คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ll THE WIZARD ll Chapter 14
THE WIZARD 14
แสงแดดในยามเช้าของฤดูหนาวช่างเป็นอะไรที่สดชื่นสำหรับกายสูงที่นอนอยู่บนเตียงนุ่มซะเหลือเกิน พลันได้นึกถึงคนรักที่อยู่ในอ้อมกอดทั้งคืนก็อดจะยิ้มออกมาเสียไม่ได้ หากแต่นั่นก็เป็นได้แค่ความคิดเมื่อมือหนาควานหาคนตัวเล็กข้างกายกลับไร้วี่แววของร่างนั้นจนรู้สึกใจหาย
นัยน์ตาคมเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะหันใบหน้าหล่อไปด้านข้างเพื่อมองหาอีกคน เพิ่งรู้ว่าตนเองนั้นนอนอยู่บนเตียงคนเดียวไร้ซึ่งเงาของคนรัก คิดได้แค่นั้นกายสูงจึงรีบเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนในทันทีเมื่อรู้สึกไม่ชอบมาพากล
“เลย์! อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า?” เสียงทุ้มตะโกนถามออกไปพลางขายาวก็รีบเดินไปดูยังที่หมายอย่างรวดเร็ว ไม่อยู่ในห้องน้ำแล้วเลย์ไปไหน
“เลย์! นายอยู่ไหน?”
ตะโกนออกไปอีกครั้งอย่างร้อนรน ถึงแม้จะรู้ว่าอีกคนไม่อยู่ในห้องก็ตาม หากแต่ก็ยังจะถามอยู่แบบนั้นเพื่อความมั่นใจ แววตื่นตระหนกฉายให้เห็นอย่างชัดเจนบนใบหน้าหล่อ ใจไม่ดีเมื่ออีกคนหายไปเสียเฉยๆ ไม่รอช้าคริสจึงรีบปรี่ออกจากห้องเพื่อตามหาคนรักในทันที
“เห้ย! ตกใจหมด นายจะรีบไปไหนวะคริส?” ชางมินสะดุ้งโหยงก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนเป็นน้องที่วิ่งพรวดพราดออกมาจากห้องทำเอาตกอกตกใจไปหมด
“แม็ก นายเห็นเลย์ไหม เลย์อยู่ไหน?” ไม่ได้ตอบคนเป็นพี่ชายเลยสักนิด คริสก็สวนคำถามไปให้อีกคนอย่างไม่รีรอ ร้อนอกร้อนใจจนไม่รู้จะควบคุมตัวเองอย่างไรเมื่อคนรักหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
“อ้าว นี่นายไม่รู้หรอกหรอ? เลย์กลับบ้านไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ก็สอบวัดระดับเสร็จทางโรงเรียนเลยอนุญาติให้กลับไปพักผ่อนได้สองอาทิตย์” ใบหน้าคมของคนเป็นพี่ชายส่ายไปมาอย่างรู้สึกเพลีย เป็นแฟนกันแท้ๆแต่ก็ไม่คิดจะคุยกันเอง
“ทำไมไม่คิดจะบอกกันเลยนะ” คริสพึมพำกับตัวเองอย่างรู้สึกน้อยใจ อย่างน้อยจะไปก็ควรจะบอกหรือไม่ก็จดโน๊ตทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าก็ยังดี เล่นหายไปแบบนี้คนที่รักแฟนมากอย่างคริสมีหรือจะทำใจได้
“นายก็รีบๆแล้วกัน พ่อจะมารับแล้ว... อะ! ของที่ลืมไว้เมื่อวาน” พูดเสร็จชางมินก็ยื่นถุงกระดาษสีดำที่น้องชายได้รับจากคริสตัลไปให้ตรงหน้า รู้อยู่แล้วว่าคริสต้องลืมเลยถือติดมือเอากลับมาจากร้านเหล้าให้อย่างจำใจ
“อือ ขอบใจ” เอ่ยแค่นั้นก็เดินเข้าห้องไปโดยไม่คิดจะสนใจคนเป็นพี่อีกเลย พลันในสมองก็คิดถึงแต่คนตัวเล็กหน้าหวาน นึกน้อยใจไม่หายทั้งยังคิดถึงมากอย่างที่ไม่เคยเป็น ก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่เห็นหน้ากันแค่วินาทีเดียวก็เหมือนใจจะขาดซะให้ได้เลย
...THE WIZARD…
“ไคอ่า ตื่นได้แล้ว ลงไปหาอะไรทานกัน” เสียงหวานเอ่ยบอกคนรักที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียง มือเล็กยกขึ้นเขย่ากายหนาของอีกคนหวังปลุกในตื่นขึ้นมาด้วยกัน หากแต่ก็ไม่เป็นผลเลยสักนิดเมื่อไคก็เอาแต่นอนนิ่งทั้งยังหลับลึกจนคนปลุกเริ่มจะโมโหขึ้นมาเสียแล้ว
“……………………….”
“จะตื่นไม่ตื่น ถ้าไม่ตื่นฉันจะกลับบ้านไปก่อนแล้วนะ!” เมื่อเริ่มทนไม่ไหว ดีโอจึงเอ่ยขู่คนรักที่นอนอยู่บนเตียงอย่างหัวเสีย ปลุกยากปลุกเย็นยิ่งกว่าอะไรดี
“โอเค ตื่นแล้วครับๆ” พูดเสร็จไคก็รีบเด้งตัวลุกจากที่นอนอย่างรวดเร็ว ไม่วายตื่นดีก็อ้าแขนไปกอดคนตัวเล็กเข้ามาแนบกายอย่างออดอ้อน
“ตื่นแล้วก็รีบไปอาบน้ำสิ จะได้ไปหาอะไรรองท้องก่อนกลับบ้าน” เมื่อเห็นอีกคนเอาแต่อ้อน ดีโอจึงพลักกายหนาออกไปให้ห่างพลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงในทันที อยู่ใกล้ไม่ได้เลย เปลืองตัวตลอด
“จะทำตามเดี๋ยวนี้แหละครับ รอแปบนึงนะ” พูดแค่นั้น ไคก็ลุกขึ้นตามคำสั่งของคนรักโดยไม่อืดอาด ก่อนจะพาร่างของตัวเองให้เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการกับร่างกายในทันที ชักช้าไม่ได้เลยเดี๋ยวจะโดนดีเอา
.
.
.
