ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF-BEAST] TENNIS: มาหวดกันสักยก (JunSeung)

    ลำดับตอนที่ #2 : Round 2 - Yang Yoseob VS Lee Gikwang

    • อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 57


    TENNIS
    #Round 2
    (Gikwang VS Yoseob)


     
    “ใครต่อ มาเลย”
     
     
    เสียงของดูจุนอุตส่าดังแทรกเข้าหูฮยอนซึงที่กำลังลากสังขารของตัวเองไปยังม้านั่งข้างสนามท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ดังกึกก้องของจุนฮยอง คนที่ยืนอุ้มโยซอบอยู่กลางสนามเครื่องเริ่มร้อนแล้ว
     
     
     
    ไอ้บ้าดูจุน ใช้ฉันเห็นตัววอร์มอัพสินะ
     
     
     
    ฮยอนซึงที่กำลังหย่อนก้นนั่งจิ๊ปากหงุดหงิดและแอบด่าในใจ
     
     
    “ฉันๆ”
     
     
    โยซอบยกมือขึ้นหลังผละออกจากร่างสูง ว่าแล้วก็วิ่งมาขอไม้แร็คเก็ตจากฮยอนซึงที่นั่งตาขวางมองจุนฮยองที่ยังนอนกุมท้องหัวเราะไม่หยุด ก่อนเดินกลับไปหยิบลูกเทนนิสและตั้งท่าเตรียมพร้อม
     
     
    ผั่วะ!
     
     
    โยซอบเริ่มเสิร์ฟ
     
     
    โผล๊ะ!
     
     
    มันทั้งว่องและก็ไวเมื่อลูกเขียวอื๊อเฉี่ยวใบหน้าอ่อนวัยของโยซอบแล้วตกกระทบพื้นอย่างหนักหน่วง ฮยอนซึงถึงกับอ้าปากค้างเมื่อหันมาเห็นพอดี นี่ถ้าโดนหน้าคงแหกเป็นทางเชียว
     
     
    “อ๋า ดูจุนน่ะ ฉันกลัวนะ ตีลูกแรงไปป่าวเนี่ย!”
     
     
    ฮยอนซึงยกน้ำขึ้นดื่มมองโยซอบที่หันขวับไปตำหนิคนบ้าพลัง เสียงหัวเราะของจุนฮยองเงียบไปแล้ว ร่างบางกลับได้ยินเสียงหายใจรดหูเข้ามาแทน
     
     
    “เฮ้ย” หันไปก็ดันเจอจุนฮยองที่มานั่งข้างชนิดที่แทบจะสิงกันได้
     
     
    “1-0 ดูจุนได้แต้ม” จุนฮยองทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ นั่งบอกคะแนนแข่งขันเสียอย่างนั้น
     
     
    ผั่วะ โผล๊ะ ผั่วะ ผั่วะ
     
     
    เสียงหวดลูกเทนนิสดังไม่ขาดแต่ฮยอนซึงกลับไม่รู้เหตุการณ์เลยสักนิดเพราะมัวแต่ก้มหน้างุด ก็มือหนาของจุนฮยองนี่สิที่มันวางทับมือของเขาอยู่ ทับก็ไม่ทับธรรมดามีลูบไปลูบมาอีก ทำเอาฮยอนซึงขนลุกไปทั้งตัว
     
     
    ฮยอนซึงอยากชักมือกลับแล้วลุกขึ้นกระทืบเจ้าของมือเสียเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ติดที่ว่ากลัวดงอุนกับกีกวังที่ยืนอยู่ไม่ไกลจะสงสัย ขืนมีคนรู้ว่าเขากำลังโดนแต๊ะอั๋งมีหวังกลายเป็นตัวตลกอีกแน่ แล้วความรู้สึกร้อนที่ผ่าวขึ้นหน้านี่อีกล่ะ มันคืออะไรกัน?
     
