คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ผนึกที่ 11 : การพบกันที่ไม่โสภา(เอาซะเลย)
ผนึกที่ 11 : การพบกันที่ไม่โสภา(เอาซะเลย)
ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งและวิ่งบนถนนเลียบสายน้ำแห่งนครลากูน่า เรือนผมสีเขียวส่องประกายยังคงชี้ไม่เป็นทิศเป็นทางเช่นเดิม อีกทั้งพลิ้วไสวและยุ่งหนักกว่าเก่าเพราะสานลมที่พัดกรูเข้ามามาจังๆ ดวงตาสีอ๊อดอายที่ข้างหนึ่งถูกปิดไว้ด้วยผ้าปิดตาสีน้ำตาลมองขึ้นไปข้างบนตามกลิ่นอายที่เขาสัมผัสได้ ..กลิ่นอายของบุรุษสองคนที่คนหนึ่งคือเพื่อนของเขา ส่วนอีกคนหนึ่งคือคนที่เพื่อนเขามันบ้าไปท้าสู้ ..แล้วก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาพร้อมหายหัวกันไปทั้งสองคน
พอโดนเพื่อนทิ้งแล้ว..ไอ้ครั้นจะยืนรออยู่เฉยๆเขาก็ไม่ชอบ แต่จะให้กระโดดขึ้นหลังคาวิ่งตามไป..ก็เผอิญว่าสภาพของเขาตอนนี้มันทำไม่ได้ พอลองชั่งใจดูไม่ถึงวินาที เขาก็เลยตัดสินใจใช้เท้าตัวเองนี่แหละวิ่งตามสองหนุ่มไป..ถึงมันจะลำบากไปหน่อ..ไม่สิ ลำบากมากๆเลยต่างหาก..
“ชิ....ไอ้พวกแรงถึก!!!”อดไม่ได้ที่ออกเสียงด่าไอ้พวกแรงอภินิหารทั้งผู้พรากความตายทั้งเทวดางี่เง่า กระโดด ข้ามหลังคากันไปไม่มีได้รอกันเล๊ย..โดยเฉพาะไอ้เพื่อนรักที่เห็นของน่าสนุก หน่อยพ่อก็ตาเป็นประกายไม่สนใจหน้าพระหน้าอินทร์อย่างเจ้าคนที่ผมสีเดียวกับ เขาเนี่ยยิ่งน่าฆ่าใหญ่
พอวิ่งไปได้ซักพักเจ้าตัวก็ต้องหยุดแล้วหอบหายใจสูดเอาอากาศเข้าปอดตัวเอง..รู้สึกรำคาญเหงื่ออย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อชุดที่ใส่อยู่ยามนี้เป็นเสื้อแนบเนื้อสีดำที่สวมทับไว้ด้วยเสื้อแขนสั้นขนสัตว์สีน้ำตาล กางเกงขาสามส่วนและรองเท้าบู๊ทข้อสูง ..ชุดซึ่งไม่ได้ใส่มานาน เพราะหลังจากมาที่ลากูน่าก็ใส่แค่ชุดลำลองแล้วหนีไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่หัวราน้ำอย่างเฮฮา
แต่หลังจากเจอผู้พรากความตายเข้า เจ้าเพื่อนรักของเขาก็ไม่ยอมให้เที่ยวอีกต่อไป เพราะมันดันเจอเป้าหมายของการล่าข้อมูลครั้งนี้ซะแล้ว
ผู้พรากความตาย...สิ่งมีชีวิต..เผ่าพันธุ์อันไร้ที่มาซึ่งค่อยๆแพร่กระจายอย่างเงียบๆบนโลกโดยมีผู้รู้ถึงตัวตนเพียงเทวดาและยมทูต ไม่ใช่มนุษย์..แต่ก็ไม่ใช่ปิศาจ และนั่นทำให้เพื่อนเทวดาของเขายิ่งรู้สึกสนใจ ซึ่งเขาก็พอจะเข้าใจในความต้องการของเพื่อนอยู่
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...
“ลองมาคิดถึงคนวิ่งตามบ้างสิวะ ไอ้บ้าเทวดางี่เง่า!!!”
