คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : SF Luhan x Chen Do You Love Me (2)
LU x CHEN
Do You Love Me 2
หลังจากเมื่อวานช้าที่เกิดเรื่องวุ่นวายตั้งแต่เช้าทั้งจงแด จื่อเทา ชานยอล และแบคฮยอนก็ไม่ได้เข้าเรียนเลยทั้งวัน นี่จงแดก็ยังนึกกังวลกลัวว่าจะเรียนไม่ทันเพื่อนอยู่ด้วย และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้จงแดต้องรีบตื่นมาเรียนแต่เช้าเพื่อที่จะได้มาลอกสมุดเอากับเพื่อนตัวเล็กที่อยู่ห้องเดียวกันอย่าง โด คยองซู
“อ่ะ นี่ขอบใจคยองซูมากๆเลยนะที่ให้เรายืมสมุดน่ะ ถ้าไม่ได้คยองซูวันนี้เราคงเรียนไม่รู้เรื่องทั้งวันอ่ะ”
จงแดที่ลองสมุดของคยองซูและทำความเข้าใจอยู่สักพักเสร็จแล้วจึงได้ยื่นสมุดเล่มเล็กให้กับเจ้าของสมุดที่นั่งทำตาโตมองจงแดอยู่ก่อนแล้ว
“ไม่หรอก จงแดน่ะเรียนเก่งจะตายแค่ฟังคุณครูอธิบายนิดหน่อยก็เข้าใจแล้ว”
เจ้าของดวงตากลมโตเอ่ยชมเพื่อนร่วมห้องด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ แม้ว่าคยองซูจะเรียนเก่งมากแค่ไหนแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าเป็นรองจงแดอยู่ไม่มากก็น้อย ก็จงแดน่ะเรียนเก่งที่หนึ่งของห้องเลยนะ
“ไม่หรอกน่า นายก็ชมเราเกินไป”
“ก็มันเรื่องจริงนี่นา”
ทั้งสองคนยิ้มให้กันเล็กน้อยก่อนที่คยองซูจะขอตัวเดินออกไปนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนกับเพื่อนสนิท(ที่คิดไม่ซื่อ)อย่างจงอินนั่นเอง พอคยองซูเดินออกไปแล้วจงแดเลยได้แต่นั่งแกร่วอยู่คนเดียวเพราะเมื่อวานนี้เพื่อนของเขาทั้งสามคนก็โดนหนักเอาการอยู่เหมือนกันไม่รู้ว่าจะมาโรงเรียนกันไหวรึเปล่า หรือบางทีคงจะไม่มากันเลยเสียด้วยซ้ำ
แม้ว่าจะสายแล้วแต่เพื่อนๆของจงแดก็ยังไม่มาเลยสักคนในขณะที่โรงเรียนก็เริ่มมีนักเรียนเดินกันพุ่งพล่านบ้างแล้ว เสียงคุยกันจ้อกแจ้กจอแจของนักเรียนที่เหมือนจะยิ่งเพิ่มจำนวนเสียงนั้นก็ยิ่งดังมากขึ้น จงแดได้แต่ฟุบหน้าลงกับแขนสองข้างส่งเสียงงึมงำอยู่ในลำคอเพราะนั่งรอเพื่อนนานเสียจนเริ่มเบื่อ
“นี่”
แรงสะกิดเบาๆที่หัวไหล่ทำให้จงแดที่ฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะมาหินอ่อนต้องเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ต้องรีบเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งดีๆ เพราะว่าคนที่มาสะกิดนั้นคือร่างสูงโปร่งของผู้ชายหน้าหวานที่ยืนหอบสมุดหนังสือมาสองสามเล่มพลางส่งยิ้มให้จงแดจนเจ้าตัวรู้สึกว่าใบหน้านั้นร้อนผ่าวโดยเฉพาะตรงบริเวณสองข้างแก้ม ไม่นึกไม่ฝันว่ารุ่นพี่ลู่หานจะมาหาตน
“เอ่อ...รุ่นพี่มีอะไรรึเปล่าครับ”
“เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาเรียกแฟนตัวเองว่ารุ่นพี่ พี่ว่ามันดูห่างเหินเกินไปนายเรียกพี่ว่า พี่ลู่หาน ดีกว่านะ”
