ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : First.....
เมื่อเจอในสิ่งที่ชอบแล้วผมก็ต้องได้ครับ
ไม่ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนยังไงมันก็ต้องเป็นของผม..
"นี่ ไทน์ขออมยิ้มมั้งดิ.."
เด็กตัวเล็กยืนมองเด็กอีกคนที่เป็นน้องชายแท้ ๆ ของตัวเองอย่างใจจดใจจ่อ
เขาเองก็อยากกินอมยิ้มเหมือนกันนะ
เด็กตัวเล็กยืนมองเด็กอีกคนที่เป็นน้องชายแท้ ๆ ของตัวเองอย่างใจจดใจจ่อ
เขาเองก็อยากกินอมยิ้มเหมือนกันนะ
"ไม่ให้หรอก แบร่"
เด็กที่ตัวเล็กกว่าเพียงเล็กน้อยแลบลิ้นให้ก่อนจะเดินหนีไปอย่างไม่ใยดี
เด็กที่ตัวเล็กกว่าเพียงเล็กน้อยแลบลิ้นให้ก่อนจะเดินหนีไปอย่างไม่ใยดี
"อ่ะ..เอานี้ไป"
มีเสียงมาจากด้านหลังพร้อมอมยิ้มสีหวานอีกหนึ่งแท่ง
ไม่แปลกใจเลยเวลาเขาโดนขัดใจจากน้องที่ไรก็จะมีพี่คนนี้
นี่ล่ะค่อยเข้ามาช่วยเหลือเขาเสมอทำให้เขารักพี่มากกว่าน้องตัวเองเสียอีก
มีเสียงมาจากด้านหลังพร้อมอมยิ้มสีหวานอีกหนึ่งแท่ง
ไม่แปลกใจเลยเวลาเขาโดนขัดใจจากน้องที่ไรก็จะมีพี่คนนี้
นี่ล่ะค่อยเข้ามาช่วยเหลือเขาเสมอทำให้เขารักพี่มากกว่าน้องตัวเองเสียอีก
"ขอบคุณนะฮะ พี่เยียร์"
หอมแก้มอีกคนก่อนจะรับอมยิ้มมาแกะแล้วเอาเข้าปาก ก่อนยกยิ้มอย่างดีใจ
หอมแก้มอีกคนก่อนจะรับอมยิ้มมาแกะแล้วเอาเข้าปาก ก่อนยกยิ้มอย่างดีใจ
_______________________________________________
"คะ..คริส ไอ้เชี้ยคริส"
"ห้ะ..อะไรของมึงเนี้ยเสียงดังโวยวายอยู่ได้"
คริสหลุดออกจากห้วงความคิดเพราะมีเสียไอ้เพื่อนตัวดีที่แหกปากโวยวายเสียงดัง
ทำให้เขาหัวเสียมากจนอยากจะต่อยปากไอ้คนข้างหน้าเสียเหลือเกิน
คริสหลุดออกจากห้วงความคิดเพราะมีเสียไอ้เพื่อนตัวดีที่แหกปากโวยวายเสียงดัง
ทำให้เขาหัวเสียมากจนอยากจะต่อยปากไอ้คนข้างหน้าเสียเหลือเกิน
"มึงนี่นะ ไม่เคยจะตั้งใจฟังกูเลย"
ดูมันพูดด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ แหม..
ดูมันพูดด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ แหม..
"มึงกรอกใบสมัครสอบยังว่ะ จะได้เอาไปส่งกันซักที แม่งเขาจะปิดรับสมัครแล้วมั้งสัส"
เออเกือบลืมไปแล้วไหมล่ะ ผมตั้งใจจะสอบเข้าคณะนิเทศครับ
ด้วยความที่ผมคิดว่าเหมาะกะผมดี แล้วอีกอย่างผมอยากทำอะไรก็ไม่ได้ทำอะไรให้ใคร
เดือดร้อนนิน่า แต่สุดท้ายผมก็คิดผิดครับ ก็พี่เยียร์น่ะสิครับ คัดค้านใหญ่เลย
บอกว่าเรียนแล้วจบมาทำอะไร เรียนแล้วคิดว่ามันดีไหม เฮ้อ ป๊าก็อีกคน
ท่านไม่อยากให้ผมเรียนหรอกครับ เรียนไปก็มาช่วยกิจการของป๊าไม่ได้อยู่ดี
เพราะครอบครัวผมประกอบธุรกิจเกี่ยวกับห้างสรรพสินค้า และ พวกแบรนด์เสื้อเล็ก ๆ น้อย ๆ
ก็แค่ป๊าจ้างคนมาทำงานก็จบแล้วครับ ผมไม่เห็นต้องไปช่วยงานป๊าเลย
เออเกือบลืมไปแล้วไหมล่ะ ผมตั้งใจจะสอบเข้าคณะนิเทศครับ
ด้วยความที่ผมคิดว่าเหมาะกะผมดี แล้วอีกอย่างผมอยากทำอะไรก็ไม่ได้ทำอะไรให้ใคร
เดือดร้อนนิน่า แต่สุดท้ายผมก็คิดผิดครับ ก็พี่เยียร์น่ะสิครับ คัดค้านใหญ่เลย
บอกว่าเรียนแล้วจบมาทำอะไร เรียนแล้วคิดว่ามันดีไหม เฮ้อ ป๊าก็อีกคน
