ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #169 : Login 166: พลังที่ต่างชั้นกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 217
      5
      2 พ.ย. 60

    Login 166: พลังที่ต่างชั้นกัน

     

                “โซเดียมิราจ จงออกมาเหล่านักแสดงที่รออยู่ข้างเวที สัตว์เทวะซัลฟูลเรี่ยน!”

                ออร์ทิเกสซาร์คำราม อนุภาคสีทองที่ล่องลอยรอบตัวมันก็เริ่มกลั่นตัวเป็นรูปร่าง แถบพลังชีวิตปรากฎขึ้นมาพร้อมกับนามของสัตว์เทวะรูปแบบสิงโตเพศเมียไม่มีขนแผงคอที่มีเพียงครึ่งลำตัวเท่านั้น

     

    Heraldic Beast Deity: Sulphurion Lv. 99

    [/////2000:2000/////]

     

                ร่างกายของพวกมันเป็นกลุ่มก้อนก๊าซสีเขียวหม่นมีกลิ่นคล้ายกำมะถันแผ่ออกมา พอมันเคลื่อนไหวช่วงล่างของลำตัวที่ว่างเปล่าก็จะเห็นเหมือนมีไฟพ่นออกมาขับเคลื่อนตัวมันออกไป

                ซัลฟูลเรี่ยนมีด้วยกันทั้งหมดห้าตัว แต่ละตัวมีขนาดเท่ารถยนต์คันหนึ่งและมีพลังชีวิตแค่สองพัน

                แฟรนเซียมที่นั่งอยู่ภายในเครื่องทำสวนเซปทรูสตาร์ซึ่งกำลังบินอยู่เหนือชายหาดที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงโลกัณฑ์เห็นแบบนั้นเข้าก็พูดจาดูแคลนสัตว์เทวะที่มันสร้าง

                “นึกว่าจะทำอะไรซะอีก เจ้าสวะอ่อนแอพวกนั้นมีพลังชีวิตแค่สองพันหายใจทีเดียวก็กลายเป็นฝุ่นแล้ว”

                ด้วยพลังของเครื่องทำสวนที่เขาควบคุมอยู่สามารถทำอย่างที่พูดได้จริง แล้วออร์ทิเกสซาร์ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วแต่ก็ยังทำ นั่นหมายถึงมันต้องมีอะไรบางอย่างแอบแฝงมาอย่างแน่นอน

                แฟรนเซียมเข้าใจเรื่องนั้นเป็นอย่างดีเพราะอยู่ร่วมกับนรสิงห์มาก่อน

                นรสิงห์ที่ตอนนี้กลายเป็นจิตวิญญาณของออร์ทิเกสซาร์ไปแล้วถึงแม้ว่าการอยู่ร่วมกันนั้นจะเป็นเพียงละครตบตาก็ตามแต่มันไม่เคยทิ้งนิสัยชอบตลบตะแลงและนึกอยากจะเล่นสนุกไปเลยแม้แต่น้อย

                “เหมือนแมวไม่มีผิด”

                แฟรนเซียมพึมพำอย่างนั้นแต่ไม่ได้ส่งเสียงผ่านออกไปจากเครื่องทำสวน

                ตอนนั้นเอง ออร์ทิเกสซาร์ก็หัวเราะ

                “หึหึหึ นี่คือความหวังของเจ้ายังไงล่ะสิงห์ เจ้าได้คาดหวังว่าจะทำลายเหล่านักแสดงของข้าได้อย่างง่ายดาย งั้นก็ทำซะสิมันเป็นความจริงแล้ว ลองทำดูสิ แล้วเจ้าจะได้สนุกกับละครสัตว์ของข้า”

                เป็นไปอย่างที่นึกเอาไว้พวกสัตว์เทวะที่มันเสกออกมาจะต้องมีอะไรอย่างแน่นอน

                “หรือว่าเจ้าพวกสวะนั่นจะมีความสามารถที่จะทำงานเมื่อตายอย่างนั้นสินะ”

                แฟรนเซียมลองคาดเดาดู หากอีกฝ่ายอยากให้ทำลายมันคงเป็นอื่นไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น...

