ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรากฏว่าเป็นรัก

    ลำดับตอนที่ #17 : คนโชคดี

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 66


    อู่อี้เทียนเตรียมใจว่าเขาไม่มีทางได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากครอบครัวของมาสฟ้า เลวร้ายที่สุดเขาก็คงโดนเหมือนฝันโยนออกมาข้างนอก ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางจินตนาการได้ว่าสิ่งแรกที่เขาจะได้เห็น หลังหักเลี้ยวเข้ามาในถนนที่บ้านของมาสฟ้าตั้งอยู่จะเป็นรถสปอร์ตสีแดงแรงฤทธิ์ กับผู้หญิงที่กำลังพยายามปีนเข้าไปบ้านของมาสฟ้า ในเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้า

    ร่างบอบบางที่พาดอยู่บนขอบประตูรั้วนั้นเป็นภาพที่ชวนตลกขบขันอยู่ไม่น้อย เดาจากราคารถที่หญิงสาวขับมาเธอคงไม่ใช่โจรแน่ๆ ยิ่งเมื่ออู่อี้เทียนเคลื่อนรถเข้าไปจอดเทียบเฟอร์รารี่แดงคันงามของเจ้าหล่อน แล้วเห็นหน้าของเจ้าของรถชัดๆ อู่อี้เทียนก็จำเธอได้ในทันที เธอคือหนึ่งในเพื่อนสนิทของมาสฟ้านั่นเอง

    “ฉันไม่ใช่โจรนะ”

    อู่อี้เทียนกะพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด อีกฝ่ายเองก็คงจะเห็นสีหน้าของเขา เธอจึงเปลี่ยนภาษามาใช้ภาษาอังกฤษด้วยความรวดเร็วที่น่าประทับใจ

    “ฉันมาหาเพื่อน” เจ้าหล่อนบอก แม้ว่าลำตัวจะยังคงพาดอยู่บนขอบประตูรั้ว “นี่บ้านเพื่อนสนิทฉันเอง ฉันไม่ใช่โจรนะ”

    “ผมรู้” อู่อี้เทียนได้ยินแล้วก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้ อีกมือก็กดเบอร์ติดต่อญาติผู้น้องของตน ไม่กล้าโทรหามาสฟ้าด้วยกลัวว่าจะรบกวนการพักผ่อนของคนตัวเล็ก ไม่นานจ้าวเวยหลงก็รับสายเขาแม้จะป็นการรับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก็ตามที

    ‘อะไรของพี่เนี่ย ผมไม่...’

    “มาเปิดประตูให้หน่อย”

    ‘ฮะ?’

    “ฉันอยู่หน้าบ้าน มาเปิดประตูรั้วให้หน่อย” อู่อี้เทียนไม่รอให้จ้าวเวยหลงได้สบถด่าเขา ชายหนุ่มก็ตัดบทญาติผู้น้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง ที่ทำให้จ้าวเวยหลงที่ฟังถึงกับต้องตื่นเต็มตา ก่อนจ้าวเวยหลงก็มิวายถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกครั้งเผื่อว่าเมื่อครู่นี้เขาฟังผิดไป

    ‘บ้านใคร’

    “แล้วแกอยู่บ้านใครล่ะ ก็ต้องเป็นบ้านของมาสฟ้าสิ มาเปิดประตู” อู่อี้เทียนเสียงห้วนเพราะความหงุดหงิด เมื่อคืนเขาก็แทบไม่ได้นอน รอกระทั่งตัวเลขบนนาฬิกาบอกว่าเป็นเวลาหกโมงเข้าเขาก็เด้งตัวออกมาจากที่นอน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ตรงมานี่เลย มื้อเช้าก็ยังไม่ได้ทานกระทั่งกาแฟสักแก้วก็ย้งไม่ตกถึงท้องเขา “เร็ว”

    สั่งจบอู่อี้เทียนก็ตัดสาย เงยหน้าขึ้นมาบอกเพื่อนร่วมชะตากรรมของเขาอย่างเอื้อเฟื้อ อีกฝ่ายก็มองเขาอยู่เหมือนกัน ดังนั้นพอเขาเงยหน้าจึงสบตากับเธอเข้าพอดี

