คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : SF Baekhyun x Chen Tonight
Tonight
Baek x Chen
ขอแค่คืนเดียวที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน...
คิม จงแดและบยอน แบคฮยอน เป็นเพื่อนรักกันมานานตั้งแต่ยังเป็นเด็กฝึก จนกระทั่งตอนนี้ที่พวกเขาสองคนได้เดบิวต์และที่สำคัญพวกเขาได้อยู่วงเดียวกันเพียงแต่ว่าต้องแยกยูนิตกัน จงแดอยู่ฝั่ง m ซึ่งต้องโปรโมตที่จีนและแบคฮยอนที่อยู่ฝั่ง k ต้องโปรโมตที่เกาหลี
ถึงแม้ว่าจะต้องแยกกันไปโปรโมตงานบ่อยไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเหมือนแต่ก่อนทั้งสองคนก็ยังคงติดต่อกันเป็นประจำ ความรู้สึกดีดีที่จงแดเคยมีให้แบคฮยอนมันรู้สึกว่าจะไม่เหมือนเดิม ...ข้อนี้จงแดรู้ดี เขาหลงรักเพื่อนสนิทอย่างบยอน แบคฮยอน แต่ก็ไม่อาจบอกความในใจหรือแสดงอาการอะไรออกไปได้ เพราะ...
เพราะว่าทั้งจงแดและแบคฮยอนเองก็มีแฟนกันอยู่แล้วทั้งคู่...
“ทำอะไรอยู่ครับเฉินเฉิน” เสียงเรียกนุ่มหูของแฟนเรียกให้จงแดหันไปมอง ก่อนจะยิ้มบางๆให้คนรักที่นั่งลงข้างๆพลางวาดมือมาโอบเอวเขาไว้หลวมๆ
“เปล่าครับ พี่ลู่หานมีอะไรรึเปล่าครับ”
ใช่แล้วล่ะ ... แฟนของจงแดก็คือ เสี่ยว ลู่หาน พี่ชายชาวจีนที่เพิ่งจะคบกันได้เพียงเดือนเดียวก่อนที่เขาจะได้รู้ตัวทีหลังว่าเขานั้นรักใครกันแน่ และแฟนของบยอน แบคฮยอน ก็คือโด คยองซู ที่เพิ่งจะคบกันได้สามสัปดาห์ ...
“พี่จะชวนไปซื้อของฝากให้พวกฝั่งเคน่ะ ไปด้วยกันนะ”
“ครับ” เพราะว่าอีกสองวันก็ต้องกลับเกาหลีแล้วคงจะหนีไม่พ้นซื้อของขวัญเล็กๆน้อยๆไปฝากพวกฝั่งเคอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
ลู่หานพาจงแดออกมาเดินช้อปแถวๆถนนคนเดินเพราะเจ้าตัวบอกว่าไม่ได้มาเดินเล่นแถวนี้นานเลยเกิดอาการคิดถึงอะไรประมาณนั้น จงแดแอบกลัวว่าแฟนคลับจะจำได้เลยลากลู่หานไปซื้อของอำพรางหน้าตากันก่อนจะมาถนนคนเดิน ของขวัญชิ้นเล็กชิ้นใหญ่เริ่มจะเยอะขึ้นทุกครั้งที่เดินผ่านร้านขายของชำและร้านขายของฝาก
“พี่ครับผมว่าพอก่อนดีกว่านะครับ ผมชักจะถือของพวกนี้ไม่ไหวแล้วอ่ะ” จงแดสะกิดลู่หานที่กำลังสนใจขนมห่อใหญ่อยู่ ลู่หานหันมายิ้มให้กับแฟนเด็กแล้วจึงจูงมืออีกคนเดินออกมาจากบริเวณนั้น
“ก็ผอมซะขนาดนี้จะเอาแรงที่ไหนมาถือของไหว”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย เพราะว่าของมันเยอะเกินไปหรอกผมถึงได้ถือไม่ไหวน่ะ”
“ยังจะเถียงอีกนะเราเนี่ย”
ลู่หานเอื้อมมือมาขยี้ผมนุ่มของแฟนเด็กจนมันฟูฟ่อง เรียกสายตาค้อนๆของคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี ...เพราะว่าพี่ลู่หานดีกับเขา สนใจทุกรายละเอียดของเขา และดูแลเขาดีอย่างนี้ไงเขาถึงไม่กล้าทำร้ายจิตใจของผู้ชายคนนี้
“ฮยองซื้ออะไรมาบ้างอ่ะ” ทันทีที่กลับมาถึงห้องเจ้าเด็กแพนด้าตัวยักษ์ก็เดินโซซัดโวเซเข้ามาหาจงแดและลู่หาน อาการเหมือนคนยังไม่ตื่นดีของน้องเล็กเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากลู่หานและจงแดได้เป็นอย่างดี
“ก็ซื้อขนมมาฝากคนขี้เซาแถวนี้ด้วยอ่ะแหละ” จงแดตอบเสียงใส
“จริงเหรอฮยอง! ไหนอ่ะๆ” เจ้าเด็กตัวโตกุลีกุจอเข้ามาหาฮยองคนใจดีด้วยท่าทางเหมือนกับหมาน้อยที่หูตั้งหางกระดิก จงแดยื่นห่อขนมหลากหลายชนิดที่ลู่หานแนะนำมาว่าอร่อยอย่างนั้นอร่อยอย่างนี้ไปให้มักเน่ตัวใหญ่ซึ่งคนเป็นน้องก็เต็มใจรับมาอย่างดี “ขอบคุณครับฮยอง”
พอได้ขนมสมใจแล้วเจ้าเด็กแพนด้าก็วิ่งเอาเข้าไปอวดตุ้ยจ่างของวงที่นั่งเก็กเท่ดูทีวีอยู่ ได้ยินแว่วๆว่าเจ้าเด็กแพนด้านั้นเอ่ยคำชมยกยอปอปั้นเขากับลู่หานว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ไม่เหมือนตุ้ยจ่างที่วันๆเอาแต่เก็กหล่อไม่เคยซื้อขนมมาฝากน้องฝากนุ้ง
