คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : กระเป๋าเป็นเหตุ!!
กระเป๋าเป็นเหตุ
ว้ากกกกกกกกกกก...กลุ้มเว้ยย ผมนั่งเรียนวิชาภาษาอังกฤษด้วยอาการมึนๆงงๆ
ไม่ใช่ว่าผมฟังไม่ออกนะครับ แต่ผมมัวแต่คิดเรื่องแฟนนะสิครับ
ผมว่าวันนี้คงเรียนไม่รู้เรื่องแล้วละ จะโดดสักหน่อยเป็นไง?
เฮ้ออออออออออออออออออ
นี่ก็ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วนะ ฟงแฟนก็หาไม่ได้เซ็งๆๆๆ เครียดด้วย
แต่จริงๆแล้วคือผมยังไม่ได้หาหรอก ฮ่าๆ
ก็จะให้ผมไปหาที่ไหนละครับ วันๆก็อยู่แต่กับเพื่อน =_=
นี่ถ้าผมไปงานสถาปนาโรงเรียนโดยที่ไม่มีแฟนไปด้วยนะ ผมต้องตายแน่ๆๆ
ก็แหมเล่นไปประกาศว่ามีแฟนแล้ว แถมยังไปบอกเองด้วยจะพาแฟนมางานด้วย
ไอ้ปากเสียนี่แก้ไม่หายจริงๆเล้ย ริทเอ้ย!!
เมื่อคิดได้ว่าจะโดดผมเลยจะชวนเพื่อนๆในกลุ่มไปด้วยกัน
เพื่อนผมนะหรอ? แค่ผมเอ่ยปากนิดเดียวว่าโดดกันเถอะ พวกมันก็ตกลงแล้วล่ะครับ ห่ะห่ะ
“เฮ้ยพวกมึง คาบบ่ายโดดกันไหม” ผมชวนพวกมันหลังจากเรียนคาบสุดท้ายของภาคเช้าเสร็จ แต่ก็ต้องตกใจกับคำตอบของพวกมัน
“ไม่!!!” พวกมันสี่คนหันมาพูดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
คือ พวกมึงตอบแบบไม่คิดกันเลยใช่ไหม?
โดดเรียนนะเห้ย พักผ่อนสมองอะไปเด่
“ทำไมว่ะ” ทำตอบก่อนจะทำหน้าเบะๆเหมือนจะร้องไห้
“กูกับไอ่เซนว่าจะไปดูหนังกับรุ่นน้องที่นัดไว้ว่ะ” ไอ่บอลพูด
“กูไปด้วยดิ น้าๆๆๆๆ ให้ริทไปด้วยนะ นะเซน น้า” พูดก่อนจะเดินเข้าไปเขย่าแขนเล็กๆของเซน
“ไม่ๆๆ มึงไปไม่ได้ มึงไม่เหมาะหรอกไอ่เตี้ย” ไอ่มันบอกก่อนจะลากไอ่บอลออกไป
อะไรว่ะแค่ไปดูหนัง ไม่เหมาะ?
แต่เดี๋ยวนะ? เตี้ย? มันว่ากูนี่หว่า..
เออจำไว้นะไอ่เพื่อนบ้า ถ้ามีเรื่องอะไรนะไม่ต้องมาบอกให้ไอ้เตี้ยคนนี้ช่วยเลย
คำก็เตี้ย สองคำก็เตี้ย !!
ผมมองตามไอ่สองคนนั้น ก่อนจะหันมามองไอ่นัทกับยัยเบลล์ที่ทำหน้างงอยู่ๆ
นี่หล่ะ!! เพื่อนแท้! หึหึ เพื่อนแท้ต้องไม่ทิ้งกัน! ไปไหนไปกัน! กูรักพวกมึงมากกกก
กูไม่ง้อมึงสองคนแล้วไอ่บอลไอ่เซน ชิ..
“ตกลงเบลล์กับมึงไปกับกูนะ ไปร้านเกมกันดีกว่า เนอะๆ”
“เอ่อ..ริทเบลล์ไปไม่ได้หรอก เบลล์โดดวิชาคณิตมาเยอะแล้ว แล้วตอนบ่ายมันก็..”
“พอ! เบลล์ไม่ต้องพูด ริทเข้าใจ งั้น..” เอาวะ!! ไปกับไอ้นัทสองคนก็ได้
ผมบอกเบลล์ก่อนจะหันหน้าไปทางไอ่นัท
“กูไม่ไป!!”
ผมขอถอนคำพูดว่าพวกมันเป็นเพื่อนแท้! และตอนนี้ผมก็เกลียดมัน!!!
