คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 1 :: Science Tutor !
CHAPTER 1
Science Tutor !
AMPERE’s
พั่บ..
มัธยมศึกษาปีที่ 4
คณิตศาสตร์ – เกรดเฉลี่ย 3.5
อังกฤษ – เกรดเฉลี่ย 4.0
....
วิทยาศาสตร์ – เกรดเฉลี่ย 2.5
พั่บ!
มัธยมศึกษาปีที่ 4
คณิตศาสตร์ – เกรดเฉลี่ย 4.0
อังกฤษ – เกรดเฉลี่ย 4.0
....
วิทยาศาสตร์ – เกรดเฉลี่ย 2.0
พั่บ!
มัธยมศึกษาปีที่ 5
คณิตศาสตร์ – เกรดเฉลี่ย 4.0
อังกฤษ – เกรดเฉลี่ย 4.0
....
วิทยาศาสตร์ – เกรดเฉลี่ย 1.0 !?!?
ฟึ่บ!
เสียงกระดาษแผ่นสุดท้ายถูกพับปิดลงมา เปรียบเสมือนเสียงกิโยตินที่กำลังจะร่วงมาบั่นคอผม ให้ตาย คิดแล้วก็แอบเอามือมาลูบหลังคอเบาๆ เสียวชะมัด!
ผมก้มหน้าพับเพียบเรียบร้อยเก็บมือมิดชิดแบบผู้ดีมีมารยาทควรทำ ตอนนี้ผมนั่งอยู่ต่อหน้าคุณหญิงลัลน์ลลิต แห่งตระกูลอธิพัฒน์เดชากร ..หญิงสาวอายุ 40 ปลายๆ แต่หน้านี่ยัง 30 อยู่ ชื่อ ลัลน์ลลิต ที่คุณยายของผมเป็นคนตั้งให้ท่านก็แปลว่า ‘สาวสวย’ ต้องบอกว่าคุณยายมีเซ้นส์ตั้งชื่อที่ดีทีเดียว เพราะเจ้าของชื่อก็สวยตามชื่อนั้นแหละครับ
ซึ่งปัจจุบัน คุณหญิงแม่ที่เคารพรักของผมกำลังเปิดใบเกรดตลอดชั่วชีวิตของผมอยู่..
“น้องแอมป์คะ.. นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เสียงหวานถามขึ้นยิ้มๆ แต่คนฟังอย่างผมกลับรู้สึกว่ามันช่างเหมือนยาพิษเสียนี่กระไร.. - -;;
“เอ๊อะ!.. ก็.. มัน..”
ผมตอบไปแบบตะกุกตะกัก แบบจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอธิบายยังไงดี.. มันเหมือนผมกำลังถูกมือสไนเปอร์จากที่ไหนสักแห่งภายในคฤหาสน์หลังนี้ส่องหัวของผมอยู่ ผมคิดว่าชีวิตของผมขึ้นอยู่กับการตอบคำถามครั้งนี้..
“ว่าไงคะน้องแอมป์.. - -++”
คุณหญิงแม่ส่งสายตาพิฆาตมา ทำให้ผมที่ทำท่าอึกอักๆ อยู่แล้ว กลายเป็นว่าตอนนี้เหงื่อท่วมหลังกันเลยทีเดียว..
ก็ไม่รู้จะตอบยังไงนี่หว่า ผมก็ตั้งใจเรียนนะ ทุกวิชาผมก็ได้เกรดดีๆ ทั้งนั้นเลย ทำไมมันต้องมีวิชาบ้าๆ นั้นมาทำให้ชีวิตสุดเพอร์เฟคของผมให้ด่างพร้อยด้วย.. เกลียดวิชาบ้านี่ชะมัดเลยให้ตายเด้!!
“คุณหญิงแม่ครับ แอมแปร์ก็ตั้งใจเรียนนะครับ! ตั้งใจสุดๆ เลย เพียงแต่ว่า..”
ผมลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟาตัวหรูข้างๆคุณหญิงแม่ พร้อมกับจับมือแล้วเอาหัวไปคลอเคลียตรงไหล่ของท่านเบาๆ
“เพียงแต่อะไรคะน้องแอมป์? - -” คุณหญิงแม่ถามกลับมาเสียงเรียบนิ่งเหมือนเดิมเด๊ะ.. อะไรฟร่ะ? ปกติทำแบบนี้ก็ก็จะอารมณ์จะเย็นลงนี่หว่า.. อาจเพราะผมโดนสองคดีแน่เลย เพราะล่าสุด ผมเพิ่งเอารถเบนซ์ไปสีข้างถลอก ไฟหน้าแตกมาอ่ะดิ ดันขับไปชนกับพอร์ช ซวยชะมัดเล้ย!! T^T
“พะ.. เพียงแต่แอมแปร์ไม่ค่อยเข้าใจน่ะครับ.. (. .;;)”
ผมทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมตอบไปตามตรง ก็ผมตั้งใจเรียนแล้วนี่หว่า แต่มัน.. ไม่เข้าใจโว๊ยยย! แถมไอ้วิชานี่ก็ไม่เห็นจะได้เอาไปใช้ในชีวิตประจำวันตรงไหนเลย ชิส์! ใครมันจะบ้าไปนั่งคิดนั่งคำนวณว่าถ้าเราจะต้องไปย้ายตู้หนังสือ ต้องใช้แรงกี่นิวตันตู้ถึงจะขยับไปนั่นนี่ หรือว่าการต้มมาม่า 1 ซองต้องใช้เวลาและน้ำกี่องศาเซลเซียส แม่งบ้าไปแล้วโว๊ย! - -*
“นั่นไง! น้องแอมป์ก็บอกคุณหญิงแม่แบบนี้ทุกปีที่เกรดตกนะคะ”
“…” ผมได้แต่เงียบครับ เพราะมันเป็นเรื่องจริง ที่ผมบอกแบบนี้ทุกครั้ง..
ก็มันไม่เข้าใจทุกครั้งนี่เว้ย อ่านหนังสือจนตาจะถลนไปสอบ แต่คะแนนก็ยังกากเหมือนเดิม ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน!?! เขาบอกกันว่าอ่านหนังสือทบทวนบทเรียน ตั้งใจเรียน จะทำให้ผลการเรียนดี! แต่ทำไมกูทำทุกอย่าง แต่แม่งก็กากเหมือนเดิม! แถมบางทียังกากขึ้นด้วยซ้ำ!!
..โลกนี้มันไม่มีความยุติธรรม.. ขอนั่งร่ำไห้แปป TT
“คุณหญิงแม่บอกน้องแอมแล้วไงคะ ว่าให้ไปเรียนพิเศษ - -+”
“คุณหญิงแม่คร๊าบบบ~ แอมแปร์จะตั้งใจเรียนให้มากกว่าเดิม ไม่ต้องไปจ้างครูพิเศษมาหรอกครับ เปลืองเงิน! นะครับ นะ!”
ผมยิ้มหวานไปให้คุณหญิงแม่แถมพูดออเซาะด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย~ แล้วกอดเอวคุณหญิงแม่แน่นๆ ด้วยความรัก
โธ่! ใครมันจะไปจ้างไอ้พวกที่มีความรู้น้อยกว่าผมมาสอนมาตัวเองล่ะ มันก็เหมือนกับการนั่งอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนโดยที่มีคนมานั่งคุมเพิ่มแค่นั้นเอง ต้องไปเสียตังค์ทีล่ะ 5000 ให้พวกมันอีก มีแต่พวกโง่เท่านั้นแหละ ที่เวลาเรียนไม่สนใจ แล้วต้องไปนั่งติวให้เสียเงินเสียเวลาอีก แค่ค่าเทอมที่ไปเรียนปกติก็แพงหูฉีจะตายแล้ว ยิ่งโรงเรียนเอกชนยิ่งขูดเลือดขูดเนื้อตายชัก!
บ้านผมก็ไม่ได้จนหรอกครับ แต่กูงกเว้ย!!
และประเด็นหลักเลย ใครมันจะไปยอมเสียแทททูคัลเลอร์ (tattoo colour = สักสี = ศักดิ์ศรี) ไปยอมพึ่งพาไอ้พวกติวเตอร์บ้าบอนั่นกันล่ะ ของแบบนี้ขอแค่ตั้งใจเรียนก็ได้เกรดดีแล้วเว้ย!
