คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1
บทที่1
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านของเราจะ”
มาจอรีย์ซึ่งเป็นแม่ของโดมินิกหรือน้าของเขา เจ้าของร่างอวบอัดเซ็กซี่ผู้มีเส้นผมสีบลอนด์ทองและตาสีฟ้าเอ่ยหลังจากนำขวัญแก้วเข้าสู่ภายในบ้านหลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่แถวชานเมืองซานฟรานซิสโกในรัฐแคลิฟอร์เนีย
“และนี่คือคริสเทนลูกสาววัยสิบห้าของน้า”
มาจอรีย์ชี้นิ้วไปยังเด็กสาวผู้มีทรวดทรงอันรัดรึงและใบหน้าชวนฝัน ทรงผมบ๊อบเทและเส้นผมสีทองทำให้รู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นสาวมั่นและปราดเปรียว คริสเทนยิ้มหวานและขยิบตาให้เขาอย่างน่ารักกริยานั้นทำเอาขวัญแก้วหน้าขึ้นสีด้วยความเขินอาย
“ส่วนนั่นลูกน้าอีกคนโดมินิกพวกเธอคงรู้จักกันแล้ว”
มาจอรีย์พยักเพยิดไปยังคนตัวเล็กกว่าเขาซึ่งเดินตามเข้ามาที่หลัง โดมินิกยืนกอดอกพิงกำแพงแล้วมองหน้าเขาด้วยแววตาที่ทำให้เขารู้สึกประหลาด
รู้สึกจั๊กกะจี้แบบแปลกๆรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าเธอดูจะสนใจเขามากเป็นพิเศษ ตอนอยู่ในรถถึงจะไม่พูดกันแต่ก็รู้สึกได้ว่ากำลังถูกมองอยู่ จะคริสเทนก็ดีจะโดมินิกก็ดีรู้สึกว่ารอบตัวเขาตอนนี้จะมีแต่เด็กผู้หญิงหน้าตางดงามราวนางฟ้า
เขาเองก็เป็นเด็กผู้ชายทำไงดีตอนนี้ชักไม่อยากทำตัวเชยๆเสี่ยวๆให้พวกเธอกับคุณน้าดูซะแล้วสิ
ไม่ ไม่ดีกว่า
ขวัญแก้วส่ายหน้าไปมาและจมอยู่กับความคิดตัวเอง
ถ้าเกิดกลิ่นหอมของเขาสร้างปัญหาขึ้นอีก ถ้าเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นที่นี่เขาไม่มีที่พึ่งที่ไหนจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง
ขวัญแก้วหวนคิดถึงภาพของคุณแม่ที่ตั้งอยู่ในงานศพ สองอาทิตย์ก่อนเด็กหนุ่มร้องไห้เสียใจจนแทบไม่ได้นอนจากการตายด้วยอุบัติเหตุของคุณแม่
เขาสนิทกับคุณแม่มากไปไหนไปด้วยกันเสมอคุณแม่เลี้ยงเขามาด้วยตัวเองตั้งแต่เด็กเนื่องจากหย่าขาดกับคุณพ่อของเขา ไอเดน โรซามันด์ เมื่อตอนเขาอายุได้สามขวบ
แต่ชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้ลำบากเพราะคุณพ่อส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้อยู่ตลอด นอกจากนั้นทุกปียังมาพบหน้าเขาปีละครั้งหรือสองครั้ง
เหตุผลที่ทั้งคู่หย่ากันเพราะทนความเจ้าชู้ของพ่อไม่ไหว คุณพ่อของเขามีอาชีพเป็นนักถ่ายรูปประกอบนิยาสารเนเชอร์แนลจีโอกราฟฟิก
ดังนั้นจึงมักตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆทั่วโลกจนแทบไม่ได้อยู่ติดที่ หลังจากงานศพคุณแม่ได้สามวัน คุณพ่อก็เดินทางมาหาเขาและบอกว่าจะรับเขาไปอยู่ด้วยที่อเมริกา ขวัญแก้วตัดสินใจไปอยู่กับพ่อในทันทีเพราะรู้สึกเคว้งคว้างและรู้สึกดีกับพ่อของตัวเองอยู่มาก
หลังจากเจอหน้ากันหลังงานศพคุณพ่อบอกจะให้เขาไปอยู่กับคุณน้าน้องสาวของพ่อ เขารู้สึกลำบากใจเล็กๆเพราะตลอดเวลาเกือบสิบหกปีเขาไม่เคยเจอหน้าญาติฝั่งพ่อเลย
