คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ~ก้าวที่2~ ปิศาจถูกปลดปล่อย
~...นกเริ่มส่งเสียงร้องขับขาน หมู่สัตว์เริ่มออกมาจากที่หลบอาศัย หุบเขาเริ่มทอแสง แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องไปทั่วทุกทิศ... น้ำค้างทอแสงระยิบ ระยับเป็นประกายอยู่ที่ยอดใบ ผู้คนเริ่มเดินขวักไขว่ไปมาบนท้องถนน ร้านค้าหลายร้านเริ่มเปิดเพื่อทำการค้า บ่งบอกว่า ‘เช้าวันใหม่กำลังเริ่มขึ้น’~
“ฮ้าว~!! เสียงเด็กสาวที่เพิ่งตื่นหาวออกมาเสียงดัง เธอยังสะลึมสะลือ ด้วยความง่วงนอน เป็นผลมาจากเหตุการณ์เมื่อวานที่ทำให้เหนื่อยล้า และทำให้ต้องนอนดึกอีกตามเคย เธอเจอเหตุการณ์แบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว เหล่าเพื่อนๆของเธอก็เช่นเดียวกัน.....
---- ย้อนกลับไปเมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน ----
....เวลาเที่ยงคืน....
`หอฟุคุโอะกะ’(หอตะวันออก)
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!! คาซึ...คาซึนะ !! เธอหลับรึยัง?? เปิดประตูให้พวกฉันหน่อย”เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ซาคุกำลังเคาะประตูเรียกเจ้าของห้องให้มาเปิดประตู
“พี่คาซึนะคร้าบ~เปิดประตูให้พวกผมหน่อยคร้าบ” ฮาคุตะโกนเรียกเจ้าของห้องที่ตอนนี้ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดประตูซะที
“มิโกะ!! ถ้าเธอยังไม่มาเปิดประตูให้ฉัน เธอจะไม่ได้รู้ข่าวๆนี้แน่ๆ แล้วเธอก็อย่าหวังว่าจะมีส่วนร่วมในงานๆนี้อย่างแน่นอน!!”ส่งคำขู่ออกไปด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหงุดหงิดและเย็นชา ความเย็นได้แผ่ไปรอบด้าน บริเวณใกล้เคียง จากคนที่มักพูดจาสุภาพต่อทุกคน บัดนี้ในใจกลับเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและว้าวุ่น
...เฮ้อ จริงๆเลย ยัยนี่ชอบชักช้าอืดอาดอยู่เรื่อย ขณะเวลามีเรื่องแบบนี้ยังไม่วายชักช้าอยู่อีก+++ถ้าวันไหนต้องรีบเร่งคงจะตายแหงๆ+++.....
นึกในใจ พลางถอนหายใจ `เหนื่อยใจ’จริงๆกับคนที่ตอนนี้รีบวิ่งออกมาเปิดประตูให้พวกเขาเพราะกลัวอดรู้`ข่าว’ที่พวกเขาจะนำมาบอก
`เอือมระอากับเธอจริงๆเมื่อไหร่จะยอมเปลี่นนิสัย...’
