คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : The Monkey King Ch. 1 : Sweet Sugar Bar
Chapter 1
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะได้ยินเสียงฝูงค้างคาวในยามกลางคืน
เพียงแต่...ไม่ว่ามองไปทางไหนก็ไม่พบเจ้าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบินได้เหล่านั้นเลยแม้แต่ตัวเดียว เพราะต้นตอของเสียงนี้แล้วไม่ได้มาจากฝูงค้างคาว แต่เป็น ‘มอเตอร์ไซค์’ คันสีดำที่พุ่งทะยานอยู่บนถนนนั่นต่างหาก
สายลมที่พัดผ่านทำให้เส้นผมสีแดงปลิวไสวไปด้านหลัง หมวกนิรภัยสีดำและกระจกกันลมทำให้ไม่อาจเห็นใบหน้าของผู้ขับขี่ได้ชัดนัก อย่างน้อยก็รู้ได้ว่าเป็นผู้หญิง ทั้งจากเส้นผมยาวสลวยที่โผล่พ้นใต้หมวกนิรภัยออกมาและรูปร่างแสนเซ็กซี่ซึ่งถูกสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนกุดกับกางเกงสแลคสีดำ เสริมด้วยเนคไทสีน้ำเงินซึ่งบัดนี้กำลังปลิวไปตามลมแข่งกับเส้นผมของเธอ
จากเส้นทางที่มืดสลัว ก็ค่อยๆ มีแสงสีเสียงมากขึ้น บ่งบอกว่าตอนนี้เธอได้เข้าสู่ตัวเมืองแล้ว
เมื่อใกล้ถึงที่หมาย หญิงสาวก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปจอดไว้ในซอกตึกแห่งหนึ่ง ทันทีที่เธอดับเครื่อง หมวกนิรภัยสีดำก็สลายกลายเป็นฝุ่นควันในพริบตา พร้อมกับกลุ่มควันสีดำที่ลอยออกมาจากมอเตอร์ไซค์ราวกับการลอกคราบเผยให้เห็นสภาพที่แท้จริงของมัน จากมอเตอร์ไซค์คันงามสีดำสนิท กลับกลายเป็นมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ที่ดูสภาพแล้วไม่น่าจะวิ่งได้ สีซีดและถลอกจนดูไม่ออกว่าเคยเป็นสีอะไรมาก่อน ที่ดูใหม่ก็เห็นจะมีแค่ตัวเบาะและแฮนด์เท่านั้น เหมือนกับเปลี่ยนใหม่แค่สองอย่างนี้
เมื่อไร้ซึ่งสิ่งปิดบังจึงได้ยลโฉมหน้าของเธอ ดวงตาคมกริบสีเขียวธรรมชาติที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก ใบหน้าของเธองดงามราวกับภาพวาดของจิตรกรเอก หากแต่เป็นภาพที่ไม่ได้ลงสี เพราะผิวของเธอนั้นขาวซีดไม่ต่างกับสีของกระดาษ
เธอเดินออกจากซอกตึกและมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางเมือง ลึกเข้ามาในซอยแห่งหนึ่งจนมาถึงอาคารที่ไม่ได้มีประตูตามปกติ แต่มีช่องทางเดินเป็นบันไดลงไปชั้นใต้ดิน เธอเดินลงไปเจอกับบุรุษในชุดสูทสีดำคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูกระจกที่ติดฟิล์มสีดำทึบ เธอหยิบบัตรประชาชนออกมายื่นให้ชายคนนั้น
นางสาวเกสรา เลเฟนสลิชต์
ชื่อและนามสกุลที่ปรากฏอยู่บนบัตรประชาชนสีฟ้าทำให้บุรุษชุดดำเข้าใจว่าสาวสวยคนนี้คงเป็นลูกครึ่ง เมื่อตรวจแล้วว่าอายุผ่านเกณฑ์และใบหน้าบนบัตรเหมือนกับตัวจริงจึงคืนบัตรมาให้ ก่อนจะเปิดประตูและโค้งคำนับให้เธออย่างสุภาพ
การมีชื่อบนบัตรประชาชนเป็นภาษาไทยน่าจะทำให้อาศัยอยู่ในประเทศนี้ได้ง่ายกว่า เธอจึงเลือกที่จะตั้งชื่อจริงใหม่ให้เป็นภาษาไทย ส่วนชื่อจริงๆ ของเธอถูกนำไปเรียกเป็นชื่อเล่นแทน ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะประเทศนี้ชื่อเล่นกับชื่อจริงไม่จำเป็นต้องมีความใกล้เคียงหรือสัมพันธ์กันอยู่แล้ว