แต่พอนึกถึงอาชีพการงานของพ่อเขาก็คิดว่าปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวของคุณน้าครั้งเดียวดีกว่าย้ายตามพ่อไปโน้นนี่หรืออยู่เพียงลำพังในอเมริกา
เพราะอย่างนั้นในช่วงปิดเทอมใหญ่นี้ขวัญแก้วนอกจากจะย้ายที่อยู่ใหม่ ยังต้องเตรียมสมัครเรียนเทียบขึ้นเรียนไฮสคูลในเกรดสิบอีกด้วย เรื่องยุ่งยากสำหรับเขายังรออยู่อีกมาก
“เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวน้าบูดสติยังดีอยู่หรือเปล่า”
ขวัญแก้วรู้สึกเหมือนถูกค้อนทุบหัวเมื่อเสียงเย็นชาของโดมินิกฉุดกระชากเขาออกจากห้วงความคิด
คำพูดร้ายกาจนั้นดูไม่เข้ากับใบหน้งดงามของคนตรงหน้าเลยสักนิด
“จะช่วยเอากระเป๋าไปเก็บบนห้องรีบหน่อย”
โดมินิกพูดเสียงเย็น ร่างเล็กกว่ายืนกอดอกพิงกำแพงก่อนจะย้ายร่างมายังกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ทั้งสองใบของขวัญแก้ว
“เออฉันถือเองดีกว่ามันหนัก”
ขวัญแก้วทำท่าจะเดินเข้าไปแย่งกระเป๋าเดินทางมาจากมือโดมินิกหากแต่คนตัวเล็กกว่ากลับลากกระเป๋าเดินนำไปโดยไม่มีท่าทีว่าหนักหรือลำบากสักนิด
“ตามมาจะพาไปที่ห้อง”
โดมินิกพยักเพยิด
ขวัญแก้วมองดูร่างเล็กกว่าที่น่าจะเตี้ยกว่าเขาที่สูงร้อยเจ็ดสิบสองซ.มประมาณเจ็ดซ.ม
ถึงจะดูค่อนข้างสูงแล้วในหมู่เด็กผู้หญิงแต่ยังไงก็เป็นเด็กผู้หญิงอยู่ดี
เด็กหนุ่มรู้สึกตกใจในความคล่องแคล่วและแข็งแรงของโดมินิก
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบซึ่งเต็มไปด้วยสมบัติจำนวนมหาศาลของเขาถูกเธอยกขึ้นชั้นสองไปอย่างไม่มีท่าทางหนักหรือเหนื่อยล้าสักนิด ขนาดเขายังค่อนข้างทุลักทุเลเลยตอนลากกระเป๋า
แถมยังคิดว่าตัวเองบ้าสมบัติเกินไปน่าจะทิ้งไปเสียบ้างจนรู้สึกขุ่นมัวไปตลอดทาง แต่นี่โดมินิกกลับยกขึ้นลงหน้าตาเฉยไม่บ่นสักคำ
ขวัญแก้วรู้สึกว่าตัวเองบอบบางไปถนัดใจและเริ่มสมเพชตัวเองนิดๆ
“ดูดีจัง”
ขวัญแก้วพูดหลังจากที่เดินตามโดมินิกเข้ามาที่ห้องซึ่งน่าจะเป็นของเขา
ห้องถูกทาด้วยสีฟ้าอ่อน เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้โอ๊คอย่างดี โคมไฟแอนทีคน่ารักๆที่หัวเตียง ทุกอย่างที่ต้องการมีครบ แม้แต่คอมพิวเตอร์ก็ยังมีให้ใช้โดยที่ไม่ต้องขอ นี่เป็นห้องที่น่ารักสมบูรณ์มากแล้วในความคิดของเขา
“ธรรมดาออก”
โดมินิกพูดขณะลงมือเปิดกระเป๋าเดินทางของขวัญแก้วเด็กหนุ่มลนลานและร้องโวยวายห้ามคนตัวเล็กกว่าแทบไม่ทัน
“ทำไมแค่จะช่วยจัดของ”
โดมินิกปลายมองขวัญแก้วอย่างเย็นชาในขณะที่มือก็ไม่หยุดหยิบจับของออกมาวางนอกกระเป๋า
จนในที่สุดร่างเล็กกว่าก็หยิบกางเกงในแบบboxbriefs หรือทรังก์ขึ้นมา
ขวัญแก้วรีบคว้าออกจากมือคนตัวโดมินิกแทบไม่ทัน
“นี่แหละเหตุผลล่ะ”
ขวัญแก้วหน้าแดงก่ำ เขาพยายามซ่อนกางเกงในไว้ในกำมือพร้อมกับแย่งกระเป๋าเดินทางมาไว้ในอาณัติของตน
“อายเหรอ”
โดมินิกถามพร้อมกับเหยียดยิ้ม
ช่างเป็นรอยยิ้มที่บาดตานักในความคิดของขวัญแก้ว
ทั้งที่ตลอดเวลาสองสามชั่วโมงที่อยู่ด้วยกันในรถไม่เคยยิ้มแถมยังทำหน้าตายอยู่ตลอดแท้ๆ ทำไมต้องมายิ้มบาดใจแบบนี้ตอนที่เขากำลังเสียหน้าและอับอายด้วยวะ
