คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ll THE WIZARD ll Chapter 16
THE WIZARD 16
เท้าเล็กเดินลงบันไดมาจากชั้นสองของบ้านในยามเช้า พลางในมือก็ถือผ้าขนหนูผืนบางเพื่อเช็ดผมที่ยังไม่แห้งดีไปด้วยในเวลาเดียวกัน ได้ยินเสียงแว่วดังมาจากในครัวก็รับรู้ได้ในทันทีว่าคนรักกำลังทำอะไรอยู่ ตั้งแต่คริสย้ายมาอยู่ในบ้านตามที่คนเป็นพ่ออนุญาติ เขาก็ทำแบบนี้อยู่ประจำ ทั้งๆที่ควรจะเป็นเจ้าของบ้านอย่างเลย์เองที่ต้องคอยดูแลหากแต่สุดท้ายก็ช่วยอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
“วันนี้ทำอะไรทานอ่ะ?” หย่อนกายลงนั่ง เสียงหวานก็เอ่ยถามคนรักในทันทีด้วยความอยากรู้ พลันใบหน้าน่ารักก็เปื้อนรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีเพราะว่าจะได้ทานของอร่อยที่คริสทำเหมือนอย่างทุกๆวัน
“วันนี้ทำสปาเก็ตตี้ ทานได้ใช่ไหม?” มือหนาเอื้อมไปปลดผ้ากันเปื้อนที่สวมใส่อยู่ออกก่อนจะแขวนมันไว้ที่เดิม เดินนำอาหารที่เพิ่งทำเสร็จไปวางไว้ตรงหน้าคนตัวเล็กที่ถือช้อนกับส้อมนั่งรออยู่ก่อนแล้วก็หย่อนกายนั่งบนเกาอี้ฝั่งตรงข้ามเพื่อรับประทานอาหารร่วมกันเหมือนอย่างเคย
“ทานได้หมดแหละ” พูดเสร็จก็รีบตักเส้นสีเหลืองอ่อนเข้าปากพลางเคี้ยวตุ้ยๆจนคนที่มองดูอยู่ก็อดจะนึกเอ็นดูไม่ได้ ปากเรียวยกยิ้มน้อยๆก่อนจะส่ายหน้าไปมากับคนรักตัวเล็กของตัวเองที่นับวันก็ดูจะเหมือนเด็กเข้าไปทุกที
“บ่ายนี้เราจะกลับโรงเรียนกันแล้วนะ เก็บกระเป๋าเรียบร้อยรึยัง?”
“อื้ม เรียบร้อยแล้วครับ”
ตอบเสียงน่ารักพลางใบหน้าหวานก็พยักขึ้นลงให้เป็นคำตอบ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าต่อไปเรื่อยๆ สองอาทิตย์ที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับคริสมันช่างผ่านไปเร็วซะเหลือเกิน วันพรุ่งนี้ก็ต้องไปเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงอีกแล้ว หากแต่นั่นมันก็เป็นการดีเสียอีกที่ไม่ต้องนั่งๆนอนๆอยู่กับบ้านเหมือนอย่างที่ผ่านๆมา เพราะคริสก็เอาแต่อยู่ในห้องกับเขาโดยไม่ออกไปไหนกันเลยทีเดียว
.
.
.
“มะ...เดี๋ยวเช็ดให้”
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้วทั้งคริสและเลย์ก็ปลีกตัวมานั่งดูทีวีที่โซฟาชุดหรูของบ้าน เห็นคนตัวเล็กที่เอาแต่จ้องมองไปยังจอสี่เหลี่ยมสีดำอันใหญ่เบื้องหน้าอย่างสนใจจนไม่เป็นตาทำอะไร คริสจึงถือวิสาสะดึงผ้าขนหนูผืนเล็กมาถือไว้แล้ววางมันลงไปบนหัวทุยที่ยังไม่แห้งสนิทของคนรักในทันทีเพื่อช่วยเช็ดให้อีกแรง
“ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ เอามาเลยเดี๋ยวเช็ดเอง” เอื้อมมือบางหวังจะแย่งผ้าสีขาวผืนเล็กกลับคืนมา หากแต่ก็ไม่ง่ายเลยเมื่ออีกคนก็วาดแขนหนีไม่วายก็ยังจ้องเขม่นจนเลย์เองก็ไม่อาจขัดขืนได้
“ก็ไม่ใช่เด็ก แต่ก็เหมือน”
สิ้นเสียงทุ้ม ใบหน้าหวานก็งองุ้มอย่างนึกงอน ค่อยๆขยับกายนั่งหันหน้าเข้าหาอีกคนเพื่อให้คริสเช็ดผมให้อย่างสะดวกพลางเหลือบม่านตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเล็กน้อย ทั้งยังแอบบ่นค่อนขอดในใจอีก เห็นเขาเป็นเด็กตลอดเลยสินะ
“ด่าฉันในใจอยู่ใช่ไหม? รู้นะ”
“เป๊ะ!...เป็นอับดุลรึไง? รู้ไปหมด”
“ไม่ได้เป็น...ฉันเป็นคนที่นายรักต่างหากล่ะ”
เมื่อคริสพูดจบคนตัวเล็กก็ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกเพลีย บอกได้เลยว่าโคตน้ำเน่า นิสัยที่เย็นช้าเมื่อก่อนนั้นเปลี่ยนไปมากเมื่ออยู่กับเขา ขอคริสคนเดิมกลับมาได้ไหม เลย์อยากร้องไห้
“อ้วกได้ป๊ะ? เลี่ยน!” เอ่ยบอกอีกคนก็เบือนใบหน้าหวานหนีไปอีกทาง จริงๆก็ไม่ใช่ไม่ชอบซะทีเดียวแต่ก็เพราะรู้ว่าเวลาได้ฟังอะไรแบบนี้เข้ามาในหู หัวใจมันก็เต้นเร็วทุกทีไป
“อ้าว! ก็นึกว่าชอบแบบนี้ซะอีก”
“คิดเองเออเองตลอด” คนตัวเล็กค้อนน้อยๆไปให้คริสก่อนจะหันกลับไปดูที่ทีวีเพื่อกลบเกลื่อนใบหน้าที่เจือสีจางๆเพราะคำพูดของอีกคน
“แต่ชอบแบบนี้ใช่ไหม?”
