ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY MODEL [ EXO. CHAN*LU*HUN ]

    ลำดับตอนที่ #2 : [O N E]

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 57


     

     

     

     

     

     

                      สถานที่ที่วุ่นวายที่สุดคนเยอะที่สุดและหลากหลายเชื้อชาติมากที่สุดสำหรับเขาคนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น สนามบิน

     

     

                  ลู่หาน ยืนมองสนามบินที่ปกติคนเยอะอยู่แล้วตอนนี้กลับวุ่นวายไปอีกเท่าตัวเมื่อบรรดาหญิงสาวไม่ว่าจะเด็ก วัยรุ่นหรือแม้แต่วัยทำงานต่างก็นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่บนพื้น กล้องขนาดใหญ่ที่เหลียวมองดูให้ชัดอีกครั้งเป็นกล้องโปรที่ช่างภาพส่วนใหญ่ใช้กันและมักมีราคาแพงอย่างแน่นอนเพราะถ่ายภาพออกมาแต่ละทีสีสวยแจ่มชัดต่อให้ถ่ายในมุมที่ไม่ดีแค่ไหนก็ตาม

     

      แต่สิ่งที่ทำให้สงสัยก็คือทำไมถึงมีกลุ่มผู้หญิงมายืนรอตรงหน้าเกทสองซึ่งเป็นเกทธรรมดามากถึงขนาดนี้? ไหนจะป้ายที่มีรูปผู้ชายคนหนึ่งที่ก็ดูดีเอาการอยู่ในรูปพร้อมประโยคที่เขียนว่า

     

      รักนะ เซฮุนนา

     

      เซฮุนนา คือใคร?

     

      คิดแต่ก็ไม่ได้สนใจมือขาวล้วงหยิบไอโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกงกดสไลด์หน้าจอกดจิ้มหมายเลขที่ตัวเองจำได้ขึ้นใจพร้อมทั้งกดโทรออก

     

     

     

     

     

     

     

     

                  “กรี๊ดดดดดดดดดดด”

     

     

     

     

      เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากกลุ่มของเด็กสาวจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยคนดังขึ้นทำให้ผู้คนที่เดินกันทั่วสนามบินต้องหันกันมามองเมื่อเกิดการจราจลกลุ่มย่อยเมื่อเด็กผู้หญิงจำนวนมากต่างวิ่งกรูเข้าไปหาคนคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากเกทสอง

     

     

      ผู้ชายตัวสูง ผิวขาว ผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกเซตปัดขึ้นไปอย่างเท่ๆรับกับใบหน้าที่ติดจะหวานเหมือนผู้หญิงเพราะจมูกโด่งและริมฝีปากบางเฉียบสีชมพูและเพราะกล้ามเนื้อที่แขนที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามสีขาวที่เจ้าตัวสวมอยู่เพียงตัวเดียวนั้นทำให้เตะตาบรรดาผู้คนที่เดินขวักไขว่ในสนามบินอย่างมาก บางคนถึงกับต้องหยุดยืนมอง

     

     

      “เซฮุนนา เซฮุนนา กรี๊ดดดดดด” 

     

     

      เจ้าของชื่อหันส่งยิ้มมาโบกไม้โบกมือทักทายและยิ้มใส่กล้องหลายสิบตัวของเหล่าแฟนคลับที่ตะโกนเรียกชื่อแล้วยกกล้องขึ้นถ่าย ไหนจะแฟนคลับที่พยายามจะฝ่าวงล้อมบอดี้การ์ดเข้ามาหาเขา ช่อดอกไม้ จดหมาย ของขวัญต่างๆมากมายถูกยัดเข้ามาในมือของเขาทั้งจากที่เขายื่นมือไปรับและจากแฟนคลับที่เล็ดรอดมาจากบอดี้การ์ดที่กันตัวเขาไว้ได้ อะไรก็ไม่น่าตกใจในตอนนี้เท่ากับแฟนคลับตัวน้อยที่อายุไม่เกินสิบขวบที่ลอดแขนการ์ดคนใดคนหนึ่งของเขาเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเขา เซฮุนหยุดเดินทันที

     

     

      “อย่าทำแบบนี้อีกนะครับเข้าใจไหมเด็กดี ถ้าเราล้มไปจะทำยังไงคะพี่เป็นห่วงนะ”  เซฮุนรวบของขวัญต่างๆไว้ในมือข้างเดียวก่อนจะยกมือลูบผมเด็กน้อยคนนั้นที่ตอนนี้น้ำตาคลอไปด้วยความตื้นตันที่ได้รับความห่วงใยจากนายแบบที่ตนปลื้ม

