ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hawkeye [Jark]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 : Just begin

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 57


    -2-

     
     
    แจ๊คสันหมุนปากกาไปมาเมื่อเจอกับคำถามนี้ในคาบแนะแนว เด็กม.ปลายปีสุดท้ายแบบเขาคงต้องคิดถึงเรื่องอนาคตแล้วสินะ
     
    อาชีพในอนาคต   .....
     
    "ส่งแบบสอบถามภายในวันพรุ่งนี้นะ"
     
    อาจารย์ประจำคาบพูดแล้วเดินจากไปพร้อมกับเสียงออดที่ดังขึ้นพอดี 
     
    ยองแจรีบหันขวับมายังเพื่อนสนิทที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างหลัง
     
    "มึงจะเป็นไร"
     
    ชายหนุ่มว่าพลางเอากระดาษที่ว่างเปล่าของตัวเองมาวางซ้อนกับของเพื่อน คางเกยเก้าอี้ปากเบ้อย่างคิดไม่ตก
     
    "กูก็ไม่รู้วะ ไม่เคยคิดเลย..."
     
    แต่แล้วแจ๊คสันก็มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆแล้วก็หลุดขำออกมาเสียงดังลั่น 
     
    "เฮ้ย! หยุดเลยนะเว้ย อย่ามาอ่านใจคนอื่นซี้ซั้วนะเฟ้ย!"
     
    ยองแจว่าพลางปิดตาตะโกนโวยวายปัดไม้ปัดมือเหมือนมันช่วยให้แจ๊คสันอ่านใจไม่ได้ แต่ไม่เลย ถ้าเขาคิดจะอ่านใจใคร เขาก็จะได้อ่าน
     
    "มึงอยากเป็นนักร้อง!"
     
    พอแจ๊คสันพูดออกมาเขาก็ยิ่งขำเข้าไปอีก ยองแจเริ่มหน้าแดง ทำไม อยากเป็นนักร้องแล้วมันผิดหรอ เสียงเขาออกจะดี
     
    "เออ กูยอมรับ เสียงมึงดี แต่ไม่คิดว่ามึงอยากเป็นอาขีพ"
     
    "ไอ้เหี้ยแจ๊ค อย่าให้กูอ่านใจมึงได้นะ กูจะประจานให้ทั่วเลย"
     
    แจ๊คสันยักไหล่อย่างไม่แคร์ เขาเริ่มรู้ตัวว่าพิเศษกว่าคนอื่นตอนประถม ตอนที่ทุกคนเริ่มตีจากเขาไปเพราะความสามารถนี้ เขายังไม่รู้จักที่จะโกหก เขาซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่ได้ยิน และพูดไปตามนั้น มันทำให้เขารู้ว่า มนุษย์ชอบเรื่องโกหก พูดโกหก และเลือกที่จะฟังคนโกหก 
     
     
     
    "นายชื่ออะไร"
     
    "แจ็คสัน"
     
    "ฉันชื่อยองแจ ทำไมแจ๊คสันไม่ออกไปเล่นกับเพื่อนละ"
     
    ยองแจนั่งลงข้างๆเขาในห้องที่ว่างเปล่า ทุกคนออกไปเล่นกันในสนามเด็กเล่น แม้แต่ครูก็ยังเกลียดเขา ครูหาว่าเขาล้อเลียนว่าครูเลิกกับแฟน หาว่าครูโกหกว่านาฬิกาของแท้ทั้งๆที่ไปซื้อมาจากตลาดนัด... ทุกคนเกลียดความจริง ทุกคนเกลียดแจ๊คสัน...
     
    "ฉันไม่มีเพื่อน"
     
    ...ฉันไม่ใช่เพื่อนายหรอ...
     
    "ฉันไม่ใช่เพื่อนนายหรอ"
     
    เสียงในความคิดดังขึ้นพร้อมๆกับที่เขาได้ยิน แจ๊คสันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
     
    ...หน้านายตลกจัง ตกใจอะไร...
     