“คระ ครับ…พี่ลู่หาน” จงแดพูดพลางเกาที่แก้มเบาๆ อย่างเขินอาย “ว่าแต่พี่ลู่หานมาหาผมมีอะไรรึเปล่าครับ”
“คือว่าอย่างนี้นะ นายก็รู้ใช่ไหมว่าพี่ต้องซ้อมฟุตบอลไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่น่ะ”
“ครับ”
“นายพอจะมีเวลา เอ่อ...พอที่จะช่วยทำการบ้านให้พี่ได้รึเปล่า”
จงแดขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำขอของอีกคน อันที่จริงจะว่าไปแล้วจงแดก็อยู่ ม.5 แล้วเนื้อหามันก็เริ่มจะเข้มข้นใกล้เคียงกับ ม.6 อยู่พอประมาณ เพราะฉะนั้นจงแดก็น่าจะทำได้ล่ะนะ
“ได้สิครับ ว่าแต่พี่ต้องส่งวันไหนเหรอครับ” จงแดตอบตกลงด้วยรอยยิ้มกว้างพลางถามถึงกำหนดส่งการบ้านของอีกคน และคำตอบรับการช่วยเหลือจากจงแดก็ทำให้ลู่หานแอบรอบยิ้มร้าย แต่จงแดคนซื่อจะไปรู้ทันได้ยังไง
“ขอบใจนายมากๆเลยนะ แต่ว่าแย่หน่อยตรงที่งานพี่มันต้องส่งวันพรุ่งนี้น่ะสิ...” ลู่หานแสร้งตีหน้าเศร้า “นายจะทำทันรึเปล่าก็ไม่รู้ เอ่อ...แต่ถ้านายไม่มีเวลาทำให้พี่ก็ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวพี่ขาดซ้อมสักวันคงไม่เป็นไรหรอก”
พูดจบลู่หานก็หันหลังเตรียมเดินจากไปพร้อมกับอาการคอตก ซึ่งจงแดที่เห็นอย่างนั้นจึงได้เอื้อมมือไปดึงชายเสื้อนักเรียนของอีกคนเพื่อรั้งไว้
“พี่จะขาดซ้อมได้ยังไงกันพี่อย่าลืมสิครับว่าพี่เป็นกัปตันนะ ส่วนการบ้านของพี่น่ะเดี๋ยวผมทำให้เองครับ”
ลู่หานที่พอได้ยินประโยคที่น่าพอใจอย่างยิ่งสำหรับตนนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก พวกเด็กไอคิวสูงแต่อีคิวต่ำนี่มันก็มีประโยชน์เหมือนกันนะเนี่ย : )
ร่างสูงของลู่หานค่อยๆหันหน้ากลับมาหาอีกคนแล้วจึงรีบปรับสีหน้าของตนเองนั้นให้ดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความขอบคุณ...ที่มันแสนจะเสแสร้ง แต่จงแดก็คือจงแดที่ซื่อจนตามคนไม่ทัน
“ขอบใจนายมากๆเลยนะ ถ้าพี่ไม่มีนายช่วยพี่คงต้องแย่แน่ๆเลยล่ะ”
“มะ ไม่เป็นไรครับ...พี่ลู่หาน”
ลู่หานแอบส่งเสียงหัวเราะ หึ ในลำคอเบาๆเมื่อเห็นคนตัวเล็กที่พอเขาพูดขอบคุณเสียงหวานเข้าหน่อยก็ถึงกับหน้าแดง หูแดง จากที่ไม่ค่อยจะสบตากันอยู่แล้วคราวนี้คนตัวเล็กก็ก้มหน้าซะจนคางแทบชิดอก
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะมาเอานะครับ พี่วางสมุดกับหนังสือไว้ตรงนี้นะ”
เมื่อเห็นว่าอีกคนนั้นคงไม่มีท่าทีว่าจะเงยหน้าขึ้นมารับสมุดหนังสือจากตนง่ายๆ แน่ ลู่หานจึงเดินอ้อมมาอีกฝั่งแล้ววางสมุดหนังสือสองสามเล่มที่หอบมาวางไว้บนโต๊ะบริเวณที่ว่างอยู่ และทุกการกระทำของพวกเขาสองคนลู่หานนั้นรู้ดีว่านักเรียนที่นั่งอยู่บริเวณนี้กำลังจับตามองอยู่..อันที่จริงก็จับตามองตั้งแต่เห็นลู่หานเดินมาแล้วแหละ
“งั้นพี่ไปล่ะนะ”
“เอ่อ...ครับ”