“ตึง โครม ตึงๆๆๆ มาแล้ว มาแล้ว แอ๊ด...”เสียงวิ่งและสะดุดหกล้มดูวุ่นวาย พร้อมตะโกนออกมา ก่อนที่จะได้ยินเสียงเปิดประตูจากเจ้าของห้อง “พวกนายมี`ข่าว’อะไรจะมาบอกฉันเหรอ???” เมื่อประตูเปิดออกเธอก็ไม่รอช้าส่งคำถามออกไปหาคนตรงหน้าทันที “ข่าวดี ข่าวร้าย” ถามต่อออกไป โดยไม่รอให้คนตรงหน้าได้เปิดปากพูด
“ทั้งสองอย่าง”ซาคุรีบพูดออกไปทันที กลัวว่าจะไม่มีโอกาสพูดเพราะคนอย่างคาซึนะคงไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดเป็นแน่ คงจะถามคำถามต่อไปเรื่อยๆ
“ งั้นเหรอ อืม งั้นเอาข่าวร้ายมาก่อนละกัน”พูดออกไป ที่เลือกเอา`ข่าวร้าย’มาก่อนเพราะจะได้เอา`ข่าวดี’ไว้ปลอบใจ
“ก่อนที่จะเล่า...ผมขอเข้าไปได้ไหมฮะ..ผมเมื่อยแล้ว..”ฮาคุพูด เอานิ้วชี้เข้าไปในห้องของเด็กสาว `ยืนมานาน...เขาอยากจะนั่งสักที..เมื่อยขาแล้ว’
“อ๊ะ! จริงสินะ โทษทีจ๊ะฮาคุ เชิญทุกคนเข้าไปข้างในจ๊ะ”พูดแล้วเปิดประตูให้กว้างขึ้น
พอทุกคนเข้ามาข้างในห้องของเธอจนครบประตูห้องก็ถูกปิดลง แล้วเจ้าตัวก็เปิดปากพูดขึ้น “ข่าวร้ายคืออะไร เอาแบบรวดเดียวแล้วเข้าใจนะ”พูดเสร็จก็ตามมานั่งกับทุกคนที่ห้องรับแขกของห้องแห่งนี้ ห้องนี้กว้างพอสมควร ด้านข้างเป็นห้องหนังสือมีโคมไฟตั้งอยู่ที่โต๊ะหนังสือมองเข้าไปด้านในจะเห็นหนังสืออยู่ในชั้นเต็มไปหมดเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกห้องก็จะเป็นห้องนอน ห้องน้ำ ห้องรับแขกจะอยู่ตรงกลางของห้อง ถัดไปก็จะเป็นห้องครัว ซึ่งมีโต๊ะทานอาหารพอนั่งได้5-6คน
“เข้าเรื่องเลยนะ....`ปิศาจถูกปล่อยออกมา’ ...เมื่อวานที่ดินแดนศักดิ์สิทธ์ต้องห้าม “โทริโอโฮริ”เขตแดนที่กักขังเหล่าปีศาจ ที่พวกเรารู้ดีว่ามีทหารเอกระดับแนวหน้าดูแลเขตแดนมากมาย ประมาณห้าทุ่มทุกอย่างปกติเหมือนทุกวัน แต่จู่ๆก็เกิดพายุพัดรุนแรงแล้วสักพักก็สงบ...ทุกอย่างก็ยังคงปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...แต่พอวันนี้ตอนสี่โมงกลับพบว่า `เหล่าปิศาจถูกปล่อยออกมา’ ทั้งๆที่เมื่อวานหลังเกิดพายุ ปิศาจก็ยังอยู่ ตอนเช้าทุกอย่างก็ยังปกติจนถึงตอนสี่โมงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ...ทุกคนต่างก็สงสัยว่ามันถูกปล่อยออกมาได้ไง ตอนไหน และใครกันที่กล้าลงมือทำแบบนี้...”ซาคุพูดจบ คนฟังอย่างคาซึนะก็คิ้วขมวดเป็นปมทันทีแล้วจึงเอ่ยปากถาม
“ถึงมันจะเป็นข่าวร้ายแต่มันเกี่ยวกับพวกเราตรงไหน? แล้วรู้ได้ไงว่าปิศาจถูก
*ปล่อย* ไม่ได้*หลุด*ออกมาเอง”ถามออกไปด้วยความสงสัย คราวนี้ฝ่ายตอบคำถามให้คนที่สงสัยได้ฟัง คือฮาคุ
