คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ll THE WIZARD ll Chapter 15
THE WIZARD 15
แสงสว่างจากเทียนหอมที่วางรายล้อมเป็นวงกลมไปรอบๆเด็กหนุ่มชายล้วนนับสิบคน ที่ตอนนี้กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ที่ดาดฟ้าท่ามกลางหมู่ดาวนับพัน บรรยากาศที่เงียบสงบในยามค่ำคืนหลังจากได้รับประทานอาหารค่ำกันเสร็จแล้ว ทำให้ทุกคนต้องมารวมตัวกันที่ดาดฟ้าแห่งนี้โดยไม่ได้นัดหมาย เสียงพูดคุยอันแผ่วเบาทำให้ต้องชะเง้อหน้าสุมหัวเข้าหากันเพื่อตั้งใจฟังสิ่งที่นักเรียนดีเด่นแห่งปราสาทดราก้อนกำลังเล่า หากแต่ไม่ใช่กับคนตัวเล็กหน้าหวานที่ตอนนี้เอามืออุดหูอยู่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“เนี่ยนะ ที่หลังโรงเรียนของพวกเราเวลาดึกๆจะได้ยินเสียงโซ่ตรวนของนักโทษที่เดินลาก ครืด ครืด ดังก้องกังวาลไปทั่ว มีเรื่องเล่าว่าที่หลังเดอะวิซาร์ดเป็นแดนประหารเก่า เคยมีคนเห็นนักโทษเดินวนเวียนแถวนั้นอยู่ตลอดทั้งคืนเลย...”
เสียงทุ้มต่ำของชางมินกำลังเล่าเรื่องราวที่เคยได้ฟังมาอีกทีให้กับทุกคนอย่างตั้งใจ และนั่นก็เรียกความสนใจจากคนในกลุ่มได้เป็นอย่างดี หากแต่ก็เหมือนเดิม ไม่ใช่กับเลย์ที่ตอนนี้เอาแต่นั่งฟุบหน้าไปกับอกแกร่งของคนรักพลางเอามือปิดหูไม่อยากรับฟังเรื่องที่ชางมินเล่าเลยสักนิด
“มีภารโรงคนนึงต้องไปตรวจโรงเรียนเหมือนอย่างทุกๆวัน ในมือก็ถือไฟฉายติดไปด้วย ส่องโน่นส่องนี่ไปตามที่ต่างๆเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า สักพักก็ต้องชะงักกึกเพราะได้ยินเสียงโหยหวนเหมือนมีคนขอความช่วยเหลือ ช่วยด้วย....ช่วยฉันด้วย...”
ชางมินพยายามทำเสียงให้เข้ากับภาพเหตุการณ์เพื่อสร้างบรรยากาศให้กับทุกคน แต่กับเลย์แล้วมันช่างเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนขี้กลัวอย่างเขา พยายามปิดหูไม่รับฟังก็แล้ว ไม่วายก็ยังจะได้ยินมันแว่วเข้ามาอยู่เรื่อยๆ จากตอนแรกที่นั่งเกาะแขนคนรักข้างๆหากแต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนที่โดยการไปนั่งบนตักของคริสแทนเพราะความกลัว จนคนที่แบกรับน้ำหนักอยู่ถึงกับต้องยกยิ้มน้อยๆอย่างนึกเอ็นดู
“ภารโรงคนนั้นเงี่ยหูฟังที่มาของเสียงอย่างตั้งใจ แล้วยกไฟฉายขึ้นส่องไปตามทางที่เสียงร้องนั่นขอความช่วยเหลือ ทันใดนั้นก็ต้องตาค้างเกร็งตัวไปหมดเพราะแสงของไฟฉายดันส่องไปเห็นเท้าดำๆที่เต็มไปด้วยขี้เถ้าของถ่านติดเต็มไปหมด พร้อมทั้งโซ่ตรวนเส้นใหญ่ที่คล้องอยู่กับข้อเท้าทั้งสองข้าง...แบร่!”
“เห้ย! ไอ้ชางมิน!”
ทุกเสียงเปล่งตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพียงกันเมื่อชางมินที่เล่าเรื่องผีอยู่ดีๆก็เล่นหลอกผีซะจนสะดุ้งโหยงกันทั้งกลุ่ม ก่อนเจ้าของเรื่องเล่าจะโดนฝ่ามือนับสิบส่งไปทำโทษอย่างนึกหมั่นไส้
“โอ้ย! ทุกคนตีฉันทำไมเนี่ย? ก็แค่สร้างบรรยากาศอ่ะ” ชางมินร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดเมื่อทุกคนลงไม้ลงมือกับเขาอย่างไม่ผ่อนแรง รู้งี้ไม่น่าแกล้งเลยจริงๆเจ็บตัวเปล่าๆ
“แล้วเรื่องมันเป็นยังไงต่อ รีบๆเล่าสิ” ยูฮวานรีบเอ่ยถามคนรักในทันทีด้วยความอยากรู้ ก็ตั้งใจฟังมาซะนานจะให้มันค้างอยู่แบบนี้ได้ยังไง
“อ้อ! พอดีฉันฟังมาแค่นี้อ่ะ ไม่รู้ว่าต่อจากนี้เป็นยังไง” สิ้นเสียงชางมิน ทุกคนก็พร้อมใจกันส่งทั้งมือทั้งเท้ากลับมาให้เจ้าของเรื่องเล่าอีกครั้ง ทำให้ค้างแล้วก็จากไปซะงั้น กำลังอินเลยให้ตายเถอะ
“นายไปนั่งบนตักคริสทำไมน่ะเลย์?” หลังจากโดนมรสุมฝ่ามือฝ่าเท้าจากทุกคนในกลุ่มแล้ว ชางมินจึงเอ่ยถามรุ่นน้องหน้าหวานด้วยความอยากรู้ ทั้งยังมือบางที่ปิดหูอยู่นั้นก็ทำเอาชางมินต้องสงสัยไปกันใหญ่
“ก็ผมกลัวอ่ะ ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้” พูดเสร็จใบหน้าหวานก็งองุ้มงอนรุ่นพี่หน้าหล่อไปซะเฉยๆ ไม่วายก็หันกลับไปซบอกคนรักอีกครั้งเพื่อขอความเห็นใจ หายงอนกันแล้วก็หวานกันต่อหน้าคนอื่นๆจนทุกคนนึกหมั่นไส้ แต่พอทะเลาะกันทีก็ไม่วายคนในกลุ่มนี่เองที่เป็นคนช่วยแก้ปัญญา มันเป็นแบบนี้อยู่ตลอดสิน่า
“ดูทำเข้า หวานกันจริงโว้ย!” พูดเสร็จชางมินก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะบิดซ้ายบิดขวายืดเส้นยืดสายเพราะเพิ่งโดนรุมสกรัมมาเมื่อครู่
“พวกเราต้องกลับกันแล้วล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว” ยุนโฮเอ่ยเมื่อยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาที่บอกเวลาอันสมควร ทุกคนพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วยก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วช่วยกันเก็บข้าวของไปเก็บไว้ที่เดิมเหมือนอย่างในตอนแรก
.