ร่างของคนทั้งสองเดินลงมาจากหอดราก้อนได้สักพักแล้ว หากแต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาอะไรทานกันดี เดินไปที่แคนทีนของโรงเรียนร้านรวงก็ปิดกันหมดเนื่องจากเป็นวันหยุด ทั้งคู่จึงต้องจำใจเดินออกไปหาอะไรทานที่นอกโรงเรียนแทนอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งไคและดีโอเดินเข้าไปในร้านอาหารที่บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบทั้งยังมีแมกไม้นานาพันธุ์ชวนให้รู้สึกสดชื่นขึ้นไปอีก ตื่นตาตื่นใจเมื่อมองไปรอบๆร้านที่ตกแต่งแบบสไตล์เวทมนต์ก็ถึงกับอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ทั้งน่ารักและเชิญชวนให้เข้ามาใช้บริการเหลือเกิน
“ว้าว น่ารักมากเลย” เสียงหวานพึมพำกับตัวเองพลางดวงตากลมก็สอดส่ายไปทัวทั้งร้านอย่างสนอกสนใจ
“ชอบไหม?” ไคเอ่ยถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กที่ดูจะแสดงออกอย่างชัดเจนแบบนั้น ก็อดไม่ได้จะอมยิ้มกับภาพตรงหน้า
“อื้อ”
ดีโอเปล่งเสียงในลำคอตอบกลับไปให้อีกคนก่อนจะโดนเจ้าของผิวสีเข้มรั้งข้อมือให้ไปหาที่นั่งดีๆในทันที พลันมือหนาก็เปิดเมนูสั่งอาหารที่ต้องการอย่างไม่รีรอ
.
.
.
“ทำไมไม่ทานข้าวล่ะ หื้ม?” เมื่อเห็นเมนูที่คนตัวเล็กเลือก ไคก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง มือเช้าแบบนี้ดีโอควรได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนต่อร่างกาย ยิ่งตัวเล็กๆอยู่แล้วไคก็ไม่วายต้องเป็นกังวลกับคนตรงหน้าอยู่เสมอ
“ไม่หิวอ่ะ อยากทานไอศครีมมากกว่า” เสียงหวานตอบกลับไปแค่นั้นก่อนจะเบือนหน้าออกไปมองนอกร้านอย่างไม่สนใจคนรักอีกเลย รู้อยู่ว่าที่อีกคนถามหมายถึงอะไรหากแต่ไม่หิวจริงๆเลยตอบออกไปแบบนั้น
“ตามใจแล้วกัน แต่รู้ไว้เลยนะว่าฉันเป็นห่วง”
“อื้อ ก็รู้แล้วว่าเป็นห่วงแต่มันไม่อยากทานจริงๆนี่นา” ใบหน้าน่ารักยู่ลงก่อนจะหันกลับมายิ้มให้เจ้าของผิวสีเข้มอีกครั้ง ถึงไคจะดูเจ้าชู้และเพลย์บอยไปบ้างแต่ดีโอก็รู้ว่าความจริงใจที่ไคมีให้นั้นเป็นเขาที่ได้มันแต่เพียงผู้เดียว
.
.
.
เพียงไม่นานเมนูที่ทั้งคู่สั่งไว้ก็มาเซริฟ ดีโอถึงกับตาลุกวาวเมื่อของที่สั่งมันน่ากินจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ใช้ชีวิตที่เดอะวิซาร์ดมาก็หลายเดือนหากแต่เพิ่งได้เห็นว่ารอบนอกของโรงเรียนก็มีสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
“อะไรที่มันเป็นเวทมนต์นี่ดูตื่นตาตื่นใจจริงๆเลยนะ” เมื่อเห็นไอศครีมรสโปรดในถ้วย ดีโอก็ไม่วายตื่นเต้นเสียยกใหญ่ แสงวิบวับข้างในทำให้เขาไม่อาจนั่งมองอยู่เฉยได้เลย
แชะ!!!
ไม่รอช้ามือบางจึงลวงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อควานหาเครื่องมือสื่อสาร ก่อนจะนำมันขึ้นมาแล้วเก็บภาพของกินตรงหน้าในทันที
“ทำอะไรน่ะดีโอ รีบทานสิเดี๋ยวก็ละลายหมดหรอก” ไคเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นคนรักที่เอาแต่สนใจไอศครีมตรงหน้าแต่ไม่คิดจะทานมันสักที น่าตีจริงๆ
“ก็ไม่เคยเห็นอ่ะ ขอถ่ายรูปไว้หน่อยดิ สงสัยวันหลังต้องชวนคริสกับเลย์มาด้วยกันซะแล้ว”
“รีบทานได้แล้วน่า เดี๋ยวพ่อนายก็จะมารับแล้วไม่ใช่หรอ?”
“จริงด้วย! กี่โมงแล้วเนี่ย? ลืมไปเลยอ่ะ”
เพียงเท่านั้นใบหน้าน่ารักก็ละจากหน้าจอสี่เหลี่ยมของเครื่องมือสื่อสารในทันที พลันมือเล็กก็รีบตักไอศครีมในถ้วยขึ้นมาทานอย่างรวดเร็วจนไคเองที่มองดูอยู่ก็ถึงกับส่ายหน้าอย่างนึกเอ็นดู ไม่วายยังต้องอมยิ้มกับการกระทำของคนตรงหน้าเสียไม่ได้ เด็กน้อย...
