ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -SF/OS EXO-Kaisoo::Sense

    ลำดับตอนที่ #2 : Kaisoo::แอบซ่อน(๒)

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 58






     

    สวัสดีครับโด คยองซูคนเดิมกลับมาแล้ว วันนี้คยองมีเรื่องมาเล่าให้ทุกคนฟังด้วยแหละ เรื่องความรัก(ข้างเดียว)ของผมกับจงอินไง ไม่รู้มีใครรอฟังอยู่รึเปล่า ก่อนหน้านี้ 5ปีที่ผมแอบรัก มันดูนานจังเลยเนอะแต่มันก็มีความสุขนะ สำหรับผมแค่ได้มอง คอยเป็นห่วงเฝ้าดูเขาอยู่ไกลๆ แค่นั้นมันก็พอแล้วแหละจริงๆ บอกตรงๆผมไม่คาดเคยคาดหวังถึงการคบกันของเรา แม้แต่เขาจะมองเห็นผมสักครั้งไหมก็ยังไม่เคยคิด

    แต่หลังจากวันนี้เรื่องราวของเราเปลี่ยนไป มันผิดแปลกไปจาก5ปีที่ผ่านมา ระยะของเราใกล้เข้ามามากขึ้น ใช่เราได้คุยกันเป็นครั้งแรกดูเหมือนเป็นสัญญาณที่ดีใช่ไหมล่ะ มันเหมือนทุกอย่างจะเปิดทางให้เราแล้ว แต่เดี๋ยวก่อน……..อย่าคาดหวังอะไรถ้าคุณยังอ่านไม่จบ

     

     

     

     

              Rrrrrrr….

     

                เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่คนตัวเล็กเร่งปั่นงานจนคอมแทบไหม้ ตากลมเหลือบมองรายชื่อที่สว่างวาบหน้าจอ เมื่อรู้ว่าคนต่อสายเป็นใครก็กดรับทันที

               

                “ยอโบ..

     

                “ขอสายใครครับ”  อ้าวววไอ้นี้โทรมาเองแท้ๆ กวนตีนแบบนี้ก็ไม่มีใครแล้วถ้านอกจากปาร์ค ชานยอล

     

                “ มีธุระไรพูดมา อย่ากวนตีน”

     

                “โอ้ววว โหดไปอีก!! ล้อเล่นนิดเดียวเองอ่า น้อยใจจัง ฮือๆ” ดูๆดูมันดัดเสียง คิดว่าน่าสงสารมากไหม

     

                “ตุ๊ดเหรอชานยอล ดัดเสียงซะน่าขนลุก”

     

                “อ้าวๆๆหนูคยอง พูดนี้ได้ไง นี่ใคร? ปาร์ค ชานยอล เมะแมนๆ ไม่ตุ๊ดครับ!!

     

                “ถ้าโทรเรื่อยเปื่อยนี่วางนะ ไว้คุยวันหลัง ตอนนี้รีบปั่นงานก่อน”

     

    “อย่าวางนะเว้ย เย็นชาไม่เปลี่ยนจริงๆเลยคยองซู ไม่คิดจะแคร์กันเลยรึไง”

     

    ………..

     

    “เออๆ เข้าเรื่องก็ได้ อาทิตย์หน้ามีงานมีตติ้งในรุ่น….

    “บายยยยย” เพื่อนหูกางพูดไม่ทันจบคนตัวเล็กปฏิเสธทันทีคำพูดชานยอลยังเดินทางไปไม่ถึงสมองเลยด้วยซ้ำ

    “เห้ยย นี่ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ รีบปฏิเสธจังอะไรวะ”

     

    “ฉันไม่มีเวลาว่างพอนายก็รู้”  คยองซูบอกปัดไป จริงๆให้เรียกว่าข้ออ้างดีกว่า

     

                “แต่สองปีมานี่นายไม่เคยไปสักครั้งเลยนะคยอง โทรมาชวนกี่ที่ก็อ้างไม่ว่างๆตลอด ถามจริงนี่นายไปเรียนหรือไปเป็นดาราวะ คิวแน่นกว่าไอดอลเกาหลีทั้งประเทศรวมกันอีกมั้งน่ะ”