     
    ร่างบางยิ่งงองุดเข้าไปอีกเมื่อเงยไปสบตากับคนที่กุมมืออยู่ ก็ใครใช้ให้ยงจุนฮยองมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นกันล่ะ แบบที่มีประกายหวานเหมือนมองเข้าไปลึกถึงไหนต่อไหน
     
     
    “ชนะแล้ว! เย้”
     
     
    เพราะมัวแต่วุ่นวายกับความรู้สึกอยู่นี่แหละ ฮยอนซึงจึงไม่รับรู้ว่าการแข่งขันระหว่างดูจุนและโยซอบผ่านไปอย่างไร เขาได้แต่เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทอย่างไม่เชื่อในความสามารถ
     
     
    “ยังโยซอบเอาชนะยูนดูจุนที่คว่ำฉันลงแบบ 5-2 ได้ยังไงเนี่ย” 
     
     
    ฮยอนซึงเผลอพูดในสิ่งที่คิด ว่าจะหันไปถามจุนฮยองที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ว่าเหตุการณ์มันเป็นยังไง พอเจอเข้ากับใบหน้าอมยิ้มของอีกฝ่ายเท่านั้นล่ะ ไอ้คำถามที่จะถามก็ถูกกลืนเลงคอไปดังเอื้อก
     
     
     
    วันนี้ไอ้จุนฮยองเป็นบ้าอะไรของมัน
     
     
     
    ฮยอนซึงไม่รู้ว่าทำไมวันนี้จุนฮยองถึงมาทำอะไรแบบนี้ ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาก็มีบ้างที่อีกคนเทียวหยอกเทียวแซว แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่จุนฮยองจะรุกคืบถึงขนาดจับไม้จับมือเขามาก่อน คิดไปคิดมาก็หาคำตอบไม่ได้ แถมยังมาสติกระเจิงกับการทำของจุนฮยองตอนนี้อีก
     
     
    “นายไม่เห็นเหรอว่าโยซอบเอาแต่จ้องหน้าขู่ให้ดูจุนยอมอ่อนให้น่ะ หมอนั่นก็เลยชนะไง ดูจุนน่ะ เคยขัดใจโยซอบที่ไหนล่ะ”
     
     
    มันไม่ใช่การตอบแบบธรรมดา แต่จุนฮยองย่อหน้ามาจนแก้มแตะกันแล้วถึงจะกระซิบออกมาเสียงซ่าบซ่าน มาทำกันขนาดนี้จะให้ฮยอนซึงคุมสติตัวเองอยู่ก็ถือว่าจิตแข็งเกินไปแล้วล่ะ ร่างบางถึงกับต้องดึ๋งตัวออกทันทีเมื่อจุนฮยองพูดจบประโยค
     
     
    “นี่นาย อย่าเข้ามาใกล้ขนาดนี้ได้มั้ย?” 
     
     
    ฮยอนซึงตำหนิจุนฮยองด้วยสีหน้ายุ่ง หันไปมองที่สนามก็เห็นกีกวังยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามโยซอบตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วไม่รู้ ส่วนดูจุนก็กำลังเดินปาดเหงื่อกลับมาทางเขา แถมเพื่อนตัวโตยังหรี่ตามองจุนฮยองอย่างมีเลศนัยอีก เขาล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าสองคนนี้ส่งกระแสจิตคุยอะไรกัน ในเมื่อฮยอนซึงก็เห็นแค่ว่าจุนฮยองตอบกลับไปแค่การยักคิ้วเท่านั้น
     
     
    “ดูจุน!” 
     
