ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha AF8] ♀ TOM (or) BOY ♂

    ลำดับตอนที่ #18 : ♀ TOM (or) BOY ♂ - 16

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 55


     TOM (or) BOY 

    16

     


     

     

    “กลับดีๆ นะบอส”

    “ดูหนังให้สนุกนะเบน”

    หนุ่มลูกครึ่งฝรั่งโบกมือลาคนรักหน้าหวานที่กำลังจะขึ้นแท็กซี่กลับบ้านไป ไม่มีคำพูดอะไรมากกว่านั้น หากแต่สายตาที่ส่งให้กันก็เป็นคำตอบได้ถึงสถานะความสัมพันธ์ของพวกเขา  ทว่าฝ่ายบุคคลที่สามที่ยืนมองเหตุการณ์นั้นอย่างเต๋าอดจะมองด้วยสายตารำคาญนิดๆ ไม่ได้ ...จะสวีทอะไรกันนักกันหนา!

    “ไม่ชวนบอสดูหนังด้วยกันวะ?”  เต๋าถามเพื่อนซี้หลังจากที่แฟนของอีกฝ่ายขึ้นรถไปเรียบร้อย  “จะชวนกูเพื่อ?”

    “อ้าว เห็นมึงเซ็งๆ อยู่ไม่ใช่หรือไง?”  เบนพูดพลางเดินนำกลับเข้าไปในห้างสรรพสินค้าอย่างเดิม  “อีกอย่าง... บอสไม่ดูหนังผีว่ะ”

    เต๋าได้ยินดังนั้นก็รู้ได้ทันที เหตุผลจริงๆ มีแค่อย่างหลังเท่านั้นแหละ ประโยคแรกมันแค่พูดให้ฟังดูดีเฉยๆ  “สรุปมึงชวนกูมาดูหนังผี?”

    “ก็เออดิ... บอกไปแล้วไง ใจลอยอีกละ”  หนุ่มลูกครึ่งฝรั่งหันมาถามหน้ากวน  “ช่วงนี้ทำตัวเหมือนคนอกหักนะมึง”

    เต๋าไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อนสนิทแต่อย่างใด หากแต่เดินจ้ำอ้าวไปยังจุดหมายด้วยฝีเท้ายาวๆ  ห้างสรรพสินค้าชื่อดังในเวลานี้เต็มไปด้วยนักเรียนนักศึกษาเพราะเป็นช่วงเลิกเรียน  ขาก้าวขึ้นบันไดเลื่อนที่ติดแหง็กไปด้วยผู้คนมากมาย มันน่าเบื่อไม่น้อยที่เขาต้องมองมันไหลขึ้นไปอย่างช้าๆ โดยที่ทำอะไรไม่ได้  ปกติเขาไม่ได้ใจร้อนแบบนี้หรอก แต่หมู่นี้อะไรมันก็เปลี่ยนไป

    ช่วงเวลาน่าเบื่อมักผ่านไปช้ากว่าที่เคยเสมอ เขาปล่อยตัวเองเคลื่อนขึ้นไปอย่างช้าๆ ตามสายพานที่หมุนไป สายตาถูกทิ้งหันให้มองไปเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย  ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เห็นแต่คนมากันเป็นคู่... ห้างสรรพสินค้าคงตอบโจทย์คู่รักเพราะสะดวกสบาย กินข้าวดูหนังช้อปปิ้งได้ในที่เดียว

    จะว่าไป ครั้งนึงเขาก็เคยมาเดินห้างสองต่อสองกับใครคนนั้นเหมือนกัน

    ภาพในอดีตผุดย้ำขึ้นมาชัดเจนในสมอง... เขาจำได้ดี วันนั้นอีกฝ่ายบอกเขาว่าจะย้ายหอแล้วเขาก็อารมณ์เสียเป็นบ้า ทว่าตอนนั้นก็มีเหตุที่ทำให้ไม่ได้ย้าย แต่บทจะไปจริงๆ ก็เล่นหายไปแบบดื้อๆ

    เจอกันอีกที...ก็มีแต่ความหมางเมิน

    ภาพใบหน้าเรียบเฉยจุดรอยยิ้มเศร้าฉาบขึ้นบนใบหน้าขาว หากแต่ยังไม่เท่าภาพคนสองคนที่กระซิบกระซาบกันบนบันไดเลื่อนอีกฝั่งที่สวนลงมา

    คชา... กับนักศึกษาสาวอีกคนที่ดูจะสนิทสนมกับพอตัว

    เจอกันแบบไม่ได้ตั้งตัวอีกแล้ว... เจอกันทีไรก็เจ็บทุกทีเลยนะชา

     

               

                “กินอะไรกันดีแอ้น?”