    “อีกเดี๋ยวจะมีคนมาเปิดประตูครับ คุณลงมาเถอะ”

    “อ้อ โอเคค่ะ” อิงจันทร์ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอจึงยอมคล้อยตามแล้วเชื่อผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ง่ายๆ ถึงกับยอมลงมาจากประตูรั้วทั้งที่อีกนิดเดียวก็ก็จะปลดกลอนประตูได้สำเร็จแล้วแท้ๆ บางทีความหล่อล่มบ้านล่มเมืองของเขาอาจจะมีส่วนที่ทำให้เธอไขว้เขวได้นิดหน่อย ตรงนี้อิงจันทร์ก็บอกชัดไม่ได้เหมือนกัน

    ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงสับเท้าเร็วๆ ก็แว่วมาให้ได้ยินเธอจึงต้องเก็บคำพูดเอาไว้แล้วรีบพลิกตัวลงมาจากขอบรั้ว เมื่อแน่ใจว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงฝีเท้าของคน ไม่นานประตูรั้วขนาดใหญ่ก็ถูกเปิดออกโดยผู้ชายที่หล่อมากอีกคน หล่อมากๆ เชียวล่ะ

    พวกเขาสองคนพูดอะไรกันอิงจันทร์ไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าเขาทั้งคู่ใช้ภาษาจีนสื่อสารกัน หญิงสาวจึงได้แต่ยืนอึ้งอยู่ระหว่างคนทั้งสองมองหน้าพวกเขาสลับไปมา แต่เดาจากสีหน้าของคนที่มาเปิดประตู เขาคงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของอิงจันทร์

    ในเมื่อตอนนี้ประตูรั้วเปิดแล้วจะเพราะใครเปิดก็ตาม ก็เท่ากับว่าเธอสามารถไปลากตัวยายเพื่อนตัวดีของเธอขึ้นมาตอบคำถามได้แล้ว เห็นแบบนั้นเจ้าตัวก็แจ้นกลับเข้าไปในรถตัวเองก่อนขับบุกเข้าไปในบ้านของมาสฟ้า ประหนึ่งว่าเธอเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง ทิ้งผู้ชายตัวโตทั้งสองให้มองตามหลังรถสีแดงด้วยความรู้สึกแสบๆ คันข้างในอก โดยเฉพาะกับจ้าวเวยหลงที่เกือบโดนล้อรถคันเมื่อครู่บดเท้าจนแตกละเอียด

    “นั่นใครน่ะ”

    “ไม่รู้” อู่อี้เทียนตอบน้ำเสียงเย็นชา แล้วขับรถเข้ามาในอาณาเขตบ้านหลังใหญ่ของมาสฟ้าอีกคน ตาก็มองกระจกมองหลัง เห็นสีหน้าหงุดหงิดของญาติผู้น้องของตัวเองไประหว่างเขาจอดรถ มั่นใจว่าปากที่ขมุบขมิบไม่หยุดของจ้าวเวยหลงนั้นคงไม่พ้นที่จะก่นด่าเขาอยู่ ซึ่งอู่อี้เทียนก็คิดถูกเพราะยังไม่ทันที่เขาจะดับเครื่องยนต์จ้าวเวยหลงก็มายืนหน้าบึ้งอยู่ข้างประตูคนขับเรียบร้อยแล้ว

    “พี่นึกบ้าอะไรของพี่ถึงได้มาที่นี่เนี่ย!”

