คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 ช่วงเวลาแห่งการแก้แค้น และความจริงในโลกหลังความตาย
“ลูก ลูกแม่ ฟาง ลูกฟื้นซะทีทำให้แม่ห่วงอยู่ตั้งหลายวัน”แม่ที่อยู่ข้างๆฉันรีบเข้ามาดูแลฉันเป็นการใหญ่
“แม่จ๋า แม่ หึก หึก หือๆ”อยู่ดีๆน้ำตาของฉันก็เอ่อออกมาจนทำให้ภาพที่ฉันเห็นมันเบือนๆไป แล้วสักพักมันก็ไหลลงมาอาบแก้มของฉัน
“ไม่เป็นไรแล้วนะลูก”แม่กอดฉันแน่นในอ้อมอก
“แม่จ๋า หนูกลัว หนูตายไปแล้วใช่ไหมแม่ นี้เป็นโลกสุดท้ายใช่ไหม”ฉันถามแม่เพราะฉันคิดว่าฉันต้องตายแล้วแน่ๆ
“ลูกยังไม่ตาย ลูกยังมีชีวิตอยู่นะ”แม่เองก็ร้องไห้และพยายามเรียกสติฉัน
“แต่หนูตกมาจากตึกนี้ค่ะ หนูไม่ตายหรอ”ฉันถามแม่ทั้งน้ำตาเพราะยังไม่แน่ใจ
“ไม่ลูกลูกตกลงมาตรงส่วนที่เป็นพื้นดินที่อ่อนนุ่ม แต่ว่าปลาเขาตกลงมาโดนดาบของรูปปั้นพอดี ปลาก็เลย...”แม่นิ่งไปมีเพียงน้ำตาที่หยดลงมาโดนใบหน้าของฉัน
“ปลา ปลาเขา เขาตายแล้วหรอค่ะแม่”ฉันถามแม่อีกครั้งเพราะไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างปลาจะตาย เธอควรจะรอดแล้วฉันต่างหากที่ควรตาย
“ทำไมละค่ะ ทำไม ทำไมปลาต้องตาย ทำไมหนูถึงไม่ตายละ”ฉันเสียใจแล้วก็ใช้มือทุบหน้าอกตัวเอง แม่จับข้อมือฉันเอาไว้ไม่ให้ทุบตัวเองแล้วก็กอดฉันเอาไว้
“อย่าลูก อย่าทำอย่างนี้สิลูก มันยังไม่ถึงเวลาของแกต่างหาก”อยู่ดีๆเสียงท้ายประโยคของแม่ก็กลายเป็นเสียงที่ฉันคุ้นเคยดี เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับยัยผีบ้าตัวนั้น ด้วยความรู้สึกโกรธแค้นที่มันฆ่าปลาฉันก็เลยจิกหัวแล้วก็ทุบไปที่ยัยผีตนนั้น จนมันลงไปอยู่ที่พื้น ฉันก็ตามลงไปตบมัน มันเอาแต่หัวเราะฉันก็เลยใช้มือข่วนหน้ามัน แต่มันกลับไม่มีทีท่าว่าจะเป็นอะไรเลย รอยข่วนของฉันทำให้หนังหน้าของมันเปิดจนเลือดไหลออกมาพร้อมกับน้ำเหลืองแต่มันกลับยังหัวเราต่อไป ยิ่งมันหัวเราะน้ำเลือดน้ำเหลืองน้ำหนองก็ยิ่งทะลักออกมาจนเต็มกับพื้นห้อง ฉันก็เลยบีบคอมันแต่ฉันกลับได้ยินเสียง
“ลูกเป็นอะไร ทำแม่ทำไม ลูกจ๋า ลูก”เสียงแม่ของฉันนั้นเอง เมื่อฉันมองดีใช่แล้วมันไม่ใช่ผีแต่เป็นแม่ฉันเอง ฉันตกใจรีบผละตัวออกจากแม่ถอยหลังไปจนติดกับกำแพง แม่ของฉันเอาแต่ไอแค่กๆ แล้วก็ใช้มือจับใบหน้าของตัวเอง เลือดที่ไหลออกมานั้นทำให้ฉันยิ่งรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ ฉันเกือบจะฆ่าแม่ของฉันแล้ว ‘นังผีบ้า แกจะทำให้ฉันเป็นบ้าใช่ไหม แค่แกสิงร่างฉันแล้วยังทำให้ปลาตายมันก็ทำให้ฉันจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว แล้วแกยังจะมาทำให้ฆ่าแม่ตัวเองอีก แกมันทุเรศที่สุดเลย อีนังผีร้ายยยย’ฉันนึกคำด่าสารพัดที่สรรหามาว่ายัยผีนั้น แล้วฉันก็นึกขึ้นได้ว่าฉันควรจะเข้าไปขอโทษแม่
“แม่จ๋า ฟางไม่ตั้งใจ ฟางเห็นแม่เป็นผีที่สิงร่างฟาง ผีที่ฆ่าปลา ฟางไม่ตั้งใจ”ฉันรีบขอโทษแม่ แต่ดูเหมือนแม่จะไม่ว่าอะไรและก็เข้ามากอดฉันไว้
“ไม่เป็นไรลูก แผลนิดเดียวเอง แม่ไม่เป็นไรหรอก ลูกเถอะ ไอผีบ้านั่นมันทำอะไรลูกรึเปล่า ลูกเจ็บตรงไหนไหม”แม่หันมาถามฉันด้วยความห่วงใย คำพูดเหล่านั้นทำให้ฉันน้ำตาไหลและกอดแม่แน่นขึ้น
“แม่จ๋า หนูกลัว ผีบ้านั่นมันต้องตามจองล้างจองผลาญหนูไม่เลิกแน่ๆ แม่จ๋าหนูกลัวแม่”ฉันพร่ำร้องไห้และบอกว่ากลัวจนเผลอหลับไปตื่นขึ้นมาอีกทีก็เย็น
“แม่หายไปไหนอะ”ฉันถามพ่อของฉันเพราะเมื่อตื่นขึ้นมาก็เจอพ่อกำลังนั่งดูทีวีอยู่
“อ้าว ตื่นแล้วหรอยัยฟาง แม่แกเขาไปงานศพของเพื่อนแกนะ”พ่อบอกกับฉันและพยายามจะเข้ามาปลอบ
“อือ ค่ะ แล้วเขาจะเผาวันไหนละค่ะ”ฉันถามพ่อเพราะฉันเองก็อยากจะไปร่วมงานศพของปลาด้วย ไม่รู้ว่าเพื่อนในห้องเขาจะบอกว่าฉันเป็นฆาตกรไหม
“อือ เขาจะเผาวันเสาร์นะลูก แต่ว่าลูกไม่ต้องกลัวนะ ทุกคนบอกกับตำรวจแล้วว่ามันเป็นอุบัติเหตุเพราะถึงบอกความจริงไปก็คงไม่มีใครเชื่อหรอก”พ่อปลอบฉัน
“ค่ะ”ฉันตอบพ่อเบาๆ
แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมา ยังไงฉันรู้สึกว่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมาจากฉัน ฉันเป็นคนทำมันทั้งหมด ในเมื่อฉันเป็นคนสร้างเรื่องนี้ขึ้นฉันก็จะต้องจบเรื่องนี้ด้วยมือของฉันเอง ฉันจะต้องทำให้ยัยผีบ้านั่นไปผุดไปเกิดให้ได้ ไม่ว่าฉันจะต้องใช้ชีวิตของตัวฉันเองเป็นเดิมพันก็ตามแต่ แต่ถ้าฉันไม่ทำก็จะต้องมีคนตายมากขึ้น
บางทีครั้งหน้าฉันอาจจะเผลอบีบคอแม่พ่อหรือเพื่อนๆฉันจนตายก็ได้เพราะเห็นหน้าพวกเขาเป็นผี ซึ่งถ้ามันเป็นอย่างนั้นฉันก็คงจะยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น สู้หาวิธีกำจัดมันแม้ฉันจะต้องตาย ก็ยังดีกว่าปล่อยไว้เฉยๆจนทำให้ฉันต้องกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนที่ฉันรัก เมื่อฉันรู้จุดมุ่งหมายของฉันแล้ว
“พ่อค่ะหนูอยากไปงานศพปลาค่ะ” ฉันบอกพ่อทั้งน้ำตา
“ค่อยไปวันเผาก็แล้วกันนะลูก อีกไม่นานลูกก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วละไม่เกิน2-3วันหรอก ลูกก็แค่มีแผลถลอก กับแผลฟกช้ำนิดหน่อย เดี๋ยวก็หายแล้วละ”พ่อบอกฉันแล้วจับมือฉันไว้แน่นราวกับกลัวว่าฉันกำลังจะหายไปอย่างนั้นแหละ
ฉันได้ออกจากโรงพยาบาลเย็นวันศุกร์ ไม่ค่อยมีเพื่อนมาเยี่ยมฉันสักเท่าไร พวกเขาคงคิดว่าฉันเป็นฆาตกรแน่ๆเลย นอกจาก ต่าย ฟ้า ต้น เป้ ป้าง บอล และยา ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมฉันอีก เพื่อนๆปลอบฉันและบอกว่าฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าปลา
บอลเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังว่า “ตอนที่ฉันและเพื่อนๆในห้องช่วยกันทำความสะอาดอยู่ ฉันยืนบนโต๊ะเพื่อทำความสะอาดกำแพงและบอร์ดหลังห้องแต่เมื่อทำไปได้สักพักฉันก็เจอกับห่ออะไรบางอย่างสีแดงๆ เขียนด้วยภาษาจีนด้วยความอยากรู้ฉันจึงแกะออกแล้วฉันก็จำทุกอย่างไม่ได้อีกเลย จำได้อีกทีก็ตอนที่เห็นฟางลอยออกไปนอกห้อง เท่าที่จำได้หน้าตาของฟางตอนนั้นน่ากลัวมากๆเลยละ ทั้งรอยยิ้มที่เยือกเย็น แววตาที่กระหายเลือดนั้นทำให้ฉันตกใจ และถอยนี้ แต่เมื่อตั้งสติได้เพื่อนๆบางส่วนกับอ.ก็วิ่งตามฟางออกไปแล้ว ฉันก็เลยวิ่งตามออกมาดูด้วย” พอเล่าถึงตรงนี้ฟ้าก็บอกว่า “พวกเราต้องไปแล้วละฟาง ไปก่อนนะ ไปเถอะไป”ฟ้าบอกแล้วจ้องหน้าบอลเขม่ง ฟ้าคงไม่อยากให้ฉันรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นสักเท่าไร จริงๆก็ดีแล้วละฉันยังไม่พร้อมที่จะฟังเรื่องพวกนั้นในตอนนี้ ฉันเองก็คงจะรับไม่ได้และยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น แล้วเพื่อนๆทั้งหมดก็บอลลาฉันแล้วก็ออกจากห้องฉันไป
“ลูกจ๊ะพรุ่งนี้ลูกจะไปงานศพปลาหรอ”แม่ถามฉันขณะที่เรานั่งอยู่บนรถของพ่อเพื่อจะกลับบ้าน
“ใช่ค่ะแม่ หนูอยากไปขอขมาปลาในสิ่งที่หนูได้ทำลงไป”ฉันบอกแม่ตามความจริง
“แต่แม่ว่าลูกอย่าไปเลยนะ แม่กลัวว่าลูกจะรู้สึกผิดมากไปกว่านี้นะ”แม่บอกและพยายามปรามฉันไม่ให้ไปงานศพ
“แต่ว่าแม่ค่ะ ให้หนูได้ไปบอกปลาไปลาปลาก็ยังดีนะค่ะ”ฉันพยายามหาเหตุผลมาพูดให้แม่ฟัง
“ให้ยัยฟางไปเถอะคุณ ให้แกได้ไปเจอปลาเขาเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ”พ่อบอกแล้วก็หันมามองหน้าฉัน
“อืมๆ แล้วแม่จะไปด้วยนะ แล้วคุณละจะไปด้วยไหม”แม่หันไปถามพ่อ
“อือ ไปสิทำไมจะไม่ไปละ”พ่อตอบ
