คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ลาก่อนบ้านเกิด....
ตอนที่ 1
เย้ยาหู้ จุ๊กกู๊ ตะแง่วววววว
วันนี้แล้วซินะที่ฉัน โด้น้อยจะได้ก้าวสู่โลกกว้างได้ออกจากบ้านที่หนองหินกระโถน สู่เมืองกรุงไปทำงานอิอิ คราวนี้ละนะฉันจะทำงานส่งครอบครัวและน้องๆทั้ง 2 ให้ได้มีชีวิตดีๆ
เห้อออ แต่คิดแล้วก็เป็นห่วงทุกๆคน แต่ทำไงได้ล่ะ ยังไงฉันก็ต้องไปเพื่ออนาคตของเราทุกคน
ฮึ่บ สู้เว้ยยยยยยย!!!!!!
เห้ยย สามล้อมาละต้องโบกกก่อนๆ เดียวอดไป
“ลุงคร้าบบบบ จอดหน่อยยยยย” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ดัง เพื่อหวังให้เค้าได้ยิน แต่ที่ไหนได้ไอ้ลุงหน้าเงือกเปลือกมังคุดนั้น กลับหันมามองหน้าฉันแล้วหันหน้าหนีเฉยเลยอ่า ชิ ยังงี้ต้องเจอไม้เด็ด
“พี่คร้าบ จอดรถหน่อยได้มั้ยคร้าบ พอดีจะเข้า...” พูดยังไม่ทันจบเฮียแกก็เหยียบเบรกสนั่นลั่นทุ่ง แล้วหันมามองฉันด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“หลานชาย จะไปไหนหรือจ้ะ เดียวพี่พาไปส่งให้ถึงที่เลย” โอ้โหดูมันพูดหน้ามันปาไป 70 แก่กว่าพ่อตูอีกเห้ออออออ
“อ้อ จะเข้าเมืองไปหางานทำน่ะจ้ะ ฉันเองไม่ค่อยรู้เส้นทางหรอกจ้ะลุง เอ้ย พี่พอจะรู้ไหมจ้ะ” เกือบอดไปแล้วไง อีโด้ เห้อสติๆๆหน่อย เพื่อครอบครัวๆคิดไว้ เงินๆงานๆ
“อ้อ เดียวพี่พาไปเองจ้ะ เดียวลงจากพี่ก็ต่อรถอีกนิดหน่อยก็ถึงแล้ว” ได้ยินอย่างนี้ค่อยสบายใจหน่อยต่อรถไม่เยอะจะได้ไม่เสียเงินมาก ฉันเลยตัดสินใจและตกลงเดินทางไปพร้อมกับตาลุงหน้าเงือกนั้น และในระหว่างการเดินทางที่แสนจะอึดอัดนั้นตาลุงเด๋อด๋านี้ก็ฟังแต่เพลงของ พี่จินตหรอย พูนน้ำตก เห้อฉันละเพลียทั้งเพลงมีแต่ ส้มโอ ส้มโอ ส้มโอ ส้มโอ ลูกทั้งเล็กไม่ใหญ่ ใครซื้อมาทานต้องรีบปาออกไป อื้มหื้ออ ฟังจากเพลงแล้วจะมีใครซื้อกินฟร่ะ
เจอแบบนี้เพลียนอนดีกว่า พอถึงแล้วลุงแกคงจะปลุกฉันเองละ
แป๊ะๆๆแหม่ะๆ
เห้ยเสียงไรนะ รู้สึกเหมือนอยู่ข้างหูมากๆด้วย ฉันเลยตัดสินใจค่อยๆลืมตาขึ้นมา สิ่งที่ประจักษ์กับสายตาคือ ฉันนอนอยู่ที่ไหนสักที่ ที่มีรถเยอะผู้คนขวักไขว่ เต็มไปหมดดูช่างหน้าสับสนวุ่นวายและในตอนนี้ก็มืดมากแล้ว เพราะฉันมองเห็นพระจันทร์ดวงกลมโตตระหง่าน อยู่กลางท้องฟ้าเอ๊ะแต่เดียวก่อนนะเมื่อกี้เสียงอะไรนะไอ้ แม๊ะๆอะไรนั้นอะ ฉันเลยพยายามกวาดสายตาสอดส่องดูให้ทั่ว สายตาฉันก็ไปพบกับสุนัขเพศใดไม่ทราบ ตัวโตเต็มวัย พันธุ์อะไรอันนี้ตัวฉันเองก็ไม่ทราบเพราะที่บ้านเลี้ยงแต่หมี ไม่ใช่หมีแพงๆพันธุ์ดีอะไรหนักหรอก หมีควายนะ วันนั้นมันหลุดมาจากไหนไม่รู้จะมากินผ้าถุงยายฉันน่ะสิเพราะยายดันใส่ผ้าถุงลายต้นไผ่ ฮ่าๆๆ ทำให้วันนั้นฉันรู้ว่าหมีควายกินต้นไผ่ มันไล่งับยายจนผ้าถุงอันยุ่ยๆ ของยายด้านหลังที่ปกปิด เอิ่ม ก้นยายนะหายเกลี้ยงไปอยู่ในท้องหมีควายตัวนี้ คนทั้งตำบล หนองหินกระโถนจึงได้เห็นโบราณวัตถุที่ไม่พึงประสงค์ กันทั่วหน้าเด็กบางคนเห็นถึงกับร้องไห้ไม่ใช่เพราะกลัวหมีควายหรอกนะ แต่คงจะกลัวตูดยายฉันเองนะสมัยก่อนที่ยายยังเป็นสาวยายแกติ่ง พี่อู๊ด โปงลางสะหลอก แกเลยไปสักหน้าพี่อู๊ดที่ตูดน่ะ พอแก่มาก้นแกเริ่มเหี่ยวหน้าพี่อู๊ดจึงเปลี่ยนแปลงไปคงไม่ต้องอธิบายนะว่าจะเป็นยังไง ชาวบ้านเห็นท่าไม่ดีรีบเอาผ้ามาช่วยกันปกปิดก้นของยาย และชาวบ้านที่เหลือก็ไปช่วยกันจับเจ้าหมีตัวนั้นหลังจากจับได้แล้วชาวบ้านทุกคนก็ต่างลงความเห็นให้ฆ่ามันทิ้งซะ แต่ด้วยความที่ฉันเองนะเป็นคนขี้สงสาร ชอบเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แม่พระ รักความยุติธรรม จำแต่บทสวดมนต์ สนแต่ความดีงาม กามไม่เคยข้องเกี่ยว จึงคิดได้ว่า ต้องช่วยเจ้าหมีตัวนี้ฉันเลยตัดสินใจบอกทุกคนไปว่าฉันจะดูแลเจ้าหมีตัวนี้เอง แต่มีหลายคนที่ขัดค้านเพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์อันน่าสะพรึงเช่นวันนี้อีก แต่ฉันก็รับปากทุกคนว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นวันนี้อีก จนทุกคนยอมตกลงกับข้อเสนอของฉันและเห็นใจในความเป็นคนดีของฉัน (บางครั้งก็เข้าข้างตัวเองมากไปนะจ้ะศรีโด้) จึงยอมให้ฉันดูแลหมีควายนั้นโดยที่ชาวบ้านให้ชื่อกับมันว่า น้องไหม หรือสายไหมนั้นเอง อิอิช่างเข้ากับหน้ามันเหลือเกิ้นเหลือเกิน อุ้ยตายแล้วเพ้อเข้าเรื่องตัวเองไปเรื่อยกลับมาเรื่อง ณ ปัจจุบันที่กำลังเกิดขึ้นก่อน เอาเป็นว่าหมาตัวนั้นเป็นตัวส่งเสียงนั้น เอ้ะ แต่เดียวนะ ไอ้ลุงหน้าเปลือกมังคุดนั้นมันอยู่ไหนอะ ถ้าไม่มีลุงแกฉันจะไปถูกยังไงละเนี่ย เอ้ะแต่เดียวนะฉันมีแผนที่นี้น้าลองเปิดดูหน่อยดีกว่า
ฟึ่บๆ
เห้ยซวยแล้วไงกระเป๋าตังค์หายแผนที่ก็หายเหลือแต่เสื้อผ้าอย่าบอกนะว่าไอ้ลุงนั้น อ้ากกกก อย่ากรี๊ดร้องแกกล้าดียังไงมาขโมยของๆฉันห้ะ ถ้าเจอเมื่อไหร่ละจะต่อยให้หน้ากลายเป็นเปลือกทุเรียนแทนเลยฮึ่ยยยยแล้วที่นี้ฉันจะเอายังไงต่อไปดีละที่นี้
(-- )( --) หลังจากหันซ้ายแลขวาอยู่สักพักก็ไปจ้ะเอ๋กับคำว่า “รับสมัครพนักงานเพิ่ม” เอาว่ะไหนๆก็มาแล้วถอยกลับตอนนี้ก็คงไม่ได้หรือจะเรียกให้ถูกว่า เงินหมดไม่มีปัญญากลับบ้านจ้า^^
ฉันเลยตัดสินใจดึงใบรับสมัครงานติดมือมาด้วยและเดินเข้าไปสมัครงานที่นั้นทันที พร้อมกับเจ้าหมาผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่ซึ่งเดินตามตลอดตลอดจ้า
แอ๊ดดดดดดด
“เอิ่ม สวัสดีครับคือผมมาสมัครงานอะครับ ไม่ทราบว่า..”
