คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1:เด็กทุน
ฉับ! เสียงตัดไม้ดังขึ้นในเช้าวันแรกของอาทิตย์ในหมู่บ้านชายแดนของเมืองเขตเหนือที่ห่างไกล ฉับ! เสียงตัดไม้ยังคงดังเป็นระยะตามความขยันของ คนตัดที่กำลังพยายามเงื้อขวานอันใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง เด็กสาวร่างเล็ก ผมสีน้ำตาลยาวประบ่า ท่าทางมอมแมมน่าดูกำลังตัดไม้ชิ้นโต พร้อมด้วยขวานโลหะอันใหญ่ที่ดูไม่สมกับตัวเธอเท่าไหร่นัก
เสื้อและกางเกงที่มีรอยขาดแสดงถึงความสมบุกสมบันของเจ้าของได้เป็นอย่างดี ฉับ! ขวานอันใหญ่เฉาะลงกลางท่อนไม้อีกครั้ง พร้อมกันกับร่างบางที่ล้มลงด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาถึงสามวันสามคืนเต็มๆ ใช่เธอกำลังทำงานเกินตัวแต่ถ้าเธอไม่ทำอย่างนี้เธอก็จะไม่มีเงินพอที่จะประทังชีวิตไปวันๆได้ และเธอก็ยังมีคนที่ต้องเลี้ยงดูอีกเพียบ
“ไงจ้ะแม่หนูเซนยุ ขยันแต่เช้าเลยนะ โฮ่ โฮ่ โฮ่ “ ชายแก่หนวดเฟิ้มลูบเคราของตัวเองไปมา แล้วยิ้มมาทางเซนยุ
“แหมๆออกกำลังกายแต่เช้ามันดีนะลุง เดี๋ยวฉันไม่สบายเพราะออกแรงน้อยไปจะเป็นเรื่อง”
เซนยุตอบกลับอย่างอารมณ์ดีแล้วหันไปโยนท่อนไม้เข้ากอง
“ขยันอย่างนี้ซักวันท่านเทพีแห่งความขยันต้องให้รางวัลแน่ๆ" ชายแก่ลูบเคราของตนอีกแล้วเดินจากไปพร้อมกับกล่าวทิ้งท้าย “เสร็จงานแล้วก็แวะมาที่โบสถ์สักหน่อย ฉันมีเรื่องจะบอกหนูล่ะนะ ข่าวดีๆ โฮ่ๆ “ เค้าหัวเราะและเดินหายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้ให้เซนยุทำหน้างง
ดวงอาทิตย์ยามเที่ยงขึ้นสูงจนอยู่ตรงกลางหัวพอดีเป๊ะ แดดร้อนๆทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของหมู่บ้านหลังเขาดูวุ่นวายขึ้นมาถนัดตา “ขอบคุณที่ใช้บริการค่า” เซนยุโค้งคำนับให้เจ้าของโรงไม้พร้อมรับเงินเหรียญจำนวนหนึ่งมาที่ดูจะน้อยเหลือเกิน
“ถ้าไม่ได้หนูช่วยพวกฉันก็แย่เหมือนกันล่ะสินะ ฉันให้ติปเธอไปนิดหน่อยๆ ถือว่าเป็นสินน้ำใจก็แล้วกันนะเอ่อออ “ เค้าพูดสำเนียงแปลกๆ แต่พอฟังได้
แล้วก็รีบกลับไปง่วนกับการคิดเงินต่อไป -เสร็จซักทีนะ งานของอาทิตย์ นี้ – เซนยุก้มลงมองจำนวนเงินที่มีเหรียญทองอยู่สองสามเหรียญ และเหรียญทองแดงอันเล็กอยู่ราวๆยี่สิบ เธอใช้สายตาคำนวณจำนวนเงินและปริมาณข้าวที่สามารถซื้อได้ ลงความเห็นในใจแล้วเดินไปที่ร้านที่มีรูปถังข้าวสารฝั่งตรงข้ามทันที เซนยุเลือกข้าวที่ราคาถูกที่สุดในร้านคือข้าวพันธุ์จากเมืองหนาวที่ราคาถูกแสนถูก แต่คุณภาพก็สมกับราคามาสองถัง
“สามเหรียญโกลเด้น” เถ้าแก่ร้านที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรเรียกเก็บเงินราคาที่ราวกับขูดเลือดขูดเนื้อของเธอ
“นี่เถ้าแก่เมื่อวานสองถังยัง สองเหรียญโกลเด้นอยู่เลยนะ คิดมั่วรึเปล่า?”