พูดเสร็จมือหนาก็จัดการเชยคางมนต์ให้กลับมามองกันเหมือนเดิม ใบหน้าหล่อโน้มเข้าหาอีกคนทั้งยังมีผ้าขนหนูผืนบางคลุมเส้นผมสวยหมาดของคนตัวเล็กอยู่ ทาบริมฝีปากเรียวทับลงกับกลีบปากอิ่มอมชมพูเหมือนอย่างที่ชอบทำ สอดมือหนาเข้าที่ซอกคอขาวเนียนของคนตรงข้าม ขยับริมฝีปากที่ค้างไว้เมื่อครู่ให้ดูดเม้มเบาๆ เอียงคอพลางลมหายใจอุ่นก็เป่ารดไปที่ข้างแก้มสีชมพูอ่อนของอีกคนให้รู้สึกวูบหวามและนั่นคริสก็ถึงกลับนึกแปลกใจกับปฏิกิริยาตอบสนองอย่างว่าง่ายของคนรักตรงหน้าเอาเสียมากๆ
“ทำไมวันนี้ยอมฉันง่ายจัง?”
“ไม่ดีใช่ไหม? งั้นวันหลังก็จะไม่ยอม” ถึงจะอายจนหน้าขึ้นสีจัดแต่ก็ยังปากดีตัดพ้ออีกคนเสียงเจื้อยแจ้วจนคริสถึงกับอยากจะหัวเราะออกมาซะเหลือเกิน
“เปล่า ดีมากต่างหากล่ะ”
พูดเสร็จคริสก็เอนหลังราบไปกับเนื้อโซฟาชั้นดีและไม่ลืมที่จะโอบรั้งลำคอสวยของอีกคนให้นอนทับมาบนตัวของเขาด้วยเช่นกัน กระชับอ้อมกอดอีกคนให้แน่น ซึมซับความอุ่นจากอีกกาย ยกมือหนาลูบไปบนหัวทุยของอีกคนอย่างนึกเอ็นดู คริสบอกได้เลยว่ามีความสุขที่สุด
“ไม่หนักรึไง?”
เลย์เอ่ยถามเมื่อตอนนี้น้ำหนักทั้งหมดของเขาถ่ายเทไปบนร่ายกายสมส่วนของคริสที่นอนอยู่อย่างเต็มตัว ยกแขนเล็กสองข้างวาดประสานกันก่อนจะนำมารองคางแหลมวางไว้บนอกแกร่งแล้วมองใบหน้าหล่อของคนที่นอนอยู่ไม่วางตา
“ที่ถามนี่ได้คิดบ้างรึเปล่า? ตัวเล็กแค่นี้”
“นายก็ว่าไป ฉันตัวโตอยู่นะ”
“หรอ?”
เสียงทุ้มลากยาวอย่างไม่อยากจะเชื่ออีกคนก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างนึกขำ ตัวโตงั้นหรอ โอเคคริสจะเชื่อสักครั้งก็ได้
“หัวเราะทำไม?”
“เปล่าครับๆ ขออยู่แบบนี้สักพักนะ”
คริสหลับตาลงหลังจากเอ่ยบอกคนรักจบ รั้งคอสวยของอีกคนให้กระชับเข้าไปอีกไม่วายก็กดหัวทุยให้ซบไปกับอกแกร่งจนคนที่ถูกกอดรัดแทบจะหายใจไม่ออกกันเลยทีเดียว หากแต่นั่นเลย์ก็ยังยอมให้กอดโดยไม่โวยวายอะไรอยู่เหมือนเดิม ก็ชอบหนิจะเล่นตัวไปเพื่ออะไร จริงไหม...
...THE WIZARD…
“คริส นี่เรากำลังจะไปไหน?” เมื่อเห็นว่ามันไม่ใช่ทางกลับโรงเรียน คนหน้าหวานก็เอ่ยถามทันทีด้วยความสงสัย หันไปมองอีกคนที่กำลังขับรถอยู่ก็อดจะนึกแปลกใจกับท่าทางสบายอารมณ์ของคนรักเสียไม่ได้
“ไปสนามบิน”
“ไปทำไม?” เลย์ยังคงถามอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ ยังไม่เข้าใจทั้งๆที่จะกลับโรงเรียนแล้วไปสนามบินทำไมกัน
“ก็บินกลับไงเร็วดี” เสียงทุ้มเอ่ยตอบก่อนจะตั้งหน้าตั้งตามองไปข้างหน้าแล้วขับรถอย่างตั้งใจเหมือนเดิม
“นั่งเครื่องไปได้ด้วยหรอเพิ่งรู้?”
“ฉันก็คิดไว้อยู่แล้วว่านายต้องไม่รู้” ดูคริสจะไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าที่อีกคนไม่รู้นั่นเป็นอะไร ถึงอย่างนั้นก็ยังส่งยิ้มไปให้คนหน้าหวานที่นั่งข้างกายอยู่ตลอดเวลา
“จะมีอะไรที่ฉันรู้บ้างไหมวะ?” ใบหน้าหวานงองุ้มอย่างนึกน้อยใจกับตัวเองก่อนจะเบือนหน้าออกไปมองวิวทิวทัศน์นอกกระจกรถพลางเอนกายลงไปกับเบาะนั่งเพื่อผ่อนคลายร่างกาย
“งอนฉันรึเปล่าเนี่ย?”
คริสเหลือบมองคนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถสักพัก ยกมือหนาข้างที่ไม่ได้จับพวงมาลัยวางไปบนหัวทุยของคนรักอย่างเอ็นดู ก่อนจะขยี้เบาๆเพราะหมั่นเขี้ยวกับท่าทางน่ารักของอีกคนซะเหลือเกิน
“ไม่ได้งอน แต่ฉันไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆนะ”
“ไม่รู้ก็ไม่เห็นจะผิดอะไรหนิ อย่าเครียดน่า...ขอหอมหน่อยดิ”
ปากเรียวยกยิ้มบางๆไปให้คนตัวเล็กที่นั่งทำหน้าตาไม่สู้ดีนัก ก่อนจะเอ่ยให้กำลังใจไปเพราะรู้ว่าอีกคนนั้นคิดอะไรอยู่ ไม่วายก็ส่งใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้อีกเพื่อขอรางวัลเล็กๆน้อยๆ อย่างที่ชอบทำ
เลย์ยื่นแก้มไปให้คริสอย่างว่างง่าย ค้อนนิดๆเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอาย ทำเหมือนไม่เต็มใจหากแต่ก็ยอมให้อีกคนเอาเปรียบไปเสียอย่างนั้น
ฟอด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“พอใจแล้วก็ตั้งใจขับรถไป...ฉันอยากนอนอ่ะ ถึงแล้วปลุกด้วยนะ”
เสียงหวานเอ่ยบอกคนรักเพียงเท่านั้นก็หลับตาลงในทันที ช่วงนี้รู้สึกได้ว่าคริสจะเยอะ ขอนู่นขอนี่อยู่ตลอดแต่ก็อีกนั่นแหละ สุดท้ายเลย์ก็เป็นฝ่ายยอมให้อย่างไม่มีข้อแม้
.
.
.
รถคันหรูเข้ามาจอดเทียบท่าที่ลานจอดรถของสนามบินอย่างปลอดภัย มือหนาเอื้อมไปปลดเซฟตี้เบลที่รัดร่างกายอยู่ก่อนจะโน้มไปปลดให้คนรักที่นอนหลับหายใจเข้าออกเป็นจังหว่ะอยู่ด้วยเช่นกัน
“เลย์ ตื่นได้แล้ว ถึงสนามบินแล้วนะ” คริสเขย่ากายบางที่นอนหลับอยู่เบาๆเพื่อหวังปลุกอีกคนให้ตื่นขึ้นมา และนั่นมันก็ไม่ยากเลยเพราะเลย์ก็ความรู้สึกเร็วอยู่แล้ว
“ถึงแล้วหรอ?” เสียงหวานเอ่ยถาม หันไปมองรอบๆก็เห็นว่าเป็นสนามบินอย่างที่คนรักว่าจริงๆ หากแต่พอหันกลับมาก็เหมือนกับคนที่หยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้กันเพียงลมหายใจคั่น คริสนี่เอาแต่ได้ตลอดเวลาเลยนะ
“ถึงแล้ว” ไม่พูดเปล่า คนตัวสูงยังส่งปลายจมูกโด่งไปคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มนิ่มของอีกคนจนพวงแก้มเนียนใสเจือสีอ่อนจางๆอย่างน่าเอ็นดู
“ถึงแล้วก็ลงสิ” พูดเสียงแผ่วเบา ดวงตากลมก็หลุบต่ำมองมือตัวเองเมื่ออีกคนยังหายใจรดที่แก้มนิ่มอยู่อย่างนั้น ให้ตายเถอะ เลย์อยากจะจมหายไปกับเบาะนั่งซะเหลือเกิน
“ขอรางวัลก่อน”
“ก็ให้ไปแล้วไง จะเอาอะไรอีก?” คนหน้าหวานยังไม่ละสายตาออกมามือของตัวเองเลยสักนิด หัวใจเต้นเร็วถี่รัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอกก็ไม่ปราน อยู่กับคริสมาไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วแต่กลับยังรู้สึกแบบนี้ทุกครั้งไป
“………………..”
คริสไม่ได้ตอบคำถามของอีกคนเลยสักนิด มือหนายกขึ้นเชยคางมนต์สวยให้เงยใบหน้าเจือสีขึ้น มองสบนัยน์ตาแววใสนั้นอย่างไม่คิดจะลดละ เหลือบมองริมฝีปากเคลือบใสของอีกคนอยู่ชั่วครู่ก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอในทันที ไม่ต้องบังคับตัวเอง ร่างกายก็โน้มเข้าไปหาอีกคนโดยอัตโนมัติเหมือนมีแรงดึงดูด อีกนิดที่ใจต้องการจะฉกชิมความหอมหวานเหมือนอย่างที่ได้มันอยู่ทุกวัน....
ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ!!!!!!!!!!!!!!!!
ทั้งสองผละออกจากกันในทันทีเมื่อเสียงดังรบกวนนั้นมันเข้ามาเรียกสติคนทั้งคู่ให้กลับคืนมา หันไปมองต้นตอของเสียงก็ถึงกับอ้าปากค้างตกใจจนแทบจะหุบเก็บมันไม่ทัน ชายวัยกลางคนที่กำลังทุบกระจกรถของคริสอยู่ฝั่งที่นั่งของเลย์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหากแต่เป็นพ่อตาขาโหดนั่นเอง คริสบอกได้เลยว่าซวย...
“ทำอะไรกันอยู่?”