“เต็มหมดแล้ว” อะไรเนียนี้ฉันยังไม่ได้ยื่นใบสมัครที่ไปดึงมาให้เข้าดูเลยนะ โอ้ยอะไรเนียเต็มหมดแล้ว แล้วที่นี้จะทำไงดีละเนีย โหโรงแรมออกจะกว้างใหญ่มีที่พอให้ฉันอยู่อยู่แล้วสิ โห พี่กะเทยใจงามช่วยรับเด็กน้อยตาเหลือกๆเข้าทีน้าได้โปรดละพลีสสสสสสสส
“แต่พี่ครับช่วยรับผมหน่อยเถอะน้าไม่มีที่ไปแล้วจริงๆอ่า พลีส” ฉันรีบยกมือไหว้กะเทยหน้าปุที่ยังกะมีคนไปเพาะยานอวกาศแล้วทิ้งสะเก็ดระเบิดไว้บนหน้านาง และพยายามยิ้มอย่างเป็นมิตรเพื่อว่าเผื่อนางจะใจดี สงสารเด็กน้อยอย่างฉัน
“นี้ หนูจ้ะ เจ๊จะบอกเอาไว้ให้เอาบุญนะลูกทางเราไม่รับตุ๊ดจ้ะ แล้วยิ่งจะมาสวยกว่าเจ๊อะนะ โน้วเวย์จ้ะมาทางไหนไปทางนั้นนะจ้ะ แล้วยิ่งวันนี้นะจ้ะพ่อหนุ่มสุดหล่อที่ชื่อนี้ยังกะอิมพรอทมาจากต่างประเทศจะมาที่โรงแรมของเรา ฉันคิดว่าเธอนะควรรีบๆไปซะเถอะนะเดียวฉันต้องไปเตรียมโบ๊ะหน้าโกนหนวดก่อน เค้าจะได้เห็นหน้าสวยๆเริ่ดๆของฉัน” โอ้โหนี้เจ้แกเป็นเอามากนะเนีย แล้วไอ้หนุ่มหล่ออะไรนั้นมันหล่อขนาดไหนกันทำไมถึงได้มีแต่คนกรี๊ดกร๊าด เห็นตั้งแต่เดินเข้ามาละ อื้มหื้อแต่ละคนไม่เว้นแม้กระทั่งยามหน้าโรงแรมยังพูดกันเลยว่าวันนี้ต้องหล่อที่สุดเพราะคนที่จะมาพักโรงแรมเรานี้ระดับแถวหน้าของวงการเลย ฉันเองก็งงจะหล่อไปทำไมจ้ะพี่ยามเค้าคงไม่สนใจว่าพี่หล่อไม่หล่อหรอก -*- โอ้ยเพลียคิดแล้วเครียดไปฉี่ดีกว่าว่าแต่ว่าห้องน้ำอยู่ทางไหนน้า โอ้ะๆนั้นไงเป็นภาษาอังกฤษซะด้วย เอ๋สมัยเรียนฉันเองก็ไม่ค่อยเก่งซะด้วยสิ แต่เหมือนจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า ห้องน้ำภาษาอังกฤษต้องมี เอ็ดๆนี้ละแล้วนี้อะไรเนีย ซะ..ซะ.ซี เค..