เซนยุจ้องกลับไปที่ตาของเถ้าแก่หน้าเลือด ที่จ้องสวนกลับเช่นกัน
“ข้าวแพงขึ้น ก็แค่นั้น” เถ้าแก่ตอบกลับเสียงแข็ง “และถ้าคิดว่าร้านฉันมันขายแพงก็ไปซื้อร้านอื่น” การไล่ที่ทำให้ใจเซนยุเจ็บจี๊ดขึ้นมาแก่ไม่มีผลอะไรเลยเพราะร้านที่ขายข้าวสารในหมู่บ้านมีแค่ที่เดียว เซนยุสบถอยู่ในใจแล้ววางเงิน สามโกลเด้นไว้บนโต๊ะและรีบลากถุงข้าวสารไปจากร้านทันที
ถ้าหากฉันมีเงินมากกว่านี้ก็คงดีสินะ เฮ้อ... เธอลากถุงข้าวหนักๆผ่านร้านรวงในหมู่บ้านต่างๆที่ตั้งเป็นแผงลอยและร้านเล็ก เซนยุลากถุงข้าวสารที่หนักอึ้งผ่านหน้าร้านขนมปังที่มีกลิ่นหอมฉุยโฉยมา ขนมปังอบร้อนๆ กระตุ้นต่อมความยากได้เป็นอย่างดี หรือจะคาเฟ่มิลค์ที่มีนมอุ่นๆไว้บริการตลอด24ชั่วโมง เธอพยายามกลั้นใจเดินต่อไปอย่างร่าเริงทั้งที่รู้ว่าไม่มีเงินพอที่จะซื้อของพวกนี้ได้
ระยะทางจากในหมู่บ้านถึง “ที่พัก” ของเธออยู่ห่างกันมากจึงต้องใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าจะมาถึงเธอลากถุงข้าวมาจนถึงบ้านที่ดูจะเหมือนเล้าไก่ซะมากกว่า เพราะมีไก่หลากชนิดรวมกันอยู่แถวนั้นและก็อยู่ร่วมใต้หลังคาเดียวกันมากับเธอตั้งแต่จำความได้ เธอวางถุงข้าวแล้วเอนหลังพิงกับเชิงไม้
“พี่เซนยุกลับมาแล้ว พี่สาวกลับมาแล้ว” เสียงของเด็กสาววัยห้าขวบดังเจื้อยแจ้วมาแต่ไกล แล้วเสียงเรียกชื่อ เซนยุ ก็ดังทวีขึ้นพอๆกับจำนวนคน เด็กๆ อายุตั้งแต่ ห้าขวบถึง แปดขวบกลุ่มหนึ่ง ล้อมเซนยุไว้ด้วยรอยยิ้ม “โธ่ๆ ให้พี่สาวคนนี้พักหน่อยสิ” เซนยุโบกมืออย่างเหนื่อยอ่อน แล้วค่อยพยุงตัวขึ้นมายืน
“วันนี้พี่มีข้าวมาแล้วนะทุกคนช่วยกันหุงเถอะ” เซนยุชี้ไปทางถุงข้าวที่ตนแบกมาแล้วส่งยิ้มให้เด็กๆ เธอเป็นคนอุปถัมภ์เด็กๆยากไร้พวกนี้เอง ทั้งที่มันน่าจะเป็นหน้าที่ของทางองค์การสงเคราะห์เด็กยากไร้ของหมู่บ้านแต่เด็กๆพวกนี้กลับถูกเมินอย่างโหดร้ายเพียงเพราะพวกเค้าไม่มีพลังเวทย์ แต่ก็อย่างว่าโลกใบนี้มันวัดค่าความเป็นมนุษย์พียงเพราะเรื่องแค่นี้ล่ะนะ เซนยุสลัดความคิดออกไปจากหัวแล้วเดินไปล้างมือที่มีแต่รอยขีดข่วนเต็มไปหมด ถ้าหากขาดสองมือนี้ไปแล้วเด็กๆที่น่าสงสารพวกนี้จะเป็นยังไงกันนะ "หึ" สักวันชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราต้องดีขึ้นกว่านี้ด้วยมือของฉัน ถึงเซนยุจะพอมีพลังเวทย์บ้างก็ตามเถอะแต่มันก็น้อยจนน่าใจหายเหมือนกัน –ช่างเถอะ – เธอถอนหายใจแล้วเตรียมตัวไปที่โบสถ์ตามคำขอของนักบวชประจำหมู่บ้าน
“พี่เซนยุค่ะ” เด็กที่ดูจะโตที่สุดในบรรดาเด็กทั้งหมดวิ่งตรงมาทางเธอพร้อมกับยื่นบางสิ่งบางอย่างให้ “พวกหนูทำให้พี่ค่ะ” เซนยุยิ้มรับแล้วหยิบไม้สลักรูปหัวใจอันเล็กๆที่ดูประณีตในการทำมากๆมากำในมือไว้หลวมๆก่อนที่จะเอามันไปห้อยไว้กับสร้อยหนังอันที่เธอใส่อยู่