ริมฝีปากรูปกระจับของลู่หานยกยิ้มอย่างสบายอารมณ์แล้วเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกมาจากบริเวณที่จงแดนั่งเขินอยู่ ตอนนี้ลู่หานไม่ได้สนใจหรอกว่าพวกนักเรียนหญิงจะซุบซิบนินทาอะไรที่เห็นเขาเดินเข้าไปคุยกับจงแด เด็กแว่นหน้าตาเฉิ่มเชย จะนินทาอะไรก็นินทาไปเขาไม่สนหรอกขอแค่ให้สบายจากการทำการบ้านหนักๆก็พอ หึ
ส่วนจงแดที่เหมือนจะเริ่มเก็บอาการเขินไว้ได้หน่อยแล้วก็เริ่มหันกลับมามองที่หนังสือของ ม.6 ที่เมื่อกี้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของจงแดนั้นเอามาฝากให้ทำและพอดีกับที่จงแดก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วเลยถือโอกาสทำการบ้านให้แฟนรอเพื่อนๆ มาโรงเรียนเลยแล้วกัน
ดวงตาเฉี่ยวมองหนังสือผ่านเลนน์แว่นตาที่มือเรียวเพิ่งจะดันมันขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง รอยขีดเขียนด้วยลายมือยึกยื้อที่น่าจะเป็นของลู่หานเขียนกำหนดไว้ว่าต้องทำข้อไหนบ้าง สายตาของจงแดก็กวาดอ่านวิธีทำแบบตัวอย่างในหนังสือเพื่อทำความเข้าใจอยู่สักพัก
และเมื่อเข้าใจถึงตัวเลขมากมายที่สามารถฆ่าหลายคนให้จมกองเลือด(?)แล้ว มือเรียวสวยจึงตวัดปลายปากกาเขียนแสดงวิธีทำและคำตอบอะไรต่างๆ นานาลงไปบนสมุดเล่มเล็ก
“เฮ้! จงแดนายทำอะไรอยู่น่ะ”
“อ๊ะ! แบค...เทา ชานยอล” จงแดหันไปมองเมื่อถูกแบคฮยอนตีเบาๆ ที่ไหล่ซ้ายทักทาย ใบหน้าของทั้งสามคนนั้นเรียกได้ว่าดูไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ โดยเฉพาะเทาที่ดูจะหนักหนากว่าใคร “เป็นยังไงกันบ้างอ่ะ”
“แค่นี้เอง สบายมาก! หนักกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้ว” เทาตอบอย่างไม่ใคร่ได้ใส่ใจ คนตัวเล็กยู่ปากแล้วจึงลุกขึ้นไปจับใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนสนิทหันซ้ายหันขวาเพื่อเช็คดูร่องรอยบาดแผล
“แผลเยอะขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก”
“ทำอย่างกะว่านายไม่รู้จักฉันดีนะจงแด ....นายเองก็น่าจะรู้ว่ากว่าฉันจะมายืนอยู่อย่างทุกวันนี้ได้ฉันต้องเจออะไรมาบ้าง”
เกิดความเงียบขึ้นทันที เพราะคนตัวเล็กไม่สามารถที่จะเอ่ยอะไรออกไปได้ ทั้งสองจึงได้แต่เพียงมองหน้ากันนิ่งๆ แม้ไม่มีคำพูดใดแต่ก็ยังสามารถเข้าใจได้ว่าต่างคนต่างคิดอะไรอยู่
“อะแฮ่ม! จะจ้องกันจนท้องเลยรึไงครับ” เสียงทุ้มของชานยอลขัดขึ้น ทั้งสองผละออกจากกันก่อนจงแดจะหัวเราะแหะๆ แก้เก้อ ส่วนที่เหลือก็แยกย้ายกันไปนั่งที่ของตนเอง เทาที่นั่งลงเรียบร้อยจึงดึงจงแดให้ตามลงไปนั่งข้างๆ ซึ่งก็เป็นที่เดียวกับที่จงแดนั่งอยู่แล้วก่อนหน้า
“แล้วนี่หนังสือของ ม. 6 ไม่ใช่เหรอ เอามาทำอะไรเนี่ย”
“อ๊ะ! แบคอย่าทำอย่างนั้นสิเดี๋ยวหนังสือยับหมด” มือเล็กรีบคว้าเอาหนังสือคณิตศาสตร์ที่เพื่อนตาตี่จับอย่างหมิ่นเหม่ “พอดีพี่ลู่หานเขาเอามาฝากให้เราทำน่ะ”