    “นี่บ้านแกหรือไง ทำไมฉันจะมาไม่ได้” อู่อี้เทียนพูดหน้าตายขณะที่ก้าวลงมาจากรถส่วนตัวของเขา ฐานะของอู่อี้เทียนนั้นต่างจากจ้าวเวยหลง ทำให้เขาสามารถไปไหนมาไหนโดยที่ไม่ต้องมีทีมบอดี้การ์ดได้ ผิดกับญาติผู้น้องของเขา...แค่มาค้างที่นี่ อู่อี้เทียนมันใจว่าทีมรักษาความปลอดภัยของตระกูลจ้าวคงต้องตรวจสองแล้วตรวจสอบอีก ว่าบ้านของมาสฟ้าปลอดภัยจริงๆ ถึงได้ยอมให้จ้าวเวยหลงค้างคืนที่นี่ได้ ถึงจะเป็นครอบครัวของคนรักก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากตระกูลจ้าวหรอก

    “พี่บอกมาสฟ้าแล้วเหรอ?”

    “เปล่า”

    “อ้าว”

    “ก็แค่อยากมาไม่ได้หรือไง” อู่อี้เทียนไม่ใช่เด็ก เขารู้ดีว่าควรทำอะไรหรือไม่ทำอะไร เรื่องที่ควรจะบอกมาสฟ้าล่วงหน้าเขาก็รู้แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริง ๆ ทุกอย่างก็ต้องโทษจ้าวเวยหลงคนเดียว ที่ส่งข้อความแบบนั้นมาให้เขาเมื่อคืน

    “ก็ไม่ได้น่ะสิ นี่กรุงเทพนะไม่ใช่เซี่ยงไฮ้ฯ” จ้าวเวยหลงกลอกตา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอู่อี้เทียนไม่ได้บอกแม้กระทั่งมาสฟ้าเรื่องที่เขาจะโผล่มาที่นี่ “แล้วก็ไม่ใช่สิงค์โปร์ด้วย ทำไมพี่ไม่บอกมาสฟ้าเรื่องที่จะมาที่นี่” แบบนั้นคงดีหน่อยเพราะต่อให้เหมือนฝันจะโกรธที่พวกเขามาอยู่ในบ้านของเธอโดยพลการ แต่ตราบมาสฟ้าอนุญาตจ้าวเวยหลงก็มั่นใจว่าพวกเขาจะไม่เป็นไร

    “ลืม”

    “พี่ลืมบอกมาสฟ้าว่าจะมาบ้านเขา แต่มีเวลาที่จะแวะซื้อดอกไม้นี่นะ?” จ้าวเวยหลงไม่ปักใจเชื่อคำพูดของญาติผู้พี่ แถมชี้ไปที่ดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ตรงที่นั่งข้างคนขับ “คิดว่าผมจะเชื่อหรือไง ทำไมพี่ไม่บอกมาสฟ้าเรื่องจะมาที่นี่”

    “...”

    “อย่าบอกนะว่าพี่ตั้งจะมาจับผิดมาสฟ้า”

    “ดอกไม้ที่แกส่งมาเมื่อคืนไม่ใช่ของฉัน” เหตุผลเท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับอู่อี้เทียน ที่เขาจะบุกมาที่บ้านของมาสฟ้าเพื่อจับผิดว่าหญิงสาวนอกใจเขา

    “แล้ว?”

    “แล้วอะไรอีกละ ในเมื่อมันไม่ใช่ดอกไม่ที่ฉันส่งมาก็หมายความว่าคนอื่นส่งมาน่ะสิ”

    “ตอนรถคว่ำพี่ลืมสมองไว้บนถนนหรือไง” จ้าวเวยหลงไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดกับอู่อี้เทียน ถึงจะสมกับความวิตกจริตของเขา เขาเข้าใจเวลาที่คนหึงจนหน้ามืดเป็นยังไง เขาเองก็ไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหน จ้าวเวยหลงรู้ว่าเขาเองก็หึงเหมือนฝันหนักข้อพอกัน แต่เมื่อเทียบกับอู่อี้เทียนที่ถ่อมาบ้านคนอื่นโดยที่ไม่บอกเจ้าของบ้านก่อนแค่เพราะรูปดอกกุหลาบรูปเดียว เรื่องที่จ้าวเวยหลงคิดว่าตัวเองเป็นคนขี้หึงก่อนหน้าคงต้องยอมแพ้ให้อู่อี้เทียนแล้วจริงๆ “ต่อให้ดอกไม้นั่นไม่ใช่ของพี่ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นผู้ชายอื่นนี่”

