คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 17 มังกร
***ตอนนี้เป็นตอนของกลุ่มลิขิต
หลังจากที่รุ้งคุยกับเมอลินเสร็จเธอก็ออกดินเล่นต่อสักพัก
บริเวณภายนอกปราสาทค่อนค่างกว้างพอสมควร สามารถจุกองทัพทหารได้เป็นพันๆ
แผ่นหินอ่อนมันวาวถูกปูไปตามทางเดินเป็นระยะๆ
บางทีก็เจอทหารสองสามคนเดินตรวจตราไปมาส่วนใหญ่จะพบพวกสาวใช้เสียมากกว่า
‘’ แย่แน่ๆทำไงดี ‘’ เสียงสาวใช้คนหนึ่งพึมพำเบาๆ
‘’ มีอะไรหรอ ‘’ รุ้งโผล่หน้าออกมาจากข้างหลังสาวใช้คนนั้น
จนเธอสะดุ้งรีบถอยห่าง เธอพูดด้วยน้ำสียงตะกุกตะกัก
‘’ อ...อัญมณีที่ฉ...ฉันสั่งซื้อตามคำสั่งองค์ราชินีถูกพวกออร์ดปล้นไประหว่างทาง
‘’
รุ้งตาโต ‘’ ที่นี่มีพวกมอนสเตอร์ด้วยหรอ‘’ สาวใช้พยักหน้าเบาๆ
‘’ เธอมาจากตะวันออกคงไม่ทราบสินะ
ที่นี่มีทั้งมอนสเตอร์ มังกร ภูติ เอฟ รวมไปถึงปีศาจด้วย มันค่อนค่างหน้ากลัวหน่อย
แต่ถ้าเธออยู่ที่นี่ปลอดภัยแน่ ‘’
รุ้งหัวเราะ ‘’ เจ้าพวกนี้แหละที่พวกฉันออกตามหาตั้งแต่แรก แต่เจ้าพวกจิ้งแหลนยักษ์นี่ยังไม่เคยเจอแฮะ ‘’ เธอกอดอกเหมือนกำลังใช้ความคิด
สาวใช้คนนั้นรีบพูดด้วยความร้อนรน ‘’ ต่อให้เธอจะเก่งกาจขนาดไหนก็ตาม
พวกมังกรเท่านั้นที่อย่าเข้าไปยุ่งต่อให้เธอมีสิบชีวิตก็ไม่พอ ‘’
‘’ แย่จังแต่ไม่เป็นไร เธอรู้เบาะแสหรือเปล่าว่ามันหนีไปทางไหน
พอดีฉันกำลังว่างๆอยู่น่ะ ‘’ รุ้งพูด
‘’ อย่าเสี่ยงเลยดีกว่านี่ก็จะมืดแล้ว
พวกมอนสเตอร์จะแข็งแกร่งกว่าปกติในเวลากลางคืน ที่สำคัญถ้าแขกของเราเป็นอันตรายมีหวังฉันได้โดนฆ่าแน่
‘’ สาวใช้พูด รุ้งยืดอกพูดอย่างสบายๆ ‘’ ฉันก็แข็งแกร่งในเวลากลางคืนเหมือนกัน
งั้นเอาแบบนี้เดี๋ยวฉันจะพาเมอลินไปเป็นองครักษ์ด้วย ‘’
‘’ ถึงคุณเมอลินจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไรฉันก็ขอปฎิเสธเพื่อตัวของคุณเอง
‘’ สาวใช้ยังยืนยันคำเดิม
รุ้งจึงต้องใช้วิธีสุดท้าย ‘’ งั้นฉันจะฟ้ององค์ราชินี ‘’ พูดจบรุ้งก็หันหลังเดิน
ก่อนที่สาวใช้จะรีบวิ่งเข้ามากอดเอวเธอใว้ ‘’ ก็ได้ๆ
ฉันยอมแพ้เธอ ‘’ รุ้งยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะฟังข้อมูลของออร์คที่มาปล้นอัญมณี
เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมงก็ตรงกับเวลา 2 ทุ่มพอดี
‘’ ทำไมฉันต้องมากับเธอด้วยนี่ ‘’ เมอลินบ่นอุบอิบ
