ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Nor Like 12 - Plan A
Nor Like by HS Black Ranger 12 Plan A ย่างเข้าเดือนมิถุนายน... สภาพอากาศเริ่มแปรเปลี่ยนจากฤดูใบไม้ผลิสู่ฤดูร้อน เห็นได้ชัดเจนจากพายุฝนที่ตั้งเค้ามาหลายวัน และเริ่มเทกระหน่ำไม่หยุดมาตั้งแต่ตอนเช้า โดยส่วนตัวแล้วสึโยชิไม่ชอบเวลาฝนตกเท่าไหร่นัก เขารู้สึกว่ามันทำให้อากาศร้อนอบอ้าวและพาลให้รู้สึกหดหู่ได้ง่ายๆ ...แถมอากาศแบบนี้มันชวนให้ง่วงน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่... ดวงตาหรี่ปรือไล่มองเม็ดฝนเม็ดน้อยที่ไหลเอื่อยผ่านฝ้าฝน ทิ้งรอยทางเคลื่อนไว้เป็นทางยาวทว่าตัวมันกลับวิ่งไปรวมตัวกับหย่อมน้ำฝนที่ออค้างบริเวณขอบหน้าต่าง ...พอไล่มองแล้วก็เริ่มรู้สึกหนักๆแถวหนังตาบนจนเจียนจะปิดเต็มที ยิ่งทอดสายตาผ่านม่านฝนไกลออกไปเท่าใดสติก็ยิ่งวูบไหวพร่าเลือนขึ้นทุกขณะ จนไม่อาจห้ามตัวเองให้เอนกายลงไปนอนหนุนแขนที่เตรียมรองรอไว้เบื้องล่าง... . “สึโยะจัง สึโยะจัง...”เสียงเรียกคุ้นหูที่ปลุกสติที่วูบหายให้กลับมาเชื่องช้า แม้เด็กหนุ่มจะยังคงมึนงงจนสมองยังไม่สามารถสั่งการใดๆได้นอกจากส่งเสียงครางฮึ่มในลำคอ “สึโยชิ สึโยชิ...”เสียงปลุกเสียงที่สองเริ่มจะทำให้เขารับรู้ได้จางๆ แต่เพราะความง่วงงุนถาโถมจนเขาเลือกที่จะหลับต่อ และตัดสินใจเพิกเฉยต่อเสียงเรียกนุ่มละมุนอ่อนหวานทั้งสอง... โครม!!!!! คนขี้เซาตื่นแทบจะทันทีเมื่อร่างทั้งร่างของตนถลาวัดพื้น เนื่องจากโต๊ะที่เคยใช้เป็นหลักในการหนุนนอนเกิดอันตรธานหายไปกลางอากาศเอาดื้อๆ แขนที่เท้าวางไว้จึงมีอันกระแทกพื้นเต็มแรงแต่ยังดีที่สิ่งที่กระแทกนั้นไม่ใช่หน้า และแม้จะแค่นั้น แต่ความรู้สึกที่ทั้งอายทั้งโกรธผสมปเปกับอาการหน้าแตกก็ไม่ได้ลดลงไปเลยสักนิด ดวงตาคมเรียวจึงตวัดมองโต๊ะเจ้าปัญหาแล้วก็ค้นพบว่ามันอยู่ในอุ้งมือของบุคคลในแบลคลิสต์ประจำตัว... นารุมิส่งยิ้มเย็นเยือกที่ดูเหมือนจะเก็บไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะมาให้ มือหนาผลักโต๊ะกลับคืนที่เดิมของมันไม่สนใจว่าไอ้ที่ตรงนั้นเขาจะยังคงนั่งกองอยู่ ร่างโปร่งจึงรีบหลบวูบก่อนจะมีแผลแตกเพิ่มอีกแผล เหตุการณ์ประจำวันที่คนในห้องเริ่มจะปลงสังเวช...ไม่รู้ว่านารุมิ กับสึโยชิไปโกรธ ไปเกลียดกันมาจากไหนถึงได้มีเรื่องกันได้ไม่หยุดหย่อน แถมนับวันยิ่งจะหนักข้อขึ้นโดยไม่มีใครยอมใครทั้งๆที่แต่ก่อนก็ยังไม่เห็นเค้าว่ามันจะรุนแรงปานนี้ และถึงแม้จะเห็นอยู่ตำตาทุกวันแต่ก็ไม่มีใครคิดจะห้ามเพราะคาดเดาว่าสองคนนี้ไม่ได้เกลียดกันจริงจัง เพียงแต่เหม็นหน้าอีกฝ่ายเนื่องจากบุคลิกต่างกันคนละขั้ว ...