    “แล้วทำไมแกไม่ตอบข้อความฉัน ถ้าแกตอบฉันแต่แรกก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก”

    “ผมบอกแล้วพี่จะเลิกหึงมาสฟ้าหรือไง” จ้าวเวยหลงย้อนถาม ทำให้อู่อี้เทียนถึงกับหน้าตึง มองญาติของตัวเองตาขวาง พร้อมกับคาดโทษจ้าวเวยหลงในใจด้วยไม่สามารถเถียงอะไรกับอีกฝ่ายได้ ต่อให้จ้าวเวยหลงตอบข้อความเขาหรือพูดอะไรอู่อี้เทียนมั่นใจว่ายังไงตัวเองก็ต้องมาที่นี่เวลานี้อยู่ดี เขาเลยได้แต่พูดว่า “ฉันจะไม่กลับไปที่โรงแรมหรอก”

    “พี่จะอยู่นี่ได้ยังไง ตั้งแต่พี่โทรมาให้ผมลุกมาเปิดประตูผมก็ยังไม่เห็นใครสักคน”

    “แล้วเมื่อคืนแกนอนที่ไหน ฉันก็รอมาสฟ้าที่นั่น ฉันเอาดอกไม้มาแล้ว...”

    “ถามจริง?”

    “หน้าฉันเหมือนคนพูดเล่นหรือไง?”

     

    “คิดว่าไม่รับสายฉันแล้วจะรอดงั้นเหรอไอ้ฝัน” อิงจันทร์คาดโทษเพื่อนสนิทลอดไรฟัน ขณะที่กระแทกเท้าเดินไปตามทางเดิน ตรงไปยังประตูบ้านของมาสฟ้า...ซึ่งเธอก็นับว่าเป็นเพื่อนเหมือนกันกับเหมือนฝัน แต่ฐานะของมาสฟ้าในความรู้สึกของอิงจันทร์นั้นพิเศษหน่อย เพราะนอกจากความสนิทสนมที่เพื่อนมีระหว่างกันแล้ วเธอยังมีความรู้สึกเกรงมาสฟ้านิดๆ จะให้ด่ากราดเหมือนอย่างที่ทำกับเหมือนฝันหรืออิงจันทร์ก็กระดากปากแล้วก็กลัวด้วย

    “อ้าว คุณกี้เองเหรอคะ?” ศรีที่เดินออกมาดูว่าเสียงรถที่ขับเข้ามาในบ้านเมื่อครู่เป็นใครนั้นร้องทัก แต่คิ้วของแม่บ้านสาวก็ยังมิวายขมวดเข้าหากันนิดๆ แม้จะรู้ว่าผู้ที่บุกมาแต่เช้าตรู่นั้นไม่ใช่ใครอื่นหากแต่เป็นอิงจันทร์นั่นเอง “มาทำไมแต่เช้าคะเนี่ย คุณฝันยังไม่ตื่นเลยค่ะ”

    “อ้อ ที่มันไม่รับสายคงเพราะมันยังนอนอยู่สินะ” อิงจันทร์ไม่คิดที่จะรักษามารยาท ยิ่งเมื่อศรีบอกว่าเหมือนฝันยังคงนอนหลับอย่างสบายใจ ปล่อยให้เธอร้อนรนเพราะความอยากรู้อยากเห็น เจ้าหล่อนก็ถึงกับยกมือเท้าเอวแล้วชักสีหน้า พร้อมกับคาดโทษเหมือนฝันรอดไรฟัน “อีตัวดี”

    “คุณฝันเมามากค่ะ”

    “เรื่องนั้นรู้น่า เมื่อคืนมันก็อยู่กับกี้” มีหรือที่อิงจันทร์จะไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอเมาหนักขนาดไหน ตอนที่ผู้ชายตี๋แบกมันกลับบ้านเธอก็อยู่ด้วย “ที่มาเนี่ย...เอ๊ะ นั่นอะไรน่ะ” พอตั้งท่าจะระบายความอัดอั้นที่ตนมีกับแม่บ้านของเหมือนฝัน ตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเศษกระดาษในมือของศรีเข้าเสียก่อน รู้สึกคุ้นเหมือนเคยเห็นกระดาษแบบนี้มาก่อน “โพยหวยเหรอ?”

