ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic แปล harry potter / Strange and beautiful เซดีก/เฮอร์ไมโอ

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 12:ทั้งชีวิตของฉันคือเธอ

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 54


    บทที่ 12 ทั้งชีวิตของฉันคือเธอ

                เซดริกตื่นขึ้นมาก่อน  และรู้สึกราวกับว่าโดนซ้อมจนเต็มไปด้วยเลือดและเขาแทบจะขยับร่างกายไม่ไหว  หัวของเขากำลังถูกตีกระหน่ำอย่างสม่ำเสมอ และเสียงดัง  มันทำให้รู้สึกราวกับว่ามันเจ็บปวดที่จะหายใจ  เขากำลังนอนอยู่บนเตียง  แม้ว่าเขาจะรู้ว่าที่นอนไม่ใช่ฟูกที่เขามีอยู่ในห้อง  มันแข็งเกินไปและรู้สึกแปลกที่มันอยู่ภายใต้เขา  เขาได้ยินเสียงพึมพำอยู่ในหูของตัวเองและใช้เวลาเพียงชั่วครู่ตระหนักว่ามีใครบางคนกำลังพูดกับเขา  แต่เขาไม่อาจแปลความหมายในคำพูดได้

                เขาอยู่ที่ไหน?  ทำไมรู้สึกราวกับว่าเขากำลังนอนหลับเป็นเดือนๆ? และทำไมร่างกายของเขาถึงเจ็บปวดมากเหลือเกิน  เกิดบ้าอะไรขึ้นกับเขาอีก?

                “เซดริก” เสียงที่อ่อนโยน และช้าๆเสียงหนึ่งพูดขึ้นอีกครั้ง และ มือข้างหนึ่งแตะที่ไหล่ของเขา

                เขารู้สึกราวกับว่าต้องใช้ทุกๆอนุภาคของความแข็งแรงในร่างกายที่มีอยู่เพื่อเปิดตาขึ้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกราวกับว่าเปลือกตาถูกติดกาวปิดไว้  เขาร้องด้วยความเจ็บปวด จากสิ่งแรกที่เขาเห็น เมื่อในที่สุดแล้วเขากระพริบตาเปิด คือ แสงพระอาทิตย์จ้าที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่  ลาดส่องผ่านเตียงที่เขานอน  เขาดันตัวเองพิงกับหมอนอย่างอ่อนแรง  ราวกับพยายามที่จะซ่อนตัวเอง และ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เร่งรีบ  ชั่วขณะต่อมา ม่านถูกลากปิด และแสงอาทิตย์หายไป  เซดริกสูดลมหายใจที่สั่นเทาลึก และ หยุดชำเลืองมองว่าเขาอยู่ที่ไหน  คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันในทันที  เมื่อเขาตระหนักได้ว่าเขาอยู่ที่ตึกพยาบาลที่ฮอกวอตส์

                จากนั้นเขาสังเกตเห็นคนที่อยู่ล้อมรอบเตียงของเขา   ศาสตราจารย์ดับเบิลเดอร์, มักกอนนากัล และศาตราจารย์สเปราต์ทุกคนอยู่ที่นั่น และกำลังจ้องไปที่เขาอย่างใกล้ชิด คิ้วขมวดเข้าคู่กันกับใบหน้าของพวกเขา   เขาหันหน้าไปทางขวา เขาเห็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ และ รอน วีสลีย์อยู่ตรงนั้นเช่นกัน   แต่พวกเขามีใจหมกมุ่นอยู่กับการมองคนที่อยู่ในเตียงถัดจากเตียงของเซดริกมากกว่า เขาใช้เวลาช่วงขณะหนึ่งจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอ เพื่อรับรู้ว่าคนที่อยู่ในตียง คือ สมาชิกคนที่สามของกลุ่มเพื่อนซี้สามคน   เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เธอดูซีดเซียวพอๆกับผ้าปูที่นอนสีขาวที่เธอนอนอยู่ และ เซดริกคิ้วขมวดด้วยความสงสัยก่อนจะมองไปที่เหล่าศาตราจารย์

                “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” เขาพูดเสียงต่ำ  คอของเขาปวดร้าว และเสียงของเขาฟังดูไม่เหมือนเสียงของเขาเลย

                “สิ่งชัดเจนสุดท้ายที่คุณจำได้ คือ อะไร เซดริก” ดัมเบิลเดอร์ถาม  เสียงของเขาสงบนิ่ง  มันจะทำให้เซดริกประหม่าจากคำถามง่ายๆนี้

                เซดริกใช้เวลาชั่วขณะหนึ่งเพื่อคิดคำตอบ ในขณะที่เขาพยายามคิดถึงสิ่งสุดท้ายที่เกิดขึ้นกับเขา   ก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมาที่นั่นในโรงพยาบาลที่โรงเรียน 

    “ควิดดิชเวิร์ดคัพ ผมออกจากบ้านกับพ่อเพื่อไปพบครอบครัววีสลีย์” เขาหยุด  ดวงตาของเขาเหลือบมองไปที่รอนผู้ที่ในตอนนี้กำลังจ้องเขา

                “นั่น คือ สิ่งที่ชัดเจนครั้งสุดท้ายที่คุณจำได้เหรอ” ดัมเบิลเดอร์ถามย้ำ และเน้นคำพูดอย่างระมัดระวัง

                เซดริกจ้องไปที่อาจารย์ใหญ่ชั่วขณะก่อนผงกหัวช้าๆ  นั่นเป็นคำตอบที่ผิดใช่ไหม?  เขาควรจะจำอะไรได้    “เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมอยู่ที่นี่”

                “นายกับเฮอร์ไมโอนี่ถูกพบว่า หมดสติอยู่ข้างนอกท่ามกลางสายฝน” แฮร์รี่ตอบก่อนที่ศาสตราจารย์คนใดจะเปิดปากตอบ

                เซดริก เริ่มคิ้วขมวดมากขึ้น และหัวของเขาเหมือนโดดกระหน่ำด้วยก้อนหินแรงขึ้น  เขาส่ายหัวเบาๆราวกับพยายามที่จะเขย่าความรู้สึกบางอย่างออกไป 

    “ผมไม่...ทำไมผมกับเฮอร์ไมโอนี่อยู่ข้างนอกล่ะ”

                เขาไม่แม้แต่รู้จักเธอ  เขาจะออกไปทำอะไรข้างนอกกับเธอท่ามกลางสายฝนกันเล่า   เขาไม่เคยแม้แต่จะพูดกับเธอมาก่อนด้วยซ้ำ   เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่   ทำไมทุกๆคนจ้องไปที่เขาราวกับว่ากำลังรอคอยการอธิบายจากเขาอยู่  เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  เขาอยากให้ใครสักคนให้คำตอบเขา

                “เกิดอะไรขึ้นกับผม” เขาถามขึ้นในที่สุด  ดัมเบิลเดอร์ก้าวไปข้างหน้าก่อนที่เขาจะพูด 