.
.
เลย์เดินออกมาส่งทุกคนที่หน้าบ้าน โค้งหัวให้กับรุ่นพี่ทั้งยังโบกมือลาเพื่อนอย่างไคและดีโออย่างรู้สึกขอบคุณที่มาหาเขาในวันนี้จนทำให้ความเหงาหายหมดไป สุดท้ายก็หันไปหาคนรักที่ยืนอยู่ข้างๆเป็นเชิงบอกลาพลันใบหน้าหวานก็เผยยิ้มน้อยๆส่งไปให้เหมือนอย่างเคย
“ขับรถดีๆนะ อย่าขับเร็วเข้าใจไหม?” เสียงหวานเอ่ยบอกคนตัวสูงด้วยความเป็นห่วงหากแต่คริสกลับยืนนิ่งไม่พูดอะไรเลยสักคำ เอาแต่จับจ้องใบหน้าหวานของอีกคนเพื่อซึมซับที่อีกหลายวันจะไม่ได้เจอหน้ากันอีก
“ไอ้น้องชายสุดหล่อ จะยืนบื้ออีกนานป๊ะ! จะกลับไหมบ้านอ่ะ?” ชางมินตะโกนถามระหว่างกำลังจะเปิดประตูรถคันหรู เจอน้องชายในสายเลือดเอาแต่ยืนนิ่งก็ไม่วายอยากด่าความมึนของมันซะเหลือเกิน
“ไม่กลับ! จะนอนที่นี่”
คริสบอกคนเป็นพี่ไปแค่นั้นก่อนจะลากคนตัวเล็กเข้าไปในบ้านโดยไม่รอให้ชางมินได้พูดอะไรอีกเลย สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเอง จะทนได้ยังไงถ้าไม่ได้เห็นหน้าหวานๆที่ได้พบเห็นอยู่ทุกวี่ทุกวัน แค่วินาทีเดียวก็แทบจะลงแดงตาย กลับไปไม่วายต้องวนรถกลับมาก็เป็นแน่
“กลับมาทั้งทีก็อยู่ให้พ่อแม่เห็นหน้าให้มันชื่นใจหน่อยไม่ได้รึไง? กลับบ้านไปเลยไป พรุ่งนี้ค่อยมาหาใหม่ก็ได้”
“จริงๆฉันบอกท่านไว้แล้วว่าจะมานอนกับนาย เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นกังวล ปิดบ้านแล้วขึ้นไปนอนกันเถอะ” โกหกออกไปหน้าด้านๆ แต่จะว่าไปก็เกริ่นบอกคนเป็นพ่อแม่ไว้แล้วว่าอาจจะไม่กลับ พูดเสร็จคริสก็เดินไปปิดประตูหน้าบ้านแล้วรีบรั้งข้อมือบางให้เดินขึ้นไปบนห้องนอนด้วยกันในทันที หากแต่....
“คริส”
เลย์ออกแรงรั้งขัดเบาๆ เหลือบตามองคนตัวสูงเมื่อเห็นว่ากำลังจะลากเขาไป บางทีก็อยากให้คริสได้อยู่กับครอบครัวบ้าง นานๆจะกลับบ้านทีเล่นเอาลูกเขามานอนด้วยก็ใช่เรื่องซะที่ไหน
“ไม่กลัวผีรึไงอยู่คนเดียวน่ะหื้ม? พี่ยูชอนก็บอกอยู่ว่าพ่อนายจะไม่กลับมาคืนนี้” คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถามอีกคน และนั่นเลย์ก็ถึงกับฉุกคิดได้ในทันที แน่ล่ะใครมันจะไม่กลัว พอคริสเอ่ยขึ้นมาเท่านั้นก็ทำเอาคนหน้าหวานหวาดระแวงไปซะหมด
“อ๊ะ!”