แต่ยังไงมันก็เป็นแค่การคาดการณ์แถมความไม่แน่ใจมันชักจะเพิ่มขึ้นทุกวันตามสถานการณ์ที่มันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ... . “ทำบ้าอะไรวะ!!!”สึโยชิเริ่มโวยวายป่าแตกตามแบบฉบับ ไม่สนใจคนในห้องที่เริ่มมองมาตั้งแต่เขาถลาหน้าทิ่มพื้น นารุมิไหวไหล่น้อยๆ มือเอื้อมไปแตะบ่ายูยะที่ถึงกับสะดุ้งเฮือกมองเจ้าของมือด้วยความงุนงง “ก็ยูยะกับ ...เพื่อนนาย”นารุมิจงใจวรรคช่วงเพื่อทิ้งสายตาไปยังร่างบอบบางที่ยืนนิ่งมาได้ครู่ใหญ่โดยที่สึโยชิไม่ทันเห็น คนฟังปรายตามองตามแล้วหยุดตรึงค้างยังเด็กหนุ่มที่ส่งยิ้มจางๆมาให้ “เขามาตามไปชมรม”คราวนี้นารุมิจบประโยคอย่างรวดเร็วแล้วกึ่งดึงกึ่งลากยูยะหายไปจากห้อง ไม่คิดอธิบายอะไรเพิ่มเติมกับไอ้คนที่ยังทำหน้าเหมือนสับสนกับชีวิต “มึซึรุ...”สึโยชิเอ่ยทวนกับตนเองอย่างงงๆ เพ่งมองไปยังเจ้าดวงตาใสที่จ้องเขาตาไม่กระพริบ “มาได้ไง?” “สึโยะจังน่ะตื่นได้แล้ว”แทนที่จะโกรธแต่มิซึรุกลับหัวเราะคิกคัก เอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งทีหนึ่งอย่างถือสนิท “จำไม่ได้เหรอ ว่าตั้งแต่วันนี้ฉันกับพี่มิซึรุย้ายมาโรงเรียนนี้แล้วน่ะ” เออว่ะ!! ลืมไปสนิท เขารำพึงในใจพลางนวดขมับตัวเองเผื่อเซลล์สมองจะทำงานดีขึ้น ...สงสัยเพราะเมื่อคืนซ้อมมัดเชือกกับยัยสึโบมิดึกไปหน่อยวันนี้เลยมึนๆง่วงๆ แต่ถ้าเกิดผลการซ้อมออกมาดีก็นับว่าคุ้มค่า!!!ความคิดที่เด็กหนุ่มต้องเก็บงำเอาไว้แล้วเลือกที่จะตบไหล่คนข้างๆชวนเดินไปชมรม เราได้คิดบัญชีกันแน่ นารุมิ!!! สภาพของคนในชมรมคาราเต้ตอนนี้ไม่ผิดแผกอะไรกับซอมบี้เดินได้ แต่ละคนเหงื่อไหลโทรมกายเหมือนเพิ่งอาบน้ำ จะมีคนตัวแห้งอยู่คนเดียวก็ไอ้คนคุมซ้อม ที่ถือตำแหน่งรองประธานอยู่น่ะแหละ! หมอนั่นเอาแต่สั่งๆๆ ทั้งๆที่ไม่ได้ลงมาฝึกซ้อมด้วยกันสักนิด!!! “ตรงนั้นน่ะ จะปล่อยหมัดก็ให้มันจริงจังหน่อย”คนโดนว่าสะดุ้ง ความคิดสะดุดค้างเมื่อได้ยินน้ำเสียงเฉียบขาดของสึโยชิที่ลงมาราวกับฟ้าฟาด ยิ่งเหลือบมองนัยน์ตาคู่สวยที่ปรายมองมาคล้ายจะกระทำการฆาตกรรม ก็มีอันต้องหันกลับไปตั้งอกตั้งใจซ้อมต่อ ไม่ได้เรื่องเล้ย คนชมรมนี้... สึโยชิรำพึงกับตนเองในใจ... ถ้าเขาไม่มาจี้ๆจิกๆอย่างนี้มีเหรอพวกนี้จะตั้งอกตั้งใจซ้อมกัน นี่เป็นเหตุหนึ่งล่ะที่เขาไม่อยากจะเข้าชมรมซักชมรม เพราะอดรนทนไม่ไหวเวลาเห็นคนอื่นเหยาะแหยะปวกเปียกทั้งๆที่เขาฮึดเต็มร้อย!! เมื่อพยายามมันต้องเอาให้ถึงที่สุด