ท่านไม่อยากให้ผมเรียนหรอกครับ เรียนไปก็มาช่วยกิจการของป๊าไม่ได้อยู่ดี
เพราะครอบครัวผมประกอบธุรกิจเกี่ยวกับห้างสรรพสินค้า และ พวกแบรนด์เสื้อเล็ก ๆ น้อย ๆ
ก็แค่ป๊าจ้างคนมาทำงานก็จบแล้วครับ ผมไม่เห็นต้องไปช่วยงานป๊าเลย
"เออ..กรอกแล้วอยู่ในกระเป๋า เย็นนี้ว่าจะเอาไปส่งอยู่ จะไปกับกูไหม"
"ไปดิว่ะ กูก็ว่าจะชวนมึงอยู่เนี้ยเลิกเรียนแล้วมึงจะไปเลยไหมล่ะ"
"เออ"
ผมตอบมันแค่นั้นล่ะครับ ขี้เกียจพูดมากมันก็คงรู้ล่ะว่าผมไม่ค่อยอยากคุยเท่าไหร่
ตัวผมก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ บางครั้งก็ไม่อยากจะพูดอะไรกับใครเลย อยากอยู่คนเดียวบ้าง
ในบางครั้ง มันเลยทำให้ผมดับสวิตท์ตัวเองบ่อย ๆ สงสัยไอ้พลัสจะชินแล้วล่ะครับ
เห็นมันหันไปจดจ่อกับหนังสืออะไรสักอย่าง ผมเลิกสนใจมันล่ะเพราะยังมีอะไร
อีกเยอะที่ผมต้องสนใจมากกว่ามัน..
ผมตอบมันแค่นั้นล่ะครับ ขี้เกียจพูดมากมันก็คงรู้ล่ะว่าผมไม่ค่อยอยากคุยเท่าไหร่
ตัวผมก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ บางครั้งก็ไม่อยากจะพูดอะไรกับใครเลย อยากอยู่คนเดียวบ้าง
ในบางครั้ง มันเลยทำให้ผมดับสวิตท์ตัวเองบ่อย ๆ สงสัยไอ้พลัสจะชินแล้วล่ะครับ
เห็นมันหันไปจดจ่อกับหนังสืออะไรสักอย่าง ผมเลิกสนใจมันล่ะเพราะยังมีอะไร
อีกเยอะที่ผมต้องสนใจมากกว่ามัน..
______________________________________________
“...ตึกคณะนิเทศอยู่ไหนวะเนี่ย”
วันนี้เป็นวันส่งใบสมัครวันสุดท้ายครับ ทั้งๆ ที่มันเป็นวันสำคัญแท้ๆ
ยังเจือกเสร่อหลงทางซะอีกแหน่ะ แม่งเอ๊ย ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้วะไอ้คริส
ไอ้พลัสก็โทรหาไม่ติด ไอ้เจ้านั่นส่งใบสมัครล่วงหน้าไปก่อนแล้วไม่บอกผมครับ
สรุปมันหนีผมมาส่งก่อน วันนั้นผมก็ไม่ได้ไปส่งใบสมัครเพราะพี่เยียร์ลากผมไปช๊อปปิ้งน่ะสิครับ แหม..เรื่องนี้ผมไม่ค่อยพลาดซะด้วย แต่แล้วสรุปผมเลยต้องมายืนเอ๋ออยู่ที่มหาลัยนี้คนเดียว...
ผมเดินไปเรื่อยๆ หันซ้ายหันขวาอยู่นาน แต่ก็ไม่เห็นป้ายที่จะบอกทางได้เลยว่า
ตึกคณะนิเทศอยู่ไหน ...ตาย ตายแน่ ๆ คงส่งใบสมัครไม่ทันแน่
ยังเจือกเสร่อหลงทางซะอีกแหน่ะ แม่งเอ๊ย ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้วะไอ้คริส
ไอ้พลัสก็โทรหาไม่ติด ไอ้เจ้านั่นส่งใบสมัครล่วงหน้าไปก่อนแล้วไม่บอกผมครับ
สรุปมันหนีผมมาส่งก่อน วันนั้นผมก็ไม่ได้ไปส่งใบสมัครเพราะพี่เยียร์ลากผมไปช๊อปปิ้งน่ะสิครับ แหม..เรื่องนี้ผมไม่ค่อยพลาดซะด้วย แต่แล้วสรุปผมเลยต้องมายืนเอ๋ออยู่ที่มหาลัยนี้คนเดียว...
ผมเดินไปเรื่อยๆ หันซ้ายหันขวาอยู่นาน แต่ก็ไม่เห็นป้ายที่จะบอกทางได้เลยว่า
ตึกคณะนิเทศอยู่ไหน ...ตาย ตายแน่ ๆ คงส่งใบสมัครไม่ทันแน่
“ไอ้น้อง หาอะไรอยู่วะ?”
เสียงห้าวท่าทางหาเรื่องดังขึ้นเบื้องหลังผม ผมหันไปมองก็เห็นผู้ชาย 2 คนยืนหน้าเหี้ยมอยู่
คนหนึ่งฉีกยิ้มร่าเริงท่าทางกวนส้น แต่อีกคนหน้านิ่งเหมือนน้ำแข็งแห้ง ใส่ชุดชอปสีแดง
อ่า..เด็กวิศวะสินะ ไอ้หน้าเป็นนี่ไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้หน้าตายนี่สิ สูงเท่าไหร่วะเนี่ย?