     

     

      กล้องจากโทรศัพท์เครื่องหนึ่งกดชัตเตอร์รูปความอ่อนโยนของชายหนุ่มไว้โดยที่ไม่มีใครได้รู้แม้กระทั่งเซฮุนเอง

     

     

      “ค่ะ หนูจะไม่ทำอีกแล้ว หนูชอบเซฮุนโอป้ามากเลยนะคะ” 

     

     

      แฟนคลับตัวน้อยแก้มแดงเรื่อปากเล็กละล่ำละลั่กพูดความในใจออกไปหลังจากที่ตัดสินใจเอาตัวลอดใต้วงแขนการ์ดคนหนึ่งมาเพื่อมาหาคนที่ตนเองปลื้มมานาน เซฮุนยิ้มมือขาวหยิบปากกาและผ้าเช็ดหน้าที่ตนเองพกติดตัวอยู่ตลอดเวลาออกมาจากกระเป๋าเสื้อพร้อมกับจรดปากกาเขียนลายเซ็นไปบนผ้าเช็ดหน้าของตน

     

     

      “อ่ะ พี่ให้นะคะ รีบออกไปเร็วอย่าให้ใครแย่งผ้าผืนนี้ของพี่ได้นะพี่ให้หนูคนเดียวนะ”  ผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ตอนนี้มีลายเซ็นของตนถูกวางลงบนมือเล็กๆนั้น เซฮุนกระซิบพร้อมลูบผมแฟนคลับตัวจ้อยที่วิ่งลอดแขนการ์ดออกไปอย่างรวดเร็ว เซฮุนมองตามแฟนคลับตัวจิ๋วที่ยืนยิ้มและโบกมือบ้ายบายอยู่ห่างจากเขาหลายสิบก้าว เซฮุนยิ้มแล้วยกมือโบกไปมาให้แฟนคลับตัวจิ๋ว

     

     

     

     

                  อย่าให้ใครขโมยได้นะตัวเล็ก

     

     

     

               

     

     

                  “เฮ้ย หลบดิวะ หลบ หลบ” 

     

     

      เสียงดังเอะอะโวยวายจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งวิ่งฝ่าเข้ามากลางวงล้อมของแฟนคลับทำให้แฟนคลับที่ยืนรอล้มไม่เป็นท่าเรียกให้สายตาคมตวัดไปมองการกระทำอุกอาจในที่สาธารณะในทันทีแต่ก็ยังไม่ทันเห็นตัวคนกระทำก็มีอีกเสียงหนึ่งแทรกมา

     

     

                  “ช่วยหลบทางหน่อยครับ ขอโทษนะครับ” 

     

     

      ราวกับสั่งได้ทันทีที่ผู้มาใหม่ตะโกนขึ้นเหล่าแฟนคลับและบอดี้การ์ดต่างก็แหวกทางให้ทันที แขนของเซฮุนถูกผู้จัดการส่วนตัวดึงให้ไม่ให้ขวางทาง รูปร่างกะทัดรัดของผู้ชายคนหนึ่งวิ่งกระโดดข้ามรถเข็นสัมภาระของเซฮุนไปพร้อมกับตำรวจที่วิ่งตามบุคคลนั้นมาเป็นพรวน

     

     

                  “มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะพี่ ทำไมตำรวจถึงวุ่นวายขนาดนี้”  เซฮุนสบถกับผู้จัดการส่วนตัวด้วยความหงุดหงิดที่โดนรบกวนอย่างไร้มารยาทจากบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าตำรวจ ดวงตาคมกวาดสายตามองกลุ่มแฟนคลับที่ตอนนี้รวมกันอยู่อีกฝั่งหนึ่งอย่างเป็นระเบียบว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า

     

     

                  แต่เหมือนเขาจะถูกลืมไปชั่วคราวด้วย...