    “ขอให้ฉันดูแขนของเธอได้ไหมเซดริก”  เขาถาม และจากนั้นโดยปราศจากการรอการอนุญาต   ศาสตราจารย์หยิบแขนด้านซ้ายของเขาขึ้นมา และเปิดแขนเสื้อชุดนอนในโรงพยาบาลขึ้นไปที่ข้อศอกของเขา  เผยให้เห็นแผลเป็นที่เขามีเสมอ  แม้ว่าเขาจะจำไม่ได้ว่ามันมาจากที่ไหนก็ตาม   มันเป็นรอยแผลยาวประมาณ 3 นิ้ว เริ่มที่ข้อมือด้านซ้ายของเขา แม่ของเขาเรียกมันว่าแผลเป็นรูปหัวใจ

                อย่างไรก็ตาม การมองไปที่แผลเป็นในตอนนี้  ราวกับว่ามันถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง  ผิวแทบจะเป็นสีดำและเกิดรอยไหม้    เซดริกรู้สึกปั่นป่วนเมื่อมองเห็นมัน  เกิดอะไรขึ้นกันมัน  เกิดอะไรขึ้นกับผม

                “แฮร์รี่  ได้โปรดเอาแขนด้านขวาของเฮอร์ไมโอนี่ให้ฉันดูหน่อย” ดัมเบิลเดอร์สั่ง และแฮร์รี่ทำตามโดยไม่ลังเล  ดังที่ชายแก่สงสัยแผลเป็นบนข้อมือของเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีดำ และไหม้ดังที่เซดริกเป็น  เขาถอนหายใจอย่างหนัก เกือบจะโล่งอก  ก่อนมองไปที่มักกอนนากัล และ สเปราต์  

    “ฉันเชื่อว่ามันจบลงแล้ว”

                ศาสตราจารย์สเปราต์ปิดตาลง เกิดสายตาโล่งอกบนใบหน้าของเธอ และมักกอนนากัลถอนหายใจเบาๆเช่นกัน  ไหล่ของเธอตกลงราวกับน้ำหนักเพิ่งถูกยกออกจากไหล่

                “อะไรเหรอครับ” เซดริกร้องถาม  ดวงตาของเขาละออกจากแขนของเฮอร์ไมโอนี่ และ มองไปที่ศาสตราจารย์ทั้งสามคน  แต่พวกเขาไม่สนใจเขาในขณะที่ยังคงพูดคุยกันเอง

                “ฉันไม่คิดว่าจะมีใครเคยทำลายคาถาผูกจิตวิญญาณสำเร็จมาก่อน” ดัมเบิลเดอร์พูด 

    “แต่อะไร คือด้านตรงข้ามของความรักล่ะ”

                “ความเกลียดชัง” โพโมน่ากระซิบ และดัมเบิลเดอร์ผงกหัว

                “ถ้าอีกฝ่ายพูดคำนั้นกับอีกฝ่าย และในชั่วขณะนั้น  เชื่อว่าพวกเขาเกลียดกันจริงๆ  เช่นนั้นแสงสีขาวที่...”   มิเนอร์ว่า หยุดพูดชั่วขณะ เธอมองไปที่เซดริก และค่อยมองไปที่เฮอร์ไมโอนี่  ที่ยังคงนอนหลับ  อยู่บนเตียง 

    “มันถูกทำลายจริงๆใช่ไหม  หลังจากเวลานี้ตลอดไป  หลังจากชีวิตนี้ของพวกเขามันจะไม่เกิดขึ้นอีก....”

                “มันดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น  เราจะรอจนกว่าคุณเกรนเจอร์จะตื่นขึ้นมาเพื่อความแน่ใจ”  ดัมเบิลเดอร์แนะนำ และผู้หญิง 2 คนผงกหัวเห็นด้วย

                “ถ้างั้น  ที่ผ่านมา  พวกเขาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องพูดว่า ฉันเกลียดคุณ และนั่นจะเป็นจุดจบของมันทั้งหมดเหรอ แค่นั้นเองน่ะเหรอรอนถามคิ้วขมวด

                หัวของเซดริกกำลังหมุน  พวกเขากำลังพูดถึงอะไร   อะไรคือที่ผ่านมา  คาถารักใคร่คืออะไร   เขารู้สึกเหมือนกำลังโซเซอยากจะอาเจียน  ทุกสิ่งในร่างกายของเขาปวด และการสนทนาเกิดขึ้นรอบตัวเขา  มันไม่ได้ช่วยเขาเลยสักนิด  เขาเหลือบไปที่เฮอร์ไมโอนี่  ที่ยังคงนอนหลับ และสงสัยว่าเธอรู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นไหม  เขาสงสัยว่าเธอรู้ว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันข้องนอกในทีแรกหรือเปล่า   เขาไม่เคยพูดกับเธอมาก่อนเลย ดังนั้นการอยู่กับเธอภายใต้สภาพการณ์ใดๆก็ตามดูเหมือนเป็นเรื่องน่าขันสำหรับเขาเล็กน้อย

                มันดูราวกับว่าดัมเบิลเดอร์อยากจะยิ้มแต่เขาเหนื่อยเกินไป และยังคงกังวลมากเกินไปกับเหตุการณ์ในตอนนี้ 

    “‘ฉันเกลียดคุณคือ สิ่งที่ยากที่สุดที่จะพูดในเมื่อปริมาณความรักที่คุณรู้สึกต่ออีกคน ช่างมีพลังมากมาย มันต้องใช้ความแข็งแกร่งอย่างมาก แม้แต่แค่คิด และพูดมันออกไป และ ทำให้ตัวเองเชื่อในคำพูดนั้น”

                เซดริกไม่อาจทนได้อีกต่อไป  ราวกับว่าพวกเขาทุกคนกำลังพูดภาษาต่างชาติที่เขาไม่แม้แต่จะเริ่มเข้าใจได้ 

    “ต้องมีใครสักคนบอกผมว่าเกิดอะไรขึ้น  เดี๋ยวนี้”  เขาพูดต่อด้วยแรงทั้งหมดเท่าที่ร่างกายเหนื่อยล้าของเขาจะสั่งการได้

                ทุกๆคนมองเขาราวกับว่าลืมไปแล้วว่าเขาอยู่ที่นั่น และตื่นแล้ว    ดัมเบิลเดอร์พยายามอีกครั้งที่จะยิ้มแต่เขาไม่อาจทำให้ตัวเองยิ้มได้   เขาเหลือบมองไปที่เฮอร์ไมโอนี่ก่อนมองกลับไปที่เซดริก  ชายแก่ผู้นี้ดูอายุมากกว่าที่เป็นหลายปี

                เขามองไปที่เซดริกอย่างต่อเนื่องและสงบลง  “เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ตื่น  เราจะบอกพวกเธอทั้งคู่ในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา”