เมื่อถึงบ้านฉันก็รีบขึ้นไปที่ห้องของฉัน หยิบไดอารี่ที่ฉันไม่ได้เขียนไปเกือบๆอาทิตย์ขึ้นมาเขียน บอกเล่าความรู้สึกทุกอย่างที่เกิดขึ้น เรื่องราวร้ายๆที่เกิดขึ้นกับฉันและเพื่อนของฉัน ตอนเขียนไปน้ำตาของฉันก็หยดเปื้อนหน้ากระดาษไปด้วย กว่าจะเขียนเสร็จก็เกือบๆทุ่มหนึ่ง
“ฟาง มากินข้าวได้แล้วลูก”แม่ตะโกนเรียกฉัน ปกติฉันจะไม่ค่อยกินข้าวเย็น แต่ว่าวันนี้ต้องกินยาฉันก็เลยจำเป็นต้องกินข้าวเย็น
“ค่ะๆ รู้แล้วค่ะ”ฉันตะโกนบอกแม่และรีบลงไปกินข้าว วันนี้มีข้าวต้มปลาเป็นของโปรดของฉันเลยละ แม่คงเห็นว่าฉันป่วยอยู่ถึงได้ทำข้าวต้มให้กิน
หลังจากกินอิ่มฉันก็ขึ้นห้องได้เลยโดยไม่ต้องล้างจาน สงสัยแม่คงเห็นว่าฉันเป็นคนป่วยก็เลยไม่ใช้งาน พอขึ้นห้องฉันก็ไปอาบน้ำแต่งตัว เปิดทีวีดูแล้วก็คิดได้ว่าควรจะโทรไปหาฟ้าสักหน่อย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงอยากโทรไปหาฟ้า แต่ความรู้สึกฉันบอกว่าอยากได้ยินเสียงของฟ้า ฉันก็เลยโทรไปบ้านฟ้า ตื้ด ตื้ด ตื้ด
“ฮัลโล ขอสายใครค่ะ”เสียงผู้หญิงคนหนึ่งถามฉัน
“ฟ้าอยู่ไหมค่ะ”ฉันถาม
“ฟ้าหรอนี้เพื่อนฟ้าใช่ไหมจ๊ะ”เสียงผู้หญิงคนเดิมคงจะเป็นป้านีแม่ของฟ้าแน่ๆเลย
“ค่ะนี้ฟางเองนะค่ะ ฟ้าอยู่ไหมค่ะ”ฉันถามต่อ
“ฟ้าหรอ เขาบอกว่าจะไปหาหนูที่บ้านนิ”ป้านีบอก
“หรอค่ะ วันนี้หนูยังไม่ได้เจอฟ้าเลยนะค่ะ แล้วเขาออกมาตั้งแต่กี่โมงอะค่ะ”ฉันถาม
“ก็6โมงได้ละ จริงๆก็น่าจะถึงได้แล้วนะ ป้ากะว่าจะโทรเข้ามือถือแต่ก็ไม่ได้เอาติดตัวไปด้วย แล้วตกลงฟ้าไม่ได้ไปหาหนูหรอจ๊ะ”ป้านีถามต่อ
“ค่ะไม่ได้มาเลย ถ้าฟ้ามาถึงหนูจะโทรไปบอกนะค่ะ”ฉันบอก
“จ๊ะๆ ขอบใจมากนะจ๊ะ งั้นป้าว่าป้าน่าจะลองโทรไปถามเพื่อนของฟ้าคนอื่นดูละจ๊ะ ขอบใจมากนะจ๊ะ ถ้าฟ้าไปหาหนูก็โทรมาบอกด้วยนะจ๊ะ ขอบใจจ๊ะ”ป้านีบอกฉันแล้วก็วางสายไป
ฟ้าบอกจะมาหาฉันแต่นี้มัน2ทุ่มกว่าแล้วนะ ถ้าฟ้าออกจากบ้านตั้งแต่6โมงสักทุ่มหนึ่งก็น่าจะถึงบ้านฉันได้แล้วนิ แล้วฟ้าเขาหายไปไหนละ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรกับฟ้า ไม่นะ แล้วฉันควรทำยังไงเนี่ย ไอฟ้าแกหายหัวไปไหนเนี่ย ขอร้องละอย่าได้เกิดอะไรขึ้นกับแกเลยนะฟ้า ฉันไม่อยากจะ ไม่อยากจะ อย่านึกแบบนั้นสิฟาง ฟ้านะมันเก่งไม่เป็นอะไรหรอก ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฟ้าแน่นอน ฟ้ามันก็แค่อยากออกไปเที่ยวโดยใช้ชื่อแกมาอ้าง บ้างทีตอนนี้มันอาจจะอยู่กับเต้แฟนมันก็ได้ เมื่อฉันคิดได้แบบนั้นก็ทำให้สบายใจไปได้แปปนึง ไม่หรอกฟ้าไม่น่าจะอยู่กับเต้ หรือถ้าอยู่กับเต้จริงๆนี้มันก็จะ2ทุ่มแล้ว แค่ทุ่มครึ่งมันก็น่าจะรีบกลับได้แล้วนิ ความคิดในหัวฉันตีกันยุ่งเหยิงไปหมด
เราก็ลองโทรไปหาเต้แค่นี้ก็รู้แล้ว จะคิดให้มันมากเรื่องทำไมเนี่ย โง่อยู่ได้ตั้งนาน เมื่อคิดได้ฉันก็รีบหยิบมือถือแล้วก็ค้นหาเบอร์ของเต้ นี้ไงละเจอแล้ว เมื่อเจอเบอร์ที่ต้องการแล้วฉันก็โทรไปหาทันที
“ฮัลโล ฟางหรอมีอะไรอะ ถ้าเรื่องฟ้าละก็ เต้ไม่มีอะไรจะพูดนะ”เต้บอกด้วน้ำเสียงเบื่อๆ
“มีอะไรหรอเต้ คือว่าตอนนี้ฟ้าอยู่กับเต้รึเปล่าอะ”ฉันถามคำถามที่ฉันอยากรู้ที่สุด ถ้าคำตอบบอกว่าไม่ละก็ฉันควรจะทำยังไงต่อละเนี่ย
“ฟ้าหรอไม่ได้เจอกันเกือบจะ2อาทิตย์แล้วละ เรากับฟ้าเลิกกันแล้วละ ไม่ต้องมาว่าเราหรอกนะฟาง เรากับฟ้าอะไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ”เต้บอกเราด้วนน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“เลิกกันแล้วหรอ ทำไมเราไม่รู้เลยละ คือตอนนี้ฟ้าเขาหายไปไหนก็ไม่รู้อะ ถ้าเต้ว่างอยู่ละก็ช่วยหาฟ้าให้หน่อยได้ไหม มีที่ไหนไหมอะที่ฟ้าเขาชอบไปไหมอะ”ฉันเองที่ยิ่งกลัวกับคำตอบที่ได้ฟังอยู่แล้วเมื่อรู้ว่าฟ้าไม่ได้อยู่กับเต้ก็ยิ่งรู้สึกแย่กันเข้าไปใหญ่
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอฟาง ฟ้าเขาหายไปตั้งแต่เมื่อไรอะ เรื่องมันเป็นยังไงละฟาง”ต้นถามเป็นชุดๆ
“คือว่าฟ้าบอกกับแม่เขาว่าจะมาหาฟางแล้วก็ออกจากบ้านตั้งแต่6โมงแต่ถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าฟ้าหายไปไหนเลยอะ”ฉันบอกเต้ไปตามความจริง
“งั้นหรอ เดี๋ยวเราจะช่วยตามให้อีกแรงก็แล้วกัน” เต้บอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“อือขอบใจนะเต้ ขอบใจที่ยังเป็นห่วงฟ้ามันถ้ามันรู้คงจะดีใจ”ฉันบอกออกไปตามที่รู้สึก
“บางทีฟ้าเขาคงไม่อยากจะเจอหน้าเราอีกแล้วก็ได้นะฟาง”เต้ตอบกลับมาด้วยเสียงเศร้า “ทำไมละ เออ...ตอนนี้ช่างมันก่อนก็แล้วกัน ตามหาฟ้าให้เจอก่อนแล้วค่อยเล่าให้เราฟังก็แล้วกันนะเต้ แค่นี้นะ ถ้าเจอฟ้าก็รีบโทรมาบอกเลยนะ ขอบใจจ๊ะ”ฉันบอกแล้วก็วางสาย ฉันรีบลงไปหาแม่แล้วก็เล่าเรื่องที่ฟ้าหายตัวไป พ่อก็เลยบอกให้แม่เฝ้าบ้าน แล้วพ่อกับฉันจะออกไปหาฟ้ากันแถวๆนี้ แล้วก็จะแวะไปดูแถวๆบ้านฟ้าด้วย แล้วฉันกับพ่อก็ขึ้นรถออกตระเวนตามหาวี่แววของฟ้า
“คนนั้นเหมือนฟ้าเลยอะ จอดก่อนค่ะ”ฉันรีบบอกกับพ่อเมื่อเจอคนที่ลักษณะคล้ายๆฟ้าแต่เมื่อวิ่งเข้าไปใกล้ๆก็ไม่ใช่ ฉันรู้สึกผิดหวังทุกครั้งที่คิดว่าใช่แล้วไม่ใช่ ฉันทักผิดไปเกือบๆสิบคนแล้วเมื่อไปถึงบ้านของฟ้า ก็เจอกับป้านี
“หวัดดีจ๊ะ หนูฟาง”ป้านีทักด้วยสีหน้ากังวลใจ
“หวัดดีค่ะ เจอฟ้ารึยังค่ะ”ทั้งๆที่รู้คำตอบแต่ก็ต้องถามออกไป
“ยังไม่เจอเลยจ๊ะ”ป้านีตอบฉันด้วยสีหน้าเศร้า
“ลุงอิดก็ออกไปตามหาดูแล้วละ นี้ก็โทรมาบอกว่ายังไม่เจอเลย”ป้านีบอกต่อ
“งั้นหรอครับ ทางเราเองก็ขับรถดูแถวๆนี้แล้วแต่ก็ยังไม่เจอเลยเหมือนกัน”พ่อของฉันบอก
“งั้นหรอค่ะ อือ ยังไงก็ขอบคุณมากๆน่ะคะที่ช่วยตามหายัยฟ้าให้ ไม่รู้ว่าหายไปไหนกันแน่”ป้านีบอกแล้วหันมามองหน้าฉัน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฟ้าก็เป็นเพื่อนหนูนะค่ะ ถ้างั้นหนูขอลากลับก่อนเลยนะค่ะ แล้วหนูกับพ่อจะช่วยตามหาฟ้าอีกแรงค่ะ”ฉันบอกกับป้านีไปเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้นเพราะใบหน้าเธอตอนนี้มันแย่เหลือเกิน ความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นมันแสดงออกทางสีหน้าได้ชัดเจนจริงๆ
“อือ จ๊ะ ฝากด้วยนะค่ะคุณเชษ รู้สึกว่าตอนที่ฟ้าออกจากบ้านไปมันใส่เสื้อยืดสีดำมีลายดอกไม้แล้วก็กางเกงยีนส์ตัวโปรดที่มีลายดอกไม้อยู่นะค่ะ”ป้านีบอกพ่อฉัน
“ครับ มันคงจะทำให้ตามหาฟ้าได้ง่ายขึ้นแน่ๆ ผมจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่ครับ ไม่ต้องกังวลครับ ยังไงเราก็ต้องเจอฟ้าแน่ๆ”พ่อฉันบอกด้วยสีหน้าและแววตาที่หนักแน่น พ่อคงมั่นใจแน่ๆว่าต้องเจอฟ้า ผิดกับฉันที่ไม่แน่ใจเลยว่าจะเจอเธอในสภาพในจะยังมีลม... เห้ยๆอย่าคิดแบบนั่นสิฟาง ฟ้ามันไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก แกนิอย่าคิดอะไรในแง่ร้ายสิ
“งั้นไปกันเถอะลูก”พ่อบอกฉัน แล้วก็เดินนำหน้าฉันไปขึ้นรถ ฉันหันกลับไปไหว้ป้านีแล้วก็เดินไปขึ้นรถเพื่อตามหาฟ้าต่อไปตอนนี้ก็เกือบๆ4ทุ่มแล้วละ ฉันกะว่าถ้า5ทุ่มกว่าๆยังไม่เจอก็คงจะกลับบ้านละ เพราะฉันเองก็คงไม่รู้ว่าจะไปหาฟ้ามันที่ไหนแล้วเหมือนกัน
“ลูกว่าหนูฟ้าเขาจะไปไหนอีกได้ละ”พ่อหันมาถามฉันขณะที่เราช่วยกันมองหาฟ้า
“หนูคิดไม่ออกแล้วค่ะ เท่าที่ฟางทำได้ ที่สนามเด็กเล่นไหมค่ะ ฟางว่าฟ้ามันน่าจะไปนะ”ฉันบอกออกไปเพราะเวลาที่ฟ้ามันเศร้าๆมันชอบไปนั่งร้องไห้ที่ชิงช้า
