ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แพนโทล่า มหานครมนตรา

    ลำดับตอนที่ #2 : อดีตของเลออน (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26
      0
      22 ก.ค. 57

    ตอนที่2 อดีตของเลออน (1)

     

    สายลมหนาวพัดเอื่อยๆมากระทบหน้าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ริมหน้าผาแห่งหนึ่งปลุกให้เขาตื่นจากห้วงความคิดที่เขาไม่เคยลืมเลือนมันเลยแม้แต่น้อยแต่ครู่เดียวเมื่อสายลมหนาวพัดผ่านไปสายตาของเขาก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับจะใช้ท้องฟ้าเป็นพักใจของเขาที่กำลังเจ็บปวดกับห้วงความคิดที่ย้อนกลับเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้งทั้งที่เขาพยามที่จะไม่คิดถึงมันอีกแล้วแต่ไม่รู้ทำไมในตอนนี้มันกลับย้อนเข้ามาให้เขาต้องเจ็บปวดใจอีกจนได้แต่ในครั้งนี้เขากับเลือกที่จะสู้กับมันสู้กับอดีตที่เจ็บปวดที่เขาพยามหนีมันทุกครั้งที่มันย้อนเข้ามาในหัวของเขาๆค่อยๆปล่อยห้วงความคิดไปกับสายลมที่เย็นฉ่ำชื่นใจราวกับจะให้สายลมช่วยบรรเทาความเจ็บปวดกับภาพในอดีตที่ค่อยๆปรากฏในห้วงความคิดอย่างช้าๆที่ละภาพๆอย่างเลื่อนลางจนชัดเจนในที่สุด

     

    6ปีก่อน สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

     

                    ใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นรอบๆต้นของมันมีที่นั่งสำหรับคนหลายคนให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดีแต่ในตอนนี้กลับมีเพียงร่างเด็กน้อยอายุราวๆ10ขวบคนหนึ่งนั่งเหม่อมองท้องฟ้าเงียบๆอยู่คนเดียวภายใต้ต้นไม้ใหญ่แห่งนี้จนผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างหันมามองที่เด็กน้อยอย่างแปลกใจที่เห็นเด็กน้อยคนนี้มานั่งมองท้องฟ้าภายใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ทุกวันแต่ถึงจะแปลกใจมากแต่ไหนก็ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปถามได้แต่มองแล้วเดินจากไปปล่อยให้เด็กน้อยนั่งมองท้องฟ้าคนเดียวต่อไป

                    ในตอนนี้ในหัวของเด็กน้อยต่างเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่วนเวียนไปมาภายในหัวของเขาจนเขาต้องมานั่งมองท้องฟ้านานกว่าทุกวันที่เคยทำมาเพื่อให้จิตใจของเขาสงบลงเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลาเขามีเรื่องไม่สบายใจทีไรถ้าเขาได้มานั่งมองท้องฟ้าเขาจะรู้สึกสบายใจขึ้นจิตใจสงบลงได้มากขึ้นและคำถามมากมายที่วนเวียนไปมาในหัวของเขาตอนนี้ก็คือเขาเป็นใครและใครคือพ่อแม่ของเขาแล้วเขามาอยู่ที่นี้ได้อย่างไรรวมถึงเรื่องชื่อของเขาด้วยว่าใครเป็นคนตั้งชื่อเขาว่า

                    “เลออน มาอยู่ตรงนี้เองหรอจ๊ะ เสียงหวานใสดังขึ้นจากข้างหลังเรียกความสนใจของเด็กน้อยที่ชื่อเลออนที่กำลังนั่งมองท้องฟ้าให้หันไปมองตามเสียงเรียกจึงเห็นว่าเป็นพี่เลี้ยงสาวผมสีเขียวอ่อนตาสีดำหน้าตาสวยหวานกำลังมองมาทางตนอยู่

                    มีอะไรหรือป่าวครับคุณลิซ่า เลออนถามลิซ่าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้อย่างแปลกใจเพราะปกติลิซ่าจะรู้ดีว่าเวลาที่เขากำลังนั่งมองท้องฟ้ายามเช้าแบบนี้เขาต้องการอยู่คนเดียว

                    เธอลืมไปหรือป่าวจ๊ะว่านี้ได้เวลาทานมื้อเที่ยงแล้วนะ ลิซ่ามองหน้าเลออนแล้วกล่าวขึ้นมาอย่างขำๆนิดๆไม่ได้ที่เห็นเด็กที่มีความจำดีแบบเลออนจะลืมเรื่องที่ทำเป็นกิจวัตรประจำวันแบบนี้ได้