“ที่เค้าบอกว่ามันถูก*ปล่อย* ออกมาเพราะพลังของปิศาจแต่ละตัวหลังจากถูกสะกดจาก`วาริโอะกษัตริย์องค์ที่1’แห่งดินแดนแห่งนี้ พวกมันก็ถูกสลายพลังออกไปจนเกือบหมดจึงไม่สามารถทำลายกรงกักขังที่มีอาคมเวทย์แน่นหนาออกมาได้ .....เว้นแต่ว่า...จะมีผู้มีอำนาจที่มีพลังแกร่งกล้ามาปลดปล่อยพวกมันออกจากพันธนาการ
...ส่วนเรื่องที่ว่าเกี่ยวกับพวกเรายังไง ก็หลังจากท่านคาฮาระเสนาบดีผู้ดูแลแดนศักดิ์สิทธ์ต้องห้ามได้ทราบเรื่องเข้าก็ได้มอบหมายงานนี้ให้แก่อาจารย์และพวกเรารับผิดชอบ จัดการเรื่องการสะกดวิญญาณเหล่าปิศาจ และการรวบรวมตามล่าเหล่าปิศาจ”พูดจบก็หันไปมองหน้าเด็กสาวที่ตอนนี้ทำอึ้งไปเรียบร้อยกับคำตอบที่ได้ฟัง ก่อนจะถามออกไป
“แล้วทำไมต้องเป็นพวกเราด้วย? คนอื่นๆก็มีตั้งเยอะ ต้องทำงานเหนื่อยแบบนี้น่าจะให้เป็นหน้าที่ของทหารเอกสิ ปิศาจมีตั้งเท่าไรพวกเราแค่ 5 คนจะทำอะไรได้มากแค่ไหนกัน อิซาคุนี่ก็จริงๆเลยไม่รู้จักดูจำนวนคนสู้ กับ จำนวนปิศาจปิศาจ ต้องสู้ตั้งเท่าไรกว่ามันจะหมด แล้วไหนต้องตระเวนหาอีกทำอย่างกะดินแดนแห่งนี้แคบตาย”
“ช่วยไม่ได้ มันเป็นหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายมาแล้ว จะปฏิเสธไม่ได้เพราะรู้กันอยู่ใครจะยอมรับงานอันตรายแบบนี้ แล้วได้รับมอบหมายมาแล้วก็ควรทำด้วยความเต็มใจ จริงใจ และเต็ม100ที่สุด อีกอย่างการที่ท่านคาฮาระมอบหมายงานนี้ให้ก็เพราะท่านไว้ใจเรา เราก็ควรภูมิใจกับงานนี้ และทำใจยอมรับมัน ถึงจะยากหน่อยก็เถอะ แต่ก็อย่างว่า `ไม่มีสิ่งไหนยากสำหรับพวกเราถ้าเราพยายาม’”คาโตะพูดบอกทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มันก็จริง ที่นายพูดมันก็ถูกแต่ฉันว่าท่านคาฮาระขี้เกียจมากกว่า”คาซึนะเถียงต่อ
“ไม่ว่าเหตุผลอะไร เราก็ได้รับมอบหมายมาแล้ว ที่สำคัญการนินทาผู้อื่นไม่ใช่สิ่งที่ดี
โดยเฉพาะเธอ*คาซึนะ*เธอน่าจะรู้และเข้าใจให้ดี”คาโตะพูดเป็นเชิงดุและตักเตือนเด็กสาว
“จ้า จ้า เข้าใจแล้ว แล้วทำไมไม่เอาข่าวไปบอกฉันตอนพรุ่งนี้เช้าล่ะ มาบอกทำไมตอนดึกๆดื่นๆ” เอามือเท้าคางแล้วมองไปทางฮาคุถามไปด้วยความสงสัย
“ก็เพราะจะว่ามันเป็นเรื่องด่วนก็ด่วนน่ะสิฮะแต่ก็ไม่ด่วนมากเท่าไร...คือ ตอนแรกพวกเราตกลงกันว่าจะไปบอกกับพี่พรุ่งนี้เพราะเราไม่อยากจะรบกวนพี่ แต่พี่คาโตะบอกว่าพี่คงอยากจะรู้วันนี้ แล้วเรื่องนี้มันก็ กระทันหัน พี่คาโตะเลยอยากให้พี่ได้เตรียมใจสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น พวกเราก็เลยตกลงมาที่นี่กันฮะ”ฮาคุอธิบาย คาซึนะจึงหันหน้าไปค้อนใส่คนที่เพิ่งถูกกล่าวถึง ...คาโตะ...
