ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Do not to love...ห้ามหัวใจให้หยุดรักนายไฮโซขี้เก็ก

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 เหตุผลการเลิกลา

    • อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 58


    นี่นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร ห้ะ! คิดว่าฉันแคร์นายมากขนาดนั้นสินะ เหอะ! นายคิดผิดนะ ฉันไม่ได้สนใจนายมากขนาดนั้น จำไว้ซะด้วย!!! บาย จบสิ้นซักที ไอ้ผู้ชายเฮงซวย

                    คำพูดเหล่านั้นยังคงหลอกหลอนฉันอยู่ตลอดเวลา ทำไมกัน ทำไม !!! ทำไมผู้หญิงสวยๆอย่างเอลิสจะต้องโดนผู้ชายบอกเลิกด้วย ทำไมกัน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าบอกเลิกเอลิสก่อนนะ!!! มันจะมากไปแล้วนะอีตาพีท ฉันเกลียดๆๆๆๆ เกลียดนายที่สุดในโลก ฮื่อออออออออๆๆๆๆ

                    “โอ๊ยยยยยย ยัยเอลิส แกจะร้องไห้ให้มันได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อผู้ชายเค้าไม่รักไม่สนใจแก แกจะไปเศร้าโศกเสียใจเพื่อ? เอาเวลาว่างๆไปเดินเล่นช็อปปิ้งและไปแดนซ์กับฉันดีกว่า ตามภาษาคนโสดๆสวยๆ”

                    มะปราง เพื่อนซี้ของฉันกำลังปลอบใจฉัน นั่นแน่ใจใช่มั๊ยว่าปลอบ -.-

                    “นี่!!! ที่ฉันร้องไห้เพราะฉันแค้นใจมากกว่า ฉันไม่เคยโดนผู้ชายบอกเลิกเลยนะแก ทำไมมันเจ็บอย่างนี้ว่ะ ฉันไม่ยอมๆๆๆ เกลียดๆๆๆๆๆๆ”

                    “โอ๊ยนี่ หยุดพร้ำเพ้อซะที แกร้องไห้แบบนี้มาจะเข้าวันที่ 4 แล้วนะ แต่ก็นะ...ฉันก็แอบเข้าใจแกนะเว้ย แกกับพี่พีทรักกันจะตาย หวานเว่อร์ๆๆ พี่พีทก็เป็นคนดี ดูแลปกป้องแกตลอด เหตุการณ์ตอนนั้นที่แกโดนคนลวนลามที่ผับ ฉันยังจำได้อยู่เลย พี่พีทเข้าไปต่อยๆจนไอ้คนนั้นสลบคาร้าน โหย โคตรฟินอ่ะแก พอเลิกกันแบบนี้ใครจะไปทำใจได้เร็ว โอเค แกร้องเลย ร้องให้หมด ร้องห้ามหยุด เดี๋ยวนี้!!!

                    “ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆ แกหยุดพูดชื่นชมไอ้ผู้ชายพันธุ์นั้นในแง่ดีได้แล้ว เค้าเป็นคนบอกเลิกฉันนะเว้ย ฉันผิดอะไรอ่ะแก ฮื่อๆๆๆ”

                    “เอ่อเนาะ นั่นสิ แล้วนี่รู้สาเหตุยัง ทำไมพี่แกถึงขอเลิกกับแก”

                    “ฉันไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่อยากรับรู้อะไรด้วย ฮื่อๆๆ พอ!!! ฉันไม่ร้องไห้ละ ไป มะปราง ไปช็อปปิ้งกัน ฉันอยากใช้เงิน อยากซื้อกระเป๋าคอเลคชั่นใหม่ทุกใบในช็อปเดี๋ยวนี้!” ฉันปาดน้ำตาและเดินตรงดิ่งไปยังรถเฟอรารี่สีแดงของฉันที่จอดอยู่ชั้นวีไอพีของคอนโด

                    “เฮ้ยนี่! ฉันตามอารมณ์แกไม่ทันนะยัยเอลิส รอฉันก่อนสิ”

     

    ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน

                    “แก นี่แกจะเหมาหมดห้างละนะ ฉันว่าพอก่อนดีมั๊ย แค่นี้คนอื่นก็ไม่รู้จะซื้ออะไรแล้ว” ยัยมะปรางพูด