“อือ งั้นเราลองแวะไปดูก็แล้วกัน”พ่อบอกแล้วก็ขับรถแบบช้าๆเพื่อจะได้คอยมองดูฟ้าแถวๆข้างทาง แล้วก็ตรงไปที่สนามเด็กเล่น เมื่อไปถึงก็เห็นเพียงคู่รักหนุ่มสาวที่นั่งพลอดรักกันในมุมที่มีดอกไม้ ส่วนในสนามเด็กเล่นก็ไม่มีใครมีเพียงแต่ชิงช้าที่ยังแกว่งไปมา บางทีอาจจะมีคนเพิ่งมานั่งเล่นเมื่อกี้ก็ได้แต่ฉันก็ไม่แน่ใจบางทีอาจจะเป็นแค่ลมพัดก็ได้ไม่ได้มีใครมาเล่น แต่ที่ฉันคิดว่ามันแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งก็คือว่าฟ้าไม่ได้อยู่ที่นี้ ในตอนนี้ฟ้าอยู่ที่ไหนกันนะ
สิ่งที่ฉันรู้คือฉันไปทุกๆที่ที่คิดว่าฟ้าจะไปแล้วแต่ว่าไม่เจอเธอเลย แล้วเราก็คว้าน้ำเหลว พ่อของฉันโทรไปถามป้านีว่าเจอฟ้ารึยัง ฝ่ายป้านีเองก็ยังไม่เจอ สรุปว่าเราคว้าน้ำเหลวด้วยกันทั้งหมด พ่อฉันบอกว่าถ้าเย็นพรุ่งนี้ยังหาตัวฟ้าไม่เจอให้ป้านีไปแจ้งตำรวจ บางทีฟ้าอาจะไปเที่ยวกับเพื่อนคนไหนแล้วไม่ได้บอกพวกเรา แล้วเกิดไม่อยากกลับบ้านก็ได้ พ่อพยายามปลอบไม่ให้ป้านีคิดมาก แต่ฉันว่าถึงพ่อปลอบยังไงคนเป็นแม่ก็ยังต้องห่วงลูกมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับฟ้ามันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ ฟ้าไม่ใช่คนที่ไม่มีความรับผิดชอบ เวลาเขาจะหนีเที่ยวยังไงก็ต้องโทรมาบอกฉันไม่ก็ปลากับต่าย ไม่มีทางที่ฟ้าจะเงียบหายไปเฉยๆ เห้ยแล้วทำไมเราไม่โทรไปหาต่ายละ โง่ทำไมตั้งนานเนี่ย แล้วฉันก็หยิบมือถือขึ้นมาจะโทรไปหาต่าย
“จะโทรไปหาใครอะลูก”พ่อหันมาถามฉัน
“ต่ายค่ะ เพื่อว่าเขาจะรู้ว่าฟ้าอยู่ไหน”ฉันบอกพ่อ
“ต่ายเขาคงนอนแล้วละลูกนี้เที่ยงคืนกว่าแล้ว ค่อยโทรไปหาพรุ่งนี้เถอะ อีกอย่างป้านีก็รู้จักต่ายป้าเขาคงจะโทรไปถามมาแล้วละ ถ้าลูกมีเรื่องอะไรก็ค่อยโทรไปหาต่ายเขาพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”พ่อบอกฉันและอธิบายเหตุผลซึ่งฉันก็เห็นด้วย ฉันก็เลยไม่ได้โทรไปหาต่าย ฉันกับพ่อขับรถกลับบ้าน แม่ยังนั่งรอเราอยู่ พ่อบอกว่ายังหาฟ้าไม่เจอ แม่ฉันก็ยิ่งกระวนกระวายไปกันใหญ่ แม่ห่วงว่าป้านีจะเป็นอะไรก็เลยกะว่าจะไปหาป้านี แต่พ่อบอกว่าป้านีไม่เป็นไรหรอกเพราะมีลุงอิดคอยดูอยู่แล้ว ไม่ต้องไปหรอก แค่โทรไปหาก็พ่อ แม่ฉันก็เลยโทรไปหาป้านี ส่วนฉันก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำใหม่เพราะรู้สึกว่าตอนที่ไปตามหาฟ้าเหงื่อฉันจะออกเยอะเลยละ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวแล้วฉันก็คิดว่าจะล้มตัวลงนอน แต่พอคิดอีกทีอยากจะเข้าเนตสักหน่อย ฉันไม่ได้เช็คเมล์เกือบอาทิตย์แล้วไม่รู้ว่าจะมีใครส่งเมล์มามั่ง บางที่อาจจะมีเมล์สำคัญที่รอให้ฉันเข้าไปอ่านอยู่ก็ได้ เมื่อคิดเช่นนั้น จากที่ล้มตัวลงนอนแล้วก็ลุกขึ้นไปเปิดคอม เสียงคอมเพรสเซอร์ของคอมเริ่มทำงาน เสียงแอร์ในห้องที่ตั้งเอาไว้25องศา แต่ทำไมในใจฉันมันรู้สึกร้อนรุ่มไปหมดอย่างนี้ ฉันต่อเนตเสร็จแล้วก็เข้าเอ็มเอสเอ็น มีเมล์ถึงฉัน23ฉบับ ฉันก็ค่อยๆไล่ดูไปเรื่อยๆ ส่วนมากก็เป็นเมล์ลูกโซ่ เมล์ไม่ค่อยสำคัญ แต่แล้วฉันก็เจอกับเมล์ที่แปลกประหลาด ฉันไม่เคยเห็นเมล์นี้มาก่อน ใจหนึ่งก็บอกว่าอย่าเปิดมันอาจจะมีไวรัสก็ได้ แต่อีกใจฉันก็บอกว่าเปิดเถอะมันต้องมีอะไรอยู่ข้างในแน่ๆ และมันต้องสำคัญด้วยแน่ๆ แต่เปิดแล้วก็คงไม่เป็นอะไรหรอก เพราะโปรแกรมป้องกันไวรัสของเราก็ยังงทำงานอยู่นี้ ทั้งชื่อหัวข้อทั้งพื้นที่ข้อความขาวโพลน สรุปว่าเป็นเมล์เปล่างั้นหรอมีเพียงไฟล์ไฟล์หนึ่งแนบมาด้วยเท่านั้น
‘ไฟล์ 1’
ชื่อนั้นปรากฏอยู่ตรงไฟล์ที่แนบมาด้วย ฉันไม่เข้าใจเลยแต่เมื่อลองตรวจสอบรูปแบบไฟล์ก็ดูรู้ว่ามันต้องเป็นไฟล์รูปภาพ
สิ่งที่ฉันคิดอันดับแรกคือไวรัสคอมพิวเตอร์ ส่งแค่ไฟล์รูปภาพมาเท่านั้น แต่ถ้าเผลอเปิดก็เสี่ยงที่จะทำลายโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ตัวเมล์ว่างเปล่า ยิ่งกว่านั้นผู้ส่งเป็นใครก็ไม่รู้ เราน่าจะกำจัดโดยไม่เปิดเลยน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่าถึงอย่างไรเขาก็ส่งมากแล้ว คงคิดว่าเราเป็นคนขาดความรู้เรื่องอินเตอร์เน็ตขนาดเปิดเมล์อย่างนี้โดยไม่คิดอะไรเลยมั้งหรือว่าเขาตั้งใจจะก่อก่วน
เราควรทำยังไงดีเนี่ย
แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็เอาชนะความกลัวจนได้ สำรองข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ถ้าเกิดไฟล์นี้เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ที่รุนแรงแม้คอมฯของเราจะถูกทำลายใจพริบตา แต่เราก็สามารถกู้คืนมาได้อยู่แล้ว แล้วเราก็น่าจะหาทางโต้ตอบกลับได้แน่ๆ ถึงเราไม่ได้เก่งมากแต่พ่อเราก็เป็นพนักงานบริษัทคอมพิวเตอร์นะ ถ้าขอร้องให้พ่อช่วยเรา ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เมื่อคิดได้เช่นนั้นฉันก็คลิ๊กเปิดดูเมล์ฉบับนั้นทันที
ภาพหน้าจอที่ขาวโพลนค่อยๆปรากฏรูปภาพขึ้นมา ตอนแรกก็ดูไม่รู้เรื่อง ฉันเห็นแมลงสาบไต่ออกมาจากปาก แมลงวันรุมตอมก้อนเนื้อชิ้นนั้น ที่ท้องรู้สึกเหมือนมีหนอนและเครื่องในเป็นมันเงา มีแมลงวันอยู่ในช่องท้องของศพ และก็แมลงอะไรก็ไม่รู้บินไปบินมา แมลงสาบที่แหวกว่ายอยู่ในทะเลเลือดที่ช่องท้อง ผมที่ลงมาปิดหน้าราวกับสาหร่ายนั่นแม้มันอาจจะทำให้ฉันไม่รู้ว่าศพนั้นเป็นใคร แต่ฉันรู้สึกว่าใช่แน่ๆ มันต้องเป็นเสื้อของ ไม่อะ ไม่จริง ไม่ไม่จริงใช่ไหม ไม่อะ สมองของฉันทนดูภาพนั้นต่อไปไม่ไหว ฉันคิดว่าจะกดลบภาพนั่นทิ้งแต่พอคิดอีกทีฉันคิดว่าไม่ดีกว่า ฉันต้องเก็บมันเอาไว้จนกว่าจะเจอฟ้า ไม่ว่าจะเจอฟ้าในสภาพในก็ตามแต่ แล้วฉันก็กดปิดหน้าต่างเว็บเบราเซ่อร์ แล้วก็ออกจากเนตเลย ฉันไม่มีอารมณ์จะเช็คเมล์แล้วละ
สิ่งที่ฉันคิดว่ามันแนบมากับเมล์คือไวรัสและฉันพร้อมที่จะตอบโต้กลับไปถ้ามันกลายเป็นไวรัส มันกลับกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น มันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันประสาทหลอน และไม่มีทางที่จะตอบโต้อะไรกลับไปได้เลย
ฉันล้มตัวลงนอนแต่ก็นอนไม่หลับได้แต่กระสับกระส่ายไปมาพยายามไม่นึกถึงรูปนั่น แต่มันยังคงแจ่มฉันในมโนภาพของฉัน มันไม่ได้จางหายไปเลยหลังจากที่ฉันกดปิด แม้ฉันจะปิดเครื่องคอมฯไปแล้ว แต่เมื่อมองไปที่หน้าตอมอนิเตอร์กลับเห็นภาพนั้นได้ชัดเจน ไม่ว่าจะหลับตาลืมตา หรือจะมองอะไร ภาพนั่นก็ยังตามหลอกหลอนฉันอยู่ดี ฉันพยายามสวดมนต์แต่มันก็ไม่สำเร็จ ผลสุดท้ายก็ได้แต่นอนพลิกตัวไปมาจนถึงเช้าโดยที่ไม่ได้หลับเลย
เมื่อดวงตะวันเริ่มขึ้นในตอนใกล้หกโมงเช้า ฉันก็ลุกขึ้นอาบน้ำแปรงฟัน แล้วก็ใส่เสื้อสีดำกับกางเกงยีนส์ ฉันรวบผมยาวประบ่าของฉันขึ้น และมองตัวเองในกระจก แล้วฉันก็เห็น คนคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังฉัน เป็นผู้ชายแต่งตัวโบราณๆลักษณะเหมือนช่วงร.5 แต่มันจะเป็นช่วงไหนก็ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญฉันมองไม่เห็นหน้าเพราะเขาอยู่ในเงามืดของตู้เสื้อผ้า ฉันหันหลังไปมองก็ยังเห็นเขายืนนิ่งไม่ขยับ
เขาไม่ใช่คนแน่ๆฉันคิด แต่เขาลอยไม่ได้นิเท้าเขาติดดินด้วย แล้วเขาเข้ามาในห้องเราได้ยังไงอะ ฉันควรทำยังไงเนี่ย ความกลัวที่เกิดขึ้นทำให้ฉันเองก็ได้แต่ยืนอึ้ง
“คะ คะ คุ คุณเป็นใครกันอะ”ฉันถามออกไปด้วยความกลัว ฉันรู้สึกว่าเขาเงียบไปนานมากๆ จนฉันกลัวเหลือเกิน แสงอาทิตย์ก็ค่อยๆสาดเข้ามาเรื่อยๆจนฉันได้เห็นใบหน้าของเขาจนหมด