“แล้วทำไมพี่เขาไม่ทำเองล่ะ” ชานยอลถามเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
“พี่เขาไม่ค่อยว่างน่ะ อีกอย่างเป็นแฟนกันเรื่องแบบนี้มันก็ต้องมีบ้างแหละ”
“ก็.... หวังว่าคงจะไม่มีบ่อยๆ หรอกนะ”
แบคฮยอนพูดไว้แค่นั้นก่อนจะแยกย้ายกันทำการบ้านที่ต้องส่งในคาบของตัวเองให้เสร็จ จงแดเองก็ก้มหน้าก้มตาทำงานที่แฟนหนุ่มเอามาฝากให้ทำมาด้วยความตั้งใจ ใบหน้าเรียวเกือบจะจมลงไปกับสมุดอยู่แล้ว ...ก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก เพียงแต่ไม่กล้าหันไปสบตากับคนตาคมที่นั่งอยู่ข้างๆ เฉยๆ รู้ดีอยู่แล้วว่าตอนนี้ดวงตาคมคงจะจ้องเขาเขม็งอย่างจับผิดอยู่แน่
*****
ผ่านมาหลายวันจงแดก็ยังคงต้องทนทำเมินสายตาที่จ้องเขม็งของเพื่อนสนิทอย่างจื่อเทา เพราะว่าเกือบทุกวันเขามักจะได้การบ้านเพิ่มเป็นของ ม.6 ตลอด ซึ่งคนที่มาฝากทำก็คงจะหนีไม่พ้นลู่หานแฟนหนุ่มที่ช่วงนี้อ้างว่ามีติวไม่ค่อยมีเวลาว่างมาทำการบ้านหรือรายงานที่ครูสั่ง จงแดเองก็เข้าใจเพราะว่าจะจบ ม.6 แล้วมันก็ต้องวุ่นวายเป็นธรรมดา
แต่คนที่เห็นทีว่าคงจะไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ คงจะเป็นเพื่อนสนิททั้งสามคนของเขา และหนักสุดคงจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากจื่อเทา...
“นายจะต้องทำการบ้านให้รุ่นพี่ลู่หานแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่เนี่ยจงแด” แบคฮยอนที่นั่งเท้าคางมองจงแดทำการบ้านมาสักพักแล้วถามขึ้นมา และก็ตามมาด้วยลูกคู่อย่างชานยอลที่พยักหน้าหงึกหงัก ส่วนอีกคนก็นั่งกอดอกมองมาที่เขาด้วยสายตาเรียบเฉย แต่จงแดรู้หรอกว่าสายตาแบบนั้นน่ะ... มันคือสายตาที่หมอนั่นจะบอกกับเขาว่าไม่พอใจในสิ่งที่เขาทำเป็นอย่างมาก!
“เราก็ไม่รู้...”
“ฉันว่ามันแปลกๆ อยู่นะจงแด หมอนั่นน่ะใช้นายทำการบ้าน ทำรายงานให้เกือบทุกวันแต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมาดูแลเอาใจใส่นายเหมือนแฟนคนอื่นเขาทำกัน”
“ไม่แปลกหรอก ไอ้แบบเนี่ยนะเขาเรียกหลอกใช้ชัดๆ เลยเหอะ!”
“ชานยอลกับแบคฮยอนอย่าพูดแบบนั้นสิ ช่วงนี้พี่เขายุ่งๆ น่ะ เวลาว่างจะมาดูแลเราไม่มีหรอก อีกอย่างนะ...” เว้นไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเพื่อนทั้งสอง “เราเองก็... ไม่ได้ต้องการให้พี่เค้ามาดูแลหรอก เราดูแลตัวเองได้”
“ตัวแค่นี้จะดูแลตัวเองได้แค่ไหนกันเชียว ลมพัดมาแต่ละทีฉันยังกลัวว่านายจะปลิวไปด้วยเลย”
“ชานยอลก็พูดเกินไป แบคเองก็ตัวเท่าเราไม่เห็นว่าพวกนายจะห่วงอะไรนักหนาเลย”
“ไอ้เตี้ยนี่อ่ะเหรอ ...ลมพัดทีมันคงไม่ปลิวหรอก ไขมันส่วนเกินมันเยอะ”
“ไอ้บ้านี่! ว่าฉันอ้วนเหรอ ห๊ะ!!!”
“ฉันพูดความจริงต่างหาก”
“ไอ้โยดา! อย่าอยู่เลยยยยย!!!!”