                สองวันผ่านไป และเฮอร์ไมโอนี่ที่สงสัยว่าเสียงกระซิบที่ดูเหมือนจะตามติดเธอไป  ไม่ว่าที่ไหน มันจะหยุดลงตอนนี้ได้หรือไม่   เธอพยายามไม่สนใจมันแต่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย  ผู้คนที่จ้องมองเธอ  ชี้ และจะเอามือปิดปาก  ในขณะที่พวกเขาโน้มตัว และกระซิบบางสิ่งกันในกลุ่ม  บางคนจะเข้ามาหาเธอ และ ถามคำถามที่เธอไม่รู้คำตอบ  แต่ละคนจะเริ่มถามแบบเดียวกันว่า  เธอกับเซดริก... ส่วนประโยคหลังของพวกเขาแต่ละคนจะต่างกันไป

                “เธอกับเซดริก หนีตามกันไป แต่พอพ่อแม่ของเธอรู้ความจริง เลยบังคับให้เธอกลับไปโรงเรียนใช่ไหม”

              “เธอกับเซดริกร่วมรักกัน 3 ครั้งต่อวันเหรอ    เขาใหญ่เหมือนที่โชบอก หรือเปล่า”

              “เธอกับเซดริกอ่านความคิดของกัน และกันได้จริงๆใช่ไหม”

              “เธอกับเซดริกพยายามที่จะฆ่ากันเองเหรอ”….

                คำถามเกิดขึ้นมากมาย  เธอต้องควบคุมตัวเองอย่างมากที่จะไม่ตะโกนใส่ทุกคนที่พยายามผลักคำถามมาให้เธอ   เธอแค่อยากอยู่ตามลำพัง และคำถามเหล่านี้ไร้สาระที่สุดและเพียงแต่ทำให้เธอรู้สึกแย่เท่านั้น  เธอไม่รู้คำตอบใดๆเลย และเธอไม่รู้ว่าคำถามใดจะเป็นจริง  อย่างไรก็ตามคำถามเหล่านี้เพิ่งแพร่กระจาย เป็นข่าวซุบซิบซึ่งดูเหมือนจะครอบงำทุกคนในฮอกวอตส์แล้วในตอนนี้

                รอน และแฮร์รี่กลายเป็นบอดี้การ์ดของเธอ  ไม่มีใครจะเข้าใกล้เธอได้ และพวกเขายังคงอยู่ข้างๆเธอเป็นส่วนใหญ่  แน่นอนพวกเขาไม่อาจเฝ้าเธอได้ตลอด 24 ชั่วโมง และนั่น! เมื่อผู้คนรู้สึกกล้าพอที่จะเข้าถึงเธอ พวกเขาจะเข้ามาถาม คำถามที่ไม่มีวันจบเหล่านั้น

                เธอไม่อาจหยุดคิดเกี่ยวกับทุกๆสิ่งที่ศาสตราจารย์ ดัมเบิลเดอร์, มักกอนนากัล และศาสตราจารย์ สเปราต์บอกทั้งเธอ และเซดริก ในขณะที่พวกเขานอนอยู่บนเตียงห้องพยาบาล   เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับการผูกจิตวิญญาณกันและกัน   มันผูกชีวิตของพวกเขา หรือความคิดที่มีร่วมกัน   หัวใจ  และจิตวิญญาณ  แต่ในตอนนี้ ไม่มีสิ่งใดมากไปกว่าคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน   เซดริกไม่ได้ดูเหมือนจะเชื่อในคำพูดใดๆเลย และเขาปฎิเสธที่จะมองไปที่เธอ บ่นพึมพำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าทั้งหมดมันบ้าแค่ไหน

                ทันทีที่มาดาม พอมฟรีย์ ปล่อยทั้งคู่ออกจากห้องพยาบาล  เฮอร์ไมโอนี่แทบจะวิ่งไปที่ห้องสมุดกับรอน และแฮร์รี่ที่อยู่ขนาบข้างเธอ  ทั้งคู่ไม่ยอมปล่อยให้เธอห่างจากสายตา  เธออยู่ที่นั่นเป็นเวลาเกือบ 5 ชั่วโมงจนกระทั่งเธอพบในสิ่งที่เธอกำลังค้นหา:

                “ประวัติศาสตร์แห่งความรัก และ คาถาต่างๆ”  แต่ที่พิเศษคือความสนใจของเธอเจาะจงไปที่บทที่สิบสี่  “การผูกจิตวิญญาณกับคนอื่น”  เธออ่านข้อความซ้ำแล้วซ้ำเล่า  สงสัยว่าคำพูดของศาสตราจารย์ดัมเบิลเดอร์จะมีโอกาสที่เป็นจริงสักนาทีหนึ่งหรือไม่  เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะปล่อยให้ตัวเองเชื่อในเรื่องดังกล่าวหรือไม่    มันเป็นเวทมนตร์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน และมีพลังมากกว่าทุกสิ่งในโลกพ่อมดแม่มด  เธอไม่อาจจะทำให้ตัวเองยอมรับมัน  ไม่ว่าจะสิ่งใดที่ศาสตราจารย์บอกเธอ หรือสิ่งที่เธอได้อ่าน ทั้งหมดมันไม่ได้ทำให้เธอยอมรับมัน

                จากเนื้อหาในบทที่สิบสี่  คาถาผูกจิตวิญญาณของคนสองคน  จะค้นหากันและกัน และผสานเป็นหนึ่งเดียว มันเป็นคาถาที่ยั่งยืนชั่วนิจนิรัน  หลังจากชีวิตของแต่ละฝ่ายสิ้นสุดลง  ชีวิตใหม่จะเริ่มต้นขึ้น และ พวกเขาจะพบกันอีกครั้งเพียงแค่เพื่อเริ่มต้นความรักซ้ำแล้วซ้ำอีก   มันคือวัตถุประสงค์ของวัฎจักรที่ไม่มีที่สิ้นสุด   วัฎจักรที่ดูเหมือนจะจบลงเมื่อถึงเวลา   มีหลายสิ่งมากมายที่ไม่รู้เกี่ยวกับคาถาที่ไม่มีใครเคยแน่ใจ เช่น ไม่มีใครรู้ว่าคาถามาจากที่ไหน หรือ มันเลือกใครอย่างไร   จิตวิญญาณ 2 ดวงผูกพันเข้าด้วยกันตลอดกาล และไม่มีใครรู้เกี่ยวกับมัน

                เฮอร์ไมโอนี่จำสิ่งที่เกิดขึ้นใน 2-3 เดือนที่ผ่านมาไม่ได้ ความคิดที่ชัดเจนครั้งสุดท้ายที่เธอตื่นขึ้นอยู่ที่บ้านโพรงกระต่ายช่วงฤดูร้อนเพื่อไปควิดดิชเวิร์ดคัพ หลังจากนั้น มีแค่ความว่างเปล่ามืดมิดในความทรงจำของเธอ   แฮร์รี่ และรอนไม่อยากบอกเธอเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อมั่นใจว่าพวกเขากำลังปกป้องเธอโดยการทำเช่นนี้ แต่เธอก็ได้ยินมากพอแล้วจากเพื่อนร่วมชั้น