มันก็อดโวยไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ
+++++++
หลังจากที่เอลส์เดินออกจากร้านไปพร้อมสาวทรงโตแล้ว เนลล่าก็จัดแจงทานอาหารต่ออีกครู่หนึ่งแล้วเรียกพนักงานในร้านมาช่วยห่ออาหารให้ สำหรับสาเหตุนั้น ประการแรกเลยคือเขาเริ่มกินไม่ลงแล้วหลังจากที่ได้ยินเรื่องชวนคาใจมา ข้อสอง คือหลังจากเพลย์บอยอันดับหนึ่งแห่งลากูน่าเดินจากไป เขาดูจะได้รับการสนใจจากแขกโต๊ะอื่นมากขึ้นทุกทีจนอาหารเฝื่อนคอ.
ประการสุดท้าย จนบัดนี้เขายังหาอิลเวสไม่เจอ ไม่สิ คงต้องบอกว่า ก่อนจะตั้งต้นหาก็ดันโดนใครบางคนลากมาก่อนเสียมากกว่า
ดูเหมือนทีแรกหลังได้ยินคำพูดของเนลล่า ชายหนุ่มผู้เป็นพนักงานจะขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย เพราะที่นี่เป็นร้านหรู เรียกได้ว่าเป็นร้านมีระดับร้านหนึ่งของเมือง จึงมีบ่อยครั้งที่ลูกค้าจะสั่งอาหารแล้วเหลือบานเบอะอย่างเช่นที่เขาเห็นตรงหน้า และแน่นอนว่าถ้าไม่นำไปทิ้งเพราะลูกค้าทานอิ่มแล้ว ก็พนักงานนี่แหละที่เป็นคนกวาดจนเรียบ แต่ถึงกระนั้นลูกค้าก็คือพระเจ้า ทั้งชายร่างบางผู้เป็นเสนาบดีแห่งลากูน่าก็จ่ายค่าอาหารไว้ให้แล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไรที่เขาจะทำตามคำของร้องของผู้ที่มาด้วย พนักงานร่างสูงจึงเก็บอาหารบนโต๊ะอย่างระมัดระวังและนำไปห่อในครัวเพื่อถือมาให้เด็กหนุ่มนำกลับไป
สำหรับสาเหตุที่เนลล่าเก็บอาหาร หนึ่งก็คือเสียดายของ สอง เขาคิดว่าป่านนี้อิลเวสน่าจะหิวแล้ว ถ้ายังไงจะได้เอาไปนั่งกิน ประหยัดเงินไปได้ทางหนึ่ง.. ถึงแม้ว่าหลังออกจากร้านไปอาจโดนบรรดาคนในร้านซุบซิบกันชนิดเป็นข่าวใหญ่ขึ้นอันดับหนึ่งเลยก็ตาม
แต่ช่างมันเถอะ ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด เงินก็ไม่ได้มีเยอะแยะพอจะล้างผลาญ ใครจะทำไม ยังไงก็ไม่ได้จะอยู่ต่อให้ใครนินทาจนอายกันไปข้างเสียหน่อย
“ได้แล้วครับ”พนักงานหนุ่มมาถึงพร้อมห่อผ้าสีม่วงซึ่งบรรจุไว้ภายในตะกร้าสีน้ำตาล เนลล่ามองตะกร้าแล้วเบิกตาเล็กน้อยก่อนจะบอกปัดด้วยความเกรงใจ “เดี๋ยวผมหิ้วไปเองก็ได้ครับ ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไรครับ ตะกร้านี้ที่จริงก็จะทิ้งอยู่แล้ว อีกอย่างคุณจะได้ถือสะดวกๆหน่อย..แล้วไว้มาอุดหนุนใหม่นะครับ”พนักงานเอ่ยด้วยใบหน้าราบเรียบ
“เอ่อ....”
“เอาไปเถอะครับ”
“ครับ...”
แล้วเนลล่าก็ต้องถือตะกร้าซึ่งโชยกลิ่นอาหารออกมาจากร้าน และดังคาด เพียงไม่กี่วินาทีลับหลังเด็กหนุ่มร่างบาง เสียงเซ็งแซ่ของการนินทาก็ดังขึ้นทันทีอย่างไม่รู้ศัพท์ และแน่นอนว่าเนลล่าไม่สนใจ
อิลเวสนะอิลเวส...ถ้าผมไม่ออกมาตามหาคุณคงไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้หรอก แถมยังต้องมาเจอเรื่องคาใจอีก
อีวาน เฟรริดส์ ถึงแม้จะไม่ได้เจอหน้า แต่จากคำบอกเล่าดูเหมือนจะเป็นคนที่แสนดีจนน่าเสียดายที่ตายไปก่อนวัยอันควร อีกทั้ง..คดีที่เกิดในถนนเลดเซ..