... อันที่จริงแล้วคริสฮยองก็ซื้อขนมมาฝากจงแดบ่อยๆนะ ทุกคนก็ได้ของฝากกันทั้งนั้นยกเว้นเจ้าเด็กแพนด้าคนเดียวนี่แหละที่ไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
“เดี๋ยวพี่เอาของไปเก็บให้นายไปดูแลเจ้าเทากับคริสเถอะเดี๋ยวมันจะตีกันตายก่อนเอา”
“ครับ”
สมาชิกของ exo m ทั้งหกคนเดินทางมาเกาหลีตรงดิ่งถึงที่พักอย่างปลอดภัย พอมาถึงหอพักก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเหมือนทุกทีจากฝั่ง k จงแดแยกออกมาจากกลุ่มเมมเบอร์ที่กำลังตื่นเต้นกับของฝากที่พวกเขาเอาให้เสียงเอะอะโวยวายบวกกับเสียงหัวเราะทำให้จงแดต้องยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“ทำไมถึงปลีกตัวออกมานี่ล่ะ” จงแดหันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงทักเมื่อเห็นว่าคนที่ทักเป็นใครจงแดก็ยกยิ้มออกมาบางๆ
“รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยน่ะว่าจะไปนอนพักเอาแรงเสียหน่อย”
“อืม”
ความเงียบเข้าปกคลุมทันทีทั้งจงแดและแบคฮยอนไม่สามารถหาเรื่องที่จะนำมาเป็นหัวข้อสนทนาได้ในเวลานี้ ...ในเวลาที่พวกเขาทั้งสองคนก็รู้ดีแก่ใจว่ามีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไป
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวไปนอนก่อนนะ” จงแดเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ ร่างบางหันหลังเตรียมจะเดินเข้าห้องแต่ก็ต้องชะงักหันกลับไปตามเดิมเพราะถูกแบคฮยอนจับแขนไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ...”
“มีอะไร”
“...วันนี้จะเข้าบริษัทรึเปล่า”
“อืม เข้าสิทำไมเหรอ”
“ไปด้วยกันนะ...”
ทุกสิ่งรอบกายเหมือนจะเงียบลงไปอีกครั้งเมื่อจงแดเอาแต่เม้มปากแน่น ส่วนแบคฮยอนตอนนี้ก็แทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ก่อนเขากับจงแดไม่เคยรู้สึกอึดอัดเลยสักครั้งที่อยู่ด้วยกัน แต่พักหลังๆมานี้ที่ทั้งสองคนเริ่มจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงไปของบางสิ่งบางอย่าง อย่าว่าแต่อยู่ด้วยกันสองคนเลยเวลานี้น่ะแค่ให้สบตากันตรงๆเล่นกันถึงเนื้อถึงตัวแบบแต่ก่อนยัไม่กล้าเลย
“ตกลงนายจะไปกับฉันไหม” แบคฮยอนถามย้ำอีกครั้ง
“อือ ไปสิ”
บรรยากาศในห้องซ้อมตอนนี้ไม่ได้ครื้นเครงเท่าไหร่นักเพราะเหล่ามักเน่ได้กลับหอไปแล้ว จะเหลือก็แต่พวกพี่ใหญ่ที่กำลังเก็บของเตรียมตัวกลับไปพักผ่อนกับแก๊งบีเกิ้ลที่วันนี้ดูจะเฮฮาอยู่คนเดียวนั่นคือปาร์ค ชานยอล
“เฉินเฉินถ้าวันนี้จะกลับดึกก็เอาเสื้อโค้ชของพี่ไว้แล้วกันนะ” เสียงลู่หานพูดกับแฟนเด็กทำให้แบคฮยอนต้องหันไปมอง
“ไม่เป็นไรครับพี่ใส่ไว้เถอะข้างนอกมันหนาวจะตาย”
“พี่ไม่เป็นไรหรอกน่า นั่งเบียดกับพวกนี้ไปก็อุ่นแล้ว”
“นั่นสิ กว่าเราจะกลับก็คงจะดึกดื่นเหมือนทุกทีเฮียว่าเอาเสื้อไว้น่ะดีแล้ว” เป็นลีดเดอร์ตัวสูงที่ช่วยลู่หานกล่อมน้องรักของตนให้ยอมรับเสื้อกันหนาวไว้ คนตัวเล็กเมื่อถูกกดดันจากทางสายตาของพี่ๆในวงแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับเสื้อของแฟนหนุ่มไว้
“ดูแลตัวเองดีๆล่ะเจ้าตัวแสบ อย่าหักโหมมากนะเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“ครับมินซอกฮยอง”
“งั้นพี่ไปก่อนนะ บ๊ายบาย” จงแดโบกมือบ๊ายบายให้กับเมมเบอร์ทั้งหลายที่กำลังเดินออกไปจากห้องซ้อม มองตามหลังทุกคนไปด้วยรอยยิ้มแม้ว่าจะแอบเจ็บแปล๊บๆที่อกข้างซ้ายตอนเจอกับมือของแบคฮยอนกำลังจับกันแน่นอยู่กับคยองซูก็เถอะ
ป๊าบ!!