‘’ นายจะให้ผู้หญิงตัวเล็กๆเดินในป่าคนเดียวตอนเวลากลางคืนหรอ ‘’ รุ้งแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร
ทำให้เมอลินต้องส่ายหน้าเบาๆ ‘’ แล้วเธอไม่ชวนเพื่อนอีกสองคนมาด้วยหรอ ‘’ เขาถาม
‘’ ความลับ พูดได้แค่เริ่มก่อนได้เปรียบ ‘’ รุ้งหัวเราะก่อนจะเดินนำหน้าอย่างไม่รู้สึกรู้สา
สร้อยมรกตที่เธอสวมเปล่งแสงอย่างต่อเนื่อง ‘’ เอ..ปกติพวกหมาป่าต้องเข้ามาโจมตีสิ
ทำไมวันนี้เงียบจัง ‘’ เมอลินตี่งข้อสงสัย
‘’ สงสัยวันนี้มันลาพักร้อนมั้ง อย่าไปใส่ใจเลย ‘’ รุ้งพูด
ก่อนจะก้มมองสร้อยที่เธอสวมอย่างพอใจ ‘’ เธอนี่คิดอะไรแปลกๆหมาป่ามันลาพักร้อนเป็นที่ไหนล่ะ
‘’
เมอลินตอบ ถ้าเขาสังเกตตามข้างทางดีๆก็จะพบศพหมาป่าที่นอนตายอยู่ข้างทางจำนวนมากสภาพศพเละอย่างสยงสยองเหมือนถูกทุบด้วยอะไรบางอย่าง
‘’ งั้นพอแค่นี้ละกัน เดี๋ยวจะผิดสังเกตเกินไป ‘’ รุ้งพูดกับตัวเองเบาๆ
พูดจบหมาป่าสามตัวก็กระโจนออกจากพุ่งไม้มาหมายเอาชีวิตเธอ แต่เมอลินใช้โล่คู่กายกระแทกพวกมันจนล้มกลิ่งไปหลายตลบ
ส่วนอีกตัวหนึ่งโดนคมดาบสีเงินฟันคอขาดสะบั้น
เอ๋งๆๆ หมาป่าสองตัวที่โดนโล่กระแทกครางด้วยความเจ็บปวด
สภาพขาหลังบิดเบี้ยว ส่วนอีกตัวกระดูกสันหลังแตกตายในเวลาต่อมาไม่นาน
เมอลินยังคงกะชับอาวุธในมือแน่น
‘’ เย้ เก่งจังเลยย ‘’ รุ้งที่นั่งอยู่บนต้นไม้ตบมือชื่นชม
‘’ เธอขึ้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ ‘’ เขาถามอย่างไม่เชื่อสายตา
‘’ ฉันมันพวกหนีเก่งน่ะ ‘’ รุ้งหัวเราะก่อนจะกระโดดลงจากต้นไม้ทันที
‘’ อันตราย! ‘’ เมอลินร้องลั่นก่อนจะกระโดดสไลท์หน้าแถกับพื้นไปรับรุ้งทันที โคร้มม!
ฝ่าเท้าคู่ของรุ้งกระแทกกลางหลังของเมอลินอย่างพอดิบพอดี
‘’ โอ๊ยยย ยัยเพี้ยนนี่คิดจะฆ่าตัวตายหรือไง ‘’ เขาพูดออกมาทั้งๆที่กำลังจุก
‘’ เอ๊ะ ขอบคุณมากๆฉันเป็นหนี้บุญคุณนายซะแล้ว ‘’ รุ้งยืนเกาหัวก่อนจะประคองให้เมอลินลุกขึ้น
เขาบ่นใส่เธอเล็กน้อยก่อนจะออกเดินทางต่อ
เมื่อเดินทางได้ครึ่งชั่วโมงรุ้งก็ชวนเมอลินคุย ‘’ นายไม่กลัวพวกออร์คหรอ
‘’ รุ้งถาม
‘’ กลัวสิ แต่เห็นเธอมาขอร้องขนาดนี้ฉันก็ปฏิเสธคนไม่เก่งซะด้วย
‘’ เมอลินที่เดินนำตอบตรงๆ
รุ้งยิ้มหวานก่อนจะวิ่งไปชะเง้อหน้าไปโผล่ข้างๆ '' นายนี่มันศัตรูของผู้หญิงจริงๆ
ถ้าฉันตกหลุมรักนายขึ้นมาจะว่าไงนี่ '' เธอแกล้งทำสีหน้าจริงจัง
‘’ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง
ฉันคงต้องปฏิเสธเธอไปตรงๆเพราะฉันชอบจัสมินคนเดียวเท่านั้น ‘’ เมอลินยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ
เธอยิ้มอย่างพอใจ ‘’ ฉันเมื่อยขอขี่คอหน่อย ‘’ รุ้งพูดก่อนจะกระโดดเกาะหลังเมอลินเป็นตุ๊กแก
‘’ ทำอะไรของเธอนี่ รีบๆลงไปเลยนะ
‘’ เมอลินโวยวาย
‘’ ฉันเป็นแขกของอาณาจักรแห่งนี้นะ
ปฏิบัติตนให้สมกับเป็นองครักษ์จำเป็นหน่อย ‘’ รุ้งพูดเสียงแข็ง
‘’ เธอน่ะแหละ ปฏิบัติตนให้สมกับเป็นผู้หญิงหน่อย ‘’ เมอลินย้อน
รุ้งส่ายหน้า ‘’ ไม่เอาฉันเมื่อยละขี้เกียจเดิน ‘’ สำหรับเธอปกติจะเคลื่อนไหวโดยใช้พลังจิตลอยตัวอยู่เสมอ
เมื่อต้องลงมาเดินแบบคนธรรมดาความอดทนย่อมต่ำกว่าคนทั่วไปเห็นๆ
‘’ เธอนี่เอาแต่ใจชะมัด ‘’ เมอลินบ่น แต่เขาก็ยอมให้รุ้งขี่หลังเขาแต่โดยดี
‘’ ขอบคุณ ‘’ พูดจบเธอก็เอาคางเกยไหล่เมอลินก่อนจะหลับทันทีด้วยความอ่อนเพลีย
เมอลินหน้าแดงก่อนจะรีบสะบัดหัวแรงๆเพื่อเรียกสติก่อนจะเดินทางต่อ
เมื่อไม่มีรุ้งคอยป่วนบรรยายกาศรอบตัวก็เงียบสงัด
จนสามารถได้ยินเสียงชุดเกราะที่เขาใส่กระทบกับเข็มขัดสงเสียงแหลมตามจังหวะก้าวเท้า
เมื่อเข้าป่าทึบลึกขึ้นเรื่อยๆแสงสว่างจากแสงจันทร์ก็เริ่มริบหรี่ลง เมอลินจึงตัดสินใจจุดคบเพลิงทันที
โดยมือข้างที่ไม่ถือคบเพลิงก็แบกรุ้งไปด้วย เมื่อเดินไปได้ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง
‘’ มนุษย์ มนุษย์ ‘’ เสียงของสัตว์อะไรบางอย่างพึมพำ
‘’ ใช่มนุษย์ ‘’ อีกเสียงตอบรับ
‘’ มันต้องมีสมบัติมาแน่ ไปปล้นสมบัติมันมา ‘’ เสียงตัวแรกพูดก่อนจะกระโดดมาขวางทางเมอลินไว้
มันเป็นออร์คสีเขียวตัวอ้วน ใส่เสื้อผ้าขาดๆสกปรก สูงสันทัดคนทั่วไป
ในมือมันถือกระบอกขนาดเหมาะมือก่อนจะทุบกระบอกลงพื้นเสียงดัง สนั่นเพื่อข่มขวัญ
ตู้มมม!! เมอลินผงะถอยออกไปก่อนจะหันไปเรียกรุ้งที่ขี่หลังเขาอยู่ให้ตื่น
‘’ นี่รุ้ง อ่าวหายไปไหน ‘’ เมอลินรีบหันซ้ายหันขวาก่อนจะพบเธอถูกออร์คสองตัวแบกรุ้งในสภาพที่กำลังหลับวิ่งหนีไปอีกทาง
‘’ บัดซบ ‘’ เมอลินพูดก่อนจะชักดาบวิ่งไล่ออร์คสองตัวราวกับอสนีบาต
ก่อนจะถูกออร์คตัวที่เหลือพุ่งเข้ามาขวางด้วยความเร็วไม่แพ้กัน
‘’ ไม่ให้ตามไปหรอก ไม่ให้ตามไปหรอก ‘’ พวกมันพูดซ้ำซากจนเมอลินเหลืออด
ก่อนจะคำรามออกมาอย่างกราดเกรี้ยว ‘’ ข้าจะฆ่าพวกแกให้หมดไม่ให้เหลือสักตัว ‘’ พูดจบเขาก็พุ่งไปหาออร์คเขียวตัวแรกก่อนจะง้างดาบฟันเป็นแนวขวางกลางลำตัว