                เซดริกช่วยชีวิตเธอจากทะเลสาบในภารกิจที่สอง  เธอคือสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุดสำหรับเขา  พวกเขาแอบพบกัน พวกเขาจูบกันอย่างดูดดื่มโดยไม่แคร์สายตาทุกคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ และจากนั้นแอบย่องไปอยู่ด้วยกันในยามค่ำคืน  เฮอร์ไมโอนี่ฝันและตื่นขึ้นมา  กรีดร้องเสียงดังกึกก้องไปทั่วปราสาท  ในขณะที่เธอพูดเกี่ยวกับโวลเดอร์มอร์

                เธอได้ยินมันทั้งหมดแต่เธอจำมันไม่ได้เลย  เธอจำทุกสิ่งที่ต้องทำกับเซดริกไม่ได้  เธอไม่แม้แต่รู้จักเขา เว้นแต่เขาเป็นนักเรียนปีหกที่ฉลาด หล่อเหลาจากบ้านฮัพเฟิลพัฟ

                รอน และ แฮร์รี่ถามว่าเธอไม่เป็นไรใช่ไหม  แต่เธอได้แต่ผงกหัว และส่งยิ้มเล็กๆ ก่อนที่กลับไปสนใจการบ้านหรือหนังสือที่เธอกำลังอ่านอยู่  เธอไม่อาจหลับเพราะเธอกำลังคิดถึงทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เริ่มเปิดภาคเรียน และมันดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีความรู้สึกอยากอาหาร  เธอแทบไม่อยากแตะต้องมัน และเฮอร์ไมโอนี่ส่งมันให้รอนเพื่อให้เขาจัดการกินแทนเธอ

                เซดริกดูเหมือนจะกลับไปใช่ชีวิตเช่นที่เคยเป็นมา  แม้ว่าเขาจะจำการเข้าร่วมในสองภารกิจแรกไม่ได้  แต่เขาต้องสินใจที่จะเข้าร่วมในภารกิจที่สาม  สำหรับการแข่งขันไตรภาคี และยิ่งไปกว่านั้นเขาตัดสินใจที่จะเอาชนะทั้งหมด  เขาทุ่มเทฝึกฝนวิ่งรอบสนามควิดดิชจนกระทั่งขาของเขา ราวกับจะแตกร้าว  เขาคอยทำให้ตัวเองยุ่ง  เพื่อจะไม่มีเวลาคิดถึงอะไร ยกเว้นภารกิจที่สาม และเพื่อหลีกเลี่ยงโช   เด็กสาวดูเหมือนจะคิดว่าในตอนนี้อะไรก็ตามที่เขาและเฮอร์ไมโอนี่มีด้วยกันสิ้นสุดและจบลงไปแล้ว  ซึ่งเธออาจจะเข้ามาหาเขาได้อีกครั้ง

                เขารู้ดีว่าเขามีความรู้สึกหนึ่งกับโชเสมอ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากเขาไม่อาจจดจำทุกสิ่งกับเฮอร์ไมโอนี่ได้  แต่บางครั้งมันก็ทำให้เขารู้สึกแปลกเช่นในตอนนี้  เขาไม่สนุกกับการติดตามของเธอ   เขาไม่ต้องการให้เธอจูบเขาหรือกอดเขา หรือแค่อยู่ใกล้เขา  เข้าไม่เข้าใจตัวเองมากนัก  แต่การอยู่กับเธอ กลับทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมอีกต่อไป  เขาไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขารู้สึกเหมาะสมได้อีก

    “โอ้ ไม่!

                เขาหมกมุ่นกับความคิดของตัวเองซึ่งเซดริกไม่แม้แต่จะรู้ตัวว่าเขาเดินผ่านทางเดินที่มุ่งหน้าไปยังห้องเรียนวิชาปรุงยา ซึ่งเขาวิ่งชนใครบางคน เขาได้ยินเสียงกองหนังสือที่ปะทะพื้นดังปังคล้ายลูกกระสุนเหล็กขนาดใหญ่

     

                “ผมขอโทษ” เขาพูดในทันใด และคุกเข่าลงเพื่อช่วยแม่มดสาว

                เขาแน่นิ่ง  ดวงตาของคน 2 คนประสานกัน และเขาพบว่าตัวเองไม่ได้มองไปที่ใบหน้าของคนอื่นเลย ยกเว้น เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์   เธอแน่นิ่งไปเช่นเดียวกัน และชั่วขณะหนึ่งที่ดูเหมือนจะยาวนานอย่างน้อยก็หลายชั่วโมง พวกเขาได้แต่จ้องกันและกัน    เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ตรวจสอบเธออย่างใกล้ชิด พยายามค้นหาบางอย่างบนใบหน้าของเธอที่ส่องประกายถึงบางอย่างที่เขาคับคล้ายกับครา   เขาไม่พบอะไร เขาไม่เคยรู้จักหญิงสาวคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา และเขายังคงไม่เชื่อว่าตัวเองเคยรู้จัก

                เฮอร์ไมโอนี่เปิดปากจะพูดอะไรบางอย่าง  แต่แล้วเธอส่ายหัวเล็กน้อย  ตัดสินใจไม่พูด และเพ่งสมาธิทั้งหมดขอเธอไปที่การเก็บหนังสือ  เพื่อที่เธอจะไม่ต้องมองเขาต่อไป

                อย่างไรก็ตาม เซดริกยังคงจ้องเธอ  เธอช่างสวยงาม  “คุณเชื่อในทุกสิ่งที่... อืม  ที่พวกศาสตราจารย์พูด หรือเปล่า   เกี่ยวกับเรา” เซดริก ถามเธอ เกือบจะเป็นการประหม่า

                เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งด้วยความตกใจ และไม่สบตาเขาในขณะที่เธอพยายามที่จะม้วนกระดาษหนัง และใส่หนังสือทุกเล่มของเธอในกระเป๋าใบใหญ่ที่เหวี่ยงขึ้นบนบ่าแล้ว 

    “ฉันไม่รู้  ฉันแค่รู้สึกแปลกๆคล้ายหนังเรื่องหนึ่งที่ฉันพลาดบางฉากไป”  เธอไม่แน่ใจว่าทำไม  เธอยอมรับมันกับเขา  แต่มันสายเกินไปแล้วในตอนนี้ที่จะย้อนกลับ  เธอกำลังพูดความจริง  เธอรู้สึกแปลก และ เคยรู้สึกนับตั้งแต่ที่เธอตื่นขึ้นมาในเตียงห้องพยาบาล

                “ใช่...ฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร  ฉันรู้สึก..มันเกือบจะว่างเปล่า” เซดริกพูด  ในขณะที่พวกเขาทั้งคู่ยืนขึ้น และเขาล้วงกระเป๋ากางเกง

                เธอทำผิดที่เงยหน้ามองเขา และมองเขาไปในดวงตาของเขา  ทันทีที่เธอทำ  เธอถูกดวงตาสีเทาของเขาครอบงำ และเธอไม่อาจจะละสายตาออกไปจากดวงตาคู่นั้นได้ได้  มันทำให้เธอกลัว  การอยู่ใกล้เขาเช่นนี้  เธอเกลียดความรู้สึกสับสนที่รุมเร้าเธอ  เฮอร์ไมโอนี่ไม่คุ้นเคยกับการรู้ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ และเธออยากให้ทั้งหมดแค่จบไป