เสียงเพลงที่บรรเลงคลอเบาๆ บวกกับกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ราวกับเป็นเวทมนตร์ที่ทำให้ผู้มาเยือนเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศภายใน ‘สวีตชูก้าร์บาร์’ แห่งนี้ หญิงสาวเดินผ่านโต๊ะที่ตั้งเรียงรายรอบอย่างเป็นระเบียบ ตรงเข้าไปด้านในสุดซึ่งมีเคาน์เตอร์บาร์ยาวๆ และบาร์เทนเดอร์ประจำอยู่หนึ่งคน ทุกอย่างในบาร์แห่งนี้ยังคงเหมือนเดิมกับตอนที่หญิงสาวเคยแวะมาและติดใจบรรยากาศที่นี่
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ต่างไปจากเดิม...
บาร์เทนเดอร์ที่เคยให้บริการเครื่องดื่มเธอทุกครั้งเป็นชายวัยกลางคนที่เธอมักจะแวะมาพูดคุยและปรับทุกข์ด้วย หากแต่วันนี้ตำแหน่งบาร์เทนเดอร์กลับถูกแทนที่ด้วยชายหนุ่มร่างสูงที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
“What would you like to drink, madam?” บาร์เทนเดอร์หนุ่มเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษคงเพราะเห็นว่าเธอเป็นชาวต่างชาติ
“ฉันพูดไทยได้” เธอเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อ๊ะ ขอประทานโทษครับ รับอะไรดีครับคุณผู้หญิง” บาร์เทนเดอร์หนุ่มเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม แต่เธอกลับรู้สึกขนลุกกับคำว่า ‘คุณผู้หญิง’
“ขอวอดก้าแก้วนึง”
แก้วเปล่าถูกนำมาวางไว้ที่เบื้องหน้าของหญิงสาว ก่อนบาร์เทนเดอร์หนุ่มจะรินวอดก้าชั้นดีให้ด้วยความคล่องแคล่ว เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ผมถูกย้อมด้วยสีน้ำตาลเข้ม เข้ากันกับดวงตาคมกริบสีเดียวกันที่มองลอดจากเส้นผมซึ่งปรกลงมาคลุมหน้าผาก ตุ้มหูและโลหะที่เจาะอยู่บนใบหูช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้ชายหนุ่มไม่น้อย บวกกับรอยยิ้มโปรยเสน่ห์ของเขายิ่งทำให้ชายหนุ่มคนนี้ดูโดดเด่นในสายตาของเธอ
หญิงสาวรับแก้วมา แล้วเทของเหลวสีแดงจากขวดเล็กๆ ที่เธอเตรียมมาเองลงไปยังแก้ววอดก้าเล็กน้อย ก่อนจะเขย่าเบาๆ ให้ของเหลวนั่นผสมกับวอดก้าจนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงใส
“นี่นาย บาร์เทนเดอร์คนเก่าไปไหนซะล่ะ” เธอเอ่ยถามขณะเขย่าแก้วเบาๆ ไปพลาง
“ประทานโทษครับคุณผู้หญิง ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน ผมทราบเพียงว่าบาร์นี้เปิดรับสมัครบาร์เทนเดอร์ ผมจึงได้มารับใช้คุณผู้หญิงนี่ล่ะครับ”
“คำพูดคำจานายฟังดูลิเกชะมัด” หญิงสาวหัวเราะในลำคอ
“เหรอครับ ขอประทานโทษด้วยครับ พอดีผมยังไม่ค่อยทราบว่าบาร์เทนเดอร์ต้องพูดจากับแขกยังไง คุณผู้หญิงพอจะชี้แนะได้ไหมครับ”
“อย่างแรกนะ เลิกเรียกฉันว่าคุณผู้หญิงเถอะ” เธอว่าก่อนจะยกวอดก้าสีแดงใสขึ้นจิบ
“ถ้าเช่นนั้นจะให้เรียกคุณผู้หญิงว่าอะไรดีครับ?”