ไม่ใช่มาพิรี้พิไรบ่นว่าเกินความสามารถ ถ้าพยายามมันก็ต้องได้ ถึงไม่ได้ก็ต้องเอาให้ได้!!! . พลันความคิดก็สะดุดวูบกลางอากาศ... เมื่อดวงตาเหลือบไปเห็นร่างสูงที่อยู่อีกฝากฝั่งของโรงผึก ร่างนั้นค่อยๆวางดาบไม้ลงข้างตัว แล้วบรรจงถอดเครื่องแต่งกายออกเหลือแต่ฮากามะ... อากัปกิริยาที่คนมองลอบยิ้ม หันไปสั่งประธานชมรมเสียงเขียว “ซ้อมกันไปก่อน เดี๋ยวฉันมา!”ว่าแล้วสึโยชิก็โกยแน่บไปยังห้องชมรม ...แต่เป็นห้องชมรมเคนโด้ไม่ใช่คาราเต้... . การตกแต่งห้องชมรมเคนโด้ที่เหมือนกับห้องชมรมคาราเต้ไม่มีผิดเพี้ยน ล็อคเกอร์เหล็กตั้งอยู่สองฝั่งกำแพง เรียงรายยาวไปจรดประตูอีกด้านซึ่งเป็นทางเชื่อมไปยังห้องอาบน้ำ สภาพของล็อคเกอร์แต่ละอันบ่งบอกว่าผ่านการใช้งานมาอย่างสมบุกสมบันแม้บางตู้จะเป็นของใหม่ที่เพิ่งใช้งบประมาณชมรมซื้อมาเมื่อป ีที่แล้ว ผ้าขนหนูผืนหนาหลายผืนถูกโยนระเกะระกะอยู่ตามส่วนต่างๆของห้องไม่เว้นแม้แต่ตรงรอยงับของล็อคเกอร์ที่บางคนใช้ล็อคกันไม่ให้ผ้า ของตนเองหล่น แต่ส่วนใหญ่ถูกพาดไว้อย่างลวกๆบนม้านั่งกลางห้องที่สภาพไม่ต่างอะไรกับกองขยะ การที่ห้องชมรมโสโครกได้ขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรนัก เพราะชมรมนี้ขาดผู้จัดการชมรมมาเป็นระยะเวลานาน และสึโยชิก็พอจะเดาได้ว่าทำไม? เหตุผลก็ง่ายๆเหมือนชมรมคาราเต้ ผู้หญิงที่โรงเรียนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคุณหนูผู้ลากมากดีเลยไม่อาจจะทนกับกลิ่นเหงื่อที่ติดตามเสื้อผ้า แถมนโยบายของโรงเรียนนี้ก็โหดใช่หยอก รู้ทั้งรู้ว่าพวกคุณหนูน่ะทนไม่ได้แต่ก็ไม่ยอมจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ เพราะงั้นสิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือนั่งสวดภาวนาขอให้มีผู้หญิงสักคนมาหลงเข้าชมรม!! สำรวจไปพลางก็กวาดสายตาหาที่ซ่อนเหมาะแล้วสะดุดตาอยู่ที่มุมหนึ่ง ร่างผอมซีดพยายามทำตัวให้ลีบเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้... เด็กหนุ่มอัดตัวเองไปอยู่ตรงซอกหลืบของกำแพง ณ ตำแหน่งที่กะดีแล้วว่าถ้าอีกฝ่ายเปิด พลัวะ เข้ามา ประตูจะสามารถบังร่างทั้งร่างของเขาจนมิด สิ่งสำคัญตอนนี้คือรอคอย... แล้วเป้าหมายก็ไม่ปล่อยให้เขาได้รอนานนัก สึโยชิเผลอกลั้นหายใจเมื่อได้ยินเสียงลูกบิดไขดังแกร็ก!!บานประตูก็ค่อยๆเปิดแง้มทีละน้อย ...