                    “เหอะ ชั่งเขาสิ จะไปแคร์คนอื่นทำไมก็ ไม่เห็นจะมีใครแคร์เราบ้างเลย เราก็ไม่ต้องไปแคร์ใคร!” ฉันพูดเสียงดัง

                    “เอลิส แกจะตะโกนทำไมเสียงดัง ฉันอายคนอื่นเค้านะ เฮ้อ โอเค ฉันอาจจะไม่เข้าใจหัวอกแกแบบเต็มที่นะ เพราะฉันไม่เคยมีแฟน บางทีฉันก็อยากลองมีบ้างเหมือนกัน ถ้าฉันสวยได้ครึ่งนึงของแก ป่านนี้ฉันคงมีแฟนซัก2-3คนไปละ”

                    “นี่!!! หยุด หยุดความคิดการมีแฟนลงเดี๋ยวนี้ ผู้ชายสมัยนี้มันแย่ มันห่วย จะเอามันมาทำสากกะเบือทำไม”

                    “ยัยเอลิสสสสสสส!!! หยุดโวยวายได้แล้วนะ คนเค้ามองหมดแล้ว แล้วแกจะด่าผู้ชายกลางพารากอนแบบนี้ให้เค้ามารุมต่อยแกเลยหรอไง เงียบ!!! ไม่งั้นฉันจะกลับ” ยัยมะปรางทำท่าเหมือนจะกลับจริง ฉันเลยดึงแขนไว้

                    “ไม่นะแก อย่าทิ้งฉันไปอีกคน” น้ำตาฉันเริ่มคลอเบ้า รู้สึกเหมือนโลกนี้ฉันอยู่คนเดียวไม่ได้จริงๆ

                    “โอ๋ๆ ฉันล้อเล่น ใครจะทิ้งเพื่อนอย่างแกลงหละ ถึงแกจะมีดีแค่หน้าตา แต่ว่าแกก็ยังรวยอีกด้วยนะ โหะๆๆ ใครทิ้งลงก็บ้าแล้ว หาไม่ได้นะเพื่อนที่มีทุกอย่างให้ฉันเกาะแบบนี้ ฮ่าๆๆ”

                    “นี่ ยัยเพื่อนบ้า แกหวังจะเกาะฉันแค่นั้นหรอเนี่ย”

                    “ฮ่าๆ ฉันล้อเล่น แกลืมไปแล้วหรอฉันเป็นลูกสาวของเจ้าของบริษัทออแกรไนซ์เบอร์หนึ่งของไทยเชียว ถึงจะไม่รวยเท่าแกที่เป็นลูกสาวของบริษัทสายการบิน แต่ฉันก็รวยพอตัวเลยหละ ฮ่าๆๆ”

                    ฉันยิ้มออกมาอย่างไม่คิดอะไร ยัยมะปรางเป็นเพื่อนซี้ที่สุดในชีวิตของฉันเลย เพราะไม่ใช่ว่าเรามีฐานะใกล้เคียงกันหรืออะไร แต่เป็นเพราะมะปรางเป็นคนดี และรักเพื่อนอย่างฉันมาก ฉันก็เช่นกันรักนางมากที่สุดเลยจริงๆ

                    “ช่วยด้วยค่าๆๆ มีโจรวิ่งราวกระเป๋าฉัน ช่วยด้วยๆๆ” เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากที่ไหนซักที่บริเวณแถวใกล้ๆที่ฉันอยู่

                    “แกได้ยินเสียงอะไรมั๊ยมะปราง”

                    “เสียงคนตะโกนขอความช่วยเหลือ สงสัยถูกวิ่งราว อย่าไปสนใจเลยเราไปกันเถอะ ฉันเริ่มหิวแล้ว”

                    ฉันยังไม่ทันฟังสิ่งที่ยัยมะปรางพูดจนจบ ฉันรีบเดินไปตามเสียง นั่นไงจริงด้วย มีคนวิ่งราว คนร้ายวิ่งลงมาจากบันไดเลื่อนชั้น3  กำลังวิ่งวนอยู่ที่ชั้น2ของห้าง  อะไรกันเนี่ย ทำไมไม่มีใครช่วยเลย ฉันรีบวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้น 2 ของห้าง ตายแล้ว ฉันจะช่วยยังไงดีเนี่ย คนร้ายวิ่งมาด้วยความเร็ว ฉันเลยตัดสินใจเขวี้ยงรองเท้าส้นสูงของฉันให้ตรงกับหัวของมัน