เคร็ด อ้อ ซีเคร็ด อ่าต้องใช้แน่ๆเลย ใช่ไม่ใช่ไม่รู้ละแต่จะราดแล้วอ้าก ต้องรีบเข้าไป ห้องไม่ล็อคด้วยชัวร์ป้าบล้านเปอร์เซ็นว่านี้คือห้องน้ำสาธารณะเพราะไม่งั้นจะต้องมีการล็อคเอาไว้
แอ๊ดดดดดดด
โอ้โห ห้องน้ำช่างหรูหราเสียนี่กระไรมีเตียงมีโซฟาในห้องด้วยโอ้โห สงสัยจะกลัวเวลาคนมารอเข้าห้องน้ำนานจะเบื่อ เลยต้องจัดมุมไว้ให้นั่งเล่นนอนเล่นละมั้ง อุ้ยตายมีครัวด้วย โห้คิดได้ไงเนี่ยมีครัวในห้องน้ำคงได้กลิ่นขี้ตุ่ยๆละทีนี้ ใครจะไปกินลงฟร่ะ โอ้ยไม่ไหวถ้ามัวแต่เดินเพลินฉันคงต้องฉี่ราดแน่ๆโถส้วมไปมุดอยู่ไหนนะเนีย ตึกๆๆๆ โอ้ะห้องเล็กๆนั้นที่มีประตูเปิดแง้มๆอยู่ทำให้ฉันสามารถมองเห็นโถส้วมว่างตั้งตระหง่านอยู่ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งไปปลดทุกข์ อ่าห์ สบายจังเลย
“อ๊ากกกกกกก”
“ กรี๊ดหล่อจุงเบย”
“ ขอถ่ายรูปได้ไหมคะ”
“ อ้ากตัวจริงดำกว่าในทีวีอีก “
“คนหรือถ่านมีขาคะเนีย หล่อสะท้านฟ้ามว๊ากกกกกกกกกก” เอ้ะเสียงอะไรอะ คนกำลังฉี่อยู่ดีๆเลยน้า
ฉันจึงรีบลุกรูดซิปกางเกงและกดน้ำชักโครกในขณะที่ฉันจับลูกบิดเตรียมจะออกไปหูก็พลันได้ยินเสียงเหมือนประตูเปิดออก เอ้ะ สงสัยจะมีคนมาเข้าห้องน้ำละมั้งฉันเลยตัดสินใจตะโกนออกไปว่า
“อ่อ เสร็จแล้วครับรอแปปนะ” เงียบกริบไร้เสียตอบรับ เอ้ะอย่าบอกนะว่าผี ฮือออ ฉันยิ่งชอบฟังวิทยุรายการเดอะชุค ของพี่ปั้ง กะพาน ทองพลุบ อยู่อย่ามาหลอกมาหลอนเลยน้า สาธุโด้น้อยกลัวแล้ว
ตึกตัก ตึกตัก เห้ย เสียงมันเหมือนกับว่ากำลังมีอะไรบางอย่างกำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆแล้วอ้า ตายแน่อีโด้ ตายแน่ พุธโธ นะโม
ปังง!!!