    “ค่ะ ศรีจะเอามาให้ลุงคง นึกว่าคุณกี้เป็นลุงคงที่มารับคุณท่านกับคุณผู้หญิงไปทำธุระ”

    “แหม...ศรีจ๋า...แล้วไม่รีบบอกล่ะ” อิงจันทร์กระพือขนตา เรียกศรีเสียงหวานเจี๊ยบก่อนจะยื่นมือไปฉกกระดาษต้นเรื่องมาพลิกดู ลืมเรื่องที่ทำให้เธอบุกมาที่นี่ตั้งแต่ไก่โห่ไปสนิท กวาดตาดูอยู่ไม่นานอิงจันทร์ก็จดจำตัวเลขทุกตัวได้ขึ้นใจ

    “คุณมาสห้ามเล่นเยอะนะคะคุณกี้” ศรีรีบบอกเพื่อนของเจ้านาย รู้ว่านิสัยของอิงจันทร์นั้นเป็นคนที่ใจถึง หนก่อนนั้นเธอก็ทุ่มเงินก้อนใหญ่ในการกว้านซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ทำเอามาสฟ้าที่มารู้ทีหลังนั้นโกรธจัดจนไม่คุยกันเป็นเดือนๆ พักไปไม่นานอิงจันทร์ก็ทำท่าจะสร้างเรื่องอีกแล้ว ศรีจึงต้องออกปากเตือนสักหน่อย “อยากโดนคุณมาสโกรธอีกเหรอคะ?”

    “เห็นกี้เป็นคนยังไงกันศรี ก็เล่นเอาสนุกเท่านั้นแหละน่า” อิงจันทร์ค้อนแม่บ้านสาวปะหลับปะเหลือก แต่มือเจ้ากรรมนั้นกดส่งข้อความหาคนในครอบครัวเป็นระวิง สิ่งแรกที่พิมพ์ลงไปย่อมต้องเป็นบรรดาเหล่าตัวเลขในกระดาษ กวาดตาทวนดูอีกรอบเพื่อความแน่ใจว่าเธอนั้นไม่ได้พิมพ์ตัวเลขเคลื่อน อิงจันทร์ก็จัดการกดปุ่มส่งจากนั้นก็คืนกระดาษให้ศรี “ศรีก็อย่าเพิ่งบอกใครสิ ศรีไม่พูด กี้ไม่พูด แล้วมาสจะรู้ได้ยังไง”

    “คุณมาสรู้ทุกอย่างแหละค่ะ” ศรีนึกฉุนกับคำพูดนั้นของอิงจันทร์ จึงต้องออกโรงปกป้องเจ้านายของเธอพร้อมกับสายตาที่มองหญิงสาวตรงหน้าก็เริ่มขุ่นเขียวนิดๆ เพราะความไม่พอใจ “คุณกี้อย่าพูดอย่างนี้นะคะ”

    “ขอโทษๆ กี้ไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณมาสสุดที่รักของศรีสักหน่อย” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตลกด้วย อิงจันทร์ก็รีบยกมือไหว้ขอโทษ “กี้ผิดเอง ทีหลังจะไม่พูดแล้วจ้ะ”

    “ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ แค่อย่าพูดถึงคุณมาสแบบนั้นอีกก็พอ...เอ๊ะ คุณกี้ฟังอยู่ไหมคะเนี่ย”

    “ขอโทษนะศรี แม่กี้โทรมา” อิงจันทร์โบกมือปัด ไม่สนใจที่จะมองหน้าของคู่สนทนาด้วยซ้ำ ขณะที่ปากบอกมือของเธอก็เลื่อนรับสายที่โทรเข้ามาไปพร้อมกัน “ขาแม่...”

