ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (EXO) ' ค ลั ง ฟิ ค แ ป ล เ ด็ ก ด า ว '

    ลำดับตอนที่ #2 : (KAISOO) Night Dancer [I/II] ;

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 57


    NIGHT DANCER 
    original story: http://19-blue-roses.livejournal.com/45467.html
    written by: lunathunderhead
    pairing: kaisoo



     
    PART I.


    “เดี๋ยวนะ มึงกำลังจะบอกกูว่ามึงติดมหาลัยที่ดังที่สุดในเกาหลีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างนั้นเหรอ? จริงเหรอวะ?” เซฮุนเอ่ยก่อนจะมองหน้าคยองซูอย่างตื่นเต้น





    “ชู่ว..เบาๆสิ พวกเขาแค่สนใจในตัวกูเฉยๆ แต่ถ้ากูอยากได้ทุน..กูต้องทำโปรเจคเสนอพวกเขาล่ะ เพราะกูไม่มีเงินพอที่จะเข้าเรียนโดยไม่มีทุนหรอก” คยองซูเอ่ยเบาๆ





    “เจ๋งว่ะ...เจ๋ง!” เซฮุนเอ่ย สมองยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินนัก





    “หยุดๆ..พอๆ..” คยองซูเอ่ย มือปิดหน้า “อย่าพูดบ่อยๆดิ กูเองก็ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเหมือนกันนั่นแหละ..”





    “แล้วมึงจะทำอะไรสำหรับโปรเจคมึงล่ะ?” เซฮุนถามก่อนจะคีบกิมจิเข้าปาก





    “มันต้องตื่นเต้นและมหัศจรรย์มากเลยใช่ป้ะ? อารมณ์แบบ..วิธีรักษาโรงมะเร็งไรงี้ป่ะ?” เซฮุนถามต่อ





    “คงจะ..เกี่ยวกับฟิสิกส์ล่ะมั้ง” คยองซูเอ่ย





    “ฟิสิกส์แบบไหนเหรอ?” เซฮุนถามอย่างเบื่อหน่าย เขาไม่ชอบฟิสิกส์เท่าไหร่หรอก





    “นี่เป็นสาเหตุที่กูขอให้มึงช่วยไง กูมีเรื่องมาถาม..” คยองซูตอบ





    “เห้ย กูคิดเลขไม่เป็นนะ อ่อนฟิสิกส์มากๆเลยด้วย มึงก็รู้..” เซฮุนเอ่ยดัก





    “เออกูรู้ กูจะให้มึงช่วยเรื่องอื่นต่างหาก..” คยองซูเอ่ยเอือมๆ




     

    ***





    เซฮุนเป็นนักเต้นบัลเล่ต์ที่โรงเรียนศิลปะโซล และเป็นมาตั้งแต่อายุเพียงห้าขวบ คยองซูจำได้แม่นว่าเซฮุนชอบมาบ่นว่าคนอื่นชอบว่าเขาตุ๊ดบ้างล่ะ ว่าบัลเล่ต์สำหรับผู้หญิงบ้างล่ะ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ในความคิดของคยองซู เซฮุนเป็นคนที่หุ่นดีที่สุด และมีท่าเดินที่สง่างามที่สุดเลย





    “กูไม่เข้าใจอ่ะ บัลเล่ต์เกี่ยวกับโปรเจคมึงยังไง?” เซฮุนถามอย่างสงสัยในขณะที่ทั้งสองขึ้นรถบัส กำลังจะไปโรงเรียนศิลปะที่เซฮุนเรียนอยู่ด้วยกัน





    “ฮืม..ไม่รู้สิ ยิ่งไอเดียกูแปลกเท่าไหร่ โปรเจคกูก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้นแหละ คอยดูสิ” คยองซูเอ่ยก่อนจะยิ้มบางๆ





    ทันทีที่พวกเขามาถึง คยองซูก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับความหรูหราของสถานที่แห่งนี้ เซฮุนสะพายกระเป๋าพาดบ่าก่อนจะเดินนำอย่างสบายๆโดยมีคยองซูเดินตาม

    ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บริเวณต้อนรับเงยหน้าขึ้นมาขณะที่ทั้งสองเดินผ่าน





    “ผมพาเพื่อนมาเพราะเขาอยากมาดูความสัมพันธ์ระหว่างเต้นกับฟิสิกส์น่ะครับ” เซฮุนเอ่ยในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้ารับเนือยๆ





    “ทำไมมึงต้องพูดให้มันแปลกประหลาดด้วยวะ..ความสัมพันธ์ระหว่างเต้นกับฟิสิกส์ ฟังดูโง่อ่ะ” คยองซูพึมพำ





    “เอ้า ก็มึงบอกมึงจะพรีเซ้นต์เรื่องนี้อ่ะ กูแค่พูดไปตามความจริงเฉยๆ” เซฮุนยักไหล่





    “ว่าแต่..มึงเคยเห็นกูเต้นป่ะ?”