     
    เสียงเรียกจากกีกวังที่กลางสนามทำให้ดูจุนที่เดินมาใกล้ถึงม้านั่งต้องหันกลับไปมองอย่างสงสัย
     
     
    “อ่า....นายเล่นเทนนิสเก่งมากเลย”
     
     
    ฮยอนซึงคงไม่ได้ตาฝาดไปสินะ เมื่อกี้เขาเห็นกีกวังส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มพร้อมการกระพริบตาข้างเดียวให้กับดูจุน ตาหยีลงกับใบหน้าซับสีเลือดเล็กน้อยนั่นน่ามองพอดู แบบนี้แถวบ้านจางฮยอนซึงเขาเรียกว่าอะไรนะ....เรียกว่า’อ่อย’จะดูแรงไปหรือเปล่า
     
     
    “วันหลังเราสองคนมาเล่นด้วยกันนะ”
     
     
    ไอ้ประโยคหลังที่หลุดมาบวกกับการเผยอริมฝีปากนิด ๆ นี่ทำให้ฮยอนซึงคิดใหม่อีกครั้ง……อ่อยน่ะแหละ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
     
     
     
    โผล๊ะ!!!!
     
     
     
    แล้วลูกเทนนิสวิ่งฉิวมาจากไหนไม่รู้เฉี่ยวข้างหูกีกวังไปแค่นิดเดียวจนเจ้าของหูต้องวาร์ปเอาหน้ายิ้มไปเก็บทันที ฮยอนซึงหันมองตามทิศและองศาของลูกก็ทราบได้ทันทีว่าต้นทางมันไม่ได้มาจากไหนไกลหรอก ก็ยังโยซอบนั่นแหละที่เสิร์ฟมาแบบสวย ๆ
     
     
    “5 แต้ม แพ้ออก! เสิร์ฟกลับมาให้ไว” 
     
     
    เสียงประกาศิตของเจ้าของลูกเสิร์ฟคงทำให้กีกวังไม่พอใจเท่าไหร่นัก ฮยอนซึงเห็นกีกวังเบะปากใส่โยซอบไปหนึ่งทีก่อนจะเดินไปหยิบลูกมาตั้งท่าเสิร์ฟ 
     
     
    “เฮ้ย ดูจุน หลบเด๊ะ ให้ว่อง ๆ”
     
     
    เพราะดูจุนที่ยืนทำหน้ามึนอยู่ข้างสนามบดบังวิสัยทัศน์ของฮยอนซึงนิดหน่อย ร่างบางจึงต้องสั่งให้คนตัวโตรีบย้ายตัวเองไปที่อื่นเป็นการด่วน เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะน้ำเสียงของโยซอบเมื่อกี้มันไม่ใช่แบบปกติที่ฮยอนซึงคุ้ยชิน แต่เป็นน้ำเสียงที่เจือปนความไม่พอใจ ซึ่งฮยอนซึงสังเกตุเห็นท่าทีเดียวกันจากกีกวัง เอาเป็นว่าเกมนี้ชักน่าดูขึ้นมาหน่อย ๆ
     
     
    ผั๊วะ
     
     
    กีกวังเสิร์ฟลูกเร็ว
     
     
    ผั๊วะ
     
     
    โยซอบโต้กลับ
     
     
    ผั๊วะ
     
     
    “ย๊ะ” กีกวังเหวี่ยงไม้เต็มแรงพร้อมส่งเสียงสร้างความฮึด
     
     
    ผั๊วะ
     
     
    “อ๊าช” โยซอบโต้กลับ ลูกเอียงกดลงไปข้างซ้ายอย่างน่าลุ้นว่าจะลงหรือไม่ลง
     
     
    ผั๊วะ
     
     
    “อ๊าก” กีกวังวิ่งมาด้วยความเร็วจีซิกส์แล้วงัดลูกขึ้นส่งข้ามตาข่ายกลางไปยังฝั่งของโยซอบได้อย่างเฉียดฉิว
     
     
    “ย๊า” โยซอบรับลูกแล้วตีโยกไปอีกทาง
     
     
    โผล๊ะ!
     