ผมสูง 175 นี่ก็สูงแล้ว เจอหมอนี่เข้าไป มันสูงกว่าผมอีก แถมหน้ายังหล่อด้วย
อย่างกับนายแบบนิตยสาร เพื่อนที่อยู่ข้างมันกลายเป็นตอม่อไปเลยอ่ะ
คนหนึ่งฉีกยิ้มร่าเริงท่าทางกวนส้น แต่อีกคนหน้านิ่งเหมือนน้ำแข็งแห้ง ใส่ชุดชอปสีแดง
อ่า..เด็กวิศวะสินะ ไอ้หน้าเป็นนี่ไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้หน้าตายนี่สิ สูงเท่าไหร่วะเนี่ย?
ผมสูง 175 นี่ก็สูงแล้ว เจอหมอนี่เข้าไป มันสูงกว่าผมอีก แถมหน้ายังหล่อด้วย
อย่างกับนายแบบนิตยสาร เพื่อนที่อยู่ข้างมันกลายเป็นตอม่อไปเลยอ่ะ
“คือ... ผมหาตึกนิเทศอยู่ครับพี่”
“ฮ่าๆๆๆ ว่าแล้ว..กูเห็นมึงเดินวนอยู่นานล่ะเลยเข้ามาถาม นี่หาไม่เจอจริงๆ เรอะ?
ตึกออกบะระเฮิ่มขนาดนั้น”
ตึกออกบะระเฮิ่มขนาดนั้น”
ถ้าหาเจอจะเดินวนทำส้นหมาอะไรล่ะครับพี่? ผมได้แต่นึกอย่างหงุดหงิด
แต่หน้าก็ฉีกยิ้มแหย ๆ ส่งไป ขืนมีเรื่องกับเด็กวิศวะ ได้ตายก่อนเข้าเรียนเป็นแน่
แต่หน้าก็ฉีกยิ้มแหย ๆ ส่งไป ขืนมีเรื่องกับเด็กวิศวะ ได้ตายก่อนเข้าเรียนเป็นแน่
“เอาเหอะ กูให้ไอ้คุณไปส่งมึงละกัน เพราะเดี๋ยวกูต้องไปรับเด็กต่อ โชคดีเว้ย”
“อ๊ะ...เดี๋ยวดิพี่”
ไม่ทันครับ พูดจบก็วิ่งปรู๊ดออกไปเลย ทิ้งให้ผมยืนอึดอัดอยู่กับไอ้พี่คุณหน้าตายสองคน
...รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาแฮะ คนห่าอะไรชื่อคุณ? เลียนแบบนิชคุณเรอะ?
ไม่ทันครับ พูดจบก็วิ่งปรู๊ดออกไปเลย ทิ้งให้ผมยืนอึดอัดอยู่กับไอ้พี่คุณหน้าตายสองคน
...รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาแฮะ คนห่าอะไรชื่อคุณ? เลียนแบบนิชคุณเรอะ?
“...ตามมาสิ”
เขาพูดนิ่ง ๆ ก่อนจะเดินนำไปตามทาง ผมก็เดินตามหลังเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน
เดินได้ไม่กี่ก้าว คนข้างหน้าก็หยุดฝีเท้าลง
เดินได้ไม่กี่ก้าว คนข้างหน้าก็หยุดฝีเท้าลง
“มีอะไรเหรอครับ?”
พี่คุณไม่พูดอะไร แต่ชี้นิ้วไปข้างหน้า ผมมองไปตามนิ้ว ก็เห็นตึกสีขาวขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่
โดยมีสวนน้ำคั่นระหว่างผมกับตึก เฮ้ย... อย่าบอกนะว่า นั่นตึกคณะนิเทศ??
ก็เดินผ่านหลายรอบแล้วนี่หว่า ทำไมไม่สังเกตวะเนี่ย อายโครต ๆ !!!
โดยมีสวนน้ำคั่นระหว่างผมกับตึก เฮ้ย... อย่าบอกนะว่า นั่นตึกคณะนิเทศ??
ก็เดินผ่านหลายรอบแล้วนี่หว่า ทำไมไม่สังเกตวะเนี่ย อายโครต ๆ !!!
“อะ...เอ่อ ข...”
“ซื่อบื้อจังนะมึง...”
คำขอบคุณถูกกลืนลงคอทันที ว่าไงนะ? ซะ...ซื่อบื้อ?!! ไอ้พี่คุณยิ้มมุมปากเก๊กเท่
ก่อนจะเดินหายไป ทิ้งให้ผมมองอาฆาตแค้น ...นี่ถ้าไม่ติดว่ากูรีบนะ มึงตายคาตีนกูแน่ไอ้น้ำแข็งแห้ง!!
ก่อนจะเดินหายไป ทิ้งให้ผมมองอาฆาตแค้น ...นี่ถ้าไม่ติดว่ากูรีบนะ มึงตายคาตีนกูแน่ไอ้น้ำแข็งแห้ง!!