มัวแต่กลัวไม่เข้าเรื่อง รู้ตัวอีกทีร่างกายก็ถูกยกขึ้นไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นเสียแล้ว ก่อนมือบางจะยกขึ้นคล้องลำคอแกร่งของคนที่ยกเขาอยู่ตามสัญชาตญาณ ไม่วายพอคริสอุ้มขึ้นไว้ในอ้อมกอดก็ฉวยโอกาสจุ๊บริมฝีปากเคลือบใสของคนหน้าหวานเบาๆอย่างไม่รีรอ
“อยู่กับฉันแล้วนายจะกลัวอะไรอีก...อ่า...นายยังทำให้ฉันค้างอยู่เลย คืนนี้ต้องต่อให้เสร็จด้วยนะไม่งั้นฉันจะงอน” ใบหน้าหล่อทำแก้มพองลมโดยไม่รู้เลยว่ามันไม่เหมาะกับนิสัยเย็นช้าแบบนี้เลยสักนิด จนเลย์ที่มองดูอยู่ก็อดจะหมั่นไส้ไม่ได้ ว่าแต่เมื่อกี้คริสว่าไงนะ ไม่นะ หูต้องฟาดไปแล้วแน่ๆ
“เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ?”
“พูดได้ครั้งเดียวครับที่รัก” เพียงเท่านั้นขายาวก็ออกเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้านอย่างไม่รีรอ เป็นใจที่สุดก็ต้องช่วงเวลาแบบนี้แหละ คราวนี้จะไม่ให้พลาดเลยคอยดูสิ
“คริสอ่า แต่ฉันง่วงนอนแล้วน้า นายจะไม่ใจร้ายกับฉันใช่ไหม?” ระหว่างทางก่อนถึงห้องนอนเลย์ก็พยายามอย่างถึงที่สุดในการอ้อนอีกคนให้ปล่อยเข้าไปสักวัน รู้งี้ให้พี่ชางมินลากมันกลับไปด้วยก็ดี
“อะไรนะ ไม่ได้ยิน?” คริสยังคงทำเป็นไม่สนใจคำพูดของคนตัวเล็กเลยสักนิด ทำหูทวนลมไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่อีกคนร้องขอ ก็รู้ว่าต้องใจอ่อนแน่ๆถ้าเลย์อ้อนมากๆ เพราะฉะนั้นแกล้งไม่ได้ยินนี่ล่ะดีที่สุด
“คริส....”
กำลังจะเอ่ยอ้อนคนตัวสูงอีกครั้งก็ต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอไปในทันที สัมผัสอบอุ่นจากอีกคนที่แตะบนริมฝีปากสีอ่อนทำเอาไปต่อไม่ได้เลยจริงๆ หลับตาพริ้มลงเมื่อลิ้นร้อนเริ่มลุกล้ำเข้ามาในโพรงปาก หงุดหงิดเป็นบ้าแค่การกระทำแบบนี้ก็อ่อนยวบยอมแพ้ไปซะแล้ว ไม่วายยังจูบตอบเบาๆกลับไปให้ใจวูบโหวงอีก
ริมฝีปากหนาทำหน้าที่ของมันไปไม่ขาด ดูดดุนและรับความหอมหวานจากอีกคนมาเต็มๆ พลางขาก็พาร่างในอ้อมกอดเข้ามาภายในห้องนอนก่อนจะใช้เท้าดันประตูห้องให้ปิดลงไม่วายต้องล็อคมันเพราะกลัวจะเป็นเหมือนอย่างที่ผ่านๆมา ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็รีบรุดเดินไปที่เตียงแล้ววางคนตัวเล็กลงอย่างเบามือ
“ฉันจะไม่ถอยแล้วนะ” ผละริมฝีปากออกมาก็จ้องมองลึกสบนัยน์ตาคู่สวยของคนหน้าหวานที่ตอนนี้มันปรือยั่วยวนซะเหลือเกิน กระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูไม่วายก็ขบเม้มเบาๆจนคนที่อยู่ใต้ร่างต้องเบือนหนีน้อยๆอย่างน่ารัก
“…………………………”
“ขอได้ไหม?”เสียงทุ้มเอ่ยขออนุญาติอีกคนตามมารยาท ถึงไม่ให้ตอนนี้ก็ไม่ทนแล้วจริงๆ เจอแบบนี้ใครหน้าไหนมันจะทนได้ให้มาบอกคริสเลย คิดว่าความอดทนตัวเองสูงแล้วหากแต่มันก็ต้องถึงจุดขาดสะบั่นเหมือนอย่างที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ยอมแล้วนายจะหยุดหรือไง?”
NC KRISLAY
https://docs.google.com/document/d/1mGtgBk46yp-Dp4n86MRrod9QuKNyQMsN_1Y42be8DGQ/edit?usp=sharing
“ทำไมต้องน่ารักด้วย?” คริสเอ่ยถามเมื่อคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่มองมาที่เขาทำเอาหัวใจเต้นแรงซะเหลือเกิน แก้มอมชมพูกับใบหน้าหวานที่พราวไปด้วยเม็ดเหงื่อเพราะเพิ่งผ่านบทรักกันมาเมื่อครู่ ทำให้คริสอยากจะต่ออีกสักยกสองยกให้มันรู้กันไป
“มีใครเคยบอกรึเปล่า? ว่าใบหน้าของนายเหมือนรูปปั้นแกะสลักที่มีชีวิตน่ะหื้ม? นายหน้าตาดีเกินไปนะคริส” ไม่ได้ตอบคำถามของอีกคน เลย์กลับเอาแต่จ้องใบหน้าหล่อตรงหน้าไม่วางตา ทำเหมือนไม่เคยเห็นกันมาก่อนซะอย่างนั้น
“ไม่มีใครบอกฉันก็รู้”
“แหวะ! หลงตัวเอง”
“แต่ฉันหลงนายมากกว่า” น่านไง ตรงจุดจนคนที่นอนมองใบหน้าหล่ออยู่นานต้องหลุบตาลงต่ำอย่างเขินอาย ให้มันได้อย่างนี้สิ
“จะนอนแล้ว!” เฉไฉไปเรื่อย พูดแค่นั้นเลย์ก็หลับตาลงฉับพลัน แพ้ใจตัวเอง ไม่เคยจะเข้มแข็งพอเมื่ออยู่ต่อหน้าอีกคน เขินตลอดเวลาเลยจริงๆ เมื่อไหร่จะชินก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ฝันดีนะ รักนายที่สุดเลย” เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากเคลือบใสของคนรักอย่างแผ่วเบา พลางค่อยๆ ยกแขนเท้าศรีษะมองคนที่นอนหลับตาพริ้มหายใจเข้าออกเป็นจังหว่ะอย่างเอ็นดู ไม่อยากจะหลับตาแม้แต่วินาทีเดียว ขอแค่ได้มองใบหน้าหวานนี้ไปตลอด ได้เท่านี้ก็คุ้มค่ามากแล้ว แต่ได้ข่าวว่าได้เขาไปทั้งตัวและหัวใจแล้วนะคริส...