    “เออว่ะ...ไม่เคยเลย” คยองซูส่ายหน้า





    “เออ กูต้องไปเปลี่ยนชุดก่อน มึงไปรอในห้องซ้อมละกัน สุดทางเดินโน่นอ่ะ อาจจะมีคนอยู่ในห้องอยู่แล้วนะ ไม่ต้องกลัว เดินเข้าไปเลย ไม่มีใครว่าอะไรหรอก” เซฮุนกล่าว





    “แต่-” คยองซูค้านแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว เซฮุนได้เดินหายลิ่วเข้าไปในห้องแต่งตัวโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของคยองซูเลยแม้แต่น้อย ร่างเล็กกัดริมฝีปากล่างอย่างเป็นกังวลก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ





    เอาวะ...ก็แค่คนน่ะ จะกลัวอะไร?





    เขาก้าวเท้าเข้าห้องซ้อมอย่างกล้าๆกลัวๆ แม้จะมีคนอยู่ในห้องซ้อมอยู่แล้วแต่ก็ไม่มีใครมองมาทางเขาเลยสักนิดทันทีที่เขาก้าวเข้าไป ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี





    คยองซูเดินไปนั่งอยู่ที่มุมห้องเงียบๆ ก่อนจะได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจเมื่อเปิดกระเป๋าของตัวเองแรงไปจนดินสอหลายแท่งหล่นออกมา เขาพยายามเก็บดินสอทั้งหมดแต่จู่ๆก็มีมือแปลกหน้ามาช่วยเก็บดินสอที่กลิ้งไปไกลเกินไป






    “สวัสดี..นายมาทำอะไรที่นี่เหรอ?” ผู้ชายหน้าเด็กคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร





    “เอ่อ..โปรเจคน่ะ..” คยองซูตอบเสียงเบาก่อนจะเอ่ยขอบคุณเมื่ออีกฝ่ายยื่นดินสอให้





    “โปรเจค? ได้รับอนุญาติแล้วเหรอ?”





    “อ่า..ม..ไม่ได้รับอนุญาติเหรอ? ข..ขอโทษนะ..ผม..ไม่ได้..” คยองซูเอ่ยตะกุกตะกัก





    “แกล้งเด็กใหม่อีกแล้วเหรอพี่ลู่หาน?” เซฮุนเอ่ยถาม ร่างสูงเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆคยองซู





    “นี่คยองซูเพื่อนผม ทำตัวดีๆกันหน่อย”





    “เขาบอกว่าเขาจะทำโปรเจคเกี่ยวกับเราเหรอ?” ลู่หานถามอย่างสงสัย





    “อืม..ทำโปรเจคให้มหาลัยโคเรียคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีน่ะ เจ๋งใช่ป้ะล่ะ?” เซฮุนเอ่ยก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่ม





    “เห้ย..นายเองเหรอ? เพื่อนอัจฉริยะที่เซฮุนเล่าให้ฟังบ่อยๆนะ? โดคยองซูใช่ไหม?” ลู่หานถามอย่างตื่นเต้น





    “มีอะไรกันน่ะ? ใครเหรอลู่หาน?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งมีดวงตาเหมือนแมวเดินเข้ามาถามลู่หาน คนๆนี้ค่อนข้างสูงและเข้าหายากในความคิดของคยองซู





    สรุปแล้ว..ทุกคนรู้จักคยองซูเพราะเซฮุนมักจะนำเรื่องของเขาไปเล่าให้เพื่อนๆฟังอย่างเสมอๆ คยองซูเองไม่รู้จะดีใจหรืออายดี แต่เขาก็รู้สึกดีนะที่เซฮุนยกย่องและชื่นชมเขาขนาดนี้





    “เอาล่ะพวกเรา ซ้อมได้แล้ว.. การแสดงจะมีขึ้นในอีกสามอาทิตย์แล้วเรายังไม่พร้อมกันเลยนะ” คนที่ชื่อว่าอี้ฟานเอ่ย คนๆนี้หน้าตาน่ากลัวพอๆกับอีกคนที่ชื่อว่าเทาเลยล่ะ





