ำแต่ก็ยังหาทางหนีไม่ได้ ผมไม่สามารถวิ่งออกไปทั้งอย่างนี้เพราะไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีแม้แต่ผ้าเช็ดตัว อาวุธที่จะหาได้ในนี้ก็ไม่มี ผมคิดไปพลางอาบน้ำไปพลาง จนอาบเสร็จก็ยังคิดทางไม่ออกดังนั้นผมจึงเริ่มอาบน้ำอีกรอบ
“จะออกมาเองหรือว่าให้กูเข้าไปอุ้มออกมาดี”
ตอนที่กำลังจะเริ่มอาบรอบที่สามมันก็โผล่มาที่หน้าประตู คำว่าอุ้มของมันฟังมีความหมายอื่นแอบแฝง ผมจึงไม่กล้าเสี่ยง
“เอาผ้าเช็ดตัวมาสิ”
มันส่งผ้าให้ แต่ยังจ้องผมเขม็ง ผมรู้ว่าที่มันจ้องไม่ใช่ด้วยความพิศวาส แต่เพราะมันระวังไม่ให้ผมหนีต่างหาก
“ใส่นี่”
มันยื่นชุดใหม่ให้ผม ไม่รู้ว่ามันเอามาจากไหนแต่ผมก็ยอมใส่อย่างว่าง่าย คิดหลอกให้มันตายใจ รอออกไปข้างนอกห้องเมื่อไหร่มีโอกาสผมจะเผ่นทันที
“เฮ้ย! ไอ้เลว มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ”
แต่แล้วความหวังของผมก็หมดไปเมื่อมันใส่กุญแจมือผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันล็อกกุญแจไว้ที่ข้อมือผมข้างหนึ่งกับข้อมือของมันอีกข้างหนึ่ง
ผมออกมาจากโรงแรม เดินไปขึ้นรถที่จอดไว้ไม่ไกล มันยัดผมเข้าทางคนขับให้ผมข้ามเกียร์รถไปนั่งอีกฝั่ง
“บอกทางสิ”
ผมนั่งนิ่ง ไม่ยอมบอกทาง มันเลยกระตุกข้อมือที่ถูกใส่กุญแจมืออย่างแรง
“อย่าให้ต้องบังคับนะ บนรถนี่ก็ดีเหมือนกัน”
ผมเม้มปาก รู้ว่ามันไม่ได้ขู่เล่นๆ มันกล้าทำจริงแน่ สุดท้ายจึงต้องบอกทางไปที่ห้อง
“เอ้า ลงมา”
ผมลงจากรถด้วยสภาพทุลักทุเลไม่ต่างจากตอนขึ้น พามันไปบนห้องแบบไม่อิดออด ตอนอยู่บนรถมันบอกว่าถ้าได้ของคืนจะไม่จับผม ที่จริงถ้ามันบอกอย่างงี้แต่แรกผมคงไม่ปากแข็งอยู่หรอก
“อันไหนเลือกไปเลย”
ผมหยิบกล่องรองเท้ามาเปิด ข้างในมีของที่ผมฉกมาได้อยู่หลายชิ้น มันมองๆแล้วหยิบแหวนไปใส่กระเป๋ากางเกง
“เสร็จแล้วก็ปล่อยสิ”
มันไม่ทำตาม กลับส่ายหน้าแล้วดันผมเข้าห้อง
“เรามาตกลงกันหน่อย”
ผมนิ่วหน้า ยังต้องตกลงอะไรกันอีก
“ครั้งนี้มึงรอดเพราะเพื่อนกูไม่อยากเอาเรื่อง แต่ในกล่องนั้นต้องมีเจ้าของสักคนแหละที่แจ้งความไปแล้ว”
ผมยืนเงียบ มันคงจะมาลำเลิกบุญคุณงั้นสิ
“เพราะฉะนั้นกูอยากให้มึงเลิกทำซะ”
“ห๊ะ”
“เลิกทำ”
“แต่”
“ถ้าไม่เลิกเราคงได้เจอกันที่โรงพักสักวันแน่ๆ”
“ก็ได้”
ผมคิดว่ารับปากส่งๆไปก่อน แต่ดูเหมือนมันจะรู้ทัน
“ตามมา”
มันพาผมออกมาขึ้นรถอีกครั้ง ครั้งนี้พามาจอดหน้าผับแห่งหนึ่ง
“พี่สอง มาได้ไงฮะเนี่ย”
พนักงานในร้านที่นอนดูทีวีกันอยู่ทักมัน เวลานี้ยังไม่ใช่เวลางานพนักงานที่ดูเหมือนจะพักอยู่ที่นี่จึงทำอะไรตามใจในร้าน
“ไอ้สามล่ะ”
“ข้างบนครับ”
เสร็จแล้วมันก็ลากผมเดินขึ้นไปชั้นสอง ไม่ได้คิดเลยว่าผมจะอายไหมที่โดนลากไปทั้งที่ยังใส่กุญแจมืออยู่
“อือ อ๊า สามคะ”
ปังๆๆๆๆ
เสียงข้างในเล็ดลอดออกมาบอกให้รู้ว่าข้างในกำลังมีกิจกรรมร้อนแรง แต่มันไม่สนใจกลับตบประตูปังๆเสียจนผมเองยังสะดุ้ง
“ใครวะ ห่ากำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม”
ประตูถูกเปิดพรวดออกมาโดยคนที่มีเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ติดกาย ส่วนที่กำลังใช้งานตระหง่านให้เห็นรำไรใต้ผ้าผืนบาง
“อ้าว พี่สองเหรอ”
