คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2 ชายผู้หนีจากความมืด (2)
เสียงนกร้องขับขานเจื้อยแจ้วเป็นสัญญานของวันใหม่ ฝนที่ตกหนักเมื่อคืนทำให้พื้นเดินเฉอะแฉะจนน่ารำคาญใจ ในวันเช่นนี้หากใครไม่มีธุระอันใดก็มักจะคลุกตัวอยู่ในบ้านเสียมากกว่า ทว่ากลับมีชายผู้หนึ่งกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
เพื่อหลีกเลี่ยงจากหล่มโคลน เขาจึงอาศัยการกระโจนจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปสู่อีกต้นหนึ่ง เขาต้องเร่งรีบเพื่อจะได้ไปถึงบ้านอันอบอุ่นที่ฝังอยู่ในความทรงจำ ยิ่งเร่งฝีเท้าเท่าไหร่ความฝันนั้นก็ยิ่งใกล้เข้ามาจนรับรู้ได้ และเหตุผลอีกประการที่เขาต้องรีบเร่ง นั่นก็เพราะต้องการจะหนีจาก ‘โฮตารุ’ ชายผู้ร่วมชะตากรรมให้ไกลที่สุด...
***************************************************************************
ไม่ไกลจากกันเท่าไหร่ คือศาลเจ้าร้างที่ซึ่งชายผู้หนีจากความมืดทั้งสองได้พักหลบฝนเมื่อคืนนี้ หนึ่งในนั้นได้หายไปเสียแล้ว...
โฮตารุลืมตาตื่นขึ้น อันที่จริงจะเรียกว่าลืมตาก็ดูจะไม่ตรงซักเท่าไหร่ เพราะดวงตาของเขาไม่มีหนังตาเหมือนปกติ ความรู้สึกของเขาดูจะเฉื่อยชาไปมากหลังจากกลายสภาพเป็นเช่นนี้ โดยปกติเขาไม่ใช่คนที่ตื่นสาย หากคราวนี้กลับต่างไปมาก
ชายหนุ่มพยายามยันกายลุกขึ้นแต่มันก็เป็นไปอย่างยากลำบาก ทีแรกเขาคิดว่าเกิดจากน้ำหนักตัวที่มากขึ้นเหมือนเช่นทุกครา แต่เมื่อสังเกตดูถึงได้รู้ว่ามีใยสีขาวคล้ายใยแมงมุมพาดทับตัวเขาจนวุ่นวาย แต่ละเส้นมีขนาดที่ใหญ่และเหนียวกว่าใยแมงมุมธรรมดามากนัก น่าแปลกที่เวลาผ่านไปเพียงคืนเดียว ทำไมถึงได้มีใยแมงมุมมากมายถึงเพียงนี้
แต่นั่นก็มิได้เป็นอุปสรรคนัก โฮตารุนิ่งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ยันกายลุกขึ้นอย่างปกติ จนเหมือนกับว่าใยแมงมุมเหล่านั้นเป็นเพียงอุปสรรคธรรมดาๆที่ใครก็สามารถทำลายได้ หากแต่เสียงไม้ที่แตกเปรี๊ยะ และท่อนไม้ขนาดใหญ่ที่หักติดมาเท่านั้น ที่พอจะบอกได้ว่าเส้นใยเหล่านั้นมีความเหนียวขนาดไหน
ฝ่าเท้าสี่เหลี่ยมใหญ่และหนักก้าวเหยียบไปบนแผ่นไม้ผุๆจนน่ากลัวว่ามันจะทะลุลงไป ทว่าเจ้าของฝ่าเท้านั้นไม่ได้กังวลสักนิด นั่นเพราะเขารู้จักสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี ดีพอที่จะเลือกเป็นที่พักสำหรับเมื่อคืน
เขาเดินไปยังสถานที่หนึ่ง มันเป็นห้องลับมืดทึมที่ซ่อนตัวอยู่ในศาลเจ้านี่เอง ไม่มีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์เล็ดลอดเข้ามาเลยสักนิด แต่นั่นก็มิได้เป็นอุปสรรคสำหรับโฮตารุ ในความมืดนั้นเขามองเห็นได้ชัดเจนไม่ผิดกับในแสงสว่าง ซากสัตว์ตายทับถมส่งกลิ่นคลื่นเหียนหรือน่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเขามิได้รับรู้ถึงกลิ่นมาพอสมควรแล้ว แต่ความทรงจำในสมองบอกว่ามันต้องเหม็นมากแน่ๆ