เสียงเข้มเอ่ยถามในทันทีเมื่อลูกชายในสายเลือดลดกระจกรถลงให้เขา ไม่ใช่ไม่เห็น เห็นเต็มสองตาเลยก็ว่าได้ คิดได้ดังนั้นก็ส่งสายตาคาดโทษไปที่เด็กหนุ่มตัวสูงเจ้าของเลือนผมสีบลอนด์ทองที่นั่งหน้าเจือนอยู่ในรถอีกฝั่งอย่างไม่รีรอ
“ก็...คริสปลุกผมเฉยๆครับพ่อ พอดีผมหลับอ่ะ”
เสียงหวานเอ่ยตอบคนเป็นพ่อไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เห็นเต็มสองตาไม่รู้จะโกหกให้ตัวเองดูดีไปเพื่ออะไร ว่าแต่พ่อเขามาอยู่ที่สนามบินได้ยังไงกัน
“มั่นใจนะว่าแค่ปลุก?”
“ครับ?”
เลย์ตอบคนเป็นพ่อไปอีกครั้งก็หันไปกัดฟันส่งยิ้มให้คนรัก ขยับปากขมุบขมิบไม่มีเสียงบอกอีกคนไปอย่างรู้ชะตากรรมดี โดนแล้วไหมล่ะ
“งั้นก็ลงจากรถกันได้แล้ว ต้องเอากระเป๋าไปโหลดอีกไม่ใช่รึไง?”
เพียงเท่านั้นทั้งคริสและเลย์ก็เปิดประตูรถออกมาพรวดพราดจนคนเป็นพ่อที่ยืนดูอยู่ถึงกับต้องผงะไปข้างหลังด้วยความตกใจ มีพิรุธคงเข้ากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้สุดๆแล้ว คริสบอกเลยว่าไม่ได้กลัวพ่อตาหากแต่แค่เกรงใจเฉยๆ ไม่รู้ว่าเชื่อได้หรือเปล่า
“เฮ้! หนุ่มหล่อ ยกกระเป๋าไปด้วยนะ ฉันกับลูกชายจะเดินไปก่อน” พูดเสร็จก็โอบไหล่ลูกชายหน้าหวานเดินนำไปก่อนอย่างไม่รอช้า โดยไม่ได้สังเกตุพฤติกรรมและสีหน้าของคนที่ยืนอยู่เลยสักนิดว่าเป็นแบบไหน
คริสกระพริบตาปริบก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ ไม่วายที่พยักหน้าแบบนี้ก็เป็นการยอมรับชะตากรรมอย่างหนึ่งที่เขาต้องทำตามอย่างขัดขืนไม่ได้ ยืนมองตามสองคนพ่อลูกไปก็คิดในใจว่านิสัยช่างเหมือนกันซะเหลือเกิน หากแต่รักลูกเขาแล้วก็ยอมทำตามทุกอย่างอยู่แล้วหนิ
.
.
.
คริสนำกระเป๋าทั้งหมดมาโหลดเรียบร้อยแล้วก็เดินไปหาพ่อตาตามที่อีกคนได้บอกไว้ก่อนหน้า ก้มหน้าก้มตาเหมือนทุกครั้งที่เข้าไปหาก็ไม่มีผิด ไม่ได้กลัวนะคริสพูดเลย หากแต่ที่เป็นแบบนี้ก็บอกแล้วว่าแค่เกรงใจ
“ดูแลลูกชายฉันดีๆเข้าใจไหม?” เสียงเข้มเอ่ยสั่งเด็กหนุ่มที่ก้มหน้ามองมือตัวเองอยู่อย่างฝากฝัง แล้วสรรพนามที่ใช้เรียกแทนว่าพ่อวันนั้นหายไปไหน อารมณณ์ขึ้นลงจริงๆนะคุณพ่อตา
“ครับ”
“ไม่ใช่ฉันไม่โกรธนายนะที่มีอะไรกับลูกชายฉัน แต่ลูกฉันเต็มใจฉันจะปล่อยนายไป นายจะดูแลลูกชายฉันได้ใช่ไหม?”
“ครับ”
“ครับนี่หมายความว่า?”
“ผมจะดูแลเลย์ครับ!”ตอบเสียงดังฟังชัด ถึงอย่างนั้นคริสก็ยังไม่กล้าสบตาคู่นั้นของคุณพ่อตาอยู่ดี เอาสิชีวิตโคตอาภัพเลยได้พ่อตาแบบนี้
“ก็แค่นั้น พูดเยอะกว่านี้แล้วดอกพิกุลจะร่วงออกมาจากปากหรือไง”
สิ้นเสียงเข้มของพ่อคนรัก คริสก็ถึงกับหวืดกับคำพูดเมื่อครู่อย่างเพลียใจ บ้าไปแล้วแน่ๆ แค่คุยกับอีกคนนิดหน่อยก็ทำให้คริสเหนื่อยได้ขนาดนี้แล้ว
“……………………………”
“ฉันมีธุระต้องไปทำ ไปก่อนล่ะ” พูดเสร็จก็โบกมือให้คนตัวสูงกลายๆ คริสถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อความอึดอัดนั้นได้เดินจากเขาไปแล้ว โล่งอกโล่งใจเมื่ออย่างน้อยวันนี้ร่างกายก็ยังอยู่ครบสามสิบสอง หากแต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงอีกครั้งเมื่ออีกคนก็ยังตะโกนมาฝากฝังลูกชายเหมือนเดิม
“ดูแลลูกชายฉันดีๆนะ”
“ครับๆ”
คริสรีบโค้งหัวให้กับพ่อตาเป็นพัลวัล เจอแบบนี้เข้าบ่อยๆหัวใจวายได้เหมือนกันนะ หากแต่คิดอะไรได้ไม่นานก็ต้องมองหาคนรักที่จากกันเมื่อครู่ในทันที หันรอบกายก็ไม่มีวี่แววของคนตัวเล็กเลยสักนิด ทั้งพ่อเขาก็ยังฝากฝังลูกชายไว้ซะดิบดี งานเข้าอีกแล้ว
มือหนาล้วงเข้าไปในกางเกงยีนต์สีดำตัวโปรดก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาเพื่อโทรหาอีกคนที่กำลังอยากพบเจอ เพียงแค่เงยใบหน้าหล่อขึ้นมาเท่านั้นความกังวลที่มีอยู่ในตอนแรกก็หายไปฉับพลัน หากแต่เป็นแรงโทสะที่โหมเข้ามาแทนอย่างรวดเร็วในทันที
“โธ่เว้ย!!”