ห้องสอบสัมภาษณ์... ก่อนหน้าประกาศผล 1เดือน
โอย...ตื่นเต้นชะมัด ผมนั่งตัวสั่นอยู่หน้าห้องสอบสัมภาษณ์ ในมือบีบแฟ้มพอร์ท โฟริโอแน่น
ผมเลือกที่จะมาสอบเข้าคณะนิเทศตามความฝันของตัวเอง
ผมเลือกที่จะมาสอบเข้าคณะนิเทศตามความฝันของตัวเอง
ผมอยากทำงานในวงการบันเทิงครับ สีสันแห่งวงการมายามันดึงดูดใจผมมานาน
ถึงแม้ที่บ้าน จะไม่เห็นด้วยก็ตาม โดยเฉพาะพ่อ ที่ต้องการให้ผมเรียนบริหาร
เพื่อช่วยกิจการทางบ้าน แต่ผมก็ไม่สน ทำงานนั่งโต๊ะน่าเบื่อจะตาย มีพี่นิว
กับไอ้ไทน์อยู่แล้วแท้ๆ มายุ่งกับผมทำไม... จ้างให้ก็ไม่เอาด้วยหรอก -3-
ถึงแม้ที่บ้าน จะไม่เห็นด้วยก็ตาม โดยเฉพาะพ่อ ที่ต้องการให้ผมเรียนบริหาร
เพื่อช่วยกิจการทางบ้าน แต่ผมก็ไม่สน ทำงานนั่งโต๊ะน่าเบื่อจะตาย มีพี่นิว
กับไอ้ไทน์อยู่แล้วแท้ๆ มายุ่งกับผมทำไม... จ้างให้ก็ไม่เอาด้วยหรอก -3-
จากวันส่งใบสมัครจนถึงวันนี้ ก็ผ่านมา 2 อาทิตย์แล้ว ผมไม่เจอไอ้พี่วิศวะ 2 คนนั้นอีกเลย
ดีแล้วล่ะ อย่าเจอเป็นดี คิดแล้วยังของขึ้นอยู่เลย!!
ดีแล้วล่ะ อย่าเจอเป็นดี คิดแล้วยังของขึ้นอยู่เลย!!
“นาย...รู้มั้ยว่าเขาจะสัมภาษณ์อะไรบ้าง?”
ผมหันไปหาเจ้าของเสียง วะ...หวา น่ารักชิบ ตัวเล็กๆ หน้าหวานๆ ปากแดงๆ
ผิวขาวๆ เสปคผมชัดๆ! ... คนน่ารักส่งยิ้มให้ผม แม่เจ้า! น่ารักเกินไปแล้ว
ใจผมมันเต้นรัวไม่หยุดเลย
ผิวขาวๆ เสปคผมชัดๆ! ... คนน่ารักส่งยิ้มให้ผม แม่เจ้า! น่ารักเกินไปแล้ว
ใจผมมันเต้นรัวไม่หยุดเลย
“ระ...เราก็...ไม่รู้เหมือนกัน”
“เอ๋? นายเป็นอะไร ดูหน้าแดงๆนะ ไม่สบายเหรอ?”
ไม่พูดเปล่า มือขาวก็ยังยกแตะหน้าผากผมจะวัดไข้จริงๆ โอ๊ย น่ารักเกิ๊นนน จีบแม่ง!
“เปล่าๆๆ เราไม่ได้เป็นอะไร เราชื่อคริสนะครับ”
“เราชื่อดานี่นะ เลข 302”
ดานี่...ขนาดชื่อแม่งยังน่ารัก!!
ดานี่...ขนาดชื่อแม่งยังน่ารัก!!
“หมายเลข 301 เชิญค่ะ”
“อ๊ะ...ครับ”
มาแล้วเว้ย สู้เขาไอ้คริส เอ็งทำได้อยู่แล้ว... ผมหันไปหาดานี่เหมือนขอกำลังใจ
เจ้าตัวก็ส่งยิ้มให้พลางกำมมือทำท่าสู้ๆให้ผม ผมพยักหน้ารับแล้วเปิดประตู
เจ้าตัวก็ส่งยิ้มให้พลางกำมมือทำท่าสู้ๆให้ผม ผมพยักหน้ารับแล้วเปิดประตู
ผมเดินเข้าห้องไป ในห้องมีอาจารย์คุมสอบนั่งอยู่ 2คน กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรซักอย่าง
ผมพึมพำขออนุญาตเบาๆ แล้วส่งแฟ้มให้อาจารย์ ก่อนจะเดินตัวลีบๆ
กลับไปนั่งเก้าอี้ที่ตั้งอยู่กลางห้อง คนแรกเป็นอาจารย์ผู้หญิง
คนที่สองเป็นอาจารย์ผู้ชาย นอกจากนั้นยังมีอีกคนที่นั่งห่างออกไปอยู่
แต่ผมไม่ได้สังเกตว่าเป็นใคร อาจารย์ผู้หญิงนั่งพลิกแฟ้มไปมาแล้วพูดขึ้น
ผมพึมพำขออนุญาตเบาๆ แล้วส่งแฟ้มให้อาจารย์ ก่อนจะเดินตัวลีบๆ
กลับไปนั่งเก้าอี้ที่ตั้งอยู่กลางห้อง คนแรกเป็นอาจารย์ผู้หญิง
คนที่สองเป็นอาจารย์ผู้ชาย นอกจากนั้นยังมีอีกคนที่นั่งห่างออกไปอยู่