“เรียกว่าคุณเฉยๆ ก็ได้” เธอตอบ
“ได้ครับ คุณเฉยๆ ” คำพูดนี้ของบาร์เทนเดอร์หนุ่มเล่นเอาเธอแทบจะสำลักวอดก้าที่กำลังจิบ
“ผมล้อเล่นครับ”
“มุกแบบนี้อย่าเล่นอีกเป็นครั้งที่สองเชียวนะ” เธอว่าพร้อมกับขมวดคิ้วและจ้องบาร์เทนเดอร์หนุ่มเขม็ง แต่เขากลับส่งรอยยิ้มตอบกลับมาให้
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะทำเป็นเลิกสนใจบาร์เทนเดอร์หนุ่มคนนี้ นึกเสียดายที่บาร์เทนเดอร์คนเก่าออกไป เป็นคนที่เธอคุยด้วยถูกคอแล้วแท้ๆ แต่กลับกัน ชายหนุ่มที่มาเป็นบาร์เทนเดอร์คนใหม่นี้ฉายแววความกวนตั้งแต่พบกันครั้งแรกเลยทีเดียว
เธอไม่ปริปากพูดกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มอีกเลย วอดก้าสีแดงใสถูกยกขึ้นจิบครั้งแล้วครั้งเล่า สายตาของเธอเหลือบดูท่าทีของบาร์เทนเดอร์หนุ่มเป็นครั้งเป็นคราว แต่รอยยิ้มของเขานั้น ยิ่งมองกลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้ชายหนุ่มคนนี้อย่างไร้สาเหตุ
ในที่สุดแก้ววอดก้าของเธอก็ว่างเปล่า บาร์เทนเดอร์หนุ่มเอ่ยถามว่าจะรับเพิ่มไหมแต่เธอยกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็วและวางเงินไว้บนโต๊ะพร้อมกับลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกจากบาร์
แต่ทว่า ระหว่างทางเดินไปที่ประตูผ่านโต๊ะๆ หนึ่ง มือของเธอก็ถูกคว้าไว้โดยชายคนหนึ่ง เธอหยุดเดินและหันกลับมาอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณ เป็นชายหนุ่มที่ไว้หนวดเคราพอประมาณ ร่างกายกำยำแบบพวกที่เข้าฟิตเนสเป็นประจำ ใบหน้าแดงก่ำไปถึงคอคงจะดื่มไปหนักไม่ใช่น้อย ที่โต๊ะเดียวกันมีชายหนุ่มอีกสองคนนั่งอยู่
“ยูจะรีบไปไหน ไอกะว่าจะเดินไปทักที่เคาน์เตอร์อยู่แล้วเชียว” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับส่งสายตาหว่านเสน่ห์ โดยมีเพื่อนอีกสองคนส่งเสียงผิวปากเชียร์
เธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ อีกทั้งจู่ๆ ก็มาถูกเนื้อต้องตัวกันง่ายๆ ยิ่งทำให้เธอไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่
“ปล่อยฉัน” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมีน้ำโหเล็กน้อย
“โอ๊ะ พูดไทยได้ด้วย” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอารมณ์ของเธอแม้แต่น้อย แต่มัวไปสนใจว่าเธอเป็นสาวชาวต่างชาติที่พูดไทยได้ หันไปคุยโวกับเพื่อนยกใหญ่