เซนยุลูบหัวเด็กคนนั้นเบาๆ “ขอบใจมากนะชูกะ เดี๋ยวพี่ต้องออกไปทำธุระข้างนอกฝากดูแลน้องๆด้วยล่ะ”
“พี่สาวไม่ต้องเปนห่วงพวกเราหรอกน้า พวกเราดูแลตัวเองได้” เด็กสาวผมสีม่วงตอบกลับมาทันควัน
“ ช่าย ช่าย อวกเอา อูแออัวเองไอ่” เซนยุยิ้มให้กับความน่ารักของพวกเด็กๆแล้ววิ่งออกมาจากบ้านเล้าไก่อย่างรวดเร็ว ตามแบบฉบับของสาวอึดเกินร้อยแล้วหันหลังกลับมาโบกมือให้เด็กๆ
ไม่นานนักเธอก็มาหยุดอยู่หน้าของโบสถ์สไตล์โบราณของลัทธิบูชาเทพีแห่ง
หมู่บ้านลาเวนเดล หมู่บ้านชายแดนริมเขตเมืองเหนือหมายเลข 20451ที่อยู่กลางภูเขาสูงกั้นระหว่างเขตแดนเหนือและใต้ เนื่องจากเป็นหมู่บ้านชายแดนที่อยู่ค่อนข้างไกลจากทางข้ามแดนจึงไม่ค่อยนิยมในหมู่นักเดินทางมากนัก อีกทั้งเครื่องสาธารณูปโภคยังขาดแคลนอย่างน่าใจหาย ทุกอย่างที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้จึงมีราคาแพงอย่างไม่น่าเชื่อตามมาด้วย เป็นสาเหตุที่ทำงานมากเท่าไหร่จึงไม่คุ้มค่าข้าวที่ต้องจ่ายในแต่ละวันของเซนยุ
เซนยุค่อยๆผลักบานประตูหินแกะรูปเทพี อิลเลียส ผู้รักษาป่าไม้และพืชพรรณ ขนาบคู่กับเทพี เฟเลียส ผู้ปกป้องความงามของดอกไม้ โลกยุคของเธอนั้นเป็นยุคที่เทพีมีบทบาทสำคัญในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือหมู่บ้านเธอที่ดำเนินวิถีชีวิตโดยนับถือเทพีเป็นหลักโดยเฉพาะเทพีที่เกี่ยวกับจำพวกป่าไม้อย่าง อิลเลียส และ เฟเลียส ตามที่เห็น เซนยุเข้ามาในโบสถ์ที่มีแต่รูปป่าไม้ ที่เธอคุ้นเคยและเหล่าภูติสีเขียวที่กำลังร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน เธอเพลิดเพลินกับความงดงามของโบสถ์ที่ไม่ค่อยได้เข้ามาอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งชายชราเมื่อตอนเช้าที่ตอนนี้สวมชุดคลุมผ้าสักหลาดสีเขียว เดินออกมาจากทางหลังรูปปั้น
“มาช้าไปนิดนะแม่หนูเซนยุ โฮ่ๆ” ชายชราลูบเครายาวๆของตนไปมาอย่างอารมณ์ดี
“ขออภัยเจ้าค่ะท่านนักบวชเกรน” เซนยุก้มลงขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ไม่เป็นไร ลูกเชิญนั่งก่อนสิ” ชายชราสะบัดมือนิดนึงแล้วเก้าอี้ไม้ขนาดพอดีตัวก็โผล่ออกมา ตรงข้างหลังเซนยุพอดี
“เอาล่ะมาเริ่มต้นเรื่องของเรากันดีกว่า ที่ฉันจะมาพูดในวันนี้เกี่ยวกับเรื่องของเธอและเด็กๆในความดูแล ” ชายชราเว้นระยะการพูดแล้วลูบเคราของเค้าสองสามที
“มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามจำนวนแปดคนตามจำนวนเด็กขอรับอุปถัมภ์เด็กๆพวกนั้นเธอจะว่ายังไง” ชายชราถามเซนยุด้วยสีหน้าอารมณ์ดี ซึ่งต่างจากเซนยุตอนนี้มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด เธอนึกภาพผู้ที่จะมาอุปถัมภ์เด็กไร้เวทย์มนต์พวกนั้นไม่ออกเลยแม้แต่แวบเดียว ชายชราก็เหมือนรู้ใจเธอจึงกลับมาพูดต่อจากเมื่อกี้
“เธอวางใจได้เลยนะผู้อุปถัมภ์คราวนี้ไม่เหมือนรายอื่นๆเมื่อคราวก่อนหรอกนะ”
เซนยุคิดถึงผู้อุปถัมภ์คราวก่อนที่มารับเด็กในความดูแลของเธอไปเป็นครอบครัวที่นับถือลัทธิกินมนุษย์ของเกาะทางใต้ และคนพวกนั้นก็เกือบจะกินพวกเด็กๆเป็นอาหารมื้อค่ำไปเรียบร้อย ถ้าหากเธอไม่ไปช่วยไว้
“วางใจไม่ได้เลยนะท่านนักบวช ฉันไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่”
“คราวนี้ต่างกับคราวก่อน ฉันมั่นใจนะแม่หนู” ชายชราตอบกลับมาด้วยเสียงหนักแน่นพอที่จะทำให้เธอใจอ่อนได้
-ถ้าหากว่าท่านนักบวชมั่นใจออกหน้าเองซะขนาดนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะคัดค้านถ้าคนที่มารับพวกเด็กๆสามารถทำให้พวกเค้ามีชีวิตที่ดีขึ้นได้โดยไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ-
“งั้น........ก็ตกลงค่ะ แต่ว่าวันไหนที่ครอบครัวอุปถัมภ์จะมารับพวกเด็กๆค่ะ”
“โฮ่ๆ คราวนี้ค่อนข้างใจร้อนหน่อยนะแม่หนู ฉันตอบได้คำเดียวว่าวันนี้จ้ะ”
เซนยุเบิกตากว้างด้วยความตกใจทันที
“วันนี้เชียวเหรอท่าน อย่าบอกนะว่า.......”
“ไม่ใช่ก็ต้องใช่ตอนที่หนูออกมาพวกเด็กๆก็ถูกพาตัวไปแล้วจ้ะ โฮ่ๆ” ชายชรายังลูบเคราต่อไปโดยไม่สนใจใบหน้าของเซนยุที่กำลังร้อนวูบวาบด้วยความโกรธ
“ทำไมท่านถึงไม่บอกข้าล่ะ ทำไม”หยาดน้ำใสๆไหลออกมาจากตาของเธอเมื่อรู้ว่าจะไม่ได้เจอหน้าเด็กๆอีกแล้ว แม้แต่โอกาสบอกลายังไม่มีด้วยซ้ำ ในใจของเธอตอนนี้ทั้งร้อนรุ่ม ทั้งเสียใจ แต่ก็ได้แต่กดมันเอาไว้เพื่อให้เกียรติคนตรงหน้า
“เอาล่ะนะเรื่องของเด็กๆก็จบลงแล้ว คราวนี้มาเรื่องของเธอ”
เค้าหยิบจดหมายสีขาวประทับตราด้วยผงสีแดงน้ำเงินและเขียวออกมายื่นให้เซนยุ
“หลายวันมานี้ฉันได้รับหนังสือจากโรงเรียนในเมืองใต้ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งมา เรื่องการให้ทุนกับเด็กที่มีความตั้งใจ ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นในการเรียน ซึ่งฉันก็ได้เสนอให้กับทางสภาหมู่บ้านแล้วและทุกเสียงที่ลงนามเลือกและเฟ้นหาคนตามคุณสมบัติเห็นว่า คนที่สมควรรับทุนมากที่สุดคือเธอนะ โมริกะ เซนยุ คุง โฮ่ๆ”
คำพูดประโยคนั้นของชายชราแทบทำให้เซนยุทรุดความใฝ่ฝันที่เธอมีมาตลอดนั้นมันเริ่มจะเป็นจริงขึ้นมาแล้วความเสียใจเรื่องเด็กๆเมื่อครู่พลันหายไป เธอรีบเปิดอ่านจดหมายฉบับนั้นด้วยความรวดเร็ว และถึงกับอึ้งเมื่อเห็นชื่อโรงเรียน