สำหรับเขาที่รอด้วยความตื่นเต้นนั้น มันนานราวชั่วกัลป์... ร่างสูงสง่ามาดคุณชายที่เห็นแค่เบื้องหลังก็จำได้ติดตาก้าวเข้ามาเนิบช้า ดวงตาคมตวัดไปรอบๆอย่างสำรวจ... เรียวปากสวยกระตุกยิ้มบางๆเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเบื้องหลังแต่เขาก็เลือกที่จะไม่หันไป... สึโยชิกระโจนพรวดเดียวก็สามารถคว้าข้อมือหนาทั้งสองข้างของเป้าหมายได้ทันที เชือกที่เตรียมไว้พร้อมเริ่มรัดพันธนาการตามที่ได้ฝึกซ้อมมาแต่ก็ยังคงช้าไป เมื่อนารุมิรึจะยอมเป็นหมูในอวยให้เด็กหนุ่มจับมัดโดยง่าย และเพราะความคล่องแคล่วในการพันเชือกผิดกว่ากันมาก ร่างสูงจึงตวัดข้อมือตนเองด้วยความชำนาญ บิดขึ้นง่ายๆแล้วรีบพลิกตัวหันกลับมาประจันหน้ากับคนที่ตั้งอกตั้งใจมัดจนใบหน้าชิดกันได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ “ช้าไปรู้ไหม? สึโยชิ”นารุมิตรึงร่างที่ตะลึงค้างด้วยแววตาขณะที่มือก็แก้ปมเป็นพัลวัน และเพราะเงื่อนที่ใช้ยังไม่สำเร็จดีมันจึงคลายออกโดยง่าย... ดวงหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำลงมา ริมฝีปากบางสวยนั้นแทบจะสัมผัสกับร่างที่ตัวแข็งเป็นหินด้วยอารามตกใจ มือหนาเอื้อมโอบเอวบางดึงรั้งเข้ามาใกล้จนปลายจมูกสัมผัสกัน รู้สึกถึงลมหายใจร้อน... ร้อนจนแปรร่างกายให้ร้อนรุ่ม... ปลายจมูกโด่งลากผ่านแก้มเนียนที่เจ้าของดิ้นพล่านด้วยความแสยง ข้อมือของเขาถูกล็อคไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่สึโยชิไม่อาจจะรู้ได้เพราะโดนคนตรงหน้าตรึงไว้ด้วยดวงตาคู่สวยที่ชักจะทำให้ใจเขาเต้นร ัว เด็กหนุ่มเริ่มสะบัดเป็นปลาถูกน้ำร้อนเมื่อริมฝีปากอุ่นเลื่อนไล้ไปที่ใบหู ขบเม้มแผ่วเบาแต่กลับทำให้ร่างทั้งร่างสะท้านสั่น “ไปฝึกมาใหม่นะ...”ลมหายใจร้อนๆเป่ารดครั้งสุดท้ายก่อนร่างสูงจะผลักเขาจนก้นกระแทกพื้น สึโยชินิ่วหน้า แทบจะตั้งสติไม่ทันเมื่อมือหนาช้อนร่างของเขาจนลอยหวือแล้วโยนกระแทกลงบนม้านั่งที่ตั้งอยู่กลางห้อง แม้จะจุกจนหน้าเขียวแต่ความดื้อดึงสั่งให้สึโยชิยันร่างที่พุ่งเข้ามาด้วยเท้าคู่ แรงเตะกระแทกเข้าตรงลิ้นปี่นารุมิแต่เด็กหนุ่มแข็งใจโถมเข้าใส่ร่างตรงหน้า ใช้สองมือรวบขาแล้วกระชากเต็มแรงจนร่างขาวซีดร่วงลงจากม้านั่ง หัวชนเข้ากับขอบผนักจนเผลอร้องโอดด้วยความเจ็บ ผ้าขนหนูนุ่มๆถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์เมื่อมันเริ่มรัด พันธนาการข้อมือขาวให้ตรึงอยู่กับขาเก้าอี้ สึโยชิดิ้นสุดแรงแต่เพราะความเชี่ยวชาญในการมัดของนารุมิทำให้ปมเชือกไม่แม้แต่จะคลายตัว และในเมื่อดิ้นไม่หลุด เด็กหนุ่มเลยเลือกที่จะยันคู่กรณีให้หงายท้องลงไปนอนวัดพื้นแทน “แรงดีนักนะ!!”