                “อืม...อยากกินก๋วยเตี๋ยว”

                เพียงประโยคสั้นๆ เท่านั้นที่คชาหันไปพูดคุยกับเพื่อนสาวที่มาด้วยกันในวันนี้หวังเพียงจะหลบหน้าใครอีกคนที่ขึ้นบันไดเลื่อนสวนขึ้นมา  ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นจะสังเกตเห็นเขาไหม แต่ด้วยยังไม่พร้อมที่จะสบดวงตาคู่นั้นจึงต้องเลี่ยงโดยการหันหน้ามาคุยกับแอ้นแทน

                “กินก๋วยเตี๋ยวเดี๋ยวหน้ามันหรอก มาเดททั้งที”  คชาพูดเสียงใสพลางยิ้มแป้นให้กับเธอ หากแต่อีกฝ่ายกลับทำหน้านิ่ว  “ชา...”  แอ้นถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินนำเดินไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เธออยากกิน

                เดท... จะพูดคำนี้ได้ไหม? เมื่อคชาชวนอีกฝ่ายออกมาเที่ยวกันสองต่อสองแบบนี้ ทั้งยังดูแลสาวเจ้าเป็นอย่างดี  ตั้งแต่เลื่อนเก้าอี้ หรือหยิบช้อนตะเกียบให้  ซ้ำแล้ว ใบหน้านั้นก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ

                “ชา...วันนี้โดดซ้อมทำไม?”  แอ้นถามอีกคนที่ยังสาละวนอยู่กับอาหารตรงหน้า  คชาเคี้ยวลูกชิ้นในปากแก้มตุ่ยก่อนจะทำหน้าเหรอหราเหมือนเด็กที่ถูกจับได้  “วันนี้ซ้อมบาสไม่ใช่หรอ?”

                “ขี้เกียจไง”  คชาตอบแบบส่งๆ ไป ทั้งที่ความจริงแล้ว...

    “เพราะรู้ว่าต้องแข่งกับเต๋ามากกว่า”

    ได้ยินอีกฝ่ายพูดจารู้ทันซะขนาดนั้น เจ้าตัวก็ถึงกับนิ่งตั้งหลักอยู่พักหนึ่ง  “อย่าพูดแบบนี้สิ เรามาเดทกันนะแอ้น”  เขาพยายามพยุงบรรยากาศให้กลับมาเหมือนเดิม

    “อย่าใช้คำนี้เลยชา เรามาก็แค่ในฐานะเพื่อน”  แอ้นพูดด้วยแววตาหม่นหมอง  เมื่อสองวันก่อนเธอไม่ได้ตอบตกลงคชาไป แต่ปฏิเสธอ้อมๆ ให้ไปลองคิดดูใหม่อีกที และจนถึงวันนี้อีกฝ่ายก็ยังรั้นไม่เลิกรา

    “งั้นแอ้นก็เป็นแฟนกับเราสิ”

    “ชา... ทำแบบนี้มันเจ็บนะรู้ไหม”

    ได้ยินดังนั้น คิ้วบางก็ขมวดผูกโบอย่างไม่เข้าใจ  “แอ้นเคยบอกว่าชอบเราไม่ใช่หรอ งั้นเราก็เป็นแฟนกันไง”

    “แล้วคชาชอบเราหรอ?”

