ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องพัก ll DeXer

    ลำดับตอนที่ #2 : Story of Strange : PAST

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 58


     

     

    อดีตของเธอ..คืออะไร ?



              “เอ๊ะ!...มันมีที่แบบนี้ด้วยหรือนี่” สแตรงจ์พูดขึ้นเมื่อเขาเปิดประตู้ห้องปริศนาและเข้ามาเจากับกระจกเก่าๆ เด็กหนุ่มใช้มือปัดฝุ่นออกเหมือนกับมีอะไรดลใจให้เขาทำ
     

    สแตรงจ์รีบยกกล้องขึ้นถ่ายภาพบรรยากาศภายในห้องที่แสนจะพิศวง ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงของดาบกระทบกัน เด็กหนุ่มมองหาต้นตอของเสียงแต่ก็ไม่พบสิ่งใดที่ผิดปกติเว้นแต่เมื่อเขาหันกับมามองกระจก อดีตของเขาก็ฉายอยู่ในนั้นเสียแล้ว

    ..

    ..

    ..

    “รุ่นพี่ครับ ตอนนี้ชมรมถ่ายภาพมีปัญหาเรื่องสถานที่นิดหน่อย ผมอยากให้รุ่นพี่รีบไปด่วนเลยครับ” สแตรงจ์เงยหน้าขึ้นจากกล้องตัวโปรดที่เขากำลังบรรจงทำความสะอาด ด้วยความประณีต
     

    “โอเค ขอให้ผมจัดการลูกรักให้เสร็จก่อนได้มั้ย” สแตรงจ์ส่งยิ้มให้กับรุ่นน้อง การแทนว่าผมถือเป็นคำติดปากของเด็กหนุ่ม เพราะไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้องหรือเพื่อนร่วมรุ่นเขาก็มักจะแทนตัวเองแบบนี้เสมอ
     

    “คือ แบบว่าผมกลัวเราจะ...เอ่อ” คำพูดของรุ่นน้องทำให้สแตรงจ์วางกล้องลงทันที
     

    “งานช้างเลยสินะ” การที่รุ่นน้องพูดจาติดขัดทำให้เด็กหนุ่มรู้ได้เลยว่าปัญญาที่เกิดคงจะหนักหน่วงน่าดู เพราะน้อยครั้งนักที่รุ่นน้องจะกล้าขัดเขาตอนที่เขากำลังดูแลกล้องตัวโปรด
     

    รุ่นน้องของสแตรงจ์วิ่งนำมายังจุดชมวิวของเทศกาลชมดอกไม้ไฟภายในโรงเรียน สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่สวยที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมัวมาชื่นชมวิวทิวทัศน์ เหตุผลที่มาที่นี่คือการมาทำธุระของชมรมให้เสร็จ

     

    “มาแล้วหรอ ประธานชมรมถ่ายภาพ” มนุษย์ที่มีหุ่นเหมือนหมีควายประมาณห้าคนหันมาประจันหน้ากับเขา เขาไม่คุ้นหน้าเจ้าพวกนี้จริงๆ คงจะเป็นเด็กปีหนึ่งที่พึ่งเข้ามาใหม่สินะ เปรี้ยวจี๊ดน่าดู
     

         สแตรงจ์ฉีกยิ้มใหกับคนตรงหน้า ก่อนที่มือจะล้วงหาโทรศัพท์ “ฉีกยิ้มให้สวยๆนะ เอาหนึ่งสอง” ยังไม่ทันที่เขาจะนับจนจบ มือใหญ่ของมนุษย์หมีควายคนหนึ่งก็ปัดโทรศัพท์จนเกือบหลุดมือ แต่โชคดรหน่อยจรงที่สแตรงจ์รับมันไว้ทันก่อนจะตกลงพื้น
     

          “ตกไปเสียดายแย่” เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม ทำให้คนตรงหน้าเริ่มหายใจฮึดฮัด
     

          “เรามาที่นี่พื่อจะขอบริเวณแห่งนี้ให้กับชมรมฟันดาบในงานเทศกาลชมดอกไม้ไฟ
     

    “แต่ที่นี่พวกผมมาจ้องก่อนนะครับ และรู้สึกว่าทุกปีพวกเราก็ได้ที่แห่งนี้มาตลอดด้วยสิ” สแตรงจ์ยังคงพูดด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความท้าท้ายมนุษย์หมีควายทั้งห้า “กลับไปบอกน็อคด้วยนะว่าปีนี้ก็ให้ไม่ได้เช่นเคย”
     

    “แต่คุณน็อคต้องการที่นี่ถึงส่งพวกเรามา ถ้าพูดแล้วไม่ตกลง คงต้องลงมือเพื่อแย่งชิงมาให้ได้” พูดจบมนุษย์หมีควายทั้งห้าก็แจกจ่ายดาบไม้ให้สมาชิกทั้งห้าจนครบทุกคน
     

    “ลุย”
     

    “ปัก!” ดาบไม้เล่มหนึ่งฟันเข้าหัวของสแตรงจ์อย่างจัง “เจ็บใช่เล่น” แต่สีหน้าที่แสดงออกมาของสแตรงจ์ไม่ได้แสดงถึงความเจ็บปวดเท่าไหร่ เพราะการที่อีกฝ่ายฟันโดนเขาไม่ใช่เพราะเก่งแต่เป็นเพราะเด็กหนุ่มไม่ยอมหลบเองต่างหาก

    “โดนขนาดนี้แล้วยิ้มได้ ต้องขอบอกว่าเจ๋งใช้ได้” มนุษย์หมีควายคนหนึ่งพูด
     

    “หึ...น็อคไม่ได้บอกพวกนายหรอว่าทำไมผมถึงได้ที่นี่ทุกปี” สแตรงจ์พูดด้วยรอยยิ้ม “นั่นก็เพราะว่า...เขาไม่เคยเอาชนะผมได้ ผมจะบอกอะไรให้นะว่าพวกนายไม่ใช่ปีแรกหรอกที่มาขอที่แบบนี้ เมื่อปีก่อนก็ถูกทดสอบจากน็อคแต่ก็ล้มเหลว ผมว่าทางที่ดีกลับไปเถอะนะ”
     

    เมื่อพูดจบมนุษย์หมีความก็รู้สึกถึงความกดดันในคำพูดของสแตรงจ์
     

    “พวกนายกลับมาได้แล้ว” เสียงเรียกของใครคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปมอง สแตรงจ์ก็เช่นกัน
     

    “ดีครับน็อค ปีนี้ผมขออีกปีแล้วกัน” สแตรงจ์พูดด้วยรอยยิ้มที่แสนจะเป็นมิตร
     

    “อืม ชั้นคงจะขัดไม่ได้สินะทายาทสำนักดาบอาซึชิ” เมื่อน็อคพูดจบก็ทำให้มนุษย์หมีควายทั้งห้าขนลุกมากกว่าเดิม “กลับกันได้แล้ว บทลงโทษรอพวกนายอยู่” น็อคหันไปบอกคนทั้งห้าก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปทางซอกตึก
     

    “พวกผมขอโทษด้วยนะครับ” คนทั้งห้ารีบหันมาขอโทษคนตรงหน้าอย่างเร็วยิ่งกว่าความเร็วแสง
     

    “ไม่เป็นไร ผมไม่โกรธอยู่แล้วเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกซักหน่อยที่น็อคทำแบบนี้”

    ..

    ..

    ..

    “กลับมาแล้วหรอสแตรงจ์” เสียงของใครบางคนตะโกนออกมาจากห้องซ้อมดาบ ทำให้สแตรงจ์รีบเก็บกล้องลงในกระเป๋าเป้ที่สะพายไว้บนบ่า ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องซ้อมดาบ

    “ครับผม...คุณแม่ไม่อยู่อีกแล้วหรอครับ” สแตรงจ์เปิดประตูถามคนที่เป็นพ่อ
     

    “อืม เดินทางอีกแล้ว สงสัยคงไม่ได้กลับมาง่ายๆหรอกมั้ง” พ่อของสแตรงจ์พูดแล้วถอนหายใจออกมา
     

    “ไม่เอาน่าคุณป๊า มีผมอยู่ด้วยทั้งคน” รอยยิ้มของสแตรงจ์ทำให้พ่อของเขายิ้มออกมาบ้าง แต่รอยยิ้มของคนเป็นพ่อก็ทำให้สแตรงจ์เข้าใจความหมายที่คนอื่นไม่เข้าใจ
     

    “รอซักครู่ ผมขอเอาของไปเก็บก่อน เดี๋ยวจะลงมาซ้อมด้วย” พูดจบเด็กหนุ่มก็เลยรีบวิ่งเอาข้าวของไปเก็บ

    ..

    ..

    ..

    ผมขอโทษนะครับที่ต้องโกหก แต่คุณแม่ก็ให้การสนับสนุนผมเองถ้าจะโกรธเรื่องที่ผมมาอยู่โรงเรียนแห่งนี้ คุณป๊าควรโกรธคุณแม่ด้วยนะ ถึงจะเรียกว่ายุติธรรม


    Tiny Hand
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×