ขาวยาวรีบพาร่างตัวเองให้เดินตรงดิ่งไปหาคนรักอย่างไม่รีรอ เข้าประชิดตัวได้ก็รั้งเอวบางเข้ามาหาตัวแสดงความเป็นเจ้า ที่เป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพราะอะไร ถ้าอีกคนที่ยืนคุยกับคนตัวเล็กอยู่นั้นไม่ใช่เด็กเซนทอร์ที่เขาเกลียดขี้หน้าจนเข้าไส้อยู่ทุกวันนี้
“คริส” เสียงหวานเอ่ยเรียกคนรักเบาๆหวังให้ใจเย็นลงเมื่อรู้ว่าคริสกำลังคิดยังไง แต่นั่นเทาก็เป็นเพื่อนเขาเหมือนกันทำให้เลย์เมินเฉยใส่ไม่ได้จริงๆ
“ไปกันเถอะ” คริสพยายามแล้วที่จะใจเย็น เห็นแก่คนรักที่กำลังจับมือเขาแล้วบีบเพื่อให้ควบคุมตัวเองอยู่ คริสจึงตัดปัญหาโดยการตัดบทมันไปซะดื้อๆ
“ขอคุยกับเทาแปบนึงนะ นายไปขึ้นเครื่องก่อนก็ได้” ถึงอย่างนั้นเลย์ก็ยังมีเรื่องจะคุยกับเทาอยู่หลายเรื่อง ทำให้คริสไม่พอใจที่คนตัวเล็กพูดหักหน้ากันแบบนั้น
“แต่....”
“คริส”
เมื่อเห็นอีกคนกำลังจะพูดขัด เลย์ก็เอ่ยเรียกชื่อคนรักอีกครั้งเพื่อให้คริสเดินไปก่อน ถามว่ากลัวไหมว่าคริสจะก่อเรื่อง เลย์กลัวมากที่สุดหากแต่นั่นคริสก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายและไม่วายก็ดูจะโกรธคนตัวเล็กเข้าจริงๆเสียแล้ว
“แฟนนายหึงแรงตลอดเลยนะ” เมื่อคริสเดินจากไปได้ไม่นาน เทาก็เอ่ยแซวในทันที หึงแรงไม่เท่าไหร่มองมาทีก็แทบจะฆ่ากันได้ทุกเมื่อ
“ก็คงงั้นมั้ง” ตอบไปก็ไม่วายหันมองตามแผ่นหลังกว้างไปอย่างนึกกังวล
“นั่นเป็นเพราะเขารักนายมากยังไงล่ะ”
“ฉันรู้ แต่คริสอารมณ์ร้อนมากจนบางทีฉันก็ยังกลัว”
ถึงจะบอกเพื่อนต่างปราสาทไปแบบนั้น เลย์ก็ยังยิ้มได้เมื่อได้คิดถึงใบหน้าหล่อๆของคนรัก ในตอนนี้เลย์รู้ดีว่าเทาคิดยังไงกับเขาแต่นั่นเรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้อยู่แล้ว และเขาก็จะชดเชยที่เทาเคยช่วยเหลือเขามาตลอดด้วยคำว่าเพื่อนให้กับอีกคน
“เหมือนเขาจะอารมณ์ร้อนกับฉันคนเดียวด้วยสิ ฉันว่านายรีบไปปรับความเข้าใจเถอะ ฉันไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ทำให้พวกนายแตกแยกกันนะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กเซนทอร์ทำให้เลย์ก็ยกยิ้มออกมาตามได้ไม่ยาก เทาต่างจากเซนทอร์คนอื่นมาก เลย์คิดไปแล้วว่าเขาคงจะถูกเลือกไปอยู่ผิดปราสาทแน่ๆ
“อื้ม ยังไงฉันต้องขอโทษเรื่องวันนั้นด้วยนะที่ร้านเหล้าอ่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกฉันชินแล้ว รีบไปเถอะ”
“ขอบใจมากนะ แล้วเจอกันที่โรงเรียน”
เลย์โบกมือลาเทาก่อนจะฉีกยิ้มไปให้อย่างจริงใจ ต่อไปก็ถึงภาระกิจใหญ่แล้วสิ คงต้องไปง้อคริสอย่างที่ตั้งใจไว้ ที่ผ่านมาก็เอาแต่โกรธแต่งอนเขา พอถึงคราวตัวเองบ้างก็เริ่มกลัวขึ้นมาซะเฉยๆ
.
.
.
คนตัวเล็กเดินเข้ามาในตัวเครื่องบินตามหลังคริสได้ไม่นาน ตรวจเลขที่นั่งเสร็จก็เดินไปประจำที่ไม่วายก็เห็นคนรักหน้าหล่อนั่งรออยู่ก่อนแล้ว คริสนั่งติดริมหน้าต่าง เว้นว่างไปที่นึงก็เป็นรุ่นพี่อินดี้อย่างชิมชางมินที่เครื่องยังไม่ทันเทคออฟเจ้าตัวก็หลับไปเสียแล้ว เลย์เหลือบมองที่ตรงกลางที่ยังว่างอยู่ก็รู้ได้ในทันทีว่าที่ตรงนั้นคงมีไว้เพื่อเขาอย่างแน่นอน
“คริส” นั่งลงที่ตัวเองเสร็จสับ เสียงหวานก็เอ่ยเรียกชื่อคนรักที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างแผ่วเบา หากแต่อีกคนก็ยังคงนิ่งไม่ตอบอะไรกลับมาเลยแม้แต่คำเดียว เป็นแบบนี้ร้อยทั้งร้อยคงโกรธกันมากจริงๆ
“……………………………..”