    พวกเขาเอ่ยประท้วงกันเบาๆก่อนจะยืนขึ้น คยองซูนั่งพิงกำแพงก่อนจะหยิบสมุดโน้ตออกมาจด ในครึ่งชั่วโมงแรก..เหล่านักเต้นต่างไม่ได้ทำอะไรมาก เพียงแค่ยืดเส้นยืดสายเท่านั้น คยองซูเองเลยทำได้เพียงแค่มองโดยไม่ได้จดอะไรมาก





    ทันใดนั้นอี้ฟานก็ปรบมือก่อนจะบอกให้ทุกคนเดินไปรวมกันเป็นวงกลม อี้ฟานเดินไปกดเปิดเพลงก่อนจะเดินกลับมารวมกับคนอื่นๆ คยองซูจึงตัดสินใจว่าเขาจะเพ่งความสนใจไปที่เซฮุน เพราะคนอื่นๆอาจจะรู้สึกอึดอัดถ้าเขาจ้องนานเกินไป





    ทันทีที่เสียงดนตรีดังขึ้น เซฮุนก็เปลี่ยนเป็นคนละคนทันที เขาไม่ได้ถูกควบคุมโดยแรงโน้มถ่วงของโลกอีกต่อไป ร่างกายของเขาใหลไปตามเสียงดนตรีในแบบที่คยองซูไม่เคยเห็นมาก่อน เซฮุนอาจจะปลื้มกับความฉลาดของโดคยองซู แต่การเต้นของเซฮุนนั้น..คยองซูไม่มีวันเลียนแบบได้อย่างแน่นอน เซฮุนมีพรสวรรค์ที่คยองซูไม่มีวันมี





    เขาแทบลืมหายใจในขณะที่ดนตรีจบลง เซฮุนยืนในท่าฉีกขาเป็นท่าจบ...เสียงปรบมือของเขาดังก้องไปทั่วห้องในขณะที่ทุกสายตาในห้องจดจ้องมาที่เขา





    “เอ่อ..ค..คือ..มันเยี่ยมมากน่ะ” คยองซูอธิบายเขินๆในขณะที่เซฮุนหัวเราะเสียงใส





    “ปิดปากได้ละ เดี๋ยวแมลงวันก็บินเข้าไปหรอก” เซฮุนแซว





    “แล้วนี่..จงอินหายไปไหนวะ?”





    “มันบอกมันจะไปซ้อมที่หอประชุมน่ะ มันอยากไปลองเต้นสถานที่จริงเลย” คนหัวแดงที่ชื่อชานยอล ถ้าคยองซูจำไม่ผิด ตอบ






    “อ่อ..เร็วไปป่ะวะ?” เซฮุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลกๆ แต่คยองซูไม่ได้สนใจ เขาก้มลงมองโน้ตที่ตัวเองจดลงไปวันนี้เกี่ยวกับองศาและเวกเตอร์





    “งั้นพวกเราก็น่าจะไปซ้อมที่นั่นบ้างนะ จะได้ชินกับสถานที่ไง” ลู่หานเอ่ย





    “งั้นไปพรุ่งนี้ไหมล่ะ? วันนี้ไหนๆก็ซ้อมกันที่นี่แล้ว ว่าไง คยองซู? พรุ่งนี้อยากมาดูกูฝึกซ้อมที่หอประชุมไหม?” เซฮุนหันมาถามคยองซู





    “อ่า..ได้ไหม? กูไม่อยากรบกวนมึงอ่ะ..”





    “ไม่แน่ใจ เดี๋ยวกูต้องถามผู้ใหญ่ก่อนว่าให้มึงไปดูได้รึเปล่า แต่กฏน่าจะแหกกันได้แหละ” เซฮุนเอ่ย





    “กูอยากให้มึงมาดู มันต้องน่าสนใจสำหรับมึงแน่ๆ”




     

    ***





    “ไหนบอกว่าซ้อมห้าโมงเย็นไง?” คยองซูเอ่ยเมื่อทั้งสองเจอกันที่สถานีรถไฟใต้ดินตั้งแต่สามโมงครึ่ง “ทำไมถึงนัดเช้าจัง?”





