คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : UNDETERMIND - ไม่บริสุทธิ์ใจ (KYUMIN) ตอนที่ 17 แหวน.
UNDETERMIND 17
.. แหวน ..
สวนสาธารณะที่คยูฮยอนและซองมินกำลังเดินทางไปจะอยู่ไม่ไกลจากหอที่ทั้งสองพักมากนัก เพราะเนื่องจากหอนี้เป็นหอของมหาวิทยาลัย ที่พออออกจากมหาวิทยาลัยมาเดินเลียบถนนไปเรื่อยๆก็จะเจอซอยเล็กๆที่เดินเข้าไปในซอยนั้นจะเจอหอพักชายหอพักชายล้วน หญิงล้วน และหอพักรวมของโรงเรียนอยู่เยอะพอสมควร แล้วสวนสาธารณะนี้ก็อยู่หลังมหาลัยพอดี ทำให้ทั้งสองคนเดินไปไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงที่หมายแล้ว คยูฮยอนและซองมินจับมือกันเดินไปเรื่อยๆตามทาง
“คยูรู้มั้ยว่าคนเดินจับมือกันอ่ะมันดีตรงไหน” ซองมินถามขึ้นก่อนจะยกมือข้างที่จับมือกับคยูฮยอนอยู่ขึ้นมาพลางส่งยิ้มให้ร่างสูงที่กำลังมองตามการกระทำเขาอยู่ตอนนี้
“ตรงไหนอะ?”
“ก็ ถ้าเราเดินจับมือกันไปแบบนี้ มันก็จะทำให้เราอ่ะเดินอยู่ข้างกันตลอด เวลาคนที่อยู่ข้างๆเราเกิดเป็นอะไรไป เช่น เดินสะดุด หกล้ม เชือกรองเท้าหลุด หรือหยุดเดิน เดินไม่ไหว บลาๆ เราก็จะรู้ได้ทันที แล้วเราก็จะได้หยุดเดิน เพื่อช่วยเค้า และรอเค้า แล้วค่อยๆเดินต่อไปด้วยกันไง ไม่มีใครเดินทิ้งใคร มีแต่เดินไปพร้อมๆกัน” ร่างเล็กพูดพลางเดินแกว่งแขนข้างที่จับมือกับคยูฮยอนไว้ไปเรื่อยๆ ซึ่งคยูฮยอนที่ฟังอยู่ก็พยักหน้าให้กับที่ซองมินพูด
“แต่ถ้าเกิดเราปล่อยมือกัน คนที่ขายาวกว่าก็ต้องก้าวเร็วกว่า ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ก้าวได้ยาวกว่าจะต้องเดินเร็วกว่าอีกคนนึงแน่นอน ละถ้ามันเป็นแบบเนี้ย เราก็จะไม่รู้เลยว่าคนข้างหลังเราอะเป็นยังไงบ้าง เค้าจะหกล้มรึเปล่า เค้าจะรู้สึกยังไงที่เราเดินทิ้งเค้า เค้ายังเดินไหวมั้ย เค้าอยากให้เราเดินช้าลงรึเปล่า เค้ามองเราอยู่มั้ย เค้าเดินผิดทางรึเปล่า หลายอย่างเลยที่เราจะไม่รู้และไม่เห็น เพราะเราปล่อยให้เค้าเดินอยู่คนเดียว” ซองมินยังคงพูดต่อไป
“คนที่เค้าแคร์กันอะ เค้าจะเลือกเดินไปพร้อมๆกันโดยเค้าสองคนจะจับมือกันเดิน แต่ถ้าไม่แคร์กัน เค้าจะต่างคนต่างเดิน ไม่สนใจว่าอีกคนนึงจะเป็นยังไง ปล่อยให้เดินคนเดียวไปเหอะ ยังไงมันก็ถึงที่หมายเหมือนกัน แต่มันมีอีกประเภทนึงนะ นอกจากจะมีแบบแคร์กัน แบบไม่แคร์กันแล้ว อีกแบบนึงคือ แบบพวกที่ไม่รู้”
“ไม่รู้?” คยูฮยอนถามก่อนจะมองหน้าซองมินแบบงงๆ
“อื้ม พวกที่ไม่รู้ก็คือ ไม่รู้ว่าการเดินจับมือกันมันสำคัญยังไงไง”
“แล้วมันสำคัญยังไงอะ?”