                ความเงียบปรากฏขึ้นระหว่างพวกเขา และเฮอร์ไมโอนี่ขยับเท้าอย่างกระสับกระส่าย  ค่อยๆเดินผ่านเขาไปอย่างช้าๆ และพบว่ามันยากที่จะละสายตาออกจากเขา 

    “โชคดีในภารกิจที่สามนะ เซดริก”  เธอพูดเสียงเบา  เซดริกหันไปมองเดินเธอจากไป แต่ในวินาทีสุดท้าย  ก่อนที่เธอจะก้าวออกไปจากเขา  เขายื่นมือออกไปด้วยความสามารถของซีกเกอร์ผู้มีพรสวรรค์ และคว้าข้อมือเธอไว้  ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้างและเธอจ้องไปที่เขา  เขาดึงเธอกลับไปหาเขา 1 ก้าวอย่างอ่อนโยน และจากนั้นมองไปรอบๆเพราะระลึกได้ว่าพวกเขากำลังยืนอยู่กลางทางเดิน     นั่นมีเรื่องซุบซิบมากพออยู่แล้วที่เกี่ยวกับพวกเขาที่ลอยอยู่ไปทั่ว เขานำเธอเข้าไปสู่เวิ้งขนาดเล็กมืดมิด  เพื่อซ่อนตัวจากสายตาอยากรู้อยากเห็นที่อาจจะพยายามเพ่งมอง

                “คุณจะทำอะไร” เฮอร์ไมโอนี่ขู่  ตื่นตระหนกว่าจะมีใครเดินผ่านพวกเขาได้ทุกขณะ  นิ้วมือของเขายังคงโอบรอบข้อมือเธอ และถึงกระนั้นมันไม่ใช่การจับที่แน่น  เธอไม่แม้แต่จะดิ้นรนออกห่างจากเขา  เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ทำ  เธอจำเป็นต้องออกจากที่นั่น  เธอจำเป็นต้องออกห่างจากเขา  สิ่งต่างๆระหว่างพวกเขาสับสนมากเกินไปแล้วที่จะอยู่ใกล้ๆเขา

                “เธอคิดว่าใครพูดมันออกมา”  เขาถาม และเห็นเธอทำคิ้วขมวดด้วยความสับสน  เขาจึงพูดให้ชัดเจนขึ้นว่า

    “ผมเกลียดคุณ  คุณคิดว่าใครพูดคำนั้น  ผมพูดมันกับคุณหรือคุณพูดมันกับผม  คุณคิดว่าไงล่ะ”

                “ฉันคิดว่าคุณไม่เชื่อซะอีก  นั่นคือสิ่งที่คุณพูดในห้องพยาบาล”  เธอย้ำเขาราวกับว่าเขาสามารถลืมทุกๆสิ่งที่ผ่านไปในวันนั้นได้

                เขาเงียบชั่วครู่ และ จากนั้นสะดุ้งตกใจ  “ชีวิตทั้งชีวิตเราดำเนินไปด้วยเวทมนตร์  บางที............” เขาพ่นลมหายใจออกอย่างแรงและค่อยๆปล่อยข้อมือเธอออก   

    “ผมไม่รู้”  เขาพูดเสียงเบา 

    “ผมไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง  ผมมองคุณ และผมจำอะไรไม่ได้เลย  ผมไม่แม่แต่จะรู้จักคุณด้วยซ้ำ”

                ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เธอไม่รู้  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าหัวใจของเธอจมดิ่งอยู่ในหน้าอกของเธอเอง และ เธอผงกหัว  กอดหนังสือที่ใหญ่ไม่พอดีกับกระเป๋าของเธอแนบอก  เธอมองลงไปที่พื้น และ บอกตัวเองว่า  เธอควรออกไปจากที่นี่ได้แล้วในตอนนี้

                “มันดูไม่น่าเชื่อ”  เซดริกกระซิบ และเขาสงสัยว่าเขากำลังพูดกับเธอ หรือ กับตัวเอง

                ที่ๆพวกเขายืนอยู่ติดกับห้องมีขนาดเล็ก และแคบ เมื่อเซดริกยืนพิงเข้ากับกำแพงตรงข้ามเธอ  มือของเขาอาจจะยังคงเอื้อมออกไปถึงและสัมผัสเธอได้อย่างสบายๆ  ถ้าเขาเลือกทำเช่นนั้น   แต่ถึงกระนั้นเขาไม่ทำ  เขายังคงจ้องไปที่เธอ พยายามจินตนาการ พยายามจดจำ

                “ฉันควรไปที่ชั้นเรียนแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดแต่เซดริกจับเธอไว้อีกครั้งก่อนที่เธอจะไป

                “ผมอยากจูบคุณ” เขาบอก   ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้างในขณะที่เธอจ้องไปที่เขา  เขาเกือบจะยิ้มให้กับอาการตกใจ และประหลาดใจของเธอ แต่สถานการณ์จริงจังเกินกว่าในชั่วขณะนั้น 

    “ผมแค่อยากจะรู้  คุณไม่ยากรู้ หรือไง”

                “ถ้าเราเคยผูกพัน  ซึ่งเราทั้งคู่รู้สึกว่าเราไม่เคยผูกพันกัน  แต่ถ้าเราเคยเราก็จะไม่สามารถรู้สึกมันได้อีกต่อไป  ดังนั้นฉันไม่เห็นว่านั่นจะเป็นการพิสูจน์ได้” เฮอร์ไมโอนี่พูด

                เธออ้าปากค้างเมื่อเขาผลักตัวเองออกจากกำแพงในทันที และเธอแทบจะไม่ทันคิดว่ามือข้างหนึ่งของเขาเลื่อนไปที่สะโพกของเธอ และเขาผลักเธอไปจนหลังของเธอยันกับกำแพง  มืออีกข้างของเขาวางบนกำแพงถัดจากหัวของเธอ  ตึงเธอไว้ตรงนั่นได้สำเร็จ  เธอกลืนน้ำลายและเงยหน้าขึ้นมองเขา  ดวงตาสีเทามืดมิดคล้ายพายุลูกหนึ่ง และขากรรไกรของเขายึดแน่นในขณะเขาจ้องไปที่เธอ  เธอรู้ว่าผิวของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วในตอนนี้   อาการสั่นปรากฏที่สันหลังของเธอ  ร่างกายของเขาใกล้ชิดร่างกายของเธอ  ถ้าเพื่อใครสักคนเหลือบเข้ามามองในที่นั้น และเห็นพวกเขา  คงจะสับสนเพราะคิดว่าพวกเขาเป็นคู่รักที่กำลังใกล้ชิดกันคู่หนึ่ง