    คำถามสั้นๆ ประโยคเดียวทำเอาอีกฝ่ายนิ่งงันไปในทันที... ไม่ใช่ไม่รู้คำตอบ แต่เพราะรู้มันอย่างชัดเจนถึงพูดไม่ได้

    คชาไม่เคยคิดกับแอ้นในฐานะคนรักเลย

    จนถึงตอนนี้ ที่เขาพยายามอยู่ใกล้ชิดกับแอ้นเกือบตลอด หวังว่าความผูกพันจะแปรเปลี่ยนเป็นความรักได้บ้าง หากแต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม

    สุดท้ายคำตอบก็คือความเงียบงัน และมันแปลความหมายอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกเสียจากว่า คชาไม่เคยรักแอ้น

    รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนริมฝีปากอิ่มได้รูป หากแต่ดวงตาคู่สวยของเธอกลับฉายความหม่นหมอง

    รักคนที่ไม่รักเรา... เป็นใครก็ต้องเจ็บทั้งนั้น

    “ถ้าคนเรามันเลิกรักใครได้ง่ายๆ คงไม่มีคนต้องเสียใจหรอกคชา”

                แอ้นพูดวกกลับมาเข้าเรื่องเดิม เพราะเธอรู้ดีว่าคชาขอคบเธอด้วยเพียงแค่ต้องการเลิกชอบเต๋า  หากแต่คำพูดนั้นก็ยังไม่วายสะท้อนกลับเข้าหาตัวเธอเอง

    ถ้าคนเรามันเลิกรักได้ง่ายๆ  ป่านนี้แอ้นคงเลิกชอบคชาไปแล้ว

    แววตาหม่นเศร้าของใบหน้าสวยหวานตรงหน้าทำเอาเขายิ่งรู้สึกเสียใจ... เขากำลังลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาทำร้ายใช่ไหม?

                “แอ้น... เราขอโทษ”

                “เก็บคำนั้นไว้ให้เต๋าเถอะ”

                “แต่...”  หนุ่มร่างเล็กชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นต่อ  “แต่เต๋าเป็นผู้ชาย”

                “แล้วจะทำไม...ในเมื่อเต๋าชอบคชา”  แอ้นนิ่งมองอาการของอีกคนแล้วก็ยิ่งชัดเจน  “คชาก็ชอบเต๋าเหมือนกันไม่ใช่หรอ?”

                เขาสะดุ้งตัวน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาได้ตรงเผงแบบนั้น... พูด..ในสิ่งที่แม้แต่เขายังไม่อยากจะยอมรับกับตัวเอง

                “ผู้ชายกับผู้ชาย จะรักกันได้ยังไง”

                “ก็รักกันแล้วไม่ใช่หรอ”  แอ้นว่าด้วยสีหน้านิ่งๆ  “แล้วจะยังต้องไปกลัวอะไร... อยากให้ทุกอย่างจบลงแบบนี้หรอคชา?”

    ภาพแววตาคู่คมอันเจ็บช้ำผุดฉายขึ้นมาในสมอง... ไม่บอกก็รู้ว่าเต๋ารู้สึกแย่แค่ไหน

                อยากให้ทุกอย่างจบลงแบบนี้หรอคชา?


             

    - - -


     

    อาคารกีฬาของมหาวิทยาลัยในวันนี้ค่อนข้างคึกคักด้วยเพราะเป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของกีฬาเฟรชชี่หลายๆ ชนิด  ที่ชั้นสามของอาคารเดียวกันนี้ สนามบาสพื้นไม้สีอ่อนขัดเงาวับกำลังหนาตาไปด้วยกองเชียร์จากทั้งสองฝั่งก็คือคณะนิเทศและบัญชี

    เหมือนได้มาทบทวนความหลังเมื่อครั้งแข่งกีฬาฟุตบอลเมื่ออาทิตย์ก่อนยังไงอย่างงั้น  แต่ที่ต่างกันคือวันนี้ฟ้าฝนไม่สามารถทำลายการแข่งขันลงได้อีก

    เสียงเฮดังลั่นของประชากรคณะนิเทศศาสตร์เรียกกำลังใจให้แก่ผู้เล่นที่กำลังวอร์มอัพร่างกายอยู่ไม่น้อย  ในทีมแข่งฟุตบอลดูจะไม่ค่อยมีใครมีฟอร์มที่หวือหวาจนตั้งตัวเป็นหัวหน้าทีมได้ หากแต่สำหรับกีฬาบาสเกตบอลนั้นต่างออกไป เมื่อนักศึกษาชายร่างสูงใหญ่อย่างเจมส์ ดีกรีอดีตนักบาสของโรงเรียนเป็นตัวตั้งตัวตีในการแข่งขัน ตั้งแต่นัดแรกจนได้เข้ามาถึงนัดชิงชนะเลิศนี้