                แค่ทำลายจากระยะไกลๆ ก็พอจะเป็นความสามารถประเภทลากคนฆ่าไปตายด้วยถ้าอยู่ไกลก็ไม่มีปัญหาหรือถึงจะเป็นความสามารถพลิกแพลงแบบอื่นๆ ก็คงทำอะไรเครื่องทำสวนด้วยกันไม่ได้อยู่ดี

                “…”

                ตอนที่กำลังประเมินศัตรูอยู่นั่นเอง ฝูงซัลฟูลเรี่ยนทั้งห้าตัวก็บุกเข้ามา พวกมันรวดเร็วมากเสียจนบังคับเครื่องทำสวนให้หลบพ้นกรงเล็บทั้งหมดไม่ได้

                ปีกเหล็กของเครื่องทำสวนถูกฉีกออกไปส่วนหนึ่งทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้

                เครื่องทำสวนที่มีพลังป้องกันไร้เทียมทานขนาดที่ว่ามนุษย์หรือมนุษย์ต่างดาว หรือต่อสหัใช้ปีศาจก็ยังแตะต้องแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่กลับถูกสัตว์เทวะที่อ่อนแอนั่นทำให้เป็นแผล

                ดูท่าสัตว์เทวะพวกนี้จะมีจุดเด่นเรื่องพลังโจมตี แตกต่างจาก ‘อัศวินแห่งจุดจบ’ ที่เครื่องทำสวนรูปม้าดีเซมแมร์เคยเรียกออกมา อันนั้นคงเด่นเรื่องพลังชีวิต สัตว์เทวะที่เครื่องทำสวนเรียกออกมาได้คงจะมีลักษณะเฉพาะต่างกันออกไป

                ถ้าอย่างนั้นจะทำลายพวกมันเสียเลยก็น่าจะไม่มีปัญหา ถ้าเจ้าพวกนี้เหมือนกับอัศวินแห่งจุดจบของดีเซมแมร์ ถึงทำลายไปก็คงแค่สร้างขึ้นมาใหม่ น่าจะมีอยู่แค่นั้น

                เมื่อแฟรนเซียมตัดสินใจแล้วว่าจะทำลายกลุ่มสัตว์เทวะเหล่านั้น ก็มีจรวดมิสไซล์วิ่งตัดหน้าเครื่องทำสวนของตน มิสไซล์เข้าปะทะกับสัตว์เทวะตัวหนึ่งแล้วระเบิดมันให้หายไปในพริบตา

                ตอนนั้นเองหน้าจอระบบก็เปิดขึ้นข้างๆ แฟรนเซียมที่นั่งอยู่ภายในค๊อกพิทของเซปทรูสตาร์ ปลายสายคือรูบิเดียม

                ‘ให้ช่วยไหม’

                แฟรนเซียมเหลือบสายตาที่เชื่อมต่อกับเซนเวอร์ของเครื่องทำสวนมองไปยังทิศที่มิสไซล์พุ่งขึ้นมาจากทะเล

                ที่นั่นมีอากาศยานรูปร่างคล้ายเรือยาวประมาณสี่กิโลเมตรสูงสี่ร้อยเมตร ยานแกรนด์ครุยเซอร์นั่นเอง กำลังลอยลำอยู่เหนือผืนทะเลที่ตอนนี้มีมนุษย์ต่างดาวอาชีพสเปเชียลลิสต์ ที่บิลด์คลาสเป็นอควาฟอร์สกระจุกตัวตั้งค่ายโจมตีกันอยู่ข้างใต้ยาน

                อควาฟอร์สคือ ทหารเรือแห่งโลกที่ล่มสลาย ทักษะการต่อสู้ สกิล และอาวุธจะมุ่งเน้นไปที่การใช้อาวุธล้ำสมัยและการต่อสู้ทางน้ำจะได้เปรียบเป็นอย่างมาก บิลด์คลาสอาชีพนี้สามารถทำให้คนยืน วิ่ง หรือไถลไปบนผืนน้ำได้ ควบคุมคลื่นและกระแสน้ำอย่างเชี่ยวชาญตามรูปแบบของอาบีพสเปเชียลลิสต์ที่เน้นการต่อสู้แบบยึดครองพื้นที่จึงมีคลาสแตกแขนงออกไปตามรูปแบบสมรภูมิ คือแอเรียฟอร์สที่ถนัดบนพื้นดิน และ แอร์ฟอร์สที่ถนัดรบบนท้องฟ้า

                สเปเชียลลิสต์นั้นเป็นคลาสที่ค่อนข้างจะพิเศษเหมือนกับซัมมอนเนอร์ เพราะมีแต่มนุษย์ต่างดาวเท่านั้นที่จะเลือกเป็นอาชีพนี้ได้ มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยโปรแกรมที่ซีเซียมกำหนดเอาไว้ แต่หลังจากแพทอัพเดทครั้งล่าสุดมันก็ไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยเผ่าพันธุ์อีกต่อไป