    จริงด้วยสิครับข้าลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลยต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณลิซ่าต้องมาตามแบบนี้ เลออนเอ่ยอย่างนึกขึ้นได้และขอโทษลิซ่าและกล่าวต่อว่า

    ข้าคงจะนั่งคิดอะไรเพลินไปหน่อยจึงได้ลืมเรื่องนี้ไป

    พี่เข้าใจจ๊ะ แต่พี่ว่าตอนนี้เจ้ารีบไปทานข้าวเที่ยงได้แล้วละ ลิซ่าเอ่ยขึ้นและเดินเข้าไปจูงมือเลออนไปทางโรงครัว

     

    สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองแห่งหนึ่งของมหานครเทพานอสที่ถูกตั้งขึ้นเมื่อตอนสิ้นสุดสงครามนักรบและทหารที่ไปออกรบในครั้งนั้นต่างล้มตายไปกันมากทำให้มีเด็กที่ต้องเป็นกำพร้ามากมายหลังการสิ้นสุดสงครามเพราะเด็กบางคนทั้งพ่อและแม่ไปออกรบทั้งคู่แล้วฝากเอาไว้กับญาติพี่น้องที่ไม่ได้ไปออกรบและเมื่อคนที่รับฝากเด็กไปเลี้ยงล้มตายไปก่อนบ้างก็เลี้ยงไม่ไหวจึงได้นำมาทิ้งไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้เพราะฉะนั้นเด็กที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่จึงเป็นออเตอร์และมีเพียงเลออนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเวริสเซิสในที่แห่งนี้

     

    เลออนและลิซ่าเดินเข้าไปในโรงครัวและสิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้ในทันทีที่เข้าไปในโรงครัวก็คือความหวาดกลัวความเกลียดชังและไม่ชอบหน้าเขาของทุกคนที่อยู่ในโรงครัวแต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจไม่รับรู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในที่นี้ และใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยไม่แสดงอาการไม่พอใจใดๆทั้งสิ้นแต่ทุกคนหารู้ไม่ว่าในขณะที่ใบหน้าเรียบเฉยนั้นแต่ในใจของเขานั้นกับปวดร้าวเสียใจน้ำตาตกในแต่เขากับไม่รู้สึกโกรธเคืองหรือคับแค้นใจทุกคนเลยเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้ทั้งที่เขาอยากที่จะโกรธแค้นและอัดพวกคนที่มองเขาด้วยสายตาที่รังเกลียดแต่เขาก็ทำไม่ได้และที่เป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะว่าเขามีความคิดความอ่านที่เกินเด็กอายุ10ขวบก็เป็นไปได้เขาถึงได้เข้าสัจธรรมของโลกที่ว่าไม่มีใครหรืออะไรที่ทำร้ายเราได้นอกจากความคิดร้ายของตัวเราเองเท่านั้นเมื่อคิดได้แบบนั้นเขาจึงได้เดินเข้าไปต่อแถวเพื่อรับอาหารส่วนลิซ่าได้แยกตัวไปยืนรวมกับพวกพี่เลี้ยงคนอื่นแล้วและเมื่อเขารับจานใส่อาหารมาแล้วจึงได้เดินไปหาที่นั่งในการรับประทานอาหารเที่ยงแต่ในระหว่างที่กำลังเดินหาที่นั่งอยู่นั่นได้มีเด็กผู้ชายตัวอ้วนคนหนึ่งยืนขวางทางเขาอยู่เขาจึงได้เอ่ยขอให้เด็กอ้วนคนนั้นหลีกทางให้แต่เด็กอ้วนนั้นกับพูดขึ้นมาว่า

    ไม่มีหลีกมีปัญหาไรป่าว พูดพร้อมกับทำหน้ายียวนกวนประสาทถึงขีดสุด

    เลออนกำหมัดแน่นพยามระงับอารมณ์ให้มากที่สุดเพราะว่าเขาไม่อยากที่จะมีเรื่องชกต่อยเกิดขึ้นให้ตัวเองเดือดร้อนป่าวๆ

    นั้นก็แล้วแต่นายแล้วกัน เลออนเอ่ยขึ้นและเดินเลี่ยงไปนั่งที่โต๊ะว่างทางซ้ายแทน

    โถ ขี้ขลาดนี่หว่านึกว่าจะแน่ เด็กอ้วนเยาะเย้ยถากถางเลออนพลางหันไปยักคิ้วกับเพื่อนๆที่นั่งอยู่แถวนั้นเป็นเชิงว่าเห็นมั๊ยมันไม่เห็นจะแน่สักเท่าไร