รู้สึกติดใจอย่างไรไม่รู้.....
วิ้ง....!
คลื่นเสียงบางอย่างแล่นปะทะแก้วหูให้เด็กหนุ่มร่างบางสะดุ้งด้วยความเจ็บ มือเรียวบางข้างที่ว่างยกขึ้นกุมใบหู ใบหน้าเหยเกไปด้วยความรู้สึกที่เสียดแทงเข้ามา..คลื่นการปะทะกับที่คล้ายจะรั่วไหล สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่างที่ลอยโชยมา..กลิ่นอายของการปะทะกันของเวทย์มนตร์
เหนือท้องฟ้าไม่มีสัญญาณใดบ่งบอก หากแต่คลื่นเสียงที่นำพาความเจ็บมาให้กลับบ่งบอกได้ดีว่ามีการต่อสู้โดยเวทย์มนตร์ ยิ่งในลากูน่าที่ไม่มีมนตรายิ่งเด่นชัด..แต่ ใครสู้กับใคร...หรือว่า
โดยไม่ทันคิดต่อ เนลล่าก็รีบก้าวไปยัง ‘ทิศ’ ที่ตนรู้สึกได้ทันที
หมอนี่เก่ง...
ไลบราลีอดคิดไม่ได้หลังจากปะทะกันมานาน เวลาผันผ่านหลายชั่วโมง..หรือบางทีอาจแค่ชั่วครู่ แต่นานพอที่จะทำให้ต่างฝ่ายต่างมีบาดแผลอยู่บนตัว เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เสียงเหนื่อยหอบดังออกมาแม้จะจะต่างปิดบังไว้ไม่ให้คู่ต่อสู้รับรู้ ต่างฝ่ายต่างรุกรับกันทั้งดาบทั้งเวทย์ ซึ่งแต่ละฝ่ายก็ไม่ได้มีฝีมือแตกต่างกันเลย... รุกมาก็รับ บางทีก็พลาด แล้วก็ใช้โอกาสที่ได้รุกกลับไปอีก ผลัดกันไปมาจนตัดสินไม่ได้ซะที
ยามนี้พวกเขาต่างก็เกือบๆจะเรียกได้ว่าสะบักสะบอมทั้งคู่ ผู้พรากความตายผมน้ำเงินนั้นเสื้อแหว่งไปเพราะเวทย์ของเขา ทั้งมีรอยโซ่เพลิงไหม้อยู่นิดหน่อยที่ข้อมือทั้งสองข้าง ใบหน้ามีร่องรอยของบาดแผลถลอกและเลือดที่ไหลซิบเนื่องจากคมอากาศที่เขาเรียกมาฟันใส่ และแม้กระนั้น ใบหน้าคมก็ยังนิ่งอย่างไร้อารมณ์เช่นเดิม
ส่วนทางเขาเองเองก็ใช่ย่อย เสื้อผ้าดูจะขาดไปหลายที่จนนึกเสียดายที่เสร็จจากการปะทะคราวนี้คงต้องไปซื้อชุดใหม่ ตามเนื้อตัวมีร่องรอยของการถูกโจมตี และเพราะต่างฝ่ายต่างสู้กันมานานจนพลังแทบไม่เหลือหลอ ยามนี้จึงทำได้เพียงจดจ้องศัตรูเพื่อรอช่องว่างที่อาจเปิดขึ้นแม้ว่าต่างฝ่ายต่างจะระวังตัวอย่างมากก็ตาม
แต่..ให้ตายสิ
ไลบราลีอดคิดไม่ได้ ..ถึงเขาจะเป็นเทวดานอกคอกที่โดนถีบตกลงมาจากสวรรค์ก็เถอะ แต่ก่อนหน้านั้นก็เป็นถึงจอมทัพแห่งสวรรค์เชียวนะ นี่แสดงว่า ถ้าฝีมือเขาไม่ตก เวทย์ไม่พร่อง ก็แสดงว่าคนตรงหน้าเก่งเกินคนใช่ไหม?