                    “นี่แหนะ!!! ไอ้โจรชั่ว ไม่ทำมาหากินหละห้ะ มาทำตัวแบบนี้คนอื่นเค้าเดือดร้อนนะรู้มั๊ย” ฉันด่าหลังจากที่โจรล้มตัวลงจากรองเท้าส้นสูงของฉันจนเลือดที่หน้าผากไหลไม่หยุด เหอะให้มันรู้ซะบ้างว่าฉันคือใคร

                    “โอ๊ย อีนี่วอนหาเรื่องซะแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นใคร เป็นผู้หญิงพิทักษ์โลกหรอไง ดูละครมากไปนะอีหนู ถอยไปอย่ามายุ่ง”

                    “กรี๊ด กล้าดียังไงมาเรียกฉันว่าอีหนู เก็บปากแกไว้กินข้าวต้มในคุกเถอะ” ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าของคนที่มันขโมยมา แต่...

                    ฟรึ่บ!’ เสียงมีดพกถูกกดเปิดให้เห็นใบมีดคมๆ พร้อมจ่อมายังหน้าฉัน

                    “กรี๊ดดดดดดดดด” เสียงคนรอบข้างกรีดร้องด้วยความตกใจ

                    “อยู่ดีไม่ว่าดีนะ หาเรื่องตายชัดๆ อย่าอยู่เลย” ใบมีดนั้นตรงมายังหน้าของฉัน ฉันตั้งตัวไม่ทัน ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ก้มนาหลับตาและคิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่นะ!

                    ผวะ!!!” เสียงใบมีดตกกระทบกับพื้น ฉันค่อยๆลืมตาช้าๆ นี่หน้าฉันยังสวยเหมือนเดิมใช่มั๊ย แล้วนั่นไอ้โจรมันลงไปนอนแน่นิ่งอยู่พื้นอีกครั้ง เลือดออกเต็มปาก และก็มีผู้ชายอีกคนยืนอยู่บริเวณนั้น เขารีบเดินตรงมาหาฉัน

                    “คุณ เป็นอะไรมั๊ย” เขาเอื้อมมือสองข้างมาพยุงฉัน ฉันไม่รู้ว่าตัวเอทรุดตัวลงพื้นไปเมื่อไหร่

                    “ห๊ะ อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันตอบออกไปแบบงงๆ

                    “อุ้ย ขอบคุณค่ะ ขอบคุณหนูมากนะลูก ถ้าป้าไม่ได้หนู ป่านนี้ป้าก็ไม่รู้จะทำยังไง เงินสดป้าทั้งชีวิตอยู่ในนี้ ว่าจะไปเอาเข้าธนาคาร แล้วไอ้โจรใจทรามเนี่ยก็มาดึงไป ใจป้าอยู่ตาตุ่มแล้ว ขอบใจมากนะลูก ป้าขอบใจจริงๆ เดี๋ยวป้าให้เงินหมื่นนึงเป็นสินน้ำใจนะ อู้ย ขอบใจจริงๆ พ่อหนุ่มด้วยนะ ดีนะมาช่วยแม่หนูคนนี้ทัน ถ้าหนูคนนี้เป็นไรก็เพราะป้าแท้ๆ ขอบคุณนะพ่อหนุ่ม” ป้าเจ้าของกระเป๋าก็เดินมาหาฉันแล้วจับมือฉัน

                    “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่ขอรับเงินป้านะคะ หนูช่วยเพราะความเต็มใจ เราเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน หนูทนเห็นคนเดือดร้อนตรงหน้าแล้วเราไม่ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ”

                    “ยัยเอลิสสสสส เป็นไงบ้างแก โอ๊ยตายแล้วเพื่อนฉัน แกโอเคป่าว” ยัยมะปรางรีบวิ่งตามมา

                    “เอาไปเถอะนะลูก ป้าอยากให้เป็นสินน้ำใจจริงๆ ในนี้มีเงินอยู่เป็นล้านเลยถ้าไม่ได้หนู ป้าคงจบชีวิต ถ้าไม่เอาป้าจะถือว่าหนูรังเกียจนะ” ป้าพยายามให้ฉันจะเอาเงินให้ได้