“ก็สมมุติว่าผู้หญิงกับผู้ชายเดินมาด้วยกันสองคน แรกๆก็เดินจับมือกันมาดีอยู่หรอก แต่พอผู้ชายดันไปเจอผู้หญิงอีกคนนึงที่เป็นคนใหม่ ผู้ชายคนนี้ก็ปล่อยมือผู้หญิงคนที่เค้าเดินจับมือเมื่อกี้ไปจับมือกับผู้หญิงคนใหม่นั้นแทน แล้วก็เดินไปกับผู้หญิงคนนั้นโดยที่ไม่สนใจผู้หญิงคนเมื่อกี้เลย ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าผู้ชายคนเนี้ย ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนที่เค้าปล่อยมือมาอ่ะความรู้สึกจะเป็นยังไง จะรู้สึกแย่แค่ไหน แล้วจริงๆแล้วผู้หญิงคนนั้นอยากจะให้เค้าไปจับมือกับผู้หญิงคนอื่นรึเปล่า”
“งง” ร่างสูงยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ เขายิ่งเป็นคนเข้าใจอะไรยากๆอยู่ด้วย ซองมินดันมาพูดอะไรแบบนี้อีก
“ถ้าเราลองเปรียบการเดินจับมือกันเป็นเหมือนการใช้ชีวิตคู่อ่ะ มันก็จะหมายถึงว่า ถ้าเราจับมือกันแบบนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราจับมือกันอยู่แบบนี้มันก็จะไม่มีอะไรที่เราจะต้องกังวล เพาะเราจะยังคงจับมือกัน อยู่เคียงข้างกัน อยู่ด้วยกัน แต่ถ้าเราปล่อยมือจากกันเมื่อไหร่ นั่นก็หมายความเราต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างอยู่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเรา อีกฝ่ายจะไม่รู้เลยว่าเรากำลังเผชิญกับอะไร เพราะเขาอะเดินทิ้งเราไปแล้ว ถูกมั้ย แล้วการที่ผู้ชายคนนั้นเลือกที่จะปล่อยมือจากผู้หญิงคนเก่าไปจับมือกับผู้หญิงคนใหม่อ่ะก็เพราะว่าผู้ชายคนนั้นอ่ะเขาไม่รู้ .. ไม่รู้ว่าเค้าไม่ควรจะปล่อยมือจากคนเก่าเพื่อจะจับมือกับคนใหม่เลย เพราะถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนเก่าก็จริง แต่ผู้หญิงคนนั้นเค้าก็ชินกับการที่ไปไหนมาไหนแล้วมีคนคอยจับมืออยู่ไปแล้ว”
“.........................................................”
“เมื่อถึงวันนึงที่ผู้ชายคนนี้รู้สึกว่าผู้หญิงคนเดิมของเค้าน่าจะเดินเองได้แล้ว ไม่ต้องจับมือแล้ว อยากเดินกับคนอื่นแล้ว พอไปเจอผู้หญิงคนใหม่กลางทาง เค้าก็รีบปล่อยมือจากผู้หญิงคนเก่าเลย ทั้งๆที่เค้าลืมคิดไปว่าผู้หญิงคนที่เพิ่งเดินมาเนี้ย เค้าเดินมาคนเดียว ไม่ต้องมีใครมาจับมือเค้าเค้าก็เดินเองได้ แต่ผู้หญิงคนที่เค้าเพิ่งเดินจากมาอ่ะ เค้าไม่ได้อยากจะเดินคนเดียวและไม่พร้อมที่จะเดินคนเดียวเลยซักนิด”
“แล้วทำไมผู้หญิงคนนั้นไม่บอกผู้ชายคนนั้นไปตรงๆอะว่าไม่อยากปล่อยมือ” คยูฮยอนถามขึ้นมาอย่างสนใจ เพราตอนนี้เขาพอจะเข้าใจที่ซองมินพูดมาบ้างแล้ว
“ของแบบนี้มันต้องรู้กันด้วยใจ ถ้าผู้ชายคนนั้นนึกถึงจิตใจผู้หญิงคนนี้ซักนิดนึงนะ เค้าก็จะรู้เองแหละว่าจริงๆแล้วอ่ะเค้าไม่ควรจะเดินจากเธอมา” ซองมินอธิบาย
“แล้วเค้าจะรู้ได้ไง - _-”
“ก็ถ้าเราแคร์ใครซักคนนึงมากๆ เราก็จะรู้เองแหละว่าอีกฝ่ายคิดอะไร เพราะคนที่เค้าแคร์กันจริงๆอ่ะ เค้าจะไม่มีวัน .. ทิ้งกัน ให้อีกฝ่ายต้องอยู่คนเดียวหรอก” ร่างเล็กพูดพลางหันไปยิ้มให้คนที่เดินอยู่ข้างๆเขาตอนนี้
“เออจริง.. เออซึ้ง”
“ไอ้บ้า! ไมได้เล่าให้ซึ้งซักหน่อย ฮ่าๆ” ซองมินตีแขนคยูฮยอนเบาๆ แน่นอนว่าที่เขาพูดออกมาเขาต้องการจะให้คยูฮยอนเข้าใจว่าเขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม ซึ่งก็ดูเหมือนคยูจะดูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่เขาก็เชื่อ ว่าซักวันนึงคยูฮยอนจะเข้าใจทุกคำพูดของเขาที่ต้องการจะสื่อเองนั่นแหละ ......