                มีคนอื่นที่มีสิทธิ์ในการควบคุมคะบบของเกมเหนือกว่าซีเซียมหรือซีลอร์ดเข้ามาจัดการระบบตรงนั้น…แฟรนเซียมสรุปได้อย่างนั้นและเขาก็คิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่มอบนรสิงห์และชะตากรรมของผู้ถูกเลือกมาให้

                คนผู้นั้นเรียกตัวเองว่า ‘แอดมินิสเทรเตอร์’ แล้วก็แสดงพลังที่ยอมรับไม่ได้ออกมาต่อหน้าตน เปลี่ยนแปลงชะตากรรมที่จะต้องตายอยู่ในเมืองปิดตายซึ่งทำการทดลองแอพพลิเคชั่นปีศาจให้กลายมาเป็นแบบปัจจุบันนี้

                “ฝากจัดการทีฉันจะไปแยกส่วนเจ้าเครื่องมีปัญหานั่น”

                แฟรนเซียมตอบคำถามของรูบิเดียมที่ปลายสายติดต่อ

                ‘งั้นการทดลองก็ล้มเหลวสินะ’

                เสียงของรูบิเดียมค่อนข้างผิดหวังดังมาจากหน้าจอ

                “แค่แมลงตัวเล็กน่ะ ถ้าเอามันออกก็ประกอบกับไปใช้ได้ใหม่”

                ‘งั้นแปลว่าจะทำลายมีนาที่อยู่ในนั้นไปเลยเหรอ’

                “เก็บแบบแปลนไว้แล้วนี่ค่อยสร้างใหม่ก็ได้”

                ‘นายนี่มันใจร้ายจริงนะ’

                “ถ้าสงสารก็เข้าไปช่วยเองสิ”

                ‘แค่เสียดายฟันเฟืองต้นแบบที่อุตส่าห์ค้นคว้ามานานน่ะแต่เอาเถอะของที่เสียแล้วก็คงต้องปล่อยไป’

                แฟรนเซียมตัดสายไปแค่นั้นแล้วบังคับเครื่องทำสวนบุกเข้าไปหาออร์ทิเกสซาร์โดยไม่สนใจพวกสัตว์เทวะ

                ถ้าดูจากที่มีพวกมันตัวหนึ่งโดนฆ่าไปแล้วแต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็น่าจะไม่มีอะไรอีกแล้ว การคาดการณ์ก่อนหน้านี้คงจะคิดมากเกินไป

                แฟรนเซียมสรุปอย่างนั้นแล้วเงื้อกรงเล็บของเครื่องทำสวนพร้อมกับพุ่งโฉบลงไปหมายจะกระชากคอของออร์ทิเกสซาร์ให้หลุดจากบ่า

                แต่ออร์ทิเกสซาร์ก็แยกเขี้ยวเตรียมจะขย้ำกรงเล็บไปพร้อมกับขาของเขาเช่นกัน ดังนั้นแฟรนเซียมจึงถอดใจแล้วหักลำทะยานกลับขึ้นไปพร้อมบังคับเครื่องให้ตีลังกากลางอากาศ

                “โซเดียราโอ!”

                แล้วร่ายชื่อสกิลที่มีแต่เครื่องทำสวนที่ใช้ได้ยิงลำแสงสีแดงออกจากดวงตาของเซปทรูสตาร์ทั้งที่กลับหัวอยู่

                ลำแสงสองสายพุ่งลงไปยังที่ราชสีห์ตัวตลกยืนอยู่

                ออร์ทิเกสซาร์หันหน้าเผชิญลำแสงนั้นอย่างไม่เกรงกลัว…อันที่จริงแฟรนเซียมก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะทำอะไรเพราะก่อนหน้านี้มันได้แสดงให้เห็นแล้วว่าแผงคอของมันสามารถสร้างบาเรียป้องกันโซเดียราโอที่เขายิงไปก่อนหน้านี้ได้

                แล้วมันก็กำลังจะทำแบบนั้นอีกจริงๆ

                กางแผงคอออกแล้วยืนรับหน้าตาชื่นมื่น มองเห็นมันทำสีหน้าแบบนั้นขึ้นมาแวบหนึ่งทั้งที่เป็นเหล็กแข็งๆ ทั้งแท่งแบบนั้นแต่ก็ยังจับความรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายขี้เล่นขนาดไหน

                กลายเป็นหินไปซะเถอะ

                แฟรนเซียมกล่าว

                เขาได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้วว่าอีกฝ่ายจะไม่หลบ โซเดียราโอเป็นเพียงนกต่อเท่านั้นของจริงคือหลังจากนี้