เขาฉีกยิ้มซึ่งอันที่จริงเป็นเพียงความต้องการที่จะฉีกยิ้ม เพราะใบหน้านั้นไม่อาจแสดงอารมณ์ได้อีก เมื่อมองไปริมห้องด้านหนึ่งมีชั้นวางของที่พาดยาว บนชั้นมีขวดโหลอยู่หลายใบ ขวดแก้วใสของฝรั่งสำหรับที่นี่แล้วมีราคาค่างวดอยู่พอสมควร แต่สิ่งที่ทำให้เขาอยากยิ้มไม่ใช่ความภูมิใจในของสะสมแสนแพงนั้น หากแต่คือสิ่งที่อยู่ภายใน ร่างไร้วิญญาณของสัตว์หลายจำพวกมองมาทางเขาด้วยแววตาที่ไร้ชีวิต ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเขาในการชำแหละพวกมันเพื่อดูโครงสร้างการทำงาน หลายขวดตกแตกกล่นเกลื่อนอยู่ตามพื้นแต่ไม่มีตัวอย่างสิ่งมีชีวิต นั่นเพราะมีสัตว์นักล่าบางจำพวกที่หากินง่ายๆกับสัตว์ที่ตายแล้ว รสฟอร์มาลีนคงไม่อร่อยเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเหนื่อยวิ่งไล่ให้เปลืองแรง งูพิษตัวหนึ่งซึ่งคงจะหากินกับที่นี่ชูหัวส่งเสียงขู่ฟู่ฟ่อ โฮตารุเดินผ่านอสรพิษนั้นอย่างเฉยเมย ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในหัวของเขาคือการไล่ตามบุรุษไร้นามให้เร็วที่สุด... เขาจึงเข้ามายังห้องลับนี่เพื่อควานหาพาหนะที่จะใช้ติดตาม...
“จะปล่อยเจ้านั่นไปไม่ได้ !”
***************************************************************************
“หมอนั่นไว้ใจไม่ได้ ต้องรีบหนีให้ห่างมันที่สุด บ้าน! ชั้นกำลังจะได้กลับบ้านแล้ว!” ชายนิรนามบ่นกับตัวเอง บางอย่างกระซิบบอกในใจเขา ว่าคนที่ชื่อโฮตารุจะขัดขวางไม่ให้เขาได้กลับบ้าน อันที่จริงแค่ที่คุยกันเมื่อคืนนั้นก็น่าจะรู้ ร่างของชายหนุ่มเผ่นแผล็วไปตามต้นไม้ริมทางเดิน เขากำลังใกล้ถึงหมู่บ้านเข้าไปทุกขณะ...
“กรี๊ด!!” เสียงร้องของหญิงสาวที่อยู่บริเวณนั้นทำให้เขาต้องเหลียวหันไปมอง ‘บ้าจริง!’ ชายนิรนามสบถในใจ ความรีบร้อนทำให้เขาไม่ทันระวัง ทั้งๆที่วางแผนไว้ว่าจะต้องไม่ให้ใครพบเห็น เพราะเขารู้ดีว่าร่างกายของตนนั้นเปลี่ยนไปจนไม่อยากให้ใครพบเจอ
“สัตว์ประหลาด!” ชาวบ้านที่รวมตัวกันเริ่มส่งเสียงเซ็งแซ่ ต่างโจษจันกันถึงรูปลักษณ์อันพิลึกพิลั่นของคนที่อยู่บนต้นไม้ ผู้หญิงและเด็กต่างวิ่งเข้าบ้านอันเป็นที่ปลอดภัย พวกผู้ชายที่กล้าหน่อยก็คว้าหินเข้าขว้างปา ชายนิรนามหวาดผวาต่อปฏิกิริยาที่ได้รับ เขารู้ดีว่าร่างกายตัวเองเปลี่ยนไปบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะสร้างความรังเกียจได้ถึงเพียงนี้
‘นายจะคิดถึงแต่ความสุขของตัวเอง โดยไม่คิดว่าเขาจะรับได้หรือไม่นั้นหรือ?...