“น้องแอมป์ค่ะ คุณหญิงแม่ยอมน้องแอมป์มามากพอแล้วนะคะ! ยังไงคุณหญิงแม่จะจ้าง ติว-เตอร์ แน่ๆ! ^^”
คุณหญิงลัลน์ลลิต แห่งตระกูลอธิพัฒน์เดชากร พูดด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อยปานน้ำผึ้งแบบที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ แถมมาพร้อมร้อยยิ้มเย็นแสนเชือดเฉือนเป็นของอันลิมิเต็ดที่หาไม่ได้อีกแล้วชั่วชีวิตนี้มาให้ TT
....
....
....
....
....
....
“เป็นแบบนี้แหละว่ะ - -”
ตอนนี้ผมอยู่โรงเรียนเจนเทิลครับ โรงเรียนไฮโซสุดหรูเว่อร์ๆ ค่าเทอมแพงมหาศาลขนาดที่ว่าซื้อทองคำแท่งได้ 3 อันเลยทีเดียว (นี่ก็เว่อร์ไปนะชีวิต)
ผมกำลังนั่งอยู่ซุ้มภายในโรงเรียนเพื่อรอขึ้นเรียนกับเพื่อนสนิท ‘เบรซ’ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียว เรารู้จักกันตั้งแต่มัธยมต้นครับ เพราะโรงเรียนเจนเทิลเป็นโรงเรียนที่ใช้ระบบเรียนยาวต่อมัธยมปลายและมหาลัยได้ทันทีโดยไม่ต้องสอบหรืออะไรทั้งสิ้น
“มึงก็ทำใจเถอะว่ะ ถ้าคุณป้าเขาให้มึงเรียนมึงจะไปขัดอะไรได้วะ”
เบรซตอบผมกลับมาหลังจากที่ผมเหล่าเรื่องที่บ้านให้มันฟัง จะเรื่องอะไรล่ะครับ เรื่องที่คุณหญิงแม่จะให้ผมไปเรียนกับพวกติวเตอร์เนิร์สๆ กากๆ อ่ะดิ่!
“โธ่.. ก็กูไม่อยากจะเรียนกับพวกที่มีความรู้น้อยกว่าตัวเอง แถมต้องเสียตังค์ไปจ้างมันมานั่งเอ๋อๆ อีก”
“…” เบรซนั่งเงียบฟังผมบ่นคนเดียว ส่วนมือกับตาของมันก็ไม่ว่างเปล่า นั่งลอกงานผมยิกๆ นี่มึงเป็นเด็กทุนเพราะมึงขยันจริง รึได้เป็นเด็กทุนเพราะฟลุ๊ควะ - -
“..นี่ มึงจะทำงานไปเรียนไปอีกนานแค่ไหนวะ กูบอกให้ยืมเงินที่บ้านกูส่งน้องส่งตัวมึงเรียนไปก่อน แล้วเรียนจบค่อยมาทำงานที่บ้านกูคืนก็ได้” จริงๆ มีพี่คนโตของมันอีกคน แต่ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อครับ เพราะไม่ถูกชะตา เซ้นส์กูแรงเว้ย มองปร๊าดดดดด ไม่ถูกชะตา! ไม่คบ! วิถีการเลือกคบคนของผมครับ
“…” มันนั่งเงียบเหมือนเดิม ให้ตายดิ่ ก็เข้าใจว่าไม่อยากรบกวนกัน แต่ร่างกายมึงจะแย่เอานะเว้ย..
..เงียบกริบ เราสองคนต่างนั่งเงียบกันไปสักพัก เบรซก็นั่งลองงานของผมไปเงียบๆ
ส่วนผมน่ะเหรอ คิดว่าทำไงให้คุณหญิงแม่คนสวยของผมยกเลิกเรื่องติวเตอร์บ้าไร้สาระที่สุดแสนจะเปลืองเงินในบัญชีไปเปล่าๆ นั่นสักที
อืม.. บุกสำนักงานไปยกเลิก? แบบนั้นได้โดนคุณหญิงแม่สวดยับแน่ๆ เลยให้ตายดิ่ โทษฐานไปหักหน้าท่าน
หรือจะไปบีบน้ำตาใส่คุณหญิงแม่? อันนี้ยิ่งไม่ได้ใหญ่ เพราะเพิ่งทำไปเมื่อปีที่แล้ว โดนจับได้ชัวร์ๆ 100% แบบไม่ต้องคิดเลย
หนีออกจากบ้าน? เฮ้ยๆ อย่าลืมนะไอ้แอมแปร์ มึงยังไม่มีเงินเดือนนะเว้ย อีกอย่าง กับอีกแค่ยอมให้พวกติวเตอร์บ้าๆ นั่นมาฝอยใส่ถึงกับยอมออกไปลำบากเชียว บ้าไปแล้ว
งั้น..