“ไอเห็นยูนั่งเหงาอยู่คนเดียวที่เคาน์เตอร์ ถ้าไม่รังเกียจ รับไอเป็นเพื่อนคลายเหงาสักคนได้ไหมจ๊ะ” สิ้นคำพูดของชายหนุ่ม เพื่อนอีกสองคนของเขาก็หัวเราะคิกคักชอบใจในความใจกล้าหน้าด้านของเพื่อน เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้กำลังจีบเธอเพื่ออวดเพื่อน
“อย่ามายุ่งกับฉัน…”
เสียงของเธอเริ่มสั่นเครือด้วยอารมณ์คุกรุ่นใกล้จะระเบิดเต็มที แต่อีกฝ่ายกลับชอบใจและลุกขึ้นพร้อมกับเอามืออีกข้างโอบไหล่ของเธออย่างถือวิสาสะ
“มาเถอะน่า มาหาเรื่องสนุกๆ คุยกันแก้เหงาดีกว่า” ชายหนุ่มว่าพร้อมกับออกแรงดึงร่างของหญิงสาวเข้ามาหา แต่แรงต้านของเธอกลับมากกว่าที่คิด ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยและออกแรงดึงให้มากขึ้น แต่ร่างของเธอก็ยังไม่ขยับราวกับถูกยึดตะปูตรึงไว้กับพื้น
“ฉันบอกว่าอย่ามายุ่งกับฉัน!”
หญิงสาวตะเบ็งเสียง แต่นั่นกลับไปกระตุ้นต่อมความสนุกของอีกฝ่ายแทนจนถึงกับหัวเราะชอบใจ
ความอดทนของเธอมาถึงขีดสุดแล้ว...
“มีอะไรให้รับใช้ไหมครับ”
น้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนน้อมทำให้กำปั้นที่หญิงสาวกำลังจะยกขึ้นต้องหยุดชะงัก พร้อมกับการปรากฏตัวของบาร์เทนเดอร์หนุ่มคนเดียวกับที่ให้บริการเธอ
“อะไรบ๋อย คนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม อย่ามายุ่ง ไปไกลๆ เลย”
“ผมเห็นว่าคุณผู้ชายกำลังคุกคามคุณผู้หญิงอยู่นะครับ”
“คุกคามอะไร เขาเรียกจีบเฟ้ย แล้วมันหน้าที่อะไรของแก เป็นบ๋อยก็ไปเสิร์ฟเครื่องดื่มสิ” ชายหนุ่มผู้มีหนวดเคราเริ่มขึ้นเสียงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“ผมเป็นบาร์เทนเดอร์ครับ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มตอบอย่างสุภาพ แต่กลับแฝงไปด้วยความกวนในที
“แล้วไง หน้าที่ยุ่งเรื่องชาวบ้านเป็นของบาร์เทนเดอร์รึไงวะ”
“เปล่าหรอกครับ แค่เป็นหน้าที่ของพลเมืองดีน่ะครับ”
“งั้นคุณบ๋อยพลเมืองดีช่วยเอาเครื่องดื่มมาเติมโต๊ะนี้ทีสิ”
เพล้ง!
ชายหนวดเคราฟาดขวดเหล้าที่คว้ามาจากบนโต๊ะเข้าใส่ศีรษะของบาร์เทนเดอร์หนุ่มเต็มแรงจนขวดแตกกระจายคาศีรษะ
“เพราะมันหมดขวดพอดีเลย”
แล้วชายหนุ่มก็ระเบิดหัวเราะอย่างสะใจ
“นั่นสินะครับ”
แต่ทว่า ขวดเหล้านั้นไม่ได้ฟาดถูกศีรษะของบาร์เทนเดอร์อย่างที่ชายหนุ่มคิด หากแต่โดนท่อนแขนที่เขายกขึ้นมาป้องไว้ได้อย่างทันท่วงทีต่างหาก
“ฮึ้ย!”