อย่าลืมสิ ว่าพวกเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว คิดหรือว่าจะมีใครยอมรับสิ่งนี้ได้...’
คำพูดของชายที่ชื่อโฮตารุดังก้องอยู่ในหัวเหมือนจะเยาะเย้ยที่เขาไม่ฟังคำเตือนนั้น เพราะมัวแต่ตะลึงงันอยู่ ทำให้เขาไม่ทันได้ระวังตัวให้ดี หินก้อนหนึ่งได้กระแทกเข้ากับศีรษะของเขาเต็มแรง แม้จะไม่รู้สึกเจ็บปวดจากหินก้อนนั้นสักเท่าไหร่ แต่มันกลับสร้างความโกรธขึ้งให้เขาเป็นอย่างมาก หรือบางทีนั่นอาจแค่ทลายเส้นแบ่งเล็กๆ ระหว่างความรู้สึกคับแค้น โดดเดี่ยว และแปลกแยก...
“ฮูมมมมม!!!!”
เสียงคำรามดังก้องระเบิดความอัดอั้นออกมา ทั้งกรีดแหลมและแหบห้าวทุ้มต่ำฟังดูวิปลาสราวกับไม่ได้ออกมาจากปากของมนุษย์ น้ำตาไหลออกมาจากความรู้สึกสับสนและสิ้นหวังที่ไม่อาจใช้ชีวิตเช่นเดิมได้อีก ‘ไม่ มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ พวกมันจะพรากทุกสิ่งจากฉันไปไม่ได้ ฉันไม่ยอม!!’ ชายนิรนามตัดพ้อ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนต้องประท้วงต่อใคร เพราะ ‘พวกมัน’ ที่เขาว่าก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ความโกรธเกรี้ยวของเขาจึงถูกระบายออกอย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทาง
ชาวบ้านที่เหลืออยู่ต่างวิ่งหนีกันอย่างเสียขวัญ แต่นั่นไม่เร็วไปกว่าผู้ที่ถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาด ด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียวร่างนั้นก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าผู้คนที่ตื่นตระหนก ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดเงื้อจอบในมือขึ้นฟาดอย่างฉุกละหุก มันฟาดเข้าใส่เป้าหมายเต็มแรง ทว่า...มันไม่มีโอกาสที่จะกระทบกับเป้าหมาย เมื่อเจ้าของจอบด้ามนั้นได้ถูกเส้นใยสีขาวคล้ายไยแมงมุมรัดรึงร่างไว้จนมิอาจขยับเขยื้อน ชายฉกรรจ์ที่เหลือซึ่งตามมาก็ถูกหยุดไว้ด้วยสิ่งนี้เช่นกัน
เพียงชั่วอึดใจ ผู้คนที่เหลืออยู่ในบริเวณนั้นก็ถูกตรึงไว้ด้วยเส้นใยสีขาวจนหมด ชายไร้นามที่ถูกชาวบ้านเรียกว่าสัตว์ประหลาด บัดนี้ได้คลายโทสะลงไปมาก แต่สิ่งที่เข้ามาทดแทนในตอนนี้ก็คือ... ความหิว...
เหมือนถูกกระซิบจากจิตใต้สำนึก ชายไร้นามมองเห็นพวกชาวบ้านไม่ต่างไปจากอาหารอันโอชะ ในสมองของเขาตอนนี้ปราศจากความคิดเรื่องคุณธรรมโดยสิ้นเชิง เมื่อท้องหิว... เขาก็แค่ต้องทำไปตามสัญชาติญาณ...
ชายไร้นามยอบตัวลงต่ำ จับจ้องเอาชายผู้หนึ่งที่ถูกตรึงอยู่ริมหนองน้ำเป็นเป้าหมายแรก แขนที่ผอมยาวและมีขนหยาบๆขึ้นรกรุงรังค้ำอยู่เหนือร่างเหยื่อ ชายไร้นามยืดตัวขึ้นชั่วอึด เตรียมที่จะฝังเขี้ยวลงไปบนเหยื่อ หากว่าสิ่งหนึ่งหยุดยั้งเขาไว้...