    “...”

    “ก็ต้องได้จากมาสอยู่แล้วสิคะ แม่จะให้หนูเอาเลขพวกนี้มาจากไหนได้อีก” อิงจันทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ขณะที่หมุนตัวเดินย้อนกลับไปยังทิศทางของรถที่เพิ่งจอดสนิทได้ไม่นาน “ที่วัดน่าจะมีล็อตเตอร์รี่ขายนะคะ แม่ลองๆ หาดู นี่หนูกำลังจะไปแยกคอกวัวค่ะ”

    “คุณกี้คุณมาสห้ามซื้อเยอะนะคะ” ศรีตะโกนไล่หลังอิงจันทร์แต่อีกฝ่ายก็ไม่สนใจฟังหรอก เพราะหลังยัดตัวเองไปนั่งในรถเสร็จ เจ้าหล่อนก็กระชากประตูเปิดแล้วขับออกไปด้วยความเร็วที่ชวนใจหาย ซึ่งปลายทางก็คงเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากแยกคอกวัว

    จู่ๆ ศรีก็รู้สึกว่าตัวเองพลอยมีความผิดไปกับอิงจันทร์ด้วยอีกคน จากที่ฟัง...เจ้าหล่อนคงไม่ยั้งมือในการซื้อหวยงวดนี้นี่ ถึงกับโทร.หาแม่เพื่อบอกให้ท่านกว้านซื้อสลากกินแบ่งแบบนี้ ขืนมาสฟ้ารู้เข้าล่ะก็...เธอไม่อยากคิดเลย

    ดังนั้นเมื่อเดินกลับเข้ามาในบ้านศรีก็ได้แต่ยิ้มแห้งเหี่ยวแบบเดียวกับความรู้สึกในตอนนี้ให้เจ้านาย โชคดีที่มาสฟ้านั้นไม่ได้สนใจเธอมาก ยังคงง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้า เธอถามโดยที่ไม่ละสายตาจากการจัดโต๊ะอาหารเช้า

    “สรุปว่าเมื่อกี้ใครมาเหรอศรี”

    “คุณกี้มาค่ะคุณมาส แต่พอศรีบอกว่าคุณฝันยังไม่ตื่นคุณกี้ก็กลับออกไปเลย” ศรีตอบมาสฟ้าไปตามจริง โดยตัดช่วงที่อิงจันทร์ขอโพยหวยจากเธอไปเพราะกลัวว่าความผิด คุณมาสฟ้าของเธอโกรธใครทีหนึ่งแล้วเหมือนชาวบ้านเขาที่ไหน เกิดบอกไปแล้วคุณมาสโกรธจพาลเลิกให้หวยไป เธอไม่ซวยหรอ?

    “ถึงว่าคุยกันนานเชียว”

    “ศรีบอกว่าคุณฝันเมาหนักค่ะ คุณกี้ก็บอกว่ารู้ เมื่อคืนก็อยู่ด้วย..”

    “ไม่อยู่ด้วยสิแปลก เกิดเรื่องทีไรต้องเป็นยายสองคนนี้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน สร้างเรื่องทุกทีนั่นแหละ” คำพูดจิกกัดเช่นนี้จะมีใครอื่นนอกจากคุณผู้หญิงของบ้านที่กล้าพูดอีก พอเชอลีนมาศรีเองก็สบโอกาสที่จะอันตรธานตัวไป พร้อมกับของที่ไม่จำเป็นเช่นพวกผ้าเช็ดปากและที่รองจานที่เหลือมาสฟ้าเลือก “ไม่ต้องมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น ฉันพูดผิดตรงไหน”

    “ไม่ผิดหรอกค่ะ แต่ถ้ายายฝันมาได้ยินเข้ายายฝันจะเสียใจนะคะ” มาสฟ้าเองก็ได้แต่ยิ้มอ่อนใจ รู้ว่าเธอไม่มีทางเปลี่ยนนิสัยไม่น่ารักนี้ของแม่ได้ ยิ่งท่านมีคุณพ่อคอยให้ทายแค่จะเอ่ยปากเตือนท่านยังต้องระมัดระวัง ต้องหาคำพูดที่ไม่ไปทำร้านจิตใจอันบอบบางของภรรยาสุดที่รักของท่านเข้า ไม่อย่างนั้นคุณคมกฤษจะโกรธ