“ทานช้าๆก็ได้ ปากเลอะหมดแล้วเห็นไหม”
เมื่อเห็นครีมวนิลาสีขาวที่เปื้อนอยู่ที่ขอบปากอมชมพูของอีกคน ไคก็ถึงกับกลืนน้ำลายอึกในทันที ก่อนจะช่วยคนตัวเล็กเช็ดมันออกให้อย่างอ่อนโยน หากแต่เช็ดธรรมดาก็คงจะไม่ใช่คนอย่างไค กายสูงค่อยๆลุกขึ้นยืนช้าๆก่อนจะโน้มตัวเข้าไปหาคนตรงข้ามพลันทาบริมฝีปากเรียวทับลงกับกลีบปากอิ่มนั้นอย่างจงใจ ไม่วายดูดกลืนความหอมหวานกลิ่นวนิลาอ่อนๆกลับมาด้วยเต็มๆ
“ไค! ทำอะไรน่ะ?” ดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วพลันเบิกกว้างด้วยความตกใจขึ้นไปอีก จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงในเมื่ออีกคนจูบเขาทั้งๆที่ยังมีคนอยู่ในร้านแบบนี้
“ก็มันเลอะหนิ”
“แล้วทำไมนายไม่ใช้มือเช็ดเล่า”
“เอาตรงๆเลยนะ คือ...ฉันอยากจูบนายเองแหละ” พูดเสร็จ นัยน์ตาสีนิลก็จ้องใบหน้าน่ารักของอีกคนอย่างเจ้าเหล่ พลางปากเรียวก็ยกยิ้มกรุ้มกริ้มจนทำให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถึงกับก้มหน้างุดหลบซ่อนสีระเรื่ออ่อนที่แต้มอยู่บนพวงแก้มใสอย่างนึกอาย
“รีบกินสิจะได้กลับ” คนตัวเล็กเปลี่ยนเรื่องในทันทีเมื่อรู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าหวานยู่ลงอย่างน่ารักก่อนจะแยกเขี้ยวส่งไปให้อีกคนอย่างคาดโทษ
“นายเขินน่ารักจัง ทีหลังทำให้เขินบ่อยๆดีไหมนะ”
“ไคอ่า...รุ่มร่ามกับฉันอีกแล้วใช่ไหม? งั้นฉันขอเพิ่มบทลงโทษแล้วกัน คงไม่ใจร้ายไปนะ?” เมื่อเริ่มรู้สึกว่าเป็นรองอีกคน ดีโอจึงหาเรื่องแกล้งคนผิวเข้มให้รู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับคนอย่างดีโอ
“ง่า ดีโออ่า ไคคนนี้ขอโทษ เขายอมตัวเองแล้วนะอย่าเพิ่มบทลงโทษเลย แค่นี้เขาก็ทรมานจะแย่อยู่แล้ว” ใบหน้าหล่อทำท่าจะร้องไห้อยู่ลอมล่อ จนดีโอที่มองดูอยู่ก็ถึงกับหัวเราะร่าอย่างนึกสะใจ ก่อนจะตักไอ้ติมในถ้วยของตนเองแล้วยัดเข้าไปในปากของคนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้
“สมน้ำหน้า! ทานเข้าไปจะได้ไม่ต้องพูดอีก”
…THE WIZARD…
ร่างบางที่นอนแกว่งขาอยู่บนเตียงนอนในห้องอันเงียบสงบ กำลังนึกหงุดหงิดที่ตั้งแต่กลับมาถึงที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำจนต้องมานอนหายใจทิ้งอยู่แบบนี้ ทั้งคนเป็นพ่อก็ยังไม่วายปล่อยเขาไว้คนเดียวเพราะต้องไปพบปะกับเพื่อนฝูงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทำให้คนเป็นลูกต้องนอนเหงาเฝ้าบ้านอย่างจนใจถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
“ที่ไปรับกลับบ้านเร็วก็เพราะแบบนี้สินะ เฮ้อ!” เสียงหวานบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างรู้สึกน้อยใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเต็มแรงเมื่อในที่สุดก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนอย่างเคย
ครืด ครืด ครืด ~~~~~
เสียงสั่นเตือนของเครื่องมือสื่อสารทำให้คนตัวเล็กที่นอนเปลี่ยวอยู่บนเตียงต้องหันไปมองด้วยความสงสัย หัวคิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันก่อนมือบางจะเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาดูข้อความที่โชว์หลาโดยไม่แสดงชื่อของปลายทาง ไม่รอช้านิ้วเล็กจึงกดเปิดข้อความนั้นดูในทันที
[เมื่อเช้าทำไมไม่ปลุก?]
เมื่อเห็นข้อความที่ส่งมาเลย์ก็รู้ได้ในทันทีว่าคนๆนั้นเป็นใคร หากแต่ก็อยากจะแกล้งอีกคนเอาซะดื้อๆ มือเล็กจึงรีบกดตอบข้อความกลับไปพลางยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีเมื่ออีกคนกำลังนึกน้อยใจเขาอยู่
[ขอโทษนะครับ ว่าแต่คุณเป็นใคร?]
พิมพ์ข้อความตอบกลับไปก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวบนเตียง ไม่อยากจะคิดว่าใบหน้าหล่อๆพอได้เห็นข้อความของเขาแล้วจะเป็นยังไง
ครืด ครืด ~~
[ถ้าจำไม่ได้ เจอกันครั้งหน้าโดนดีแน่!]
เพียงเท่านั้นเลย์ก็สำนึกได้ว่าคงต้องเลิกแกล้งอีกคนก่อนจะโดนดีอย่างที่ว่า คนเป็นแฟนเขาทำกันแบบนี้หรอวะอยากรู้
“คิดจะขู่รึไง”
[แล้วมีอะไร?]
กดตอบข้อความกลับไปอีกครั้งก็นอนกลิ้งอยู่บนเตียงพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี นัยน์ตาคู่สวยมองจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลาอย่างรอคอย เพียงไม่นานข้อความจากปลายทางก็ส่งกลับมาอีกครั้ง….
ครืด ครืด~~
[คิดถึง]
เพียงเท่านั้น ใบหน้าหวานก็เห่อแดงจนปิดไม่อยู่ ก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นนั่งบนที่นอนในทันที คิดถึง... แนวฟันสวยขบริมฝีปากล่างอย่างชั่งใจว่าควรจะตอบอะไรกลับไปดี แต่พอนึกได้ก็ยกยิ้มอีกครั้งอย่างคนที่เหนือกว่า
[คิดถึงใคร บอกลอยๆ แล้วจะรู้หรอ?]
ครืด ครืด ~~
[คิดถึงแฟน]
สุดท้ายก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบให้กับคนรักอีกจนได้ คริสจะรู้บ้างไหมว่าคนที่อ่านข้อความอยู่แทบจะกู่ก้องร้องตะโกนทั้งยังอยากแหกปากให้รู้ว่าเขินมากแค่ไหน ข้อความตัวหนังสือที่แสนจะธรรมดาหากแต่มันช่างมีผลต่อหัวใจเขาเหลือเกิน
[อะไร? จากกันไม่กี่ชั่วโมงก็คิดถึงซะแล้ว]
ครืด ครืด ~~
[ไม่ว่าจะกี่ชั่วโมงกี่นาที แค่ไม่เห็นหน้านายเพียงวินาทีเดียวฉันก็แทบจะคลั่งแล้ว เพราะฉะนั้น...ลงมาหาหน่อยสิ]
อ่านข้อความจบหัวใจก็เต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ เหมือนมีบางสิ่งที่กำลังส่งเสียงตึกตักอยู่ที่หน้าอกด้านซ้ายจนแทบจะหลุดออกมา พลันอีกใจก็จะอยากจะอ้วกกับข้อความเลี่ยนๆที่คนรักส่งมาให้ซะเหลือเกิน ว่าแต่คริสมาหาเขาหรอ รู้ได้ยังไงว่าบ้านเขาอยู่ที่นี่
ไม่รอช้า เลย์จึงรีบลุกขึ้นยืนพลันวิ่งไปดูที่หน้าต่างห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นใบหน้าหล่อที่เห็นทีไรก็ใจเต้น มองขึ้นมาที่หน้าต่างของห้องเขาอย่างรอคอย กายสูงที่กำลังยืนเก็กพิงกับรถสปอร์ตคันหรูสีแดงทั้งที่อากาศหนาวขนาดนั้นทำให้เลย์ต้องยู่หน้าอย่างนึกหมั่นใส้
“เท่มากสินะ ชิส์!”
.
.
.
.
.