    “กูมีบางอย่างอยากจะให้มึงดู” เซฮุนเอ่ย





    “มึงจะพากูไปเดทเหรอไง?” คยองซูเอ่ยถามขำๆในขณะที่เซฮุนหัวเราะลั่น





    “เป็นเดทที่มึงจะไม่มีวันลืมเลยล่ะ..” เซฮุนทิ้งท้าย





    หอประชุมเองก็หรูหราพอๆกับตัวโรงเรียนเลยและเซฮุนดูจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี ร่างสูงเดินนำคยองซูเข้าทางประตูหลัง ก่อนจะหายเข้าไปเปลี่ยนชุดและกลับออกมา





    “เรามาถึงเร็วกว่าที่คิดแฮะ..” เซฮุนเอ่ยก่อนจะเปิดประตูเข้าไปยังหอประชุมที่มืดมิด





    “มึงจะให้กูดูอะไรเหรอ? วันนี้ไม่มีการแสดงไม่ใช่เหรอ?” คยองซูถามงงๆ





    “ไม่มี แต่มีอย่างอื่นน่ะ เป็นอะไรที่มึงควรรู้ก่อนที่มึงจะทำโปรเจค..” เซฮุนเอ่ยก่อนจะลากคยองซูไปนั่งบริเวณคนดูและทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ





    “แล้วไงต่ออ่ะ?” คยองซูกระซิบถาม เมื่อพวกเขานั่งลงได้สักพัก





    “รอหน่อยดิ!”





    คยองซูเลยนั่งรอ รอแล้วรอเล่าจนเขาเกือบจะบ่นใส่เซฮุนอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นแสงไฟก็สาดส่องลงมาบนเวที ร่างเล็กสะดุ้งอย่างตกใจก่อนจะหันไปมองเซฮุน แต่เซฮุนก็ได้แต่นิ่งเฉยพลางมองไปข้างหน้า





    คยองซูสงสัยว่าคนที่อยู่บนเวทีจะเห็นพวกเขาหรือไม่ แต่ไม่น่า..เพราะพวกเขาไม่ได้นั่งอยู่แถวหน้า และมันก็มืดมากๆด้วย





    เด็กหนุ่มคนหนึ่งในชุดสีดำสนิทเดินออกมายืนกลางเวทีก่อนจะย่อตัวลง ผมสีดำสนิทสะท้อนแสงไฟ… คยองซูหันไปมองเซฮุนอีกครั้ง





    “นั่นใช่…?”





    “ใช่..คนนี้แหละ จงอิน” เซฮุนเอ่ยแต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม





    เพลงที่จงอินใช้เต้นเป็นเพลงเดียวกับเมื่อวานที่คนอื่นๆใช้ฝึกซ้อม เพลงเดียวแต่ได้ความรู้สึกที่แตกต่างในความคิดของคยองซู เซฮุนเหมือนน้ำที่ใหลไปตามเสียงดนตรี แต่จงอิน..จงอินเหมือนสิ่งเหนือธรรมชาติ เหมือนเงา…





    ฝีเท้าของจงอินไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าจงอินกำลังเต้นอยู่บนอากาศ และมันทำให้คยองซูขนลุกอย่างช่วยไม่ได้ ร่างเล็กหันไปมองเซฮุนก่อนจะพบว่ารอบข้างมืดสนิทจนแม้แต่ใบหน้าเซฮุน เขาก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้ ทั้งหอประชุมมืดลง..ทั้งๆที่มีแสงไฟอยู่กลางเวที และมันทำให้คยองซูรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ





    “นี่มันอะไรน่ะ…” คยองซูเอ่ยเสียงกระซิบ เขาไม่สามารถละสายตาไปจากจงอินได้ แต่มันมีอะไรแปลกๆกำลังเกิดขึ้นรอบตัว เงาที่ปรากฏขึ้นบนเวทีไม่ใช่เงาของจงอินแต่เป็นเงาของอย่างอื่นที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ และมันไม่ใช่เงาเดียวที่คยองซูเห็น เขามองไปรอบๆหอประชุมก่อนจะเห็นเงามากมายขยับไปมาตามกำแพงและพื้นไม้





    คยองซูยกมือขึ้นกอดเข่าด้วยความหวาดกลัว





    อย่าทำตัวเป็นเด็กๆน่า คยองซู..





    “วิญญาณมืด..จงอินสามารถควบคุมมันได้น่ะ..” เซฮุนเอ่ยเสียงเรียบ





    “อะไรนะ?” คยองซูเอ่ยเสียงสั่น “มึงกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ?”