    “นี่เธอว่าฉันเหรอมาสฟ้า” เชอลีนนิ่วหน้า ไม่อยากเชื่อว่าเธอกำลังโดนลูกสานโตตำหนิ ก่อนที่จะรู้ตัวเชอลีนก็ตะโกนเรียกหาสามีของเธอ “คุณกฤษขา ลูกคุณกฤษว่าหนูเชอลีน”

    นั่นประไร...พูดผิดเสียที่ไหนล่ะ

    “ฟ้าแค่บอกแม่ว่าถ้าน้องมาได้ยินแม่ว่าน้องเข้า น้องจะเสียใจเฉยๆ ค่ะ ไม่ได้ว่าอะไรแม่สักหน่อย” มาสฟ้ามองหน้าผู้เป็นพ่อขณะเอ่ยปากอธิบาย แต่พอเห็นว่าคมกฤษโอบแขนรอบไหล่บอบบางของผู้เป็นภรรยา ก่อนจะประทับจูบหนักๆ ที่โหนกแก้ม ประหนึ่งต้องการปลอบขวัญภรรยาสุดที่รักของตัวเองที่เพิ่งโดนเธอตำหนิไป ความหวังที่มีอยู่น้อยนิดของมาสฟ้าก็มลายหายไปเดี๋ยวนั้นเลย “ฟ้าไม่ได้ว่าแม่นะคะ”

    “หนูไม่ควรใช้อารมณ์กับแม่นะฟ้า นี่ยังเช้าอยู่เลย” คมกฤษออกปากปรามลูกสาว ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยเว้นแต่พูดขัดหูภรรยาที่แสนบบอบบางของท่านเข้าเท่านั้น การมีสามีเข้าข้างเธออย่างหูมืดตาบอดนี้ทำให้เชอลีนถึงกับหัวเราะคิกคักอย่างพออกพอใจ ขณะที่มาสฟ้าได้แต่แอบกลอกตากับตัวเองเงียบๆ แล้วหมุนตัวเข้าไปหยิบอาหารเช้าอกมาให้พ่อกับแม่ โดยไม่ถามพวกท่านก่อนเหมือนที่เคยทำทุกวัน

    “ขอบคุณนะคะคุณกฤษ” เชอลีนโน้มตัวไปประทับจูบหนักๆ คืนที่โหนกแก้มของผู้เป็นสามี “ที่ช่วยหนูเชอลีนเมื่อกี้”

    “เปลี่ยนคำขอบคุณ เป็นช่วยทำตัวน่ารักหน่อยได้ไหมครับ” คมกฤษเหลือบมองหน้าภรรยา หลังเอ่ยปากของร้องให้เจ้าหล่อนทำตัวสงบเสงี่ยมหน่อย เพราะตั้งแต่ลูกเกิดเรื่องชวนปวดหัวเขาแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงมาสู้รบกับใครได้อีก หากว่าเชอลีนทำตัวเรียบร้อยสักพักจะช่วยเขาได้อย่างมากทีเดียว “นะครับ”

    “งั้นคุณกฤษต้องเลิกลากหนูเชอลีนออกไปข้างนอก” ภรรยาคนงามขอคมกฤษต่อรอง “ถ้าคุณกฤษตกลง หนูเชอ-ลีนก็ตกลงค่ะ”

    “โอเคครับ”

     

    คุณกี้คนดีขาาาาาา เห็นศรีไหมคะ ศรีเองก็อยู่ตรงนี้นะคะ ไม่แน่ว่าคุณกี้คนดีเผื่อแผ่ความโชคดีมาทางนี้บ้าง ฟ้าอาจจะประทานผู้ชายแสนดีมาให้คุณกี้ก็ได้น้าาาาา // กอดขา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×