“ขอโทษทีครับ ผมกลัวความมืดอะครับ ผมก็เลยต้องรอให้แสงส่องก่อนถึงจะพูดได้ เวลาพูดตอนมืดๆทีไร รู้สึกเหมือนมีคนหลายคนคอยฟังเสียงผมยังไงก็ไม่รู้”เขาตอบฉันด้วยเสียงที่ดูเป็นมิตรสุดๆ
“แล้วคุณเป็นใครละค่ะ”มันทำให้ความเครียดที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ลดลงไปทันที ฉันรู้สึกว่าเขาต้องเป็นมิตรแน่ๆ อีกอย่างหน้าตาเขาก็ไม่ได้ดูร้ายกาจด้วย
“ผมหรอ ผมเป็นวิญญาณที่ถูกสะกดไว้ในแผ่นยันต์ที่เพื่อนคุณคลี่ออกอะนะ”เขาพูดจาอย่างเป็นมิตรและส่งยิ้มให้ฉัน เขาหล่อจังเลย แล้วเขาชื่ออะไรนะ
“คุณคงคิดว่าผมชื่ออะไรใช่ไหม ผมชื่อกวี ผมไม่มีชื่อเล่น เพราะชื่อจริงผมมันก็สั้นอยู่แล้ว ผมเป็นเพื่อนกับวิญญาณอีกตนที่ทำร้ายเพื่อนคุณ เธอชื่อดาริณีหรือเรียกง่ายๆว่าดา ผมกับเธอตายพร้อมๆกัน แต่เธอกลับมีพลังมากเสียยิ่งกว่าผม คงเป็นเพราะดาคงมีความแค้นมากๆ เธอก็เลยมีพลังมากไปด้วย” แล้วทำไมเขาถึงรู้ละว่าเราคิดอะไร หน้าตาดีๆแถมชื่อกวีด้วย เหอ....ชอบจัง
“ผมเป็นผีนะคุณ อ่านใจคุณได้ คุณชื่อฟางสินะ”เขาถามฉันแล้วก็ยิ้มให้
“ใช่ค่ะ”ฉันตอบแล้วก็แอบปลื้มในรอยยิ้มของเขา หนุ่มที่เกิดมานานแล้วก็ตายกลายเป็นวิญญาณแต่กลับหล่อโดนใจอย่างแรงเลยอะ หล่อยิ่งกว่าเพื่อนร่วมห้องเราอีกนะเนี่ย หน้าตาอย่างนี้แถมชื่อกวีอีกน่าจะมีชื่อเล่นว่าบีมนะเนี่ย
“โอเค ผมจะชื่อบีมก็ได้ พอใจไหม ผมอยากจะช่วยคุณนะฟาง คือว่าไงดีละ ผมเองก็ไม่อยากให้ดาไปทำร้ายใคร คุณเองก็ไม่อยากให้เพื่อนของคุณโดนทำร้ายใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ฉันว่าฉันเรียกคุณว่าพี่บีมแล้วคุณเรียกฉันว่าฟางก็ได้นิ”ฉันว่าแล้วยิ้มให้
“โอเค ผมจะเลิกอ่านใจคุณดีกว่า”ฉันจ้องหน้าเขา “เออ... ผมจะไม่อ่านใจฟางอีก โอเคไหมครับ”กวีหรือว่าบีมยิ้มให้ฉันมันช่างมีเสน่ห์จริงๆ
“ผมว่าคุณไม่ควรจะสู้กับดานะ ฟางคุณไม่สามารถทำอะไรเธอได้หรอก”
“แล้วฉันควรจะทำยังไงละ”บีมนิ่งเงียบได้แต่มองหน้าฉันอย่างครุ่นคิด
“ว่าไงละค่ะพี่บีม จะให้ทำยังไงละค่ะ”ฉันถามเขาต่อ
“อืม... ฟางน่าจะอยู่นิ่งๆรอดูสถานการณ์ไปก่อนนะ ผมว่าดาเขาน่าจะพักสักหน่อย เพราะเขาก็ใช้พลังไปเยอะเหมือนกัน”บีมตอบฉันแต่สีหน้าเขาดูไม่แน่ใจเลย มันยิ่งทำให้ฉันหงุดหงิดบอกว่าจะมาช่วย แต่ตัวเองก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เหอ...
“นิถามจริงเหอะนะ ในเมื่อนายตายพร้อมกับยัยดาอะไรนั่นทำไมนายถึงไม่เก่งอย่างยัยนั้นละ”ฉันถามออกไปตรงๆ
“ก็บอกแล้วไงว่าดานะตายพร้อมกับความแค้นแต่ผมอะไม่ใช่ ผมแค่ยังอยากใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ไม่อยากจะไปที่โลกสุดท้ายหรือไปเกิดใหม่ ผมยังอยากอยู่ที่นี้ก็เท่านั่นเอง”
“แล้วทำไมนายถึงไม่อยากแก้แค้นมั่งละ นายตายยังไงหรอ”
“ผม ผมจมน้ำ เมื่อก่อนหลังโรงเรียนมีแม่น้ำนะ แล้วบังเอิญผมลงไปเล่นน้ำจริงๆผมก็ว่ายน้ำเป็นนะ แต่ถูกพรายน้ำมันจับขาเอาไว้ ผีนะ”บีมตอบเสียงสั่น
“หรอ แล้วตอนนี้ผีตัวนั่นยังอยู่ไหมอะ หรือว่าไปเกิดแล้วละ”
“มันไปแล้วละ มันใช้ผมเป็นตัวตายตัวแทนของมันเพื่อจะได้ไปเกิด”
“แล้วยัยดานั่นละ ใช้ปลาเป็นตัวตายตันแทนเพื่อไปเกิดเหมือนกันรึป่าว”
“ไม่หรอก ดาเขาไม่อยากไปเกิดหรอก อีกอย่างเพื่อนของคุณตอนนี้ก็ยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆคุณอยู่ด้วยละ แต่รู้สึกว่าเขาอยากจะไปจากโลกใบนี้แล้วละ จริงๆเขาจะไปที่โลกสุดท้ายตอนนี้เลยก็ได้นะ”บีมบอกฉัน
“ว่าไงนะ เพื่อนฉันยังไม่เผาเลยแล้วเธอจะไปได้ไง”
“ไม่ได้หมายความว่าต้องเผาก่อนนิถึงจะไปได้ เขาหมดห่วงเมื่อไรก็ไปได้เอง เขาเองก็แวะมาหาคุณนิ เขาดลใจให้คุณไปช่วยเพื่อนของคุณอีกคน แต่ว่ามันก็ไม่ทันการณ์”
“หืม... ไม่ทันฟะ ฟ้าตายแล้วงั้นหรอ”ฉันรู้สึกตกใจเมื่อได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
“ใช่ เธอตายแล้ว แต่เธอตายในที่ๆมีสัมภเวสีอยู่เยอะ พวกมันคงจะหลอกล่อเธอให้ติดอยู่ที่นั่นแล้วก็ต้องดูดกลืนพลังวิญญาณของเธอแน่ๆ”บีมบอกด้วยสีหน้าวิตก
“แล้วนายช่วยอะไรไม่ได้เลยรึงัย พลังนายมันมีน้อยนักงั้นหรอ”
“ผมช่วยอะไรไม่ได้หรอก นั่นไม่ใช่ที่ของผม อย่างที่ผมเข้าบ้านคุณได้ก็ต้องขอวีซ่าแล้วก็ต้องผ่านการอนุมัติจากผีบ้านผีเรือนของคุณด้วยนะ ไม่งั้นเขาคงไม่ให้เข้ากันพอดี ผมบอกว่ามันเป็นธุระสำคัญ แล้วทางฝ่ายกระทรวงวิญญาณก็ทำวีซ่าให้ผมแล้ว ทางผีบ้านผีเรือนคุณก็เลยให้ผมเขามาหาคุณได้ พวกเขาเป็นมิตรมากๆเลยละ ไม่เหมือนผีบ้านบ้างทีดุมากๆเลย”เขาพูดแล้วยิ้มให้ฉัน แต่ฉันนี้สิงงไปหมดอะไรของเขา เคยได้ยินแต่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง บ้าที่สุดที่เคยรู้จักก็กระทรวงเวทย์มนต์ในแฮรี่ แล้วนี้กระทรวงวิญญาณ โอย อยากจะบ้าตาย
“ไม่ต้องงงหรอก เดี๋ยวพอคุณตายก็เข้าใจเอง เอาเป็นว่าผมจะลองไปปรึกษาหัวหน้าหน่วยปราบปรามวิญญาณร้ายก็แล้วกัน แต่ผมไม่รับประกันนะว่าจะช่วยอะไรคุณได้ เพราะว่าเขาเป็นพ่อของดาอะนะ”
“ว่าไงนะ ใครเป็นพ่อของดา”ฉันยังพูดไม่จบนายกวีก็หายไปราวกับอากาศธาตุ ไม่เหลือแม้แต่วี่แววของความหล่อ
‘เห้ย ไหนบอกว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องผีน่ากลัวแนวระทึกขวัญไง แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นสยองขวัญปนแฟนตาซีงี้อะ โอยงง คนแต่งมันบ้าไปแล้วรึป่าววะเนี่ย’ ฉันรำพึงรำพรรณกับตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันอีกละ ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดดาเป็นลูกสาวของหัวหน้าหน่วยปราบปรามวิญญาณร้ายเพราะฉะนั้นเธอก็เลยทำร้ายคนอื่นได้โดยไม่ถูกลงโทษงั้นหรอ แม้แต่ในโลกวิญญาณก็ยังมีผู้มีอิทธิพลหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
หลังจากที่ยืนงงไปเกือบครึ่งชั่วโมง ฉันก็คิดขึ้นได้ว่าควรจะลงไปหาอะไรกิน เมื่อลงไปถึงแม่ก็บอกว่ามีข้าวต้มปลาที่เหลือจากเมื่อคืนอยู่เดี๋ยวจะอุ่นให้กิน
ฉันนั่งรออยู่สักพัก แม่ก็ยกข้าวต้มปลามาให้ กลิ่นมันช่างหอมยั่วใจเหลือเกิน แต่แล้วฉันก็นึกไปถึงฟ้า ตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง เธอจะมีกินไหมนะ เมื่อคิดได้เช่นนั่นฉันก็เข้าไปตักข้าวต้มปลาอีกชามมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็วิ่งไปหยิบธูปมาหนึ่งดอกแล้วก็จุดธูปบอกกับฟ้าว่าฉันยกข้าวตกปลาชามนี้ให้ ส่วนฉันก็นั่งกินข้าวต้มปลาไปมองข้าวต้มปลาชามที่ฉันยกให้ฟ้าไปด้วย แล้วฉันก็รู้สึกได้ว่า มีลมเย็นๆพัดอยู่ใกล้ๆ ไอที่ลอยออกมาจากชามข้าวต้มแล้วไปปะทะเข้ากับอะไรบางอย่าง ฉันรู้สึกว่ามันเป็นหน้าคนแน่ๆ
“ฟ้า นั่นเธอใช่ไหม ฟ้า”ฉันพูดเสียงเบาๆเพราะกลัวว่าแม่จะได้ยิน
“อือ”เสียงตอบเบาๆลอยมากับสายลม
“แกเป็นไงมั่งฟ้า มีคนบอกฉันว่าแกต้องติดอยู่ที่นั่นออกมาไม่ได้นิ แล้วแกมาได้ยังไงอะ”ฉันถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ถึงร่างฉันจะยังไม่มีใครหาเจอ แต่เมื่อมีใครจุดธูปเรียกวิญญาณ วิญญาณนั้นก็ออกมาได้นะ แต่ฉันเองต้องหนีพวกมันออกมา เพราะมันกักขังฉันไว้ แกช่วยฉันหน่อยสิฟาง ไปเอาร่างฉันออกมาทำพิธีทีสินะ ช่วยฉันหน่อยเถอะ มันกินร่างของฉันจนฉันเจ็บไปหมดแล้ว ช่วยฉันหน่อยฟาง”เมื่อเสียงนั่นพูดจบฉันก็เห็นฟ้าลางๆ ตอนนี้เธอทั้งบวมอืดน้ำเลือดน้ำนองมันน่ากลัวเหลือเกิน ทั้งแมลงสารพัดที่รุมตอมเธอมันทำให้ฉันอยากจะอ้วก ฉันตกใจจนตกเก้าอี้
โอย!!!!