“นอนดึกระวังเตี้ยกว่าเดิมนะไอ้เป็ด ฮ่าฮาฮ่า!”
“ไอ้บ้าชานยอล!” จงแดได้แต่ตะโกนด่าเพื่อนหูกางที่เดินหัวเราะสะใจออกไปแล้ว ทิ้งให้เขาต้องลูบแขนข้างที่โดนมันตบไปอย่างแค้นใจ
ผ่านไปสักพักจงแดที่อยู่คนเดียวกับบรรยากาศเงียบๆเลยล้มตัวนอนแผ่กับพื้นห้องซ้อมอย่างหมดแรง เปลือกตาทั้งสองข้างค่อยๆปิดลงก่อนจะปล่อยให้น้ำใสๆไหลออกมาเมื่อภาพแบคฮยอนกับคยองซูจับมือกันลอยเข้ามา
จงแดไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากอะไรเพราะว่าเขากับพี่ลู่หานคบกันเลยทำให้เขากับแบคฮยอนต้องห่างกัน หรือเพราะแบคฮยอนกับคยองซูคบกันเลยทำให้เขาสองคนต้องอึดอัดเวลาอยู่ด้วยกัน หรือบางที...อาจจะเป็นเพราะหลังจากที่จงแดคบกับพี่ลู่หานแล้วแบคฮยอนคบกับคยองซูเลยทำให้พวกเขารู้อะไรบางอย่าง
อะไรบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ...อะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเวลาเข้าใกล้กันและรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นเขาอยู่กับคนอื่น...
.............
...................................
...................................................
“คยองซู” แบคฮยอนรั้งมือของอีกคนไว้เมื่อกำลังจะเดินพ้นประตูหน้าบริษัท คยองซูจึงหันขึ้นมาเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไร “คือว่า... ”
“ฮยองครับผมลืมของน่ะเดี๋ยวมานะครับ” คยองซูหันไปตะโกนบอกพี่ๆที่กำลังจะขึ้นรถซึ่งคนที่หันมาพยักหน้าให้ก็คือพี่จุนมยอน แล้วหลังจากนั้นแบคฮยอนก็ถูกคนตัวเล็กลากกลับเข้ามาในตึกอีกครั้งแต่คราวนี้กลับลากไปทางห้องน้ำแทน
คยองซูจับบ่าทั้งสองข้างของแบคฮยอนแน่นเมื่อเข้ามาในห้องน้ำแล้ว บรรยากาศที่เงียบเชียบบ่งบอกให้รู้ว่าไม่มีใครใช้ห้องน้ำในเวลานี้
“พูดมาสิแบคฮยอน”
“พูด? พูดอะไร” แบคฮยอนเลิกคิ้วเพราะไม่เข้าใจในคำพูดของอีกคน คยองซูที่เห็นท่าทางแบบนั้นเลยปล่อยมือทั้งสองข้างออกจากบ่าของแบคฮยอนแล้วกอดอกแน่น
“พูดในสิ่งที่นายอยากจะพูด พูดความรู้สึกที่นายมีต่อจงแดจริงๆน่ะ พูดออกมา”
“...ฉันไม่เข้าใจ” คยองซูอยากจะเอาหัวโขกกับกระจกห้องน้ำให้แตกเป็นเสี่ยงๆซะจริง บยอน แบคฮยอนคนโง่!