…THE WIZARD…
เสียงนกที่ร้องเจื้อยแจ้วในยามเช้าตรู่ต่อให้น่ารำคาญแค่ไหนก็ไม่สามารถส่งเสียงเข้าไปในโสตประสาทของร่างทั้งสองที่นอนกอดกันแนบแน่นอยู่บนเตียงได้เลย ครั้งแรกกับการมีสัมพันธ์ร่วมกันทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากกว่าที่เป็น กายหนาเปือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดกำลังถ่ายเทความอบอุ่นในกายไปให้คนในอ้อมกอดอย่างถึงที่สุด โอบกอดกายบางไว้แน่นเหมือนกลัวว่าอีกคนจะหนีหายไปไหนก็ไม่ปราน ความสุขสมที่ได้รับจากเมื่อคืนก็ยังคงอยู่ในห้วงภวังค์แม้กระทั้งยังหลับตา ทุกสัมผัส ทุกกิริยาบทตอบสนองอย่างน่ารักของอีกคน คริสจะไม่มีวันลืม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!ๆๆๆ
เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้เลย์ต้องสะดุ้งน้อยๆเมื่อกำลังเพลิดเพลินกับการฝันหวานอยู่ เปลือกตาบางขยับหยุกหยิกก่อนจะค่อยๆลืมขึ้นเพื่อปรับโฟกัสแสงให้เป็นปกติ เงยใบหน้ามองอีกคนที่โอบกอดเขาอยู่ก็ถึงกับยกยิ้มออกมา จ้องมองได้ไม่นานเสียงเคาะประตูที่เร่งเร้าให้ไปเปิดก็ไม่คิดจะลดละเอาเสียเลย หากแต่จะลุกขึ้นนั่งอีกคนก็เอาแต่กอดไว้แน่นแล้วแบบนี้จะไปไหนได้ยังไง
“งื้อ...” เสียงหวานเอ่ยขัดเบาๆเมื่ออีกคนที่นึกว่าหลับอยู่กลับลืมตาแล้วฉวยโอกาสจุมพิตยามเช้าให้เบาๆ ยิ่งได้คิดถึงเรื่องเมื่อคืนก็ทำตัวไม่ถูกซะเฉยๆ
“จะรีบไปไหน หื้ม?” คริสเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกคนทำท่าจะลุกไปจากที่นอน อยากกอดอยากหอมและอยากนอนอยู่บนเตียงกับคนตัวเล็กทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ดูท่าว่าจะไปไหนไม่รอดแล้วจริงๆ
“จะไปเปิดประตู ปล่อยเลย!”
“ไม่ไปไม่ได้รึไง? ขอกอดหน่อยดิ” คริสยังคงไม่ยอมอยู่เหมือนเดิม ใบหน้าหล่ององุ้มทำแก้มพองลมอย่างน่ารัก ให้ตายเถอะว่ามันไม่เข้ากันเลยสักนิด
“เลย์! ตื่นรึยังลูก? เปิดประตูให้พ่อหน่อย” เสียงของคนนอกห้องตะโกนเข้ามาพลางทุบประตูไปด้วยอย่างนึกเป็นห่วงลูกชายที่เมื่อคืนเขาปล่อยไว้คนเดียว ทั้งยังตอนนี้เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบกลับไปสักที
“พ่อ!?”
สองเสียงผสานกันด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่าคนที่ยืนอยู่อีกด้านของประตูเป็นใคร มองหน้ากันเลิกลั่กไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรกันดี เห็นความซวยเข้ามาร่ำไรเมื่อตอนนี้คนทั้งคู่ก็ยังอยู่ในสภาพที่เปือยเปล่า ไม่วายผิวขาวๆของคนตัวเล็กก็เผยให้เห็นรอยสีกุหลาบจางๆเต็มไปหมด ทำลูกเขาซะขนาดนี้แล้วคริสจะเป็นยังไงต่อไปไม่อยากจะคิด
“ครับพ่อ รอสักครู่นะครับ” เสียงหวานตะโกนตอบไปให้คนเป็นพ่อหายกังวลก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนในทันทีด้วยความลุกลน
“……………….”
“โอ้ย!”