“โดมินิกออกไปก่อนเดี๋ยวฉันจัดการเองได้”
ขวัญแก้วพูดพร้อมดันหลังโดมินิกให้ออกไปนอกห้อง บนใบหน้างดงามซึ่งเคยเย็นชาอย่างรูปสลักของโดมินิกบัดนี้พร่างพรายด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่ให้ช่วยจริงๆนะเหรอ”
“ไม่ต้องครับ”
ขวัญแก้วยื่นคำขาดก่อนจะปิดประตูเมื่อไล่อีกฝ่ายออกไปพ้นห้อง
“ขายหน้าที่สุด”
ขวัญแก้วพึมพำ
หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็เริ่มจัด้องอย่างขะมักเขม้นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ในที่สุดเขาก็จัดห้องเสร็จ
พอดีกับที่ได้ยินเสียงเคาะประตูจากหน้าห้อง ขวัญแก้วเปิดประตูออกไปดูอย่างไม่รอช้า
“คริสเทนเหรอครับ”
ขวัญแก้วมองดูเจ้าของร่างรัดรึงส่งยิ้มชวนฝันมาให้
คิดไปเองหรือเปล่านะว่าเหมือนถูกเธอเชิญชวนยังไงชอบกล
“คุณแม่ให้มาเรียกคุณไปทานข้าว”
คริสเทนพูดเธอคว้ามือของเขาไปกุมแล้วพาเดินลงไปยัง้องทานอาหารที่ชั้นล่าง
“วันนี้เราทางไก่งวงกันนะจ๊ะฉลองที่เรามีสมาชิกใหม่”
มาจอรีย์พูดขณะจัดวางไก่งวงตัวใหญ่ลงกลางโต๊ะ ขวัญแก้วกวาดมองสมาชิกในห้องแล้วรู้สึกแปลกใจ
“โดมินิกล่ะครับ”
“เจ้านั่นไปออกเดต”
คริสเทนพูดพลางลากเขาไปยังเก้าอี้จัดแจงให้เขานั่งอย่างเอาอกเอาใจ
“ไม่ต้องสนใจหรอกนใจฉันดีกว่า ฉันอยากรู้เรื่องของคุณจนแทบคลั่งแล้ว”
คริสเทนกระซิบที่ข้างหูอย่างยั่วเย้าจนขวัญแก้วหน้าแดงก่ำ
เด็กสาวค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเขาแบบไม่ละสายตาจากเขาแม้แต่ชั่วเสี้ยว
ไม่ได้รู้สึกไปเองจริงๆด้วยเธอกำลังให้ท่าเขามิ่น่าเกลียดเกิน เธอกำลังสนใจเขาน่าจะดีกว่า
“ได้ข่าวว่าโดมินิกเรียกคุณว่าเกลฉันขอเรียกบ้างนะ”
คริสเทนพูดเธอช้อนตามองดูขวัญแก้วอย่างหยาดเยิ้มทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกลำบากใจ
คุณน้ามาจอรีย์เอ่ยปรามกริยาของคริสเทนทันทีที่เธอรู้ตัวว่าขวัญแก้วกำลังลำบาก
“อย่าทำเกลต้องลำบากใจสิคริสเทน”
“ค่าค่าค่าขอโทษค่า”
คริสเทนแลบลิ้นอย่างซุกซนมาเขาแล้วเอ่ยขอโทษ เด็กสาวเลิกแสดงท่าทางหยาดเยิ้มใส่เขาทันทีที่ถูกดุ
หลังจากนั้นพวกเขาก็รับประทานอาหารมื้อใหญ่อย่างสนุกสนาน ขวัญแก้วถูกคุณน้าและคริสเทนคะยั้ยคะยอให้เล่าเรื่องของตนให้ฟัง
เด็กหนุ่มเล่าด้วยความกระตือรือร้นทีเดียวจวบจนคนทั้งหมดย้ายไปนั่งคุยในห้องนั่งเล่น ขวัยแก้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ผมต้องซื้อแว่นตา”
“แว่น เธอายตาสั้นหรือจ๊ะ”
มาจอรีย์ถามยิ้มๆขณะยกกาแฟขึ้นจิบ
“เปล่าครับแต่ใส่ไว้ซะจนชิน”
ขวัญแก้วทำเสียงอ่อยๆด้วยความลำบากใจอีกครั้ง
ไม่อยากให้อีกฝ่ายขุดคุ้ยเรื่องที่ต้องใส่แว่นปกปิดใบหน้าซักเท่าไร่
เพราะเจ้าฝรั่งบ้านั่นเอาแว่นเขาไปแท้ๆเลย
ขวัญแก้วรู้สึกโกรธขึ้นมาตงิดๆ โชคยังดีที่คุณน้าไม่ถามอะไรมากนอกจากบอกให้คริสเทนพาเขาไปที่ย่านการค้าเพื่อซื้อแว่นและเดินสำรวจเมืองเล่นๆไปในตัว
ความคิดเห็น