    "หน้านายตลกจัง ตกใจอะไร"
     
    นี่เขา... ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม...
     
    "นายเคยโกหกไหม"
     
    แจ๊คสันยิงคำถามด้วยความลังเลปนๆตื่นกลัว เขาอยากได้ยินเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง เขาต้องการคนที่จะไม่โกหกเขาอีก แจ๊คสันในวัยแปดขวบ เขาแค่ต้องการเพื่อนสักคนเท่านั้น...
     
    ...ถามแปลกแหะ ก็ต้องเคยสิ บ่อยด้วย...
     
    "ถามแปลกแหะ ก็ต้องเคยสิ บ่อยด้วย"
     
    แล้วยองแจก็หัวเราะเก้อๆ มันน่าอายจะตายที่ยอมรับว่าตัวเองเคยโกหก
     
    แจ๊คสันยิ้มให้กับเพื่อนคนแรกในชีวิต เขาตัดสินใจแล้วถึงยองแจจะเป็นเพื่อนคนแรกและคนสุดท้ายเขาก็จะไม่เสียใจ เพราะเขาได้เจอเพื่อนสักคนที่ตามหาแล้ว...
     
     
    สิบปีต่อมาแจ๊คสันเริ่มรู้จักควบคุมพลังของตัวเอง เริ่มบังคับว่าจะใช้หรือไม่ใช้ตอนไหนก็ได้ตามต้องการ นานๆครั้งที่ทุกเสียงจะดังขึ้นพร้อมกัน... เขาเองก็ภาวนาอย่าให้มันเกิดขึ้นบ่อยนัก สิ่งที่น่าแปลกคือ เขาไม่สามารถอ่านความคิดของคนในครอบครัวได้เลย ทั้งๆที่เขายอมแลกความคิดของทุกคนกับของพ่อเพียงคนเดียว พระเจ้าไม่เคยเมตตาคำขอพรเขาเลย...
     
     
     
    "กูว่าจะไม่เรียนต่อแล้ว"
     
    ยองแจเงยหน้าขึ้นมาตื่นๆ
     
    "ทำไม เพราะพ่อมึงนะหรอ เขาไม่ยอมให้มึงเรียนใช่ไหม"
     
    ครอบครัว ไม่สิ สองพ่อลูกเขายังเรียกว่าเป็นครอบครัวอยู่ไหมนะ แจ๊คสันอาศัยอยู่กับพ่อสองคนในห้องเช่าเก่าๆ เงินจะจ่ายต่อเดือนยังแทบไม่มี ทุกวันนี้เขาต้องทำงานพิเศษตัวเป็นเกลียวเพื่อพยุงสถานะทางบ้าน ส่วนพ่อสุดประเสริฐของเขานะหรอ เดือนสองเดือนถึงกลับบ้านทีอย่างไม่มีเหตุผล มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่จำความได้แล้ว ป้าข้างห้องต้องคอยดูแลเขาประจำตอนเด็กๆ เขาก็อยากอ่านความคิดของพ่อได้เหมือนกับของคนอื่น ทำไม ทำไม...
     
    "เปล่ากูไม่เห็นหน้าเขามาสามเดือนแล้ว แต่ลำพังตัวกูเองคงไม่มีเงินเรียนมหาลัยหรอก"
     
    เป็นพ่อภาษาอะไร ขาดความรับผิดชอบสิ้นดี หายหัวไปไหนไม่เคยบอก แม้แต่ถามไถ่สักคำยังไม่มี ความสัมพันธ์ของเขากับพ่อก็เหมือนน้ำกับน้ำมัน ที่ไม่มีทางเข้ากันได้ ยองแจก็รู้เรื่องนั้นดี
     
    "มึงก็เรียนไม่น่าเกลียด ขอทุนได้สบาย"
     
    "ดูก่อน.."
     
    แจ๊คสันพูดได้แค่นั้น โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นเตือนว่ามีข้อความเข้า พอเปิดดูเขาก็ต้องอ่านอีกรอบแล้วขมวดคิ้วมุ่น อะไรวะ...
     