ตรงหน้าของชายไร้นาม เขาเห็นภาพ... ภาพสะท้อนบนผืนน้ำ... ภาพของคนที่มีขนรกรุงรังขึ้นทั่วตัว ดวงตาวาวทั้งสี่คู่จ้องตอบกลับมาจากเงาสะท้อนไร้วี่แววของความเป็นมนุษย์ เขี้ยวคู่โตยาวยื่นออกมาจากปาก นี่คือรูปลักษณ์ที่แปรเปลี่ยนไปของเขาอย่างนั้นหรือ...?
มือหยาบลูบคลำไปทั่วใบหน้าตนราวกับต้องการคำยืนยันในภาพสะท้อน แน่แล้ว... นั่นเป็นความจริงมิใช่ความฝัน... เขาไม่เหลือเค้าลางของความเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว แม้แต่จิตใจที่อยากจะกัดกินเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนั้นก็ด้วย
ภาพสะท้อนที่มองเห็นทำให้ชายนิรนามนิ่งไป ความทรงจำที่อยากลืมไปให้สิ้นกลับหลั่งไหลพรั่งพรูออกมา เขาเริ่มจำได้ถึงตอนที่เรือประมงของตนอับปางและได้ถูกช่วยไว้จากกลุ่มคนลึกลับ คนพวกนั้นสวมผ้าคลุมหน้าตาไว้จนมิดชิด มีเพียงดวงตาสีฟ้าดูประหลาด และความสูงที่เกินกว่าคนญี่ปุ่นทั่วไปเท่านั้นที่พอให้จดจำได้...
พวกมันไม่ได้ช่วยเขาเอาไว้อย่างที่คิด เพราะหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกนำไปทดลอง ฤทธิ์ของยาลึกลับทำให้เขาแทบไม่รู้สึกตัว แต่จำได้ลางๆว่าถูกกระบวนการบางอย่างที่ทำให้ร่างกายของตนเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ หลังจากนั้นพฤติกรรมของเขาก็ผิดมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงการกินเนื้อดิบ จนกระทั่ง... เรือลำที่ขังเขาไว้ถูกพายุเข้าเล่นงาน...
ขณะที่ชายไร้นามยังคงอยู่ในภวังค์นั้น จู่ๆเขาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วคล้ายสำเหนียกถึงบางสิ่ง ใช่แล้ว... บางสิ่งกำลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ...
“หวู๊ดดดดด!!!”
เสียงแหลมสูงกรีดผ่านความเงียบ นำร่องการปรากฏตัวของคนผู้หนึ่ง ชายไร้นามอุดหูนอนตัวสั่นงันงก เพราะเสียงนั้นมันช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน... มันเหมือนกับเสียงบนเรือเหล็กไม่มีผิด...
หนี! ต้องหนี! เขาจะไม่ยอมถูกพวกมันจับตัวอีกเป็นอันขาด!
ร่างผอมยาวเผ่นแผล็วขึ้นต้นไม้ พยายามหลบหนีจากสิ่งที่ไล่กวดมาข้างหลัง แต่ช้าเกินไปเสียแล้ว... ผู้ไล่ล่ามาถึงตัวเขาเร็วกว่าที่คิด!
พาหนะรูปร่างประหลาดมุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง มันมีกายเป็นเหล็กและไม้ผสมกัน แต่มิได้มีขาเฉกเช่นสิ่งมีชีวิตทั่วไป สิ่งที่ทำให้มันเคลื่อนไปคือกงล้อเหล็กคู่หนึ่ง โดยอันแรกอยู่ที่ด้านหน้า และอีกอันอยู่ที่ด้านหลัง เจ้าพาหนะประหลาดพ่นลมหายใจออกมาเป็นหมอกไอราวกับมาจากนรก
ผู้ที่มาพร้อมพาหนะนั้นมิใช่ใครที่ไหน เขาคือโฮตารุนั่นเอง! แสงแดดในยามนี้ทำให้มองเห็นร่างนั้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผิวกายกายภายนอกของชายผู้นี้เป็นเหล็กสีดำล้วน โครงสร้างดูตันและเข้มแข็ง มีเพียงผ้าพันคอสีขาวที่ปลิวไสวเท่านั้นที่ยังพอให้เห็นความอ่อนโยนอยู่บ้าง
เมื่อรู้ว่าหนีไม่พ้นแน่แล้ว ชายผู้มีรูปร่างคล้ายแมงมุมจึงพ่นใยเหนียวดักการเคลื่อนไหวของผู้ไล่ล่าแทน ได้ผล... พาหนะรูปร่างประหลาดล้มคว่ำอย่างรุนแรง จนไถลครูดกับพื้นไปชนยุ้งข้าวเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ชายไร้นามทิ้งตัวลงจากต้นไม้ มองผลงานความวินาศสันตะโรของตนด้วยความพึงพอใจ เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้ใดรอดจากหายนะนั้น หากแต่ความยินดีนั้นคงอยู่ได้ไม่นาน...