     

     

     

                  “อ๊ากกกกก” 

     

     

                  ทุกสายตาหันไปทางต้นตอของเสียงทันที ภาพที่ผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าเขากำลังทุ่มคนที่ตัวโตกว่าเท่าตัวลงพื้นพร้อมเข้าชาร์ตด้วยการจับตัวโตๆนั้นพลิกคว่ำแล้วจับแขนหนึ่งข้างบิดขึ้นมาไพล่หลังก่อนจะใช้เท้าเหยียบกดไปที่แผ่นหลังนั้นให้นอนเอาหน้าราบไปกับพื้นมืออีกข้างก็ดึงแขนอีกข้างของคนตัวโตกว่าขึ้นมาไพล่หลังเหมือนอีกข้างก่อนจะรวบไว้ในมือของตนเองข้างเดียว เซฮุนตาโตมองอย่างทึ่งๆ

     

     

      “โอ้ย ปล่อยผมนะ ผมไม่ผิด ปล่อยดิวะปล่อย”  เสียงโวยวายดังขึ้นมาจากปากของคนที่หมดทางสู้ที่นอนราบอยู่กับพื้น เซฮุนเห็นใบหน้าเจ็บปวดของคนที่นอนราบอยู่กับพื้น

     

     

      “หึ ถ้าไม่ได้ทำผิดแล้วจะวิ่งหนีหาอะไร”  ผู้ชายตัวเล็กคนนั้นที่เขาเห็นใบหน้าไม่ชัดเพราะฮู้ดสีดำนั้นปิดคลุมเสียครึ่งหน้าพูดก่อนจะกระแทกฝ่าเท้าลงบนหลังคนที่คาดว่าเป็นคนร้ายนั้นอีกครั้ง เซฮุนได้ยินเสียงร้องโอดโอยมาจากปากของคนที่โดนกระทำกุญแจมือวาววับถูกคล้องเข้ากับข้อมือทั้งสองข้างของผู้ชายตัวโตตอนนี้ที่โดนมือเล็กๆขาวๆนั้นหิ้วคอเสื้อให้ลุกขึ้นมาจากพื้นก่อนที่ตำรวจจะรวบตัวไป

     

     

      เซฮุนไม่อาจละสายตาจากบุคคลที่เพิ่งจับคนร้ายไปหยกๆได้เลยเมื่อฮู้ดสีดำที่ปิดคลุมอยู่ครึ่งใบหน้านั้นถูกมือขาวๆของเจ้าตัวนั้นดึงออกไปข้างหลัง ดวงหน้าหวานเหมือนผู้หญิงปรากฏแก่สายตา

     

     

      ผู้หญิงหรือเปล่า?

     

     

      เซฮุนคิดในใจขนาดเขาที่คิดว่าตัวเองหน้าหวานแล้วนะแต่ผู้ชายตัวเล็กคนนี้หน้าหวานมากกว่าเขาอีก

     

     

      ใช่...คนคนนี้เป็นผู้ชาย

     

     

      ผมสีเงินซอยไล่ระดับลงมาถึงท้ายทอยที่ดูจะยุ่งนิดหน่อยจากการเสยผมของเจ้าตัวกลับเข้ากับใบหน้าหวานอย่างประหลาด จมูกโด่งรั้นราวกับบ่งบอกความดื้อเอาแต่ใจของเจ้าตัว ริมฝีปากสีส้มที่เป็นกระจับนั้นน่าประทับรอยจูบลงไปจริงๆ

     

     

      อา....

     

     

      สิ่งที่ตราตรึงใจเซฮุนที่สุดคงจะไม่พ้นดวงตาหวานซึ้งที่ติดจะดุๆและใบหน้าที่ติดจะเรียบเฉยอยู่ตลอดเวลาที่เขาสังเกตอยู่นั้นให้ความรู้สึกว่าผู้ชายหน้าหวานมากๆคนนี้ไม่ได้มีนิสัยหวานเหมือนหน้าตาแน่นอน

     

     

      ดูจากอัดไอ้ร่างยักษ์นั่นร่วงไปกองกับพื้นแล้วน่ะนะ

     

     

     

      “กระเป๋าของคุณป้าใช่มั้ยครับ เช็คของด้วยนะครับว่ายังอยู่ครบมั้ย”  คนหน้าหวานแต่โหดยื่นกระเป๋าถือให้กับผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง

     

     

      อา...คนดีเสียด้วย

     

     

      “ครบค่ะครบ ขอบคุณพ่อหนุ่มมากเลยนะ ถ้าไม่ได้พ่อหนุ่มป้าต้องแย่แน่ๆเดี๋ยวต้องเดินทางแล้วด้วย นี่ค่าตอบแทนนะ”  หญิงสาวเปิดกระเป๋าใบสวยก่อนจะหยิบธนบัตรใส่ให้กับคนที่นำกระเป๋ามาคืน คนหน้าหวานเพียงยิ้มขึ้นมานิดเดียว นิดเดียวจริงๆ