    “เซดริก อย่า” เธอกระซิบ

    “ผมจำเป็นต้องรู้  เฮอร์ไมโอนี่” เขากระซิบตอบ และจากนั้น  เขาประคองแก้มของเธอด้วยมือทั้งสองข้าง และก่อนที่เธอจะได้หายใจ หรือคิด หรือพูดอะไร  ริมฝีปากของเขาเคลื่อนลงไปที่ปากของเธอแล้ว และเขาจูบเธออย่างรุนแรง และดูดดื่ม   ดันเธอเข้าปะทะกำแพงมากขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่ยังคงขยับตัวไม่ได้ชั่วขณะ  ที่รู้สึกว่าริมฝีปากของเซดริกประกบริมฝีปากของเธอ  ปากของเขาประกบปากของเธอ  ลิ้นของเขาค่อยๆชอนไชเข้าไปในปากของเธออย่างช้าๆ

                เธอวางมือทั้งสองข้างบนไหล่ของเขา และผลักเขาออกห่างเธอเล็กน้อย  ทั้งคู่จ้องกันและกัน หายใจรับอากาศ   เธอรู้สึกว่าริมฝีปากของเธอเหมือนโดนหนามแหลมแทง และทั้งร่างของเธอเริ่มปั่นป่วน  แค่จากจูบครั้งเดียว  เธอสับสนเหลือเกิน และถึงอย่างไร  เธอไม่ใส่ใจมันในตอนนั้น   เธอจ้องไปที่เขา และ เขาจ้องไปที่เธอ และจากนั้นเขายิ้ม   รอยยิ้มที่แท้จริงแต่แค่เพียงชั่วขณะ เพราะเฮอร์ไมโอนี่เหวี่ยงแขนของเธอไปรอบคอของเขา และจูบเขาอีกครั้ง   เซดริกตอบรับเธอในทันที   ปากของเขาขยับไปกับเธอ  เขาเหวี่ยงแขนโอบรอบเอวเธอ   ยกตัวเธอ  เท้าของเธอแกว่งไปมาจากพื้นดิน

                “ดอกแซฟฟรอน ครอคัสเหรอ”? เซดริกพึมพำในขณะที่ยังคงจูบเธออยู่ และเขาได้กลิ่นหอมในอากาศ

                เขาก้าวไปข้างหน้า และกดหลังของเธอยันเข้ากับกำแพง  เท้าของเธอยังคงลอยอยู่เหนือพื้นดิน  แต่เขาโอบกอดเธอแน่นเหลือเกิน จนร่างกายของเขากับเธอไม่อาจแยกออกจากกันได้  นิ้วมือของเฮอร์ไมโอนี่ผัวพันอยู่ในเส้นผมของเขา  กำแน่น และ ประคองปากของเขาที่ประกบปากของเธอไว้อย่างมั่นคง

                สิ่งต่างๆเริ่มปรากฏตรงหน้าพวกเขาในขณะที่พวกเขายังคงจูบกันอย่างแรงและเร็ว  พวกเขาแทบจะไม่มีเวลาจดจำในสิ่งที่พวกเขากำลังมองดู

    ดวงดาวปรากฏขึ้นในทันทีทันใด

    โลกเกิดขึ้นที่จุดเริ่มต้นของเวลา

                เด็กทารก 2 คน เกิดขึ้นมา ร้องไห้ในขณะที่พวกเขามาสู่โลก   คนหนึ่งมีรอยแผลที่แขนข้างซ้าย   ในขณะที่อีกคนมีรอยแผลที่แขนด้านขวา

                ชายที่มีผ้าคลุมศีรษะปกคลุมใบหน้าของเขากำลังเป่าสิ่งที่ดูจะเป็นฝุ่นละอองเข้าสู่หม้อต้มขนาดใหญ่ที่มีไฟไหลท่วม และกำลังกระซิบคาถาโบราณ  ต้นไม้ที่อยู่รอบตัวเขา เกิดเสียงดังจากสายลมที่พัดแรง

                “รักแท้” เขากระซิบด้วยเสียงต่ำ

                ชายคนนั้นที่จะกลายเป็น เอมอส ดิกกอรี่ในชีวิตปัจจุบันนี้ ยืนถือถุงใส่อะไรสักอย่างที่น่าจะใช้เป็นเงินตรา ยื่นมันให้แก่ชายสวมผ้าคลุมศีรษะ  “ลูกชายของผมกำลังจะตาย  ช่วยเขาด้วย”

                ไฟที่อยู่ใต้หม้อต้มลุกโชนสูงขึ้น   ทำให้ของที่อยู่ในหม้อต้มเดือด  ชายคนนั้นรับเงินไป และโยนมันลงไปในของเหลว  เสียงขู่ดังปลดปล่อยออกมา และประจุไฟสีแดงพุ่งออกมาเป็นสาย

                “ลูกชายของคุณอ่อนแอ  เขาต้องการชีวิตใหม่” ชายผู้นั้นกระซิบ

                “ทำตามความจำเป็นเถอะ” เอมอส อ้อนวอน

                ชายคนนั้นกระซิบคำพูดมากมายลงสู่หม้อต้ม   แสงไฟสีแดงพุ่งออกมาเพื่อตอบสนอง  “รักแท้” เขากระซิบอีกครั้ง  ปิดตาลง และปล่อยให้ควันลอยสูงขึ้นไป ขึ้นไปบนใบหน้าของเขา  ในขณะที่เขาโน้มตัวไปยังไฟที่ลุกโชน 

    “สองชีวิตจะกลายเป็นหนึ่ง ตลอดกาล รักแท้จะไม่มีวันตาย”

                ชายคนนั้นล้วงเข้าไปในเสื้อคลุม และดึงดอกไม้สีม่วงขนาดเล็กออกมา ซึ่งเป็นดอกไม้ที่แปลกประหลาดสำหรับดินแดนนั้น   เอมอสมองตามในขณะที่เขาบดดอกไม้ลงในฝ่ามือ และโยนเศษดอกไม้ลงสู่หม้อต้ม

                “ดอกไม่จะไม่เหี่ยวเฉา  จิตวิญญาณของพวกเขาจะไม่สูญเสียกันและกัน  หัวใจของพวกเขาจะเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน  พวกเขาจะอยู่เพื่อกันและกัน  ดุจดั่งดอกไม้อยู่เพื่อน้ำ”  ชายผู้นั้นกระซิบ และจากนั้นพูดบางอย่างซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างช้าๆ  ไม่มีใครได้ยินในสิ่งที่เขาพูด

    นัมความ  พีริม  อมอร์ รักไม่มีวันตาย

    นัมความ  พีริม  อมอร์ รักไม่มีวันตาย

                คำพูดที่ชายคนนั้นกระซิบ  เซดริก และ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกได้ถึงมันที่ฉีกผ่านร่างกายของพวกเขา  ในขณะที่พวกเขายังคงจูบกัน   เกาะติดเกี่ยวพันกัน  ในฉับพลันเสียงลมดังก้องในหูของพวกเขา และแสงสีขาวปรากฎขึ้นจากแผลเป็นที่เป็นรอยไหม้บนแขนของพวกเขา  แสงสว่างจ้า  มันทำให้บริเวณนั้นทั้งหมดสว่างและส่งแสงไปยังทางเดิน  เซดริกและเฮอร์ไมโอนี่ยังคงจูบกัน

                “ฉันจำทุกอย่างได้แล้ว”เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจหอบ

    “เราไม่ได้ถูกผูกจิตวิญญาณ” เซดริกตอบ 

    “ทุกคนคิดว่าใช่แต่...”