มาเทลอองเนส! โรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองฝ่ายใต้ เป็นแหล่งที่ผลิตนักเรียนหญิงที่ฉลาดหลักแหลมและเรียบร้อยระดับแนวหน้าของโลก ว่ากันว่าสมบัติเวทย์มนต์ที่หายากต่างๆก็เก็บรักษาไว้ในโรงเรียนแห่งนี้ด้วย มันเป็นโรงเรียนในฝันของเหล่าเด็กสาวเลยทีเดียว ซึ่งมันก็เป็นความฝันที่สูงที่สุดของเซนยุด้วย
“ท่านนักบวช ทะ ทะ ท่านล้อเล่นรึเปล่า”เธอตอบชายชราด้วยน้ำเสียงสั่นๆที่ปนไปด้วยความยินดี
“ข้าไม่ได้ล้อเล่นเลยซักนิด และเจ้าก็ยังอ่านเนื้อความในจดหมายไม่จบเลยนะ”
เซนยุก้มลงอ่านจดหมายแผ่นนั้นต่อแล้วก็ต้องทำสีหน้าประหลาดใจออกมา เพราะเนื้อความในจดหมายนั้นระบุวันเวลาในการแข่งขั้นเพื่อรับทุนของโรงเรียนมาเทลอองเนสโดยทายาทสามตระกูล ในเนื้อความว่า
เรียนท่านหัวหน้าหมู่บ้านที่ 20451
เนื่องด้วยทางโรงเรียนมาเทลอองเนสได้จัดทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีความประพฤติดี มีมารยาทเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ เอาใจเป็นเลิศสู้งานอึดและอดทน ที่สำคัญตั้งใจเรียน
ในวันที่ 19 เดือน เอมเบอร์ ปีหลังสงคราบุพผาที่ 1289 ณ คฤหาสน์แห่งผู้สร้าง เมืองมาเทล
-โปรดมาถึงก่อนเวลา 8 นาฬิกาเพื่อคามเรียบร้อยในการขึ้นทะเบียน
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ลงชื่อ คากิราวะ เอลลี่
หัวหน้าฝ่ายทะเบียนโรงเรียนมาเทลอองเนส
“ที่จริงงานนี้ก็เพิ่งจะเคยจัดเป็นปีแรกเห็นว่าทายาทของทั้งสามเป็นคนคิดวางแผนเองเชียวนะ ผู้เข้าแข่งขันรับทุนคราวนี้ก็ราวๆแค่พันห้าร้อยคนเท่านั้นอง โฮ่ๆ”
“พันห้าร้อยคน เชียวนะ” เซนยุบ่นอุบอิบพลางคิดว่านับประสาฝีมืออย่างเธอจะสู้อะไรคนพวกนั้นได้บ้าง แค่คิดหัวก็จะระเบิดอยู่รอมร่อ เวทย์มนต์ก็รู้งูๆปลาๆ ภาษาก็อ่อน ยิ่งวิชาอื่นๆอย่าเพิ่งพูดถึงขี้เลื่อยคงอัดตัวเป็นก้อนๆอยู่ในหัวแทนที่สมองแทนซะมากกว่า ที่พอจะกระเตื้องขึ้นมาหน่อยก็คงเป็นพวกออกแรงอย่างพละ แล้วเป็นแบบนี้เธอจะมีอะไรไปสู้พวกคนอื่นๆกันนะ
“ไม่ต้องกังวลพ่อคิดว่าอย่างหนูต้องทำได้แน่ๆ พ่อค่อนข้างมั่นใจเรื่องนี้อีกเรื่อง”
ชายชราส่งสายตาและคำพูดแสดงความมั่นใจ ที่เซนยุไม่มั่นใจออกมา อย่างน้อยท่านนักบวชก็ยังมั่นใจล่ะนะ เธอกำหมัดแน่นเพื่อเรียกพลังใจกลับมาแล้วส่งรอยยิ้มไปทางชายชรา
“ถ้าท่านมั่นใจ ฉันก็มั่นใจค่ะ” เธอยิ้มแบบที่ไม่เคยยิ้มมาก่อนแล้วลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสาย
“ถ้าหนูมั่นใจฉันคิดว่าตอนนี้คงถึงเวลาที่หนูต้องไปขึ้นรถแล้วล่ะนะ ” ชายชราวาดมือเป็นวงกลมแล้วก็มีชายฉกรรจ์สองคนกระโดดออกมาที่หน้าอกมีสัญลักษณ์รูปดอกลิลลี่สีขาวอยู่ด้วย
“ท่านอย่าบอกอีกนะว่า....................” – จะให้เราไปตอนนี้เนี่ยนะ-