    ...ห้ามกลับบ้าน 343427.34241...
    จาก พ่อ...
     
    "มีอะไร"
     
    ยองแจถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเพื่อนเปิดโทรศัพท์แล้วนิ่งค้างไปแถมยังขมวดคิ้วมุ่น แต่แล้วแจ๊คสันก็ปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว 
     
    "ร้านพิซซ่าส่งมาบอกว่าวันนี้ปิดร้าน กูขาดรายได้เลยเนี่ย"
     
    เขาทำเป็นเรื่องตลกแล้วก็ขำอย่างปกติ ยองแจที่เป็นคนไม่คิดอะไรมากเลยหัวเราะตามอย่างสบายใจ
     
    "เออ มึงไม่น่ารีบหนีออกมาก่อนเลย เราอาจจะได้รางวัลช่วยตำรวจจับผู้ร้ายก็ได้นะเว้ย" 
     
    ยองแจโลกสวยยิ้มอย่างเพ้อฝันถึงเงินก้อนโตที่เขาคิดว่าจะได้ แจ๊คสันหัวเราะเหยียดๆ เขารู้ว่ามันจะเป็นยังไง
     
    "รางวัลพ่อมึงสิครับ ไอ้หัวแดงจะลากมึงไปสอบสวนจนกว่าจะรู้ว่าพวกเรารู้ได้ยังไงว่ามันเป็นอินเตอร์โปล"
     
    "กูก็จะบอกว่า เพื่อนผมอ่านใจได้! เป็นไงละ อึ้งเลย ทีนี้มึงดังแน่"
     
    "คุกแน่สัส! มันไม่เชื่อหรอก นี่ถ้ากูไม่เอาตัวเองเดิมพันมันก็จะไม่มีทางร่วมมือ"
     
    "คุยกับมึงแล้วเครียดโว้ย โน่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ดี"
     
    ยองแจบ่นกระปอดกระแปดอย่างขัดใจ แจ๊คสันขำท่าทางงอนๆของเพื่อน ถ้าเขาคือสีดำ ยองแจก็คือสีขาว ครอบครัวของยองแจไม่รู้จักคำว่าขาด มีพ่อแม่ที่แสนดี มีพี่สาวและน้องชายที่แสนเอาแต่ใจ ลูกคนกลางอย่างยองแจเลยรู้จักให้มากกว่ารับ รู้จักรับฟังเข้าใจผู้อื่น แต่ความโลกสวยของเพื่อนก็ทำให้เขาต้องคอยดูแลอยู่เป็นประจำ
     
    "ยองแจ! เย็นนี้สนามบอลนะเว้ย!"
     
    "เออ!"
     
    มิกซ์ กับกลุ่มเพื่อนตะโกนผ่านเข้ามาในห้องแล้วรีบจากไป ถ้าไม่มีแจ๊คสันนั่งอยู่คงเดินมาลากคอยองแจไปแล้ว
     
    ยองแจเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อย คาบแนะแนวเป็นคาบสุดท้ายพอดี ตอนนี้ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมไม่ก็กลับบ้าน
     
    "ไหนๆเย็นนี้ มึงก็ไม่มีงานแล้ว ไปเล่นบอลกัน"
     
    แจ๊คสันทำได้เพียงยิ้มแล้วเก็บของต่อไป ความเป็นกันเองของยองแจดึงดูดผู้คนเสมอ ต่างกับเขา ที่มีแต่ผลักไสผู้คน
     
    "ไม่อ่ะ มึงไปเถอะ"
     
    "ไรว้า ถ้ามึงยังปิดตัวเองแบบนี้แล้วจะมีเพื่อนไหม"
     
    "มึงไง"
     
    "สัส คนอื่นเว้ย มึงมีกูคนเดียวแบบนี้ ถ้ากูตายห่าไปจะทำไงครับ"
     
    "กูก็อยู่คนเดียว สบายใจดีซะอีก"
     