     

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้อยู่ในสายของทุกคนรวมถึงพวกพี่เลี้ยงด้วยแต่พวกเขาก็เลือกที่จะเฉยไม่ทำอะไรทั้งนั้นส่วนหนึ่งเพราะพวกเขาไม่ชอบแลออนที่แปลกแยกจากพวกตนและอีกส่วนหนึ่งเพราะต้องการที่จะเห็นวิธีแก้ปัญหาของเลออน

     

    ค่ำคืนนั้นในขณะที่ทุกคนกำลังนอนหลับกันอยู่อย่างสบายใจนั้นภายในห้องๆหนึ่งที่อยู่แยกออกมาจากที่นอนรวมของเด็กทุกคน ภายในห้องที่ควรจะมืดสนิทกับมีแสงสว่างจากแสงเทียนที่ถูกจุดขึ้นโดยฝีมือเจ้าของห้องตัวน้อยที่กำลังนั่งพิงหมอนบนที่นอนในมือถือหนังสือแบบหนึ่งที่ยืมมาจากห้องสมุดของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นเองและขณะที่อ่านหนังสืออยู่นั้นเจ้าของห้องตัวน้อยก็ได้พึมพำขึ้นว่า

     

    ทำไมเราถึงต้องมาอยู่ที่นี้ด้วยนะแล้วเมื่อไรเราถึงจะได้ไปท่องเที่ยวภายนอกมั้งนะ.

    สักวันหนึ่งถ้าเราพร้อมเราต้องไปจากที่นี้ให้ได้เลย

     

    ขณะที่เจ้าของห้องตัวน้อยกำลังบ่นพึมพำกับต้องเองอยู่นั้นก็มีเสียงคนเดินดังขึ้นนอกห้องพร้อมกับเสียงเคาะประตูห้องและถามขึ้นว่า

     

                    เลออนยังไม่นอนอีกเหรอดึกแล้วนะนอนได้แล้ว

     

    ที่แท้เจ้าของห้องตัวน้อยนั้นก็คือเลนอนนั้นเองและพอเขาได้ยินดังนั้นจึงได้รีบดับเทียนและเข้านอนในทันทีและพอแสงเทียนจากในห้องดับลงเจ้าห้องเสียงที่ถามขึ้นก็เดินจากไปตรวจยามที่ส่วนอื่นต่อไป

     

    ใช่ว่าที่เขาได้นอนห้องเดี่ยวแบบนี้จะเป็นเพราะว่าเขาพิเศษกว่าคนอื่น แต่เป็นเพราะว่าทางผู้แลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่อยากจะให้มีปัญหาการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นและเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการที่เขาต้องใช้ชีวิตโดยผ่านวันและคืนอย่างเดียวด้าย

     

     

    2ปีผ่านไป

     

    นับเวลาจากที่เขามาอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ผ่านมา12ปีแล้วในแต่ละวันที่ผ่านไปอย่างอย่างเบื่อหน่ายเขาไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากอ่านหนังสือและนั่งเล่นมองท้องฟ้าไม่ใช่ว่าเขาขี้เกียจไม่ยอมช่วยงานอะไรคนอื่นเลยเขาอยากจะมีส่วนรวมเป็นอย่างมากแต่ทุกคนที่นี่กับทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนในที่แห่งนี้

    ในวันหนึ่งขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารเช้าอยู่ซึ่งก็รวมเลออนด้วยแต่ในขณะที่ทุกคนต่างนั่งรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยบรรยากาศภายในโรงครัวกลับร้อนอบอ้าวสายลมที่เย็นฉ่ำพัดมาจากข้างนอกพอเข้ามาในโรงครัวกลับกลายเป็นสายลมที่ทั้งร้อนอบอ้าวและเย็นเฉียบในเวลาเดียวกันทำให้ทุกคนขนลุกซู่และเหงื่อไหลทั่วกายแต่ละคนต่างหันไปมองรอบๆตัวว่าเหตุใดที่ทำให้บรรยากาศแปลกประหลาดแบบนี้และทันใดนั้นสาเหตุที่ทุกคนกำลังมองหาอยู่ก็ปรากฏขึ้นมา รอบตัวของเลออนลุกท้วมไปด้วยเปลวเพลิงสีทองที่ค่อยๆเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆจนทำให้ทุกคนตกตะลึงและหวาดกลัวเพราะสัมผัสได้ถึงความร้อนแรงและเย็นยะเยือกของเปลวไฟสีทองที่ลุกท้วมตัวเลออนอยู่จึงต่างรีบพากันวิ่งหนีออกจากโรงครัวอย่างรวดเร็ว