                “รักแท้แข็งแกร่งกว่า” เธอกระซิบ  เธอมองไปที่เขาทั้งคู่หายใจหอบอย่างหนักหน่วง   ในขณะที่พวกเขาพยายามหายใจ   แสงยังคงส่องประกาย และลมอันลึกลับยังคงพัดต่อไป 

    “มีรักแท้ระหว่างเรา”

                “ผมสัมผัสถึงคุณได้” เขาพูด  แขนของเขาบีบรัดรอบตัวเธอ  กอดเธอแน่น 

    “ผมลืมไปแต่ตอนนี้...”

                “พ่อของเราเป็นเพื่อนกัน  คุณกำลังจะตาย และพ่อของฉันเสนอที่จะช่วยคุณ”   เฮอร์ไมโอนี่พูด และเซดริกผงกหัวอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คำตอบไหลรินจากปากของพวกเขา

                คำตอบในทุกๆคำถามอยู่ที่นั่น  พวกเขาแค่ต้องถูกปลุกให้ตื่น  พวกเขาเชื่อมั่นว่าพวกเขาถูกผูกจิตวิญญาณแต่นั่นไม่ใช่เวทมนตร์ที่เกิดกับพวกเขาโดยแท้จริง หรือมีอำนาจต่อพวกเขา   แต่สิ่งที่เป็นมาตลาด มันคือรักแท้     บางสิ่งช่างมีพลัง และแกร่งกว่าคาถาผูกจิตวิญญาณมาก

                “บางส่วนในชีวิตของคุณถูกนำมาให้ผม” เซดริกพูด 

    “เรามีเพียงครึ่งชีวิตเท่านั้น แต่เรามีมันด้วยกัน”

                “ในที่สุดเรามีชีวิตทั้งหมด” เฮอร์ไมโอนี่พูดจนจบ  น้ำตาระยิบระยับอยู่ในดวงตาของเธอ  รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ   เธอรู้สึกสมบรูณ์อีกครั้ง   เธอรู้สึกมีความสุข และหัวใจของเธอขยายอยู่ในอก  ในขณะที่เธอจ้องไปที่เซดริก  นิ้วมือของเธอกำลังเล่นอยู่กับเส้นผมของเขา  

    “รักแท้ไม่มีวันตายนั่นแหละเหตุผล”

                “เรายังคงค้นหากันในทุกๆชาติ”  เขาสรุป และยิ้มให้เธอ  ริมฝีปากของเขาประทับจูบอ่อนโยนทั่วทั้งใบหน้าเธอ 

    “รักแท้ทำให้เราเชื่อใจ  เราถูกผูกจิตวิญญาณเข้าด้วยกันเพราะเราเชื่อว่าเราเป็นอย่างนั้น   สัญญาณทุกอย่างบอกอย่างนั้น แต่-“

                “รักแท้ทำให้เราเห็นในสิ่งที่เราอยากจะเห็น” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ดวงตาของเธอปิดลงในขณะที่เธอรู้สึกว่าเซดริกจูบเธอทุกๆตารางนิ้ว ซึ่งริมฝีปากของเขาสามารถไปถึงได้ โดยปราศจากการออกห่างจากเธอ 

    “มันทำให้เราเป็นทุกข์เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เรามีจริงๆ   เราทั้งคู่เหน็ดเหนื่อย และเกลียดสิ่งที่อยู่ระหว่างเรา   เรากำลังคิดและรู้สึกในทุกสิ่งที่คนหนึ่งทำ  ฉันเชื่อจริงๆว่าฉันเกลียดคุณ เพราะคุณคิดถึงสิ่งต่างๆที่ทำให้หัวใจของฉันสลาย”

                “คุณกรีดร้องว่าคุณเกลียดผม และคำสาปแช่งรักแท้ลงโทษเราด้วยการทำลายลง” เซดริกพูด 

    “คำสาปรักแท้ลงโทษเราเพราะไม่เชื่อในมัน” น้ำตาไหลสู่แก้ม  ในขณะที่เธอยิ้มให้เขา 

    “ฉันรักคุณ” เธอกระซิบ

                เขาปิดตาลงในขณะที่คำพูดของเธอเข้าครอบงำเขา  คล้ายการรับรู้ถึงความปลาบปลื้มเป็นสุขมากที่สุดที่เคยประสบมาในโลกนี้ 

    “ผมรักคุณ” เขากระซิบ และจ้องไปที่เธอ 

    “และผมจะไม่ลืมมันอีก  ผมจะไม่สงสัยมันอีก  ผมจะจดจำในสิ่งที่เรามีตลอดไป”

                “รักแท้” เธอกระซิบ และหัวเราะเบาๆก่อนที่จะประทับริมฝีปากของเธอไปยังริฝีปากของเขาอย่างดูดดื่ม  เธอเกาะกุมเขาไว้

    “นั่นคือสิ่งที่แสงสีขาวเป็น  ก่อนเราตายและตื่นขึ้นมาอีกครั้ง” เซดริกยิ้มพยักหน้า 

    “สีขาว เพื่อรักแท้ เพื่อเรา”

                คำตอบในที่สุดค่อยๆไหลออกจากความคิดของพวกเขา ราวกับก้อนหินก้อนหนึ่ง ที่อยู่ตรงเส้นทางที่น้ำไหลผ่าน  ความลึกลับหายไป  พวกเขาไม่ถูกผูกจิตวิญญาณ นั่นไม่ใช่สิ่งใดมากไปกว่าการลงโทษในการพยายามปฎิเสธบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าระหว่างพวกเขา  รักแท้ช่างมีพลัง  มันทำให้พวกเขาเชื่อว่ามันจะทำให้พวกเขาประจักษ์เมื่อถึงเวลา    พวกเขาพร้อมจริงๆที่จะเห็นในสิ่งที่พวกเขามี  แม้ว่าพวกเขาจะเห็นมันแล้วในตอนนี้ก็ตาม

                ทันทีที่เซดริกตายในเขาวงกตในระหว่างทำภารกิจที่สาม 2 คืนต่อมาเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ได้ในทันที จากมือและหน้าอกของตัวเอง เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นช้าลง และเธอรู้สึกถึงบางสิ่งที่อยู่ข้างใน บางสิ่งที่กำลังเตรียมตัวเพื่อจะจากไป...  จากไปเพื่อพบเขา

                เวลาของเธอหมดแล้ว  เธอต้องไป   ...เมื่อคนหนึ่งจากไป อีกคนจะตามไป... ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบชั่วกาล  พวกเขาไปด้วยกันเสมอ