    “เล่นตามที่ซ้อมเมื่อวานนะ เข้าใจป้ะ”  เจมส์พูดทบทวนแผนการตามที่เมื่อวานได้ตกลงกันให้ทุกคนได้ฟังอีกครั้ง  เสร็จแล้วจึงประสานมือรวมพลังกับสมาชิกในทีมคนอื่นๆ

    “นิเทศ นิเทศ เฮ้!”  เสียงทุ้มจากเหล่านักกีฬาเสื้อน้ำเงินหลายชีวิตดังขึ้นกึกก้องภายในสนามเพราะเป็นที่ปิด เรียกความสนใจจากทีมอีกฝั่งได้พอควร

    “แล้วนี่ไอ้คชามันไปไหนวะ?”  เจมส์ถามขึ้นเมื่อเพิ่งเห็นว่ากำลังคนนึงไม่มาอยู่ให้เห็นหน้าในตอนนี้  “เมื่อวานก็ไม่มาซ้อม”

    “ไม่รู้ว่ะ... เลิกเรียนก็ไม่เห็นหน้าแล้ว”

    “อะไรวะ กะจะให้มาเป็นตัวสำรองซะหน่อย”  เจมส์บ่นไปตามประสา  “ตอนนี้ไปวอร์มก่อนละกัน... ถ้ามันจะไม่มาก็ไม่มา ยังไงทีมเราก็ต้องชนะอยู่ดี”

    หนุ่มตี๋ร่างใหญ่หัวหน้าทีมพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง... กับกีฬาฟุตบอลเขาไม่ค่อยได้สนใจ แต่ถ้าเป็นบาสเกตบอลแล้วล่ะก็... เจมส์ไม่เคยแพ้ใครเว้ย!

     

     

    “จะไม่ไปหรอชา?”

    ที่ม้านั่งหินอ่อนบรรยากาศร่มรื่นมุมหนึ่งในมหาวิทยาลัย  หนุ่มร่างเล็กยังคงนั่งสบายๆ ไม่มีแววความทุกข์ร้อนอยู่บนในหน้าสักนิด  ต่างจากอดีตเพื่อนข้างห้องอย่างแพรวาที่ทำตาดุๆ ใส่มาพักหนึ่งแล้ว

    “แพรวาไปก่อนก็ได้”  เขาพูดพลางก้มลมเอาช้อนตักน้ำแข็งไสในถ้วยที่พร่องลงไปเต็มที

    “แล้วถ้าเราไป... จะตามไปไหม?”

    ใบหน้าหวานช้อนมองหน้าเพื่อนสาวที่ยังคงสีหน้าเรียบนิ่งเอาไว้ก็พลันถอนหายใจออกมาเบาๆ  “ไปก่อนเถอะ”

    นักศึกษาสาวลุกขึ้นจากม้านั่ง ด้วยเพราะใกล้เวลาเข้ามาเต็มที อีกทั้งใจก็ไปอยู่ที่สนามแข่งขันตั้งนานแล้ว  “ตามใจละกัน ไม่ยุ่งด้วยแล้ว”

    มือเรียวสวยสีน้ำผึ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายไว้ที่บ่า พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป  “คิดดูก็แล้วกัน...โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว”

    โอกาส...งั้นหรอ?