     

     

      แต่ยิ้มแค่นี้ใจก็เต้นรัวเป็นบ้า

     

     

      “ผมไม่รับครับ เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับคุณป้า”  นอกจากจะไม่รับแล้วยังโค้งให้แล้วเดินหนีออกมาอย่างเสียมารยาทอีกด้วยด้วย เซฮุนอมยิ้มอย่างถูกใจกับการกระทำแบบนั้นแต่ก็ต้องสะดุ้งตามภาษาคนแอบมองแล้วโดนจับได้เมื่อเห็นว่าคนหน้าหวานนั้นตวัดสายตามาทางตน เซฮุนเสหันไปมองทางกลุ่มแฟนคลับแก้เก้อชั่วครู่แล้วมองตามหลังคนที่ตนมองเมื่อครู่แล้วก็สบถเสียงดังลั่น....ในใจ

     

     

      โหดจังโว้ยยยยยยย

     

     

      กว่าเหตุการณ์กลับเข้าสู่ปกติกลุ่มแฟนคลับของเซฮุนก็สลายตัวกันออกไปหมดแล้วทำให้เซฮุนเบาใจลงมากอย่างน้อยก็ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลังคอยห่วงแฟนคลับว่าจะได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า

     

     

     

     

     

     

     

      “พี่คริส พี่ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นตำรวจหรือพลเมืองดี”  เซฮุนที่นั่งอยู่บนรถตู้ของบริษัทถาม คริส ผู้จัดการส่วนตัวของเขา

     

     

      “อืม จะเป็นตำรวจหรือพลเมืองดีมันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ นอนพักเสียไปไหนว่าเหนื่อยนักหนาตอนอยู่บนเครื่องน่ะ”  คริสพูดขึ้นโดยที่สายตาและใบหน้าไม่ละออกจากไอแพดเลยสักนิด

     

     

      เช็คตารางงานเขาอยู่ล่ะสิ

     

     

      “เจอเหตุการณ์ระทึกมาพี่ว่าผมจะหลับตาลงไหมล่ะ”  เซฮุนสวนกลับไม่ใช่เหตุการณ์ระทึกอะไรนั่นหรอกที่ทำให้เขานอนไม่หลับ

     

     

      เพราะดวงหน้าหวานของตำรวจ เอ...หรือพลเมืองดีนั่นต่างหากล่ะ

     

     

      “หึ แน่ใจเหรอว่านอนไม่หลับเพราะเหตุการณ์ระทึกใจไม่ใช่...คนที่ทำให้ใจเต้นระทึก”  คริสเงยหน้ามองเด็กในสังกัดของตนด้วยสายตาที่รู้เท่าทันแล้วกลับไปอ่านข่าวในไอแพดต่อ

     

     

     

      โอ เซฮุน

     

     

      นายแบบดาวรุ่งพุ่งแรงที่อายุที่น้อยที่สุดในวงการนายแบบที่ตอนนี้พุ่งแซงหน้ารุ่นพี่ไปหลายคนและตอนนี้ก็กำลังเป็นที่จับตามองของใครหลายๆคนด้วยเครื่องหน้าและองค์ประกอบต่างๆของร่างกายที่สมบูรณ์แบบทำให้คริสรู้สึกพอใจและดึงเข้าวงการทันทีที่ได้พบเด็กคนนี้เป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ในผับเล็กๆแห่งหนึ่ง

     

     

      แม้จะเป็นนายแบบที่อายุน้อยแต่เซฮุนกลับมีกลุ่มแฟนคลับที่หนาแน่นไม่แพ้นักร้องหรือนักแสดงเลยด้วยซ้ำ แม้อายุที่แจ้งเกิดในวงการแค่ยี่สิบปีทำให้หลายๆบริษัทรวมทั้งห้องผ้าต่างๆสนใจดึงไปร่วมงานด้วยแต่เซฮุนกลับปฏิเสธเพราะเหตุผลง่ายๆว่า

     

     

      ไม่ชอบเป็นตุ๊กตาที่โดนชักใยให้ทำโน่นทำนี่จากคนอื่น

     

     