                    “เหอะ ป้าคะ เพื่อนหนูเค้าไม่เอาหรอกค่ะ เงินแค่นี้จิ๊บๆมากค่ะ เพื่อนหนูเค้าเป็นถึงลูกเจ้าของธุรกิจสายการบินของ...” ยัยมะปรางยังไม่ทันพูดจบ ฉันรีบเข้าไปปิดปาก

                    “ไม่เป็นไรจริงๆค่ะคุณป้า หนูไม่ได้รังเกียจหรืออะไรเงินของคุณป้านะคะ หนูไม่ได้หวังอะไรจริงๆค่ะ หนูช่วยเพราะความเต็มใจจริงๆ ขอบคุณนะคะ” ฉันเข้าไปกอดป้าเขา ป้าเขาก็รับการกอดจากฉัน

                    “รปภ. ไปจับคนร้ายส่งตำรวจเลย ขอโทษนะคะพวกคุณ เป็นอะไรกันหรือเปล่าคะ ดิฉันต้องขอโทษด้วยที่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้น”

                    ถ้าให้ฉันคาดเดา นี่น่าจะเป็นผู้จัดการห้าง เค้าเดินเข้ามาขอโทษฉันและป้า แต่... เขาคนนั้น เขามาทำอะไรที่นี่ เขาเกี่ยวอะไรด้วย

                    “เอลิส!” ผู้ชายคนที่เดินมาพร้อมกับผู้จัดการห้างอุทานเรียกชื่อฉัน

                    “พี่พีท” ยัยมะปรางอุทานเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นออกมา

                    “นีพีทรู้จักพวกเขาหรอคะ”

                    เขาหันไปถามไอ้ผู้ชายที่ฉันไม่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้ ทำไมอยู่ๆรู้สึกมันอื้อๆตื้อๆไปหมด โลกมันหยุดหมุนไปแล้ว ฉันยังไม่พร้อมเจอหน้าเขาในตอนนี้ นี่เขาเป็นคนบอกเลิกฉันนะ เรายังเลิกกันไม่ถึงอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ ทำไมเขามาเดินห้างอย่างหน้าตาเชย เหอะ! มันก็ไม่แปลกเนาะ เขาเป็นคนบอกเลิดก เขาจะไปเจ็บอะไร ขนาดฉันเป็นคนถูกบอกเลิก เจ็บขนาดนี้ยังมาเดินห้างได้เลย มันก็คงโอเคแหละ ยุติธรรมดีมาก

                    “พวกฉันต้องถามมากกว่าว่าเธอรู้จักพี่พีทได้ยังไง” มะปรางพูด

                    “อ๋อ พีทเป็นแฟนของดิฉันค่ะ พวกคุณเป็นเพื่อนของพี่พีทหรอคะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

                    “ห้ะ แฟน? พี่พีทเป็นแฟนกับยัยเจ้ผู้จัดห้างเนี่ยนะ เมื่อไหร่คะ ทำไมปรางกับเอลิสไม่เคยรู้เรื่อง” มะปรางถามด้วยความสงสัย ฉันก็เช่นกัน ฉันสงสัยจนพูดอะไรไม่ออก ไม่อยากจะพูดอะไรออกไป เพราะแค่คิดยังเจ็บปวดขนาดนี้

                    “ฉันกับพีทเพิ่งเป็นแฟนกันค่ะ อ๋อ ดิฉันขอแนะนำตัวต่อทุกคนก่อนนะคะ ดิฉันชื่อผึ้งคะ เป็นผู้บริหารของห้างนี้เอง เราต้องขอโทษจริงๆนะคะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางเราจะชดใช้...”