“เออออออ กูไปคนเดียวก็ได้ กูโกรธพวกมึงทุกคนเล้ย!!”
และสุดท้ายริทน้อยผู้โดดเดี่ยวก็ต้องมาเผชิญหน้ากับกำแพงโรงเรียนที่มันสูงกว่าผมไม่เท่าไหร่
คือจริงๆคนอื่นปีนได้สบายนะ แต่ผมนี่สิ =_=’
ผมโยนกระเป๋านักเรียนของตัวเองไปยังฝั่งตรงข้ามก่อนจะค่อยๆปีนกำแพงโรงเรียนอย่างชำนาญ
จะไม่ให้ชำนาญได้ไง ปีนมาหลายปีละตรงนี้อ่ะ
แล้วที่สำคัญตรงนี้ไม่กล้องวงจร แถมยามของโรงเรียนยังไม่ค่อยเดินมาตรวจดูอีก
ตุ้บ!!!!
ในที่สุดผมก็ข้ามมาถึงอีกฝั่งจนได้ ผมเอามือบัดเสื้อผ้าเล็กน้อยเพื่อไล่ฝุ่นและขี้ดินที่เกิดจาดการลงไปคลุกกับพื้นเมื่อกี้
เอาหล่ะริท ไปพักผ่อนสมองหน่อยเป็นไง เล่นเกมนะเล่นเกม!!
ถึงแม้ว่าจะไปคนเดี๋ยวก็เถอะ ..
ผมเดินเข้ามาในร้านเกมท่ามกลางสายต่อของคนในร้านที่มองมาทางผมอย่างกับตัวประหลาด
มองทำไมว่ะ? แต่ชั่งเถอะ!! สงสัยเราน่าตาดีมั้ง
ผมเดินเข้ามาก่อนจะเจอพี่ผู้ชายที่เป็นเจ้าของร้าน
“อ้าวว น้องนี่เอง ทำไมวันนี้มาคนเดียวละเพื่อนๆไปไหนหมด โดดเรียนไม่ดีนะน้อง”
ผมมองกลับด้วยสายตาที่บ่งบอกว่า ‘เรื่องของกู’
พี่เค้ายิ้มแหยะๆก่อนจะบอกเครื่องที่ว่างให้กับผม
“เครื่องที่แปดนะครับน้อง”
เมื่อได้เครื่องที่ต้องการแล้วผมจึงเดินเข้ามาด้านในสุดของร้าน ทางด้านขวาจะเป็นห้องน้ำ ส่วนด้านซ้ายจะเป็นประตูหลังร้านซึ่งสามารถเดินออกไปได้เหมือนกัน เครื่องที่ผมนั่งเป็นเครื่องที่แปดซึ่งมันตั้งอยู่ติดกับตู้เย็นที่ททางร้านเอาไว้ขายน้ำให้บรรดาเด็กๆที่เข้ามาเล่นเกมทั้งหลาย
ผมนั่งลงบนเก้าอี้สีส้มตัวใหญ่ก่อนจะวางกระเป๋าสตางค์และกระเป๋านักเรียนไว้บนโต๊ะคอมและกดเปิดปุ่มเปิดเครื่อง ไม่นานเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ติดผมไม่รอช้าก่อนจะกดเล่นเกมที่ผมชอบเล่นมากที่สุด
เกมมารีโอ้!!
ใช่เกมเก็บเห็ดที่หลายๆคนชอบพูดกันนั้นแหละ ถ้าผมบอกว่าผมชอบคงไม่ผิดใช่ไหม? ฮ่าๆ
เมื่อเล่นไปได้สักพักผมก็มีความรู้สึกว่ามีคนจ้องหน้าผมอยู่ แต่เมื่อผมหันมาก็เห็นบุคคลที่นั่งข้างผมซึ่งเป็นเครื่องที่เจ็ดนั้นเองนั่งจ้องหน้าผมพลางทำตาโตไปด้วยยังกับว่าตัวเองเห็นผีอย่างงั้นแหละ
แต่เมื่อผมลองมองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดๆกับเห็นว่าใบหน้าของเขาที่หล่อใช่ได้เลยนะ ตาตี่เล็กเหมือนคนจีน จมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าขาวเนียน มันทำให้ผมใจเต้นแปลกๆ
ในขณะที่ผมกำลังชื่นชมใบหน้าอยู่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าก็เอ๋ยทักผมขึ้นมาเสียก่อน
“มองอะไร!”