    “การเต้นน่ะเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากนะ มันเป็นการสื่อสารกันระหว่างทุกเชื้อชาติ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกชนชั้น หรือแม้กระทั่ง...คนเป็นกับคนตาย” เซฮุนอธิบาย





    คยองซูสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะวิ่งออกไปจากหอประชุมทันที





    --





    “คยองซู มึงช่วยลดเสียงลงหน่อยได้ไหม? เราอยู่ข้างนอกนะ” เซฮุนขมวดคิ้วน้อยๆขณะที่ทั้งสองกำลังเดินอยู่บนถนนข้างทาง





    “อ๋อ แล้วที่มึงไม่บอกกูล่วงหน้าล่ะว่าเพื่อนมึงสามารถสื่อสารกับคนตายในขณะที่เต้นได้น่ะ? กูไม่อยากจะเชื่อเลย! เพื่อนมึงสื่อสารกับวิญญาณได้ วิญญาณ.. โอ้ย แม่งฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ทั้งที่กูพูดประโยคนี้มาห้าสิบครั้งได้แล้ว และหลักฐานสิ่งเดียวที่กูเห็นคือเงาที่ขยับไปมา ใช่..โอ้ย กูไม่เชื่อ”





    “แล้วเงาที่ขยับไปมา มันเป็นหลักฐานไม่พอเหรอ?” เซฮุนยักไหล่





    “นั่นไม่ใช่ประเด็น! มึงพยายามจะบอกกูว่ากูอยู่ในหอประชุมที่เต็มไปด้วยผี! และคนๆนั้นสามารถสื่อสารกับผีได้! มึงคิดว่ากูโอเคกับเรื่องแบบนี้เหรอวะ?” คยองซูโวยวาย





    “แต่จงอินมันไม่ใช่คนไม่ดีนะ” เซฮุนเอ่ยปกป้อง





    “ที่กูพามึงมาดูวันนี้ก็เพราะว่ากูอยากให้มึงรู้ล่วงหน้าว่าจงอินมันเป็นแบบนี้ กูรู้อยู่แล้วว่ามึงต้องมีท่าทีแบบนี้ กูเลยพามึงมาดูที่นี่ มึงจะได้ไม่ไปทำท่าทีแบบนี้ใส่จงอินในห้องซ้อม อย่างน้อยมันก็ไม่ได้เห็นหน้ามึงชัดๆ”





    “ทำไมมึงดูไม่กังวลเลย?” คยองซูเอ่ยอย่างขัดใจ “เพื่อนมึงคุยกับวิญญาณได้นะเว้ย! ทำไมมึงดูไม่เดือดร้อนอ่ะ?”





    “เพราะมันเป็นเพื่อนกูไง”





    คยองซูชะงักก่อนจะเอื้อมมือไปบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ





    “เซฮุน..มึงเชื่อจริงๆเหรอว่าเพื่อนมึงคุยกับคนตายได้น่ะ?”





    เซฮุนถอนหายใจก่อนจะสะบัดมือคยองซูออก





    “นี่..กูก็ไม่รู้ว่ามันทำได้ยังไง แต่มันเกิดขึ้นแล้ว มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่มันเข้าเรียนครั้งแรกแล้ว วิญญาณเหล่านั้นไม่เคยทำร้ายเราหรือคนอื่นๆเลย ทุกครั้งที่ขึ้นแสดง..มันจะบอกให้วิญญาณพวกนั้นซ่อนตัวอยู่เงียบๆ คนดูจะได้ไม่เห็น นั่นเป็นสาเหตุที่มันชอบซ้อมคนเดียวไง วิญญาณพวกนั้นจะได้อยู่กับมันได้อย่างหนำใจ จะได้ไม่โผล่มาตอนมันขึ้นแสดงจริง”





    “โห..คนอะไร..โคตรน่ากลัว” คยองซูเอ่ย





    “ไม่..ไม่..มันไม่น่ากลัว มันก็แค่..เศร้าน่ะ” เซฮุนเอ่ยแย้ง




     

    ***





    คืนนั้น..คยองซูฝันเห็นเงามากมาย และคนๆหนึ่งกำลังเต้นอยู่คนเดียวท่ามกลางเงาเหล่านั้น




     

    ***





    คยองซูหลบหน้าเซฮุนหลังจากนั้นเพราะท่วงท่าการเดินของเซฮุนมันทำให้เขานึกถึงจงอิน นักเต้นที่สื่อสารกับวิญญาณได้คนนั้น เขาได้แต่นั่งอ่านโน้ตฟิสิกส์ของตัวเอง และจดจ้องเวกเตอร์ที่อยู่บนกระดาษ อย่างน้อยเวกเตอร์เหล่านี้ก็ไม่สื่อสารกับคนตายให้เขาเห็น





    คยองซูถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะโยนดินสอลงกับโต๊ะและยกมือขึ้นเสยผม เขาไม่สามารถทำโปรเจคต่อไปได้ แต่เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะติดต่อเซฮุนเช่นกัน เซฮุนเองก็เข้าใจที่เขาหลบเลี่ยง ดูเหมือนร่างสูงจะแอบโกรธเขาด้วยซ้ำไปที่เขาไปว่าจงอินแบบนั้น





    บางที..ถ้าเขาไปขอความช่วยเหลือจากชานยอลหรือลู่หาน สองคนนั้นอาจจะยอมช่วยเขาก็ได้นะ

    คิดได้ดังนั้น คยองซูจึงเก็บกระเป๋าและเดินไปที่ป้ายรถเมล์ทันที นี่ก็ใกล้จะสองทุ่มแล้ว และเซฮุนก็น่าจะซ้อมใกล้เสร็จแล้ว..