แต่ผมไม่ได้สังเกตว่าเป็นใคร อาจารย์ผู้หญิงนั่งพลิกแฟ้มไปมาแล้วพูดขึ้น
“เอาล่ะ แนะนำตัวหน่อยสิค่ะ”
“พชร มหาทรัพยกุล ครับ จบมาจากโรงเรียนxxx สายวิทย์คณิตครับ”
“อืม... เกรดคุณน่าสนใจมากนะ เรียนสายวิทย์คณิตได้เกรดดีขนาดนี้แท้ๆ
ทำไมถึงมาเลือกเรียนนิเทศล่ะครับ? แถมยังเป็นสาขาศิลปะการแสดงอีก”
ทำไมถึงมาเลือกเรียนนิเทศล่ะครับ? แถมยังเป็นสาขาศิลปะการแสดงอีก”
“คือ..ผมคิดว่า การที่เราจะมาเรียนในสาขาที่ตนเองชอบ ไม่จำเป็นหรอกครับ
ว่าจะจบอะไรมา ขอเพียงใจรักก็สามารถเรียนได้ทุกอย่างอยู่แล้วครับ”
ว่าจะจบอะไรมา ขอเพียงใจรักก็สามารถเรียนได้ทุกอย่างอยู่แล้วครับ”
อาจารย์คุมสอบทั้งสองพยักหน้าพอใจในคำตอบ ก้มหน้าเขียนอะไร
ซักพักก็เงยหน้าตั้งคำถามต่อไป
ซักพักก็เงยหน้าตั้งคำถามต่อไป
“ความสามารถพิเศษล่ะคะ”
“ผมเต้นป๊อปปิ้งได้ครับ กับ...ร้องเพลงกับกีต้าร์ได้นิดหน่อย แต่...”
ผมไม่ได้เอากีต้าร์มาครับ ไม่อยากเอามาด้วย น่าอายตายชัก
“ผมให้ยืมครับ”
ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมเกรงใจ! ชายปริศนาลุกขึ้นเดินมาหาผมแล้วยื่นถุงกีต้าร์มาให้
ผมมองหน้าเขาชัดๆก็ต้องตกตะลึง ...อะ ไอ้พี่น้ำแข็งแห้ง!! มาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย?
ผมมองหน้าเขาชัดๆก็ต้องตกตะลึง ...อะ ไอ้พี่น้ำแข็งแห้ง!! มาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย?
“อะ...มะ...มึ...”
“อ้าว...รู้จักกันเหรอคะ แหม โลกกลมจริงๆ ถึงรักคุณจะเป็นเด็กวิศวะ
แต่เขามาช่วยงานในฐานะรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ทางวงการบันเทิงเหมือนกันไงล่ะ”
แต่เขามาช่วยงานในฐานะรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ทางวงการบันเทิงเหมือนกันไงล่ะ”
พรืดดด...ผมเกือบหลุดก๊ากออกมารอมร่อ แต่ก็ต้องอดกลั้นไว้สุดชีวิตจนน้ำตาคลอ
ใครตั้งชื่อให้ครับ? อยากไปกราบงามๆซักทีที่อุตส่าห์ตั้งชื่อลูกว่า “รักคุณ” ครีเอทีฟสุดๆ
ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ที่ไอ้พี่รักคุณจะมีประสบการณ์ด้านนี้มาแล้ว
ก็เล่นหน้าตาดีโครตๆ แถมสูงชะลูดขนาดนี้ มองภายนอกยังรู้เลยว่าเนื้อแน่น หุ่นดี ไม่เก้งก้าง
ใครตั้งชื่อให้ครับ? อยากไปกราบงามๆซักทีที่อุตส่าห์ตั้งชื่อลูกว่า “รักคุณ” ครีเอทีฟสุดๆ
ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ที่ไอ้พี่รักคุณจะมีประสบการณ์ด้านนี้มาแล้ว
ก็เล่นหน้าตาดีโครตๆ แถมสูงชะลูดขนาดนี้ มองภายนอกยังรู้เลยว่าเนื้อแน่น หุ่นดี ไม่เก้งก้าง
ผมหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติแล้วรับกีต้าร์ไว้อย่างหงุดหงิดเล็กๆ มือดีดกีต้าร์ลองเสียงเล็กน้อย
เมื่อเข้าที่แล้วจึงเริ่มร้องทันที...
เมื่อเข้าที่แล้วจึงเริ่มร้องทันที...