เอ่อ..ผมว่ามันไม่ได้ทักผมแล้วละ นี่มันเข้าข่ายหาเรื่องแล้วนะ
“ก็นายมองฉัน!!” ผมตอบกลับไป
มันก็จริงนะครับ! นายนี่มองผมก่อนไม่ใช่หรอ
“นายอย่ามาแก้ตัวเล้ย อยากได้เบอร์ฉันใช่ไหม? เอามือถือมาสิ” มานั่นบอกผมก่อนจะแบมือขึ้นมาเหมือนรอให้ผมเอาโทรศัพท์ให้
“นายอย่ามาบ้า ไม่ได้อยากได้เบอร์สักหน่อย หน้าตาก็งั้นๆ” ผมบอกก่อนจะหันหน้ามาสนใจเกมต่อ
“หน้าตางั้นๆ? นี่..” ยังไม่ทันที่นายคนนี้จะพูดจบก็มีเสียงเรียกขึ้นมาเสียงก่อน
“พวกมึงๆนี่เร็วๆ พวกผู้หญิงงี่เง่านั้นมาอีกแล้ว เร็วๆพวกมึง”
นายคนที่วิ่งเข้ามาใหม่จะโกนบอกเพื่อนที่อยู่ในร้าน รวมถึงนายที่นั่งเครื่องเจ็ดคนนี่ด้วยมั้ง เพราะนายนี่ทำหน้าเบื่อๆก่อนกดปิดคอมพิวเตอร์และหยิบกระเป๋านักเรียนของเขาและกระเป๋าตังค์ของผมวิ่งออกไปทางหลังร้าน
ห้ะ??? กระเป๋าตังค์ผม? เห้ย!!
เมื่อผมตั้งสติได้จึงหยิบกระเป๋านักเรียนวิ่งตามออกไปทางที่พวกนั้นวิ่งไปคือทางสวนสาธารณะแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงเรียนผม ผมวิ่งตามพวกนายนั่นมาอย่างเหนื่อยๆ ก่อนที่ผมจะออกจากร้านเกมผมเห็นเหมือนมีกลุ่มผู้หญิงยืนอยู่หน้าร้าน ผมว่านายพวกนนี้น่าจะวิ่งหนีผู้หญิงพวกนั้นนะ
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก
“นายๆ หยุดก่อนๆ” ผมวิ่งตามและตะโกนบอกไอ้พวกที่วิ่งอยู่ข้างหน้าให้หยุดวิ่ง
“เห้ยๆนายหยุดก่อน พวกมึงอะที่อยู่ข้างหน้าอะ” เอาวะเรียกนายไม่หัน เรียกมึงแม่งเลย
และพวกมันก็หยุดจริงๆครับ ฮู่ววว..
“นายเครื่องที่เจ็ด..เอากระเป๋าฉันคืนมา”
พวกนั้นมองผมอย่างงงๆ และทำสายตาประมาณว่า ‘ไอ่เตี้ยนี่ใครวะ’
“ใครเอากระเป๋านายไป?” นายเครื่องที่เจ็ดเป็นคนพูด
ดูมันครับ!! ยังไม่รู้สึกตัวอีกนะ
“นายนั่นแหละ! เอากระเป๋าตังค์ฉันคืนมา”
นายนั่นก้มมองที่มือตัวเองก่อนจะทำหน้าเจื่อนไปนิด
“หยิบมาตอนไหนว่ะ!!”
“จะรู้ไหมละ เอาคืนมาด้วย”
นายนั่นทำหน้าเซ็งๆก่อนจะคืนกระเป๋าให้ผมโดยการโยน ย้ำครับว่าโยน!
แม่ง! คืนดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง
“ชื่ออะไร” อยู่ดีๆนายนั่นก็พูดออกมา พูดกับใครวะ
ผมทำหน้างงก่อนจะมองไปรอบๆว่ามีใครอยู่อีกไหมนอกจากผมและพวกของนายเครื่องที่เจ็ดอีกสามคน
“ฉันถามนายนั่นแหละ ไอ่เตี้ย!” เตี้ยพ่องงส์
“ไม่ได้เตี้ยเว้ย พวกนายอะสูงเกินไป!!”
ไม่ยอมนะเว้ยใครว่าเตี้ยเนี่ย!! ถ้าไม่ติดว่านายนี่หล่อและมีพวกเยอะกว่านะ ผมกระโดดต่อยไปแล้ว!!
“ตกลงชื่ออะไร”
“ทำไมต้องบอก?”