     

                “เลิกประชดเหอะน่า”

     

                “เหอะ ไม่รู้แหละ งานนี้ต้องมีนาย ถ้าไม่มานะก็ไม่ต้องมาเรียกกันว่าเพื่อน!!!! เห้ยยยนี่จริงจังขนาดนี้เลยเหรอวะ ถึงขนาดตัดเพื่อนกันขนาดนี้

     

    บอกตรงๆเลยว่าเขาไม่อยากไปงานมีตติ้งเลี้ยงรุ่นอะไรนี่เลย ถ้าถามเหตุผล ไม่รู้สิแค่ไม่อยากตอบคำถามเพื่อนๆอ่ะ มันน่าเบื่อที่ต้องมาเล่าความเป็นไปในชีวิตทุกชอตทุกฉากให้คนอื่นฟัง ไม่มีใครจำเรื่องราวจำโมเม้นต์ในชีวิตได้เป๊ะๆทุกตอนหรอกถึงจะเป็นเรื่องตัวเองก็เหอะ  

    แต่เหตุผลอีกอย่างคือกลัว ใช่! คยองซูกลัว กลัวความลับเรื่องคิมจงอินจะแตก เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ควรปิดเพื่อน แต่ก็นะเขารู้สึกผิดนี่นา ตลอดเวลาคยองซูรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพื่อนเลว เขาหักหลังชานยอลเขาชอบจงอินในขณะที่ชานยอลก็ชอบเหมือนกัน ถึงแม้ว่าหมอนั่นไม่ได้จริงจังนักก็เถอะแต่มันก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้อยู่ดี  นึกภาพไม่ออกเลยถ้าไอ้โย่งมันรู้ความลับนี้เข้ามันจะเป็นยังไง

     

     โว้ยยยยยยนี่คิดมากนะเว้ยยยย

     

     

    ……….

    “นี่ๆอย่าเงียบดิ ห้ามปฏิเสธนะเว่ย นายไม่เหลือทางเลือกแล้วนะ ฉันโทรไปบรีพแม่นายเรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆ” หา? ว่าไงนะ นี่เล่นโทรถึงแม่เลยเหรอ?

     

    “เห้ยย นี่แกเล่นถึงแม่เลยเหรอวะ มากไปแล้วนะชานยอล” ไอ้เพื่อนเวรเพราะมันรู้ไง แม่คือจุดอ่อนสุดๆของคยองซู คยองซูแคร์แม่มากที่สุด เขาไม่มีทางขัดใจแม่ได้หรอก

     

    “ไม่รู้แหละ วันศุกร์หน้าตอนทุ่มนึง รอฉันหน้าบ้านนะจ๊ะหนูคยอง อิอิ เดี๋ยวพี่ชานไปรับเอง ฮ่าๆๆ” มาอีหรอบนี้ ปฏิเสธไม่ลงครับนี่พูดเลย

     

    “เออๆ”

     

    “แค่นี้แหละ บับบายตั้งใจทำงานนะหนู อ้อ อย่าลืมแต่งตัวตามธีมล่ะ พี่ชานไปก่อนนะจ๊ะ สวัสดีราตรีสวัสดิ์”

     

    “เออๆ บายยย รีบไปเลยไป” กดวางพร้อมถอนหายใจยาวสองนาทีครึ่ง แล้วก้มหน้าปั่นงานต่อ

     

     

     

    วันงานเลี้ยงรุ่นXXโรงเรียนมัธยมโซล

     

    หน้าบ้านคยองซู

     

                ปรี๊น ปรี๊น ปรี๊น ปรี๊นนนนนนนนนน

     

                 เสียงแตรรถบีบที่กระหน่ำบีบสร้างความรำคาญให้กับคนทั้งซอยนี้ไม่ต้องถามว่าฝีมือใคร เพี้ยนประหลาดแบบนี้มีคนเดียว เออนั่นแหละ ไอ้บ้าชานยอล ชายประหลาดรุ่นลิมิเต็ดของโลก