ร่างดำทะมึนลุกขึ้นมาจากซากปรักอย่างไม่สะทกสะท้าน ดวงตาสีเขียวสว่างวาบขึ้นอย่างไม่อาจจะคาดเดาอารมณ์ ชายไร้นามหวาดผวาเมื่ออสูรเหล็กไหลเยื้องย่างเข้าหาเขาอย่างช้าๆ เมื่อมาถึงตรงนี้ก็มีแต่ต้องสู้กันเท่านั้น!
ใยสีขาวเหนียวหนึบถูกพ่นออกมาอีกครั้งหวังจะตรึงร่างเหล็กไว้กับที่ แต่มันก็ทำได้เพียงสร้างความรำคาญเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อมืออันแข็งแกร่งฉีกกระชากเส้นใยเหล่านั้นลงไม่เป็นชิ้นดี
“เลิกทำเรื่องไร้สาระได้แล้ว! นายกำลังจะทำอะไรกันนี่!?” โอตารุตะโกนออกมา
“ฉันจะกลับบ้าน! นายอย่ามาขวาง!” ชายไร้นามตะคอกกลับ ท่าทางเกรี้ยวกราด
“นายจะกลับไปไม่ได้! ยังไม่ยอมรับสภาพตัวเองอีกหรือ!” โฮตารุตอบกลับ คำกล่าวนั้นสร้างความเดือดดาลให้กับอีกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง อสูรกึ่งแมงมุมคว้าเอาจอบที่ตกอยู่แล้วกระโดดเข้าฟาดมันใส่โฮตารุเต็มแรง แขนเหล็กถูกยกขึ้นป้องกันทว่ามันไม่ขยับ! เส้นใยเหนียวถูกพ่นเข้ารัดแขนทั้งสองข้างของศัตรูไว้ แม้จะไม่อาจตรึงไว้ได้นาน แต่แค่ชั่วเสี้ยววินาทีก็เพียงพอให้ปลายแหลมคมของจอบเหล็กได้ฟาดเข้าใส่เป้าหมายด้วยกำลังที่เหนือมนุษย์!
“เปรี้ยง!!!”
เสียงดังสั่นหวั่นไหวเมื่อโลหะทั้งสองกระทบกันอย่างแรง ผลก็คือด้ามจอบที่เป็นไม่เนื้อแข็งหักสะบั้นคามือ ทว่าร่างของโฮตารุกลับไม่มีแม้แต่รอยสะกิด! หากแต่มันยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เมื่อใยแมงมุมที่พันร่างศัตรูไว้ถูกฉีกขาดจากการขยับแขนเพื่อที่จะคว้าข้อมือที่ยาวเก้งก้างไว้
“กลับไปกับฉัน!” ชายเหล็กล่าวอย่างเอาจริง แต่อีกฝ่ายยังคงดึงดันโดยใช้เขี้ยวคู่โตเข้ากัด... กัดเข้าไปที่แขนผอมยาวข้างที่ถูกยึดไว้ทันที! ความเจ็บปวดแล่นปลาบจนแทบสิ้นสติ แต่ชายไร้นามยังคงกัดแขนของตนจนขาด เขาจะไม่ยอมถูกจับอีกเป็นอันขาด!
โฮตารุตกใจกับการกระทำที่ดูเหมือนเสียสตินั้น ไม่ทันได้คิดอะไรต่อ การมองเห็นของเขาก็ถูกบดบังด้วยใยแมงมุม
“ไม่มีทาง! ฉันจะกลับบ้าน!!” เสียงแหลมสูงตะโกนทิ้งท้าย แล้วร่างผอมยาวเก้งก้างก็รีบกระโดดหายลับไป ปล่อยให้โฮตารุวุ่นอยู่กับการฉีกใยที่เกาะหน้าออกให้หมด
ความเจ็บปวดจากแขนซ้ายยังคงแล่นอยู่ในสมอง หากแต่สองขานั้นจะไม่หยุดยั้งจนกว่าจะไปถึงที่ที่ต้องการ เพราะยิ่งก้าวไปเท่าใด เขาก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความทรงจำของบ้านอันอบอุ่น... ใช่แล้ว... แค่พ้นหัวมุมนั้นไปเขาก็จะได้พบกับ...