“เอาล่ะนะเวลาเหลือไม่มากแล้วอภินันทนาการจากทางโรงเรียน รถด่วนพิเศษแห่งทุ่งลิลลี่ หวังว่าคงจะสนุกกับการเดินทางนะ เซนยุคุง”
ชายทั้งสองจับแขนแต่ละข้างของเธอไว้แล้วโยนเธอขึ้นรถมาอย่างคล่องแคล่วแบบที่ชายแก่วัยใกล้ถึงฝั่งไม่พึงกระทำ
“เฮ้ ท่านนักบวชอย่างงี้มันยังไงกัน ท่านนักบวชชชชชช”
เซนยุส่งเสียงร้องครวญครางที่ดูจะไปไม่ถึงชายชราที่กำลังนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้นวมอย่างสบายใจ แล้วก็ต้องอุดปากของตัวเองไว้เมื่อคนขับรถม้าทั้งสอง พูดคำพูดแปลกๆออกมา
“บริการรับส่งพัสดุด่วนจี๋แห่งทุ่งลิลลี่ขอบคุณที่ใช้บริการครับ คุณหนู”
พัสดุ? แถมด่วนจี๋อีก แสดงว่าไม่ได้เอาไว้รับส่งคนสินะเฮ้ออ แต่ยังไงก็ช่างเหอะปลายทางก็คงเป็นสถานที่แห่งความฝันของเราเหมือนเดิมล่ะ รถม้าขนส่งพัสดุด่วนจี๋เคลื่อนตัวออกมาจากโบสถ์ซักพักก็ค่อยๆลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับมีกระแสลมอุ่นๆห่อหุ้มไว้
เซนยุนอนแพ่หราอย่างสบายลงบนพื้นไม้ของรถ ดวงตาสีน้ำตาลมองผ่านเพดานที่สามารถมองเห็นภายนอกได้ด้วยเวทย์มนต์
"ท้องฟ้าสวยจัง"
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือหมู่บ้านที่นานๆทีเซนยุจะได้นอนมองไปตามหมู่ดาวต่างๆที่เรียงรายเป็นหย่อมๆ มอบความสว่างให้กับท้องฟ้าสีดำยามที่พระอาทิตย์ตกดิน
รถเทียมม้ารูปร่างประหลาดสีขาวที่แน่นอนว่ามีสัญลักษณ์รูปดอกลิลลี่สีขาวอยู่ข้างตัวรถด้วย ยังคงแล่นฝ่าอากาศไปอย่างไม่ลดละ เหลือก็แต่เจ้าของร่างบางที่ความง่วงกำลังจู่โจมเป็นระยะ เปลือกตาหนาๆของเธอนั้นเริ่มหนักอึ้ง น้ำหนักทั้งหมดถ่วงให้มันค่อยๆปิดกันจนสนิทจากความเหนื่อยล้าของการทำงานมาทั้งวันไม่นานนัก เธอก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสมบูรณ์ในราตรีที่แสนยาวนานบนรถขนส่งพัสดุด่วนพิเศษแห่งทุ่งลิลลี่ที่ๆกลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตครั้งใหม่
ทางด้านของชายชรานักบวชแห่งหมู่บ้านลาเวนเดลผู้ซึ่งกำลังนอนอยู่บนโซฟาตัวโปรดนั้นก็กำลังเฝ้ามองหมู่ดาวที่เคลื่อนไหวแปลกๆนับร้อยดวง ไม่ต้องสงสัยให้ยากเลยว่าต้องเป็นรถขนส่งพัสดุด่วนจี๋แห่งทุ่งลิลลี่ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่เดียวกันอย่างแน่นอน เค้าถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับสวดมนต์ภาวนาขอให้ เธอคนนั้นสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ด้วยดีเถอะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
o-o นางเอกรันทดคือสไตล์ของไรท์เตอร์
ขอความเห็นกับคำติชมด้วยเน้อทุกท่าน ><
ความคิดเห็น