     ไอ้เพื่อนตัวแสบนี่กระหน่ำบีบแตรรถรัวอยู่หน้าบ้านตั้งแต่ทุ่มห้านาที โว้ยยยยยยย นี่กลัวฉันเบี้ยวนัดขนาดนั้นเลยเหรอวะ ถึงไม่เต็มใจคยองก็ไม่ผิดนัดหรอกน่า แหงล่ะมันเล่นขู่ซะขนาดนั้นใครจะกล้าเบี้ยวกันวะ

     

                “โชคดีนะลูก ปาร์ตี้ให้สนุกนะลูกชาย”

                ก่อนร่างเล็กเดินออกมาจากประตูบ้านเสียงผู้เป็นแม่ตะโกนอวยพรดังมาจากในครัว เดี๋ยวนะแม่ นี่หนูจะไปงานเลี้ยงรุ่นไม่ได้ออกเดต!!

     

                คยองซูส่ายหน้าเอือมๆแล้วเดินไปขึ้นรถคันเล็กที่ไม่เหมาะกับขนาดตัวคนขับเท่าไหร่ “ว้าวว ดูดีจังเลยน๊าหนูคยอง น่ารักมั่กๆเบย”

     

                คนตัวเล็กก้มมองสภาพตัวเองวันนี้ เสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยสเวตเตอร์สีเขียวขี้ม้าลายสก็อตกับกางเกงสีเข้ม ไหนจะผมที่ถูกเชตโดยฝีมือแม่อีกมันดูแปลกๆไปจริงๆนั่นแหละ ปกติแล้วการแต่งตัวของเขามันไม่ได้เนี้ยบขนาดนี้หรอก ออกจะเซอร์ไปด้วยซ้ำ

     

                “เว่อร์ตลอดเลยนะนายอ่ะ ไปกันได้แล้วฉันไม่อยากสาย ไม่อยากเด่น”

     

                “หึๆ ไม่สายนายก็เด่น เชื่อดิวันนี้หนูคยองของฉันเด่นสุดแน่ๆ” ไอ้โย่งพูดเสร็จก็ยักคิ้วหลิ่วตายึกยักใส่ คือมันทำหน้ากวนของมันแบบนี้เป็นปกติอยู่ ไม่ถือหรอกแต่ว่า…..

     

                “เมื่อไหร่จะเลิกเรียกชื่อประหลาดๆแบบนั้นซักทีวะชานยอล”

     

                “หนูคยองอ่ะเหรอ? ไม่อ่ะฉันว่ามันน่ารักเข้ากับนายดี”

     

                “แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนฉันเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กแอ๊บแบ๊วน่ารักอะไรเทือกนั้นอ่ะ มันแปลกๆ”

     

                “โอ๊ะ! รู้ตัวด้วยเหรอ ก็นายน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงจริงๆนี่นา นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกันมาเป็นสิบๆปีนะนี่จีบไปแล้วนะเนี่ย”

     

                “พูดบ้าอะไรวะ!! ถ้าจีบมีถีบอ่ะเอาดิ” ไม่พูดเปล่าคยองซูยันขาขึ้นบนที่นั่งแสดงความจริงจัง

     

                “คร้าบคยองคร้าบบบบ เพราะเป็นงี้ไงถึงยังไม่แฟนกับเค้าซักทีน่ะ โหดงี้ใครจะเอาวะ” อ้าววว พูดงี้มีถีบนะไอ้โย่งนะ นี่ถ้าไม่ติดขับรถอยู่นี่ถีบไปแล้วจริงๆ

     

               

     

              สองเพื่อนรักมาถึงงานเลี้ยงแล้วในขณะนี้ บรรยากาศด้านในดูคึกคักทีเดียว เพื่อนๆพากันแวะเวียนกันมาทักคยองซูซึ่งดูว่าเขาจะเด่นอย่างที่ชานยอลบอกไว้จริงๆ และแน่นอนว่างานนี้ไอ้โย่งมันก็ได้ความดีความชอบจากเพื่อนๆไปเต็มๆที่อุตส่าห์ลากตัวคยองซูมางานนี้ได้สำเร็จ