มันยกกระบองขึ้นรับ เคร้งงง!! มันยิ้มเยาะอีกผ่าย
‘’ แน่ใจแล้วหรอ ‘’ เมอลินพูด ทำให้ออร์คตัวนั้นรีบก้มมองกระบองของตัวเองก่อนจะพบว่าอาวุธมันได้ขาดเป็นสองท่อนเรียบร้อย
แต่ยังไม่จบแค่นั้นแรงเหวี่ยงจากคมดาบได้เข้าทะลวงสีข้างมันจนทะลุลำตัวมันขาดครึ่ง
เมื่อพวกออร์คพบว่าตัวเองเสียท่า พวกมันจึงเรียกพวกบริเวณนั้นมาเสริม
เมอลินยิ้มเยาะ ‘’ ดีๆ จะได้ไม่เสียเวลาหา ‘’ ถึงแม้ว่าเมอลินจะเป็นทหารไพร่ที่รับหน้าที่มาเป็นองครักษ์ชั่วคราวก็เถอะ
แต่เขาเป็นถึงบุตรชายของหัวหน้าองครักษ์ผู้มีฝีมือระดับสูงของพระราชวัง
เขาย่อยได้รับการเขี้ยวเข็ญฝีมือมากจากผู้เป็นพ่อจนมีความสามารถทัดเทียมกับบิดาได้
เขาเคลื่อนที่สลับซ้ายขวาโจมตี
ออร์คอย่างต่อเนื่องจนสร้างความบาดเจ็บให้พวกมันพอสมควร
‘’ อักกก!! เจ้านี่ไม่ธรรมดา พวกเราใช้ธนูกันเถอะ ‘’ เมื่อออร์คตัวหนึ่งพูด
เมื่อความเห็นตรงกันมันก็ยกโล่ไม้ทรงกลมขนาดพอดีเรียงแถวผลักเมอลินให้ออกจากระยะประชิด
ก่อนที่พวกออร์คแนวหลังจะระดมยิงธนูใส่ราวกับห่าฝน
‘’ บ้าชิบ ‘’ เมอลินยกโล่โลหะเข้าตั้งรับ
จากการวิเคราะห์ของเขาต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5
ชั่วโมงในการจัดการเจ้าพวกออร์คทั้งหมดนี่ ‘’
แต่กว่าถึงเวลานั้นขออย่าให้มันทำอันตรายรุ้งเลย ‘’ เมอลินพูดพึมพำกับตัวเองก่อนจะฝืนยกโล่ก้าวไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก
ทางฝั่งของรุ้ง เวลา 6 โมงเช้า
ภายในรังของออร์คขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างลวกๆแต่แข็งแรงรังของมันส่วนนี้จะรวบรวมของที่ได้จากการปล้นหรือขโมยมาได้โดยมีหัวหน้าของมันเป็นคนคุม
รอบๆรังจะเป็นซุ้มที่พักของมัน ส่วนลึกไปตรงกลางจะเป็นบังลัง รุ้งลืมตาตื่นขึ้นอย่างงัวเงียเนื่องจากวันทั้งวันเธอต้องทำอะไรหลายๆอย่าง
รวมทั้งออกเดินทางในเวลากลางคืนทำให้เธอเพลียมากเป็นพิเศษ แถมยังเผลอหลับสนิทด้วย
‘’ ตื่นแล้วๆมนุษย์ตื่นแล้ว ‘’ เสียงแหลมๆดังขึ้นมา
‘’ มัดเธอแน่นหนาแล้วใช่มั้ย ‘’ เสียงเล็กๆอีกตัวพูด
‘’ ฮิฮิ ข้ามัดไม่เคยหลุด ‘’ มันพูดจบก็หัวเราะอย่างน่าขยะแขยง
‘’ มัดใครหรอ ‘’ รุ้งที่โผล่มาจากข้างหลังออร์คตัวที่หัวเราะชะโงกหน้าไปมอง
‘’ มัดเจ้าไง ฮิฮิ ‘’ มันยังคงหัวเราะอยู่โดยไม่สังเกตเพื่อนๆมันนับร้อยตัวต่างมองเข้ามาอย่างกับเห็นผี