    ทันทีที่เขามาถึง..เขาก็เจอกับผู้หญิงคนเดิมที่เขาเจอเมื่อครั้งแรกที่มาเยือนที่นี่





    ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าให้เขาเบาๆในขณะที่เขาเองก็ยิ้มบางๆ ดูเหมือนเซฮุนจะบอกผู้หญิงคนนี้ไว้ว่าเขาจะมาที่นี่บ่อยๆ





    คยองซูเปิดประตูห้องซ้อม แต่แทนที่เขาจะเจอลู่หานหรือชานยอล เขากลับเจอจงอินกำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ในห้อง จงอินสบตากับเขาผ่านกระจกก่อนจะชะงักค้าง





    “เอ่อ..คือ..” คยองซูเริ่ม





    “....เพื่อนของเซฮุนใช่ไหม?” จงอินถามก่อนจะหันหน้ามาคุยกับเขา คยองซูได้แต่ยืนนิ่ง..ท่ามกลางแสงไฟที่ส่องสว่าง จงอินดูไม่น่ากลัวอย่างที่คิด





    “..นายเป็นคนเดียวกับที่วิ่งหนีไปเมื่อสามวันก่อนใช่ไหม?” จงอินเอ่ยถามอีกครั้งด้วยรอยยิ้มเศร้า





    “เรา..เราตกใจน่ะ..” คยองซูเอ่ย





    “ใครๆก็ตกใจทั้งนั้น” จงอินเอ่ย “แล้วเซฮุนมันพานายมาทำไมล่ะ? พามาดูเหรอว่าฉันมันประหลาดขนาดไหนน่ะ?”





    “เปล่านะ!” คยองซูเอ่ยแก้เสียงดัง “เปล่านะ..พ..พอเราวิ่งหนีออกมา เซฮุนก็..ก็โกรธที่เรา..ที่เรา..”





    จงอินหัวเราะเสียงใส





    “โอเซฮุน..ชอบปกป้องฉันตลอดเลยอย่างนั้นสินะ แล้วทำไมมันถึงพานายมาด้วยล่ะ? นายคงจะกลัวมากเลยสินะ”





    น้ำเสียงของจงอินกลับไปเศร้าหมองอีกครั้งทันทีที่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันก่อน





    “เรากำลังทำโปรเจคเกี่ยวกับการเต้นน่ะ เซฮุนเลยพาเราไปดูนายเต้น เราจะได้ไม่วิ่งหนีต่อหน้านาย นายจะได้ไม่..ไม่เจ็บปวดกับปฏิกริยาของเรา..” คยองซูอธิบาย





    “อืม..เซฮุนกับคนอื่นๆกลับไปหมดแล้วล่ะ พวกเขาออกไปกินข้าวกัน ส่วนฉัน..ฉันอยู่ต่อเพราะอยาก..ปลดปล่อยน่ะ” จงอินเอ่ย





    คยองซูนึกไปถึงตอนที่เซฮุนบอกว่าจงอินต้องคอยควบคุมวิญญาณไม่ให้ออกมาเพ่นพ่านตอนที่มีการแสดง





    “เหนื่อยไหม..?” คยองซูถามเบาๆ





    “อะไรเหนื่อย?”





    “การที่ต้องควบคุม..เอ่อ..พวกวิญญาณน่ะ”





    จงอินยักไหล่น้อยๆ





    “พวกเขาก็เหมือนเด็กเล็กๆน่ะแหละ ดูฉันเต้นไปนานๆ..เดี๋ยวพวกเขาก็เบื่อแล้วก็ไปหาอย่างอื่นทำแทน..” จงอินอธิบาย





    “..แต่เราไม่เบื่อนะ” คยองซูโพล่งออกไปก่อนจะกระพิบตาปริบๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรดลใจให้เขาพูดออกไปแบบนั้น





    “..ขอบคุณ” จงอินเอ่ยอย่างลังเล





    “ว่าแต่..มีอะไรให้ฉันช่วยไหม? โปรเจคของนายน่ะ?”