    เหมือนตะกอนที่ถูกตีกวนให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง คชายังคงคิดไม่ตกกับสถานการณ์ในตอนนี้  สองมือกุมประสาน คิ้วบางขมวดขึ้นอย่างใช้ความคิดความหมางเมินกับเวลาหนึ่งอาทิตย์หลังจากเหตุการณ์วันนั้นมันทำให้เขาเข้าหน้าไม่ติดจริงๆ

    สายลมพัดโชยเย็บสบาย ดวงตะวันคล้อยต่ำอ้อยอิ่ง หากแต่ภายใต้ใบหน้านิ่งยังคงเต็มไปด้วยปัญหามากมาย

     

    - - ครืด ครืด - -

    แรงสั่นน้อยๆ จากกระเป๋าเป้ใบหนาทำให้คนตัวเล็กหลุดจากห้วงความคิด ก่อนจะหยิบเอาเครื่องมือสื่อสารออกมารับสายอย่างไม่รีบร้อน  ชื่อเพื่อนนักศึกษาสาวที่เพิ่งเดินจากไปเมื่อหลายสิบนาทีก่อนปรากฏขึ้นที่หน้าจอ

    “ว่าไงแพรวา”

    “รีบมาที่สนามเร็วชา... เจมส์เฟรมเต้บาดเจ็บอยู่!”  ได้ยินเสียงตื่นๆ ของแพรวาออกมาจากปลายสาย เจ้าตัวก็รีบคว้ากระเป๋าวิ่งไปที่สนามทันที

     

    คนตัวเล็กเหนื่อยหอบ... กว่าจะมาถึงที่สนามแม้จะไม่ได้ไกลมากแต่เพราะรีบมาด้วยความตกใจมันก็เป็นแบบนี้ แถมยังต้องขึ้นบันไดมาชั้น 3 ด้วยกลัวจะไม่ทันการถ้าต้องรอลิฟท์  มือเรียวผลักประตูสนามเข้าไปก็พบผู้คนมากมายที่นั่งชมการแข่งขันอยู่  คชาไม่ได้สังเกตอะไรในสนามนัก หากแต่ก็วิ่งไปยังฝั่งที่เพื่อนคณะของตัวเองนั่งอยู่กัน

    และตอนนั้น... เขาก็พบว่า ไม่มีใครเป็นอะไรเลย!

    เจมส์ยังวิ่งอยู่ในสนามดี... แถมวิ่งปร๋อชู้ตเข้าได้แต้มเสียด้วย  ส่วนโปเต้กับเฟรมเพิ่งจะได้เปลี่ยนตัวเข้าไปลงเล่นเมื่อกี๊นี้

    “แพรวา”  คชาเอ่ยเรียกพลางทำหน้าตึงใส่ หากแต่เจ้าตัวกลับไม่แสดงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความสำนึกผิดเลยแม้แต่นิดเดียว

    “ไม่บอกแบบนี้แล้วจะมาหรอ”  เธอเอ่ยเรียบๆ  “ไปเปลี่ยนชุดไป เพื่อนรออยู่ คนอื่นเริ่มเหนื่อยกันแล้ว”  เอ่ยไล่ให้เพื่อนหน้าหวานไปทำสิ่งที่ควรกระทำในฐานะสมาชิกทีมบาสเกตบอลคนนึง  มือเรียวสวยหยิบเสื้อสีดำกับกางเกงขาสั้นยื่นส่งให้อีกคน  “หยิบมาจากที่ห้องให้”  ที่เป็นเช่นนั้นเพราะคชายังฝากเสื้อผ้าบางส่วนไว้ที่ห้องของแพรวานั่นเอง

    หนุ่มร่างเล็กถอนหายใจยาวๆ หากแต่ก็ทำตามแต่โดยดี ถูกมัดมือชกแบบนี้จะขัดขืนก็คงไม่ได้  แพรวามองแผ่นหลังนั้นที่ค่อยๆ เดินออกไปพลางยิ้มกริ่มออกมา

     

    กว่าร่างเล็กที่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจะเดินกลับมาที่สนามได้ก็ตอนที่เสียงนกหวีดเป่าเริ่มการแข่งขันควอเตอร์ที่ 3 พอดี  คชารีบก้าวขาไวๆ แต่กลับก้มหน้ามองเสื้อสีดำที่กำลังสวมอยู่... เสื้อสีดำเบอร์ 3 สกรีนชื่อ TAOTAO ที่เจ้าของให้ยืมใส่ตั้งแต่ครั้งก่อน  เขาลืมคืนมันให้กับเจ้าของ แล้วก็ถูกแพรวาตลบหลังจนได้  ยิ่งคิดก็ยิ่งละอาย เอาเป็นว่าเขาจะใส่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วรีบเอาไปคืนเจ้าของก็แล้วกัน