ชายหนวดเคราบันดาลโทสะ ปล่อยหมัดชกใส่บาร์เทนเดอร์สุดแรง แต่อีกฝ่ายโยกหลบได้อย่างง่ายดาย แล้วคว้าแขนข้างนั้นมาจับล็อกไว้จนชายหนุ่มร้องลั่น
“อย่าใช้ความรุนแรงสิครับคุณผู้ชาย ไม่งั้นผมจะเรียกการ์ดนะครับ”
บาร์เทนเดอร์หนุ่มยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขัดกับการกระทำของเขาเป็นอย่างยิ่ง เขาปล่อยแขนของชายหนุ่มให้เป็นอิสระ โดยหวังให้เรื่องมันจบลงเพียงแค่การเตือนเท่านี้ แต่แล้วเขาก็คิดผิด...
“แก! ไอ้บัดซบ!”
ชายหนวดเคราชักปืนขึ้นมาจ่อใส่จนบาร์เทนเดอร์หนุ่มเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย และค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นการแสดงว่ายอมจำนน เพื่อนทั้งสองของชายที่ถือปืนเห็นว่าเริ่มท่าไม่ดีแล้วจึงพากันรีบลุกหลบออกจากทิศทางของปืนทันที
“ไงล่ะไอ้บ๋อย เมื่อกี้ยังอวดเก่งอยู่เลย พอเห็นปืนทีก็หงอ ถุ้ย!” ชายหนุ่มสบประมาทก่อนจะถมน้ำลายลงพื้น
“ใครจะอยากเอามือเปล่าไปสู้ปืนล่ะครับ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มพูดอย่างมีอารมณ์ขัน ยิ่งทำให้อีกฝ่ายโมโหและกำลังอ้าปากจะพูดบางอย่าง
พริบตานั้นเอง บาร์เทนเดอร์หนุ่มก็พุ่งไปคว้าข้อมือข้างที่ถือปืนของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับบิดและกระตุกอย่างแรงจนอีกฝ่ายปล่อยปืนหล่นพื้น บาร์เทนเดอร์หนุ่มรีบก้มมองเพื่อจะจัดการกับปืนที่หล่นไป แต่ด้วยความที่มัวแต่ไปสนใจปืนจึงโดนหมัดอีกข้างของอีกฝ่ายชกเข้าที่แก้มอย่างจังจนเซออกมา
ชายหนวดเคราสบโอกาสรีบก้มไปจะเก็บปืนขึ้นมา แต่ทว่า...
ปึก!
ส้นรองเท้าของหญิงสาวผมแดงเหยียบลงบนหลังมือของชายหนุ่มอย่างแรงจนเขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ก้มลงไปหยิบปืนกระบอกนั้นขึ้นมาอย่างใจเย็น
“โทษที ฉันไม่ทันเห็นมือนาย” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะที่ปลดเอาแมกกาซีนกระสุนออกจากปืน
บาร์เทนเดอร์หนุ่มรีบเข้ามารับช่วงต่อทันที โดยจับแขนทั้งสองข้างของชายหนุ่มล็อกไว้ด้านหลังแล้วกดให้นอนราบไปกับพื้น การ์ดที่ใส่ชุดสูทสีดำของบาร์รีบรุดเข้ามาดูเหตุการณ์ เมื่อชายหนวดเคราถูกการ์ดจับตัวออกไปพร้อมกับเพื่อนของเขาสองคน เหตุการณ์วุ่นวายจึงค่อยๆ สงบลง
บาร์เทนเดอร์หนุ่มหันซ้ายหันขวามองหาหญิงสาวผมแดงที่ช่วยเหลือเขาเมื่อครู่ แต่ก็หาไม่เจอเสียแล้ว
‘เป็นคุณผู้หญิงที่น่าสนใจจริงๆ’
ความคิดเห็น