มันน่ากลัวยิ่งกว่าภาพศพของเธอที่มีคนส่งมาซะอีกแทบมีกลิ่นเหม็นเน่าด้วย แต่ตอนนี้ฉันไม่เห็นฟ้าแล้วละ แต่ก็ยังงงๆว่าฉันเพี้ยนไปเองรึป่าว
“เป็นอะไรยัยฟาง”แม่รีบวิ่งออกมาดู ฉันยังนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นด้วยความรู้สึกงงๆ
“แม่ค่ะ ฟ้าตายแล้ว เราต้องไปตามหาศพฟ้านะค่ะ”ฉันบอกแม่ด้วยสีหน้าตื่นๆ
“จริงๆนะค่ะแม่ เมื่อกี้หนูเห็นฟ้า เขามาหาหนู หนูเรียกเขามา แม่ค่ะ ฟ้า ฟ้าเขา”ฉันพูดต่อไม่ได้แล้วฉันไม่รู้จะอธิบายอะไรให้แม่ฟังฉันได้แต่ร้องไห้แล้วก็กอดแม่เอาไว้
“โอเค ลูกมันเกิดอะไรขึ้น ไหนลองบอกแม่มาสิ”แม่ถามฉันหลังจากที่ฉันหยุดร้องไห้และดูเหมือนจะพูดรู้เรื่องแล้ว
“มีคนส่งเมล์มาหาฟางค่ะแม่ มัน มันเป็นรูปศพ ศพของฟ้าค่ะ แม่ ฟางไม่รู้ว่าฟางควรจะทำยังไง ตอนเช้าฟางก็เห็นผี เขาชื่อกวีค่ะแม่ เขาบอกว่าปลามาดลใจให้หนูช่วยตามหาฟ้าแต่มันช้าไป ฟางช่วยอะไรฟ้าไม่ได้ ตอนนี้ฟ้าตายแล้ว แม่ แม่ ฟางกลัว ฟางกลัวว่าฟางจะตายเหมือนฟ้า นังดามันต้องฆ่าฟางแน่ๆเลย แม่ แม่ต้องช่วยฟางนะค่ะ แม่ต้องช่วยฟางนะ”แม่ได้แต่อึ้งในสิ่งที่ฉันพูด
“แม่ไม่เข้าใจ แล้วรูป เออ รูปนั้นมันอยู่ที่ไหนละ”แม่ถามแล้วจ้องหน้าฉัน
ฉันไม่ตอบฉันเดินไปเปิดคอมฯในห้องนั่งเล่น ต่อเนตแล้วก็ล็อกอินเข้าเมล์ของตัวเอง ฉันเลื่อนหาอีเมล์ที่ไร้หัวข้อ แล้วฉันก็เจอ ฉันคลิกเปิดมันให้แม่ดู ส่วนฉันเมื่อคลิกแล้วก็หันไปมองทางอื่น แต่แม่ฉันกลับจ้องที่หน้าจอขาวโพลนเขม่งจนมันเริ่มมีภาพปรากฏขึ้นมา เมื่อภาพทุกอย่างชัดเจนแม่ผละออกจากคอมไปไกลทีเดียว
“ปะ ปิดมันเถอะฟาง แม่ทนดูไม่ได้แล้ว”แม่บอกฉันเสียงสั่น
ฉันได้แต่พยักหน้างึกๆแล้วก็ใช้ความรู้สึกหรือว่าประสาทสัมผัสในการปิดหน้าต่างเบราเซ่อร์ โดยไม่หันไปมองรูปภาพบนหน้าจอเลย
แม่ฉันร้องไห้ และนั่งนิ่ง ส่วนฉันก็นั่งอยู่เฉยๆ เนตที่ต่ออยู่ก็ยังไม่ได้ออก ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ฉันคิดแค่ว่ามันคงไม่ใช่ความจริง มันคงไม่ใช่ความจริงใช่ไหม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความจริง ฉันแค่กำลังฝันอยู่ แค่ฝันร้ายชั่วข้ามคืน เพียงแค่ตื่นก็ลืมไปเท่านั่นใช่ไหม แค่นั่นเอง งั้นฉันขอตื่นสักทีเถอะ ตื่นสิ ตื่นสิ
หลังจากเราสงบสติอารมณ์กันนานพอสมควร
“ฟาง แม่ว่าเราควรแจ้งตำรวจแล้วให้ทางตำรวจเป็นฝ่ายค้นหาศพเอง เราหากันเองไม่ได้หรอก เราทำไม่ได้หรอกนะลูก”แม่หันหน้ามามองฉัน
“แต่แม่คิดหรอค่ะว่าเขาจะเชื่อ ถึงมีรูป รูปนั้นมันก็อาจจะถูกทำขึ้นมาก็ได้ แล้วใครจะเชื่อเราค่ะ ใครจะเชื่อ ถ้าบอกว่าฟ้ามาหาเราแล้วใครจะเชื่อเราค่ะ เขาคงคิดว่าหนูเป็นบ้า รูปนั้นมันก็แค่รูปๆหนึ่งเท่านั้น มันอาจจะเป็นคนอื่นที่คล้ายฟ้ามันก็แค่นั่นเอง ไม่มีใครเชื่อเราหรอกแม่”ฉันพยายามหาเหตุผลมาอ้างให้แม่ฟัง
“แต่แม่จะไม่มีวันให้ลูกต้องทำอะไรเสี่ยงๆอย่างแน่นอน ไม่มีวัน ล้มเลิกความคิดที่จะไปตามหาศพฟ้าเองตามลำพังได้แล้ว ยัยฟาง ถ้าฟ้าเองเขาก็ยังถูกฆ่าในที่อย่างนั่น บางทีถ้าแกไปหาแกเองก็อาจจะตายอย่างเขาก็ได้ อย่าทำให้แม่ห่วงลูกไปมากกว่านี้ได้ไหม แม่กลัวนะ กลัวว่าลูกจะ ลูกจะ”แม่พูดเสียงสั่นแล้วก็ร้องไห้ ฉันรู้สึกผิดจริงๆ ฉันลืมไปได้ยังไงนะว่ามีแม่อีกคนที่คอยห่วงฉัน แล้วยังพ่ออีกละ ฉันคิดไปได้ยังไงนะว่าจะใช้ชีวิตของฉันเป็นเดิมพัน ฉันเคยคิดว่าชีวิตของฉันมันไร้ค่าไม่มีความหมายไม่มีใครสนใจ แต่ความจริงแล้วคนรอบข้างฉันเขาก็รักฉันทุกคน ฉันนี้มันโง่จริงๆที่คิดอะไรตื้นๆแบบนั้น ถ้าฉันไปตามหาศพฟ้าเจอจริงๆแล้วอะไรจะรับประกันละว่าฉันจะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากสภาพนั้นได้จริงๆ แล้วอะไรจะทำให้ฉันมั่นใจว่าฉันจะไม่ตายอย่างฟ้า แทนที่ฉันจะไปช่วยเธออาจจะเป็นฉันไปอยู่กับเธอก็ได้ ฉันกอดแม่เอาไว้เพราะฉันเองก็อยากจะกอดแม่ให้แน่น มันรู้สึกเหมือนจะไม่ได้กอดแม่อีกแล้ว ส่วนแม่ก็กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก
ฉันรับปากและสัญญากับแม่ว่าจะไม่ไปไหนลำพังเป็นอันขาด และฉันจะไม่ไปตามหาศพของฟ้าแน่นอน
แม้ฉันจะรับปากแม่ไปแล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าศพฟ้าอยู่ไหน ช่วง11โมงฉันอยู่บนห้องนอนตัวเอง ขณะที่ฉันกำลังนอนกลิ้งไปมา กวีก็โผล่มาอีกแล้ว
“หวัดดี เป็นไงบ้าง”บีมหรือกวีทักฉัน
ฉันเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เขาดูดีขึ้นนะ แต่งตัวทันสมัยขึ้น ตรงๆเลยหล่อขึ้นเยอะเลยละ แต่ถึงแม้เขาจะหล่อแค่ไหน แต่เวลานี้ความหล่อมันช่างไร้ค่าจริงๆ มันช่วยอะไรไม่ได้สักนิด แล้วมีแฟนหล่อมันดีตรงไหนกันละเนี่ย แต่ตอนนี้เราก็ไม่มีเวลาที่จะคิดถึงเรื่องความหล่อ ฉันต้องคิดถึงเรื่องฟ้าสักที
“ฟาง นิฟาง ฟังเราอยู่รึป่าว เธอรู้ไหมว่าพลังที่เธอเคยมีมันลดลงนะ”
“อะไร นายพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจอะ”
“ปกติพลังที่ส่งออกมาจากตัวฟางจะเป็นสีเหลืองๆเขียวๆดูมีความสุข แต่หลังจากที่เจอเรื่องร้ายๆตอนแรกๆพลังก็ออกมาสีเข้มๆทึบๆ จนน่าตกใจ แต่ตอนนี้พลังที่เคยมี มันกลับน้อยลงไปเกือบครึ่ง มันน่ากังวลมากนะรู้ไหม”
“ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย นายพูดเรื่องอะไรของนายเนี่ย”
“การที่พลังของคนเราจะลดลงได้ก็มีสาเหตุอยู่ไม่กี่อย่างหรอกนะ อย่างแรกชีวิตของเธอคงจะกำลังอยู่ในช่วงดวงไม่ดี วิญญาณร้ายรอบๆตัวของเธออาจจะสามารถดูดกลืนพลังของเธอ หรือไม่เธอก็อาจจะเจอกับวิญญาณที่ร้ายกาจขนาดสามารถดูดพลังของเธอได้ ถ้าพลังของเธอหมดเมื่อไรเธอคงจะหาสิ่งดีๆในชีวิตนี้ไม่ได้ เธอเป็นคนมีพลังสูงนะ มันก็คล้ายๆพลังจิต มันเป็นเหมือนเกราะคุ้มกันสิ่งร้ายๆที่จะเข้ามาทำลายเธอ ทั้งตอนที่เธอดวงตกมันก็ช่วยทำให้ชีวิตของเธอไม่แย่มากจนเกินไป ยามเธอตายมันก็จะเป็นพลังสะสมให้เธอด้วย”ฉันได้แต่นั่งฟังเขาพล่ามโดยที่พยายามทำความเข้าใจให้มากที่สุด
“แล้วทำไมพลังของฉันถึงได้น้อยลงละ”
“นิฟาง เธอเป็นอะไรไปยังงั้นหรอ มันมีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรอ บอกหน่อยดิ”
“มีคนส่งรูปศพมาให้ฉันว่ามันเป็นรูปศพของฟ้า แต่มันไม่มีชื่ออีเมล์อะ ฉันละไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันส่งมาได้ยังไง นินายเป็นผีช่วยอะไรฉันสักหน่อยสิ ช่วยสืบหาให้หน่อยได้ไหมว่าใครเป็นคนส่งมาอะ”
“ก็ได้ เธอก็เปิดอีเมล์นั้นขึ้นมาสิ แล้วจะช่วยหาให้ว่าใครส่งมา”
“แล้วนายจะหาได้ไงอะ ถึงนายจะเป็นผีก็เหอะจะรู้เรื่องโลกไซเบอร์ด้วยหรอ”
“เมื่อก่อนก็อาจจะไม่รู้ แต่หลังจากเข้าคอร์สอมรมชีวิตในโลกปัจจุบันก็ทำให้รู้จักโลกไซเบอร์ และทำให้รู้ว่าในโลกของเนตนะมีผีอยู่ด้วยละ”