---------------------------------------------------------------------------------- -
ทั้งคู่เดินกันไปเรื่อยๆจนมาถึงที่สวนสาธารณะหลังมหาวิทยาลัยแล้ว เนื่องจากวันนี้เป็นวันธรรมดาเลยทำให้มีคนไปเดินเล่นที่นั่นไม่มาก แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเลย เพราะนี่มันก็เป็นช่วงเที่ยงพอดี หลายคนก็เลือกที่จะออกบ้านมาพักผ่อนกันที่นี่ เพราะนอกจากจะมีเครื่องเล่น เครื่องออกกำลังกายขนาดย่อมแล้วยังมีน้ำพุกลางสระน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางของสวนสาธารณะแห่งนี้อีกด้วย ซึ่งคยูมินก็พากันเดินไปนอนราบกับพื้นหญ้าแถวๆสระน้ำนั้นเช่นกัน เพราะดูแล้วรู้สึกจะเป็นที่ที่สดชื่นที่สุดแล้ว ทั้งคู่นอนข้างๆกันอยู่อย่างนั้นโดยที่ยังกุมมือกันไม่ยอมปล่อย และสองคนตอนนี้ต่างก็นอนกันนิ่งๆ ไม่มีใครพูดอะไร นอนดูท้องฟ้า ใบไม้ และนกที่บินผ่านไปตัวแล้วตัวเล่าบนฟ้าไปเรื่อยๆ
“ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนี้นานแล้วเนาะ” อยู่ดีๆซองมินก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมา
“ทำไมอ่ะ? แล้วทุกทีพี่รู้สึกยังไง?”
“รู้สึกเหมือน.. อยู่คนเดียว” ซองมินเปลี่ยนท่านอนเป็นนอนตะแคงหันมาทางด้านที่คยูฮยอนนอนอยู่ ก่อนจะจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา
“เห้ย อะไรเล่า ฮ่าๆ พี่จะไม่มีวันได้รู้สึกแบบนั้นอีกแล้วหละน่า” คยูฮยอนก็ขยับตัวนอนตะแคงหันไปมองหน้าซองมินเช่นกัน มือหนายกขึ้นมาหยิกแก้มนิ่มเบาๆ ทำให้คนตรงหน้าที่โดนหยิกแก้มนั้นทำหน้ามุ่ยไปทันทียังกะเด็กเล็กๆกำลังงอนใครบางคนอยู่เลย
“จำคำพูดนี้ไว้นะ ถ้าวันไหนทำไม่ได้อย่างที่พูดอะ เจอดีแน่” ซองมินแลบลิ้นใส่คยูฮยอน ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
“เอ้า ลุกทำไมอ่ะ?” คยูฮยอนก็ลุกขึ้นนั่งตามเมื่อถามจบ
“หาไรกินกัน หิวล้ะ” ร่างเล็กลุกขึ้นยืนก่อนจะย่อตัวลงมาดึงแขนอีกคนให้ลุกขึ้นยืนตาม ที่จริงที่ก็จะบ่ายแล้วแต่ทั้งคู่ยังไม่ได้กินอะไรกันเลย คยูฮยอนก็รู้สึกหิวอยู่นิดๆแหละแต่เขาทนหิวได้ ส่วนซองมินนี่ถ้าเขามีความสุขกับอะไรมากๆเขาก็จะลืมไปเลยว่าเขาหิว ตอนนี้บ่นหิวได้นี่แสดงว่าต้องหิวจัดจริงๆ ทั้งสองคนลุกขึ้นจับมือกันเดินไปยังร้านค้าเล็กๆที่อยู่ตามริมทางในสวนสาธารณะแห่งนี้ มีให้เลือกกินเยอะแยะทั้งของคาว ของหวาน ทั้งขนมขบเคี้ยว ซึ่งแน่นอนว่าซองมินเดินผ่านร้านไหนเขาก็จะซื้อของร้านนั้นมากินหมด จนตอนนี้ของกินทั้งเต็มมือและเต็มปาก ร่างเล็กยังคงเดินไปกินไป โดยมีคยูฮยอนเป็นเหมือนคนช่วยถืออาหารไว้คอยป้อนยังไงอย่างงั้น ส่วนคยูฮยอนเองก็ถือไปกินไปเหมือนกัน เขามองซองมินที่ดูมีความสุขกับการกินพลางหัวเราะออกมาเบาๆ ซองมินน่ารักขนาดไหนยิ่งตอนกินยิ่งดูน่ารักเข้าไปใหญ่ ทั้งคู่ก็เดินไปกินไปเรื่อยๆอยู๔ภายในสวนสาธารณะเป็นนี้มาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว จนคนอื่นที่มาเดินเล่นที่นี่ทยอยกลับบ้านกันทีละคู่สองคู่ ร่างสูงมองไปยังคู่รักคู่นึงที่ดูเหมือนว่าฝ่ายชายจะขอฝ่ายหญิงแต่งงาน ทำให้คยูฮยอนนึกอะไรบางอย่างออกมาได้
“พี่ซองมิน นั่งกันเหอะ ผมมีอะไรจะให้” พอพูดจบคยูฮยอนก็พาซองมินมานั่งตรงม้านั่งตัวนึง แถวนี้ไม่ค่อยมีคนซักเท่าไหร่ จะมีก็แต่ต้นไม้พุ่มไม้ซะมากกว่า ซึ่งถือว่าเป็นที่บังแดดได้ดีเลยทีเดียว
“มีไรรรรรรรรรรรจะให้? พี่จะดีใจหรือไม่ดีใจ?” ซองมินเดินมานั่งตามที่คยูฮยอนพาเขามาก่อนจะถามคนตรงหน้าด้วยสีหน้าและท่าทางที่ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเลย ร่างเล็กยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มมองหน้าคยูฮยอนอยู่แบบนั้น
“หลับตาก่อน”
“เห้ย! มีหลับตาด้วย หวยป้ะเนี่ย นี่ถูกหวยใช่มั้ย? หรือจะให้พี่หลับตาแล้วก็จะเอาต๊กบ๊กกีมาให้กิน? ไม่เอาแล้วนะอิ่มแล้ว ท้องจะแตก แหวะ” ซองมินพูดพลางทำท่าเหมือนจะอ้วกออกมาให้ได้ เพราะที่กินไปเมื่อกี้มันไม่ใช่น้อยๆเลย ทำเอาร่างสูงที่กำลังมองพฤติกรรมน่ารักๆของคนตรงหน้าอยู่ก็อดขำออกมาไม่ได้
“หลับตาเหอะน่า เร็ว”
พอคยูฮยอนพูดจบซองมินก็ยอมหลับตา เขาค่อยๆยกมือทั้งสองข้างของซองมินขึ้นมาแล้วจับมันไว้แน่นด้วยสองมือของเขาเอง
“พี่ถนัดข้างขวาใช่ไหม?”
“..............................” ซองมินไม่พูดอะไร แต่เขาก็พยักหน้าให้แทนคำตอบ
“พี่ชอบนิ้วไหนของตัวเองมากที่สุดอะ?” คยูฮยอนยังคงถามต่อไป เขาคิดว่าซองมินน่าจะรู้แล้วว่าเขามีอะไรจะให้..
“นิ้ว.................”