“นี่แบคฮยอนนายคิดว่าฉันไม่รู้รึไงว่านายกับจงแดรู้สึกยังงไงต่อกันน่ะ แล้วก็นะ...เลิกหลอกตัวเอง เลิกคิดว่านายจะลืมจงแดได้เพียงเพราะคบกับฉันได้แล้ว รู้ไหมว่านายทำฉันอึดอัด!” จนได้สินะ... พูดไปจนได้สินะคยองซู แต่ก็แล้วยังไงล่ะก็เขารู้สึกอย่างที่พูดจริงๆนี่
“ทำไมนายพูดแบบนั้น”
“พูดแบบนั้นมันพูดแบบไหนแบคฮยอน”
“ก็พูดเหมือนนายไม่ได้รักฉัน”
“ฉันไม่มีทางรักคนโง่อย่างนายหรอก!” ให้ตายคยองซูคนนี้อยากจะหัวเราะออกมาให้น้ำตาแตก
“...นาย”
“เออ! ที่ฉันยอมคบกับนายเนี่ยก็เพื่อจะช่วยให้นายรู้ใจตัวเองสักที แต่จะว่าไปนายก็รู้ใจตัวเองแล้วนี่ยังจะมายืนโง่อยู่ตรงนี้ทำไมอีก อยากไปหาจงแดตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ ไปสิ”
“อืม เข้าใจแล้วล่ะ ขอบใจมากนะคยองซู”
“อืม” ไม่รู้ว่าแบคฮยอนจะได้ยินเสียงตอบรับจากคยองซูรึเปล่า เพราะว่าเจ้าตัววิ่งออกไปแล้วตั้งแต่ขอบคุณเขาเสร็จ
อาจจะดูเหมือนไม่รู้สึกอะไร อาจจะดูเหมือนไม่ได้คิดอะไรแต่ในใจจริงๆแล้วใครจะรู้ว่าเขาเองก็เจ็บไม่ต่างกัน เขาน่ะอยากจะรั้งแบคฮยอนไว้กับตัวเองแทบตาย อยากจะทำเป็นไม่รับรู้ไม่เคยเห็นในตาที่แสนเจ็บปวดของจงแดและแบคฮยอน แต่จะให้เขาทำยังไงในเมื่อก็รู้อยู่เต็มอกว่าทั้งแบคฮยอนและจงแดเขารักกัน ...เขาทนเห็นทั้งสองคนเจ็บปวดไม่ได้หรอก
เรี่ยวแรงเหมือนจะหมดไปเสียดื้อๆ แขนขาอ่อนแรงจนเขาต้องทรุดตัวนั่งลงกับพื้นห้องน้ำแล้วเอนหลังพิงอ่างล้างมือไว้ น้ำตาที่พยายามห้ามไม่ให้มันไหลกลับไหลรินลงมาเหมือนเขื่อนแตก ร่างเล็กชันเข่าขึ้นก่อนจะซบหน้าลงกับเข่าแล้วร้องไห้ออกมาคนเดียวเงียบๆ...
“...พร้อมรึยัง”
“...?” ร่างเล็กค่อยๆเงยหน้ามามองเจ้าของเสียง
“ถ้าพร้อมจะเป็นคยองซูคนเดิมเมื่อไหร่ก็บอกด้วยแล้วกันนะ”
“ชะ ชานยอล...”
แบคฮยอนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องซ้อมที่ที่มีเขาคนนั้นอยู่ข้างใน เมื่อมาหยุดอยู่หน้าห้องแบคฮยอนรีบโกยอากาศเข้าปอด ทำสมาธิอยู่สักพักแล้วจึงค่อยเดินเข้าไปในห้องเงียบๆ ภาพที่เห็นคือร่างเล็กของจงแดนอนขดตัวหลับตาพริ้มอยู่พื้นห้อง
“หนาวแล้วทำไมไม่เอาเสื้อโค้ชมาใส่นะเจ้าเป็ดนี่...”
บ่นอุบอิบก่อนจะเดินไปหยิบเอาเสื้อโค้ชที่พี่ลู่หานได้เอาไว้ให้จงแดซึ่งก็อยู่ในฐานะแฟนของพี่ลู่หานนั่นแหละ คิดมาถึงจุดนี้ก็แอบเจ็บที่หัวใจแปล๊บๆ ถ้าหากเขารู้ใจตัวเองเร็วกว่านี้ก็คงจะดีสินะ คงจะไม่มีใครต้องเจ็บปวดเพราะเรื่องนี้...
“อื้ออ...” จงแดครางฮือในลลำคอเมื่อถูกรบกวนโดยแบคฮยอนที่กำลังเอาเสื้อคลุมตัวให้แล้วเกลี่ยปรอยผมที่ปรกหน้าออกให้ ไม่นานตามคาดดวงตาเฉี่ยวที่แบคฮยอนมองว่ามันน่าหลงใหลขนาดไหนก็เปิดขึ้นแล้วกระพริบปริบๆ สองสามที “แบค.. แบคฮยอน”
“อื้อ ฉันเอง หนาวไหม”
“นายยังไม่กลับเหรอ” จงแดไม่ได้ตอบคำถามของแบคฮยอนแต่กลับเป็นฝ่ายถามอีกคนแทน ก่อนจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมานั่งคุยกับคนที่กำลังยิ้มอยู่
“ฉันเป็นห่วงนายน่ะ”
“......”