                เธอหันและมองไปที่รอนกับแฮร์รี่ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆเธอ  มองไปที่เขาวงกต  กระตือรือร้นรอคอยผู้เข้าแข่งขันคนแรกที่จะเข้าเส้นชัย  ไม่มีใครรู้ว่าเซดริกตายแล้ว  ไม่มีใครในอัฒจันทร์รู้เลย  เธอมองพวกเขา  น้ำตาเอ่อขึ้นในดวงตาของเธอ และจากนั้นไหลลงไปที่แก้มของเธอ

                โดยปราศจากคำพูด  เธอเหวี่ยงแขนโอบล้อมพวกเขาทั้งคู่  กอดพวกเขาแน่น

                “ไมโอนี่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” รอนพูดสับสน ลูบหลังเธอในขณะที่เขาชะเง้อคอผ่านเธอ ยังคงพยายามมองไปยังทางเข้าเขาวงกต 

    “อย่าวิตกไปเลย ฮอกวอตส์กำลังจะชนะ”

                แฮร์รี่ใช้แขนโอบรอบตัวเธอ  กอดเธอ  เขาแทบจะหัวเราะในสิ่งที่เธอไม่จำเป็นต้องวิตก  เธอจะต้องดูเพื่อที่จะไม่พลาดว่าเซดริกจะเป็นคนแรกที่เข้าเส้นชัยพร้อมกับถ้วย  ฮอกวอตส์กำลังจะชนะในปีนี้

                เฮอร์ไมโอนี่สูดลมหายใจสั่นเครือ  ถึงเวลาที่จะต้องไปแล้ว  น้ำตาไหลลงสู่แก้ม และเธอกอดพวกเขาแน่นเท่าที่เธอจะทำได้   เธอแทบอยากจะให้ตัวเองพาพวกเขาไปกับเธอได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้   แฮร์รี่กับรอนยังมีอะไรในชีวิตที่ต้องทำอีกมาก

                “ตลอดชีวิตของฉัน  พวกเธอคือเพื่อนรักที่ฉันเคยมีมา  ฉันรักพวกเธอทั้งสองคนมาเหลือเกิน”  เธอกระซิบใส่หูพวกเขา

                ทั้งคู่แน่นิ่งกับคำพูดของเธอ  ราวกับว่าพวกเขาเพิ่งเข้าใจในสิ่งที่ผิดพลาด  ตัวของเธออ่อนปวกเปียก และเมื่อรอนฉุดเธอขึ้นมาเบาๆเพื่อมองดูเธออีกครั้ง  เฮอร์ไมโอนี่จากพวกเขาไปแล้ว เธอตายในที่สุด

                ที่ตรงนั้นช่างสงบ  พระอาทิตย์กำลังส่องแสง  หญ้าสีเขียวสูงยาวกำลังปลิวสไสวอยู่ในสายลม ที่พัดเบาๆ     ลมทำให้เมฆสีขาวเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆทั่วทั้งท้องฟ้าสีคราม  เขากำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้รอคอยเธอ และ เขายิ้มกว้างลุกขึ้นในทันทีที่เขาเห็นเธอกระโดดขาเดียวอยู่ในลำธารที่มีน้ำไหลเรื่อยๆ  เธอเห็นเขา และ จากนั้นปล่อยเสียงหัวเราะที่ไร้กังวล  เธอเริ่มวิ่งไปหาเขา  เขาไปถึงเธอก่อน และเธอกระโดดขึ้นในวงแขนของเขา  เขายิ้มกว้างเมื่อเธอหัวเราะในขณะที่เขาเหวี่ยงตัวเธอไปรอบๆเป็นวงกลม

                เมื่อเขาวางเธอลงบนพื้นอีกครั้ง  เธอเงยหน้ามองเขาด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเธอ

                “คุณมาที่นี่เร็วกว่าฉัน” เธอพูด

                “แค่ครั้งเดียว” เขาหัวเราะ

    “มันเจ็บปวดมากไหม” เธอถาม  มือของเธออยู่ที่อกที่เธอรู้ว่าคำสาปแช่งจะโจมตีเขา  เซดริกยักไหล่ 

    “ผมจำอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” เขาพูด 

    “ผมจำได้แต่ว่าเขาน่ารังเกียจ” เขาหยุดพูดชั่วขณะ  นิ้วโป้งของเขาลูบไล้ไปทั่วแก้มของเธอ 

    “คุณได้กล่าวลากับพวกเขาไหม” เซดริกถามเธอ

                “ได้ค่ะ” เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก  

    “แฮร์รี่จะสามารถเอาชนะเขาได้ไหม  คุณคิดว่าไง”

                “ผมคิดว่าครั้งหน้าที่เราไปเกิด จะมีเรื่องอันยิ่งใหญ่เกี่ยวกับแฮร์รี่และรอน และชัยชนะของพวกเขาที่มีต่อโวลเดอมอร์”  เซดริกย้ำกับเธอ และ เธอยิ้มปลาบปลื้มกับคำพูดของเขา  เธอรู้ว่าเขาพูดถูก

                เธอเขย่งปลายเท้า และเหวี่ยงแขนโอบคอของเขาไว้  จูบเขาที่มุมปาก  เขากอดเธอ และเธอหัวเราะเสียงแหลม  เมื่อเขาดึงเธอลงสู่พื้นหญ้า  สภาพแวดล้อมที่พวกเขาอยู่เป็นที่คุ้นเคยสำหรับคนทั้งคู่  พวกเขาเคยอยู่ที่นั่นมาก่อนนับครั้งไม่ถ้วน  หลังจากชีวิตหนึ่งสิ้นสุด  พวกเขาจะไปที่นั่นเพื่อรอจนกว่าชีวิตใหม่จะเริ่มต้นขึ้นเสมอ

                เซดริกพลิกตัวเพื่อจะนอนหงาย และเฮอร์ไมโอนี่นอนกางแขนกางขาอยู่บนตัวเขา  เธอรู้สึกถึงหน้าอกของเขากำลังดันหัวของเธอขึ้นในแต่ละครั้งที่เขาสูดลมหายใจ และเธอปิดตาลง  รู้สึกอบอุ่นเพราะพระอาทิตย์ส่องประกายบนใบหน้าของเธอ

                “คุณคิดว่าครั้งต่อไปเราจะไปเกิด ณ ที่แห่งไหน” เธอถามเขา

                เซดริกไม่ตอบ  ชั่วครู่นิ้วมือของเขาพันเล่นอยู่กับเส้นผมของเธอแทน  

    “เราจะพบกันในไม่ช้า  ผมหวังว่าจะเป็นสักแห่งที่อุ่นกว่าอังกฤษนะ”  เธอหัวเราะเบาๆไปกับมัน  ยกหัวขึ้นและประทับจูบไปที่คางของเขา 

    “อย่ากังวลไปเลย เซดริก ฉันจะอยู่ตรงนั้นเพื่อทำให้คุณอุ่นเสมอ...”

     

    ……………The  end……………

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×