“ผมใส่นิ้วนางนะ” ระหว่างที่ซองมินกำลังคิดว่าเขาควรจะตอบว่านิ้วไหนดี แต่คยูฮยอนก็ขัดพูดออกมาซะก่อน พอคยูฮยอนพูดจบ เขาก็หยิบกล่องขนาดเล็กออกมากล่องนึงจากกระเป๋ากางเกงชองเขา เป็นกล่องใส่แหวนธรรมดาๆ ที่พอเปิดกล่องออกมาจะเจอแหวนอยู่วงนึง เป็นแหวนเกลี้ยงความกว้างประมาณเกือบๆหนึ่งเซนติเมตรได้ มือหนาหยิบมันออกมาจากกล่องแล้วสวมเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของซองมินให้อย่างช้าๆ
“ลืมตาได้ละครับ” ร่างสูงยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูอีกคนเบาๆก่อนจะกดจูบลงไปที่พวงแก้มนิ่มที่ตอนนี้มันกลายเป็นสีแดงระเรื่อเพราะความเขินไปแล้วเรียบร้อย ซองมินค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วมองไปที่มือของตัวเองทันที เขาขยับมือข้างซ้ายที่มีแหวนสวมอยู่เข้ามาใกล้ๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้คยูฮยอนแบบที่ไม่เคยยิ้มแบบนี้ให้ใครมาก่อน เพราะรอยยิ้มของเขาตอนนี้มันเป็นรอยยิ้มพร้อมน้ำตา แต่เป็นน้ำตาของความสุข ซองมินยังคงยิ้มให้คยูฮยอนอยู่แบบนั้นพลางจับแหวนที่นิ้วของตัวเองไปเรื่อยๆแบบแทบไม่อยากจะเชื่อว่า
คยูฮยอนจะซื้อแหวนให้เขา..
“อะไรหื้ม? ฮ่าๆ ร้องไห้ทำไม ไม่ดีใจเหรอ?” มือหนายกขึ้นมาจับแก้มคนตรงหน้าช้าๆก่อนจะช่วยเช็ดน้ำตาให้ เมื่อคยูพูดจบซองมินก็ขยับเข้าไปหอมแก้มคยูฮยอนฟอดใหญ่
“ซื้อให้หรือของแถมฟรีห้ะ ฮ่าๆ” ซองมินถามพลางหัวเราะกลบเกลื่อน เพราะตอนนี้เขาดีใจจนแทบจะบินอยู่แล้ว
“สั่งทำให้ตะหาก ด้านในแหวนมันมีประโยคด้วยนะ ผมคิดขึ้นมาเองแล้วให้ร้านเขาสลักไว้ให้ เพื่อพี่เลยนะรู้ไหม”
“จริงอ้ะ! ทำไมไม่ให้พี่อ่านก่อนแล้วค่อยใส่เล่า!!” ซองมินทำหน้างอใส่คยูฮยอนอีกแล้ว เขาค่อยๆดึงแหวนนั้นออกมาจากนิ้วเพื่อที่จะได้อ่านข้อความด้านในแหวนว่าคยูฮยอนสลักประโยคอะไรไว้ให้ แต่คยูก็มาห้ามไว้ก่อน
“ดูตอนนี้พี่ไม่ซึ้งหรอก เอาเก็บไว้ดูตอนพี่มีคนอื่น หรือตอนที่พี่คิดจะทิ้งแหวนวงนี้แล้วก็แล้วกันนะ โอเคมั้ย?” คยูพูดพลางนั่งพิงที่นั่งแล้วโอบไหล่ซองมินเข้ามาหาตัว ซึ่งซองมินก็เอนหัวลงไปซบไหล่คยูฮยอนเช่นกัน
“ทำไมอ่ะ มันจำเป็นต้องมีวันนั้นด้วยเหรอ อยากอ่านวันนี้อะ วันแบบนั้นมันคงไม่มีหรอก”ร่างเล็กพูดอ้อน ก่อนจะเลื่อนมือไปจับมือของอีกคนไว้แน่น
“ถ้ามันจะไม่มีวันนั้นพี่ก็ไม่ต้องรู้หรอกว่าในแหวนอ่ะมันมีคำว่าอะไร เพราะมันไม่จำเป็นเลยซักนิดเดียว” คยูฮยอนยิ้มให้ซองมินทันทีที่พูดจบ เขาก้มหน้าลงไปจูบที่ริมฝีบางเบาๆก่อนจะผละออกแล้วเลื่อนหน้าไปหอมแก้มซองมินอีกครั้ง
“ไปแอบทำมาตอนไหนไม่เห็นรู้เรื่องเลย หน้าตาแบบนี้โรแมนติกกะเค้าเป็นด้วยเหรอเนี่ย >_<” ร่างเล็กถามพลางยกมือขึ้นมาหยิกแก้มอีกคนเบาๆแทนการแซว คยูฮยอนทำเค้าเขินอีกแล้ว เขาจะต้องทำให้คยูฮยอนเขินบ้างให้ได้ สักครั้ง..