แล้วสงครามขนาดย่อมๆ ก็เกิดขึ้นในห้องเรียนที่ไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากกลุ่มของจงแด เพราะโรงเรียนเลิกไปได้สักพักแล้วแต่ที่พวกเขายังไม่กลับก็เพราะว่าเพื่อนๆ รอจงแดทำการบ้านให้รุ่นพี่ลู่หานอยู่
คนตัวเล็กหัวเราะให้กับความเป็นเด็กของเพื่อนทั้งสองที่ไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่ แต่เห็นทะเลาะกันบ่อยอย่างนี้ทั้งสองคนก็รักกันมากนะ เวลาใครมีเรื่องทุกข์ใจทั้งสองคนก็จะคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด
“อ๊ะ!! อ้าวเทา...มีอะไร...”
“ตามฉันมา มีเรื่องจะคุยด้วย”
อยู่ดีๆ คนที่นั่งเงียบมาตลลอดก็ลุกขึ้นมาฉุดเอาข้อมือเล็กๆ ของจงแดให้เดินตามไป ชานยอลและแบคฮยอนที่วิ่งไล่กันอยู่หยุดมองงงๆ แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยถามอะไร เพราะใบหน้าที่จริงจังของจื่อเทาด้วยล่ะมั้งเลยทำให้ทั้งสองคนไม่กล้าถามอะไรได้แต่มองตาม ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้นว่าเทาเวลาจริงจังกับอะไรมากๆ น่ากลัวมากขนาดไหน
ผลัก!
“เจ็บ!” จงแดร้องบอกเบาๆ เมื่อเทาผลักเขาให้ชนกับกำแพงหลังห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา บริเวณโดยรอบเงียบมากถึงมากที่สุดเพราะคนส่วนใหญ่กลับบ้านกันไปหมดแล้ว
“จะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่...เฉิน!”
“..........”
“จะแกล้งทำตัวเป็นคนโง่ให้หมอนั่นหลอกใช้ไปถึงไหน! นายก็รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่รึไงว่าหมอนั่นมันไม่ได้จริงจังอะไรกับนายที่อยู่ในคราบของจงแดเลย”
“.........”
“ความรู้สึกที่เรียกว่า รัก ของหมอนั่น! ...นายก็รู้ว่ามันได้ตายไปพร้อมกับนาย นายที่เป็น เฉิน แล้ว”
“หมอนั่น... แค่ดูก็รู้ว่ายังรักและคิดถึงนายอยู่ แค่นายบอกไปซะว่านายคือ เฉิน นายก็ไม่ต้องมาทนนั่งทำงานให้หมอนั่น! ถ้าหากลู่หานรู้ว่าจงแดคือคนๆ เดียวกันกับเฉิน เชื่อเถอะ...หมอนั่นจะไม่มีทางทำแบบนี้กับนายหรอก”
จงแดพูดไม่ออกเมื่อเจอเทาสาดยับ รู้สึกน้ำมันท่วมปากตั้งแต่ตอนที่อีกคนเรียกชื่อจริงของเขาแล้ว ไม่รู้ว่านายแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ยินคนเรียกเขาว่า เฉิน ....
“นายก็รู้ว่าฉันเปิดเผยตัวตนไม่ได้ ถ้าเกิดว่าฉันเปิดเผยตัวตนออกไปแน่นอนว่าพวกนั้นจะต้องเล่นงานฉันหนักแน่”
“ทุกอย่างมันจบแล้วจงแด ...คนพวกนั้นถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว”
“!!!!!! ....ตั้งแต่เมื่อไหร่!”
“ขอโทษที่ไม่ได้บอก ฉันเพียงแค่อยากลองพิสูจน์ดูว่าหมอนั่นยังรักนายอยู่รึเปล่า”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาทั้งสองคนเพียงแค่ปล่อยให้เวลามันเดินผ่านไปโดยไม่ได้มีใครคิดจะเอ่ยทำลายความเงียบ จนกระทั่งเป็นจงแดเองที่เอ่ยทำลายความเงียบ
“แต่พี่ลู่หานคิดว่าฉันทิ้งเขาไป...”
“นั่นเป็นสิ่งที่นายต้องเป็นคนอธิบายทุกอย่าง ...เฉินฉันไม่อยากให้นายต้องทนอยู่แบบนี้ ชีวิตนายควรที่จะมีความสุขมากกว่านี้ นายกับลู่หานห่างกันมานานเกินไป นายเองก็น่าจะรู้...ว่าฉันไม่ชอบเห็นคนที่ตัวเอง รัก ต้องทนทุกข์ทรมาน...”