ต่อให้เป็นผู้พรากความตายแต่ก็ต้องเคยเป็นมนุษย์ ใน เมื่อตามหนังสือและคำบอกเล่ามากมายทั้งในหอต้องห้ามบนสวรรค์และบันทึกโลหิต ในนรกต่างบอกตรงกันว่าผู้พรากความตายก่อกำเนิดขึ้นจากมนุษย์ที่ถูกพรากความ ตาย..ความเป็นไปได้หนึ่งในสิบ ..งั้น...ความสามารถนี้กำลังบอกเขางั้นหรือว่าชายคนนี้เก่ง...ถึงขั้นต่อกรกับเขาถึงเพียงนี้?
แต่เดิมมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่เคยทำอะไรตามชะตากรรมตัวเองได้อยู่แล้ว..ฝืนเก่งเป็นที่หนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น
ผู้พรากความตาย...ก็ยังน่าสนใจกว่าที่คิดอยู่
ยิ่งคิด เนตรสีเขียวมรกตก็ยิ่งพราวระริก และถึงแม้ว่าพลังจะเริ่มหมดลงเพราะใช้เวทย์ปะทะและป้องกันติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่มือเรียวก็ยกขึ้นดีดเบาๆทีนึง พร้อมร่ายเวทย์ง่ายๆหนึ่งบทอย่างที่ไม่เปลืองแรงมากนักขึ้นมา
อิลเวสที่เห็นเช่นนั้นตั้งท่าเตรียมพร้อมเพราะบัดนี้ไม่อาจใช้เวทย์ใดจู่โจมก่อนได้ ใบหน้าเครียดมองไปยังใบหน้าที่พราวรอยยิ้มของไลบราลี เทวดาหนุ่มหัวเราะ ในมือของชายหนุ่มปรากฏเศษแก้วสีดำที่มีแสงเรืองรองขึ้น ริมฝีปากบางแสยะยิ้ม ก่อนจะเหวี่ยงเวทย์ไปใส่คนที่ยืนรอท่ารับการโจมตีอยู่
“รอรับ!!”
เวทย์ที่ปล่อยออกไปเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและฉวัดเฉวียนและปะทะเข้ากับดาบที่อีกฝ่ายฟาดฟันขึ้นสลายมนต์ เสียงเสียดสีของมนตสลายเวทย์และมนต์ของการโจมตีดังขึ้นคล้ายไฟฟ้าสถิต ก่อนที่มันจะพลันสลายไป
อิลเวสกัดริมฝีปาก นี่เป็นเวทย์ง่ายๆ.. แต่ตัวเขาในตอนนี้ไม่เหลือแรงพอจะกระโดดหลบจึงทำเพียงตวัดดาบสีนิลประจำตัวตนเองสลายมนต์ซึ่งมุ่งตรงมาเท่านั้น
ชายหนุ่มเนตรอเมทิสต์เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะในลำคออย่างถูกใจ ก่อนจะปล่อยเวทย์ง่ายๆออกไปสองสามบทให้อีกฝ่ายหลบและสลายเล่น ก่อนอาศัยจังหวะนั้นร่ายเวทย์ยุ่งยากขึ้นบทนึง อักขระสีเขียว ฟ้า แดง ปรากฏขึ้นโดยรอบ ก่อนจะหลอมรวมเป็นลูกแสงกลมๆลูกหนึ่งขนาดประมาณหัวคน แล้วแล่นตรงไปยังชายผู้ตกเป็นเป้าโจมตี
เปรี๊ยะ~!!
“อึก...”อิลเวสที่ยกดาบสลายเวทย์ไม่ทันเพราะสลายเวทย์อื่นซึ่งโจมตีอยู่รับลูกบอลแสงนั้นเข้าไปเต็มๆ พลังกดดันนั้นมาก แทบจะทำให้เท้าที่ยันอยู่กับพื้นลื่นไถลไปตามแรงกดดัน ชายเจ้าของเนตรสีทองพยายามรับพลังนั้นไว้แม้ว่าร่างกายจะไม่มีแรงแล้ว ริมฝีปากหนาพึมพำเวทย์ฟื้นพลังที่ตนไม่ถนัดเพราะเห็นว่าบางทีอาจจำเป็นเสียแล้วในตอนนี้ ..แต่แล้วลูกบอลแสงนั้นก็เปลี่ยนทิศทางที่กดดันเขาและหนักขึ้นจนกดทับเขาลงไป พื้นหลังคาแตกอย่างที่ทำให้รับรู้ได้ถึงน้ำหนักและแรงกดนั้น ซักครู่บอลทรงกลมก็ค่อยขยายใหญ่ขึ้นพร้อมส่องแสงจ้าขึ้นเรื่อยๆ ด้ายแสงปรากฏขึ้นมัดร่างเขาไว้ไม่ให้หลุดออกจากลูกบอลแสงที่เริ่มปริแตก แสงสว่างลอดส่องออกจากลูกบอลราวกับแสงที่วิ่งวนออกมาตามรอยปริแตก และโดยไม่ทันตั้งตัว ลูกบอลนั้นก็สว่างวาบขึ้นจนพร่าสายตา
แวบ...!