บรรยากาศเงียบลงอีกครั้งและคราวนี้แบคฮยอนก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร ตรงข้ามกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเมื่อเขาดึงอีกคนเข้ามากอดไว้แนบอก หัวใจที่เคยสัมผัสแต่ความเจ็บปวดมานานเหมือนกับจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“แบค.. เราทำแบบนี้ไม่ได้มันผิดนายก็รู้”
“ฉันรู้ ...แต่ฉันรักนาย ฉันรักนายจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วจงแดเข้าใจฉันบ้างสิ”
จงแดดูจะตกใจนิดหน่อยกับคำสารภาพของอีกคน ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้คิดกับเขายังไงเช่นเดียวกับเขาที่คิดไม่ต่างกัน แต่สิ่งที่เขาได้รับรู้มันทำให้เขาเจ็บปวดและนอกจากเขาแล้วยังมีลู่หาน แบคฮยอน แม้แต่แบคฮยอนเองก็เถอะ ทุกคนล้วนแต่เจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น...
“...อย่าพูดแบบนั้นอีก” พูดจบก็ผลักแบคฮยอนออก ต่างฝ่ายก็ต่างจ้องตากันอย่างไม่มีใครคิดจะหลบ
“ทำไมล่ะ ก็ในเมื่อฉันรักนายจริงๆ!”
“...เพราะว่ายิ่งนายพูดคำนั้นออกมาฉันก็ยิ่งเจ็บปวด”
ซ่า! ซ่า! ซ่า!
อยู่ดีๆ ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่จนจงแดยังแอบสะดุ้ง เขาไม่ชอบเวลาฝนตกแรงๆแล้วต้องอยู่ภายในห้องกว้างๆเพราะมันน่ากลัวเกินไปแม้ว่าไฟจะเปิดอยู่ก็ตาม
“กลัวเหรอ” แบคฮยอนถามเสียงเป็นห่วง
“เปล่า...”
“แล้วทำไมตัวสั่นขนาดนั้น”
“ก็แค่...หนาว”
“คิดว่าระยะเวลาที่ฉันรู้จักนายมามันจะไม่ทำให้ฉันรู้อะไรเกี่ยวกับนายเลยรึไงจงแด” ใช่ เขารู้ว่าจงแดกลัวเขากับจงแดรู้จักกันตั้งแต่เป็นเด็กฝึก จงแดชอบอะไรเกลียดอะไรเขารู้หมดนั่นแหละเพียงแต่ไม่ได้พูดหรือไม่ได้ถามเฉยๆ
แพร่บ! แพร่บ! พรึบ!
ไฟในห้องซ้อมติดๆดับๆและไม่นานก็ตามมาด้วยความมืดมิดที่แบคฮยอนก็รู้ดีว่าจงแดกลัวแค่ไหน ปกติก็กลัวความมืดอยู่แล้วยิ่งมาเจอทั้งฝนตกหนักๆแล้วไฟดับด้วยแบบนี้... คงหนีไม่พ้นนั่งตั่วสั่นอยู่กับที่นั่นแหละ หึ!
“แบคฮยอน...” เสียงร่างบางเรียกเขาสั่นจนเขายังสัมผัสได้ ก็บอกแล้วไงว่าจงแดน่ะกลัวเวลาฝนตกหนักแล้วไฟดับแบบนี้ที่สุด
“ฉันอนุญาตให้ยืมตัวไปกอดได้นะ” พูดจบได้ไม่นานร่างของแบคฮยอนก็แทบจะหงายหลังลงไปนอนกับพื้นเมื่อเจ้าลูกเป็ดขี้กลัวนั้นโถมตัวมากอดเต็มแรง แบคฮยอนก็ไม่ได้ว่าอะไรกอดคนตัวบางกลับด้วยซ้ำ
“มีฉันอยู่ตรงนี้นายไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นนะจงแด...”