เพียงแค่ปลายเท้าแตะลงที่พื้นห้องเย็บเฉียบ เลย์ก็ร้องเสียงหลงในทันที อาการบางอย่างที่แล่นปราดเข้ามาที่สะโพกทำให้ใบหน้าหวานต้องเหยเกด้วยความเจ็บปวดก่อนแนวฟันสวยจะขบกัดริมฝีปากล่างเพื่ออดกลั้นมัน หยาดน้ำสีใสไหลลู่ข้างแก้มชมพูเมื่อมันไม่สามารถบรรยายได้เลยว่าเจ็บมากขนาดไหน
“เจ็บมากรึเปล่า? ไม่ต้องเดินนะเดี๋ยวฉันแต่งตัวให้” คริสลุกขึ้นจากเตียงแล้วรีบเข้าไปช่วยพยุงเลย์ในทันทีก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่โยนระเกะระกะไว้ตามพื้นห้องขึ้นมาสวมใส่ให้คนรักอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวใส่เอง”
“อย่าดื้อ! นายใส่เองกว่าจะเสร็จคงเป็นชั่วโมง....แล้วก็ไม่ต้องอายเพราะฉันเห็นมาหมดแล้ว” พูดเสร็จคริสก็ค่อยๆประคองเลย์ในนั่งลงบนเตียงเหมือนเดิมก่อนจะบรรจงใส่เสื้อผ้าให้อย่างเร่งรีบ ไม่ได้สังเกตุเลยสักนิดว่าคนที่นั่งอยู่บนเตียงนั้นน่าแดงขนาดไหนแล้ว ยกมือขึ้นปิดหน้าก็รับรู้ได้เลยว่ามันร้อนผ่าวจนแผ่ออกมา รู้อยู่ว่าเห็นกันมาหมดแล้วแต่จะพูดทำไม พูดให้มันได้อะไรกันคริส
“เสร็จยัง?” เลย์เอ่ยถามเมื่อรู้สึกว่าทนไม่ไหวกับความอายที่มีอยู่ คริสเพิ่งจะใส่เสื้อผ้าให้เมื่อครู่แต่เจ้าตัวก็คิดว่ามันนานเหลือเกิน
“เสร็จแล้ว...นายนั่งอยู่เฉยๆ เดี๋ยวฉันไปเปิดเอง”
“แต่นั่นพ่อฉันนะคริส!”
“พ่อแล้วไง พ่อนายก็พ่อฉันไหมล่ะ?”
ใบหน้าหวานอึ้งไปชั่วขณะ นี่คริสไม่กลัวพ่อเขาเลยรึไง แล้วพ่อใครให้มันรู้ซะบ้าง ไม่เจอเองให้มันรู้ไปดิ นึกค่อนขอดในใจได้ไม่นานม่านตากลมก็มองตามคริสที่รีบใส่เสื้อผ้าอย่างลุกลนไม่วายต้องเอื้อมเอาผ้าห่มไปปกปิดร่องรอยรักบนเตียงด้วยเช่นกัน ก่อนขายาวๆจะพาร่างตัวเองเดินไปเปิดประตูให้กับเจ้าของบ้านอีกคนที่ยืนรอหน้าประตูอยู่นานแล้ว
“ทำไมมาเปิดช้าจังเลยล่ะลูก...?” คนหน้าห้องถึงกับชะงักเมื่อคนที่มาเปิดประตูให้เขากลับไม่ใช่ลูกชายหน้าหวานหากแต่เป็นไอ้หล่อที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วนี่ยังมาอยู่ในห้องของลูกชายเขาอีก
“สวัสดีครับ”
คริสเอ่ยทักทายชายวัยกลางคนก่อนจะก้มหัวให้อย่างมีมารยาท คนหน้าห้องเมื่อเห็นคริสยืนอยู่ก็มองข้ามไปสอดสายตาหาลูกชายตัวเองอย่างไม่รีรอ เมื่อเห็นว่ายังอยู่ดีก็ไม่วายวกสายตาคมกลับมามองเด็กหนุ่มหน้าตาดีอีกครั้ง
“นายเป็นใคร?” เอ่ยถามคริสหลังจากมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอยู่นาน หน้าตาดี ดูมีชาติตระกูล คงเป็นเจ้าของรถที่จอดอยู่หน้าบ้านเขาก็เป็นแน่
“เป็น...”
“เป็นเพื่อนที่โรงเรียนครับพ่อ” ไม่ทันที่คริสจะได้พูดจบ เลย์ก็โพลงตอบคนเป็นพ่อตัดหน้าคนรักไปเสียก่อน นั่นทำให้คริสต้องหันไปมองคนหน้าหวานในทันที ไม่วายยังส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ มีพิรุธสุดๆ
“พ่อถามเพื่อนลูกนะ แล้วนั่นไม่คิดจะลุกขึ้นยืนเลยรึไง?” ปฏิกิริยาของเลย์ทำให้คนเป็นพ่อนึกสงสัย มีอย่างที่ไหนคุยกับผู้ใหญ่แล้วนั่งอยู่แบบนั้น เขาไม่ได้คิดมากอะไรหากแต่เลย์ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักที
“อ...อ้อ ข้อเท้าแพลงน่ะครับ” คนตัวเล็กแทบจะกัดลิ้นตัวเองตายไปเลย ข้อเท้าแพลงตอนไหนไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนี้มันแพลงไปแล้ว
“ห๊ะ? แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าลูก?” คนเป็นพ่อรีบเข้าไปดูลูกชายในทันทีด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ถ้างั้นพ่อไม่รบกวนดีกว่า อย่าลืมลงไปทานข้าวด้วยล่ะ ผอมแย่แล้วเรา”
“ครับพ่อ”
มือกร้านลูบหัวทุยของลูกชายอย่างนึกเอ็นดู ยิ้มบางๆไปให้ด้วยความรักใคร่หากแต่พอหันไปหาคริสเพียงเท่านั้น รอยยิ้มที่เผยให้เห็นในตอนแรกกลับจางหายไปในทันที
“พ่อลงไปข้างล่างก่อนนะลูก... อ้อ! ไอ้หน้าหล่อ ตามลงมาคุยกันหน่อย” เอ่ยบอกลูกชายในสายเลือดอย่างอารมณ์ดีหากแต่พอหันไปพูดกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ เสียงทุ้มก็ปรับให้เข้มขึ้นในทันตาก่อนจะออกคำสั่งที่แม้แต่คริสเองก็ยังใจกระตุกวูบเพราะไม่รู้ว่าผู้ใหญ่คนนี้ต้องการอะไรกันแน่
.