     
    ในที่สุดก็ลง
     
     
    “1-0 โยซอบได้แต้ม” เสียงจุนฮยงที่ตะโกนบอกแต้มทำให้ฮยอนซึงตกใจเล็กน้อย เพราะลืมไปชั่วครู่ว่ามีอีกคนนั่งอยู่ด้วย นั่งชิดชนิดจะนาบร่างกันอยู่แล้ว
     
     
    “เฮือก สองคนนี้นี่เทพว่ะ” ฮยอนซึงสูดหายใจเฮือกแรกหลังจากที่กีกวังปล่อยลูกเสิร์ฟ พลางบิดกายตัวเองให้ห่างจากจุนฮยอง
     
     
    “ใครจะเหมือนนายล่ะ......กระจอก” จุนฮยองกล่าวแล้วกระแซะเข้าใกล้อีกครั้ง
     
     
    “อ่า ดงอุนใช่มั้ย ? นายมานั่งนี่มั้ย ? ไม่ต้องยืนให้เมื่อย” เมื่อฮยอนซึงเห็นว่าสู้แรงเบียดของอีกคนไม่ได้จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปเรียกให้ดงอุนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ มานั่งแทนที่ตัวเอง ดูสิว่าจะกล้าแซะเพื่อนตัวเองหรือปล่าว....อันที่จริง ฮยอนซึงก็เป็นเพื่อนนี่นา
     
     
    “อ้าว ฉันล่ะ ไมไม่ชวนฉันวะ” ดูจุนที่เพิ่งนั่งลงบนพื้นเพราะไม่มีเก้าอี้นั่งประท้วงออกมา ซึ่งฮยอนซึงก็หันไปยิ้มให้พอเป็นพิธี......แค่คิดถึงเรื่องที่ดูจุนใช้เขาเป็นตัววอร์มอัพเมื้อกี้ก็มีเหตุผลมากพอแล้วที่จะแกล้งไม่ให้ดูจุนนั่งแบบสบาย ๆ 
     
     
    ดูจุนรีบลุกขึ้นยืนในระดับเดียวกับดงอุนที่เดินมาถึงแล้วทำท่าจะนั่งลง พยายามจะเคลียร์อะไรสักอย่างโดยที่ฮยอนซึงไม่ได้สนใจฟังเพราะเสียงตีลูกเทนนิสเรียกร้องความสนใจของร่างบางได้มากกว่า
     
     
    ผั๊วะ ผั๊วะ …..ผั๊วะ ......ตุ่บ ....ผั๊วะ เสียงตีโต้ไปมาอย่างดุเดือดยังดังต่อเนื่อง ไหนจะเสียงโอ้ อ้า ย๊า อึ่ช ที่หลุดออกมาจากปากทั้งโยซอบและกีกวังอีก นี่ถ้าหลับตาฟังคงแยกไม่ออกระหว่างการเล่นเทนนิสกับการดูหนังติดเรท ฮยอนซึงสังเกตุเห็นได้ลาง ๆ ถึงสีหน้าและแววตาไม่ยอมแพ้ของโยซอบ 
     
     
    โผล๊ะ!
     
     
    “เย้”
     
     
    แล้วก็ลงไปอีกแล้ว เสียงโยซอบตะโกนออกมาด้วยความอัดอั้นเมื่อลูกสีเขียวตกกระแทกบนพื้นสนามฝั่งกีกวัง เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นไหลมารวมกันแล้วหยดไล้แก้มใสที่ขึ้นสีแดงอ่อน ๆ คงเพราะอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นเนื่องจากการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง กีกวังเดินตามการกลิ้งของลูกเทนนิสจนกระทั่งมันหยุดนิ่งนั่นแหละเขาถึงก้มลงหยิบมันขึ้นมา ฮยอนซึงรู้สึกได้ว่าเขาคงขัดใจไม่น้อย ที่ครั้งนี้โยซอบได้แต้มไปอีกครั้ง แต่อย่างไรขู่แข่งเทนนิสของโยซอบก็ยังอุตส่าเหล่ตามามองดูจุนที่กำลังเคลียร์เรื่องที่นั่งอยู่และปรายยิ้มใส่ทันทีเมื่อดูจุนบังเอิญหันไปสบตา
     
     
    คิ้วได้รูปของฮยอนซึงขมวดกันยุ่งด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมกีกวังถึงสนใจมองดูจุนเป็นนักหนา ร่างบางยืนอยู่กอดอกมองเพื่อนตัวโตที่กำลังส่งยิ้มคืนกีกวังไปอย่างพิจารณา หรือจะให้เขาคิดว่าดูจุนกับกีกวังมีซัมธิงกันดี 
     
     
    “นายเป็นอะไร?”
     