“...อือ”
90%
ต่อค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เวลาล่วงเลยมาจนเกือบเช้าลู่หานที่เมื่อคืนนั่งรอแฟนตัวเล็กจนเผลอหลับไปคาโซฟาห้องนั่งเล่นก็สะดุ้งตื่นขึ้น ร่างโปร่งกระพริบตาสองสามทีเพื่อปรับสภาพสายตาเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่แล้วร่างโปร่งจึงลุกขึ้น เมื่อคืนฝนตกหนักแถมไฟยังดับด้วยนี่ไม่รู้ว่าจงแดจะกลับมารึยังหรือจะติดฝนอยู่ที่บริษัทก็ไม่รู้
เป้าหมายที่ลู่หานจะไปคือห้องนอนของอี้ชิงและจงแดซึ่งนอนด้วยกัน เคาะประตูสองสามทีพอได้ยินเสียงอื้ออึงตอบรับจากทางด้านในลู่หานก็ยอมยืนรอด้วยความสงบ รู้สึกเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กจริงๆ
“อ้าว มีอะไรถึงได้มาเคาะประตูเรียกผมซะเช้ามืดแบบนี้ล่ะครับเก่อ” เป็นอี้ชิงที่เปิดประตูออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าที่มึนๆเหมือนยังไม่ทันจะตื่นดี
“โทษทีพอดีเมื่อคืนฝนตกหนักน่ะ ฉันนั่งรอจงแดนานไปหน่อยเลยเผลอหลับไปไม่ทันได้รู้ว่าน้องกลับหอมารึยัง”
“อ้อ น้องยังไม่กลับมาเลยนะครับ”
“เหรอ งั้นนายก็ไปนอนต่อเถอะฉันไม่กวนแล้ว”
“ครับ เก่อก็ไปนอนเถอะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้น้องก็คงจะกลับเอง อีกอย่างแบคฮยอนก็อยู่ด้วยคงไม่เป็นไรหรอกครับ” ประโยคหลังที่มีชื่อของบุคคลที่สามตามมาทำให้ลู่หานต้องขมวดคิ้วมุ่น หมายความว่าไงเมื่อคืนนี้แบคฮยอนไม่ได้กลับมาที่หอแต่อยู่กับจงแดอย่างนั้นเหรอ
ลู่หานไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าเด็กสองคนนั้นรู้สึกยังไงต่อกัน เขารู้ดีแต่ก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้เพราะเขาไม่อยากจะเสียจงแดไป เขารักจงแดมากจนยอมกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวที่จะทำเป็นมองไม่เห็นความรู้สึกของจงแดและแบคฮยอน ยอมทำทุกอย่างยอมเป็นคนเลวเพื่อที่จะได้ยื้อจงแดไว้กับเขาให้นานที่สุด
“เก่อ ลู่เก่อ ...ลุ่หาน!”
“ว่า ว่าไง”
“เหม่ออะไรอยู่น่ะผมเรียกตั้งนานสองนานก็ไม่ตอบ”
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก นายไปนอนต่อเถอะฉันไปล่ะ”
ว่าจบลู่หานก็เดินออกมาเลยทิ้งให้อี้ชิงได้แต่ยืนเกาหัวแกร่งๆมองตามด้วยความไม่เข้าใจ ร่างโปร่งเดินตรงไปยังที่แขวนเสื้อหยิบเอาเสื้อโค้ชตัวหนามาหนึ่งตัวแล้วจึงเดินออกจากหอพักไป ไม่ได้หรอก เขาจะไม่ยอมให้จงแดกับแบคฮยอนอยู่ด้วยกันสองคนอีกแล้ว จะต้องทำทุกอย่างให้จงแดเป็นของเขาแค่คนเดียว คนเดียวเท่านั้น!
ประตูบริษัทถูกเปิดออกโดยลู่หาน ตอนนี้ก็หกโมงเช้าพอดีเขาเดินผ่านแม่บ้านสองสามคนที่กำลังทำความสะอาดอยู่โดยไม่ได้สนใจจะเอ่ยคำทักทายใดๆเหมือนอย่างที่เคยทำผ่านๆมา ขายาวก้าวยาวจนเกือบจะเป็นวิ่งตรงไปยังลิฟท์นิ้วมือสวยกดลิฟท์รัวๆทั้งๆที่รู้ว่าก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะช้าไปเสียหมดสำหรับลู่หาน การรอแค่เพียงไม่ถึงนาทีเหมือนกับรอเป็นชั่วโมงสำหรับเขาแล้วตอนนี้ รู้ทั้งรู้ว่าถึงแม้ว่าจะไปหาสองคนนั้นในเวลานี้ก็คงจะสายไปมากแน่แต่ก็ยังจะดึงดันไปหา ขอแค่ได้พยายามยังดีกว่าให้เขารอเวลายอมรับความจริงที่แสนเจ็บปวด!
ห้องซ้อมที่พวกเขาทิ้งจงแดไว้คนเดียวเมื่อคืนอยู่ใกล้แค่เพียงไม่กี่ก้าวก็เดินถึง ลู่หานรับรู้ได้ถึงเหงื่อที่ไหลชุ่มออกมาทั้งที่อากาศตอนนี้หนาวเย็นมือทั้งสองกำแน่น หัวใจเต้นถี่รัวเมื่อกำลังจะผลักบานประตูเข้าไปเจอกับคนที่อยู่ข้างใน ข้างในนั้นที่ลู่หานก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเปิดออกไปแล้วจะเจอกับอะไร เจอกับเหตุการณ์แบบไหน...
…….
…………..