เจ้าของเวทย์ยิ้มพึงพอใจแม้ว่าจะหอบหายใจหนักด้วยความเหนื่อยอยู่ก็ตาม ตอน นี้เขาไม่อาจขยับกายได้เพราะเร้นพลังตัวเองปล่อยเวทย์ชั้นสูงออกไปแม้จะเป็น ขนาดย่อมก็ตาม..เวทย์นี้ถึงไม่รุนแรงเท่าของจริงแต่ก็กินพลังมากโข ตอนนี้เขาคงใช้พลังไม่ได้ไปพักใหญ่ แต่ถ้าคิดจะเผด็จศึกหรือทำให้เรื่องมันจบเร็วๆก็คงต้องลองกันบ้าง ซักพัก...เมื่อแสงเริ่มหายไปเนตรสีม่วงจึงมองไปยังที่ที่บอลแสงหายไป
ร่างของผู้ถูกโจมตีที่ยืนอยู่ที่มุมตึกแก่สายตา อิลเวสหอบหายใจตัวโยนด้วยใช้พลังสลายด้ายไปมากก่อนจะดีดตัวออกมาจากพลังทำลาย เนตร สีทองที่เริ่มช้ำเพราะความเหนื่อยอ่อนมองร่องรอยของตึกร้างซึ่งแหว่งหายไป ส่วนหนึ่งเป็นทรงกลมขนาดใหญ่เพราะอานุภาพของเวทย์ที่ร้ายแรง เหงื่อเย็นๆไหลผ่านใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูง ก่อนดวงเนตรสีทองจะหันไปทางผู้ใช้เวทย์ช้าๆอย่างระแวงภัย “คิดจะฆ่ากันรึไง”
“ก็แค่อยากรู้ระดับของนาย ถ้าแค่นั้นยังตายก็ไม่น่าสนใจแล้วล่ะ”ว่าพลางส่ายหัวไปมา ยักไหล่ไม่สนใจอะไร ถึงแม้จะนึกเสียดายที่ชายหนุ่มไม่ได้รับผลอะไรจากเวทย์ของตนนอกจากอาการสูญเสียพลังงานไปจำนวนมากเช่นเดียวกับคนทำ ..แต่แล้วดวงตาสีอเมทิสต์ก็พลันเปล่งประกายความสนุกสนาน ..ประกายซึ่งไม่เคยหายไปจากดวงตาของเขาไม่ว่าเวลาใด
“ถึงอย่างนั้น แต่นายก็สลัดมันออกนี่? บอกตามตรง พวกที่โดนฉันใช้บอลแสงนั้นขว้างใส่ไม่เคยรอดซักราย..นายเป็นคนแรก..ไหนๆแล้วจะบอกให้เอาบุญ ชื่อของมันคือ.....”
“..ไอดันเต้(แสงจุติเทพทลายฟ้า) ..เวทย์ของเทวดา แต่นั่นมันเป็นเวทย์ระดับสูง งั้นนายคงไม่ใช่พวกปลายแถวสินะ”อิลเวสพึมพำด้วยสีหน้ารียบเฉย เรียกสีหน้าแปลกใจจากไลบราลีได้เป็นอย่างดี
“เฮ้..ถ้ารู้จักไอดันเต้ นายเองก็ไม่น่าเป็นมนุษย์ธรรมดา...เอ้ย ผู้พรากความตายธรรมดาๆเหมือนกัน ใช่..ถึงจะเป็นขนาดย่อมที่ฉันจำลองมา..แต่มันก็คือไอดันเต้อยู่ดี”เนตรสีม่วงพราวระริก ดูเหมือนจะพึงพอใจอยู่ไม่น้อย แต่แล้วก็ต้องรีบโดดออกจากตำแหน่งเดิมเมื่อดาบเรียวยาวฟาดเข้ามา..และ ให้ตายเถอะ ทั้งที่รู้ว่าหลบพ้นความยาวดาบแล้วแท้ๆ..แต่
รอยแผลยาวปรากฏขึ้นที่หน้าท้องแบนราบของชายหนุ่ม ผ่านเนื้อผ้าเข้าไปจนเลือดซิบออกมา
ทำไมถึงโดนฟัน!!