      เหตุผลนี้ทำให้คริสเลือกให้เซฮุนเป็นนายแบบอิสระรับงานจากที่เขาเลือกให้และเจ้าตัวพอใจที่จะทำ ไม่มีการเซ็นสัญญาระหว่างคริสกับเซฮุนทั้งคู่ต่างมั่นใจในกันและกันมากกว่าข้อตกลงบ้าบออะไรนั่นและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้และเซฮุนทำงานร่วมกันอย่างไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น

     

     

      เซฮุนเป็นเด็กที่ไม่เรื่องมากเหมือนนายแบบคนอื่นๆที่อยู่ในสังกัดของเขาที่ดังแล้วทำตัวเหมือน...วัวลืมตีน...

     

     

      แม้จะทำงานร่วมกันมาเพียงแค่ครึ่งปีแต่คริสกลับรู้จักและรู้ใจเซฮุนดีที่สุด เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะเด็กคนนี้ไม่เคยปิดบัง...ไม่เคยมีความลับอะไรกับเขาเลย

     

     

      “นี่เซฮุน นายบอกทุกอย่างกับพี่แบบนี้ไม่กลัวพี่ไปขายข่าวให้นักข่าวหรือไง”  คำถามถูกถามออกไปเพราะคาใจมานาน

     

     

      “ผมจะกลัวทำไมล่ะครับ พี่คริสไม่ใช้ผู้จัดการส่วนตัวของผมสักหน่อย พี่คริสเปรียบเหมือนพี่ชายของผมนะ”  คำตอบพร้อมรอยยิ้มที่ส่งมาให้ทำให้คริสรู้สึกหัวใจพองประหลาดไม่ใช่เพราะว่าแอบชอบเจ้านี่หรอกนะ

     

     

      เพราะวงการนี้เขาแทบหาความจริงใจไม่เจอยังไงล่ะ

     

     

      จนมาเจอกับน้องชายคนนี้แหละ

     

     

    บทสนทนาเก่าๆที่เคยพูดคุยกันหลังเวทีแคทวอล์คเมื่อเซฮุนเดินแบบให้กับห้องผ้าชื่อดังแห่งหนึ่งเสร็จ จึงทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นพี่ชายที่มองตาน้องชายก็รู้ไปหมดว่าต้องการอะไร...เหมือนตอนนี้

     

     

      “ถูกใจหรือไง”  สายตาคมที่ละออกจากหน้าจอสี่เหลี่ยมหันมามองหน้าน้องชายของตน

     

     

      “มากด้วย”  ตอบกลับเลยโดยไม่รอให้เสียเวลาคิด

     

     

      “โหดใช่ย่อยนะ”  คริสแหย่กระเซ้าก่อนจะหลุดขำออกมาเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของน้องชาย

     

     

      “คงไม่เจอกันอีกหรอกพี่ โลกมันกว้าง ”  เซฮุนยักไหล่ก่อนจะเอนตัวตามพร้อมผ้าคาดตาสีทึบ

     

     

      พักสักหน่อยดีกว่า

     

     

      “นอนเถอะเดี๋ยวถึงคอนโดแล้วจะปลุก”  คริสพูดแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะกดเปิดหน้าจอไอแพดขึ้นมาแล้วเช็คตารางงานของเซฮุนตามแบบที่ทำอยู่แทบตลอดเวลา

     

     

                  ครืด     ครืด

     

     

                  “ว่าไงอี้ชิง”  เสียงทุ้มที่พูดขึ้นทำให้เซฮุนที่ยังไม่ทันได้หลับต้องอมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

     

     

                  “กำลังไปคอนโดน้องครับ”  เซฮุนอยากจะเขยิบตัวเข้าไปฟังใกล้ๆว่าพี่ชายผู้จัดการส่วนตัวของเขาคุยอะไรกับคนปลายสายถึงได้พูดเพราะขนาดนั้น

     

     

                  “คิดถึงอี้ชิงเหมือนกันเครื่องเพิ่งลงวันนี้แหละ ไปกินข้าวกันไหม”  เซฮุนอยากจะกระชากผ้าคาดตาออกมาแล้วยื่นหน้ามาล้อเลียนผู้จัดการของตนทันทีที่ได้ยินประโยคอ้อนๆนั้น

     

     

                  ให้ตาย เพิ่งรู้ว่าพี่คริสมีมุมนี้กับเขาด้วย

     

     

                หรือจะมีกับแค่คนปลายสายเท่านั้นนะ

     