โอ้ย อยู่ๆดีๆประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรง ดั่งกับว่ามีแรงมหาศาลจากภายนอกมากระทำกับประตูจึงส่งผลให้ประตูกระแทกหน้าร่างเล็กเต็มๆ จนล้มไม่เป็นท่า อ้าซ่าอยู่กับพื้น
“ โอ้ยยย เจ็บง่า” ฉันพูดไปพลางสำรวจร่างกายตัวเองไปในขณะนั้นเองฉันก็ได้หันไปสบตากับชายร่างสูงผิวสองสีนัยน์ตาคมเข้ม คิ้วโค้งได้รูป ริมฝีปากเป็นกระจับผมสีทองส่องประกาย อ่าห์ฟิน บอกตรง
“นี่ เธอเข้ามาทำอะไรในห้องฉัน”
“…” ที่ไม่ตอบเพราะกำลังเคลิ้ม
“นี่นาย! มาทำอะไรที่นี้” เค้าพูดพลางนั่งลงยองๆกับพื้นและจับบ่าของฉันเอาไว้แน่น โอ้ไม่นะอย่าบอกนะว่าจะจูบเนี่ย เห้ยฉันยังไม่พร้อมเลยแต่ว่าก็โอเคนะ เผยอปากนิดๆละกัน
“เอ่อ ประตูกระแทกปากหรอเจ่อเชียว เลิกทำหน้ายังงั้นสักทียังกะอึ่งอ่างต่างประเทศ ฉันกลัว“
“ห้ะ เอ่อนี้นายไม่ได้จะเอ่อ ช่างมันเถอะแล้วนี้นายจะถีบประตูทำไมทำลายห้องน้ำสาธารณะมีเงินจ่ายค่าห้องน้ำหรือไง”
“นี้มันห้องน้ำในห้องที่ฉันจองเอาไว้ห้องน้ำสาธารณะบ้าบออะไรของนายหะ”
“เอ้าก็มันเขียนอยู่ว่า secret room ไม่ได้แปลว่าห้องน้ำหรอ”
“นั้นมันชื่อห้อง -*- เป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัวนะ secret แปลว่าความลับห้องนี้เลยจะออกแนวลึกลับหน่อยนี้นายโง่หรือแกล้งโง่กันเนี่ย อ้อรู้ละสงสัยคงอยากใกล้ชิดฉันละสิเลยต้องทำถึงขนาดนี้ เหอะๆบอกไว้ก่อนนะตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีเหนื่อยๆอยู่ไม่มีอารมณ์ปลุกปล้ำใครตอนนี้หรอกแต่ถ้านายอยากมากละก็ทิ้งเบอร์ไว้ละกันนะเดียวโทรกลับ เพราะดูไปดูมา ” เค้าไม่ทำแค่พูดอย่างเดียวแต่ดันเอามือมาลูบไล้ใบหน้าขาวเนียนและเชยคางฉันเข้าไปมองใกล้ๆและก้มลงมากระซิบข้างๆหูของฉันว่า
“นายเองก็หน้าตาดีเหมือนกัน ” อร๊างงงงง เขินนนนนนนไปสิ ฟินไปสิโด้ไม่ได้ๆต้องรักนวลสงวนตัว ฉันเลยปัดมือเค้าแล้วรีบยันตัวเองเพื่อให้ลุกขึ้นยืนได้ แต่ดันเสียหลักดันล้มเซไปข้างหน้า เค้าเองก็เสียหลักเพราะฉันเอามือไปผลักเค้าเราจึงล้มลงไปด้วยกันในสภาพที่ฉันนอนทับเค้าอยู่ โอ้ะโอ้ หน้าฉันห่างกับเค้าแค่คืบ รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่รินรดกันและกัน และมือทั้งสองข้างนั้นก็โอบรอบเอวของฉันเอาไว้ โอ้ยอย่างนี้ก็ละลายเลยสิ ศรีโด้ เห้อ^^” ไม่ได้ๆนึกถึงหน้ายายและน้องๆของเราไว้สิอีโด้ จะทำให้วงษ์ตระกูลเสียชื่อเสียงไม่ได้น้า ฉันเลยพยายามจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นแต่อีตาบ้านี้ก็โอบไว้สะแน่นเลย แล้วตูจะลุกยังไงละเฟ้ยยย