“นายเล่นตลกอะไรน่ะ หรือดาบนั่นมันยืดได้”เทวดาหนุ่มวัยสองร้อยกว่าปีเอ่ยถาม กุมบาดแผลตัวเองแล้วพึมพำเวทย์รักษาแม้จะเหนื่อยแทบขาดใจ แต่ไม่ทันจะรักษาจนแผลสมาน รอยแผลใหม่จากคมดาบก็เกิดขึ้นที่ใบหน้าและแขนทั้งสองข้างของเขาเสียแล้ว
..ทำไม ทั้งๆที่หมอนั่นไม่ได้ขยับตัวเลยชัดๆ! แล้วคมดาบที่เชือดเฉือนร่างกายเขามันมาจากไหน!
ไลบราลีขมวดคิ้ว ชักจะรู้สึกเครียดมากกว่าสนุก ริมฝีปากหนาขบเม้มแน่นครุ่นคิดหาคำตอบของคมดาบปริศนาซึ่งทำร้ายเขา และแม้กระนั้น ดวงตากลับเต็มไปด้วยแววกระหายใคร่รู้..นิสัยซึ่งแก้ไม่หายไปตลอดชีวิต “ว่าไงล่ะ? นายใช้เวทย์มนตร์รึไง”
“ดูสภาพฉันใช้เวทย์ได้รึไง”ว่าตามจริงสภาพของผู้พรากความตายคนนี้ก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ยิ่งตอนสลายเวทย์ของเขาคงใช้พลังไปมากโข ..อยู่ในสภาวะฟื้นพลังเหมือนกันเขา แล้วถ้างั้น..
“งั้นนายโจมตีฉันได้ไงล่ะ?”
“..สิ่งที่มีอยู่อาจไม่มีอยู่ สิ่งที่ไม่มีอยู่อาจมีอยู่”อิลเวสกล่าว ยกมุมริมฝีปากขึ้น กระชับดาบเอาไว้ ท่าทีรัดกุมขึ้นแม้ว่าจะยังมีท่าทีอิดโรยเหนื่อยอ่อน หากแต่ดวงตากลับแข็งกร้าวเตรียมโจมตี ..บาดแผลบนตัวของชายหนุ่มที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อาจบ่งบอกได้ว่าที่ผ่านมาชายร่างสูงคนนั้นอาจยังไม่ได้เอาจริง “มีคนเคยบอกไว้ว่าอย่างนั้น”
“ไม่เห็นเข้าใจ”
“ใช่ ฉันก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้พูดออกมาทำไมเสียด้วยสิ ก็แค่ลอกเขามา”
“อ้าว...........”พอได้ยินคำพูดไร้ความรับผิดชอบเช่นนั้นเข้าก็เล่นเอาเทวดาหนุ่มสติหลุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะต้องรีบรวบรวมสติสตังตัวเองกลับมาอีกครั้งเมื่อถูกคมดาบล่องหนฟาดฟันเข้าให้อีกครา เจ้าตัวพยายามจับทางแล้วกระโดดหลบแม้พลังกายไม่ได้เหลือมากพอให้ใช้ก็ตาม คราวนี้ไลบราลีพยายามรวบรวมสมาธิของตน มองไปที่ท่าร่างการฟันของอีกฝ่าย ดวงตาของเทวดาย่อมดีเยี่ยมกว่ามนุษย์ ดังนั้นขอเพียงตั้งสมาธิได้ดีซักหน่อยก็อาจเห็นในสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็น..ได้
ขวับ..!!
การตวัดดาบเพียงครั้งเดียวของอิลเวสส่งผลให้เกิดคมสุญญากาศคมกริบแล่นปราดออกมาเชือดเฉือนคู่ต่อสู้ การตวัดที่รวดเร็วจนฟันอากาศให้เกิดการอัดแน่นของสายลม..วิชาดาบ..ที่เรียกคมดาบสุญญากาศอันแสนธรรมดา แต่เขากลับมองไม่เห็นถ้าไม่จ้องดูดีๆ!