“นายรู้ได้ยังไงว่าบ้านฉันอยู่ที่นี่ แล้วเบอร์โทรศัพท์เอามาจากไหน?”คนตัวเล็กเดินออกมาจากบ้านพลันหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนตัวสูงก็เอ่ยถามทันทีเมื่อรู้สึกคล่องใจ
“นี่เป็นประโยคแรกที่คนเป็นแฟนเขาทักกันหรอ?” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะยกยิ้มมุมปากไปให้อีกคนอย่างรอคอยคำตอบ เล่นมาถึงก็โถมคำถามใส่เลย งอนบ้างดีไหมเนี่ย
“อย่ามาลีลา ตอบมาซะดีๆ”
“นายเนี่ยน้า ฉันก็บอกนายไปหลายครั้งแล้วว่าไม่มีเรื่องไหนเกี่ยวกับนายที่ฉันไม่รู้” เสียงทุ้มเอ่ยเสร็จก็ไหวไหล่น้อยๆทำเป็นไม่สนใจ คิดว่าดูดีสินะ
“เฮ้อ! ช่างมันเถอะ ถามไปก็ไร้ประโยชน์” เลย์ถอนหายใจออกมาจนเต็มแรงก่อนจะกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยใจ รู้สึกว่าคุยกับคริสทีไรแล้วเสียพลังงานไปเยอะทุกที มันจะอ้อมโลกไปถึงไหน
“คิดถึง”
เป็นอีกครั้งที่คริสพูดออกมาให้คนตรงหน้าใจสั่นเล่น ก่อนจะเอื้อมมือไปโอบรอบเอวบางให้เข้ามาแนบกายทั้งยังคงนั่งพิงรถคันหรูอยู่เหมือนเดิม ขายาวอ้าออกเล็กน้อยเพื่อให้อีกคนเข้ามายืนได้อย่างถนัดก่อนลำแขนเรียวทั้งสองข้างจะกระชับคนในอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก
“บอกบ่อยไปหรือเปล่า? อ่านข้อความก็รู้แล้ว”
“ก็บอกเพราะรอฟังคำคิดถึงของใครบางคนอยู่น่ะสิ แต่...ดูเหมือนฉันจะคิดถึงเขาฝ่ายเดียวซะแล้ว” เสียงทุ้มบ่นค่อนขอดก่อนจะจ้องลึกลงไปในตาคู่สวยของอีกคนอย่างไม่คิดจะหลบหนี
จุ๊บ!!
ไม่รอช้ากลีบปากสวยก็กดลงจุมพิตกับริมฝีปากเรียวของอีกคนเบาๆก่อนจะรีบผละออกอย่างรวดเร็ว ไม่วายต้องรีบก้มหนางุดหลบซ้อนอาการร้อนรุ่มในกายทั้งๆที่อากาศหนาวเย็นขนาดนี้
“แทนคำว่าคิดถึงได้รึเปล่า?” ไม่ทันได้คิดก็พูดมันออกไปซะแล้ว ให้ตายเถอะหน้าอายเป็นบ้า
“น่ารัก”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจะยกยิ้มอย่างพอใจ พลันก็ให้ของขวัญอีกคนโดยการจุมพิตกลับไปเหมือนอย่างที่คนตัวเล็กทำ
“หนาวรึเปล่า?” เมื่อเห็นจมูกโด่งเริ่มขึ้นสีแดงอ่อนๆเลย์จึงเอ่ยถามคนรักด้วยความเป็นห่วงก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นทาบที่แก้มกร้านของอีกคนหวังให้ความอบอุ่นได้บ้าง
“แค่ได้กอดนายก็หายหนาวแล้ว” ตอบกลับไปก็ฉวยโอกาสหอมแก้มนิ่มเข้าไปฟอดใหญ่ ได้นิดเอาหน่อยพอเป็นพิธี
“เยอะ! ….เข้าบ้านกันก่อนเถอะ” พูดเสร็จมือเล็กก็กุมมือของคนรักพลางจูงให้เดินเข้าบ้านไปด้วยกันในทันที ไม่วายสถานที่ที่คลุกตัวอยู่ด้วยกันก็คงหนีไม่พ้นห้องนอนอีกจนได้ จบแบบนี้ตลอด
.
.
.
เพียงแค่เดินเข้ามาภายในห้อง คนตัวเล็กก็ถอดเสื้อโค้ทตัวหนาออกแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างไม่รีรอ มือบางยกโทรศัพท์ขึ้นกดยิกๆโดยลืมนึกไปเลยว่ายังมีคนรักอยู่ในห้องนอนแห่งนี้ด้วยอีกคน
“เลย์”
“อื้อ”
“เลย์”
“อะไร? ตามสบายเลย” เสียงหวานเอ่ยตอบกลับไปโดยไม่ได้สนใจสีหน้าที่แสดงออกของอีกคนเลยแม้แต่น้อย ม่านตากลมยังคงจดจ้องอยู่ที่เครื่องมือสื่อสารอย่างสนใจ เหมือนกับตกอยู่ในภวังค์นั้นไปแล้วจนคริสเองก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจที่คนหน้าหวานยังเมินเฉยเขาแบบนี้
“ทำอะไรอยู่?” เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกครั้ง พลางขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ชอบใจนัก
“เล่นเกมส์”
“เกมส์มันน่าสนใจกว่าฉันอีกหรอ?” เมื่อเห็นอีกคนยังไม่ละสายตาออกจากหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆนั่น คริสก็ถึงกับน้อยใจอย่างเปิดเผย พลันคิดไว้ว่าถ้าไม่สนใจกันจริงๆต้องโดนดีแน่ๆ
“อย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวตาย” ไม่มีผิดเมื่อเลย์ยังคงไม่สนใจเขาอยู่เหมือนเดิม
ไม่รอช้าเมื่อคนตัวเล็กยังไม่คิดจะสนใจ ขายาวจึงพาตัวเองเดินเข้าไปหาแล้วคร่อมกายบางที่นอนเล่นเกมส์อยู่โดยไม่รีรอ มือหนากุมมือที่ถือโทรศัพท์เครื่องหรูพลางค่อยๆดึงมันออกแล้วนำไปไว้บนตัวเตียง ใบหน้าหล่อโน้มลงหาอีกคนช้าๆจนปลายจมูกโด่งทั้งสองจะแตะกันเบาๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดอยู่ไม่ห่างคริสก็แทบจะอดทนรอไม่ไหว พลันได้เห็นใบหน้าหวานที่ตอนนี้หลับตาปี๋ใกล้ๆ ก็ยิ่งไม่อยากจะปล่อยเวลานี้ผ่านไปเลยจริงๆ
“ฉันมันน่าเบื่อหรอ นายถึงเอาแต่เล่นเกมส์น่ะ หื้ม?” คริสกระซิบถามเสียงแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆโน้มกายลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากเคลือบใสนั้นให้อีกคนได้เขินอายเล่น
“ก..ก็ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่มันไม่มีอะไรทำหนิ” เสียงหวานตอบกลับอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่ออีกคนที่อยู่บนร่างของเขานั้นทำเอาไม่เป็นตัวของตัวเองซะเลย ทั้งยังจุมพิตเมื่อครู่ก็เล่นเอาหัวใจวูบโหวงไปหมด
“ถ้างั้นนายอยากจะทำอะไรล่ะ?” ไม่พูดเปล่ามือหนาก็ค่อยๆสอดเข้าไปในสาบเสื้อของอีกคนช้าๆจนคนใต้ร่างสะดุ้งโหยงเมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่ทำเอาเสียวสันหลังไปหมด ตาสบตาอย่างไม่คิดจะหลบหนี ก็ให้รู้กันไปว่าเขากับเกมส์ในมือถือนั่นอะไรมันจะน่าสนใจกว่ากัน
“คริสอย่า”
“แต่ฉันทนมานานแล้วนะ นายรู้ไหมว่าการที่ฉันอยู่ใกล้ๆนาย ฉันต้องข่มอารมณ์ตัวเองมากขนาดไหน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจะค่อยผละออกช้าๆ แล้วหันหลังพลันหย่อนขาลงจากเตียงหวังตั้งสติตัวเอง ขืนไม่ตัดใจตั้งแต่ตอนนี้คงหยุดมันไม่ได้แน่ๆ
หากแต่เพียงแค่หันหลังกลับ คนตัวเล็กที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วโอบกอดเอวหนาจากทางด้านหลังทันที แนบใบหน้าหวานไปกับแผ่นหลังกว้างเพื่อบอกให้รู้ว่าต้องการอีกคนมากจริงๆ หากแต่แค่กลัวและยังไม่กล้าพอกับเรื่องแบบนี้
“นายทำแบบนี้ฉันจะหยุดมันไม่ได้นะเลย์ ฉันจะทำก็ต่อเมื่อนายต้องการเท่านั้น” ใบหน้าหล่อหันกลับไปพูดกับคนด้านหลัง ก่อนจะทำท่าลุกขึ้นยืนหากแต่อีกคนก็ยังรั้งเอวเขาไว้อยู่เหมือนเดิม จะไม่ไหวแล้วนะ นี่เลย์จะรู้บ้างไหม
“ฉัน...คือฉัน..เอ่อ....”