    เลออนที่กำลังถูกไฟคอกอยู่ทั้งตัวในตอนแรกนั้นเขาตกใจเป็นอย่างมากแต่พอผ่านไปสักพักความร้อนที่ผสมความหนาวยะเยือกกับไม่ส่งผลอะไรต่อเขาเลยที่เขารู้สึกก็มีแค่ความรู้สึกอึดอัดบางอย่างในตัวเหมือนกับว่ามีพลังอะไรสักอย่างไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายราวกับมันต้องการที่จะออกมาข้างนอกจนเขาต้องรีบตั้งสติและสมาธิตามที่เขาเคยอ่านเจอในหนังสือเผื่อว่ามันจะช่วยให้ความรู้อึดอัดราวกับร่างกายจะระเบิดให้หายไปได้เขาพยามต่อต้านพลังที่เล่นงานเขาในตอนนี้ให้สงบลงและพยามจับสัมผัสสิ่งที่ไหลเวียนอยู่ในร่างและผ่านไปครู่เดียวเท่านั้นเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่มีทั้งความร้อนและเย็นที่เหมือนกับมันกำลังตีกันเองอยู่ดังนั้นเขาจึงไม่ทางเลือกนักเพราะถ้ายังปล่อยให้พลังทั้งสองสายนี้ตีกันต่อไปแล้วละก็ร่างเขาต้องระเบิดแน่นอนเขาจึงได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีเวริสเซิสคนไหนเคยทำมาก่อนและก็ทำไปด้วยความรู้สึกล้วนๆ

    สิ่งที่เขาทำลงไปนั้นก็คือการจับเอาพลังทั้งสองสายมาผสมรวมกันเพราะเขาคิดแบบเด็กๆที่ว่าถ้าพลังทั้งสองสายนี้ทะเลาะกันก็แค่จับมันมาอยู่ร่วมกันพวกมันจะได้ปรับความเข้าใจกันซะก็สิ้นเรื่องและด้วยที่เขาเป็นเด็กที่ถึงจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ซะแค่ไหนแต่ความคิดและนิสัยแบบเด็กๆก็ยังมีอยู่และด้วยความคิดของเขารวมถึงจิตใจที่ใสซื่อบริสุทธิ์ที่ไม่เคยปล่อยให้ความคิดด้านลบของคนอื่นมีผลต่อจิตใจของตัวเองทำให้พลังสองสายที่ต่อต้านกันอยู่ถูกพลังจิตที่บริสุทธิ์ของเด็กน้อยดึงดูดเข้าหากันและค่อยๆหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแต่มีความแตกต่างในด้านความรู้สึกของเขาที่เป็นเจ้าของพลังที่สัมผัสได้ว่าถึงพลังทั้งสองสายจะเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วแต่ยังคงความเป็นตัวตนของตัวเองอยู่เขาคงต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งในการทำความคุ้นเคยกับพลังใหม่ที่เพิ่งตื่นขึ้นมา

                    อืม แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปละที่นี้  เลออนพึมพำขึ้นมากับตัวเองเบาๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาที่อาจส่งผลให้เขาอยู่ที่นี่ลำบากยิ่งขึ้นหรืออาจไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป

                    แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตเราก็ต้องผ่านมันไปด้วยดีให้ได้ เลออนตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับเขาหลังจากนี้

     

                    หลังเหตุการณ์ผ่านไป3วันจากแต่เดิมที่ทุกคนไม่ชอบหน้าเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วประกอบกับพอได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อ3วันที่แล้วทุกคนยิ่งหวาดกลัวไม่กล้าเข้าหาหรือพูดคุยกับเขามากยิ่งขึ้นและสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้จึงทำให้เขาได้ตัดสินใจเด็ดขาดในเรื่องหนึ่งได้ซะที

                   

                    คุณลิซ่าครับ เลออนเดินเข้ามาภายในห้องพักของพี่เลี้ยงเพราะเขามีสิ่งที่ค้างคาใจที่จะถามลิซ่าอยู่

                    เล…..เลเลออนเองเหรอจ๊ะ มีอะไรหรือป่าวจ๊ะ ลิซ่าถามอย่างตะกุกตะกักเมื่อเห็นว่าใครที่เรียกเธอเพราะยังจำเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้อย่างชัดเจน