.
.
คริสเดินตามชายวัยกลางคนลงมาอย่างกล้าๆกลัวๆ ใบหน้าหล่อก้มหน้าก้มตาเดินตามไปอย่างเงียบๆ ถึงอย่างนั้นสีหน้าท่าทางก็ยังคงเป็นปกติไม่เปลี่ยน เดินมาถึงโซฟาก็ยืนอยู่กับที่ไม่พูดไม่จารออีกคนเอ่ยสั่งก่อนถึงจะทำตาม ไม่อยากจะบอกว่าคริสในตอนนี้อึดอัดที่สุดแล้วให้ตายเถอะ
“นั่งลงสิ” ออกคำสั่งให้คริสนั่งลง ชายวัยกลางคนก็นั่งไขว้ห้างแล้วมองใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างพิจารณา
“ชื่ออะไรอ่ะเรา?”
“คริสครับ”
“เป็นอะไรกับเลย์?” ผู้ใหญ่คนนี้ไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด ตรงไปตรงมาจนคริสที่อึดอัดอยู่แล้วก็แทบจะหายใจไม่ออกกันเลยทีเดียว
“………………….”
“ฉันถามว่านายเป็นอะไรกับลูกชายฉัน? ถ้าเป็นแค่เพื่อนกันก็ตอบ!” เมื่อคริสเอาแต่นิ่ง ชายวัยกลางคนก็เอ่ยถามอีกครั้งอย่างไม่รีรอ อยากจะรู้นักเชียวว่าคริสจะแน่สักแค่ไหน
“เป็นแฟนครับ”
ใบหน้าสมวัยของพ่อตาที่คริสตั้งสมญานามให้เองพยักขึ้นลงอย่างเข้าใจ ไม่มีท่าทีสงสัยหรือโกรธเคืองแสดงให้เห็นเลยสักนิด มีแต่สีหน้าที่เรียบเฉยทั้งยังแววตาที่ว่างเปล่าส่งมาจ้องมอง ถึงอย่างนั้นคริสก็กลัวแทบจะทำอะไรไม่ถูกแล้ว ไม่รู้ว่าพ่อของคนรักต้องการอะไรและคาดเดาอนาคตไม่ได้เลยว่าเขายังจะมีชีวิตต่อไปได้อีกนานแค่ไหน
“เลิกยุ่งกับเลย์ซะ!” คริสชะงักกึกในทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งของอีกคน นัยน์ตาคมเบิกกว้างอย่างตกใจก่อนจะมองหน้าผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความอยากรู้ว่าเพราะอะไร แล้วทำไมเขาต้องทำตาม
“ไม่ครับ!”
ตอบไปอย่างมั่นใจว่าไม่ จะไม่เลิกยุ่งกับเลย์ คริสทำไม่ได้ถ้าไม่มีเลย์อยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงเหมือนคนที่ตายทั้งเป็นแน่ๆ
“เพราะอะไร?”
“ผมรักเลย์ครับ”
“เข้าใจตอบหนิ แล้ว...รักมากไหม?”
“หมดหัวใจครับ” คริสยังคงหนักแน่นไม่เปลี่ยน เขาจะไม่ยอมแม้ว่าอีกคนจะบังคับเขายังไง คริสก็จะไม่ปล่อยเลย์ไปอย่างแน่นอน
“นายจะดูแลลูกชายฉันได้หรือเปล่า?” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามอีกครั้ง
“ตอนนี้ผมก็ดูแลเขาอยู่ครับ” ชายวัยกลางคนถึงกลับตกใจในคำตอบของคริสเล็กน้อย ดูแลงั้นหรอ ที่เลย์บอกว่าอยากอยู่เดอะวิซาร์ดต่อก็เพราะไอ้หน้าหล่อคนนี้สินะ
“มั่นใจหรอว่าจะดูแลลูกชายฉันไปได้ตลอดน่ะหื้ม? ตลอดไปหรือเปล่า?” คำถามที่ใครได้ฟังก็คงจะอึดอัดไม่น้อย คำถามที่วัดใจอีกคนว่าจะอยู่กับลูกชายเขาไปได้ตลอดหรือเปล่า อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเบื่อเลย์แล้วจะทำยังไง จะยังอยากอยู่ด้วยเหมือนเวลานี้ไหมนะ
“ก็ถ้าคุณพ่อจะใจดีไม่เข้ามาขัดขวาง แน่นอนว่าผมจะอยู่ดูแลเลย์ตลอดไปครับ”
เพียงเท่านั้นรอยยิ้มเย็นก็เผยให้เห็นบนใบหน้ากร้านสมวัยในทันที เด็กคนนี้ร้ายกาจกว่าที่เขาคิด ท่าทางมั่นอกมั่นใจทั้งยังโอหังจนน่าหมั่นไส้ทำให้เขาก็เริ่มอยากลองใจอีกคนมากขึ้นไปอีก
“เป็นแฟนกับลูกชายฉันแล้วมีอะไรกันหรือยัง?” คริสคิดว่าคำถามก่อนหน้ายากแล้ว หากแต่เจอคำถามโผงผางแบบนี้ทำเอาเดาใจอีกคนไม่ถูกเลยจริงๆ ตอบไปก็มีแค่สองอย่าง รอดตายกับเป็นศพ
“…………………………..”
“ฉันถามน่ะได้ยินไหม?”