    “เรากำลังอยากรู้เรื่องฟิสิกส์ของบัลเล่ต์น่ะ เป็นโปรเจคขอทุนของมหาลัย” คยองซูอธิบายก่อนจะคลายมือที่ยังคงกำลูกบิดของประตูไว้





    “บัลเล่ต์อย่างนั้นเหรอ หื้ม?” จงอินเอ่ยก่อนจะนั่งลง คยองซูเองก็ปิดประตูก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ขึ้น





    “ทำไมถึงเลือกบัลเล่ต์ล่ะ?”





    “อืม..เราเคยเต้นน่ะ..” คยองซูเอ่ยก่อนจะนั่งลงโดยทิ้งระยะห่างเอาไว้





    “..แต่ไม่ค่อยรอดเท่าไหร่ พ่อแม่เลยให้เราไปทางด้านวิทย์แทน..พวกท่านไม่ค่อยชอบด้านนี้เท่าไหร่”





    “พ่อแม่ฉันก็บอกแบบนั้นเหมือนกัน..” จงอินตอบก่อนจะผูกเชือกรองเท้าให้แน่นขึ้น





    “แล้วเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”





    “ฉันก็ไม่ได้ฟังพวกเขาไง แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่อยู่แล้ว..” จงอินเอ่ยก่อนจะยักไหล่





    “อ่า..เราขอโท-” คยองซูเอ่ย





    “ไม่ต้องขอโทษหรอก” จงอินเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นยืน





    “สรุปนายจะมาดูฉันเต้นหรือจะมาคุย?”





    “เต้นสิ..เอ่อ..งั้นเรา..ไปนั่งดูตรงนั้นนะ” คยองซูเอ่ยก่อนจะไปนั่งที่มุมห้อง





    จงอินยิ้มบางๆ มันทำให้คยองซูคิดว่าจงอินควรยิ้มบ่อยกว่านี้





    “มันไม่ทำร้ายนายหรอก รู้ไหม?”





    “หา อะไรนะ?” คยองซูถามย้ำ





    “ไม่ว่าหนังสือหรือหนังจะพูดว่ายังไง คนตายก็ทำร้ายคนเป็นไม่ได้หรอก” จงอินอธิบายก่อนจะย่อตัวลงเตรียมตัวเริ่ม





    ทันทีที่ดนตรีเริ่มขึ้น..คยองซูก็เตรียมตัวกับความมืดที่กำลังจะมาเยือนแต่มันกลับไม่เกิดขึ้น บรรยากาศรอบข้างไม่ได้มืดลงแบบที่คยองซูคิด แต่เงามากมายต่างก็ออกมาจากทุกมุมของห้อง เงาหนึ่งออกมาจากกระจก อีกเงาหนึ่งออกมาจากใต้ประตู แม้แต่เงาของเขาเองยังถูกดึงดูดไปยังศูนย์กลางของห้อง ที่ๆจงอินกำลังเต้นอยู่ เขาเห็นเงาของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งวิ่งไปหาจงอินอย่างร่าเริง แต่พอเขาเบนสายตากลับไปหาจงอิน..เขาก็พบกับแววตาเศร้าๆอีกครั้ง





    ดูเหมือนจงอินจะรู้จักเงาทุกตัวในที่นี้ เงามากมายรอบล้อมเขาไว้จนกระทั่งดนตรีจบ จงอินยกขาขึ้นจบท่าเดียวกับเซฮุน เงาพวกนั้นจึงสลายหายกลับไปในที่ๆมันควรจะอยู่





    “นายไม่ได้จดอะไรเลยนี่..ฉันเต้นแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” จงอินชี้ไปที่สมุดโน้ตของคยองซูซึ่งบัดนี้ว่างเปล่า





    “ไม่ๆ นายสุดยอดมาก..” คยองซูเอ่ยออกไปตามตรง ตลอดการเต้น..เขามองจงอินอยู่ตลอด เขาอึ้งในความสวยงามของจงอิน อึ้งในท่วงท่าแต่ละท่าที่จงอินแสดงออกมา จงอินขยับอย่างมหัศจรรย์ มันมากกว่าการเต้นธรรมดา มากกว่าการขยับไปมาท่ามกลางเสียงดนตรี





    จงอินยิ้มน้อยๆ





    “ไม่ต้องชมขนาดนั้นก็ได้ ถ้าไม่มีเงาเหล่านั้น..ฉันก็เต้นไม่ต่างจากคนอื่นๆหรอกนะ”





    “ไม่ใช่นะ..นาย..นายเต้น..ดีมากจริงๆนะ จริงๆ” คยองซูเอ่ยตะกุกตะกัก





    “ฉันควรไปบอกเซฮุนไหมนะ ว่านายคิดว่าฉันเต้นดีกว่ามันน่ะ?” จงอินเลิกคิ้วถาม





    “อ่า..อย่าไปบอกเซฮุนดิ” คยองซูเอ่ยเขินๆ





    “แต่นายพูดถูก..เราไม่ได้มีโอกาสจดโน้ต แต่มันมีบางท่าที่เราอยากจะถ่ายรูปเอาไว้น่ะ ได้รึเปล่า?”