                เซปทรูสตาร์ที่แฟรนเซียมบังคับอยู่เปล่งแสงสว่างออกมาจากทั่วทั้งร่าง จากนั้นแสงก็รวมกันแล้วยิงออกไป แสงสว่างอาบใส่ร่างของออร์ทิเกสซาร์ไปพร้อมกับกำแพงที่กำลังต้านโซเดียราโอแล้วเปลี่ยนทุกสรรพสิ่งในบริเวณนั้นให้กลายเป็นหินปูนไปทั้งหมด

                ชนะแล้ว... วินาทีที่คิดแบบนั้น ออร์ทิเกสซาร์ที่กลายเป็นหินไปแล้วก็ขยับตัวและลอกคราบหินปูนออกไปจากตัวมันโดยสลัดหลุดอย่างง่ายๆ

                “เสียใจด้วยนะลำแสงกลายหินของเซปทรูสตาร์มีไว้เพื่อจับกุมศัตรูดังนั้นจึงใช้กับเครื่องทำสวนด้วยกันไม่ได้ เดิมพวกเราก็ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกันตั้งแต่แรกแล้ว

                ออร์ทิเกสซาร์พูด

                ส่วนโซเดียราโอน่ะถ้าพลังแรงกว่านี้อีกหน่อยคงเจาะม่านพลังของข้าเข้ามาได้อยู่หรอกแต่ว่าสิงห์ เจ้าที่ใช้ฟันเฟืองแบบครึ่งๆกลางๆ แบบให้พอยังประคองสติไว้ได้มันทำให้มีพลังไม่พอเจ้าไม่ได้เข้าใจแก่นแท้ของโซเดียหรือแม้แต่คิดจะขับมันออกมาใช้งานเอาเสียเลย

                เรื่องที่มันพูดมาคงหมายถึงอนุภาคสีทองที่ล่องลอยอยู่รอบตัวมัน สัตว์เทวะที่สร้างจากเครื่องทำสวนล้วนกลั่นตัวมาจากอนุภาคเหล่านั้น

                นั่นคือโซเดียที่ว่าอย่างงั้นเรอะ

                แฟรนเซียมกล่าว

                นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างเจ้ากับข้ายังไงล่ะ

                ออร์ทิเกสซาร์พูด ระหว่างนั้นเองพวกสัตว์เทวะที่กำลังถูกพูดถึงก็เข้าปะทะกับกองกำลังที่รูบิเดียมนำมา

                มีมิสไซล์อีกหลายนัดที่ยิงตามมาหลังจากนัดแรกฆ่าได้ตัวหนึ่งแต่นัดหลังจากนั้นพลาดเป้าทั้งหมดเพราะสัตว์เทวะเคลื่อนที่อย่างระมัดระวังมากขึ้นและรุกเข้าไปใกล้ยาน หน่วยอควาฟอร์สที่ตั้งกระบวนทัพรออยู่จึงออกมาต่อสู้

                แต่ละคนไถลเท้าไปตามคลื่นที่บังคับด้วยสกิลเคลื่อนที่เป็นฟอร์เมชั่นล้อมจัดการสัตว์เทวะทีละตัว

    โดยหนึ่งตัวจะใช้ห้าคนจากนั้นจึงใช้สกิล ไซเฟอร์โปรเจคชั่น สร้างร่างแยกที่โปร่งใสราวกับภาพฉายออกมาเพิ่มจนกลายเป็นสิบคนแล้วเข้าโจมตีจากทุกทิศทางด้วยอาวุธที่เป็นหอกกับสามง่ามแตกต่างกันออกไปตามแต่ละคน

                ด้วยฟอร์เมชั่นนั้นมีเพียงสองกลุ่มที่ทำสำเร็จสามารถปลิดชีพสัตว์เทวะได้โดยไม่บาดเจ็บแต่อีกสามกลุ่มล้มเหลวและถูกฆ่าตายหมดในการตวัดกรงเล็บเพียงครั้งเดียวเจ้าพวกนั้นก็กลายเป็นก้อนชิ้นเนื้อลอยเท้งเต้งอยู่บนทะเลไปในทันที ทะเลแทบจะถูกย้อมเป็นสีแดงจากเลือดของมนุษย์ต่างดาวสิบห้าตนที่ถูกฆ่าไป

                ในตอนนั้นเองดาดฟ้ายานแกรนด์ครุยเซอร์ก็ขยับเปิดออก มียานที่เหมือนกับเครื่องบินไอพ่นทะยานออกมาด้วยกันสิบลำพวกมันไล่ตามสัตว์เทวะที่ยังเหลือรอดแล้วจู่โจมด้วยปืนกลแก็ตลิ่ง