                    “คือว่าข้ามีเรื่องอยากจะถามคุณลิซ่าหน่อยนะครับเลออนเอ่ยบอกจุดประสงค์ที่มาหาเธอให้ทราบ

                    เรื่องอะไรเหรอจ๊ะ ลิซ่าถามอย่างกลัวๆ

                    เลออนมองลิซ่าที่มีท่าทางหวาดกลัวเขาอย่างเห็นได้ชัดเลยอดเศร้าและเสียใจขึ้นมาไม่ได้ที่เห็นพี่เลี้ยงคนเดียวที่เขารักและไว้ใจที่สุดเพราะเธอเป็นคนเดียวในที่นี่ที่กล้าเข้ามาคุยกับเขาและคอยห่วงใยดูแลเขามาตลอดกับมองเขาสายตาที่หวาดกลัวแบบนี้

                    ข้าอยากจะรู้ที่เป็นที่มาของชื่อของข้านะครับคุณลิซ่าช่วยบอกหน่อยได้มั๊ยครับ เลออนบอกเรื่องที่เขาอยากรู้ให้ลิซ่าทราบ

                    “อ๋อ เรื่องนี้เองเหรอจ๊ะเธอคงอยากรู้สินะว่าชื่อของเธอมาจากไหน ลิซ่าอุทานและเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่แปลกใจนักเพราะมีเด็กหลายคนมาถามเธอแบบนี้บ่อยมาก

                    นั้นเธอรอตรงนี้สักครู่นะเดี่ยวพี่มา ลิซ่าบอกเลออนและเดินเข้าไปที่ห้องหนึ่งที่อยู่ทางด้านซ้ายมือสักพักก็เดินมาที่เขาและยื่นสร้อยเส้นหนึ่งให้พร้อมกล่าวขึ้นว่า

                    “สร้อยเส้นนี้ติดตัวเธอมาครั้งแต่แรกที่ผู้ดูแลเจอเธอตอนนอนอยู่หน้าประตูที่นี่ตอนนั้นเธอยังเด็กมากพวกเราจึงได้เก็บสร้อยเส้นนี้ไว้ให้แทนเพราะกลัวเธอจะทำหายแล้วก็ลองดูที่แผ่นเหล็กที่ห้อยอยู่ที่สร้อยดูสิจ๊ะ

     

                    เลออนได้ยินดังนั้นจึงได้ยกสร้อยที่ห้อยแผ่นเหล็กที่เขาถืออยู่และพึมพำเบาๆว่า เลออน

     

                    ใช่จ๊ะ ตอนที่ผู้ดูแลไปเจอเธอแล้วนำเธอมาอยู่ที่นี่นั้นพวกเราได้ช่วยกันตั้งชื่อให้เธอมากมายแต่พอพวกเราเรียกชื่อที่ตั้งให้ต่างๆหลายชื่อเธอกับร้องไห้ยกใหญ่เหมือนกับไม่ชอบทุกชื่อที่พวกเราตั้งให้จนผู้ดูแลเห็นสร้อยที่ห้อยที่คอเธอจึงได้หยิบสร้อยขึ้นมาดูจึงได้เห็นว่ามีแผ่นเหล็กที่สลักข้อความบางอย่างไว้จึงไว้นำเอาข้อความนั้นมาตั้งเป็นชื่อเธอไงละและที่สำคัญเธอกับชอบชื่อที่อยู่ในแผ่นเหล็กนั้นด้วยเพราะเธอไม่ร้องสักนิดเวลาที่เราเรียกเธอว่า เลออน จนพี่และทุกคนยังอดแปลกใจไม่ได้ว่าเหตุใดเธอถึงได้ชอบชื่อนี้นัก ลิซ่าบอกกล่าวเรื่องในอดีตให้เลออนฟังและแสดงความคิดเห็นไปในตัว

    ขอบคุณมากนะครับที่เล่าความจริงให้ข้าฟัง

     

                    “ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะเรื่องแค่นี้เอง ลิซ่ามองหน้าเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลายทั้งหวาดกลัวเอ็นดูปะปนกันไปหมด

                    “นั้นข้าขอตัวก่อนนะครับ เลออนกล่าวลาลิซ่าและเดินออกจากห้องพักของพี่เลี้ยงไป

                    ลิซ่ามองตามหลังเลออนด้วยความรู้สึกหลายหลากที่มีต่อเด็กน้อยที่ต่างพวกของตนและสังหรณ์ใจว่ากำลังจะมีอะไรบ้างเกิดขึ้นกับเด็กน้อยคนนี้แน่นอน