เมื่ออีกคนยังคงไม่คิดจะตอบโต้เลย์ก็นั่งคิดแผนง้อไปพรางๆ รอเครื่องเทคออฟก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที เหลือบมองคนรักข้างกายก็เอาแต่หันไปอีกทางจนเลย์เข้าใจแล้วว่าเวลาที่คริสง้อเขามันลำบากและหนักใจขนาดไหน ซึ้งเลยไหมล่ะ
“โกรธฉันหรอคริส?” เอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเครื่องบินลอยลำอยู่บนอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มือบางเอื้อมไปกุมมือหนาของอีกคนเบาๆ แต่นั่นก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยเพราะคริสก็ดึงมือหนากลับไปช้าๆ อย่างไม่สนใจ
“………………………”
“ขอโทษนะ หันมาคุยกันหน่อยสิ” เลย์ยังคงทำหน้าที่ง้ออีกคนอยู่เหมือนเดิม เริ่มเหงื่อตกแล้วเพราะคริสก็ยังไม่คิดจะสนใจ ในเมื่อแผนเข้าหาแบบนี้ไม่ได้ผลก็รวบรัดมันซะเลย
มือบางยกที่กั้นระหว่างเบาะนั่งของเครื่องบินขึ้นให้พ้นทาง ก่อนกายบางจะค่อยๆขยับเข้าไปหาคนตัวสูงช้าๆ เบียดไหล่เข้าไปแนบอีกคนให้ขึ้นไปอีก ไม่วายก็กระแซะเบาๆเพื่อเรียกร้องความสนใจ หากแต่...สุดท้ายก็ไม่เป็นผล
“ก็รักอยู่คนเดียวเนี่ย ทำไมต้องโกรธฉันด้วยเล่า”
เสียงหวานเอ่ยพูดออดอ้อนอีกคนก่อนจะสวมกอดกายสูงที่นั่งข้างกันแล้ววางหัวทุยไปบนราดไหล่หนา และนั่นคริสก็ถึงกับขมวดคิ้มมุ่นพลางเหลือบสายตาแอบมองคนตัวเล็กอย่างไม่เข้าใจกับพฤติกรรมง้อแบบแปลกๆ
“…………………………”
“เทาก็เพื่อนฉันคนนึง จะละเลยไม่คุยกับเขาก็ไม่ได้ด้วยสิ ถึงตอนนี้ฉันก็มีแค่นายคนเดียวแล้วนะ ให้อภัยฉันได้ไหม?”
“………………………”
“คริสอ่า ฉันจะร้องไห้แล้วน้า”
เลย์ที่ตอนแรกเอียงหัวซบไปกับลาดไหล่หนาก็เปลี่ยนกิริยาบทโดยการกดจมูกบางไปกับต้นแขนแกร่งของอีกคนก่อนจะเหลือบม่านตากลมขึ้นมองใบหน้าหล่อเพื่อหวังว่าคริสจะหันมาคุยกับเขาในอีกไม่ช้า
“………………………….”
“รัก รัก รัก รัก รักคริสคนเดียวเลย หันมาคุยกันหน่อยนะ..น้า”
เลย์ก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นความอดทนสูงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หากแต่อยากง้ออีกคนเพราะรู้ว่าเขาเองที่ทำให้คริสเป็นแบบนี้ ทั้งตอนนี้คริสก็ใจแข็งซะเหลือเกิน อ้อนเท่าไหร่ก็ยังไม่ยอมอ่อนให้กันสักที ไม่พูดแถมยังไม่คิดจะหันหน้ามาคุยกันอีก แผนสามก็เริ่มผุดเข้ามาในหัวของเลย์อีกเรื่อยๆ
ไม่รอช้ากายบางจึงขยับไปนั่งบนตักแกร่งของคนรักอย่างไม่รีรอ สอดมือเข้าหลังท้ายทอยของคนตัวสูงแล้วกระชับให้มั่น ถ้าไม่คิดจะสนใจ เลย์จะทำให้สนใจก็ครั้งนี้แหละ
“ไม่คิดจะพูดกันเลยใช่ไหมคริส?” เสียงหวานเอ่ยถามก่อนจะจ้องมองใบหน้าหล่อของอีกคนที่ก็ดูจะตกใจกับการกระทำของเขาไม่น้อย ทั้งนี่ก็บนเครื่องบิน ไม่ใช่อยู่กันสองคนถึงจะได้ไม่ต้องอายสายตาใคร
“นายจะทำอะไร?” ในที่สุดคริสก็เอ่ยพูดสักที หากแต่น้ำเสียงแบบนั้นมันก็ช่างเย็นชาจนคาดเดาอารมณ์ไม่ถูกเลยจริงๆ
“ขอโทษ” เลย์เอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด แต่นั้นคริสกลับหันหน้าหนีอีกครั้งจนเลย์เองก็ถึงกับใจหล่นวูบ นี่จะร้องไห้จริงๆแล้วนะ
ฟอด!!!!!!!!!!!!!!!!!
หมดหนทางก็เอาถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้แหละ คนตัวเล็กกดจมูกบางไปบนแก้มกร้านของคนตัวสูงก่อนจะสูดกลิ่นหอมที่ได้รับสัมผัสอยู่ทุกวันเข้าไปฟอดใหญ่ นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าหล่อของคริสที่หันกลับมามองเขาด้วยอาการตกใจก็ยกยิ้มบางๆส่งไปให้เพื่อขอโอกาส
“จะหายโกรธกันได้รึยัง?”