     

                ในงานนี้นอกจากเพื่อนในรุ่นเดียวกันแล้วยังมีคนอื่นๆอีกมากหน้าหลายตาที่คยองซูไม่รู้จัก คนเดินชนไหล่กันยั้วเยี้ยจนคนตัวเล็กเริ่มตาลาย เขาไม่ชอบคนเยอะๆกับความวุ่นวายเท่าไรนักจึงได้แต่นั่งมองบรรยากาศเงียบๆ ถ้าจะถามถึงคนที่ลากเขามาน่ะเหรอ โน่นนน ออกเสต็ปแดนซ์อยู่กลางฟลอร์โน่นแหละตั้งแต่เข้างานมาไอ้บ้านั่นก็ทางใครทางมันทิ้งคยองซูไว้ที่โต๊ะพร้อมเครื่องดื่ม แล้วเที่ยวไปทักคนโน้นทีคนนี้ทีไปทั่วงาน

     

     เห้อออ ชินแล้วแหละ ปาร์ค ชานยอลเป็นแบบนี้ประจำ ชอบทำตัวเฟรนด์ลี่เกินเหตุตลอดๆ

     

                “สวัสดีฮะ พี่คยองซูใช่มั้ย?”  เห? ใครวะ จู่ๆมีเด็กตัวขาวหน้าแป๊ะเข้ามาทัก เอ่อคือมันรู้ชื่อผมด้วยไง แต่เท่าที่จำได้คยองซูเคยรู้จักเด็กคนนี้ซะหน่อย

     

                “อะ..เอ่อ ใช่ฮะแล้วนี่…..” ตอบกลับไปตามมารยาทละกัน ถึงจะงงอยู่ก็เหอะ

     

                “ผมชื่อเซฮุนฮะ โอ เซฮุน คือพี่ชานยอลให้ผมมาคุยเป็นเพื่อนอ่ะ” 

     

                อ่อ ดะเดี๋ยวววว คุยเป็นเพื่อนงั้นเหรอ นี่ไอ้โย่งมันคิดจะทำอะไรของมัน กลัวเพื่อนเหงาเหรอ? โหวววโคตรเทพบุตรอ่ะ หวังดีกับเพื่อนจังเลยนะไอ้บ้า!!

     

                “ว่าแต่ผมนั่งด้วยได้ใช่มั้ย?” โอเซฮุนเลิกคิ้วถามอย่างกวนๆ นี่เพิ่งคุยกันครั้งแรกนะเว้ยย ช่วยทำหน้าให้มันดีกว่านี้หน่อยเหอะ นี่ถ้าไม่ติดว่าหล่อนะ กระโดดเตะหัวคิ้วไปแล้ว หึ้ยยย คยองเตี้ยแต่ไม่ไร้ประสิทธิภาพนะครับ

     

                “อ้ออ นั่งดิ เชิญญญญ” ขยับตัวเข้าไปด้านในให้เด็กมันนั่งด้วยอีกคน

     

                ตั้งแต่นั่งด้วยกันเซฮุนชวนผมคุยต่างๆนานา จริงจังบ้าง กวนตีนบ้างตามประสา แต่น่าแปลกทุกเรื่องนี่มันต้องมีไอ้โย่งชานยอลมาเกี่ยวด้วยตลอดเลย มันชักจะยังไงๆอยู่คู่นี้ดูมีซัมธิงรองนะว่าไหม?