Tanner Patrick : Roar (Covered Katy Perry)
I used to bite my tongue and hold my breath
ฉันอาจจะเคยได้แต่นั่งกัดฟันเฝ้าถอนหายใจ
ฉันอาจจะเคยได้แต่นั่งกัดฟันเฝ้าถอนหายใจ
scared to rock the boat and make a mess
กลัวจะสร้างปัญหายุ่งเหยิงวุ่นวาย
กลัวจะสร้างปัญหายุ่งเหยิงวุ่นวาย
so I sat quietly, agree politely
ฉันเลยเอาแต่นั่งเงียบๆ คอยเป็นผู้ตามเสมอ
ฉันเลยเอาแต่นั่งเงียบๆ คอยเป็นผู้ตามเสมอ
I guess that I forgot I had a choice
ฉันว่าฉันคงลืมไปว่าฉันก็มีสิทธิเลือกทางของตัวเอง
ฉันว่าฉันคงลืมไปว่าฉันก็มีสิทธิเลือกทางของตัวเอง
I let you push me passed the breaking point
ยอมปล่อยให้เธอผลักดันฉันเข้าสู่จุดแตกหัก
ยอมปล่อยให้เธอผลักดันฉันเข้าสู่จุดแตกหัก
I stood for nothing, so I fell for everything
ฉันยืนหยัดไปก็ไร้ค่าจนฉันต้องยอมแพ้กับทุกสิ่ง
ฉันยืนหยัดไปก็ไร้ค่าจนฉันต้องยอมแพ้กับทุกสิ่ง
You held me down but I got up,
เธอกดฉันลงแต่คราวนี้ฉันจะลุกขึ้นยืน
already brushing off the dust
พร้อมที่จะสะบัดฝุ่นทิ้งแล้ว
เธอกดฉันลงแต่คราวนี้ฉันจะลุกขึ้นยืน
already brushing off the dust
พร้อมที่จะสะบัดฝุ่นทิ้งแล้ว
you hear my voice you hear that sound
เธอได้ยินเสียงฉันนี่ ได้ยินเสียงนั้น
เธอได้ยินเสียงฉันนี่ ได้ยินเสียงนั้น
like thunder gonna shake the ground
ดั่งสายฟ้าคำรามจนพสุธาสั่นไหว
ดั่งสายฟ้าคำรามจนพสุธาสั่นไหว
you held me down but i got up
เธอกดฉันลงแต่ฉันจะลุกขึ้นยืน
เธอกดฉันลงแต่ฉันจะลุกขึ้นยืน
get ready 'cause I've had enough
ฉันพร้อมเพราะฉันทนพอแล้ว
ฉันพร้อมเพราะฉันทนพอแล้ว
I see it all, i see it now
ฉันมองเห็นมันกระจ่างแล้วล่ะ
ฉันมองเห็นมันกระจ่างแล้วล่ะ
I got the eye of the tiger the fire
ฉันมีดวงตาแห่งเสือร้ายลุกประกายด้วยเปลวเพลิง
ฉันมีดวงตาแห่งเสือร้ายลุกประกายด้วยเปลวเพลิง
dancing through the fire, 'cause I am a champion
เริงระบำผ่านกองไฟไปเพราะฉันคือผู้ชนะ
เริงระบำผ่านกองไฟไปเพราะฉันคือผู้ชนะ
and you’re gonna hear me roar
แล้วเธอจะได้ยินเสียงฉันคำราม
แล้วเธอจะได้ยินเสียงฉันคำราม
louder, louder than a lion
ดังลั่นกระหึ่มโหมยิ่งกว่าราชสีห์
ดังลั่นกระหึ่มโหมยิ่งกว่าราชสีห์
'cause I am a champion
เพราะฉันนั้นคือผู้ชนะ
เพราะฉันนั้นคือผู้ชนะ
and you’re gonna hear me roar
แล้วเธอจะได้ยินเสียงฉันคำราม
แล้วเธอจะได้ยินเสียงฉันคำราม
and you’re gonna hear me roar.
และเธอจงฟังฉันจะหอนคำรามลั่น
และเธอจงฟังฉันจะหอนคำรามลั่น
เสียงผมคำรามก้องพร้อมๆ กับกีต้าร์ในมือที่บรรเลงท่อนสุดท้ายจบลง
ผมเลือกเพลงนี้เพราะเป็นเพลงที่มีความหมายให้ผมก้าวเดินต่อไป
ทั้งห้องดื่มด่ำความเงียบได้ซักพัก อาจารย์ทั้งสองก็ก้มลงขีดเขียนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมเลือกเพลงนี้เพราะเป็นเพลงที่มีความหมายให้ผมก้าวเดินต่อไป
ทั้งห้องดื่มด่ำความเงียบได้ซักพัก อาจารย์ทั้งสองก็ก้มลงขีดเขียนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอบคุณค่ะ เชิญ”
ผมลุกขึ้นขอบคุณอาจารย์ทั้งสองท่าน แล้วเดินไปคืนกีต้าร์ให้เจ้าของที่นั่งก้มมองเอกสารเฉยเมย หนอย...หงุดหงิดโว้ย!! ผมเดินออกจากห้องตัวปลิว แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเจอรอยยิ้มกว้างๆ จากดานี่ เฮ้อ... พอเห็นคนน่ารักแล้วอารมณ์ดีทันตา ผมส่งยิ้มกลับเมื่อเห็นเธอเดินมาหาผม
“เป็นไงบ้างคริส ยากมั้ย?”
“ไม่ยากเท่าไหร่นะ คิดยังไงก็พูดออกไปแบบนั้น เดี๋ยวเราเอาใจช่วยอยู่หน้าห้อง โอเค๊?”