“ครับ”
คริสตอบเสียงแผ่วเบา ไม่วายยังต้องก้มหน้าอีกครั้งเมื่อสายตาคมของผู้ใหญ่ที่นั่งตรงข้ามแถบจะฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ ก็มีเมื่อคืนเลยสดๆร้อนๆ แล้วจะให้ตอบไปยังไงดี
“ครับที่ว่ามันคืออะไร?” พ่อตาก็ยังกดดันเข้าไปอีก พลางนึกขันท่าทางอวดดีเมื่อครู่ของคริสหากแต่ตอนนี้กลับหัวหดซะไม่มี
“มีแล้วครับ”
“มีอะไร?”
“มีอะไรกันแล้วครับ” คริสตอบกลับไปพลางหลับตาปี๋ก้มหน้าอย่างนึกกลัว กลัวว่าจะได้หมัดหนักๆของพ่อตาหรือไม่ก็อาจจะเป็นคำด่าทอที่ไปทำกับลูกชายเขาแบบนั้น
“กี่ครั้งแล้ว?” ยังไม่เลิก คุณพ่อตายังถามไถ่เอารายละเอียดให้ลึกไปอีก ไม่รู้ว่าอยากรู้ด้วยไหมว่ามีอะไรกันยังไง ท่าไหน อยากรู้ด้วยหรือเปล่า
“ครั้งแรกครับ” คริสตอบออกไปอย่างมั่นใจอีกครั้ง ถึงจะนึกกลัวแต่กับพ่อตาคนนี้อ้อมค้อมไปก็ไม่มีอะไรดี ถ้ารู้ทันหมดแล้วจะถามทำไมให้มากความ รู้ไหมว่ากลัวมากขนาดไหน
“ครั้งแรกแล้วนายล่ะครั้งแรกด้วยรึเปล่า?” คำถามที่ทำเอาหัวใจตุ้มๆต่อมๆ คริสถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว เมื่อไหร่จะหมดสักทีนะคำถามแบบนี้
“ครั้งแรกเหมือนกันครับ” ครั้งแรกกับคนรักคนแรก คริสมั่นใจว่าเขาจะหยุดที่เลย์เพียงคนเดียว
“แล้วรู้หรอว่าต้องทำยังไง?”
คริสอยากจะโก่งคอร้องตะโกนออกไปซะเหลือเกินว่าเลิกถามสักทีเถอะ นี่มาอยู่บ้านแฟนหรือว่าแดนสอบสวนกันแน่ น้ำตาแทบไหล
“ก็...อ่านจากหนังสือการ์ตูนครับ” คำตอบของคริสทำเอาผู้ใหญ่เกือบหลุดขำออกมาก็ไม่ปราน ก็ยังดีที่ศึกษามาก่อน นั่นคงเตรียมพร้อมมาแล้วสินะ
“ฉันให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย จะเลิกยุ่งกับลูกชายฉันดีๆหรือเปล่า?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกอย่างรอคำตอบและนั่นก็ต้องยกยิ้มมุมปากอีกครั้งกับความอวดดีของเด็กหนุ่มหน้าหล่อ
“ไม่ครับ!”
“ก็...ดี ฉันจะให้โอกาสนายสิบห้านาที…” เสียงเข้มเงียบไปชั่วครู่ มองคนหนุ่มตรงหน้าที่รอเขาพูดอย่างใจจดใจจ่อ “ไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านแล้วมาอยู่กับลูกชายฉัน”
พูดแค่นั้นก็ลุกขึ้นยืนในทันที ทำให้คริสได้แต่ประมวลคำพูดเมื่อครู่อย่างให้รู้ว่าหูไม่ได้ฝาด ง่ายไปไหมนึกว่าจะได้ตายเป็นศพซะแล้ว
“ไม่ต้องให้เวลาผมเยอะขนาดนั้นหรอกครับ โทรไปกริ๊งเดียวพี่ชายสุดที่รักของผมก็เอามาส่งถึงที่แล้ว ขอบคุณนะครับ” คริสลุกขึ้นโค้งหัวให้กับพ่อตาก่อนจะยกยิ้มออกมาอย่างรู้สึกโล่งใจ ถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนกับยกภูเขาออกจากอกก็ไม่ปราน ว่าแต่ตอนนี้พี่ชายสุดหล่ออย่างชางมินจะรู้หรือเปล่าว่ากลายเป็นทาสน้องชายตัวดีไปเสียแล้ว
“งั้นก็ดีแล้ว พอดีพ่อต้องรีบไปธุระต่อ ฝากทำอาหารเช้าให้เลย์ทานด้วยนะ แล้วก็โทรไปบอกพ่อนายด้วยล่ะว่าเมื่อคืนสนุกมากไม่ได้เจอกันซะนาน”
พูดเสร็จก็เดินออกไปปล่อยให้คริสยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่กับที่ สรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเองตอนนี้มันกลับเปลี่ยนไป ทั้งยังเรื่องพ่อของเขากับพ่อของเลย์นี่มันอะไรกันอีก เป็นเพื่อนกันแล้วทำไมไม่บอก ปล่อยให้เขากลัวแทบตายสุดท้ายโลกมันกลมซะจนวิ่งตามไม่ทัน แต่แค่นี้คริสก็มีความสุขมากแล้ว ความสุขที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้เลย
“อ้อ! พ่อหนุ่มหล่อ รถนายสวยดีนะ” พ่อตาตะโกนกลับมาหาคริสอีกครั้งก็หายออกไปจากบ้านทันที ไม่คิดจะฝากฝังหรือขู่บ้างเลยรึไงว่าให้ดูแลลูกชายให้ดีๆ หรือว่ามั่นใจอยู่แล้วว่าคริสจะไม่ทำให้ผิดหวัง คงจะเป็นข้อหลังอย่างแน่นอน
คริสยิ้มให้พ่อตาอีกครั้งก่อนจะวิ่งขึ้นไปที่ห้องนอนเพื่อหาคนรักอย่างรวดเร็ว เปิดประตูเข้าไปก็เห็นอีกคนทำท่าจะลุกขึ้นเดิน ไม่รอช้าขายาวจึงวิ่งเข้าไปช่วยพยุงอีกคนด้วยความเป็นห่วง
“เจ็บมากรึเปล่า? ค่อยๆเดิน” คริสเอ่ยถาม ไม่วายก็ส่งมือไปโอบเอวบางเพื่อช่วยอีกคนให้ยืนขึ้นช้าๆ บอกว่าอย่าเดินๆก็ยังจะดื้ออยู่อีก
“มาลองเองไหมละ? แล้วจะรู้ว่าเจ็บรึเปล่า” บ่นค่อนขอดคนรักไปพลางรอบสังเกตุสีหน้าของคริสไปด้วยหลังจากที่ไปคุยกับพ่อของเขามา จะคุยเรื่องอะไรกันเลย์ก็ยิ่งนึกสงสัย แล้วคริสจะตอบอะไรไปบ้างนั่นเลย์ก็ยิ่งเป็นกังวล
“จริงๆก็อยากลองว่ามันจะเจ็บหรือเปล่า แต่มันจะผิดวิสัยนะ ฉันต้องอยู่ด้านบนถึงจะถูก”
“คริส!”