                นั่นคือหน่วยแอร์ฟอร์สที่เชี่ยวชาญการขับยานบินซึ่งคราฟขึ้นมาด้วยสกิลกับวัตถุดิบ ถ้าจะให้พูดแล้วยานบินก็เหมือนเป็นอาวุธอย่างหนึ่งของแอร์ฟอร์สนั่นเอง

                สัตว์เทวะตัวหนึ่งถูกตีขนาบจากทั้งสองด้านซ้ายกับขวาและถูกยิงจนพรุนก่อนจะระเบิดตัวแตกเป็นไอควันสีเขียวฟุ้งไปทั่วทั้งท้องฟ้าในบริเวณนั้นเนื่องจากตัวมันเป็นก๊าซกำมะถันทั้งร่าง

                ทัศนวิสัยจึงย่ำแย่ขึ้นมาในทันที จึงมีเครื่องหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อคมเขี้ยวของสัตว์เทวะตัวสุดท้าย

                ยานบินถูกกัดขนาดกลางลำแต่ผู้ที่ขับอยู่ข้างในก็สละยานออกมาได้ทันพร้อมกับติดเครื่องไอพ่นแบบสะพายเป้บินหาจังหวะจากนั้นจึงใช้ปืนอาร์พีจียิงใส่สัตว์เทวะตายในนัดเดียว

                หากเป็นมนุษย์ธรรมดาคงโดนแรงสะท้อนผลักกระเด็นตกน้ำไปแล้วแต่กับมนุษย์ต่างดาวเรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามแค่สู้กับสัตว์เทวะห้าตัวยังเสร็จไปสิบห้าตนแถมเสียกำลังรบหลักอย่างแอร์ฟอร์สไปเครื่องหนึ่งด้วย

                โดนฆ่าไปห้าตัวสินะ

                เสียงของออร์ทิเกสซาร์ดังขึ้นอย่างแฝงเลศนัย มันหัวเราะเหมือนกลั้วเสียงอยู่ในลำคอ

                ไฟสีฟ้าพวยพุ่งออกมาจากร่องลายพาดกลอนบนหลังทีละปล่องๆ จนครบทั้งห้าปล่อง

                เครื่องทำสวนแยกเขี้ยวอ้าปากกว้าง กางแผงคอแล้วเริ่มหมุนมันอย่างรวดเร็ว

                อนุภาคสีทองที่ล่องลอยอยู่รอบๆ กลั่นตัวเป็นวงแผงคอและหมุนกวัดแกว่งส่งเสียงหึ่งเหมือนเสียงผึ้งกระพือปีกออกมา เสียงทยอยดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับนับถอยหลังอะไรบางอย่าง

                โซเดียแมททีเรียลเกย์เซอร์ โอเวอร์ไดรฟ์!!”

                กว่าที่แฟรนเซียมจะรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้นคลื่นบ่วงเพลิงจำนวนหกเส้นก็พุ่งจากวงแหวนกับแผงคอของออร์ทิเกสซาร์ตรงออกไปทางทะเล เป็นทิศทางที่ตรงกันข้ามกับจุดที่ตัวเขาอยู่

                คลื่นบ่วงเพลิงสร้างเสาไฟทิ้งไว้เป็นทางจากนั้น ออร์ทิเกสซาร์ก็หันหน้าไปทางซ้ายแล้วพ่นลำแสงสีแดงพร้อมกับลากลำแสงนั่นเข้าหาแนวของเสาเพลิงทำให้เกิดระเบิดต่อเนื่อง

                เสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาท

                แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

                ไอควันกระจายตัวไปทั้งสนามรบบดบังทัศนวิสัยทั้งหมด

                สิ่งที่แฟรนเซียมมองเห็นผ่านเซนเซอร์ของเครื่องทำสวนที่มองข้ามหมอกควันเหล่านั้นไปคือทะเลที่ถูกเผาจนแทบจะเหือดแห้ง

     

    ***อาทิตย์นี้ยังคงอยู่ในช่วงปรับตัวกับการกลับไปยังตารางเวลาเดิมทำให้ไรท์ยังแบ่งเวลามาเขียนไม่ค่อยพอเท่าไหร่(บวกกับงานราชแม่มเข้ามารัวๆ ช่วงท้ายปีแล้วด้วยอีก เห้อม) สำหรับสุดสัปดาห์นี้ไรท์จะพยายามเคลียเรื่องพล็อตที่ยังวางไม่ครบให้หมดแล้วเริ่มเขียนกักตุนต้นฉบับซํกทีละครับอาทิตย์หน้าอาจจะกลับมาอยู่ในเรท 10 หน้าต่อตอนได้เหมือนเดิม โอเมก้า!! เจอกันใหม่วันจันทร์หน้านะคร้าบบ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×