                   

                    ในเวลาเช้ามืดที่ทุกคนยังคงนอนหลับอย่างสบายใจอยู่นั้นไม่มีใครรู้สึกตัวสักคนว่าที่หน้าประตูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามีร่างของเด็กน้อยคนหนึ่งยืนหันหลังให้กับประตูตามองดูที่ๆตนอยู่มาตั้งแต่จำความได้อย่างเศร้าสร้อยอาลัยที่ตนคงจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้วและอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเป็นครั้งที่สองและถึงแม้ทุกคนที่นี่จะไม่ชอบเขาหวาดกลัวเขาแต่ที่เขาอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้ก็เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้เขาจึงอดจะอาลัยไม่ได้ที่จะต้องเดินจากไปเอง เด็กน้อยหรือก็คือเลออนนั้นเองหันมองบ้านที่ตนอยู่แต่เล็กเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกจากประตูไป

     

    ป่าสีรุ้ง

                    ถึงชื่อป่าจะฟังดูน่ามาท่องเที่ยวพักผ่อนแต่ป่าแห่งนี้กลับเป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับคนทั่วไปที่ไม่เคยฝึกการต่อสู่เพราะป่าแห่งนี้มีสัตว์ร้ายมากมายที่กลายพันธุ์จากสัตว์ป่าปกติที่ทั้งดุร้ายและมีพลังมากมายรวมทั้งความอึดความว่องไวที่เพิ่มขึ้นมากทั้งนี้เป็นเพราะป่าแห่งนี้อยู่ใกล้กับสถานที่ทำสงครามเมื่อหลายปีก่อนจึงทำให้ได้รับผลกระทบจากพลังของทั้งสองฝ่ายที่ปล่อยออกมาเข่นฆ่ากันและพลังนั้นได้ซึมซับลงไปในพื้นดินจึงเป็นเหตุให้สิ่งมีชีวิตในป่าแห่งนี้ทุกชนิดต่างได้รับพลังที่ว่านี้ผ่านทางอาหารการกินเช่นพวกพืชพรรณผลไม้ต่างๆที่ซึมซับพลังผ่านทางรากที่ดูดซับแร่ธาตุและสารอาหารที่อยู่ในดินจึงทำให้ได้รับพลังที่ตกค้างอยู่ใต้ดินเข้าไปและพอพวกสัตว์ป่าไปกินเข้าจึงเกิดการกลายพันธ์ขึ้นมา สัตว์ป่าพวกนี้จึงได้รับการกล่าวขานว่าสัตว์อสูรส่วนที่มาของชื่อป่าแห่งนี้ก็คือต้นไม้ทุกต้นในป่านี้ล้วนใหญ่โตและทุกต้นต่างมีใบไม้หลากหลายสีที่มองแล้วเหมือนกับสีรุ้งทุกคนจึงเรียกขานกันว่าป่าสีรุ้ง เลออนอ่านหนังสือที่เขาหยิบออกมาจากห้องหนังสือที่มีชื่อว่า รวมสถานที่ต้องห้ามของมนุษย์

     

                    “อืม ป่าแห่งนี้สวยกว่าที่คิดอีกแหะเสียด้ายไม่น่ามีพวกสัตว์อสูรเลยเลออนพึมพำเบาๆระหว่างที่เดินอยู่ในป่าสีรุ้งในตอนเช้าตรู่แล้ว

                    แล้วเราจะไปทางไหนดีละ ในระหว่างที่เดินไปสายตาของเขาก็สอดสายไปทั่วทั้งป่าเพื่อหาทางเดินต่อไปแต่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนสิ่งที่เห็นก็มีแค่ต้นไม้ต้นใหญ่โตสีใบไม้เป็นสีรุ้งมากมายทั่วไปทั้งป่าและขณะนั้นเองมีเงาสีแดงฉานพุ่งผ่านหน้าของเขาทำให้เขาตกใจมากจึงได้ผละเดินถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว

                    “เจ้าหนูเข้ามาทำอะไรที่ป่านี้หะไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย เสียงตะคอกดังขึ้นจากทางด้านที่เงาแสงพุ่งผ่านหน้าเขาไป

                    เขาจึงรีบหันไปดูทางเสียงที่ตะคอกเขาจึงเห็นว่าเป็นชายชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่และกำลังมองมาทางตนและเมื่อเห็นว่าเขาทำท่างงๆจึงได้ชี้ไปทางที่เงาที่แดงพุ่งผ่านเขาไปจึงทำให้เขาหันไปมองตามและเห็นสาเหตุที่ทำให้เขาถูกตะคอกเสียงดัง