เอ่ยอ้ำอึ้งได้ไม่นานปากบางก็โดนครอบครองจากอีกคนในทันที คริสกดจูบอย่างให้รู้ว่าควบคุมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว หากแต่สัมผัสที่มอบไปให้คนตัวเล็กก็ยังอ่อนโยนเหมือนอย่างเคย เลย์เองที่เหมือนจะตั้งตัวไม่ทันก็ไม่ได้เอะอ่ะอะไรทั้งยังยกแขนเล็กคล้องลำคอแกร่งของอีกคนโดยไม่รู้เลยว่าการกระทำแบบนี้มันเป็นการเชื้อเชิญอีกฝ่าย
กายสูงโถมเข้าหาอีกคนพลางออกแรงดันกายเล็กให้นอนราบลงไปกับเตียงนุ่มพร้อมกับริมฝีปากก็ทำหน้าที่ของมันไปไม่ให้ขาด ผละออกมาก็จูบพรมไปตามสันกรามสวยอย่างช้าๆ ไล่ลงไปถึงซอกคอขาวก็ทำรอยสร้างความเป็นเจ้าของให้รู้ว่ากายนี้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว สูดดมความหอมทุกซอกทุกมุมที่ปลายจมูกโด่งลากผ่าน แทบคลั่งเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆประจำกายของอีกคนก็รู้ได้ในทันทีว่าคงหยุดมันไม่ได้อีกแล้ว
“ค...คริส”
เสียงหวานครางออกมาแผ่วเบาเมื่ออีกคนไซร้ไปตามซอกคอสร้างความเสียวซ่านจนยากจะควบคุม กายเล็กสะดุ้งน้อยๆเมื่อมือหนาแตะสัมผัสผิวกายเนียนละเอียด รู้สึกเย็นวาบหวิวเมื่อเสื้อที่สวมใส่อยู่ร่นขึ้นมาจนเผยให้เห็นหน้าอกขาวผ่อง ในขณะเดียวกันกับที่รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากเรียวปากของอีกคนที่พรมจูบไปตามเรือนร่างอยู่ไม่ขาด เนิ่บนาบอ่อนโยนจนคนตัวเล็กเองก็ไม่ปฏิเสธได้เลยว่าต้องยอมอย่างไม่มีข้อแม้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!!!!!!!!!
เสียงก่อกวนทำเอาคนทั้งคู่ถึงกับชะงักกึกโดยอัตโนมัติ ทั้งยังทำเอาเสียอารมณ์จนน่าจะออกไปปล่อยหมัดใส่หน้าคนทำลายความสุขสักสองสามที ก่อนจะเป็นเลย์ที่ค่อยๆหยัดกายขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็วแล้วจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางพลันรีบเดินไปเปิดประตูให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างลุกรน
“จบ! โธ่เว้ย! ค้างไหมล่ะมึง” คริสบ่นพึมพำกับตัวเองหลังจากคนตัวเล็กเดินไปเปิดประตูแล้ว มือหนายกขึ้นขยี้ผมสีบลอนด์ของตัวเองด้วยความโมโห รู้สึกเสียดายจนไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังทั้งยังหงุดหงิดไอ้คนหน้าห้องที่มาไม่รู้จักเวล่ำเวลา
“โอ๊ะรุ่นพี่! มาได้ยังไงครับเนี่ย?” เลย์โค้งน้อยๆให้กับรุ่นพี่หน้าหล่อพลันแปลกใจเมื่ออยู่ๆคนตรงหน้าก็มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ฉันมาผิดเวลาอีกแล้วใช่ไหม? ขอโทษที่รบกวน จะต่อก็ได้นะ” เมื่อเหลือบไปเห็นรอยแดงจางๆที่ซอกคอขาวของรุ่นน้องหน้าหวานชางมินก็ยกยิ้มในทันที รู้ได้เลยว่าคนตรงหน้ากับน้องชายของเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ไวไฟนะไอ้เด็กพวกนี้
“อ..เอ่อ ไม่ใช่ครับรุ่นพี่ ไม่ได้รบกวนอะไรเลยสักนิด แฮ่ๆ” มือเล็กโบกปฏิเสธไปพลางเอ่ยเสร็จก็ยิ้มแหยๆส่งไปให้รุ่นพี่ที่กำลังเข้าใจผิด ไม่สิ! เข้าใจถูกแล้ว
“มาได้เวลาจริงๆเลยนะ แล้วคนอื่นล่ะ?” คริสที่นั่งหงุดหงิดอยู่ในตอนแรกเดินเข้ามาซอนหลังคนรักในทันที ก่อนจะเอ่ยถามคนเป็นพี่ออกไป ไม่วายต้องส่งสายตาเขม่นไปให้จนชางมินจำต้องลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อย่างช่วยไม่ได้ รู้อยู่แล้วว่าทุกคนจะมาที่นี่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้ น่าเสียดายสุดๆ
“ทุกคนรออยู่ที่ดาดฟ้า ต่อเสร็จแล้วก็รีบๆตามไปนะ”
สิ้นเสียงชางมินเลย์ก็ยกมือกุมขมับในทันที หันไปหาคนรักที่ยืนกระตุกยิ้มหล่ออยู่ก็นึกหมั่นไส้จนต้องกระทุ้งศอกเข้าที่เอวของอีกคนอย่างจัง ว่าแต่ทุกคนมาทำอะไรที่บ้านเขา แล้วมาได้ยังไง...