     

                “อะแฮ่มๆ คุยอะไรกันน่าสนุกเชียว” เสียงปาร์คชานยอลสาระแนมาแต่ไกล นี่ว่าจะแขวะมันสักดอก แต่ขอโทษ อีกคนปากไวกว่า

     

                “ไม่เสือกดิ” ไม่ต้องถามว่าประโยคนี้เป็นของใคร อู้วหูววววตั้งใจคุยกันมาเกือบชั่วโมงถูกใจประโยคนี้สุดอ่ะบอกเลย

     

                “ใช่ซี๊ คนๆนี้ไม่เคยมีความหมายอะไรอยู่แล้วนี่ เหอะ” ใครก็ได้หยุดความมโนของมันที

     

                “โอ๊ะ! พี่ชานยอลนั่นมัน…..” สองคนตรงหน้าเลิกเถียงกันชั่วครู่แล้วพากันทอดสายตามองอีกคนที่เพิ่งเดินเข้างานมา

     

                “คิมจงอิน!!!

     

                ชื่อเรียกที่หลุดจากปากเพื่อนสนิทดึงให้คนตัวเล็กหันกลับไปมอง ใช่…..ใช่จริงๆด้วย คิมจงอินจริงๆสิ่งที่เขากลัวกำลังจะมาถึงแล้วสินะ

     

                “จงอินนี่น่ารักไม่เปลี่ยนเลยเนอะเซฮุนเนอะ แหมๆแฟนเก่าฉันนี่แซ่บเฝ่อจริงๆ”

     

                ป้าบ!!

     

                ฝ่ามือเล็กกดลงตรงหัวเพื่อนรักอย่างจัง หมั่นไส้โว้ยยย ทำมาแฟนกงแฟนเก่า พูดเหมือนเคยคบกันงั้นแหละ พูดอะไรหัดเกรงใจว่าที่แฟนเค้าหน่อยดิ (ไหนบอกไม่คาดหวัง)

     

                “โอ้ยยย ถึงกับกระโดดตบหัวกันเลย ฉันทำไรให้?”

     

                “ก็หมั่นไส้ ทำมาแฟนเก่า เคยคบกันรึไง?”

                “ไม่เคย…..

     

                “อ้าวววว ถ่อวววขี้โม้ชะมัดเลยพี่อ่ะ” ทำดีมากน้องเต้าหู้ ต้องอย่างนั้นช่วยซ้ำมันเยอะๆ

     

                “แต่ฉันเคยจีบนะเว้ย แต่เค้าไม่เอาอ่ะ” ชานยอลทำหน้ามุ่ย เหอะๆสะใจแปป

     

                “สมควร งั้นผมเรียกพี่เค้ามาซ้ำเติมใครบางคนแถวนี้ดีกว่า ฮ่าๆๆๆๆ” 

     

                เดี๋ยวๆๆไอ้แป๊ะยิ้ม อย่านะโว้ยย ซ้ำหนึ่งได้ถึงสองยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะเว้ยย

     

                “พี่จงอินนนน ทางนี้พี่ ทางนี้ๆ” น่านนไง ไม่ทันแล้ว ไอ้เด็กปากไว!! ไอ้พูดไม่คิด!!!

     

     

    “ไงเซฮุนน ข้ามรุ่นเหรอเราน่ะ” คนมาใหม่ทักทายโอเซฮุนด้วยท่าทางสนิทสนม จงอินนั้นยังคงความเฟรนด์ลี่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

     

    “อะไรพี่ จริงๆไม่ได้อยากมาเลย ไอ้พี่โย่งมันชวนไง ไม่อยากขัด”

     

    “หรา?” มือใหญ่ขยี้หัวเซฮุนเล่นกันอย่างสนิทสนม สองเพื่อนรักลอบมองหน้ากัน ไอ้โย่งกับไอ้เตี้ยยังจำเป็นอยู่มั้ย?ตอบ!!!!

     

    “อ้าวชานยอลก็มาด้วย หวัดดีๆ” ถึงคราวพี่โย่งแกออกโรงแล้วฮะ แต่เดี๋ยวคือไอ้ชานมันเขินทำไม? ไหนบอกเมะแมนๆ ถรุยยย

     

    “อื้มมหวัดดี ไม่เจอกันนานยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ”

     

    “ฉันหล่อมากต่างหากเล่า ว่าแต่….นั่นแฟนเหรอ?น่ารักดี” พูดถึงใคร? ไหนแฟน? เห้ยยยยอย่าบอกนะว่า…..