นารุมิพูดด้วยความฉิวโกรธ ประกายตาคมวาวจับจ้องไปที่ร่างขาวซีดที่สบสู้อย่างไม่ยอมแพ้ แล้วเรียวปากสวยนั่นก็แย้มยิ้มที่สึโยชิเห็นแล้วใจไม่ค่อยดี “แล้วจะได้เห็นดีกัน” . จากการคาดการณ์ของคนในชมรมคาราเต้คาดได้ว่ารองประธานชมรมคงจะตกส้วมตายไปแล้ว เพราะเห็นขอตัวแป๊ปหนึ่งพวกเขาก็นึกว่าคงไปเข้าห้องน้ำ แต่นี่เล่นหายไปเกือบครึ่งชั่วโมงยังไม่เห็นโผล่หัวออกมา ซึ่งถ้าถามถึงความรู้สึกจริงๆคนในชมรมน่ะดีใจใช่น้อย แต่เพราะประธานน่ะดูกังวลเหลือเกินพวกเขาจึงเลือกที่จะทำท่าว่าเป็นห่วงไว้ก่อน “วาคาบายาชิหายไปไหนนะ”รุ่นพี่มัตซึริผู้เป็นประธานว่าพลางก้มลงดูนาฬิกาที่ตนเองหยิบยืมมาจากเด็กหนุ่มหน้าใสที่สึโยชิลากม านั่งดูชมรมคาราเต้ซ้อม “นายพอจะรู้บ้างไหม”เขาถามมิซึรุที่ส่ายหน้าเป็นพัลวัน มือหนาเสยปาดผมสั้นเกรียนชุ่มเหงื่ออย่างอับจนหนทาง ดวงตาเรียวยาวกลอกไปทั่วพยายามหาทางออกแล้วก็สะดุดเข้าอยู่กับเรือนร่างบอบบางไม่สมเพศ ...คนที่เขาจำได้แม่นนักว่าเป็นเพื่อนสนิทของสึโยชิ ไวเท่าความคิด ร่างสูงจ้ำอ้าวไปที่อีกฝั่งของโรงฝึกแล้วหยุดยืนเบื้องหน้าเด็กหนุ่มที่มองมาทางเขาด้วยดวงตาใสระยับ โดยมีมิซึรุเดินตามมาอย่างกระชั้น “มีอะไรเหรอครับรุ่นพี่?”เด็กนั่นเอ่ยถามขึ้นก่อน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะอ้าปากพูดอะไรอุ้งมือหนักๆก็ตะปปเข้าที่หัวไหล่ แรงที่ใช้น่ะมากได้ที่ จนเขาต้องหันขวับไปมองอย่างแค้นเคือง “รุ่นพี่หาวาคาบายาชิอยู่เหรอครับ?”คำถามที่มัตซึริฟังแล้วเขาต้องเลิ่กคิ้วบางๆ จ้องดวงหน้าหล่อคมของคนพูดที่ประกายตาเปล่งแสงวาบ ...หมอนี่ก็เป็นอีกคนที่เขาจำได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของสึโยชิ... น่าจะใช่น่ะนะ... “อืม”เขาพยักหน้าน้อยๆ “พอดีหมอนั่นมีปัญหานิดหน่อย น่ะครับ อยู่ที่ห้องชมรมเคนโด้”นารุมิว่า พลางตีหน้าร้อนรนที่คนเห็นถึงกับใจหายวาบ ยูยะคนแรกล่ะที่ลุกพรวดขึ้นแล้วจ้ำอ้าวไปที่ห้องชมรมอย่างรวดเร็วโดยมีมิซึรุวิ่งตามไปด้านหลัง “ขอบใจมากนะ”มัตซึริพูดเร็วๆก่อนจะวิ่งหายไปอีกคน แต่แค่นั้นก็เพียงพอให้นารุมิขยับยิ้มขบขัน ...คิดจะมัดฉันน่ะยังเร็วไปร้อยปี สึโยชิ... “สึโยชิ!!!”ประตูห้องชมรมถูกกระชากโดยแรง แล้วร่างทั้งสามก็พุ่งพรวดเข้าไปภายในโดยไม่คิดรั้งรอ ...แต่จู่ๆยูยะก็ชะงักค้าง เด็กหนุ่มเลื่อนสายตามองลงต่ำจนมิซึรุกับมัตซึริรีบมองตาม ...