……………………
เหมือนหัวใจของเขามันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆเมื่อประตูที่เปิดเข้าไปแล้วเจอกับร่างเล็กสองร่างกำลังนอนกอดกันกลม... ถึงเวลาที่ลู่หานต้องยอมรับความจริงรึยัง หรือเขาจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นภาพที่ทำให้หัวใจของเขาแหลกสลายในวันนี้ บอกทีว่าเขาควรจะทำเช่นไร
เหมือนน้ำตามันจะไหลออกมาจากดวงตาสวยแต่ลู่หานก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา คนทั้งสองที่ยังไม่รับรู้เรื่องการมาถึงของเขายังคงนอนกอดกันกลมเหมือนเดิม ลู่หานเตะเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆจนมันล้มลงเสียงดังเรียกให้ทั้งสองคนที่นอนกอดกันอยู่ต้องสะดุ้งตื่น
“พี่ ...พี่ลู่หาน!”
เป็นจงแดที่เห็นเขาก่อนร่างเล็กดูจะตกใจมากปากบางเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เหมือนจะพูดไม่ออกไปเสียเฉยๆ แบคฮยอนมองลู่หานนิ่งๆไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา ทุกสิ่งรอบกายเงียบสงัดจนบรรยากาศมันน่าอึดอัด ลู่หานอยากจะไปกระชากจงแดออกมาจากแบคฮยอนแล้วกอดร่างเล็กนั้นไว้แนบกายแต่เขาก็ทำไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย...
“พี่ลู่หานผม...”
ลู่หานไม่ได้สนใจในสิ่งที่จะแดจะพูดเขามองต่ำลงมาที่มือของน้องทั้งสองคนที่กุมกันแน่น หรือจะบอกว่าเป็นแบคฮยอนเองต่างหากที่กุมมือของจงแดไว้แน่น ถึงแม้ว่าจะแดจะไม่ได้ทำอะไรที่มันหักล้างน้ำใจเขาไปมากกว่านี้แต่เพียงแค่เห็นแววตาที่เหมือนอยากจะขอทาเขานักหนานั้นก็ทำให้เขารู้แล้วว่า... ทุกอย่างมันจบลงแล้ว
เขาไม่สามารถทนหลอกตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว... เด็กสองคนนั้นรักกัน นั่นคือสิ่งเดียวที่เขารับรู้และรับรู้มานานแล้ว มันถึงเวลาที่เขาจะต้องปล่อยจงแดไป ให้น้องได้มีความสุขกับคนที่น้องรักจริงๆ ไม่ใช่คนที่น้องยอมตกลงเป็นแฟนด้วยเพียงเพราะสงสารเท่านั้น
เขาควรที่จะเลิกหลอกตัวเองได้สักที....
“พี่ขอฟังแค่คำเดียว... ว่าจงแดรักพี่รึเปล่า รัก แบบที่ไม่ใช่พี่น้อง” ขอให้เขาได้ฟังความจริงจากปากของน้องสักหน่อยเพื่อจะได้เอาไปคอยตอกย้ำกับตัวเองให้ได้อยู่ในโลกความเป็นจริงที่จงแดไม่รัก โลกของลู่หานที่มีแต่คำว่า ‘หลอกตัวเองไปวันๆ’
เจ็บมากๆ ยิ่งดี เขาจะได้ตัดใจจากจงแดให้ได้ ยิ่งเจ็บมากๆ เขาก็ยิ่งจะได้รบรู้ว่าตัวเองมันเคยเลวเคยเห็นแก่ตัวมากแค่ไหนที่คอยยื้อเวลาที่จะได้อยู่กับจงแด คอยยื้อไว้ให้จงแดอยู่กับเขา หึ! แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาก็ยื้อจงแดไว้ได้แค่ร่างกาย หัวใจของจงแดมีเพียงแค่บยอน แบคฮยอน หัวใจดวงนั้นมันไม่เคยมี เสี่ยว ลู่หานอยู่เลย
“พี่ลู่หาน...”