ใบหน้าหวานหันขวับไปหาคนรักที่กำลังช่วยพยุงร่างกายเขาอยู่ในทันที ไม่วายต้องยกมือขึ้นตีต้นแขนแกร่งเพื่อทำโทษอีกคนเป็นการกลบเกลื่อนอาการร้อนผ่าวบนใบหน้า ไม่รู้จะจุดประเด็นขึ้นมาทำไมอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งอาย
“ขอโทษครับๆ ลงไปทานข้าวกันเถอะ”
“แล้วพ่อฉันล่ะ?”
“เห็นบอกว่าจะออกไปทำธุระ” คริสบอกออกไปอย่างที่พ่อตาได้บอกไว้
“อีกและ”
“ทำไม? ไม่อยากอยู่กับฉันรึไง?” พูดเสร็จใบหน้าหล่อก็งองุ้มอีกครั้งอย่างนึกงอน ทำบ่อยไปหรือเปล่านะคริสช่วงนี้
“ก็ไม่ใช่แบบนั้น แต่พ่อฉันไม่เคยอยู่กับฉันเกินชั่วโมงเลยสักครั้งหนิ”
“โอเคเข้าใจแล้ว งั้นจะไปทานข้าวกันได้รึยัง?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม เอียงหน้าเล็กน้อยก่อนจะกระพริบตาปริบๆจนเลย์ต้องยกยิ้มออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้
“อุ้ม!”
แขนเล็กยกขึ้นคล้องคออีกคนก่อนจะขอร้องให้คริสอุ้มขึ้นอย่างออดอ้อน เงยใบหน้าเหลือบมองคนที่สูงกว่าให้รู้ว่าที่เป็นแบบนี้นั่นมันเพราะใครกัน สุดท้ายก็ได้ดั่งใจเมื่ออยู่ๆร่ายกายก็ลอยขึ้นไปอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนอย่างที่คาดไว้
คริสอุ้มเลย์ขึ้นไว้ในอ้อมกอด และเป็นอีกครั้งที่เขาก็ไม่แบกรับน้ำหนักของอีกคนไว้ฟรีๆ ใบหน้าหล่อก้มลงจุมพิตกับริมฝีปากสวยเพื่อฉกชิมความหอมหวานในยามเช้า ย้ำทำจนนับไม่ถ้วนว่าจุมพิตกับกลีบปากอิ่มของอีกคนไปกี่ครั้งแล้ว ไม่ได้เดินไปไหนกันสักทีเพราะมัวแต่เป็นแบบนี้สินะ
“พอแล้ว เดินลงไปข้างล่างกันสักที แล้วอย่าลืมเล่าเรื่องพ่อกับนายให้ฟังด้วย ไม่งั้นฉันจะงอน” คุ้นๆนะคำนี้ พูดเสร็จก็พยักเพยิดหน้าให้คริสออกเดิน อยู่นิ่งนานๆแบบนี้เปลืองตัวจนไม่รู้จะเปลืองยังไงแล้วจริงๆ
“ครับๆ จะเล่าให้ฟังหมดทุกอย่างเลย ดุตลอดอ่ะ”
...THE WIZARD…
*** NC อ่านได้ไหมบอกไรท์หน่อยนะคะ ใครใช้กูเกิลโคมน่าจะเปิดได้ ^^ ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ไรท์ไม่ว่างเลย ปิดเทอมแล้วก็ยังต้องเรียนเกือบทุกวัน ถ้ามันป่วงไปก็อย่ามากันนะ *ได้ข่าวว่าป่วงมาทั้งเรื่อง 5555
เอ็นซีไรท์พยายามเขียนให้เบาๆแล้ว มันเบารึเปล่า? =_= อยากให้มันเหมาะกับความรักใสๆของคริสเลย์ง่า คิคิ มีความสุขกันมานานยังไงก็ทำใจรับดราม่าไว้ด้วยนะคะ T^T แชปนี้ตรวจคำผิดมารอบเดียวแบบเร่งรีบอ่ะ งื้อ ~ ยังไงก็ให้อภัยกันเนอะๆ
ปล.อย่ากดแบนเอ็นซีเลยนะคะ มันเบาแล้ว แฮ่ะๆ
ความคิดเห็น