“....เทา”
“นี่มันอะไรกัน....”
!!!!!!!!!!
ทั้งจงแดและจื่อเทาตกอยู่ในอาการที่เรียกว่าช็อค! เพราะคนที่ไม่อยากให้มาได้ยินเรื่องแบบนี้ตอนนี้กลับยืนนิ่งมองมาที่เขาทั้งสองคน จงแดไม่สามารถรู้ได้ว่าลู่หานเข้ามาได้ยินตอนไหน แล้วรู้อะไรบ้าง กลัวเหลือเกินว่าลู่หานจะเข้ามาได้ยินอะไรที่ทำให้เจ้าตัวเข้าใจไปในทางผิดๆ
“ฉันถามว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!!! นาย! คิม จงแด นายคือคนๆ เดียวกันกับ เฉิน อย่างนั้นเหรอ...” ลู่หานเหมือนคนที่ไม่ค่อยมีสติ ดวงตาประกายวิบวับเต็มไปด้วยความสับสน จงแดเม้มริมฝีปากแน่นมือเล็กก็กำไว้จนขึ้นข้อขาว ยิ่งสายตากดดันจากเทายิ่งทำให้จงแดทำอะไรไม่ถูก
เขาไม่กล้าบอกความจริงกับลู่หาน...เขากลัว กลัวว่าคนๆนี้จะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
ปัง!!!!
“ฉันถามทำไมไม่ตอบ!!!!” ร่างโปร่งผลักเอาไม้ที่วางระเกะระกะอยู่แถวนั้นให้ล้มลงไม่เป็นท่าจนจงแดสะดุ้งตกใจ น้ำตาเม็ดใสไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“นาย!! คิม จงแด ไม่สิ นาย...เฉิน นายมันคนหลอกลวง นายมันคนโกหกไหนบอกว่าจะอยู่กับฉันแล้วทิ้งฉันไปทำไม!!! ห๊ะ!!!”
“ผม...ขอโทษ”
จงแดหลับตาปี๋เมื่อร่างโปร่งผลักจื่อเทาออกแล้วตรงเข้ามากระชากแขนเล็กอย่างแรงจนเซไปกระทบกับแผงอกแกร่ง ความเงียบเข้าครอบคลุมอีกครั้งมีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ของจงแดที่ดังเป็นระยะๆ
“นายมันคนโกหก...ออกไปให้พ้นหน้าฉันซะ!!!!”
ผลัก!!!
ร่างโปร่งตวาดลั่นแล้วผลักร่างเล็กให้ไปชนกับผนังจนล้มลงไปกองกับพื้น จื่อเทาไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปประคองคนตัวเล็กทันที ลู่หานมองภาพนั้นด้วยสายตาเจ็บปวด ดวงตาสวยแดงก่ำมือหนากำหมัดแน่นก่อนจะตัดสินใจเดินหนีออกไปโดยไม่หันกลับมามองทั้งสองคนอีกเลย
“ไม่เป็นไรนะเฉิน...”
“ฮึก! เราบอกแล้วใช่ไหมว่ามันไม่โอเค...พี่ลู่หานเกลียดเราแล้ว!”
“หมอนั่นแค่เข้าใจผิด..”
“พอแล้ว! เราไม่อยากฟัง อย่ามายุ่งกับเรา!!”
ร่างเล็กผลักร่างสูงของเทาให้ออกห่างจนอีกคนล้มลงไปนั่งกับพื้น ขาเรียวเล็กออกวิ่งทันทีอย่างไม่รู้ทิศทาง รู้เพียงแค่ว่าต้องวิ่งออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด วิ่งออกมาให้ไกล... ไกลแค่ไหนยิ่งดีเท่านั้น มือเล็กยกขึ้นมาปาดน้ำตาเป็นระยะๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองได้วิ่งออกมาจากเขตรั้วโรงเรียนแล้วเรียบร้อย...
ผลัก!!!
“โอ๊ะโอ ดูสิว่านี่ใครเอ่ย...”
ร่างเล็กที่วิ่งไปชนกับใครสักคนล้มลง เสียงที่เอ่ยทักช่างฟังดูคุ้นเหลือเกิน พอเงยขึ้นมาเห็นว่าคนที่ตนเองวิ่งชนนั้นเป็นใคร ใบหน้าหวานที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาก็เบิกตากว้าง...
“นาย...”
ความคิดเห็น