     
    ขณะที่ตั้งใจมองดูจุนแต่สายตาเจ้ากรรมก็ยังไม่วายมองเห็นจุนฮยองที่นั่งส่ายหน้าเบา ๆ อยู่ที่ขอบมุมมองหนึ่ง ร่างบางจึงคลายมือที่กอดไว้ออกแล้วถามออกมา....นี่ถ้ายงจุนฮยองจะหลุดเฟรมไปสักนิดก็คงไม่มีใครว่า
     
     
    คำตอบที่ได้มีแต่ใบหน้าอมยิ้มที่ส่ายไปมาเพียงเล็กน้อย แต่สายตานั่นน่ะ มันเป็นประกายวิบวับเกินกว่าจะตอบมาว่าไม่มีอะไร ยิ่งมองฮยอนซึงก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นเมื่อเงยหน้าขึ้นพบดงอุนกระทำเช่นเดียวกับจุนฮยอง เพียงแต่สายตาของอีกคนก้มต่ำลงมองยงจุนฮยองแทน
     
     
    จุนฮยองส่ายหน้าให้เขาและดงอุนก็ส่ายหน้าให้จุนฮยอง....มันต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ ๆ
     
     
    “เฮ้ย!”
     
     
    เหตุการณ์มันคงเกิดขึ้นเร็วเกินไปและฮยอนซึงก็หันไปเห็นเพียงตอนจบ เมื่อยังโยซอบที่เหาะมายังข้างสนามเมื่อไหร่ไม่รู้กำลังเหวี่ยงแขนขึ้นคล้องคอยูนดูจุนแล้วเขย่งเท้าขึ้นจูบทันที และดูเหมือนคนที่ตัวโตกว่าก็ตอบรับการจูบนั้นอย่างคุ้นชินทั้งยังยกมือขึ้นเกาะกุมที่สะโพกของคนตัวเล็กแบบหลวม ๆ
     
     
    “เฮ้ยอะไร”
     
     
    น้ำเสียงติดขำของจุนฮยองดังเข้าโสตประสาทของฮยอนซึง แต่ร่างบางก็ยังไม่อาจละสายตาจากภาพที่เห็นได้ ฮยอนซึงเอียงหน้าซ้ายขวาแต่ทว่าลูกนัยตายังจดจ้องอยู่ที่เดิม แถมจุดโฟกัสก็ยิ่งชัดเข้าไปถึงริมฝีปากที่เบียดกันแทบจะหลอมเป็นปากเดียว มือไม้ยกขึ้นชี้ไปที่คนสองคนที่ตอนนี้รวมร่างกันไปแล้ว ก่อนจะก้มลงถามจุนฮยองที่นั่งมองอยู่เช่นกัน
     
     
    “สรุป ดูจุนกับโยซอบ?”
     
     
    “สรุป?”
     
     
    จุนฮยองไม่เพียงนั่งมองดูราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่เห็นประจำ คนถูกถามยังมีหน้าย้อนถามฮยอนซึงที่กำลังงงตาโตอยู่อีก โยซอบผละออกจากร่างของดูจุนแล้วเดินกลับไปยังสนามแล้ว ฮยอนซึงมองตามเพื่อนที่เดินโปรยยิ้มแห่งชัยชนะให้กีกวังที่ยืนมองมาด้วยสายตาที่วาบไปด้วยความอิจฉาเล็กน้อย ผู้ได้แต้มอย่างโยซอบและขู่แข่งที่เพิ่งเสียแต้มอย่างกีกวังกำลังมองตากันอย่างท้าทาย ในขณะที่ดูจุนลอยไปให้กำลังใจโยซอบที่ข้างสนามโดยไม่สนใจจะนั่งเก้าอี้อีก
     