พูดเสร็จเลย์ก็ประทับกลีบปากอมชมพูสวยไปกับริมฝีปากเรียวของคนตัวสูงในทันที เริ่มเองก็เขินเองถึงอย่างนั้นก็ยังสานต่อมันไปเรื่อยๆ เม้มเบาๆเหมือนอย่างที่อีกคนมักจะปฏิบัติกับเขาบ่อยๆ หากแต่ตอนแรกเป็นฝ่ายนำอยู่ดีๆไหงตอนนี้กลับเป็นคนตัวสูงที่ลุกล้ำเข้ามาเป็นคนคุมเกมส์เสียอย่างนั้น
“อื้ม”
เสียงหวานครางออกมาอย่างลืมตัว หลับตาพริ้มเมื่อนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เสียท่าให้กับคริส จูบตอบเบาๆกลับไปก็เอียงหน้าเล็กน้อยให้อีกคนเข้ามาได้อย่างถนัด ครั้งนี้ยอมให้อีกคนไปเต็มๆ ไม่มีขัดขวางไม่มีเล่นตัว เลย์ยอมคริสคนเดียวเท่านั้น แต่เหมือนจะนึกได้ว่ายอมให้อีกคนง่ายๆตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วนะเลย์
“นายทำแบบนี้ก็รู้ใช่ไหมว่าจะไม่รอดน่ะหื้ม?”
เมื่อผละริมฝีปากออกจากกัน คริสก็เอ่ยถามคนตัวเล็กจนอีกคนก็หน้าเจือสีน้อยๆอย่างน่ารัก กระชับรอบเอวบางให้เข้ามาหากายให้มากขึ้นไปอีก ลูบไล้แผ่วเบาไปตามแผ่นหลังบางของอีกคนอย่างนึกกลั่นแกล้ง
“บนเครื่องบินนายก็กล้ารึไง?”
“ห้องน้ำบนเครื่องเลยเป็นไงล่ะ?”
“ไอ้บ้า!”
ค่อนขอดอีกคนเสร็จก็ยกมือเล็กขึ้นฟาดไปบนต้นแขนแกร่งของคริสเต็มแรง จนคนที่รับสัมผัสถึงกับร้องเสียงหลงอย่างห้ามไม่อยู่ เห็นตัวเล็กๆแบบนี้แต่มือหนักใช่ย่อยเลยนะ
“ตีฉันทำไม ฉันโกรธนายอยู่นะ?”
“แต่ฉันไม่ได้โกรธนายหนิ?”
“มันมีแบบนี้ด้วยรึไงเล่า?”
พูดจบคริสก็เบือนใบหน้าหนีไปอีกทางอย่างน้อยใจ เห็นดังนั้นเลย์ก็ไปปล่อยให้อีกคนโกรธเขาไปนานๆอย่างแน่นอน มือเล็กยกขึ้นทาบไปบนใบหน้าหล่อก่อนจะออกแรงเบาๆรั้งให้หันกลับมาประจันหน้ากันอยู่เหมือนเดิม
“ขอโทษน้า” จุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากเรียวอีกครั้ง และนั่นคริสก็ถึงกับยกยิ้มกับความน่ารักของคนตัวเล็กอย่างเปิดเผย บอกเลยว่าถ้าอยู่กันสองคนนี่ไม่รอดแน่ๆ
“รักฉันรึเปล่า?” คริสเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ก็รักไงถึงยอมจนถึงทุกวันนี้”
“รักใคร?” การถามย้ำแบบนี้เหมือนใครสักคนนะ และนั่นคริสก็กำลังใช้มันกับคนตัวเล็กอยู่
“รักคริส”
“ใครรักคริส?”
“เลย์รักคริส”
“รักมากไหม?” คริสมั่นใจว่าการทำแบบนี้มันสนุกมากขนาดไหน ไม่วายยังคิดถึงพ่อตาที่มักจะเล่นสนุกกับเขาอยู่เสมอ คริสอยากจะบอกว่าเข้าใจพ่อตาอย่างลึกซึ้งแล้ว
“รักม้ากมาก”
สิ้นเสียงหวานคริสก็ถึงกับยกยิ้มอย่างพอใจ ให้มันได้อย่างนี้สิ แฟนใครน่ารักไม่ทนแล้ว ไม่วายก็ไม่รู้จักพอยังขออีกคนอย่างคนโลภมากก็ไม่ปราน
“ขอรางวัล”
“ทั้งตัวและหัวใจฉันก็ให้นายไปหมดแล้วนะ”
“ไม่เกี่ยวกัน ตอนนี้อยากได้อีกแล้ว”
“ตลอด แฟนใครวะ!” ถึงอย่างนั้นเลย์ก็ยอมให้คริสอยู่ดี จุ๊บริมฝีปากเรียวของอีกคนเบาๆก็ผละออก ยิ้มหวานสบตาจนมดแทบขึ้น ลืมไปแล้วรึไงว่านี่มันบนเครื่องบิน
“จะง้อกันอีกนานไหม? รำคาญอ่ะ!” ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย รุ่นพี่หน้าหล่อพี่ชายของคนรักนั่นเอง ทั้งคริสและเลย์ก็ถึงกับหันไปมองนักเรียนดีเด่นอย่างพร้อมกันด้วยความตกใจ ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“อย่ายุ่งน่าแม็ก” นี่อยากรู้ว่าคริสเป็นน้องหรือเป็นพี่ชายชางมินกันแน่ ดูจะไม่รู้ฐานะและระดับอายุของตัวเองเลยสักนิด
“นายก็หายโกรธเลย์เร็วๆดิ ง้อกันนานไปป๊ะ? นี่ฉันจะหลับก็รำคาญเสียงงุ้งงิ้งของพวกนายจนสะดุ้งตื่นตลอด” พูดเสร็จชางมินก็ยกผ้าผืนบางคลุมหน้าหล่อๆที่บ่งบอกอารมณ์หงุดหงิดได้เป็นอย่างดี เอนแผ่นหลังกว้างให้นอนไปกับพนักพิงอีกครั้ง พลันคิดว่าครั้งนี้คงจะได้นอนหลับอย่างสบายใจสักที
เลย์ค่อยๆขยับกายออกจากตักของคริสแล้วเลื่อนลงมานั่งประจำที่ของตัวเองอย่างแผ่วเบาที่สุด ไม่วายก็ต้องเหลือบมองรุ่นพี่ที่นั่งข้างๆไปด้วยอย่างหวั่นๆ ดีไม่ดีจะเจอพี่แกลุกขึ้นมาด่าอีก เลย์กลัวมากนี่พูดเลย แต่นั่นคริสกลับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
“หายโกรธฉันรึยัง?” เสียงหวานเอ่ยถามเมื่อได้ที่นั่งของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ยิ้มหวานส่งไปให้คนรักอย่างเปิดเผยไม่วายก็ยังสอดมือเข้าไปกอดรัดที่แขนแกร่งของอีกคนอย่างขอคืนดี
“หายโกรธตั้งแต่นายพูดขอโทษคำแรกแล้ว” ใบหน้าหล่อเผยยิ้มกรุ้มกริ่มที่สามารถแกล้งอีกคนได้สำเร็จ แค่เห็นใบหน้าหวานๆกับคำพูดออดอ้อนคริสก็ยอมสิโรราบอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“นี่นายแกล้งฉันหรอ?”