                    ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ฉันรีบเดินตรงไปยังผู้ชายคนที่เข้ามาช่วยชีวิตฉัน แล้วโน้มคอของเขาเข้ามา แล้วเขย่งปลายเท้า จนปากของเราทั้งประกบกัน น้ำตาฉันไหลออกมาแบบห้ามไม่อยู่แล้ว มันไม่มีอะไรจะต้องเสียแล้ว สาเหตุที่พีท บอกเลิกฉัน เพราะเขามีคนอื่น ในเมื่อเขามีได้ ฉันก็มีได้เช่นกัน

                    “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณผึ้ง ดิฉันชื่อเอลิสค่ะฉันกับพีทเคยเป็นคนรู้จักกันค่ะ และนี่คือแฟนของฉัน เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรจากเหตุการณ์เมื่อกี้ เราสองคนเต็มใจช่วยคุณป้าเขาเพราะคุณป้าคงทุกข์ใจไม่น้อย ถ้ามีใครมาแย่งของของฉันไปก็คงจะทุกข์ใจเหมือนกัน แต่ถ้าฉันเป็นคุณป้า ฉันคงไม่อยากได้คืนหรอกค่ะ เพราะฉันมีอีกเยอะ ขอตัวนะคะ”

                    ฉันพูดจบก็เดินออกไปจากวงสนทนา พร้อมดึงนายคนที่ฉันเพิ่งจูบปากเขาไปออกมาด้วย นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย ฮื่อๆๆ ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย น้ำตาฉันไหลแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

                    “ฉันขอโทษ ฮื่อๆๆ” ฉันพูดบอกชายนิรนามที่ฉันไม่รู้จัก แต่ก็ได้จูบเขาไปซะแล้ว

                    “ไม่เป็นไรหรอก ผมพอจะเดาเหตุการณ์ออก ถ้าให้ผมเดา คุณคงเป็นแฟนเก่าของนายคนเมื่อกี้ ใช่มะ”

                    ฉันรีบเงยหน้ามองเขาด้วยใบหน้าสงสัย

                    “นี่นายรู้ได้ยังไง”

                    “คงไม่มีผู้หญิงที่ไหน อยู่ๆก็ดึงผู้ชายที่เพิ่งเคยเห็นหน้ากันได้แค่5นาทีเข้าไปจูบหรอก ยกเว้นจะมีเรื่องความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น เขาทิ้งคุณหรอ ทำไมถึงอาการหนักขนาดนี้”

                    “นี่นาย! จะยุ่งกับชีวิตฉันมากเกินไปแล้วนะ” ฉันรีบยืนขึ้นชี้หน้าเขา

                    “ยัยเอลิสสสสสสสส แกแซ่บมากกกกก ตายแล้วฉันปรบมือให้รัวๆๆ นี่แกสุดยอดมากจริงๆ อีตาพี่พีทยืนอึ้งไปเลย ดีอ่ะ อยู่ๆก็ได้จูบกับผู้ชายหล่อๆแบบเนียนๆ กรี๊ดด ฟิน >< คุณชื่ออะไรหรอคะ ฉันมะปรางนะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ยัยมะปรางเอื้อมมือไปจับมือผู้ชายคนที่หล่อนกำลังพูดด้วย

                    “ผมเวย์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”

                    “แอร๊ยยยยยยย หล่อค่ะ คุณเวย์หล่อจริงอะไรจริง แกเอาเลย คนเนี่ยหล่อไม่แพ้พี่พีทเลยนะแก นิสัยก็ดีด้วย มาช่วยแกจากคนร้ายไม่ใช่หรอ แกไม่เอา ฉันเอานะ” ยัยมะปรางมากระซิบข้างๆหูฉัน

                    “ไปเถอะมะปราง ฉันอยากกลับแล้ว”

                    “ห้ะ นี่ทำไมรีบกลับหละ แกยังช็อปไม่เสร็จเลยนะ ฉันก็หิวมากด้วย แล้วนั่น รองเท้าก็ไม่ได้ใส่ โยนใส่หัวโจรไปข้างนึง แล้วอีกข้างนึงหละ อ๋อ แกถอดไว้ตรงที่เกิดเหตุเมื่อกี้หนิ เดี๋ยวฉันกลับไปเอาให้”

                    “ไม่ต้องหรอก ฉันอยากออกไปจากที่นี่แล้ว ตอนนี้!

                    “แก แต่ว่า...”

                    “ถ้าแกไม่กลับฉันกลับก่อนนะ”

                    ฉันรีบเดินออกไปจากตรงนั้น ฉันไม่อยากเจอใครอีก ฮื่อๆ ทำไมกันนะ ทำไมเรื่องบ้าๆอะไรพวกนี้ต้องเกิดกับฉัน โลกนี้ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×