“ฉันทำอะไรผิดอ่ะ? ต่อเลยไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยทีเล่นทีจริง ทำให้เลย์ต้องยกกำปั้นขึ้นทุบต้นแขนของอีกคนจนเต็มแรงอีกครั้ง ไม่วายยังนึกอายที่รุ่นพี่ตัวสูงรู้ทันไปซะหมด
“เพราะนายนั้นแหละ พี่ชางมินจับได้เลยเห็นไหม” ใบหน้าหวานยู่ลงก่อนจะยกมือขึ้นลูบลำคอสวยของตัวเองที่ตอนนี้มันเริ่มขึ้นรอยสีกุหลาบจากเรียวปากของอีกคนอย่างชัดเจน
“ก็อารมณ์มันพาไป”
“ย๊า!! เลิกพูดแล้วไปหาทุกคนเดี๋ยวนี้!” คนหน้าหวานหลับหูหลับตาตะโกนใส่อีกคนก่อนจะรีบพุ่งตัวออกจากห้องไปในทันที ยืนอยู่ก็มีแต่จะเสียความเป็นตัวเอง อยากจะถามไอ้คนหล่อซะเหลือเกินว่ามันรู้สึกอะไรบ้างไหมที่โดนจับได้ แต่แค่นี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่มียางอายเลยจริงๆ
“เลย์! กลับมาคุยกันก่อนดิ ฉันพูดอะไรผิดอ่ะ ก็อารมณ์มันพาไปจริงๆหนิ” เมื่อเห็นอีกคนเดินจากไป คริสก็เดินตามไปติดๆ ไม่วายต้องมีปากเสียงกันไปตลอดทางจนไปถึงชั้นดาดฟ้าของบ้านก็ยังคงต่อล้อต่อเถียงกันจนทุกคนในกลุ่มต้องหันมาที่คนทั้งคู่พร้อมกับเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด
“พวกนายทะเลาะอะไรกันอีกล่ะเนี่ย?” ยูชอนถือโอกาสเอ่ยถามทันทีเมื่อทั้งคู่เงียบเสียงลง กว่าจะหาช่วงเวลาเหมาะๆ เพื่อแทรกถามได้ก็ดูฉากตบตีก่อนหน้านั้นไปยกใหญ่เลยทีเดียว
“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ ก็แค่ค้า......ง”
“เฮ้! พี่ยูชอน มาได้ยังไงครับเนี่ย จะมาทำไมไม่โทรมาบอกกันเลย” ไม่ทันที่คริสจะได้ตอบคำถามยูชอน เลย์ก็โพล่งขึ้นมาขัดจังหว่ะเอาซะก่อน จนคริสที่มองดูอยู่ก็ถึงกับต้องกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยใจ เลย์ไม่คิดจะยอมรับความจริงเอาซะเลย ให้ตายเหอะ
“ก็พ่อนายไปสังสรรค์ที่บ้านฉัน ดูเหมือนคืนนี้จะค้างที่นั่นด้วยนะ ฉันเลยเปลี่ยนบรรยากาศมาที่บ้านนายบ้างไง เห็นนายอยู่คนเดียวฉันก็กลัวว่าจะเหงา” สิ้นเสียงยูชอนใบหน้าหวานก็พยักขึ้นลงเข้าใจในทันที หากแต่ก็ต้องหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเสียงของรุ่นพี่อีกคนแทรกเข้ามาจนต้องหันไปจ้องเขม่น
“พี่ยูชอน ผมว่านะเราคาดเดาผิดแล้วแหละ เลย์คงไม่เหงาอย่างที่คิดหรอก” ชางมินเอ่ยขึ้น ก่อนจะเหลือบตาไปมองคู่รักรุ่นน้องที่เบือนหน้าออกจากกันเพราะมีปากเสียงเมื่อครู่
“อ้อ แสดงว่าคริสมาหาเลย์ก่อนหน้าพวกเราแล้วใช่ไหม? ทำอะไรกันไปบ้างล่ะ” เพียงแค่ยูชอนเอ่ยจบ ใบหน้าหวานก็หันขวั่บไปมองลูกพี่ลูกน้องคนสนิทอย่างคาดโทษในทันที ทำอะไรกัน นั่นมันคืออะไรวะ
“ก็ทำอย่างที่พวกพี่ชอบทำไง” เสียงเรียบของคริสเอ่ยขึ้นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนไคที่นั่งอยู่เงียบๆถึงกับหลุดขำออกมาอย่างเปิดเผย หากแต่คนหน้าหวานที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับก้มหน้ากุมขมับอีกครั้งอย่างรู้สึกเพลีย ไอ้คริสแก...ตอบหน้าตายเลยนะ....
“ผมว่าผมไม่สามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้อีกแล้วครับ ว่าแต่...เห็นรุ่นพี่แจจุงไหมครับ?” เสียงหวานพูดรอดไรฟันถามออกไป ข่มอารมณ์ที่ตอนนี้เริ่มมาคุให้ลดลง อยากจะหายตัวไปจากที่ตรงนี้ซะให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อปากของแต่ละคนมันช่างทำให้เขาหงุดหงิดเสียเหลือเกิน
“อยู่ในครัวกับดีโอแล้วก็จุนซูน่ะ ว่าแต่...นายทำอาหารเป็นกับเขาด้วยหรอ?”
ถึงกับหวืดเมื่อลูกพี่ลูกน้องที่คิดว่าจะเข้าข้างกัน กลับตอบย้ำจนอยากจะบั้นหน้าหล่อๆไปสักทีสองที หันไปหาไคก็เห็นมันเอาแต่นั่งหัวเราะอยู่ท่าเดียว หน้าเสียมากนี่พูดเลย
“ผมทำไม่เป็นหรอกครับ แต่เบื่อขี้หน้าคนแถวนี้” พูดเสร็จก็เดินตึงตังออกไปจากที่ตรงนี้ในทันที จนคริสต้องถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ ถึงจะเป็นแบบนี้แต่คริสก็ยังคิดว่าเลย์น่ารักดี รักเขาหมดทั้งหัวใจแล้วหนิ อีกคนจะเป็นยังไงก็รับได้อยู่แล้ว
.
.
.