“ในเมื่อเธอฟังข่าวร้ายจบแล้วต่อไปเราจะมาฟังข่าวดีกันได้แล้วนะ....แต่น แต๊น แต่น..ข่าวดีที่ว่าคือ..เราจะสามารถหยุดเรียนเมื่อไรก็ได้ที่เราต้องการหากว่าเราเหนื่อยจากภาระกิจที่ได้รับ โดยจะไม่เสียเวลาเรียนเลยสักวันเดียว...555 เป็นไงล่ะคาซึนะดีใจล่ะสิท่า555” ซาคุพูดออกมา น้ำเสียงร่าเริง ตื่นเต้นดีใจสุดขีดนึกว่าคนที่ได้ฟังคงจะดีใจเป็นแน่ ก็`คาซึนะ’เบื่อการไปโรงเรียนนี่นา แล้วอีกอย่ายัยนั้นคงดีใจใหญ่ถ้าจะได้โดดเรียนอย่างสบาย แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อคนฟังไม่ได้หัวเราะตามกลับทำหน้าเซ็งยิ่งกว่าเดิม นี่กลายเป็นว่าเราตื่นเต้นอยู่คนเดียวรึไงนะ
`ทำไมยัยนั้นไม่ร่าเริงอย่างที่น่าจะเป็น หรือว่าช็อคเรื่องเมื่อกี้ รึดีใจจนพูดไม่ออกแต่ไม่แสดงออกมา’ ซาคุนึกไปคนเดียวต่างๆนานา เพราะผิดความคาดหมายที่เค้าคาดไว้ จนทนไม่ไหวกับท่าทีของคนตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเบื่อโลก เลยถามออกไปให้หายข้องใจ “เธอเป็นอะไรไปน่ะ
คาซึนะไม่ดีใจรึไงกัน เราจะได้หยุดเรียนเมื่อไรก็ได้ที่เราต้องการเชียวนะ ข่าวดีขณะนี้เธอไม่ดีใจเลยรึไงทำหน้าแบบนี้ไม่สมกับเป็นเธอเลยหน้าเป็นทุกข์เนี่ย”
“แกจะให้ฉันดีใจยังไง เนี่ยะน่ะเหรอข่าวดีบ้าบอคอแตกอะไรที่แกพูด มาบอกว่า
`เราต้องไปจับปิศาจ’ซึ่งมันแน่อยู่แล้วว่าต้องไม่มีเวลาพัก แล้วก็มาบอกว่า `เราสามารถพักเมื่อไหร่ก็ได้ที่เราต้องการ’ งั้นเวลาไม่อยากไปจัดการกับปิศาจบ้าๆพวกนั้นก็พักได้งั้นสิ”พูดออกมาด้วยความโมโห ตอนนี้หน้าตาเธอบูดบึ้งเป็นอย่างยิ่ง
“ซาคุไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นซะหน่อย ที่หมอนั่นพูดคือหลังจากที่เราเหนื่อยจากภาระกิจจนไม่สามารถไปเรียนได้ เธอก็สามารถหยุดได้โดยเวลาเรียนครบ”อธิบายให้คนที่เพิ่งโวยวายไปให้เข้าใจแต่ไม่วายก็มีคำตำหนิตามมา”อีกอย่างเป็นผู้หญิงก็ควรพูดจาให้สุภาพ”
“ค่า รู้แล้ว รู้แล้ว ขอบพระคุณนะคะที่กรุณาเตือน”พูดประชดออกไป
“แล้วอีกอย่างมันจะเป็นข่าวดีไปได้ยังไง แกอย่าลืมนะว่าเราเพิ่งปิดภาคเรียนมาเมื่อสองวันก่อนเอง จะเปิดเรียนอีกทีก็นู้น สามเดือนหน้า”คาซึนะพูดกับซาคุ
“อ้าว ก็เผื่อเรื่องนี้มันจะยืดเยื้อนานไง”แก้ตัวออกไปน้ำขุ่นๆ
“ก็ขออย่าให้มันเป็นจริงตามที่แกพูดเลย ทำตั้งสามเดือนไม่ได้หยุดได้หย่อน ฉันก็ตายพอดี”คาซึนะบอก
---- ปัจจุบัน ----
.....นั่งนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อ 3 อาทิตย์ก่อนอยู่บนเตียง
“เฮ้อ...ผ่านมา 3 อาทิตย์แล้วเหรอเนี้ยะ เร็วจังแฮะ”นั่งนึกอะไรไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งแสงอาทิตย์ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของผู้คนบนถนนเริ่มมีมากขึ้น
“อ่ะ! แย่แล้ว! สายป่านนี้แล้วเหรอเนี้ย โอ๊ย! อุตส่าห์ตื่นเช้าทั้งทีดันเผลอไปนึกอะไรเพลินๆจนได้ แล้วที่ตื่นเช้ามาก็เสียประโยชน์ไปเปล่าๆอะดิ” ว่าแล้วก็รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัว เก็บสัมภาระที่จำเป็นใส่กระเป๋าเป้คู่ใจ ก่อนรีบวิ่งออกจากห้องไป.....
***********************************************
ความคิดเห็น