“จริงๆหรอ เออแล้วที่นายไปเข้าคอร์สนั้นมาเขาสอนอะไรมั่งอะ”ฉันถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ก็สอนให้รู้จักเทคโนโลยีใหม่ๆ วิวัฒนาการต่างๆ เขาสอนให้รู้จักมือถือ คอมพิวเตอร์ และก็อีกสารพัด แล้วก็สอนเรื่องแฟชั่นด้วยละ ดูสภาพเราตอนนี้ดิ หล่อขึ้นป่าว”
“อือ นายดูดีขึ้น ฉันพึ่งสังเกตว่าทรงผมนายดูคล้ายพี่บีมนะ แล้วการพูดการจาก็เปลี่ยนไปด้วยอะ เขาสอนหรอ”สิ่งที่เขาพูดมามันทำให้ฉันอึ้ง
“ใช่ พอดีเห็นว่าพี่บีมอะไรของคุณเขาหล่อดี ก็เลยบอกให้ที่ร้านทำให้บ้างอะ”
“หืม...โลกของผีเนี่ยทันสมัยกว่าที่ฉันคิดนะ แล้วที่นายไปทำมาทั้งหมดเนี่ย ต้องเสียเงินด้วยรึป่าว แล้วผีเนี่ยต้องใช้เงินด้วยหรอ”ฉันถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็ใช่อะนะไม่งั้นจะมีแบงก์กงเต็กทำไมละ แต่เราอะไม่มีเงินหรอก ตอนนี้เรากำลังหาอยู่ พอดีเขามีธนาคารไว้ให้กู้เงินได้ แล้วด้วยความที่เรามีเครดิตมากแล้วก็อยู่มานาน ก็เลยได้มาเยอะเหมือนกันละ เอาเปิดคอมฯแล้วก็เข้าเนตไปเปิดเมล์สักทีดิเดียวเราจะได้เข้าไปดูให้สักที”บีมหันมาจ้องหน้าฉันเป็นเชิงออกคำสั่ง
“อือ รอแปปนะ”ฉันบอกแล้วก็ลุกจากที่นอนไปเปิดคอมฯรอสักพักหน้าจอมอนิเตอร์ก็สะท้อนภาพของฉัน หลังจากนั้นสักพักก็ทำงานจนถึงหน้าจอเดสท็อบ กดต่อเนตแล้วก็ล็อกอินเข้าเมล์ของฉันเอง เปิดอีเมล์ที่มีรูปนั้น เมื่อเปิดแล้วฉันก็หันหลังให้หน้าจอ
“เป็นอะไรไปหรอฟาง ไม่อยากดูงั้นหรอ”
“อือ ไม่อยากดู แล้วนายจะรู้ได้ไงอะ”
“ก็หันมามองผมสิแล้วจะรู้”
ฉันจึงหันไปดูพี่บีม เขาเอามือสอดเข้าไปที่ช่องใส่แผ่นซีดี ร่างกายของเขากลายเป็นเลข1กับ0เรียงสลับกันไปมา มันคงจะเป็นเลขฐานสอง ถึงแม้เขาจะหันมาขยับปากพูดกับฉัน แต่เขากลับไม่มีปากมีเพียงเสียงออกมาเท่านั้น
“ไปละนะ รับรองว่าหาได้แน่ว่าใครเป็นคนส่ง”แล้วเขาก็หายเข้าไปในคอมฉันเห็นเขาเข้าไปโผล่ในหน้าจอ แล้วก็โบกมือทักทายฉัน
“ไม่ต้องห่วง ไปละ”เขาบอกฉันแล้วก็หายเข้าไปตรงชื่ออีเมล์ที่ส่งมาทั้งๆที่มันไม่มีอะไรขึ้นมาเลยแม้แต่ชื่ออีเมล์ ฉันเองก็นั่งรออยู่แบบนั้นตอนนี้ก็เกือบๆจะเที่ยงแล้ว เขาเข้าไปเกือบ10นาทีแล้วละ แต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันนานเหลือเกิน เขาจะหาได้จริงๆหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ถ้าหาได้ว่าใครส่งเราก็น่าจะถามเขาได้ว่าฟ้าอยู่ไหน เราต้องตามหาร่างของแกเจอแน่ๆฟ้า แกไม่ต้องกลัวนะ ฉันสัญญาว่าจะช่วยแกเต็มที แกไม่ต้องกลัวนะฟ้า ฉันบอกฟ้าแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมา เขามาแล้วละ พี่บีมออกมาจากคอมฯทางช่องใส่แผ่นซีดี
“เป็นไงมั่งอะ ได้เรื่องรึป่าว เจอไหม เจอรึป่าว”
“เจอนะมันก็เจอนะ คอมฯที่ใช้เข้าเมล์นี้มันเป็นเครื่องที่ส่งมาจากบ้านของปลา”
“บ้านของปลาแล้วใครส่งมาละ ก็นั่นแหละ เราเองก็ไม่รู้ พ่อแม่เขาอาจจะส่งมาละมั้ง”
“ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่แน่ๆ ฉันว่าบางทีปลาอาจจะเป็นคนส่งก็ได้ นินายช่วยติดต่อปลาให้ฉันหน่อยสิ หรือติดต่อฟ้าก็ได้ ใครสักคนอะ ช่วยหน่อยสินะ พี่บีม พี่บีมช่วยหน่อยนะ นะนะ พี่บีมกวี ช่วยฉันหน่อยนะ นะ ทำให้ฉันเห็นพวกเขาทีนะ”
“ไม่ได้หรอก มันผิดกฎอะนะ ยิ่งวิญญาณใหม่ๆอย่างเพื่อนเธออะ คงยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ปรากฏตัวบ่อยหรอก แล้วการที่วิญญาณจะปรากฏตัวให้คนเห็นนะมันต้องใช้พลังมากนะ ยิ่งเพื่อนเธอเขาก็ไม่เขาก็ไม่ค่อยจะมีพลังอยู่ด้วย ที่เขาปรากฏร่างให้เธอเห็นวันนี้ก็ทำให้เขาเกือบจะสลายไปแล้ว พลังวิญญาณของเขาหมดเมื่อไรก็ไม่เหลืออะไรอีกเลย นิเธอรู้ไหมว่าทำไมวันนี้ตอนเช้าฟ้าเขาถึงมาหาเธอได้นะ”
“ก็เพราะฉันจุดธูปเรียกเธอมานะสิ เป็นผีแท้ๆทำเป็นไม่รู้”ฉันตอบแล้วก็จ้องหน้าเขา
“ก็เกือบจะใช่แต่ที่ฟ้าออกมาได้แค่เวลานั้นก็เพราะว่าเธอหนีออกมาได้ด้วย นั้นก็แปลว่าถ้าตอนนี้เธอจุดธูปเรียกฟ้าตอนนี้ ฟ้าก็คงจะมาหาเธอไม่ได้แล้วละ ผีพวกนั่นคงจะคุมขังเธอไว้อย่างดี เราช่วยอะไรเธอไม่ได้จริงๆ แต่เราว่าเราอาจจะช่วยไม่ให้ดาทำร้ายเพื่อนๆของเธอได้” บีมบอกฉันและยิ้มให้แต่ดูเหมือนเขาไม่ค่อยแน่ใจเลย
“แล้วปลาละ ทำให้ฉันเจอกับปลาได้ไหมอะ”ฉันมองเขาเพราะมันเหมือนความหวังสุดท้าย ถ้าฉันได้เจอปลาฉันก็จะรู้ว่าใครเป็นคนส่งรูปศพของฟ้ามา
“ไม่ได้หรอก คลื่นพลังวิญญาณของปลาอ่อนเหลือเกิน แล้วตอนนี้ก็รู้สึกว่าจะสัมผัสแทบไม่ได้แล้วด้วย เพื่อนเธอเองก็ปรากฏตัวให้พ่อแม่เขาเห็น คงจะเสียพลังไปเยอะ ตอนนี้ถึงได้อ่อนแอได้ขนาดนี้ ถ้ายังมาหาเธอทำให้เธอรู้สึกว่าเขาอยู่ใกล้ๆอีก เขาอาจจะสลายไปเลยก็ได้นะ อย่าทำลายเขาเลย”บีมบอกฉันแล้วก็เงียบไป ฉันเองก็ได้แต่เศร้า มันไม่มีวิธีเลยรึยังไงนะ
“พี่บีม ไปตามหาศพของฟ้ากันเถอะ”ฉันพูดขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก
“เธอจะไปตามที่ไหน วิญญาณด้วยกันยังหาไม่เจอแล้วเธอจะหาเจอหรอ”
“มันต้องเจอสินะ วันนี้ฉันต้องไปงานเผาศพปลา แล้วฉันจะแอบหนีออกไปข้างนอกหลังจากสามทุ่มนะ นายก็มาหาฉันตอนนั้นแหละ ฉันจะลองออกไปตามหาดู เพื่อจะได้เบาะแสอะไรมาบ้าง ฉันบอกกับฟ้าไว้แล้วว่าจะช่วยเธอ ฉันจะต้องช่วยเธอให้ได้”
“อือ มันจะดีหรอ”บีมถามฉันด้วยทีท่าไม่ค่อยมั่นใจ
“ดีสิ อย่างน้อยนายก็น่าจะช่วยอะไรฉันได้มั่งแหละใช่ไหม”
“อือๆ งั้นเราไปก่อนละต้องไปทำบัตรเบิกทางก่อน”
“บัตรเบิกทางมันคืออะไรอะ”
“เดี๋ยวเราจะอธิบายให้ฟังตอนสามทุ่มก็แล้วกัน ต้องรีบไปทำก่อนบางทีอาจจะรอนานอะนะ ไปละ บ๊ะบาย จุ๊บ จุ๊บ”บีมยิ้มแล้วก็ส่งจูบให้ฉัน โห วิญญาณสมัยนี้โคตรทันสมัยเลยมีบ๊ายบาย จุ๊บ จุ๊บ ด้วยอะ ถ้าสนิทกันมากกว่านี้มันคงบอกว่ารักนะเด็กโง่แน่ๆเลย เหอ... ฉันได้แต่ถอนหายใจอย่างงงๆ
เมื่อถึงตอนเย็นฉันพ่อและแม่ก็ไปร่วมงานเผาศพปลา จิตใจของฉันมันกระวนกระวายไปหมด ฉันไปถึงก่อนงานจะเริ่มเกือบครึ่งชั่วโมง หลังจากเข้าไปไหว้ทักทายพ่อแม่ของปลา ฉันก็เหลือบไปเห็นปูน้องสาวของปลา ใบหน้าของเธอคล้ายกับปลาเหลือเกิน เมื่อก่อนฉันไม่รู้สึกแต่ตอนนี้มันช่างคล้ายกันมากจริงๆ ระหว่างที่รอให้ถึง5โมงฉันก็เดินเล่นไปมาในบริเวณวัดจนไปเจอกับหลวงพ่อท่านหนึ่ง
“เป็นอะไรรึโยม มีเรื่องไม่สบายใจอะไรนักหรอ”พระท่านถามฉัน
“คือว่ามีวิญญาณคอยตามทำร้ายหนูกับคนรอบตัวของหนูค่ะหลวงพ่อ หนูไม่รู้ว่าจะควรทำยังไงดี”ฉันบอกกับพระท่านไปตามความจริง
“อย่าไปกังวลใจนักเลยโยม วิญญาณที่อยู่ใกล้ๆตัวโยมตอนนี้เขาห่วงโยมมากนะ เขาจะคอยช่วยโยมเอง แต่โลกของเขากับเรามันคงละโลกกันนะโยม ถ้าโยมไม่ไปยุ่งกับเขา เขาก็ไม่มายุ่งกับโยมเองนั่นแหละ”
“วิญญาณที่อยู่ใกล้ๆ เป็นผู้หญิงใช่ไหมค่ะหลวงพ่อ เธอตัวสูงกว่าหนูด้วยใช่ไหมค่ะ”
หลวงพ่อไม่ตอบท่านเพียงพยักหน้าให้