     
    “สรุปโยซอบกับดูจุนเป็นแฟนกัน?” เอาวะ ถ้าไม่ตอบ ฮยอนซึงก็คงต้องตอบเองแล้วล่ะ
     
     
    “อ้าว นายไม่รู้เหรอ” ดงอุนที่สุดท้ายตอนนี้ก็นั่งลงบนเก้าอี้แล้วถามขึ้น เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า....ใช่จริง ๆ ยังโยซอบจอมขี้แกล้งเป็นแฟนกับยูดูจุนจอมกวนทีน
     
     
    “จางเท็น นายนี่ความรู้สึกช้าว่ะ” จุนฮยองพูดออกมาแบบกลั้วหัวเราะ นี่ยิ่งส่ายหน้าแรงขึ้นกว่าเดิมอีกแหน่ะ
     
     
    ผั๊วะ ผั๊วะ ตุ่บ ผั๊วะ.......ตุ่บ ผั๊วะ เสียงตีเทนนิสดังขึ้นอีกระลอก ฟังดูเกมนี้เป็นเกมที่จริงจังไม่น้อย หรือจะมันเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีกันแน่
     
     
    “ช้าอะไร ? ช้าตรงไหน ?” อะไรที่ว่าช้าและเขาช้าตรงไหน จางฮยอนซึงยังคงเลี้ยงงูไว้หลายคู่ งง งง งง และก็ งง
     
     
    โผล๊ะ!
     
     
    “2-1 กีกวังได้แต้ม....ช้า” จุนฮยองประกาศคะแนนก่อนจะหันกลับมาย้ำต่อหน้าฮยอนซึงอีกครั้งแบบลากยาก
     
     
    “ไม่ช้า” ฮยอนซึงโต้กลับแบบรวดเร็ว
     
     
    “ช้า”
     
     
    ผั๊วะ ตุ่บ......ผั๊วะ......ผั๊วะ อั๊ช!.......ตุ่บ ผั๊วะ อึ่ช เสียงตีโต้ยังคงคลอต่อไปราวกับจะเป็นเพลงประกอบ
     
     
    “ไม่……ช้า” ฮยอนซึงพยายามเอ่ยแต่ละคำแบบชัด ๆ อย่างไม่ยอมแพ้
     
     
    โผล๊ะ!
     
     
    “2 เท่า กีกวังได้แต้ม......ช้า” จุนฮยองยังคงยืนยันคำเดิม
     
     
    “ก็บอกว่าไม่ช้าไงโว้ย” 
     
     
    สุดท้ายเมื่อเอาแต่เถียงว่าช้าหรือไม่ช้าไปก็ไม่ทำให้ฮยอนซึงเข้าใจอะไรมากขึ้น แถมทั้งรำคาญและหงุดหงิดอีก ฮยอนซึงกัดปากด้วยความน้อยใจที่ถูกตราหน้าว่าช้าแล้วตะโกนออกมมาเพื่อให้จุนฮยองสงบปาก เสียงผั๊วะ ๆ ตุ่บ ๆ ดังชัดขึ้นเมื่อจุนฮยองหยุดเถียง เสียงเอี๊ยดอ๊าดจากการเสียดสีของรองเท้ากีฬากับพื้นสนามก็ดังผสมโรงมาด้วย
     
     
    “งั้น พวกเรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว” จุนฮยองถามขึ้น
     
     
    “ก็ 2 ปีกว่า”
     
     
    โผล๊ะ!
     