“ตอบตามหัวใจของนาย ตอบตามความรู้สึกจริงๆ ของนาย”
“ผม ขอโทษ ผมรักพี่เหมือนพี่ชาย”
“เข้าใจแล้วล่ะ ฝากดูแลจงแดด้วยนะแบค”
จบแล้วล่ะ มันจบลงแล้วจริงๆ ทุกอย่างมันจบจริงๆอย่างที่มันควรจะเป็นตั้งแต่แรก ถึงแม้จะเจ็บแต่อย่างน้อยเขาก็ได้รู้แล้วว่าการที่ปล่อยให้จงแดได้รักกับแบคฮยอนนั้นมันเป็นเรื่องที่สมควรที่สุดที่เขาจะทำ ...เขาจะได้เลิกหลอกตัวเองสียที
หลายวันต่อมาหลังจากเหตุการณ์นั้นลู่หานก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรที่ทำให้จงแดอึดอัดใจเลย ตรงข้ามกลับทำตัวร่าเริงสดใสเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องนั้นขึ้น จงแดเองก็รู้ว่าทุกอย่างที่ลู่หานทำมันก็แค่หลอกให้เขาสบายใจเพียงเท่านั้นเอง แม้ภายนอกจะดูสดใสแต่จริงๆแล้วข้างในลู่หานเจ็บปวดแค่ไหนจงแดรู้
“พี่ลู่หานทำอะไรอยู่เหรอครับ” ผมเดินมานั่งลงข้างๆร่างสูงที่นั่งดูทีวีอยู่
“กินคุกกี้น่ะ กินด้วยกันไหมคยองซูทำเองเลยนะ” อีกคนยื่นคุกกี้มาให้แล้วยิ้มกว้าง จงแดรับมากินชิ้นหนึ่งแล้วจึงยกยิ้มตามคนที่นั่งมองอยู่ “อร่อยไหม”
“ครับ อร่อยมากๆเลย”
“ฮ่าฮาฮ่า! เห็นไหมล่ะพี่บอกแล้วว่าคยองซูน่ะทำคุกกี้อร่อย”
“ครับๆ”
“นินทาอะไรผมอยู่รึเปล่าครับ” เจ้าของชื่อเดินเข้ามาหาจงแดกับลู่หานพร้อมกับร่างสูงโย่งของชานยอลที่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าจะเป็นคนคอยตามติดรับใช้คยองซูไปเสียแล้ว
“ก็แค่ชมเรื่องฝีมือการทำอาหารของนายอยู่น่ะ”
“แน่นอนนั่นคือความจริง ฝีมือการทำอาหารของคยองซูของฉันน่ะเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว” เจ้าคนหูกางออกหน้ารับแทนอย่างกระตือรือร้นจนทั้งสามคนหัวเราะขำ
“คยองซูเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่กันเจ้าโยดา” เสียงผู้มาใหม่เอ่ยอย่างขำขัน
“แบค!”
“คิดถึงนายจังจงแดอา”
“รู้แล้วน่า” ชานยอลล่ะหมั่นไส้ไอ้หมาเตี้ยนี่จริงๆ ไปทำงานห่างจากแฟนแค่ไม่กี่ชั่วโมงทำมาบอกคิดทงคิดถึง โด่ว!
“นี่! ถ้าจะหวานกันก็เชิญไปไกลๆ ครับ”
“ทำไม อิจฉาไง?”
“ใครอิจฉานายกัน เหอะ! ไปเถอะคยองซูฉันเบื่อหน้าไอ้หมาเตี้ยนี่เต็มทน”
ว่าจบก็โอบไหล่คนตาโตเดินออกไปทันทีทิ้งให้คนที่โดนกล่าวหาว่าเป็นหมาเตี้ยได้แต่ฮึดฮัดขัดใจอย่างคนทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะต้องหันกลับมามองคนที่เอามือมาแตะไหล่เขาเบาๆ
“อย่าอารมณ์เสียสิ ทำงานมาเหนื่อยๆ ไปนอนพักผ่อนก่อนเถอะ”
“ก็ได้ แต่ว่า...นายต้องไปนอนเป็นหมอนข้างให้ฉันกอดนะ”
“แบค!”
จงแดกดเสียงต่ำให้แบคฮยอนได้รับรู้ว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่เขาสองคนแต่ยังมีลู่หานที่นั่งอยู่ใกล้ๆ แบคฮยอนที่พอรับรู้อะไรบ้างแล้วจึงกระแอมไอสองสามที
“เอ่อ พี่ลู่หาน...”
“อะไรจะไปสวีทกันก็ไปสิ จะมาขอพี่ทำไมกัน”
“มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ”
“ไปเถอะน่า พี่อยากจะดูหนังคนเดียว”
“ครับๆ”
ลู่หานถอนหายใจออกมาเมื่อทั้งสองคนเดินออกไปแล้ว แรงยวบลงของโซฟาบ่งบอกว่ามีใครสักคนนั่งลงข้างๆ ลู่หานไม่ได้สนใจหันไปมองตอนนี้เขาแค่อยากจะใช้สมาธิอยู่กับตัวเองไม่อยากให้คิดฟุ้งซ่านจนเจ็บปวดอีก แม้ว่าเสียงหัวเราะสดใสที่เขาจำได้ว่าเป็นของใครจะดังแผ่วๆเข้าหูเป็นระยะๆก็ตาม
“โอเครึเปล่าน่ะลู่หาน”
“....มันคงจะเป็นเรื่องโกหกหากฉันบอกนายว่าฉันโอเค”
“......”
“ฉันไม่เป็นไรมากหรอก ขอบใจนายมากนะซิ่วหมินแต่ตอนนี้ขอฉันอยู่กับตัวเองสักพักได้ไหม”
“อืม ถ้านายทำใจได้เมื่อไหร่อย่าลืมเปิดใจให้ฉันบ้างนะ....”
The End
ความคิดเห็น