คนหน้าหวานเดินลงมาจากดาดฟ้าของบ้านด้วยอารมณ์ที่เต็มไปความหงุดหงิด ตลอดทางที่เดินลงมาก็บ่นงุ้งงิ้งตามประสาเหมือนเดิม นึกโกรธคนตัวสูงที่พูดอะไรตรงเกินไปจนทำให้เขารู้สึกอาย ไม่วายยังเอาเรื่องแบบนั้นไปพูดจนทำให้เขาขายหน้าขึ้นไปอีก
“เป็นอะไรน่ะเด็กน้อย ทะเลาะกับคริสมารึไง?” ไม่ทันจะได้เอ่ยทักทายรุ่นพี่หน้าสวย ก็โดนตั้งคำถามใส่เสียแล้ว ดูเหมือนทุกคนจะรู้ทันเขาไปซะหมด ทำอะไรเดี๋ยวนี้ก็คงไม่ต้องบอกให้ใครรู้แล้วสินะ
“ก็มีปากเสียงกันนิดหน่อยครับ ว่าแต่ทุกคนกำลังทำอะไรอยู่เอ่ย?”
“ทำอาหารสำหรับมือค่ำนี้น่ะ นายอยากช่วยรึเปล่าล่ะ?” เป็นดีโอที่กำลังหยิบเครื่องปรุงมากมายใส่ลงไปในอาหารเอ่ยถาม
“อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ทำอาหารอ่ะ มีให้ฉันทำหรือเปล่า?” เสียงหวานเอ่ยตอบเพื่อนตากลมไปพลางมือเล็กก็ยกขึ้นลูบทายทอยอย่างเขินอาย ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็มีแต่คนเป็นพ่อที่ทำอาหารให้ทานอยู่ตลอด ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะได้ลองทำด้วยตัวเอง
“ถ้างั้นนายไปช่วยพี่ยุนโฮหั่นผักแล้วกัน” จุนซูที่กำลังคนอาหารในหม้อเอ่ยบอกก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิม ไม่วายก็ยังใจดีส่งยิ้มมาให้รุ่นน้องหน้าหวานอย่างเอ็นดู
“โห้ รุ่นพี่ยุนโฮนี่เป็นคนดีจริงๆเลยนะครับ มาช่วยพี่แจจุงทำอาหารด้วย” เสียงหวานเอ่ยชมรุ่นพี่ประธานปราสาทไปอย่างจริงใจ หากแต่พอได้ฟังคำตอบรุ่นพี่ที่ตอบกลับมาก็นึกอยากเปลี่ยนคำชมเมื่อกี้ซะในทันที
“คือ...จริงๆแล้วฉันโดนใช้แรงงานน่ะ”
“ใครใช้นาย?”
“เง้อ ป่าวจะๆ ฉันเต็มใจเอง” เพียงแค่รุ่นพี่หน้าสวยเอ่ยพูดสองสามคำ ประธานปราสาทก็ถึงกับหัวหดจนเห็นแล้วก็นึกขันไม่น้อยแต่ก็ดูน่ารักในเวลาเดียวกัน เห็นคนทั้งคู่แล้วเลย์ก็นึกถึงคนรักขึ้นมาในทันที บางทีก็ควรจะยอมคริสบ้างสักครั้ง
“อ๊ะ!” มัวแต่เหม่อลอยคิดไปไหนต่อไหน มีดที่กำลังหั่นผักอยู่ก็ดันพลาดบาดมือเข้าอย่างไม่รู้ตัว เสียงหวานร้องออกมาอย่างรู้สึกเจ็บเมื่อของมีคมเฉือนเข้าที่ผิวเนื้ออย่างจัง ก่อนจะมีใครอีกคนดึงมือเล็กที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นให้ไปล้างน้ำทันที
“ระวังตัวหน่อยได้ไหม? ทำให้ฉันใจไม่ดีอยู่เรื่อยเลยสิน่า”
คงหนีไม่พ้นคนที่เข้ามาในเวลานี้ก็มักจะเป็นคริสอยู่เสมอ คริสกำลังจะเดินมาง้อขอคืนดีหากแต่อีกคนก็สร้างปัญหาอีกซะหนิ เมื่อเห็นคนตัวสูงที่เข้ามาช่วย นัยน์ตาคู่สวยก็เริ่มร้อนผ่าวเมื่อรู้สึกตื้นตันใจทั้งหยาดน้ำสีใสที่คลอหน่วงอยู่รอบดวงตาก็พร้อมจะทำหน้าที่ไหลออกมาได้อยู่ตลอดทุกเมื่อ แค่ช้อนตาขึ้นมองใบหน้าหล่อของคนตัวสูงกว่าก็พบว่าอีกคนดูจะเป็นกังวลมากกว่าตัวเขาเองซะอีก
“เจ็บมากเลยหรอ?” เมื่อเห็นหยาดน้ำที่ไหลลู่ข้างพวงแก้มอมชมพูของคนรัก คริสก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงในทันที หากเจ็บแทนได้ก็อยากจะเจ็บแทนคนตัวเล็กซะให้รู้แล้วรู้รอดอยู่เหมือนกัน
“…………………..”
ใบหน้าหวานส่ายไปมาเป็นคำตอบให้อีกคนก่อนจะยิ้มบางๆส่งไปให้คนตัวสูงที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาล้างแผลให้เขาอย่างใส่ใจ รักมากแค่ไหนคงไม่อาจบรรยายได้เลยจริงๆ
“คริส นายพาเลย์ไปทำแผลก่อนเถอะ เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเอง” ยุนโฮเอ่ยบอกรุ่นน้องตัวสูง ก่อนทุกคนจะมองตามหลังไปด้วยความเป็นห่วงเมื่อคนทั้งคู่เดินออกจากครัวไปแล้ว หากแต่ไม่นานก็ต้องยกยิ้มเมื่อดูเหมือนคนจะสองจะได้ปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง
คริสเดินออกมาจากห้องครัวเงียบๆก่อนจะเป็นร่างบางที่ก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังมาไม่ห่าง เลย์เดินไปนั่งลงที่โซฟาเพื่อรอคริสที่กำลังไปหยิบกล่องพยายามมาทำแผลให้เขาโดยไม่พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว ไม่วายต้องรู้สึกผิดอีกครั้งที่ทำให้อีกคนเป็นห่วง ไม่รู้ว่ากี่หนแล้วที่ทำเรื่องเล็กน้อยให้เป็นเรื่องใหญ่แบบนี้
“ไหน ขอดูหน่อยว่าบาดลึกหรือเปล่า?” พูดเสร็จคริสก็ค่อยๆเอื้อมมือไปจับมือเล็กของอีกคนขึ้นมาสำรวจดู ก่อนจะถอนหายใจเมื่อได้เห็นเลือดที่ซึมออกมาจากแผลเรื่อยๆ
“…………………………….”
“ลึกเหมือนกันนะเนี่ย เลือดไหลไม่หยุดเลย” มือหนารีบควานหาสำลีในกล่องพยาบาลก่อนจะจุ่มยาฆ่าเชื้อแล้วค่อยๆบรรจงแตะไปที่แผลของอีกคนเบาๆ
“…………………………….”