     

    “แฟนที่ไหน คนนี้คยองซูเพื่อนฉัน จำไม่ได้เหรอ?”

     

    ฮู่ววว โล่งงง ดีนะชานยอลมันแก้ให้น่ะ ผมกับมันตัวติดกันตั้งแต่สมัยเรียน ไม่ผิดหรอกถ้าคนจะคิดว่าเราคบกัน แต่ถ้าถามเอาความจริงให้คบกันไอ้โย่งนี่ ผมยอมโสดตลอดชีวิตอ่ะ คือเข้าใจใช่มั้ยว่าผมกับมันเกินขั้นนั้นไปแล้ว รู้ไส้รู้พุงกันหมดขนาดนี้  ถ้าคบกันผมว่ามันก็ไม่ได้ต่างจากที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรอก คยองต้องการความแปลกใหม่ให้ติดแหง็กอยู่กับมันเป็นเมียปาร์คชานยอลไปตลอดชีวิต เฉาตายแน่ๆบอกเลย แล้วอีกอย่างถ้าต้องเปลี่ยนนามสกุลนี่อยากเปลี่ยนเป็นคิมมากกว่า อิอิอิอิอิอิอิ

     

    “อ้าวเหรอโทษๆ อ๋านึกออกและ เห็นอยู่กับนายบ่อยๆ แต่ไม่เคยได้คุยกันสักทีเนอะ” ประโยคแรกนี่คุยกับชานยอล ส่วนอันหลังนี้หันมาที่คนตัวเล็กพร้อมส่งยิ้มพิฆาตมาให้ด้วย ตายครับตายๆ คยองอยากตายใกล้ขนาดนี้ตั้งตัวไม่ทัน

     

    “ไม่แปลกหรอก คยองมันไม่ค่อยพูดกับคนไม่สนิทน่ะ เอาจริงๆมนุษย์สัมพันธ์เข้าขั้นติดลบเลยนะ แล้วก็…….

    หลังจากนั้นทั้งชานยอลทั้งเซฮุนก็เมาท์เรื่องของผมกันสุกสนาน โดยเฉพาะไอ้เด็กเต้าหู้นี่พูดประหนึ่งว่ารู้จักกันมาสิบชาติเศษ ทั้งที่จริงๆเพิ่งคุยกันไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า เออๆเผาได้เผาไป ขอให้ความลับสำคัญไม่แตกเป็นพอ

     

    แต่คงไม่มีใครรู้หรอกจริงมั้ย ก็ผมไม่ได้บอกใครเลยนี่ ตราบใดที่ยังไม่เปิดเผยเรื่องนี้กับใคร ความลับก็จะยังคงอยู่กับผมคนเดียวตลอดไป

     

    ผมไม่รู้หรอกว่าในข้างหน้าเรื่องนี้มันจะเป็นยังไง ระยะของเราจะหดลงหรือห่างไกลมากกว่าเดิม แต่แค่ตอนนี้ เวลานี้ผมมีความสุข ผมพอใจที่จะอยู่แค่จุดนี้

     

    อีกฝ่ายจะคิดยังไงไม่มีทางรู้เลย แต่ตอนนี้คยองซูเข้าไปอยู่ในสายตาของคิมจงอินบ้างแล้ว การพูดคุยสั้นๆถือเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดี คยองซูไม่ใช่คนไร้ตัวตนในโลกของจงอินอีกต่อไป

     

    ขอบคุณนะ ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เขามองเห็นผม การอดทนรอตลอด5ปีเริ่มมีความหมายแล้วล่ะ

     

    TBC

    #เซ้นท์kaisoo ll @Npar_BK

     

    ค่อยเป็นค่อยไป เป็นความสัมพันธ์เรื่อยที่ต้องใช้เวลา(นาน)

    จะลงเอยกันแบบไหน จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     

    จงเม้น จงโหวต จงสกรีม

    ลองเขียนนิยายสักเรื่องดูแล้วจะรู้ว่า1เม้นมีค่ามากแค่ไหนJ



    © themy  butter

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×