    ยองแจถอนหายใจกับความดื้อดึงของเพื่อน ความจริงแจ๊คสันเป็นคนที่สนุกสนานร่าเริงมาก ถ้าใครได้รู้จักไม่มีทางเกลียดแน่ แต่ภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูกุ๋ย ถึงกับมีข่าวลือเรื่องสูบบุหรี่ ชกต่อย แม้แต่เล่นยาแพร่สะพัดออกมา แล้วยิ่งแจ๊คสันไม่เคยเปิดใจกับใคร ข่าวลือเลยกลายเป็นตำนานหวังไปเลยแม้แต่ยองแจที่สนิทที่สุดก็ไม่กล้าถามว่าเป็นเรื่องจริงไหม เขาเชื่อใจในตัวหวัง
     
    "เรื่องของมึง เย็นนี้แวะไปกินข้าวเย็นด้วยม๊าคงเตรียมไว้แหละ ถ้ามึงไม่ไปกูกินไม่หมด โอเค๊!?"
     
    "เออๆ เดี๋ยวกูโทรบอกอีกที"
     
    "เจอกัน"
     
    ยองแจยกมือบอกลาแล้วเดินจากไป ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มเปลี่ยนเป็นแสงสีส้ม บรรยากาศในโรงเรียนสงบลงมีเพียงเสียงโวยวายตามสนามกีฬา แจ๊คสันเดินทอดน่องออกจากโรงเรียน ในหัวเขาคิดถึงข้อความที่พ่อส่งมา มันหมายความว่ายังไง พ่อมีสิทธิอะไรไม่ให้เขากลับบ้าน ค่าเช่าทุกเดือนก็ของเขา บ้านมันก็ต้องเป็นของเขาสิ!!!
     
    แจ๊คสันพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด เขาจะกลับบ้าน! ชายหนุ่มลงจากรถเมล์ เดินต่อเข้าไปในซอยมืดๆแคบๆที่เดินประจำ ตอนช่วงอนุบาลถึงประถมเขาโดนทำร้ายร่างกาย และไถตังเป็นประจำ พอขึ้นมัธยมเขาก็กลายเป็นหัวโจกในซอย ไม่มีใครกล้าหือกับแจ๊คสันอีก
     
    สภาพตึกเก่าและทรุดโทรม มีตะไคร้น้ำเกาะตามผนังไม่ได้รับการบำรุงดูแล อาม่าเจ้าของหอได้เงินค่าเช่าก็เอาไปผลาญกับวงไพ่หมด แล้วใครจะมาห่วงสภาพความเป็นอยู่ของคนในหอพักอีกละ
     
    214
     
    แจ๊คสันไขกุญแจห้องตามปกติ แล้วเขาก็แปลกใจทำไมมันไม่ล๊อค! ปกติมันต้องมีเสียงการปลดล๊อคนี่ แต่นี่กลับหมุนเข้าไปได้ตั้งแต่ยังไม่ไข
     
    แอด...
     
    เสียงบานประตูฝืดเคืองเมื่อเขาเปิดเข้ามา เเสงไฟในห้องถูกเปิดทิ้งไว้มันกระพริบติดๆดับๆ เสียงพื้นไม่ใต้ฝ่าเท้าดังเอี๊ยดอ๊าดทุกย่างก้าว แจ๊คสันรู้สึกว่าเขากำสายกระเป๋าแรงกว่าปกติ เหงื่อผุดพรายตามตีนผม เมื่อเข้ามาในห้องก็ต้องชะงักฝีเท้า
     
    นี่มันเรื่องบ้าอะไนกัน!!!
     
    ข้าวของกระจัดกระจายเต็มไปหมด ของทุกชิ้นถูกลื้อเอามากองไว้เหมือนมีใครมาตามหาอะไรบางอย่าง แต่ในห้องโกโรโกโสแบบนี้เนี่ยนะ! มันจะมีอะไรให้ค้นหากัน!
     