“ไม่เจ็บนะ?” คริสเอ่ยถามคนรักที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา ก่อนจะได้รับการส่ายหน้าบอกว่าไม่เจ็บเป็นคำตอบจากอีกคน
“ถ้าเจ็บก็บอกแล้วกัน ว่าแต่ไปทำยังไงมีดถึงบาดมือได้ล่ะ หื้ม?”
“ใจลอย”
เลย์ก้มหน้าก้มตาตอบคนตัวสูงไป คำที่ทั้งสั้นทั้งห้วนทำให้คริสต้องเหลือบมองอีกคนอย่างนึกเป็นกังวล นี่คงยังไม่หายงอนกันอยู่แน่ๆ
“เพราะฉัน?”
เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกครั้ง รู้อยู่แล้วว่าอีกคนคงใจลอยเพราะเรื่องของเขาเองแต่ก็ยังอยากถามให้อีกคนพูดมากกว่าคำห้วนๆที่ฟังแล้วไม่เสนาะหู
“ไม่รู้”
“ร้องไห้ทำไม ฉันทำแผลให้เจ็บหรอ?” เมื่อเห็นน้ำตาที่ร่วงแหมะจากใบหน้าสวย คริสจึงเอ่ยถามในทันทีก่อนจะก้มมองดูคนรักอย่างนึกเป็นห่วง หากแต่เลย์ก็ยังคงดื้อส่ายหน้าตอบกลับมาโดยไม่พูดอยู่เหมือนเดิม
“……………………………..”
“มีอะไรจะพูดกับฉันไหม? เราต้องคุยกันนะเลย์” เสียงทุ้มเอ่ยบอกอีกคนก่อนจะค่อยๆเชยคางเล็กนั้นให้เงยหน้าขึ้นมามองกันตรงๆพลางใช้นิ้วเกลี่ยหยาดน้ำสีใสที่ไหลอาบข้างแก้มของคนรักอย่างอ่อนโยน
“ฮึก...แค่..รู้สึกผิด”
“เรื่องอะไร?”
“ฉัน..ฮึก ...ทำให้นายเป็นห่วงอีกแล้ว ทั้งยังทำตัวงี่เง่าอีก มันคงทำให้นายเหนื่อยมากเลยใช่ไหม? ฮึก.. ” พูดแค่นั้นก็ร้องไห้โฮออกมาในทันที จนคริสเองต้องส่ายหน้าให้อีกคนเป็นเชิงบอกว่าอย่าร้อง ก่อนจะโอบกอดกายบางพลางมือหนาก็ลูบหัวทุยเบาๆเพื่อปลอบประโลม ยิ่งได้เห็นแบบนี้แล้วคริสก็ยิ่งปวดใจขึ้นไปอีก
“ฉันเคยบอกหรอว่าฉันเหนื่อย ฉันชอบที่จะเป็นห่วงนายแบบนี้นะเลย์ ...ฉันไม่เคยรู้สึกว่าเบื่อหรือรำคาญที่ต้องคอยดูแลนาย ฉันรักที่นายเป็นนาย จะดีจะเลวยังไงฉันก็ยังรักนายไม่เคยเปลี่ยนใจ เพราะฉะนั้นอย่าคิดมากอีกนะ ฉันเป็นกังวลกว่านายหลายเท่าเลย”
สิ้นเสียงทุ้มใบหน้าหวานก็พยักขึ้นลงอย่างเข้าใจก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดแล้วนั่งดูคริสทำแผลไปพรางๆ เห็นอีกคนใส่ใจขนาดนี้ก็ยิ่งรู้ตัวว่าต้องทำตัวเองให้ดีขึ้นให้ได้ จะไม่งี่เงา จะไม่ซุ่มซ่าม จะพยายามเข้าใจในสิ่งที่อีกคนทำ แต่นั่นมันก็แค่ความคิด เพราะชีวิตจริงก็ไม่รู้ว่าจะทำได้อย่างที่คิดไว้หรือเปล่า
“เสร็จแล้ว ไปหาทุกคนกันเถอะ” เมื่อทำแผลเสร็จ คริสจึงเอ่ยบอกคนตัวเล็กก่อนจะจัดการเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่องพยาบาลทันที พลันลุกขึ้นยืนจะเดินเอากล่องยาไปเก็บไว้ที่เดิมอีกคนก็กระตุกชายเสื้อรั้งไว้ซะก่อน
“หื้ม?”
“ขอบคุณนะ”
พูดเสร็จใบหน้าหวานก็ก้มลงมองพื้นอีกครั้ิ้ง อมยิ้มบางๆกับตัวเองก่อนจะเดินตามคริสไปเรื่อยๆ ไม่วายมือที่ดึงชายเสื้อของคนตัวสูงอยู่ก็ยังไม่คิดจะปล่อยออกไปสักที เหมือนเด็กกลัวหลงก็ไม่ปราน
“จะจับแต่ชายเสื้อฉันหรอ ไม่อยากจับมือฉันรึไง?” คริสเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอีกคนก่อนจะยกยิ้มเมื่อคนหน้าหวานขี้งอนก็ยอมส่งมือมาให้จับอย่างว่าง่าย ถ้าไม่ทะเลาะกันก่อนก็คงจะไม่ยอมง่ายๆแบบนี้สินะ
“จับแล้วเนี่ย! ก็เดินนำไปดิ” พูดเสร็จก็ก้มหน้าอีกเหมือนเดิมพลางเดินตามแรงจูงของคนตัวสูงไปโดยไม่พูดอะไรอีกเลย ทั้งๆที่นี่ก็เป็นบ้านของตัวเองแท้ๆเลย์ก็ยังจะดื้อเดินตามอีกคนอยู่แบบนั้น พลันรับรู้ได้ถึงไออุ่นที่ส่งผ่านมาจากมือใหญ่ ใบหน้าหวานก็เห่อแดงขึ้นมาเสียดื้อๆ กี่ครั้งแล้วนะที่ยังไม่ชินกับสิ่งนี้สักที
… THE WIZRAD…
*** ลงดึกอะเกน^^ อีกไม่กี่วันผู้ชายก็จะมาแล้ว มีใครไปรับกันบ้างไหมเอ่ย?
อ้อ แล้วจะมาบอกว่าตอนหน้ามีเอ็นซีนะคะๆ 55555555555555 ><
คงได้ลงหลังผู้ชายกลับแหละเนาะ ไปหาแรงบรรดาลใจกันก่อน คริคริ
ตอนนี้แอบงมอยู่นาน คิดพอตออกและเขียนไม่ออก งื้ออออ T^T
คืนนี้ก็ฝันดี ราตรีสวัสด์นะคะ และฝากอีกครั้ง ADOLESCENT นะจ๊ะทุกคน :”D
http://writer.dek-d.com/story/writer/view.php?id=917952
ความคิดเห็น