    มือเรียวรีบหยิบเอาเสื้อเบอร์สีน้ำเงินมาสวมทับทันทีทันใด ตามองดูสกอร์ก็พบว่ามันค่อนข้างสูสีเลยทีเดียว

    37-34 คณะบัญชีกำลังนำอยู่สามแต้ม หากแต่ทางนิเทศก็วิ่งกันเต็มที่สุดกำลัง โดยเฉพาะเจมส์ที่ดูท่าจะเหนื่อยไม่น้อย ดูท่าคงจะไม่ได้พักมาตั้งแต่ควอเตอร์แรก  ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่เบาเลยทั้งเกมรับเกมรุก  ชั่ววูบหนึ่งที่เขาสังเกตเห็นเจ้าของเสื้อสีดำตัวนี้ยืนพักอยู่ที่ข้างสนามฝั่งตรงข้าม  เพราะมันไกลก็เลยไม่ได้เห็นอะไรชัดเจนนัก

    หัวใจกระตุกวูบเมื่อเห็นใบหน้าเรียบนิ่งมองมาทางนี้ เขารีบก้มหน้าลงในทันทีไม่กล้าสบสายตาคู่นั้น  นับหนึ่งถึงสามในใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าอีกฝ่ายไม่อยู่เสียแล้ว

    ฟู่ว... โล่งอก

    “ชา... เตรียมตัว ควอเตอร์สุดท้ายนายต้องลงนะ”  แพรวาหันมาพูดสั่งหน้านิ่ง  เขาเพียงแต่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเริ่มยืดเส้นยืดสาย แม้ในใจจะยังรู้สึกหวั่นๆ ก็ตาม

     

    ช่วงเวลาไม่กี่นาทีไม่พอให้คนตัวเล็กที่ยืนยืดเส้นยืดสายข้างสนามได้ทันเตรียมใจ ขาเรียวค่อยๆ ก้าวเข้าไปในสนามตามคนอื่น  ตาปรายมองเพื่อนๆ หลายคนที่หมดแรงข้าวต้มกันเกือบหมด ยิ่งเห็นความพยายามทุ่มเทสุดชีวิตขนาดนั้นแล้วนึกไม่อยากแพ้ในการแข่งขันนัดนี้เอาเสียเลย

                ตาคู่เรียวเหล่มองทีมฝั่งตรงข้ามที่สวมเสื้อสีแดงไม่ต่างจากวันนั้น ถ้ามองจากส่วนสูงฝ่ายตรงข้ามดูจะชนะอยู่เห็นๆ  ท่ามกลางสมาชิกทีมคณะบัญชี  เต๋ายังคงโดดเด่นสะดุดตากว่าใคร  ผิวขาวจัดยังคงตัดกับเสื้อสีแดงตัวเดิม หากแต่หมายเลข 23 บนเสื้อทำเอาเขาจุกอยู่ไม่น้อย

    คชาแสร้งทำเป็นสนใจสกอร์ด้านหลังเมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองอีกฝ่ายอยู่ หากแต่ไม่กี่วินาทีถัดมา เสียงนกหวีดก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณให้เริ่มควอเตอร์สุดท้ายของเกม

    ทุกอย่างเริ่มต้นรวดเร็วไปหมดเมื่ออีกฝ่ายครองบอลได้ก่อนในขณะเริ่มเกม  เขาลนลานทำอะไรแทบไม่ถูก นึกในใจว่าควรจะก้าวไปแย่งลูกบอลกับคนอื่นเขาหรือควรจะไปกันตรงไหนทำอะไรก่อนดี  เผลอครู่เดียว อีกฝ่ายก็ชู้ตลงซวบได้แต้มเพิ่มไปอีก 2 คะแนน

    46-42 คือสกอร์ในตอนนี้  ทีมคณะบัญชีเริ่มตีห่างออกไปอีกแล้ว!