ปึง!!
“เฮ้ย!! ตบโต๊ะทำไมเนี่ย!?! ตกใจเว้ย!”
จนไอ้เบรซที่กำลังใช้สมาธิในการแปลงตัวเองเป็นเครื่องถ่ายเอกสารสะดุ้งปัดต้นฉบับร่วงโต๊ะกันเลยทีเดียว.. บางทีกูก็คิดว่ามึงตกใจเว่อร์ไปนะเพื่อน
“โทษทีๆ แต่ว่านะ คิดออกแล้วเว้ยย!”
ผมค่อยๆ นั่งลงเหมือนเดิม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นบวกกระตือรือร้นล้นอย่างเต็มที่ ส่วนในหัวก็มโนภาพยิ้มหวานให้กับความคิดของตัวเองอันชาญฉลาด
“คิดอะไรออกวะ?” เบรซเงยหน้าออกจากกองเอกสารตรงหน้าขึ้นมาถามผมทันที
“วิธีไล่ติวเตอร์พวกนั้นไง.. กูคิดๆ ดูแล้วนะ กูหมดมุขจะอำหญิงแม่แล้วว่ะ เลยคิดว่าถ้าหญิงแม่ไม่ยอม งั้นกูก็ไล่ติวเตอร์แทนแม่ง!!”
ผมตอบคำถามเสียงดังฟังชัด ฟังน้ำเสียงจับอารมณ์ได้แบบภูมิใจเต็มที่ และแสยะยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง มันส์แน่งานนี้ หึหึ
“แล้วมึงจะไล่วิธีไหนวะ?” เบรซขมวดคิ้วด้วยความส่งสัย แถมยังยิ้มแหยๆ เหมือนกำลังดูถูกว่ามึงจะทำได้เหรอวะ? มาให้
ไอ้สัส ดูถูกน้องณเดชน์(?)คนนี้เกินไปแล้วนะครับแหม่..
“มีวิธีของกูละกัน...J”
“คุณหนูกลับมาแล้วเหรอคะ...ตายแล้ว! ถือขอหนักแบบนี้ได้ยังไงกันคะ!?! เอามานี่เลย เอามาให้ป้าแก้วเดี๋ยวนี้เลยนะคะ! เดี๋ยวมือกร้านหมดจะทำยังไงคะ!?! แล้วอีกอย่าง...ป้าแก้วเคยบอกแล้วใช่มั้ยคะ ว่าถ้าจะไปซื้อของข้างนอกแบบนี้ให้เรียกเจ้าโก้ให้ไปรับไงคะ แบกมาเองให้ลำบากทำไมคะเนี่ย”
หัวหน้าคนรับใช้อายุ 40 ปลายๆ ที่ผมนับถือเป็นญาติผู้ใหญ่คนนึ่ง ท่านเอ็ดผมชุดใหญ่ทันทีที่เดินเข้าบ้านหลังใหญ่ ในสภาพที่มือหอบถุง 4-5 ใบพะรุงพะรัง
ป้าแก้วเดินเข้ามาหาผม ทำท่าเหมือนจะมาถือของพวกนี้ให้ ผมขยับถุงในมือมาหนีมือท่านที่เอื้อมมาเพื่อช่วยถือของพวกนี้
เรื่องอะไรล่ะ ถ้าป้าแก้วเห็นต้องถามแน่ๆ ว่าซื้อของพวกนี้มาทำไม ไม่ก็ต้องนึกว่าผมเป็นเกย์แน่ๆ ! นี่มันเป็นความลับทางราชการ จะให้ความแตกก่อนวันปฏิบัติการไม่ได้เด็ดขาด!!
“ป้าแก้วคร๊าบ! มันไม่ได้หนักอะไรเลยนะ ผมถือได้! อีกอย่างผมเป็นผู้ชายนะครับ ป้าแก้วอย่าทำเหมือนผมเป็นผู้หญิงอ่อนแอได้มั้ย..”
ผมเบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ป้าแก้วทำเหมือนผมเป็นผู้หญิง ก็ผมไม่ชอบนี่นา ผมรู้ว่าท่านหวังดีกับผม เพราะตอนเด็กๆ ผมค่อนข้างร่างกายอ่อนแอ ทำให้ท่านต้องประคบประหงมดูแลผมเป็นพิเศษ แต่ว่านะ ตอนนี้ผมไม่ได้อ่อนแอแบบนั้นแล้วสักหน่อย -^-!!
“แต่ว่าคุณหนูคะ..”
“ป้าแก้วคร๊าบ วันนี้ผมหิวแกงมัสมั่นไก่สูตรเด็ดของป้าแก้วจังเลย~”
ผมพูดขัดป้าแก้วก่อนที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาอ้อนให้ท่านทำของโปรดของผมเป็นข้าวเย็นวันนี้แทน
“โธ่.. ก็ได้คะ..”
“เจ๋ง! งั้นผมไปนอนรอบนห้องนะ วันนี้แอมแปร์ไปธุระกับเบรซมาเหนื๊อยเหนื่อย!”
ว่าจบ ผมหอมแก้มป้าแก้วไปฟอดนึ่งก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไปเก็บอุปกรณ์ลับในถุงบนห้องแบบมิดชิด ขนาดที่ว่า FBI ยังตรวจสอบไม่พบแม้แต่เศษฝุ่น!!!
เหยดด! หล่อว่ะ ฮ่าๆๆๆ แลเหมือนกูเป็น เจมส์ บอนด์ กร๊ากกกก
ผมขึ้นไปสร้างช่องลับเก็บอุปกรณ์ไม่นานก็เป็นช่วงเวลาผีตากผ้าอ้อมครับ ตกเย็นนั่นเอง!! ผมก็ลงไปกินแกงมัสมั่นไก่ของโปรดของผมตามที่ได้รีเควสป้าแก้วไป พอกินเสร็จก็แวะนั่งคุยชิวๆกับคุณป๊าและก็คุณหญิงแม่นิดหน่อย
โดยที่คุณหญิงแม่ก็ไม่ลืมตอกย้ำให้ผมได้รับรู้ถึงชะตาชีวิตที่สั้นลงกว่าเดิม ว่าวันพรุ่งนี้ต้องมีติวเตอร์หน้าเอ๋อๆ มาที่บ้านแน่ๆ - -
ด้วยความปวดใจอันแสนจะเปราะบางดั่งแก้วล้ำค่าของผม เลยวิ่งแจ้นรีบขึ้นห้องมาร้องห่มร้องไห้ทันที ฮึก.. เสียใจจุงเบรย T//T
นั่งเพ้อเจ้อในใจไปสักพักก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เช็คดูของที่ไปซื้อมาเลย ‘อุปกรณ์เชือดติวเตอร์’ เรียกแบบนี้ก็คงจะไม่ผิดล่ะมั้ง? ถึงจะเป็นวิธีเชือดที่โคตรปัญญาอ่อนก็เหอะ(?)
ซึ่งการที่แผนการครั้งนี้จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีนั้น จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญในด้านอาร์ตติสผู้โด่งดังอย่าง อาจารย์เบรซ! นั่นเอง!!!
เกริ่นใหญ่โตชิบหายเลยกู คิดแล้วก็โทรไปนัดแนะเวลากับเพื่อนรักดีกว่า
[ตรู๊ด.. ตรู๊ด..] เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังอยู่ไม่นานปลายสายก็ทักขึ้น
[ เหว๋? ]
“…” ผมนั่งสตั๊นแดกกับภาษาอะไรสักอย่างที่ถูกพ่นมาจากปลายสาย.. ภาษาเหี้ยไรของแม่ง - -
[ ตอบ!! ] มันตะคอกกลับมาอารมณ์เหมือนเจ้าพ่อร่างทรงกำลังสอบปากคำคนผีเข้าประมาณนั้น
“ตอบ? ตอบเหี้ยไรของมึง!! ภาษาโคตรพ่อมึงเหรอ กูไม่ได้อยู่ดาวอังคารกับแม่มึงนะสัส!” ผมก็เลยสวดบวกตะคอกกลับไปแม่ง
[ ภาษาเกาหลีไง! ฟายฟ็อกซ์!! ] ปลายสายตอบผมกลับมาด้วยเสียงที่โคตรจะ ดัดจริต.. ให้นึกถึงเสียงเด็กแว้นตอนที่มันพูดว่า ฟายฟ็อกซ์วววววว!