    “อันไหนล่ะ?” จงอินถาม





    “เอ่อ..มันมีท่านึง เราไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร..” คยองซูยินขึ้นอย่างลังเล





    “ตอนที่นายทำท่า..แบบนี้..” คยองซูลองทำตามอย่างเก้ๆกังๆ เขารู้ว่าจงอินต้องขำแน่กับท่าทางของเขา





    “อ๋อ ท่านั้นเขาเรียกว่า อองซัมเบล่” จงอินพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะมองคยองซูด้วยสายตาแปลกๆ





    “เดี๋ยวๆ มานี่สิ” จงอินกวักมือเรียกเมื่อคยองซูทำท่าจะเดินกลับไปนั่ง





    “ทำไมเหรอ?” คยองซูชะงัก





    จงอินกวักมือเรียก ทำให้คยองซูต้องเดินไปกลางห้องอย่างเสียมิได้ จงอินจับเขาหมุนตัวหันหน้าเข้าหากระจกในขณะที่จงอินยืนซ้อนหลังไว้





    “มันเป็นแบบนี้ต่างหาก” จงอินเอ่ยเบาๆ ก่อนจะจับมือคยองซูทำท่า อองซัมเบล่ เหมือนที่จงอินทำ





    ร่างสูงใช้ขาของตัวเองสะกิดขาของคยองซูเล็กน้อย





    “นายต้องยืนขาห่างออกจากกันมากกว่านี้ อย่าเกร็งสิ”





    คยองซูหน้าขึ้นสีชมพูจางๆ แต่จงอินไม่ได้เห็นมัน





    “ไหนลองทำใหม่สิ..” จงอินเอ่ยสั่งทันทีที่จัดท่าให้คยองซูเสร็จ





    คยองซูพยายามทำท่าอองซัมเบล่อีกครั้งก่อนจะค้นพบว่าตัวเองกระโดดและลงมายืนที่พื้นได้อย่างสวยงามกว่าเดิม





    “อ่า..” คยองซูยกมือเกาแก้มเขินๆเมื่อทำเสร็จ





    “เห็นไหม? ไม่ดีกว่าเหรอถ้านายจะลองเต้นเอง ไหนๆก็ทำโปรเจคเกี่ยวกับการเต้นแล้ว..?” จงอินหัวเราะเบาๆ





    “นายเคยเห็นพ่อแม่ของตัวเองบ้างไหม?” คยองซูโพล่งถามออกไปอีกครั้ง ก่อนจะก่นด่าตัวเองในใจที่ถามอะไรไม่คิด





    “ตอนฉันเต้นน่ะเหรอ?” จงอินเอ่ยถามอย่างแปลกใจ





    “อ..อืม”





    “ไม่เคย” จงอินเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหันหลังให้ร่างเล็ก





    “พวกเขาไม่เคยอยากให้ฉันเต้นอยู่แล้ว พวกเขาจะมาดูฉันเต้นทำไมล่ะ?” คยองซูยื่นมือออกไป หมายจะแตะไหล่ของจงอินเป็นเชิงปลอบประโลมแต่ก็ไม่ได้ทำ





    “เรา…”





    “คยองซู” เสียงของเซฮุนเอ่ยขึ้นในขณะที่คยองซูเองก็หันไปตามเต้นเสียงอย่างตกใจ เขาได้แต่กังวลเรื่องจงอินเลยไม่ได้ยินเสียงประตูเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ทั้งเซฮุนและคนอื่นๆต่างก็จ้องมองมาที่เขาอย่างประหลาดใจ





    “คยองซู..มึงมาทำอะไรที่นี่?”





    “กูแค่..มาจดโน้ตสำหรับโปรเจคน่ะ จงอินเลยช่วย..” คยองซูอธิบาย





    “งั้นเหรอ? ก็ดีแล้ว..ดีแล้วที่พวกมึงเข้ากันได้น่ะ” เซฮุนเอ่ยช้าๆ ใบหน้ายังคงแสดงความแปลกใจ





    “..เอ่อ..ขอโทษนะ..” คยองซูเอ่ยเบาๆกับจงอินก่อนจะวิ่งหนีออกมาอีกครั้ง

     







    ...To be continued...
     





    ⓒ:baby
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×