“นี่นาย เอามือออกสักทีสิ ไม่งั้นฉันจะลุกไงละกอดไว้อย่างนี้ก็ได้ทับกันแบนพอดี” ฉันเองก็พูดไปและพยายามทุบแผลงอกเค้าอย่างพัลวัน
“นี้มันห้องฉันฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน”
“นี้ฉันจะไม่ว่าเลยถ้าอะไรที่นายอยากทำไม่ใช่กอดฉัน โอ้ยอึดอัดโว้ย “
“นายจะดิ้นทำไมนี้ไม่ใช่สิ่งที่นายต้องการหรอ”
“นายหมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่าตอนแรกฉันกะว่าจะมานอนพักสัก ชม. สอง ชม. แต่ตอนนี้……”เค้าพูดพลางมองฉันตั้งแต่คอลงไปถึงหน้าอกขอย้ำว่าตอนนี้ฉันยังทับเค้าอยู่และมือเค้ายังโอบเอวฉันอยู่ โอ้ยจะรวมกันเป็นร่างเดียวแล้วมั้งเนีย
“ฉันไม่อยากทำแค่นอนแล้วสิ อยากทำอะไรที่สนุกๆกว่านั้น” เค้าพลางพูดพยายามดันฉันเข้าไปใกล้ๆ และเค้าเองก็พยายามเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ ไม่นะไม่ได้ ฉันเกิดมา 18 ปีจะมาโดนขโมย เฟิสคิส ไปไม่ได้นะฉันจะเก็บไว้ให้ โดม ปะการัง คนเดียวเท่านั้นที่ฉันไม่เคยจูบกับใครเพราะจะให้พี่โดมคนเดียว อ้ากกกกก
แอ๊ดดด
“นี้นายทำบ้าอะไรของนายเนีย” อยู่ดีๆประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้งด้วยมือของชายร่างสูงโปร่งผิวขาว ตาโต จมูกโด่งเป็นสันเส้นผมสีน้ำตาลและใบหูที่ค่อนข้างจะกางยังกะช้างดัมโบ้ในการ์ตูนสมัยเยาว์วัย
ทำให้อีตาบ้านั้นปล่อยมือจากเอวของฉัน ฉันจึงใช้โอกาสนั้นรีบดันตัวเองลุกขึ้นมา และเค้าเองก็ค่อยๆลุกตามฉันขึ้นมาเช่นกันพร้อมกับเสยผมให้กลับมาหล่อลากดินดั่งเดิม
“แล้วนายเห็นว่าฉันทำอะไรอยู่ละ” อีตาบ้านั้นถามเพื่อนของเค้าด้วยน้ำเสียงกวนประสาท
“นี่ ไคเบาๆหน่อยนะเรื่องแบบนี้อะ กระแสนายนี้เพลย์บอยตัวพ่อของวงการเลยนะ”
“โถ่ ยอลมันเรื่องปกติว่ะ ถ้าไม่ทำนะซิแปลกอาจเป็นไปได้ว่าคนๆนั้นที่นายเห็นอยู่อาจไม่ใช่ฉัน มันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉันไปแล้วสิ ว่าแต่อาเจ้สุดที่รักนายไม่มาหรอ ”
“รายนั้นขอตัวไปทำธุระนะเดียวคงจะกลับมา”
“อ้อ หรอวะปล่อยไป คนเดียวแบบนี้ไม่กลัวคนมารุมจีบเจ๊แบคแย่หรอ คนเค้ายิ่งน่ารักๆอยู่”
“โห ระดับนี้แล้วฉันให้พกนกหวีดไว้ตลอดล่ะ ยัยนั้นเป็นแฟนฉันนะ ฉันก็ต้องดูแลซิ” เอิ่ม มันดูแลยังไงของมันว่ะ ปล่อยแฟนไปไหนไม่รู้และยังให้พกนกหวีดอีกสงสัยจะให้ไปรับจ๊อป เป็นยามอยู่กลางถนนเป่านกหวีดปรี๊ดๆ แน่เลย
“นกหวีด ?” อีตาบ้าไคถามขึ้นพลางทำหน้าสงสัย ที่ฉันรู้ว่าเค้าชื่อไคเป็นเพราะว่า ฉันได้ยินคนชื่อยอลเรียกชื่อเค้าเช่นนั้นฉันเลยเรียกตามน่ะ
“อือ ใช่นกหวีด” คนที่ชื่อยอลตอบด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น