‘’ เก่งจังเลย ฮิฮิ ‘’ รุ้งหัวเราะเลียนแบบ ‘’ แน่นอน ฮิฮิ
‘’ เจ้าออร์คหัวเราะก่อนจะคิดอะไรบางอย่างออก เฮือกกก!! มันกลืนน้ำลายก่อนจะพูดตะกุกตะกัก ‘’ ธ..เธอ..ควร..จะ..ย.อยู่ตรงนั้นสิ
‘’ มันชี้ไปทางต้นไม้ที่ว่างเปล่า
‘’ ฮิฮิ นั่นสิ
ก่อนอื่นต้องขอบคุณที่พามาที่รังพร้อมกับหาที่พักให้ด้วยแต่ดูแขนนี่สิ มัดจนมีแต่รอยเชือก ‘’
รุ้งมองที่แขนขาวๆอย่างเศร้าๆก่อนจะจับไหล่ทั้งสองข้างของออร์คตัวนั้น
‘’
มันมีผลต่อผิวฉันนะ ‘’ ตู้มมม!! พูดจบแรกกดมหาศาลก็ส่งให้ออร์คเคราะห์ร้ายตัวนั้นจมดินไปต่อหน้าต่อตาเพื่อนของมัน
ส่วนออร์คตัวอื่นเมื่อตั้งสติได้ก็รีบชักอาวุธของตัวเองออกมาอย่างพร้อมเพรียง
‘’ มันไม่ธรรมดา ฆ่ามันซะ ‘’ ออร์คตัวหนึ่งพูด
พวกมันทั้งหมดนับร้อยจึงวิ่งเข้าหารุ้งรอบด้าน ด้วยน้ำหนักฝีเท้าของออร์ดนับร้อยถึงกับทำให้แผ่นดินสั่นสะเทื่อน
รุ้งเปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชาไร้อารมณ์ ‘’ คุกเข่าต่อหน้าฉันซะ
เจ้าพวกโง่พระเจ้าของแกอยู่ข้างหน้าแกยังไม่รู้ตัวอีกหรอ ‘’ พูดจบเหล่าออร์คก็คุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง
ร่างกายของมันเกร็งกระตุกเพราะพยายามขัดขืน
รุ้งดีดนิ้วเบาๆก่อนจะเคลื่อนร่างไปนั่งไขว้ขาบนบังลังของมัน
ก่อนจะชี้นิ้วไปที่พวกมันสลับกับตัวเธอเอง
‘’ พวกนายอ่อนแอ ฉันแข็งแกร่ง ถ้าอยากรอดตายจงบอกที่เก็บสมบัติมาซะ
แล้วก็อัญมณีที่ปล้นมาเมื่อวานด้วย ‘’ รุ้งพูดอย่างวางอำนาจ
‘’ ทำไมพวกเราต้องบอกเธอด้วย ถึงเราจะปล้นมาก็...อ้ากกก!! ‘’ เฟี้ยววว!!ฉึกก! ออร์คหนึ่งในนั้นพูดยังไม่ทันจบก็โดนลูกธนูเหล็กเสียบทะลุปากลงไปปักพื้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มันขาดใจตายไปทันที
‘’ นั่นไม่ใช่คำตอบที่ฉันต้องการ ‘’ รุ้งพูดเสียงเหี้ยมในขณะที่ลูกธนูนับร้อยลอยวนรอบตัวเธอ
พูดจบเธอก็ดีดนิ้วเบาๆหนึ่งทีก่อนที่ลูกธนูสองดอกที่ลอยรอบๆตัวเธอพุ่งไปปักขาออร์คฝั่งขวามือสุด
โอ้ยยย!! มันร้องลั่น ลูกธนูอื่นๆก็เริ่มพุ่งโจมตีออร์คตัวที่เหลืออย่างต่อเนื่อง
แม้พวกมันอยากจะลุกขึ้นวิ่งหนีแต่กลับทำไม่ได้ทำได้เพียงคุกเข่ารอความตายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
‘’ โอ๊ยๆ ข้ายอมบอกเจ้าแล้ว ‘’ ออร์คตัวหนึ่งโวยวายอย่างเหลืออด เฟี้ยววว!!
ฉึกก!
ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเฉียดใบหน้ามันทะลุไปกับพื้นข้างหลังทิ้งรอยแผลบางๆไว้บนแก้มมัน
‘’ พวกแกพูดกับพระเจ้าของแกแบบนี้หรอ ‘’ รุ้งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบจนทำให้พวกออร์คที่ยังเหลือรอดผวา
‘’ เอ่อครับ ผมจะบอกที่ซ่อนสมบัติทั้งหมดเดี๋ยวนี้แหละครับ ‘’ ออร์คตัวนั้นรีบเปลี่ยนคำพูดทันที
‘’ ไม่ต้องบอกแกไปขนสมบัติทั้งหมดมากองต่อหน้าฉัน
ส่วนพวกแกสองตัวไปช่วยมันขนสมบัติมา ‘’ รุ้งชี้นิ้วสั่งออร์คอีกสองตัวก่อนจะทำให้มันขยับตัวได้ตามปกติ
มันรีบวิ่งไปยังที่เก็บสมบัติอย่างไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฝั่งเมอลินในเวลาไล่เลี่ยงกัน
เขาใช้เวลานานกว่าที่คิดไว้มากเมื่อจัดการออร์คทั้งหมดเขาจึงบังคับออร์คที่รอดชีวิตตัวหนึ่งพามาที่รังทันที
ออร์คเขียวที่เต็มไปด้วยบาดแผลคมดาบพาเขาขึ้นเนินไปเรื่อยๆจนพ้นขอบชายป่านอกจากเขากันออร์คตัวนี้แล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรอยู่เลย
แสงแดดยามเช้าส่องลงมากระทบใบหน้าเขาผมที่ผมที่ยาวปิดใบหน้ากับสภาพมอมแมมทำให้เขาดูเหมือนขอทานมากกว่าอัศวินเสียอีก
‘’ อีกไกลมั้ย ‘’ เมอลินถาม
‘’ อีกไม่ไกลครับนายท่าน ‘’ ออร์คเขียวตอบ
‘’ ถ้าโกหกล่ะก็เจอดีแน่ ‘’ เมอลินพูดเสียงเหี้ยมจนทำให้ออร์ดเขียวสะดุ้ง ‘’
ม...ไม่โกหก..น...แน่นอนครับ
เอาหัวเป็นประกัน ‘’ มันพูดจนลิ้นพันกัน
ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่จู่ๆก็มีเงาขนาดใหญ่เคลื่อนร่างผ่านบริเวณที่ทั้งสองยืนอยู่
แสงแดดร่มที่ขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เมอลินเงยหน้ามองด้วยความสงสัย
ภาพที่เขาเห็นทำให้เขาตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ส่วนออร์คเขียว
มันกลัวมากจนถึงขนาดใช้แรงอันน้อยนิดทั้งหมดเท่าที่มีสะบัดเมอลินที่จับกุมตัวมันออกก่อนจะวิ่งหนีย้อนเข้าไปซ่อนในป่าพร้อมกับกรีดร้องอย่างน่าสมเพช
‘’ เจ้าสัตว์ชั้นต่ำน่ารำคาญ ‘’ เจ้าของเงาขนาดยักษ์พูดด้วยความรำคาญก่อนจะพ่นลูกไฟขนาดยักษ์ใส่เจ้าออร์คตัวนั้นทันที
ตู้มมม!! เสียงพลังทำลายอันทรงพลังดังสนั่นทั่วป่าพร้อมกับฝุ่นควันพิษลอยไปทั่ว
ฝูงนกกาบินแตกตื่นส่งเสียงเซ็งแซ่
ความร้อนจากลูกไฟทำให้หินละลายกลายเป็นหินหนืดเดือดปุดๆกินอาณาเขตกว้างกว่าสองกินโลเมตร
‘’ ท่านมาทำอะไรที่นี่ ‘’ เมอลินตะโกนถาม
‘’ ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับเจ้า ‘’ เจ้าของเงาตอบเสียงเรียบ
‘’ แล้วการที่ท่านมาทำแบบนี้ไม่เกรงว่าท่านพญามังกรผู้ยิ่งใหญ่ไทฟอนจะลงโทษท่านรึ ‘’ เมอลินคงยังถามต่อ พูดจบมันก็หัวเราะออกมาดังลั่น ‘’ ฮ่าๆ ไทฟอนไม่ทำอะไรข้าหรอกในเมื่อข้าออกมาจากหุบเขามังกรตามกฎโบราณ ‘’
เมอลินหน้าเสีย ‘’ ใครเป็นคนทำพิธีเรียกท่านออกมา ‘’
‘’ ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะรู้ เจ้าควรจะสำเหนียกตัวเองซะบ้างที่บังอาจมาคุยกับข้าคอลซิสผู้ยิ่งใหญ่ ‘’ พูดจบมันก็บินจากไปทันที
‘’ แย่ล่ะสิต้องรีบไปแล้ว ‘’ เมอลินพูดจบก็รีบวิ่งไปตามทางที่ออร์คเขียวบอกทันที
เขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงรังของออร์ดเป็นเวลาเดียวกับที่เหล่าพวกออร์คในรังต่างพากันแรงแถวแบกสมบัติออกมาทีละตัว
เมอลินเห็นเข้าก็เตรียมชักดาบโจมตีแต่เขาต้องยั้งมือก่อนเมื่อเห็นพวกมันสี่ตัวสุดท้ายลากเกวียนที่มีรุ้งนั่งอยู่ข้างบน
‘’ ไวๆหน่อย ฉันมีเวลาไม่มาก ‘’ รุ้งสั่ง
ทำให้ออร์คต้องเร่งฝีเท้า ‘’ ครับ ‘’ มันตอบรับสั้นๆ
‘’ รุ้ง ‘’ เมอลินตะโกนเรียก ทำให้ออร์คตัวอื่นต้องสะดุ้งถือกระบอกวิ่งไปล้อมเมอลินทั้นที
‘’ คำว่าท่านล่ะ เรียกนายท่านห้วนๆได้ไง เรียกท่านเร็วๆสิ ‘’ เจ้าออร์คตัวใหญ่พูดกับเมอลินในสภาพสั่นกลัวจนเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆใหลออกมาเต็มใบหน้า ส่วนรุ้งไม่พูดอะไร เธอได้แต่หัวเราะคนเดียว
‘’ เอ่อครับท่าน ‘’ เมอลินพูดตามอย่าง
งงๆ
‘’ นายท่านครับ ทางที่อยู่ข้างหน้ามีลาวาขนาดใหญ่ขวางอยู่ครับ ‘’ ออรค์ดที่อยู่ข้างหน้าสุดตะโกนกลับมา รุ้งส่ายหัว ‘’ พวกเจ้าก็ว่ายข้ามไปสิ
แค่นี้ต้องให้ฉันบอกหรือไง ‘’ คำพูดของเธอทำให้ออร์คสะดุ้งต่างพากันรีบส่ายหัว
‘’ มีทางอื่นมั้ย ‘’ รุ้งถอนหายใจก่อนจะถาม
‘’ เราต้องเดินอ้อมเอาครับ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน ‘’ ออร์คที่ยืนข้างๆรุ้งรายงาน
‘’ แต่เรามีเวลาไม่มากนะ ร..รุ้... ‘’ เมอลินพยายามจะพูดอธิบาย
แต่ต้องสงบปากสงบคำก่อนเพราะออร์คเขียวนับร้อยมองเขาเป็นตาเดียว เขาถอนหายใจ ‘’
เอ่อ
ท่านรุ้งครับ ‘’
ทางด้านของลิขิตกับมิกิเมื่อผ่านไปได้ 3 วัน
ภายในหอคอยชั้นสูงเฉียดฟ้ามิกิกับลิขิตนั่งอยู่ในห้องขององค์หญิงจัสมินดูทั้งสามร้อนรุ้มกับเหตุการณ์ที่เพื่อนสาวของตนหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
ถึงพอจะทราบอยู่แล้วว่ารุ้งเป็นคนนิสัยอย่างไร แต่ก็อดห่วงไม่ได้สักที
ส่วนเรื่องที่บุตรชายของหัวหน้าองครักษ์เมอลินหายตัวไปก็เป็นที่วุ่นวายเหมือนกัน
พระราชามีคำสั่งให้ทหารออกตามหาทั้งสองทั้งวันทั้งคืนแต่ก็ไม่พบข่าวคราวเลยแม้แต่นิดเดียว
‘’ เราคงหมดหวังแล้ว ‘’ เจ้าหญิงจัสมินพูดทั้งน้ำตา ‘’ ทั้งสองต้องปลอดภัยแน่
รุ้งเป็นคนที่เก่งมากๆคนหนึ่ง ส่วนเมอลินก็มีฝีมือระดับสูงต้นๆของพระราชวัง
ฉันเชื่อว่าไม่มีใครทำอันตรายพวกเขาได้หรอก ‘’ ลิขิตพูดปลอบใจ
ห่างออกไปจากหอคอยทางใต้ดินของปราสาทมีชายกลุ่มหนึ่งกำลังสทนากันดูจากเครื่องหมายยศถาบรรดาศักดิ์แล้วก็สามารถบอกได้โดยไม่คิดเลยว่าเป็นขุนนางลำดับสูงๆของปราสาท
‘’ การหายตัวของเมอลินกับแขกของปราสาทเป็นฝีมือของท่านบิชอปหรอ ‘’ เงาหนึ่งถาม
บิชอปส่ายหัว ‘’ ไม่มีความจำเป็นต้องทำร้ายสองคนนั้น
ถ้าเป็นยัยแม่มดแร้งทึ่งนั่นก็ว่าไปอย่าง ‘’ เงาที่เหลือพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
‘’ แล้วแผนการในวันนี้ของท่านล่ะ ‘’
‘’ ข้าได้สั่งให้อสูรกายนั่นไปลักพาตัวเจ้าหญิงมาก่อน
เพื่อใช้เป็นข้อเสนอ ‘’ บิชอปพูด
‘’ ถ้าท่านมีอสุรกายที่ร้ายกาจขนาดนั้นทำไมท่านไม่ใช้พังปราสาทไปเลยล่ะ ‘’ เงาหนึ่งสงสัย
‘’ ข้าต้องการครอบครองปราสาท ไม่ใช่ซากปราสาทเจ้าโง่ ‘’ บิชอปตะคอก ‘’ เอาล่ะ ได้เวลาเปิดฉากแล้ว ‘’
พูดจบพวกมันก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างน่าสะอิดสะเอียน
…………………………………………………………………………………………….