“แล้วหนูควรทำยังไงค่ะ หนูเองก็ไม่อยากจะยุ่งกับวิญญาณหรอกนะค่ะ แต่เขามายุ่งกับหนูเอง เขาทำให้เพื่อนหนูตายถึงสองคนหนูจะไม่ยอมให้เขามาทำให้คนที่หนูรักต้องตายอีกเป็นแน่ค่ะหลวงพ่อ”ฉันตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“งั้นก็ตามใจโยมเถอะ แต่จะทำอะไรก็จงคิดให้ดี อย่าทำให้ตัวเองและคนรอบข้างต้องเดือดร้อนนะโยม”หลวงพ่อบอกฉัน
“ค่ะ”ฉันบอกหลวงพ่อแล้วก็ยกมือขึ้นไหว้ท่านก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางเมรุเผาศพ
“โยมเป็นคนดี จงทำดีต่อไปแล้วความดีจะช่วยโยมเอง”พระท่านหันหลังให้ฉันแล้วก็ชำเลืองมาทางฉันสักพักก่อนจะเดินไปทางกุฏิ พระท่านช่วยเตือนสติให้ฉันคิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของฉัน ฉันยิ้มออกมาน้อยๆแล้วก็เดินไปที่เมรุ
หลังจากพิธีฌาปนกิจศพของปลา ฉันพ่อและแม่ก็กลับบ้าน วันนี้เราแวะซื้อก๋วยเตี๋ยวไปทานเป็นอาหารเย็นกัน
เมื่อถึงบ้านเราก็จัดแจงก๋วยเตี๋ยวใส่ชามเพื่อเตรียมทาน ฉันกินเส้นเล็ก ส่วนพ่อกับแม่กินเส้นเย็น หลังจากกินเสร็จฉันก็กินยาหลังอาหาร และฉันก็ต้องล้างจานไปตามระเบียบ ระหว่างที่ฉันล้างจานอยู่แม่ก็เดินอยู่ในครัว
“เออ แม่ค่ะวันนี้ฟางจะรีบนอนสักหน่อยอะนะค่ะ ฟางรู้สึกเพลียๆอะค่ะ”ฉันพูดพลางล้างจานไปด้วย
“อือ ก็ดีนอนหลับพักผ่อนเยอะๆแกจะได้รู้สึกดีขึ้น งั้นพ่อแม่จะไม่เข้าไปกวนแกละ”วันนี้แม่พูดด้วยสำเนียงเบื่อๆ เหมือนท่านเองก็อยากจะพักเหมือนกัน แม่คงจะเหนื่อยมาเยอะในเวลาไม่ถึงอาทิตย์แต่เหมือนว่าต้องกรำงานหนักมาแรมปี
“เออ แม่ค่ะ เรื่องของฟ้าเป็นยังไงบ้างค่ะ”ฉันถามหลังจากล้างจากเสร็จแล้วก็กำลังเช็ดมือกับผ้าแห้งๆอยู่
“ยังไม่เจอเลยฟาง ไม่มีวี่แววอะไรเลยละ วันนี้ป้านีก็ไม่ได้มางานเผาด้วยนิ แกคงจะกังวลน่าดู ฟางพูดขึ้นมาแม่ก็เลยนึกขึ้นได้นะเนี่ย งั้นแม่ว่าคืนนี้แม่ไปค้างบ้านป้านีดีกว่า แกคงไม่อยากอยู่คนเดียว ลุงอิดก็ต้องคอยออกไปตามหาฟ้า งั้นแม่ไปบอกพ่อเขาก่อนนะ พักผ่อนเยอะนะลูก อย่าคิดมาก”แม่กำชับฉันก่อนจะเดินออกจากครัวไป
ขณะที่ฉันกำลังเดินขึ้นบันได
“พ่อจะพาแม่ไปส่งที่บ้านป้านีนะ ยัยฟางแกดูแลตัวเองแล้วก็ดูแลบ้านด้วยนะ ลงมาล็อคประตูก่อนมาเร็วๆ”พ่อตะโกนเรียกฉัน
“ค่ะๆ”ฉันตะโกนตอบแล้วก็รีบวิ่งลงบันได หลังจากที่พ่อกับแม่สั่งเรื่องนู้นเรื่องนี้เสร็จ และบอกกับฉันว่าพวกท่านทั้งสองคนจะไม่กลับมานอนที่บ้านวันนี้ แม่จะไปค้างเป็นเพื่อนป้านี ส่วนพ่อจะไปช่วยลุงอิดตามหาฟ้าอีกแรง มันก็เข้าแผนฉันเลยนะสิ ฉันรับปากอย่างดิบดีแล้วก็ล็อคประตูรั้วนอกบ้าน ล็อคประตูในบ้าน แล้วก็เดินขึ้นห้องฉันเอง ก่อนขึ้นฉันก็ปิดไฟข้างล่างจนเกือบหมด แต่เปิดตรงทางเดินขึ้นบันไดเอาไว้ เมื่อถึงชั้นสองฉันก็ปิดไฟที่บันได แล้วก็เดินเข้าห้องนอน ตอนนี้ก็คงสองทุ่มได้แล้วละ ฉันคิดแล้วก็กดล็อคประตูห้องของฉันกดสวิตซ์เปิดไฟ
“เห้ย!!!”ฉันอุทานด้วยความตกใจ ก็ไอตาพี่บีมนั่นดันมานอนอยู่ที่เตียงนอนของฉันนะสิ
“นิ นาย นายบีมตื่นได้แล้ว ตื่นขึ้นมาสักทีดิ”ฉันเข้าไปเขย่าตัวเขา
“หืม นิยังไม่สามทุ่มเลย ขอนอนก่อนนะสามทุ่มแล้วค่อยไป ฟางจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอพักหน่อยนะ”เขาหันมาทำหน้าอ่อนใส่ หน้าตาเวลาเฉยๆก็น่ารักแล้ว ตอนอ้อนเนี่ยโคตรน่ารักเลย ฉันก็เลย เลยตามเลย นอนต่อเถอะ แล้วฉันจะทำไรดีละ เออไปอาบน้ำสักหน่อยดีกว่า ฉันลุกจากเตียงของตัวเองด้วยเสียงอันเบาที่สุดเพราะกลัวว่าพี่บีมจะตื่น แล้วฉันก็พยายามเดินด้วยเสียงเบาที่สุด เดินไปที่ตู้เก็บชุดชั้นในหยิบ เสื้อในกางเกงในแล้วก็หยิบเสื้อยืดสีดำ กับกางเกงยีนส์สีดำแล้วก็ผ้าเช็ดตัว หลังจากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำ
ซา ซา เสียงน้ำไหลผ่านตัวของฉัน ฉันกำลังปล่อยให้สายน้ำช่วยทำชะล้างความเหนื่อยล้าทั้งหมด มันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาอีกหน่อย หลังจากยืนให้น้ำไหลผ่านตัวสักพักก็สระผมแล้วก็ถูกสบู่ หลังจากนั้นฉันก็คิดว่าอยากจะนอนหลับในอ่างจังเลย อือ ตอนนี้คงเพิ่งสองทุ่มครึ่ง นอนหลับสักแปปคงจะดี เห้ยไม่เอานะ รีบๆแต่งตัวแล้วไปนอนที่เตียงดีกว่า นอนแช่น้ำนานๆเดี๋ยวก็ไม่สบายพอดี พอคิดได้แล้วฉันก็รีบเช็ดตัวแล้วก็ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ แล้วก็พออกจากห้องน้ำ นายบีมยังคงนอนนิ่ง ท่าทางเหมือนมีความสุขเหลือเกิน ฉันลงไปนั่งข้างๆ แล้วก็เอามือลูบหน้าเขาเบาๆ เขาไม่เห็นเหมือนผีเลย ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นแล้ว เขาไม่เหมือนผีเลยจริงๆ
“มุก มุกรักผมใช่ไหมมุก”อยู่ดีๆนายบีมก็ละเมอเรียกหาคนชื่อมุกแล้วยังจับมือฉันเอาไว้อีก ‘มุกเป็นใครกันอะ แฟนเขาละมั่ง ช่างเขาเหอะ’ แล้วเขาก็เอามือมาโอบรอบๆตัวของฉันก่อนจะดึงลงไปนอนข้างๆเขา ฉันพยายามดิ้นให้เขาปล่อยแล้วก็ต่อยเข้าไปเต็มๆหน้าด้านขวาของเขา “โอย!!! เจ็บนะ”เขาตะโกนออกมาและใช้มือขวากุมแก้มของตัวเอง เขาเลือดออกด้วย
“โทษที ก็อยู่ดีๆนายมาหาว่าฉันเป็นมุกแล้วก็ดึงฉันไปกอดนิ ฉันก็เลยต่อยนายเบาๆ”
“นิเบาแล้วหรอ แรงเยอะจริงๆ ผู้หญิงอะไร”เขาว่าแล้วก็เอามือขึ้นลูบปาก
“ขอโทษ ขอโทษ เดี๋ยวฉันทำแผลให้”ฉันว่าแล้วก็จะวิ่งลงไปเอากล่องปฐมพยาบาลข้างล่าง แต่นายบีมเอามือคว้าแขนฉันเอาไว้
“ไม่ต้องหรอก เราเป็นผีนะ”เขาว่าแล้วก็เอามือฉันไปจับที่มุมปากของเขา มันรู้สึกแปลกๆยังไม่รู้ ตอนแรกก็รู้สึกเย็นแล้วก็รู้สึกอุ่นๆตรงนิ้วมือส่วนที่สัมผัสแผลของเขา
“ผมขอแค่พลังคุณสักนิดก็พอ”เขาว่าแล้วก็ยิ้มให้ตอนนี้ปากเขาไม่มีรอยเลือดเหลือแล้วละ เขาส่งยิ้มน้อยๆให้ ทำไมฉันรู้สึกคุ้นเคยจังเลย
“ปล่อยมือฉันได้รึยังอะ”ฉันว่าแล้วจ้องหน้าเขาเขม่ง แล้วเขาก็ปล่อยมือฉัน
“โทษที ทำไมวันนี้พลังคุณถึงเป็นสีฟ้าๆม่วงๆละ ไปทำอะไรมางั้นหรอ”เขาถาม
“อือ ก็ไม่ได้ทำอะไรนิ แล้วไอสีฟ้าๆม่วงๆเนี่ยมันหมายถึงอะไรหรอ”ฉันถามต่อ
“ก็หมายถึงพลังที่เยือกเย็น บริสุทธิ์อะนะ แต่ถ้าเป็นสีดำๆแดงเข้มๆละก็หมายถึงพลังแห่งความโกรธแค้น ส่วนสีเขียวๆเหลืองๆก็เป็นพลังธรรมดาตอนที่มีความสุขอะ”
“อือ คงเพราะฉันได้ไตร่ตรองในสิ่งที่ฉันทำแล้วละมั่ง ถึงได้รู้สึกดีอะนะ”
“อือ งั้นเราไปตามหาฟ้ากันเถอะ”บีมว่าแล้วก็มองหน้าฉัน ฉันพยักหน้าให้แล้วก็จะเดินไปที่หน้าต่างเพื่อจะเปิด
“ไม่ต้องเปิดหรอก จับมือเราเอาไว้ จะไปไหนก็บอกมาเดี๋ยวพาไป”เขาว่าแล้วก็ยื่นมือของเขาออกมา พร้อมกับส่งยิ้มให้
“อือ แล้วมันจะไม่เสียพลังมากงั้นหรอ”ฉันถามเพราะกลัวว่าถ้าเขาเสียพลังมากๆแล้วจะสลายไป
“ไม่หรอก เราอยู่มาร้อยกว่าปีแล้วนะ แค่พาเธอไปด้วยอีกคนก็เสียพลังเพิ่มขึ้นไม่เท่าไรหรอกนะ มาสิ จะไปไหนก่อนดีละ” ฉันเอื้อมมือไปจับมือเขาแล้วก็ยิ้มให้