                    และสาเหตุที่ว่านั้นก็คือสัตว์อสูรตัวใหญ่โตตาแดงกร่ำที่มือสองข้างมีกรงเล็บแหลมยาวที่ดูแข็งแกร่งราวเหล็กกล้าที่กำลังล้มลงบนพื้นและสลายเป็นผงเห็นอย่างนั้นแล้วทำเอาอดคิดไม่ได้ว่าได้โดนเข้าตัวคงขาดเป็นสองท่อนแน่

                   

                    ตกลงว่าเจ้าเข้ามาในป่าทำไม่  ชายชราถามซ้ำขึ้นมาอีกรอบในขณะที่เดินเข้ามาหาเลออน

                    เลออนมองชราที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาอย่างไม่กลัวเกรงว่าเขาจะถูกทำร้ายเลยและถึงแม้จะพึ่งถูกตะคอกเสียงดังไปเมื่อครู่ก็ตามเพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ชายชรามีเหมือนตนและยังรู้สึกถึงความจริงใจและวางใจได้ก่อนเขาจะกล่าวขึ้นว่า

                    “ที่ข้ามาอยู่ในป่านี้ก็เพราะว่าไม่มีที่ไปและอยากจะมาเที่ยวชมธรรมชาติที่เขาว่ากันว่าสวยงามนัก

                    “หือ…” ที่เจ้าว่าไม่มีที่ไปนะ หมายความว่าไง  ชายชราอุทานถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ

                    คือว่าคือว่า ไม่มีใครต้องการข้าสักคนข้าจึงหนีออกมาจากที่ๆข้าเคยอยู่ เด็กน้อยในสายของชายชราตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย

                    ชายชราที่เห็นอย่างงั้นจึงได้เดินเข้าไปโอบกอดเด็กน้อยเอาไว้ในอ้อมกอดของตนเพราะเขาเข้าใจถึงความรู้สึกของเด็กน้อยในอ้อมกอดของเขาดีส่วนเลออนที่ไม่เคยได้รับความรู้ที่อบอุ่นแบบนี้มาก่อนถึงความน้ำตาไหลพรากอย่างดีใจและซาบถึงใจที่ในสุดก็มีคนเข้าใจในความรู้สึกของตนจึงได้ปล่อยโห่ออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทั้งๆที่เขาคิดว่าตัวเองเข้มแข็งมาตลอดแล้วแท้ๆที่พอได้รับความรู้สึกที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้รับจากใครมาก่อนถึงได้เป็นถึงขนาดนี้

                    เอาละหยุดร้องไห้เถอะเจ้าหนูเดี่ยวข้าจะร้องไห้ตามเจ้าไปด้วยนะ ชายชรากล่าวอย่างติดตลกเผื่อว่าเด็กน้อยในอ้อมกอดตนจะหายเศร้าได้บ้าง

                    เลออนได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองชายชราจึงพบกับรอยยิ้มที่ชราส่งมาให้เขาอย่างอบอุ่นและอ่อนโยนอย่างถึงที่สุดเขาจึงได้พยักหน้าและกล่าวออกมาว่า

                    ได้ครับจะหยุดร้องไห้และข้าชื่อเลออนนะครับไม่ใช่เจ้าหนู

                    “งั้นเหรอ ยินดีที่ได้รู้จักนะ เจ้าหนูเลออน ฮะ ฮะ ฮะ…….” ชายชราพูดจบแล้วหัวเราะเสียงดังยกใหญ่

     

                    เลออนมองหน้าชายชราตาขวางที่ยังเรียกเขาว่าเจ้าหนูไม่เลิกแถมยังหัวเราะเขาด้วยเขาถึงกล่าวขึ้นมาว่า

                                    “ข้าบอกว่าข้าไม่ได้ชื่อเจ้าหนูไงครับเลิกเรียกข้าแบบนั้นซะทีเถอะ

     

                    “ไม่ละ ข้าจะเรียกแบบนี้แหละข้าชอบซะอย่างเจ้าซะทำไม             ชายชราพูดอย่างกวนๆใส่เลออน