“จ้ะ ขอบใจนะ”
“หมายเลข 302 เชิญค่ะ”
“ค่า ...ไปนะคริส”
“โชคดีนะดานี่”
ดานี่โบกมือให้ผมเล็กน้อยแล้วเดินเข้าห้องสอบไป
ผมจึงเดินมานั่งรอตรงหน้าห้องอย่างสบายใจ น่ารักอย่างนี้ พี่ขอจีบหน่อยนะน้อง ฮ่าๆๆๆ
ครืดดดดด... ครืดดดดด
เสียงโทรศัพท์ที่ผมตั้งสั่นไว้ดังขึ้น ผมกดรับทันทีที่รู้ว่าเป็นใคร
“เชี่ยพลัส โทรมาทำไมป่านนี้วะ?”
[โทษทีๆ กูจัด HON หนักไปหน่อยว่ะ นี่พึ่งตื่นเอง]
“โห นี่จะบ่ายสามแล้วนะมึง เกินไปแล้วนะ”
[เรื่องของกูโว้ย ว่าแต่มึงเหอะ สอบเป็นไง]
“เหอะ... ระดับไหนแล้ว นี่พี่คริสนะครับ แค่นี้จิ๊บๆ”
[เออไอ้เก่ง ถ้ามึงไม่ติดขึ้นมา กูจะฮาให้ เย็นนี้มึงไปร้านเดิมป่าว?]
“เอ่อ... ไม่ดีกว่าว่ะ กูติดธุระ”
[ธุระอะไรของมึงวะ...]
“เรื่องของกู แค่นี้นะ”
ผมไม่ฟังมันพูดอะไรต่อ ตัดสายทิ้งทันที ก็ผมกะจะทำความรู้จักกับดานี่ต่อนี่นา
ตอนนี้อาจจะเป็นเพื่อนร่วมสอบ แต่ต่อไปอาจจะมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ก็ได้ใครจะรู้
หึๆๆ นั่นไง! ดานี่ออกมาแล้ว
“คริส เราเสร็จแล้ว”
“อืม... เป็นไงบ้าง”
“ก็สบายๆ นะ ตอนแรกตื่นเต้นมากเลย เรานึกว่าจะยากกว่านี้ซะอีก”
“ฮะๆๆ เห็นมั้ยเราบอกแล้ว เย็นนี้ว่างมั้ย เราไปกินไอติมกัน”
ผมออกปากชวนเธอทันที ในมหาลัยมันมีร้านขายไอติมอยู่ ช่วงนี้หน้าร้อนครับ
ถึงแม้จะช่วงบ่ายใกล้เย็นแล้วแต่อากาศมันก็ร้อนอยู่ ดานี่ทำท่าคิดซักพัก
ก่อนจะพยักหน้าตกลงกับผม ดีใจสิครับ ผมเดินนำไปที่ร้านทันที
พอถึงร้านเราก็สั่งไอติมโคนกินกัน เรากินรสมะนาวเหมือนกันอีก บุพเพสันนิวาสชัดๆ!
“เอ่อ คริส”
“อื้ม ว่าไงครับ”
“คือ... นายรู้จักรุ่นพี่ที่อยู่ในห้องสอบคนนั้นมั้ย?”
หะ...อะไรนะ? หมายถึงไอ้พี่น้ำแข็งแห้งน่ะนะ?
“อะ...ก็ไม่รู้หรอก ทำไมเหรอ?”
“อ๋อเปล่าๆ ไม่มีอะไรจ้ะ... พี่เขาดูน่าสนใจดี”
นั่นไง!! ท่าทางแบบนี้ ดานี่ต้องหลงแอบชอบศัตรูหัวใจไอ้พี่คุณไปแล้วแน่นอน
ฮึ่ย... ทำไมผมต้องมาเจอวิบากกรรมอะไรกับคนๆนี้ตลอดเลยนะ!!
หลังจากผมกับดานี่กินไอติมกันเสร็จแล้วผมก็พาเธอไปส่งที่โรงเรียนสอนดนตรีครับ
เธอมักจะมาเรียนพิเศษรวมไปถึงการฝึกร้องเพลงด้วยครับ
จากนั้นผมก็บึ้งกลับคอนโดเลยครับ ตอนนี้ผมอยากพักผ่อนมากวันนี้เหนื่อยมาเยอะล่ะครับ
เจออะไรมามากมายจริงๆวันนี้ เสียพลังงานเยอะแถมต้องไปปวดสมองกะไอ้พี่รักคุณอะไรนั้นอีก
มารหัวใจผมชัด ๆ
ผมมองไปยังเตียงสีขาวนุ่มขนาดคิงไซต์ดูแล้วก็รู้สึกว่ามันดึงดูดตัวผมเหลือเกิน
ผมอยากล้มใส่มันแรง ๆ จัง อยากหลับอยากพักผ่อนยาว ๆ
แต่ตัวผมมันดันไวกว่าความคิดครับ ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มไปแล้ว
รู้สึกสบายตัวจัง อืม.. ฟี้..
ผมลุกขึ้นขอบคุณอาจารย์ทั้งสองท่าน แล้วเดินไปคืนกีต้าร์ให้เจ้าของที่นั่งก้มมองเอกสารเฉยเมย หนอย...หงุดหงิดโว้ย!! ผมเดินออกจากห้องตัวปลิว แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเจอรอยยิ้มกว้างๆ จากดานี่ เฮ้อ... พอเห็นคนน่ารักแล้วอารมณ์ดีทันตา ผมส่งยิ้มกลับเมื่อเห็นเธอเดินมาหาผม
“เป็นไงบ้างคริส ยากมั้ย?”