มึงจะอินดี้เกินไปแล้วไอ้สัส - -
“ควย เออ กูไม่เถียงกับมึงแล้วไอ้เหี้ยเบรซ” ตอนนี้ผมกำลังเบ้ปากให้โทรศัพท์อยู่ ก่อนจะด่าไอ้เบรซเอือมๆ ส่วนมือก็เอื้อมไปกดปุ่ม ‘จบการสนทนา’ แต่ว่าก่อนที่จะได้แตะมัน..
ปลายสายมันก็แหกปากมาครับ
[ มึงห้ามตัดสายกูเด็ดขาด! เพราะกูไม่มีตังค์โทรกลับ ] มือที่จะกดชะงักกึกทันทีที่ปลายสายพูดกลับมา ..รู้ดีสัส แถมรู้ดีอย่างเดียวไม่ใช่ไอ้เบรซ ต้องงกด้วย ผมรู้ มันไม่ได้ไม่มีตังค์หรอก แต่มันไม่คิดจะโทรมาเองมากกว่า - -*
“มึงรู้ได้ไงวะว่ากูจะตัดสายมึง” ผมถามด้วยความอยากรู้
แม่งมึงมีสัมผัสที่หกเหรอวะเบรซ? หรือมึงให้กุมารที่เลี้ยงไว้มาตามดูการกระทำกู ฮึ้ย! หลอน!!
[ เก่งอ่ะ! แล้วสรุปมีไร เข้าเรื่องสักทีแม่ง ] เก่งตายเลยครับไอ้เควี่ย.. มันตอบผมกลับมาด้วยเสียงเด็กแว้นอีกแล้ว
มึงเป็นเหี้ยไรกับแว้นมากป่ะสาสสสส เดี๋ยวเจอไฝว้ๆ !! (กำๆ นอกเรื่องครับ - -‘’)
“เออ มึงแหละพากูนอกเรื่อง.. กูจะโทรมาคอนเฟิร์มเรื่องนั้น” เมื่อปล่อยให้ยืดเยื้อมามากกว่า 2 หน้ากระดาษ ก็ควรถึงเวลาที่จะกลับเข้าสู่บทสนทนาเนื้อเรื่องหลักเสียที.. เสือกมารับสาย เหว๋ แหว๋ ให้ตายเถอะโรบิ้นขายกล้วยปิ้งที่สีลม! กูไม่เข้าใจ!!
[ เออได้ กูว่าง อย่าลืมเอาบันไดวางให้กูตรงระเบียงห้องมึงด้วยแล้วกัน ]
“เออ ไปฝึกมาให้เนียนด้วย”
ว่าจบ ผมก็โยนไอโฟนห้าเอสสีขาวไปข้างๆ ก่อนจะนอนจินตนาการหน้าติวเตอร์ที่จะมาพรุ่งนี้..
อืม.. ถ้าดวงซวยสุดๆ ก็อาจได้ติวเตอร์ที่ใส่แว่นหน้าเตอะ หวีผมเรียบตึงเปรี๊ยะ! ใส่เสื้อทรงบุญชู แบบติดกระดุมยันคอไรงี้ - -...
หรือไม่.. ก็พวกเกย์.. เพื่อนผมห่างๆ มันชอบมาคุยให้ฟังว่าพวกเรียนเก่งๆ หมกมุ่นเรื่องเรียนมากๆ มักเป็นเกย์ แล้วติวเตอร์ก็จะเป็นส่วนมาก !!
โถ่.. แบบนี้ไม่เอานะพระผู้เป็นเจ้า! แอมแปร์ยังไม่อยากเป็นมังสวิรัติ! แอมแปร์ยังไม่เคยกินเนื้อนมไข่เลย!!!!
END CHAPTER 1
TO BE CONTINUED
Mr. question | THANK for views.
Music by วอน - ลูกพีช VS บีน,พิน THE VOICE.
*หมายเหตุ เพลงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหานะครับ
เเค่ไรท์ชอบเลยเอามาลง กร๊ากก
ความคิดเห็น