“ตั้งแต่ตอนปิดเทอมแล้ว พี่จำวันที่เปิดเทอมวันแรกได้ไหมที่ผมบอกว่าจะพาพี่ไปเที่ยว ผมกะจะให้แหวนพี่ตั้งแต่วันนั้นแล้วแต่พี่ดันเลท เพราะมัวแต่ไปจัดรายการแทนฮยอกแจอะไรนั่น ผมเลยลืมสนิทเลยว่ามีของจะให้ จากนั้นพี่ก็ง้องแง้งอะไรไม่รู้ใส่ผมเรื่องพี่ซีวอนอ่ะ เลยไม่มีโอกาสได้ให้ซักที” ร่างสูงอธิบายให้ฟังอย่างชัดเจน ซึ่งซองมินก็พยักหน้าหงึกๆเป็นอันว่าเข้าใจ แสดงว่าที่ผ่านมาเป็นความของเขาเองทั้งหมดเลยใช่ไหมเลยทำให้เขาเพิ่งได้แหวนวงนี้ =_ =
“แล้วไหนแหวนของคยูอ่ะ?” ร่างเล็กถามขึ้นเมื่อเขาดูมือทั้งสองมือของคยูฮยอนแล้วไม่เห็นจะใส่แหวนซักวง
“อยู่ที่หอนู่น”
“ทำไมไม่ใส่อ้ะ แล้วแหวนของคยูมีคำอะไรในแหวนแบบของพี่มั้ย” ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นถาม
“ไม่มีหรอก ของผมอ่ะไม่จำเป็นต้องมีอะไรแบบนั้นหรอกนะ ฮ่าๆ แต่พี่..ใส่แล้วห้ามถอดนะรู้ไหม จนกว่าจะถึงวันที่พี่จะรู้สึกอยากไปจากผมแล้วจริงๆ พอพี่ถอดแหวนวงนี้ พอพี่ได้อ่านประโยคในแหวนวงนี้แล้ว แต่พี่ก็ยังใจร้ายทิ้งผมไปได้ลงคอจริงๆพี่ก็โยนแหวนวงนี้ทิ้งไปได้เลยหลังจากอ่านจบ .... แต่พี่ต้องอ่านนะ”
“บ้า! พูดอะไรเพ้อเจ้อ เดี๋ยวปั้ดมีคนอื่นเย็นนี้มันเลยดีมั้ย จะได้เปิดอ่าน... เออๆ ไม่ต้องพูดแล้วๆจะไม่ถอดแหวนก็ได้ จะไม่อ่านไอ้ประโยคบ้าบออะไรในแหวนวงนี้แล้วด้วย ไม่เห็นอยากรู้เลย และพี่ก็จะไม่มีวันได้รู้ด้วยเข้าใจมั้ย” ซองมินพูดใส่อีกคนอย่างหงุดหงิด เพิ่งให้แหวนกันแท้ๆแต่มาพูดเรื่องเลิกๆอะไรก็ไม่รู้น่าโมโหชะมัด เขาไม่รู้หรอกว่าคยูฮยอนรักเขามากแค่ไหนถึงให้แหวนวงนี้มา ไม่รู้หรอกว่าคยูฮยอนจะเสียใจมั้ยถ้าเขาตัดสินใจเลือกเดินจากคยูฮยอนไปจริงๆ แต่ที่เขารู้ตอนนี้คือถ้าให้เขาคิดจะมีคนอื่น หรือถ้าให้เขาคิดถึงวันที่ไม่ได้อยู่กับคยูฮยอนแบบนี้.. มันก็เป็นไปได้ยากมากแล้ว
ความคิดเห็น