“ระวัง!” น้ำเสียงเข้มแผดลั่นจากชายผู้สวมชุดเจ้าหน้าที่บ้านเมือง มิใช่คำเตือนต่ออสูรอัปลักษณ์ หากแต่เป็นคำสั่งสำหรับแถวลูกน้องที่เล็งปืนไฟเรียงเป็นตับ ดวงตาทั้งแปดดวงของชายนิรนามเบิกโพลงเมื่อพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด ทว่าไม่อาจหยุดยั้งร่างกายที่พุ่งไปด้วยความเร็วได้ทัน...
“ยิง!!” สิ้นคำสั่งที่เด็ดขาด เสียงแผดร้องของปืนไฟนับสิบกระบอกก็ขานรับขึ้นทันที ลูกตะกั่วขนาดเท่าหัวแม่มือทะยานออกจากลำกล้องด้วยความเร็วสูง บางนัดพลาดจากเป้าหมาย แต่อีกหลายนัดชำแรกผ่านเนื้อหนังอันหยาบกระด้างเข้าไปจนลึก
หลังสิ้นเสียงการโจมตีระลอกแรก บรรดาเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต่างพยายามเขม้นมองผ่านกลุ่มควันโขมงที่เกิดจากการระเบิดของดินปืน หลายคนยังคงมีอาการสั่นเทาจากการที่ได้ประจันหน้ากับอสูรกายที่ไร้ความเป็นมนุษย์ แต่เมื่อหมอกควันจางลงพวกเขาก็ต้องตกตะลึงมากขึ้น ร่างอัปลักษณ์มิได้ล้มลงแต่อย่างใด... มันยังคงหยัดยืน ทว่าสตินั้นเลือนรางเต็มที...
“ชุดที่สอง เตรียมตัว!!” คำสั่งดังมาจากหัวหน้าคนเดิม แม้จะพยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ แต่น้ำเสียงนั้นก็ยังคงสั่นอยู่ในที ร่างที่อ่อนระโหยโรยแรงจ้องกลับมาด้วยดวงตาที่ไร้แวว ลมหายใจแทบจะปลิดปลิวอยู่เต็มแก่ เหลือก็แค่ยืนรอคำสั่งประหารเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น... และมันกำลังจะมาถึงในไม่ช้า...
“ยิง!!!” บทเพลงแห่งการสังหารถูกเล่นวนอีกครั้งด้วยจังหวะที่ผิดเพี้ยนไปเพียงเล็กน้อย แต่ความเหลื่อมล้ำของลำดับมิใช่สิ่งที่ทำลายอรรถรสหลัก มันคือท่อนจบที่เปลี่ยนไปต่างหากที่ทำให้ทั้งวงต้องล้มครืนลงอย่างไม่เป็นท่า! ปราศจากเสียงเนื้อหนังถูกทะลุทะลวงอันรื่นหู กลับกลายเป็นเสียงหยาบกระด้างของตะกั่วที่ที่กระทบแผ่นเหล็กแทน เสียงก๊องแก๊งไร้ซึ่งรสนิยมสิ้นดี!
ไวทยากรเอกมองผู้ที่มาล่มการบรรเลงด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจอธิบาย แต่มันคงมีความตกตะลึงผสมอยู่ไม่น้อยแน่ๆ ตัวประหลาดแค่ตัวเดียวก็แย่แล้ว แต่นี่มันดันมีเพิ่มอีกตัว! แถมเจ้าตัวนี้ดูจะไม่สะทกสะท้านกับอาวุธอันทันสมัยเสียอีก! ก็มันเล่นเอาตัวมาบังร่างอสูรกายตนเดิมอย่างไม่เกรงกลัวต่อลูกกระสุน!...