     

                “งั้นพรุ่งนี้นะ หืมต้องเอาน้องไปด้วยเหรอ” เซฮุนขมวดคิ้วฉับทันทีที่ได้ยินว่าตัวเองต้องไปด้วย

     

     

                  ไม่อยากไปเป็นก้างนะ

     

     

                “ได้ครับพรุ่งนี้เจอกันร้านเดิมนะ”  คริสระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นท่าทางของนายแบบในสังกัดตน เดี๋ยวขมวดคิ้ว เดี๋ยวยิ้ม

     

     

                  แอบฟังล่ะสิ

     

     

                “พรุ่งนี้ไปกินข้าวกับเพื่อนพี่หน่อยเขาจะคุยเรื่องงานเดินแบบการกุศลอาทิตย์หน้า”  คริสพูดขึ้นเมื่อรู้ว่าเซฮุนยังไม่หลับ

     

     

                  “เพื่อนพี่จริงๆเหรองั้นผมจีบนะ”  เซฮุนยิ้มล้อๆเมื่อปรับเบาะขึ้นมานั่งแทนการนอนผ้าคาดตาก็ถูกดึงออกไปเมื่อรู้ว่าโดนจับได้ว่าแอบฟัง

     

     

                  “น้อยๆหน่อยน้องชายคนนี้ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนสักหน่อยแต่จีบมาตั้งนานเขายังไม่ใจอ่อนเลย อย่ามาชักใบให้เรือเสีย”  คริสชี้หน้านายแบบหนุ่มที่ทำตัวจะตีท้ายครัวเขาเสียแล้ว

     

     

                  “ผมล้อเล่นน่า อย่าซีเรียสดิ”  เซฮุนยื่นมือไปตบไหล่คริสเบาๆ

     

     

                  “พรุ่งนี้ก็ถือโอกาสรู้จักกันไปในตัวเลยแล้วกันอี้ชิงอยากได้นายไปเดินแบบมานานแล้วครั้งนี้คงได้โอกาสเสียที”  คริสยิ้มเมื่อนึกถึงบทสนทนาเมื่อครู่ก่อนที่เขาจะตัดสายไป

     

     

                  “อี้ฟาน...อี้ชิงอยากได้เซฮุนมาเดินแบบการกุศลจะต้องมีคนบริจาคเยอะแน่ๆเลยพรุ่งนี้พาน้องมาด้วยนะ”  หลังจากที่เขาชวนกินข้าวเจ้าของรอยยิ้มแก้มบุ๋มก็อ้อนเขาทันที

     

     

                  อย่างนี้ใครจะไม่ใจอ่อนตกลงล่ะ

     

     

                  “ถึงไม่มีโอกาสแต่เชื่อผมสิพี่ก็ลัดคิวผมให้กับเขาได้”  เซฮุนยักคิ้วหลิ่วตาราวเพราะรู้ใจคริสไม่แพ้ไปกว่าที่อีกฝ่ายรู้ใจเขาหรอก

     

     

                  เซฮุนรู้แค่ว่าคนชื่ออี้ชิงเป็นคนที่พี่คริสตามจีบมาตั้งนานแล้วก่อนที่จะพาเขาเข้าวงการเสียด้วยซ้ำแต่จีบอย่างไรก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเสียที ไม่รู้ว่าพี่คริสไปจีบยังไงเหมือนกันแต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่นี้จะสนิทสนมกันปานคนรักนั่นแหละแค่ยังไม่ชัดเจนเรื่องสถานะเพราะเซฮุนเคยได้ยินอี้ชิงเรียกพี่คริสผ่านโทรศัพท์ว่าอี้ฟาน

     

     

                  อี้ฟาน...อี้ชิง  ก็เหมาะกันดีเนอะ

     

     

                “พูดมากจริงเชียวพรุ่งนี้ก็ทำตัวดีๆอย่าให้พี่ขายหน้าก็พอ”  คริสโยกหัวนายแบบของตนที่หน้ายู่กับคำสบประมาทนั่นเล็กน้อยก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งให้คนที่โทรมาก่อนหน้านี้

     

     

                  อย่าไปอ้อนใครแบบที่อ้อนผมนะอี้ชิง อี้ฟานขี้หวง

     

     

     





     

    ชอบก็อ่าน ไม่ชอบก็ปิดเลยเส่ะ ชูวั้บชูวั้บ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×