“ไปบ้านฟ้า ฉันอยากไปห้องนอนฟ้าอีกสักครั้งอะนะ”ฉันบอกและพยายามนึกถึงห้องนอนของฟ้า ห้องของเธอเป็นโทนสีฟ้าๆขาวๆ มีตุ๊กตามีสีขาวด้วยบนที่นอน ฉันเข้าห้องฟ้าครั้งสุดท้ายก็เมื่อ3อาทิตย์ที่แล้ว แต่ทำไมรู้สึกว่ามันเพิ่งผ่านมาไม่นานเลยละ
“อือ ฟางนึกถึงห้องฟ้าไว้นะอย่าวอกแวกแล้วเราก็จะไปโผล่ในที่ๆฟางคิดละ”บีมว่าแล้วก็จับมือฉันแน่นขึ้น
“หลับตาไว้นะ ถ้าลืมตาเธออาจจะเห็นอะไรที่น่ากลัวก็ได้”บีมบอกฉัน ฉันก็ทำตามหลับตานึกถึงห้องฟ้า ฉันรู้สึกว่าตอนที่หลับตาอยู่เหมือนมีอะไรพุ่งตรงเขามาหาฉันเยอะแยะไปหมด สีของพวกมันเป็นสีดำๆแดง
“ถึงแล้วละ ลืมตาได้แล้ว”บีมว่าแล้วก็กระตุกแขนฉันเบาๆ
“อือ เมื่อกี้เหมือนมีอะไรผ่านหน้าฉันไปเยอะแยะเลยละ”ฉันว่า
“ใช่ พวกนั้นก็เหมือนกับภูตผีทั่วไปที่หวังจะพาเธอไปอยู่ด้วย ถ้าเธอลืมตาเห็นพวกมันเข้ามาใกล้ๆคงจะสติกระเจิง แล้วเราก็อาจจะไปโผล่ในที่ๆเราไม่สามารถออกมาได้ เพราะฉะนั้น จงเชื่อในสิ่งที่ผมบอก อย่าแหกกฎเป็นอักขาดนะ”เขากำชับชัดเสียงหนักแน่น ฉันพยักหน้างึกๆให้ แล้วก็มองไปในห้องของฟ้า ของทุกอย่างในห้องยังเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าของพวกนั้นมันจะรู้บ้างไหมนะว่าเจ้าของของมันตอนนี้ไม่อยู่แล้ว และกำลังทรมานอย่างมาก ฟ้าคงไม่มีโอกาสได้นอนบนเตียงนุ่มไม่ได้นอนกอดตุ๊กตาตัวโปรดของเธออีกแล้ว ที่นอนของเธอมันคงเหงาที่ไม่มีใครมาใช้งานมันเลย ตุ๊กตาหมีสีขาวคงจะหนาวน่าดู ที่เจ้านายของมันไม่กอดมันเลย
“ฟ้า ฉัน ฉันอยากจะช่วยแกจริง มีอะไรที่อยากให้ฉันช่วยบอกฉันมาสิฟ้า”ฉันว่าไปร้องไห้ไปด้วย น้ำตาค่อยๆไหลจากตาข้างซ้ายของฉันแล้วน้ำตาจากข้างขวาก็ค่อยๆไหลผ่านแก้มจนไปถึงปลายข้าง และหยดลงบนพื้น
“มีคนมาไปเถอะ”บีมว่า
“อือ ไปบ้านปลา”ฉันบอกบีมแล้วก็รีบไปยืนข้างๆจับมือเขาไว้แน่นและคิดถึงห้องนอนของปลา แต่ไม่รู้อะไรมาดลใจให้ฉันกลับคิดไปถึงระเบียงห้องนอนของปลาแทน
“ลืมตา”บีมบอกแล้วก็กระตุกแขนฉัน
ฉันลืมตาขึ้นและมองหน้าเขา และเมื่อมองผ่านผ้าม่านเข้าไปในห้องฉันก็เห็นปูกำลังนอนร้องไห้อยู่บนเตียง ฉันได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นดังออกมา
“พี่ปลา หึก หึก พี่ปลาไม่น่าตายเลย ทุกคนบอกว่าผีเข้าสิงนังฟางแล้วมันก็ทำให้พี่ตาย พี่อยากจะช่วยมันแท้ๆ แต่มันกลับฆ่าพี่ ปู หึก ปูจะแก้แค้นให้พี่ให้ได้ พี่ปลาไม่ต้องห่วงนะค่ะ หึก หึก หือๆ”ปูว่าแล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นต่อ ฉันที่ยืนฟังอยู่ข้างนอกถึงกับทรงตัวไว้ไม่อยู่ บีมเข้ามาประคองฉันเอาไว้
“เราไปจากที่นี้กันเถอะบีมว่า อยากไปที่ไหนก็นึกเอาไว้นะ” ฉันพยักหน้าจับมือนายบีมด้วยหัวใจที่เหนื่อยล้าเกินทน ฉันคิดถึงทะเล ทะเล ทะเละที่ไหนก็ได้แล้วฉันก็หลับตาลง สักพักหนึ่ง
“ถึงแล้วละ อยากมาทะเลงั้นหรอ ทำไมละ”บีมถามฉัน
“ฉันอยากฟังเสียงคลื่น ทะเลมันไม่เคยหลับเลยสักคืนไม่เคยพัก แต่มันก็ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย ฉันอยากจะเป็นได้อย่างทะเละ แต่ฉันไม่ได้แม้เศษเสี้ยวหนึ่งของมันเลย ฉันอ่อนแอเหลือเกิน อ่อนแอจริงๆ ฉันช่วยใครไม่ได้ แล้วยังทำให้พวกเขาต้องตายอีก ฉันมันนิไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”ฉันว่าแล้วก็ทรุดลงไปนั่งกับทราย คลื่นซัดขึ้นมาจนถึงขาของฉัน
“ฟาง เธอไม่ได้อ่อนแอหรอกนะ ถ้าเป็นคนอื่นเจอเรื่องแบบที่เขาคงจะฆ่าตัวตายไปแล้ว แต่เธอไม่เธอเลือกที่จะสู้ต่อไป ถึงเธอจะแกร่งแค่ไหนเธอก็ยังเป็นมนุษย์เธอยังมีหัวใจ การรู้สึกอ่อนล้ารู้สึกท้อแท้บางในบางครั้งไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นคนอ่อนแอนะ เธอนะจะต้องทำสำเร็จ เธอจะต้องช่วยคนอื่นได้แน่ๆ เชื่อเราดิ เราเอาพลังวิญญาณของเราเป็นประกันเลยละ”บีมว่าแล้วก็นั่งลงข้างๆฉัน เขาเอาแขนออกมาโอบกอดฉันเอาไว้ ฉันเอาหัวพิงกับอกเขา เขาเหมือนที่พึงสุดท้ายในชีวิตของฉันเลย แม้เขาจะไม่ใช่คนแต่ทำไมตอนอยู่ใกล้ๆเขาฉันกลับรู้สึกดีจังเลย ทำไมตัวเขาอุ่นจังเลยละเนี่ย
“ทำไมตัวนายอุ่นจัง นายเป็นผีไม่ใช่หรอก”ฉันถามทั้งๆที่ยังเอาหน้าสบกับอกเขาอยู่
“ก็ใช่อะนะ ผีทั่วไปคงจะให้คุณสัมผัสไม่ได้อย่างนี้ แต่สำหรับวิญญาณที่อยู่เกิน50ปีก็สามารถที่ทำให้ร่างกายที่โปร่งแสงหรือว่าโปร่งใสเนี่ยทึบแสงได้ ตอนนี้ร่างกายของเราก็เป็นเหมือนกับคนทั่วๆไป ส่วนความรู้สึกอบอุ่นเนี่ยก็เพราะบัตรเบิกทางไง เออ เราลืมบอกเธอปะสนิทเลย เรื่องบัตรเบิกทางอะนะ”บีมว่าแล้วก็ก้มลงมองฉัน
ฉันเองก็เงยหน้าสบตากับเขา “แล้วมันคืออะไรหรอไปบัตรเบิกทางอะ”
“ก็มันจะทำให้วิญญาณที่มีเนี่ยไปไหนก็ได้ที่อยู่ภายใต้เขตปกครองของรัฐ สามารถปรากฏกายตอนกลางวัน ไม่กลัวแดด แล้วก็ร่างกายที่มีเนี่ยก็จะเหมือนมนุษย์ทุกอย่างร่วมทั้งมีเลือดเนื้อแล้วก็รู้สึกเจ็บได้ แต่2อย่างหลังเนี่ยต้องเป็นวิญญาณที่มีพลังสูงแล้วก็ต้องอยู่มานานกว่าร้อยปีด้วย ในโลกของวิญญาณเนี่ยคนที่เก่งๆแบบฉันมีไม่เยอะหรอกนะจะบอกให้”บีมว่าแล้วยิ้มอย่างเก๊กๆ ฉันละขำในท่าทางของเขาจริงๆ วิญญาณที่อยู่มาร้อยกว่าปี แต่ดูเขาตอนนี้สิหน้าตายังกับเด็กหนุ่มอยู่มาไม่เกิน20ปี หน้าตาเขาดูอ่อนกว่าพี่บีม กวีตัวจริงๆเยอะ แต่ก็ออกแนวเดียวกัน ดูตี๋ๆเท่ๆน่ารักดีจัง ยิ่งพอเขามีไอบัตรเบิกทางนั่นก็ยิ่งเหมือนคนมากเข้าไปอีก สงสัยว่าฉันจะตกหลุมรักผีตนนี้แล้วแน่ๆเลยละแต่เขาเป็นผีนะ อย่าบ้านะยัยฟาง ฉันรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ทุกสิ่งที่ฉันทำมันไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาเลย ยิ่งเมื่อฉันได้รู้ความจริงฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ ทั้งที่รู้แล้วแท้ๆว่าคอมฯเครื่องที่ส่งมามันส่งมาจากห้องของปลา แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าใครส่งมา พอจะไปดูว่าในคอมฯของปลาอาจจะมีหลักฐานอยู่ แต่ก็ต้องเจอกับความจริงอีกเรื่องที่ฉันลืมไปเสียสนิท ฉันเป็นคนฆ่าปลา แม้ตอนนั้นฉันจะไม่รู้ตัวก็เถอะ ปลาพยายามจะช่วยฉันแต่ฉันฆ่าเธอ คนสมควรตายมันคือฉันต่างหาก ผีร้ายที่ชื่อว่าดาก็จ้องจะเล่นงานฉัน ปูน้องสาวของปลาก็คิดจะแก้แค้นฉัน แล้วยังเพื่อนๆในห้องอีกที่คงจะมองว่าฉันเป็นฆาตกร ฉันควรทำยังไง ทำไมฉันถึงได้เจอศัตรูพร้อมกันทุกด้านเลยละ ฉันควรจะหนีไปทางไหน ถึงสู้คิดหรอว่าจะชนะ ฉันเหนื่อยจัง อยากจะพักจังเลย ไม่อยากตื่นอีกแล้ว ฉันอยากอยู่ตรงนี้ อยู่ในอ้อมกอดของนายไปอย่างนี้ตลอดไป “กอดฉันไว้อย่างนี้นะ”ฉันพึมพำออกจากปาก บีมยังคงกอดฉันเอาไว้ เขาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของฉัน
T@lK
สงสัยว่าจะอ่านกันไม่รู้เรื่องสักเท่าไรอะ เหอ................แต่ก็ถือว่าเก่งมั่กๆเลยที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ได้อะ ขอคารวะเลยละ
ความคิดเห็น