    “ชา! ทำตามที่บอกสิ!”  เสียงแหลมของแพรวาตะโกนดังเข้ามาช่วยเตือนสติเขาอีกครั้ง สิ่งที่เธอแอบกระซิบก่อนเข้ามาในสนามเขายังจำได้แต่ไม่คิดว่าจะต้องทำจริงๆ  ทว่าพอเหลือบไปมองต้นเสียงก็เห็นสีหน้าจริงจังของเธอกับร่างที่นอนแผ่บนพื้นอย่างเหนื่อยหอบของเจมส์

    อย่ากดดันกันอย่างนี้ได้ไหมเล่า TT

    “ชา!

    เอาก็เอาวะ!

     

    เมื่อได้เริ่มเกมใหม่อีกครั้งโดยคณะนิเทศศาสตร์ที่เพิ่งเสียแต้ม คนตัวเล็กไม่ได้รอรับบอลแต่อย่างใด หากแต่ตรวจจับทีมเสื้อสีแดง พอพบคนที่เป็นเป้าหมายก็รีบก้าวเข้าไปหาไวๆ ก่อนจะเอาตัวบังไว้ไม่ให้อีกฝ่ายได้รับบอลจากเพื่อนร่วมทีม

    คชา... ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่กันเต๋าไว้ 

    คำสั่งจากแพรวา!

     

     

                เวลาสิบนาทีที่เดินถอยหลังช่างเชื่องช้าในความรู้สึก... ท่อนแขนบางที่กางออกเพื่อกันอีกคนเอาไว้สัมผัสกับผิวร้อนชื้นเหงื่อทำเอาเขาสะดุ้งเป็นระยะ หากแต่ก็ยังระแวดระวังไม่ให้อีกฝ่ายได้รับลูกอยู่ในที

                ใบหน้าหวานหันไปมองหน้าอีกคนแบบจะๆ ก็พบว่าเต๋ากำลังทำหน้าหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย  ไม่รู้ว่าเพราะตัวเขาหรือเพราะสกอร์ แต่คชาจะภาวนาให้เป็นอย่างหลัง

                ก็ตอนนี้คะแนนเสมอกันแล้วนี่นา!

                ช่องว่างที่เกิดขึ้นจากความเผลอไผลของคชาทำให้เต๋าได้รับลูกจากเพื่อนร่วมทีม เขาเลี้ยงมันออกไป ส่งกลับไปกลับมาอย่างรวดเร็วจนคชาตามแทบไม่ทัน และตอนนั้น เต๋าก็ได้รับลูกบอลอีกครั้งจนเป็นโอกาสได้ชู้ต

                ลูกกลมๆ สีส้มเคลื่อนที่โค้งไปยังห่วง มันไหลวนอยู่บนนั้นก่อนจะกระเด็นออกจากแป้นออกมา  วินาทีนั้นที่คชากระโดดคว้าลูกบอลได้ก่อนจะโยนส่งให้เพื่อนอีกคนในทีมที่รออยู่อีกฟากของสนาม

                เสียงร้องเฮดังลั่นตามมาในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา... หันไปดูก็พบว่า ฝ่ายทีมนิเทศขึ้นนำแล้ว

                46 ต่อ 48  กับเวลาอีกสามนาทีที่แค่รักษาคะแนนเอาไว้ให้คงที่ก็จะเป็นฝ่ายชนะ

     

    ท่ามกลางคนสิบคนในสนาม คชามองดูสมาชิกเบอร์ 23 ของอีกฝ่ายเกือบตลอดเวลา ยิ่งเห็นสีหน้าไม่สู้ดีแบบนั้นเขายิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ เท่าที่แพรวากระซิบบอกมา ไม่มีลูกไหนที่เต๋าชู้ตไม่ลง

    แต่มันเกิดขึ้นสองหนแล้ว ตั้งแต่คชามาอยู่ในสนาม

    เขาไม่ได้ตามประกบเต๋าอีกต่อไป หากแต่มาตั้งรับอยู่ในโซนของตัวเองแทน แขนเอื้อมรับบอลจากเพื่อนร่วมทีมที่ส่งมาให้ก่อนจะส่งต่อไปให้เพื่อนร่วมทีมอีกคนหวังจะให้ทำแต้ม หากแต่ทุกอย่างไม่ได้ง่ายไปซะหมดเมื่อลูกบอลถูกตัดจนตกไปอยู่ในทีมอีกฝ่ายสลับไปมาจนน่าปวดหัว  คชาหันไปมองเต๋าอีกครั้งก็พบสีหน้าจริงจังแฝงความเศร้าหม่นที่ทำเอารู้สึกใจไม่ดีเลย