“มันเอาไปทำอะไรได้วะ ” อย่าว่าแต่เค้าเลยฉันเองก็แอบสงสัยอยู่ไม่น้อย
“โห ช่างโง่ เขลาเบาปัญญาเสียจริงเพื่อนรัก ก็ถ้าสมมุติว่ามีอันตรายเกิดขึ้นกับศรีภรรยาของฉันหรือเมื่อใดที่เธอต้องการฉัน ก็ให้เป่านกหวีดแล้วฉันจะได้รีบไปหาหรือช่วยได้อย่างทันท่วงทีไงละ โง่จริงๆเลยนะนายเนี่ย” เดียวนะ นายเพ้อเจ้อปะเนียแค่แฟนนายอยู่หน้าปากซอยต่อให้เป่านกหวีดหรือไปเรียกไดโนเสาร์มาช่วยเป่าก็ยังไม่ได้ยินเลย สงสัยเค้าจะดูหนังมากไปนะ-*-
“เอิ่ม ฉันว่า.... เรื่องนี้ฉันขอไม่ยุ่งดีกว่า” ไคพูดพร้อมทำหน้านิ่งๆสงสัยเค้าคงเริ่มคิดว่าเพื่อนตัวเองชักจะไม่ค่อยเต็มแล้วซิ อย่าว่าแต่นายเลยที่คิดฉันเองก็คิด
“ว่าแต่ คนนั้นใครอะน่ารักจัง” ยอลพูดพลางเดินเข้ามาจ้องหน้าฉันใกล้ๆแต่อีตาไคบ้านั้นก็รีบโอบเอวฉันเค้าไปใกล้ๆแล้วใช้มือที่ว่างอยู่ผลักอกเพื่อนออกไปเบาๆ
“คนนี้เป็นของฉัน แกห้ามยุ่งนะชานยอล” เค้าพูดพลางกระชับอ้อมแขนของเค้าให้แน่นมากขึ้นทำให้ฉันเริ่มรู้สึกเจ็บที่เอวขึ้นมานิดๆละ อีตาบ้านี้ฉันเจ็บนะว้อย
“เอ้าหรอ มีตรงไหนเขียนไว้ว่าเป็นของนายอะ ” เค้าพูดพลางมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาท้าทาย
“ชานยอลฉันเตือนนายแล้วไง อย่ามายุ่ง!”เค้าพูดพลางโอบแน่นเค้าไปอีก ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังใส่ที่รัดเอวเหมือนพวกเจ้าหญิงอังกฤษที่เอวขอดๆกัน อ้ากตูหายใจไม่ออกเฟ้ย
“โหแค่นี้ต้องดุด้วยไม่ยุ่งหรอกหน่า มีแค่แบคกี้คนเดียวฉันก็ไม่ต้องการใครละ ” เค้าพูดพลางอมยิ้ม ถ้าให้เดาคงไม่พ้นนึกถึงหน้าเมีย
“ก็เท่านั้น” ไคพูดพลางคลายมือที่โอบรัดเอวฉัน ออกแต่ยังคงโอบอยู่ ทำไมนายไม่เอาออกไปซะละ อย่างนี้คนเค้าคงเข้าใจผิดกันหมด
“ว่าแต่นายเป็นใครละ มาทำอะไรที่นี้” คนที่ชื่อชานยอลถามฉันด้วยความสงสัย
“คือฉัน เอ่อ หลงทางอะคือแบบ จะเล่าไงดีอะ เอ่อคือ..“
“ตานี้เป็นเอ๋อ ” อีตาบ้าไคพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆนิ่งๆ แต่มันไม่จริงนะโว้ย ฉันไม่ได้เอ๋อ น้าอย่าทำให้ทุกคนเข้าใจฉันผิดเส่
“หะ อะไรนะ” ชานยอลทำหน้าตกใจสุดขีด แต่ฉันนี้หมือนจิตหลุดไปทางช้างเผือกแล้ว งงกับอีตาบ้าไคจริงๆจะมาลวนลามฉัน แล้วยังจะมาด่าหาว่าฉันเอ๋ออีกถ้าฉันเอ๋อแล้วนายจะมายุ่งกับฉันทำมายยยย
“เห็นปะว่าเอ๋อแค่ไหน เราพูดๆกันอยู่ดีๆก็ทำตาเหลือกใส่อีก” มันเป็นกรรมพันธุ์เว้ย เป็นตั้งแต่เด็กแล้ว -*-
“โห ไม่น่าเลยเสียดายจริงๆ” เออเอากันเข้าไป ชีวิตฉันทำไมมันซวยอย่างงี้เนียยยยยยยย เจอคนบ้าหื่นกามยังไม่พอฉันยังต้องไปเจอกับ ผู้ชายบ้าบอให้แฟนพกนกหวีดอีก โอ้ยเพลีย