    ...อยู่ไหน เอกสารอยู่ไหน!!!...
     
    เสียงความคิดถูกแทรกเข้ามาอย่างฉับพลัน แจ๊คสันรีบเบี่ยงตัวหลบหลังตู้หนังสือ แต่...
     
    แกร๊บ !
     
    เขาดันไปเหยียบโดนเศษแก้วที่ตกอยู่!
     
    "นั่นใคร!"
     
    ชายแปลกหน้าตะโกนขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง
     
    "อาจเป็นลูกชายของมันก็ได้"
     
    ห้าเสียง... แจ๊คสันคาดเดาได้จากเสียงความคิด มีผู้บุกรุกอยู่ห้าคนด้วยกัน เขากำเศษไม้ที่ตกอยู่ไว้ในมือแน่น เอาละ ต้องรีบวิ่งออกทางประตู
     
    รับสายหน่อย... รับสายหน่อยจ้า...
     
    "เฮ้ย มันอยู่นี่!"
     
    โถ่โวย!!! แจ๊คสันสบถไม่เป็นภาษาไม่ต้องดูก็รู้ว่าใครโทรมา ไอ้บ้าเอ๊ย กูไปกินข้าวเย็นบ้านมึงไม่ได้แล้ว!
     
    ชายหนุ่มฟาดไม้ใส่คนตรงหน้าจนหักแล้วรีบวิ่งไปที่ประตู คอเสื้อเขาถูกกระชากไว้ได้ทัน แจ๊คสันสวนหมัดกลับไปทันทีแล้ววิ่งต่อ เขาแทบจะกระโดนลงบันได ผ่านหน้าห้องเจ้าของหอยังไม่วายชูนิ้วกลางให้อาม่าที่นั่งดูละครอยู่ บัดซบจริงๆ!
     
     
     
    มาร์คจองรถรอเจบีเข้าไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ เขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบรอ ควันสีขาวลอยอบอวลลอดหน้าต่างรถออกไป ยามราตรีของฮ่องกงเงียบสงัด คงเพราะแถวนี้ไม่ใช่ย่านท่องเที่ยว บรรยากาศเงียบสงบทำให้มาร์คผ่อนคลาย นิโคตินที่อัดอยู่เต็มปอดทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย 
     
    แจ๊คสัน หวัง
     
    ชื่อของเด็กหนุ่มลอยขึ้นมา เมื่อสองวันก่อนเขาจับคนร้ายได้ก็เพราะเจ้าหนุ่มคนนี้ พอจะเอาตัวไปสอบสวนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องลอย แต่คนอย่างมาร์ค ต้วน ไม่เคยปล่อยอะไรให้ค้างๆคาๆ เขาตามสืบประวัติจนรู้ตัวตนจริงๆของเด็กหนุ่ม คนใกล้ตัวนี่เอง มาร์คกระตุกยิ้มให้กับความบังเอิญที่ตลกร้ายนั้น
     
    ปัง !!!!
     
    "นานจังนะ เจบี"
     
    มาร์คลืมตาขึ้นเมื่อเสียงประตูปิดลง แต่คนที่นั่งข้างเขากลับไม่ใช่เจบี!
     
    "มัวมองอะไรอยู่ละคุณ รีบขับไปเลยมันตามมาทันแล้ว!!!"
     
    นี่เขากำลังโดนนิโคตินกดประสาทอยู่รึเปล่าเนี่ย
     
    ทำไม แจ๊คสัน หวัง ถึงมานั่งในรถเขาได้!











    แต่งไปแต่งมา ถ้าหวังกับยองแจจะเข้าใจกันถึงขนาดนั้น จับจิ้นกันไปเลยดีไหม5555555
    วรุยย กำลังปั่นเต็มที่คะ ดึกๆยิ่งคึก555
    ขอกำลังใจหอมๆหวานๆด้วยนะคะ^^ #hawkeyejm
    เม้ามอย เร่งไรต์กันได้ ในทวิต @fiyvarist จะรอนะกั๊บ :D
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×