     
    “3-2 โยซอบได้แต้ม.....นั่นไง 2 ปีกว่า” จุนฮยองพยักหน้าตอบกลับ 
     
     
    “แล้วไง” ฮยอนซึงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ร่างบางไม่ได้สนใจการแข่งขันนั้นอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เขาสนใจอย่างเดียวคือคำตอบที่ว่าเขาพลาดเรื่องอะไรไป ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าทำไปดงอุนที่นั่งฟังอยู่ใกล้ถึงได้ค่อย ๆ ลุกเดินออกไป
     
     
    ผั๊วะ.....โผล๊ะ!
     
     
    “ก็สองปีกว่า นายยังไม่รู้เลยนี่” จุนฮยองพยายามขยายความต่อ ซึ่งร่างบางพยายามจะคิดตามการอธิบายของอีกคนที่ตอนนี้แบ่งภาคไปเป็นผู้ประกาศคะแนนต่อ “4-2 โยซอบได้แต้มอีกแล้ว รอบนี้ลงเร็วเว้ยเฮ้ย” จุนฮยองปรบมือให้กำลังใจโยซอบไปพร้อม ๆ กัน
     
     
    “รู้อะไร?” ฮยอนซึงพึมพำกับตัวเอง เมื่อนึกย้อนไปมาสักครู่ สีหน้าเหมือนคนบรรลุขั้นสูงก็เผยขึ้นมา“เฮ้ย อย่าบอกนะว่าโยซอบกับดูจุนคบกันมาสองปีกว่าแล้วน่ะ” ร่างบางหันไปมองโยซอบที่วิ่งโยกไปซ้ายขวาอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อที่จะรับลูกให้ได้ การโต้กลับไปของโยซอบก็ทำให้กีกวังต้องก้าวขาวิ่งได้ไม่แพ้กัน ฮยอนซึงพินิจภาพโยซอบดีใจยามทำคะแนนได้อีกเป็น 4-2 แล้วหวนกลับมาคิดว่ามันเหลือเชื่อมากไปหน่อยที่เพื่อนสนิทของเขาคนนี้คบกับดูจุนมานานขนาดนั้นโดยที่เขาไม่รู้เรื่องได้ยังไง
     
     
     
    ที่ยอมกันไม่ได้นี่ไม่ใช่ว่ากำลังหึงดูจุนอยู่หรอกนะ
     
     
     
    “เปล่า สองคนนั้นเพิ่งคบกันได้สามเดือน” แต่เพราะการเดาสุ่มทำให้คำตอบที่เพิ่งบรรลุมาถูกปัดปฎิเสธโดยคนที่รู้จริงอย่างจุนฮยอง
     
     
    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสองปีกว่าครับไอ้คุณจุนฮยอง” ฮยอนซึงถามกลับอย่างแสนสุภาพพร้อมพยายามหลับตาเพื่อข่มอารมณ์ที่ขุ่นขึ้นเพราะถูกอีกคนกวน จุนฮยองลุกขึ้นยืน กระแอมไอหนึ่งครั้ง ก่อนจะพ่นคำอธิบายเพิ่มเติมมาอีกประโยค
     
     
    “ก็สองปีกว่าที่นายไม่รู้ความรู้สึกของฉันไง”
     
     
    “……” ประโยคที่ทำให้ฮยอนซึงหุบปากเงียบกระพริบตาปริบ ๆ
     
     
    โผล๊ะ!
     
     
    “5-4 โยซอบชนะ!” จุนฮยองหันไปประกาศคะแนนตามหน้าที่ราวกับไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้น จางฮยอนซึงใช้เวลาประมวลผลอยู่ชั่วครู่แล้วก็
     
     
    “เห๊! ยงจุนฮยอง นายชอบฉันเหรอ!”



     
    


    TALK

    ถึงมันจะเป็นฟิคใส แต่กระนั้นก็ยังมีฉากจูบ ฮ่าฮ่า
    ไม่คิดจริง ๆ ว่าเรื่องนี่จะแต่งต่อเป็นยกสองได้ *แต่ก็ทำไปแล้ว*
    แล้วยังไงล่ะทีนี้.....จบยกนี้แบบต้องมีต่ออย่างช่วยไม่ได้ กรรมละ!


     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×