“แล้วที่นี้เราจะเอายังไงต่อไปละเนีย” ชานยอลถามพลางทำหน้างงๆ
“ก็ไล่ตานี้ออกไปไง” หะ เมื่อกี้นายยังจะลวนลามฉันอยู่เลยแล้วทำไมอยู่ดีๆจะมาไล่เหมือนหมูเหมือนหมาเนียน้า ไม่ยอม ศรีโด้ไม่ยอม
“นี่นายจะมาไล่ฉันออกไปง่ายๆแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ทำไมจะไม่ได้ละ หือ?” เค้าพูดพลางก้นหน้าลงมาใกล้ๆกับซอกคอของฉันอ้ากกก อย่าทำแบบนี้ได้มั้ยมันเสียวโว้ยยย
“นี้ๆ นายนะหยุดทำอนาจารฉันสักที ไม่อายเพื่อนนายบ้างหรอห้ะ” ศรีโด้ชักโมโหแล้วน้าค่า
“ก็ฉันก็ทำแบบนี้ประจำ ” เค้าว่าต่อพลางก้มลงมาที่แก้มอันขาวเนียนของฉัน จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ละน้า
“เอิ่มไม่ได้อยากขัดจังหวะหรอกนะ แต่เราจะเอายังไงต่อไปดี ถ้าไล่นายออกไปมีหวังเราได้ลงหน้าหนึ่งแน่ นักข่าวและเหล่าแฟนคลับก็อยู่ข้างนอกกันเต็มไปหมด จะเอายังไงดีวะเนีย ” ชานยอลพูดพร้อมทำหน้าเครียดๆพลางขมวดคิ้วจนมันจะขดกันเป็นเชือกผูกรองเท้าอยู่แล้ว
“งั้นเธอต้องอยู่กับเราที่นี้ก่อน แล้วพอดึกๆประมาณตี 1 ตี 2 เธอค่อยออกไปละกันเพราะนักข่าวน่าจะไปพักผ่อนหมดแล้วละ” ไคพูดพร้อมยิ้มอย่างมีเลขนัยน์ โอ้ยเค้ายิ้มอย่างนี้ที่ไรฉันเดาได้ว่าไม่ใช่เรื่องดี
“แต่มีข้อแม้ว่า..” เห้อเคยเดาอะไรผิดซะที่ไหนละศรีโด้
“เดียวนะ ทำไมต้องมีข้อแม้ด้วย ถ้าฉันเดินออกไปยังไงฉันก็ไม่เป็นไรอยู่ดีคนที่จะเสียหายคือพวกนายต่างหากละ พวกนายจะเสื่อมเสียชื่อเสียงโดนเม้าท์ และจะโดนซุบซิบนินทาที่ฉันไม่เดินออกไปพวกนายควรจะขอบคุณฉันซิ”
“นี้เธอไปดมกาวจนเอ๋อ เลยส่งผลให้ประสาทตาเหลือกขึ้นไปรึไงละห้ะ” โอ้ยแรงได้อีก อีตาดำ -*-
ก็บอกแล้วไงว่าเป็นกรรมพันธุ์เฟ้ย เดียวนะฉันยังไม่ได้บอกเค้านี้หว่ามีแต่ฉันที่พูดอยู่ในใจคนเดียวนี้หว่า
“ถ้าเธอเดินออกไปมีหวังโดนแฟนคลับกระทืบตาย เธอควรจะขอบใจฉันซิที่ฉันช่วยชีวิตเธอไว้”
“แต่ฉันก็ไม่ได้มีอะไรกับนายนะ ทำไมจะต้องมาทำร้ายฉันด้วย”
“แน่ใจหรอ ?” ไคถามพลางเลิกคิ้ว โอ้ยแล้วเราไปมีอะไรกันตอนไหนละเฟ้ยทำยังกะที่จ้องหน้ากันเมื่อกี้แล้วฉันจะท้องยังงั้นละ คนนะเว้ยไม่ใช่ปลากัด ที่จะมองปุ้บท้องปับเนีย
“แน่ใจ”
“แต่ยังไงนายก็ต้องทำตามแผนที่เพื่อนฉันบอกเพื่อความปลอดภัยของเราทั้ง 2 ฝ่ายนะ” ชานยอลพูดขึ้น
“ตกลง” ฉันกับไคพูดพร้อมกัน
“แต่ฉันมีข้อเสนอให้นาย”
โอ๊ะโอ ว่าแต่เงื่อนไขของเค้าทั้ง 2 จะเป็นอย่างไรนะ???
ติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ
ความคิดเห็น