    หลังจากนั้นก็เป็นมหกรรมของเลออนในการเกลี่ยกล่อมไม่ให้ชายชราเรียกตนว่าเจ้าหนูแต่ชายชราก็ยังคงเรียกเขาว่าเจ้าหนูๆๆๆอยู่เรื่อยและไม่ว่าเขาจะใช้วิธีไหนก็ไม่ได้ผลสักอย่างและในระหว่างเกลี่ยกล่อมเขายังเรียกชายชราว่าท่านตาตลอดเลยทำให้ชายชราเริ่มรำคาญจึงได้บอกไปว่าเขาชื่อ ฮอตโต้ ไม่ได้ชื่อท่านตาแต่เลออนก็ยังเรียกว่าท่านตาไม่เลิกเหมือนกันส่วนหนึ่งมาจากอยากเอาคืนที่ฮอตโต้เรียกตนว่าเจ้าหนูอยู่นั้นแหละแต่อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยมีญาติพี่น้องมาก่อนจึงอยากที่จะให้ฮอตโต้ที่รู้สึกไว้วางใจเป็นญาติผู้ใหญ่ของเขาคนหนึ่งส่วนชายชราถึงปากจะบอกไม่ชอบให้เลออนเรียกตนว่าท่านตาแต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่เกลื่อนหน้าอาจเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยมีลูกหลานมาก่อนพอมีเด็กน้อยที่ตนเอ็นดูมาเรียกท่านตาจึงได้ดีใจเป็นอย่างมาก

                    ในหุบเขาแห่งหนึ่งที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูงต่ำสลับกันไปมา รอบๆทางเข้าและด้านหลังของหุบเขาแห่งนี้ต่างเต็มไปด้วยป่าไม้ธรรมชาติมากมายภายในป่ามีสัตว์น้อยใหญ่มากมายที่ออกหากินเลี้ยงชีพตัวเองและลูกน้อยที่รอในรังส่วนกลางหุบเขามีกระท่อมน้อยหลังหนึ่งตั้งอยู่ส่วนรอบบริเวณมีบ่อน้ำที่ถูกขุดขึ้นจากใต้ดินและข้างกระท่อมมีแปลงพืชผักส่วนครัวมากมายรวมถึงเล้าไก่ที่อยู่ใกล้กับแปลงผักด้วย ภาพทั้งหมดนี้ปรากฏแก่สายตาเลออนที่ถูกฮอตโต้ชักชวนให้มาอยู่ด้วยเพราะถูกชะตากับเลออน

                    ท่านตาจะให้ข้าอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ เลออนถามขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อว่าตนจะได้รับความเอื้อเพื่อเผื่อแผ่จากใคร

                    “จริงสิ ข้าจะโกหกเจ้าทำไมไม่เมื่อเจ้าเรียกข้าว่าท่านตาก็เท่ากับว่าเจ้าเป็นหลานของข้าแล้วนะ ฮอตโต้กล่าวพร้อมกับลูบหัวเด็กน้อยที่เขารักเหมือนหลานแท้

                    เลออนมองชายชราที่เขารักเหมือนท่านตาของตัวเองอย่างซาบซึ้งในน้ำใจที่ท่านตามีให้กับเขาๆจึงกล่าวขอบคุณฮอตโต้และเข้าสวมกอดเป็นการใหญ่

     

                   

                    “เจ้าหนูอยากฝึกวิชาการต่อสู้หรือป่าว ฮอตโต้ถามหลานชายคนใหม่ขึ้นมาในขณะที่พวกเขานั่งคุยกันอยู่ในกระท่อมถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตของหลานชายของเขาและได้รู้ว่าพลังของหลานชายเขาได้ตื่นขึ้นมาแล้ว

                    อยากครับ เลออนรีบตอบอย่างรวดเร็วเพราะตนคิดเรื่องนี้มานานแล้ว

     

                    ตกลง นั้นข้าจะสอนให้เจ้าเองแต่ต้องเป็นพรุ่งนี้นะส่วนวันนี้เจ้าก็พักผ่อนตามสบายเถอะเดี่ยวข้าขอตัวไปทำงานก่อนส่วนเจ้าจะนั่งจะนอนหรือจะทำอะไรก็ได้แต่ห้ามเข้าไปในป่าเด็ดขาดเพราะเวลานี้เป็นเวลาหาอาหารของพวกสัตว์ป่าส่วนอาหารเย็นเดี่ยวข้าทำเสร็จแล้วจะมาตาม ฮอตโต้สั่งหลานชายคนใหม่เสร็จก็เดินจากไปทำงานของตนต่อปล่อยให้เลออนนั่งคิดถึงอนาคตของตัวเองในวันข้างหน้าซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่พึ่งพูดคุยกับท่านตาก่อนหน้านี้ต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×