ใช่! ทำไมผมต้องบอกว่าชื่ออะไร
“ก็ฉันถาม นายก็ต้องตอบ เข้าใจ๋”
ผมมองไปรอบๆเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนไอ่บ้านี่ ใช่ตายสิ! เพื่อนนายนี่ทำเหมือนไม่เห็นผมสักคน
“ริท ชื่อริท เรืองฤทธิ์” ในที่สุดก็ต้องบอก
“นามสกุลล่ะ” นานนั้นยังถามต่อ
“ไม่ถามชื่อพ่อแม่เลยละ ถามจะถามเยอะแยะ” ผมประชดออกไป แค่ชื่อก็น่าจะพอละ ถามไรมากมาย
“ก็ดีนะ นายสะดวกหรือเปล่าเล่าประวัติให้ฟังหน่อย”
นายนั่นทำหน้ากวนพร้อมกับยักคิ้วไปด้วย
ไอ่บ้าเอ้ย!!
“ชื่อเรืองฤทธิ์ ศิริพานิช ชื่อเล่นว่าริท พอใจยัง”
พอผมเอ่ยจบ จู่ๆนายนั่นก็เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผมก่อนจะทำหน้าตกใจเล็กน้อย
“นายเอาหน้าออกไปได้ไหม อึดอัดวะ” ผมเอามือพลักหน้านายนั้นออกไป
“ก็ไม่ค่อยอยากจะมองเท่าไหร่หรอกนะ เฮอะ!”
“แล้วนายละชื่ออะไร ถามแต่ชื่อฉัน” ผมถามออกไป
นายนั่นรู้ชื่อผม แต่ผมไม่รู้ชื่อเขา ไม่ยุติธรรมเล้ยย!
“ชื่อคิน ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ นายรู้จักฉันมั้ย?”
“จะบ้าป่ะ ก็ถามอยู่ชื่ออะไร ถ้ารู้แล้วจะถามไหมละ ประสาท!!!”
ท่าทางหมอนี่จะบ้าวะ ผมถามไปว่าชื่อยังจะถามกลับมารู้จัดไหม ถ้ารู้จักจะถามหากุมารอะไรละ
ผมว่าผมคุยกับนายนี่เพลินไปนะ เพราะผมรู้สึกว่าตอนนี้เหลือแค่ผมและเขาเท่านั้นที่คุยกัน ตอนแรกก็คุยกันอยู่สองคนอยู่แล้วแต่ผมเพิ่งสังเกตได้ว่าเพื่อนของนายนั่นหายไปหมดแล้ว
ผมกับนายเครื่องที่เจ็ดยืนเงียบกันอยู่ได้สักพักนายนั้นก็พูดประโยคที่ทำให้ผมตกใจ
“นายนี่น่าสนใจนะ เป็นแฟนกันไหม?”
“ห้ะ?O_O”
ผมว่าไอ่บ้านี่ต้องเพี้ยนไปแน่ๆ อยู่ดีๆมาขอผมเป็นแฟน ผมว่ามันต้องบ้าๆๆ
“อย่ามัวแต่ทำหน้าเอ๋อสิ เป็นแฟนกับฉันต้องทำตัวให้ฉลาดๆด้วยละ”
“ฉันยังไม่ได้ตกลงเลยนะว่าจะเป็นแฟนกับนาย”
“ก็ฉันสั่ง นายก็ต้องตกลง!” ไอ่บ้านี่ก็ยังบังคับผมต่อไป
“ไม่ๆๆๆ” ผมปฎิเสธ
จะบ้าหรือไงรู้จักกันยังไม่ถึงชั่วโมงจะให้เป็นแฟนกันแล้ว นี่ถ้าผมกับมันรู้จักกันอาทิตย์นึงมันไม่ขอผมแต่งงานเลยหรอวะ
ท่าทางนายนี่จะประสาทแดกนะ T^T
“โอเค ตกลงแล้วนะเราสองคนเป็นแฟนกัน”
กราบสวัสดีค่าา เอาตอนที่1 มาลงให้อ่านกันแล้วนะค่ะ
เอามาฉลองเปิดเทอม ฮ่าๆ พรุ่งนี้ไรต์เปิดเทอมละ ไม่รู้ว่าจะเอามาลงให้อ่านกันได้อีกไหม
หลายไปหลายวันไม่ใช่ไรหรอก โดนอะไรไม่รู้บาดมือ มันพิมพ์ไม่ค่อยถนัด แสบมากด้วย
แต่ยังก็จะพยายามหาเวลาแต่งและเอามาลงแล้วกันน่ะค่ะ
เข้ามาคุยกันทางทวิตได้นะค่ะ @amritz88
สั้นไปหรือยาวไปก็บอกกันได้นะค่ะ มือใหม่ก็อย่างนี้ละ ฮ่าๆๆ
รักรีดเดอร์ จุ๊บๆๆ
ปล.ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นทุกท่านค่ะ
ความคิดเห็น