“ไม่ยากเท่าไหร่นะ คิดยังไงก็พูดออกไปแบบนั้น เดี๋ยวเราเอาใจช่วยอยู่หน้าห้อง โอเค๊?”
“จ้ะ ขอบใจนะ”
“หมายเลข 302 เชิญค่ะ”
“ค่า ...ไปนะคริส”
“โชคดีนะดานี่”
ดานี่โบกมือให้ผมเล็กน้อยแล้วเดินเข้าห้องสอบไป
ผมจึงเดินมานั่งรอตรงหน้าห้องอย่างสบายใจ น่ารักอย่างนี้ พี่ขอจีบหน่อยนะน้อง ฮ่าๆๆๆ
ครืดดดดด... ครืดดดดด
เสียงโทรศัพท์ที่ผมตั้งสั่นไว้ดังขึ้น ผมกดรับทันทีที่รู้ว่าเป็นใคร
“เชี่ยพลัส โทรมาทำไมป่านนี้วะ?”
[โทษทีๆ กูจัด HON หนักไปหน่อยว่ะ นี่พึ่งตื่นเอง]
“โห นี่จะบ่ายสามแล้วนะมึง เกินไปแล้วนะ”
[เรื่องของกูโว้ย ว่าแต่มึงเหอะ สอบเป็นไง]
“เหอะ... ระดับไหนแล้ว นี่พี่คริสนะครับ แค่นี้จิ๊บๆ”
[เออไอ้เก่ง ถ้ามึงไม่ติดขึ้นมา กูจะฮาให้ เย็นนี้มึงไปร้านเดิมป่าว?]
“เอ่อ... ไม่ดีกว่าว่ะ กูติดธุระ”
[ธุระอะไรของมึงวะ...]
“เรื่องของกู แค่นี้นะ”
ผมไม่ฟังมันพูดอะไรต่อ ตัดสายทิ้งทันที ก็ผมกะจะทำความรู้จักกับดานี่ต่อนี่นา
ตอนนี้อาจจะเป็นเพื่อนร่วมสอบ แต่ต่อไปอาจจะมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ก็ได้ใครจะรู้
หึๆๆ นั่นไง! ดานี่ออกมาแล้ว
“คริส เราเสร็จแล้ว”
“อืม... เป็นไงบ้าง”
“ก็สบายๆ นะ ตอนแรกตื่นเต้นมากเลย เรานึกว่าจะยากกว่านี้ซะอีก”
“ฮะๆๆ เห็นมั้ยเราบอกแล้ว เย็นนี้ว่างมั้ย เราไปกินไอติมกัน”
ผมออกปากชวนเธอทันที ในมหาลัยมันมีร้านขายไอติมอยู่ ช่วงนี้หน้าร้อนครับ
ถึงแม้จะช่วงบ่ายใกล้เย็นแล้วแต่อากาศมันก็ร้อนอยู่ ดานี่ทำท่าคิดซักพัก
ก่อนจะพยักหน้าตกลงกับผม ดีใจสิครับ ผมเดินนำไปที่ร้านทันที
พอถึงร้านเราก็สั่งไอติมโคนกินกัน เรากินรสมะนาวเหมือนกันอีก บุพเพสันนิวาสชัดๆ!
“เอ่อ คริส”
“อื้ม ว่าไงครับ”
“คือ... นายรู้จักรุ่นพี่ที่อยู่ในห้องสอบคนนั้นมั้ย?”
หะ...อะไรนะ? หมายถึงไอ้พี่น้ำแข็งแห้งน่ะนะ?
“อะ...ก็ไม่รู้หรอก ทำไมเหรอ?”
“อ๋อเปล่าๆ ไม่มีอะไรจ้ะ... พี่เขาดูน่าสนใจดี”
นั่นไง!! ท่าทางแบบนี้ ดานี่ต้องหลงแอบชอบศัตรูหัวใจไอ้พี่คุณไปแล้วแน่นอน
ฮึ่ย... ทำไมผมต้องมาเจอวิบากกรรมอะไรกับคนๆนี้ตลอดเลยนะ!!
หลังจากผมกับดานี่กินไอติมกันเสร็จแล้วผมก็พาเธอไปส่งที่โรงเรียนสอนดนตรีครับ
เธอมักจะมาเรียนพิเศษรวมไปถึงการฝึกร้องเพลงด้วยครับ
จากนั้นผมก็บึ้งกลับคอนโดเลยครับ ตอนนี้ผมอยากพักผ่อนมากวันนี้เหนื่อยมาเยอะล่ะครับ
เจออะไรมามากมายจริงๆวันนี้ เสียพลังงานเยอะแถมต้องไปปวดสมองกะไอ้พี่รักคุณอะไรนั้นอีก
มารหัวใจผมชัด ๆ
ผมมองไปยังเตียงสีขาวนุ่มขนาดคิงไซต์ดูแล้วก็รู้สึกว่ามันดึงดูดตัวผมเหลือเกิน
ผมอยากล้มใส่มันแรง ๆ จัง อยากหลับอยากพักผ่อนยาว ๆ
แต่ตัวผมมันดันไวกว่าความคิดครับ ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มไปแล้ว
รู้สึกสบายตัวจัง อืม.. ฟี้..
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น