‘’ ขออณุญาตค่ะ ‘’ เสียงสาวใช้คนหนึ่งดังออกมาจากข้างนอกก่อนจะเปิดประตูเข้ามาหาองค์หญิงจัสมิน
เธอถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาน้ำตาคลอ ‘’ เรื่องที่คุณเมอลินกับคุณรุ้งหายไปเป็นเพราะความสะเพร่าของดิฉันเองค่ะ ‘’
มิกิเลิกคิ้วขึ้นสูง ‘’ เล่ามาให้ละเอียด ‘’ สาวใช้คนนั้นจึงเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่สั่งซื้ออัญมณีจนมาถึงการข่นส่งถูกสกัดกลางทางเพราะมีพวกออร์คดักปล้น
‘’ เดี๋ยวก่อนนะ เธอพูดว่าออร์คหรอ ‘’ มิกิถามซ้ำ
‘’ ค..ค่ะ ออร์คค่ะ ‘’ สาวใช้ตอบ
‘’ ยัยรุ้งตัวแสบ ‘’ มิกิที่ยืนฟังเงียบๆโกรธจนตัวสั่น
‘’ เอ่อ ออร์คทำไมหรอคะ ‘’ องค์หญิงถามอย่างไม่เข้าใจ
แต่ทันใดนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงทหารโวยวายอยู่ข้างนอ เหล่าทหารที่เหลื่อในวังต่างพร้อมใจกันรีบหยิบคันธนูและปืนสั้นวิ่งออกมาจากปราสาท
‘’ ปืนใหญ่ เตรียมลูกกระสุนให้พร้อม ‘’ เสียงทหารนายหนึ่งตระโกน
‘’ พวกเรายิงมันไม่เข้าเลย เกล็ดมันแข็งเกินไป ‘’
ทหารที่สั่งพลธนูกับพลปืนตะโกนรายงานความคืบหน้า
‘’ บัดซับ ปืนใหญ่ก็ทำอะไรมันไม่ได้ ‘’ ทหารอีกนายหนึ่งตะโกนอย่างหัวเสีย
‘’ มีเรื่องอะไรกันหรอ ‘’ เจ้าหญิงจัสมินเปิดหน้าต่างไปดูเหตุการณ์ทำให้ทหารที่ยืนดูข้างล่างร้องโวยวายใส่ ‘’ เจ้าหญิงถอยไปจากหน้าต่างเดี๋ยวนี้ มันเป็นมังกร ‘’
โคร้มม!! พูดจบหน้าต่างก็พังครืนเข้ามาพร้อมกับร่างองค์หญิงเซถอยหลังล้มลงกับพื้น
หน้าของมังกรที่เต็มไปด้วยเกล็ดกับเขี้ยวแหลมคมขนาดใหญ่ของมันทพุ่งเข้ามาด้วยความแรงแต่กลับถูกหยุดด้วยฝ่ามือเล็กๆเพียงข้างเดียวของคนคนหนึ่ง
‘’ ค..คุณมิกิ ‘’ องค์หญิงพูดอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
‘’ เจ้าจิ้งจกบิน ไร้ค่า ‘’ มิกิพูดเสียงเหี้ยม
*********************************************************************************************************
*0* โทษๆลืมใส่เอฟเฟ็ต
ขอโทษครั้งที่สองเบลอๆแล้วพิมพ์ผิด
ความคิดเห็น