“ไม่ได้แกล้งสักหน่อย ตอนแรกฉันโกรธนายจริงๆ โกรธมากๆด้วย” พูดเสร็จก็ยกแขนแกร่งขึ้นโอบไหล่คนตัวเล็กให้เข้ามาแนบกายอีกครั้ง
“ฉันขอโทษ แต่เทาก็เป็นเพื่อนฉันคนนึงนะ นายจะเข้าใจได้สักทีไหม?”
“ไม่เข้าใจ! เพราะไอ้หมอนั่นมันชอบนาย นายดูไม่รู้รึไง?” คริสพูดเสร็จพลันก็คิดในใจว่านี่จะคืนดีกันอยู่แล้วไม่วายต้องได้ทะเลาะกันอีกแน่ๆ
“เออ! ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจ” ถึงจะพูดน้อยใจอีกคนไปแบบนั้นแต่การกระทำช่างผิดกันเสียเหลือเกิน กายบางขยับให้เข้าไปแนบชิดคนรักเข้าไปอีก โอบกอดแน่นกว่าครั้งแรกก่อนจะซบใบหน้าหวานลงกับอกแกร่งแล้วหลับตาพริ้มในฉับพลัน
“ก็รู้ว่าฉันหึงฉันหวงนายมากขนาดไหน ทำไมต้องไปคุยกับมันด้วย?”
“ก็เพราะว่าเทาเป็นเพื่อนฉัน นายจะไม่เข้าใจฉันหน่อยหรอ? ถึงฉันจะคุยกับเทาแต่นั่นเราก็แค่เพื่อนกัน หัวใจฉันให้นายได้แค่คนเดียว ฉันรักนายคนเดียวเข้าใจไหมคนบ้า!!”
พูดเสียงอู้อี้ไปกับอกแกร่งของอีกคนอย่างเขิลอาย นับไม่ถ้วนเลยว่าคำว่ารักที่หลุดออกมาจากปากมันมากมายขนาดไหน แต่ถึงอย่างนั้นคริสก็ยังหึงหวงเขาอยู่เหมือนเดิม
“ขอไปพิจารณาดูก่อนแล้วกันว่าจะเข้าใจได้หรือเปล่า? ก็แฟนฉันน่ารักขนาดนี้ ฉันหวงของฉันมันผิดมากรึไง?”
“อยากทำอะไรก็ทำ จะนอนแล้ว!” ไม่สนใจ เลย์ยังทำเหมือนไม่รับรู้กับสิ่งที่อีกคนพูดกรอกหู ก็รู้ว่าหึงรู้ว่าหวง เลย์เข้าใจดีทุกอย่างว่าคริสเป็นแบบนี้นั่นเพราะอะไร
“รู้ใช่ไหมว่าฉันรักนายมากน่ะหื้ม?” พูดไปก็ลูบหัวทุยของอีกคนที่ซบอยู่กับอกแกร่งอย่างแผวเบา เลื่อนลงมาเล็กน้อยก็เกลี่ยเบาๆที่แก้มนิ่มของของคนตัวเล็กเล่นจนเพลินมือ จุมพิตที่ขมับของคนที่นอนซบอกอยู่ก่อนจะเอียงศรีษะไปทับหัวทุยนั้นอีกที รักมากจนไม่รู้จะบรรยายยังไงแล้ว
“อื้อ รู้แล้วว่ารัก ก็รักนายมากเหมือนกันนั่นแหละ!”
*** วันนี้พี่คริสเข้าบริษัทเลยนั่งแต่งแบบรวดเร็ว >< ได้เห็นหน้าแล้วแรงใจมาเต็มเปี่ยม 555 คู่นี้หวานทั้งแชปเลย หวานกันให้สุดก่อนคะ หวานกันไปเลย คริคริ
ที่มาลงเร็วเพราะวันนี้ว่าง [มั้ง] แล้วอีกอย่างพรุ่งนี้ผู้ชายมาแล้ว ไรท์คงไม่ว่างมาอัพจนหลังจบคอนและส่งผู้ชายกลับอย่างปลอดภัย ขอให้เอนจอยกับการอ่านนะคะๆ ^^ ไรท์แต่งไม่ค้างใช่ไหมคะ? คิดว่า 555
ความคิดเห็น