“บรรจุลูก! บรรจุลูก!!” หัวหน้าคนเดิมสั่งขึ้นอีก คราวนี้น้ำเสียงลนลานอย่างเห็นได้ชัด ลูกน้องทั้งหมดต่างเร่งบรรจุกระสุนด้วยอาการสั่นเทาไม่แพ้กัน
อย่างที่เขาว่ากัน ‘ยิ่งรีบก็ยิ่งช้า’ และเจ้าอสูรเหล็กก็ไม่มีเวลามานั่งรอพวกเขาเสียด้วย! มันขยับตัวขึ้นทีหนึ่งซึ่งทำให้เกิดไอน้ำพวยพุ่งออกมาจากรอยต่อบนร่าง ด้วยเวลาที่รวดเร็วกว่าการกระพริบตา ร่างเหล็กก็ปรากฏตรงหน้ากลุ่มคนที่เล็งปืน ไม่ทันให้เหนี่ยวไก กำปั้นอันแข็งแกร่งก็ชกเข้าเต็มแรง!
“ตูม!!!” เสียงกึกก้องกัมปนาท หมัดของโฮตารุชกลงไปที่พื้นดินตรงหน้ากลุ่มคนที่เล็งปืน ด้วยการชกเพียงครั้งเดียว พื้นดินก็ยุบลงไปเป็นวงกว้าง แม้จะไม่มีใครโดนหมัดนั้น แต่แรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินก็ทำเอาบรรดาเจ้าหน้าที่ล้มระเนระนาด และทันทีที่คนเหล่านั้นก้าวขาออก ทั้งบริเวณก็ไม่เหลือเจ้าหน้าที่พวกนั้นแม้แต่คนเดียว...
โฮตารุยืดกายลุกขึ้นอย่างช้าๆ เขาหันกลับไปหาชายไร้นามที่ล้มตัวลงนอนหายใจรวยริน ทำไมเขาต้องช่วยชายคนนี้ด้วยนะ... บางทีอาจเพราะชะตาที่มีร่วมกันก็เป็นได้... หรือเพราะเขาเริ่มตระหนักได้ว่า ไม่มีสังคมใดอื่นสำหรับเขาอีก นอกจากผู้ที่ถูกทดลองเหมือนกันเท่านั้น...
“ข... ข้านึกออกแล้ว...” ชายไร้นามละล่ำละลัก เลือดสีเขียวไหลออกมาท่วมปาก โฮตารุวางมือลงบนร่างนั้นเป็นเชิงห้าม แต่ถึงจะห้ามไปก็คงเท่านั้น เพราะกระสุนได้เจาะทะลุไปทั่วร่าง ยากที่จะรอดไปได้
“ข้า... ชื่อ... ยาคุโมะ... ตรงนั้นคือ... บ้านข้า...” นั่นคือคำพูดสุดท้ายของชายผู้ต้องพบชะตากรรมอันโหดร้าย ชื่อของเขาคือยาคุโมะ... มือของเขาชี้ไปยังบ้านหลังหนึ่ง ก่อนจะทิ้งลงอย่างไร้การควบคุมตามวิญญาณที่หลุดลอย
โฮตารุอุ้มร่างไร้วิญญาณไปยังบ้านหลังนั้น โชคชะตาคงเมตตาต่อยาคุโมะอยู่บ้าง ที่ให้เขาสิ้นลมก่อนถึงที่หมาย มันทำให้เขาไม่ต้องเผชิญกับความผิดหวัง... เพราะที่นั่นเป็นเพียงบ้านร้างอันว่างเปล่า ไม่มีใครรอคอยการกลับมาอย่างที่ยาคุโมะหวัง โฮตารุค่อยๆวางร่างของผู้ร่วมชะตากรรมบนพื้นภายในบ้าน ร่างนั้นก็ค่อยๆสลายไปราวกับไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตอัปลักษณ์เช่นนั้นอยู่...
ยาคุโมะจะพกพาความคิดใดไปสู่สัมปรายภพนั้นสุดที่โฮตารุจะคาดเดา แต่สำหรับเขาแล้วมีแต่ความครุ่นคิดที่สับสนและมืดมนทิ้งไว้ หากว่ายาคุโมะมิได้ถูกความทรงจำบิดเบือนหลอกหลอนแล้ว... ก็หมายความว่าไม่มีใครรอคอยการกลับมาของเขาจริงๆ... ถ้าเช่นนั้น... ชะตากรรมของโฮตารุก็อาจเป็นเช่นเดียวกัน...
..........
ความคิดเห็น