แล้วภาพที่เห็นก็ทำให้คนมาช่วยใจสั่นไหว เพราะร่างที่โดนมัดไว้นั้นดูเย้ายวนกว่ายามปกติเป็นเท่าตัว... ร่างขาวหอบสะท้านเหงื่อไหลโทรมกายจนเปียกชุ่มชุดฝึก ชายเสื้อนั้นเลิ่กอย่างหมิ่นๆแลเห็นอกขาวซีดที่มัตซึริมองแล้วต้องลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ดวงหน้าสึโยชินั้นขึ้นสีก่ำด้วยความอับอายระคนเหนื่อยเนื่องจากการออกแรงอย่างหนักติดต่อกัน!! เพราะเขากะจะพังไอ้ขาเก้าอี้งี่เง่านี่น่ะสิ ถึงได้เหนื่อยหยั่งกะหมาหอบแดดอย่างนี้!!! “จะช่วยก็ช่วยเข้าสิ ยืนจ้องอะไรกันอยู่ล่ะ!!!”สึโยชิตะโกนด้วยความฉิวโกรธเมื่อเห็นบุคคลทั้งสามตะลึงค้างมองเขาอยู่อย่างนั้น เสียงโวยวายนั้นปลุกยูยะกับมิซึรุให้ตื่นจากภวังค์แล้วกุลีกุจอเข้ามาแก้มัด ...แต่ไม่อาจจะช่วยฉุดรุ่นพี่มัตซึริให้หลุดจากห้วงฝันที่มีร่างขาวซีดนั้นเป็นตัวเอกไปได้... “โอยยยย เจ็บใจโว้ย” เสียงตะโกนโวยวายที่มาพร้อมกับการเอาหมอนข้างฟาดกำแพงระบายแค้น สึโยชินึกจินตนาการว่าหมอนข้างเป็นหน้าของนารุมิแล้วกระโดดลงทับเต็มแรง อับอาย ขายขี้หน้า อ๊ากกกกกก!!!! คิดแล้วก็หงุดหงิดจนต้องทุ่มหมอนข้างลงจากเตียง เกิดมาไม่เคยอับอายขายขี้หน้ามากขนาดนี้มาก่อน! เด็กหนุ่มยังจำสายตาของยูยะ มิซึรุ หรือแม้แต่ท่าทางหื่นกระหายของรุ่นพี่มัตซึริได้ดีนัก ยิ่งนึกย้อนก็ยิ่งนึกเคืองนารุมิจนไม่รู้จะทำยังไง!!! แล้วพลันดวงตาเรียวรีก็สะดุดเข้ากับของสิ่งหนึ่งที่ถูกตั้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน... ของที่เขาแทบจะลืมไปแล้วว่ามีเรียกรอยยิ้มกว้างจับพรายที่มุมปากสวย เด็กหนุ่มตวัดมองไปยังนอกหน้าต่างที่เริ่มมีฝนตกพรำด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องใจ... “ตายยยยย แกตายซะ นารุมิ”เสียงตะโกนอย่างสาแก่ใจโดนเสียงลมและฝนกรรโชกกลบจนแทบมิด... พายุฝนสาดซัดขนาดต้นไม้ใหญ่ยังเอนไหวละลู่ลม เม็ดฝนขนาดหนาตกกระทบกิ่งไม้เกิดเสียงซะซ่าแล้วทิ้งตัวลงบนพื้นดินจนแปรเปลี่ยนมันเป็นเลนเหนียว สายฟ้าฟาดบริเวณห่างออกไปไม่ไกลนักแต่คนที่ยืนตากฝนอยู่ตอนนี้กลับไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย... สึโยชิอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่เปียกฝนจนชุ่มโชก มือขาวซีดกดตุ๊กตาสาปแช่งในมือด้วยอาการสั่นระริกในขณะที่อีกข้างบรรจงวางตะปู ณ ตำแหน่งของหัวใจ “ตายยยย แกตายยยยย” สึโยชิใช้ค้อนไม้ตอกตะปูครั้งแรกมันก็ทะลุ เริ่มเชื่อมระหว่างเนื้อไม้กับตุ๊กตาที่เด็กหนุ่มใช้มันแทนที่คู่ปรับตัวฉกาจ ร่างขาวซีดของสึโยชินั้นซีดเผือดกว่าเดิมเนื่องจากแรงลมและฝนสาดซัด แต่เพราะทิฐิมานะกลับกดตรึงให้เขายืนอยู่กับที่และตอกตุ๊กตาสาปแช่งสุดแรง!!! ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยไสยศาสตร์ล่ะวะ!!! | |||
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น