พอเห็นว่าหน้าห้องเป็นใครท่าทีเหมือนจะเอาเรื่องก็เปลี่ยน
“มึงเอาสาวมานอนอีกแล้วนะ”
“โธ่พี่สอง นิดนึงเอง”
มันส่ายหน้าคล้ายระอา ก่อนจะบ่ายหน้ามาทางผมที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ฝากเด็กทำงานคน”
คนชื่อสามหรี่ตาแล้วมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าและจากเท้าจรดหัว แล้วมาหยุดจ้องที่กุญแจมือ ขอบอกว่ากวนตีนมากจนผมอยากจะยันสักที
“เด็กพี่เหรอ”
“เออ”
“ทำตำแหน่งไรพี่”
“เรียนจบอะไรมา”
“ไม่จบ”
ผมตอบห้วนๆ ไม่อธิบายขยายความและมันก็ไม่ซักไซ้
“ให้อยู่บาร์แล้วกัน”
“ได้คร้าบ แต่ไม่มีที่นอนแล้วนะ”
“เออ พรุ่งนี้จะให้มาเริ่มงาน เท่านี้แหละ”
มันว่าเสร็จก็ดึงผมเดินลงมา ไม่สนใจแม้ว่าคนข้างหลังจะตะโกนถามมากมาย
“ตั้งแต่พรุ่งนี้มาทำงานที่นี่”
ผมต้องทำตามที่มันต้องการรึไง นี่ชีวิตผมนะ แต่ตอนนี้ผมก็ได้แต่รับปากมันไปก่อน
“กูพูดจริงๆ”
มันคงรู้สึกได้ว่าผมไม่คิดจะทำตามจึงย้ำ
“กูจะบอกให้นะว่าที่กูต้องมาตามเอาแหวนคืนไม่ใช่เพราะเพื่อนกูมันอยากได้ของคืนอย่างเดียวแต่เพราะมันจะเป็นอันตรายกับตัวมึงเอง มึงไปเหยียบเท้าขาใหญ่โดยไม่รู้ตัวแล้วรู้ไหม”
ผมนึกถึงเจ้าของแหวน คนที่มันบอกว่าเป็นเพื่อนมัน แต่ก็ยังมองไม่เห็นว่าจะดูเป็นขาใหญ่ตรงไหน
“ไม่ๆ ไม่ใช่เพื่อนกู ขาใหญ่ที่พูดถึงคือแฟนมัน คนที่ให้แหวนวงนี้กับมันต่างหาก”
ผมยังเฉยๆ ไม่ได้เชื่อที่มันพูด และมันก็คงรู้
“เอาเถอะ มึงจะไม่เชื่อก็ตามใจ เอาเป็นว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปมาทำงานที่นี่ทุกวัน ถ้าวันไหนไม่มาก็เตรียมเข้าคุกได้เลย”
สุดท้ายมันก็เลยต้องขู่ผมแบบนั้น โดนตำรวจขู่จะจับ ทั้งตำรวจคนนั้นยังรู้ที่อยู่ของผม ผมจะไม่ทำตามได้เหรอครับ
“เฮ้ย!”
ผมร้องเสียงดังเมื่อมันดึงผมเข้าไปกอด
“ไปอยู่ด้วยกันไหม”
“ประสาทเหรอ ใครจะบ้าไปวะ”
ผมตอบทันที่แบบไม่ต้องคิด ส่วนมันก็เหมือนจะเดาคำตอบของผมได้อยู่แล้วถึงได้เอาแต่หัวเราะ
“ครับๆ ไม่ไปก็ไม่ไป”
ว่าแล้วมันก็ล้วงเอาโทรศัพท์ผมออกมาจากกางเกงผมอย่างถือวิสาสะ เอาไปแล้วก็กดเบอร์ก่อนจะโทรออก
“นี่เบอร์กู”
มันว่าพร้อมเมมเบอร์ไว้ว่าพี่สอง
“มีอะไรก็โทรหาได้ แล้วกูโทรมา อย่าลืมรับล่ะ”
ผมกรอกตา ทำเป็นไม่สนใจ แต่มันก็ไม่ว่าอะไร พาผมขึ้นรถแล้วขับไปส่งที่ห้องเช่า
“ไปนะ ไว้เจอกัน”
มันดึงผมเอาไว้ก่อนลงรถแล้วหอมแก้มโดยไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัวก่อนจะผละไปอย่างรวดเร็ว
“ไอ้...”
จะด่ามันก็ด่าไม่ออกครับ คือมากกว่านี้ก็ทำกันไปแล้ว แค่นี้จะโวยวายก็ดูหนังไทยไป ผมเลยรีบเปิดประตูรถลงมาแล้วเดินขึ้นตึก ได้ยินเสียงรถมันขับออกไปก็อดแอบมองตามไม่ได้
ผมเปิดประตูเข้าห้องมาปุ๊บเสียงโทรศัพท์ก็เตือนว่ามีข้อความส่งเข้ามาพอดี
“วันนี้รีบ ไว้คราวหน้าไปหาอะไรกินด้วยกันนะครับเมีย จาก พี่สอง.... ไอ้หน้าด้าน”
ผมอ่านแล้วแทบอยากปาโทรศัพท์ทิ้ง แต่เครื่องไม่ใช่บาทสองบาท เลยได้แต่ด่าคนส่งข้อความ ทั้งที่ด่าๆๆๆ แต่ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมุมปากผมจะต้องคอยยิ้มด้วยก็ไม่รู้!
ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ
+CUT+
ความคิดเห็น