    การแข่งขันดำเนินไปอย่างอืดอาด จนเวลาเดินมาถึง 30 วินาทีสุดท้าย

    “ชา!”  ไม่ต้องแยกว่าเสียงใคร เขาก็หันไปรับบอลมาจากเพื่อนร่วมทีมคนนั้น และไม่ทันที่สมองจะสั่งการ มือก็เผลอส่งมันไปให้สมาชิกเบอร์ 23 ทีมฝั่งตรงข้ามเสียแล้ว

    ก็เล่นเหลือบมองเขาทุกสามวิอย่างนั้น... เลยหลุดมือส่งไปให้จนได้

    เต๋าชะงักไปเล็กน้อยหลังจากได้รับลกบอลมาถือไว้ในมือ หากแต่ก็พยายามรวบรวมสติเพื่อชู้ตมันจากระยะไกล เท้าทั้งสองอยู่หลังเส้นสามคะแนนพอดิบพอดี  ลูกนี้จึงถือเป็นลูกชี้เป็นชี้ตาย

    สิบวินาทีสุดท้าย

    มือขาวซีดปล่อยบอลสีส้มลอยไปยังแป้นตรงหน้า ลูกกลมๆ หมุนวนอยู่บนห่วงอีกครั้งอย่างสวยงาม  ก่อนจะกระเด็นออกมาราวกับไม่สนใจใยดี

    เสียงนกหวีดเป่าหมดเวลา

    การแข่งขันบาสเกตบอลนัดชิงชนะเลิศในกีฬาเฟรชชี่ปีนี้ คณะนิเทศศาสตร์เป็นฝ่ายชนะไปอย่างเฉียดฉิว

                เสียงเฮดังลั่นมาจากฟากหนึ่งของสนาม ชัยชนะที่ได้รับมันทำเอาแต่ละคนดีใจแทบไม่ได้สติ  ทุกคนลืมความผิดพลาดทุกอย่างในการแข่งขัน ก่อนจะกอดคอกันอย่างดีใจ

     

                ต่างจากอีกฝั่ง ที่มีเพียงหยาดเหงื่อและหยดน้ำตา

                ภาพคนตัวเล็กที่ถูกเพื่อนๆ รุมกอดอย่างสุขสันต์มันช่างบาดลึกลงไปในหัวใจ  สมาชิกเบอร์ 23 คว้ากระเป๋าก่อนจะเดินจากไปอย่างหมดแรงเต็มทน

                เขาแพ้อีกแล้ว...









    TBC

    อย่าเครียดกันนะ จะหมดดราม่าแล้ว อีกไม่นาน
    เพราะใกล้จบแล้วด้วยล่ะ >w< (อีกไม่กี่ตอน)
    วันนี้ประกาศผลแอด ใครสอบติดยินดีด้วยนะ ไม่ติดก็อย่าท้อใจ มันแค่เรื่องนิดเดียวเมื่อเทียบกับชีวิตทั้งชีวิต ตอนนี้เราเครียดกับอนาคตตัวเองหลังเรียนจบมากกว่า เง้อออออออออ
    (ว่าแต่มีใครสอบติดคณะที่เราเรียนอยู่มั่งป้ะ????)
    ขอบคุณที่ติดตามกันมาจ้า อยู่อ่านจนจบนะ
    รักคนอ่านทุกคน บ๊ายบาย เจอกันใหม่เมื่อแต่งตอน 17 เสร็จ

    ขอบคุณแฟนอาร์ตจากน้อง @vivee_hippo อีกครั้งด้วยจ้า
    (แต่สีเสื้อผิดนะ เสื้อที่ชาใส่ต้องสีดำ แต่มะเปนไร มีคนวาดให้ก็ดีใจแล้ว อิอิ)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×