แทนที่จะกลัว..ไลบราลีกลับแสยะยิ้ม ในเมื่อรู้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องกลัว ทั้งรู้สึกพึงพอใจประหลาดที่คนซึ่งเขาสนใจช่างเก่งกาจจนเขาไม่จำเป็นต้องออมมือ
ใช่..ไม่จำเป็นต้องออมมืออีกแล้ว!
เปรี๊ยะ..!
เสียงปริแตกของอะไรบางอย่างดังขึ้นเหนือหัว....
อิลเวสที่กระชับดาบขมวดคิ้วอย่างนึกสังหรณ์ใจไม่ดี อะไรบางอย่างร่วงกราวลงมาและสลายก่อนถึงตัวเขา อิลเวสเงยหน้าขึ้นมองเบื้องบน ก่อนจะพลันเบิกตากว้างเมื่อเห็นบางสิ่งที่คล้ายกระจกกำลังร่วงกราวลงมา
เศษ ‘กระจก’ ที่กล่าวนั้นสลายเมื่อร่วงลงมาถึงพื้น เหนือหัวของเขาขึ้นไปปรากฏลักษณะคล้ายโดมแก้วที่ค่อยๆแหลกสลายและร่วงกราวลงมา บรรยากาศบิดเบี้ยว..รอยต่อของเมฆเดิมที่เขาเห็นกับเมฆที่เห็นจากช่องว่างซึ่งค่อยๆแตกร้าวนั้นไม่พอดีกัน...ราวกับ...
ราวกับ..บรรยากาศที่แตกแยก..หรือว่า
....เขตอาคม!!
“ที่นีฉันก็ใช้พลังได้เต็มที่แล้วสินะ”เจ้าตัวว่าพลางกำหมัดและคลายมือสลับกันไป ถึงแม้ไม่ได้ยินเสียงบริกรรมคาถา แต่บาดแผลของชายหนุ่มก็กำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว รอยแผลที่เขาฟันเข้าไปหลายครั้งค่อยๆจางไป คราบเลือดที่ติดบนเสื้อผ้าเองก็เลือนหาย แม้แต่ริ้วรอยถลอกและอาการโทรมจากการใช้พลังก็ดูเหมือนจะค่อยๆหายไปด้วย
เขตอาคมนี้เป็นเขตอาคมชั้นสูง..เขารู้ได้เพราะยิ่งเขตอาคมซับซ้อนเท่าไหร่ ผู้ที่ถูกกักในเขตอาคมก็ยิ่งไม่รู้ตัวมากขึ้นเท่านั้น และในเมื่อแม้แต่เขาเองยังไม่รู้สึกว่าถูกกางเขตอาคม.. นั่นย่อมบ่งบอกถึงความซับซ้อนและความเก่งของคนตรงหน้าที่ถึงกับสร้างมันขึ้นมาครอบเขาและตัวเองได้ อีกทั้ง..จากเมฆซึ่งเมื่อเขตอาคมแตกสลายแล้วไม่ได้มีรอยต่อเชื่อมกัน นั่นย่อมหมายความว่า..ภายในเขตอาคมและนอกเขตอาคมอยู่ในคนละมิติกัน มิใช่เพียงกางเขตขึ้นมาคุ้มครอง
และเป็นจริงดังคาด เมื่อเขตอาคมถูกสลายจนหมด แม้แต่ร่องรอยการต่อสู้ที่สร้างความเสียหายให้แก่สิ่งก่อสร้างทั่วบริเวณก็ดูเหมือนจะหายไปด้วยเช่นกัน...
ลองใช้เวทย์ชั้นสูงไปสองอย่างแบบนี้ เขาก็ชักจะเดาระดับของเทวดาผู้นี้ไม่ได้เสียแล้ว...
..เทวดาผู้นี้..เป็นใคร!!
“จะให้ต่อให้ไหม?”ชายหนุ่มเอ่ยหยามหยัน บัดนี้พลังกลับมาส่วนหนึ่งเพราะปลดเขตอาคมซึ่งแต่เดิมสร้างไว้เพื่อดึงพลังของตน ..เทวดาผมเขียวเรียกเวทย์บางอย่างมาไว้ในมือ สิ่งนั้นคล้ายสายลมสีฟ้าอมม่วงที่บิดเกลียวไปมาราวกับพายุที่เริ่มก่อตัว อิลเวสมองลูกบอลในมือนั้น คาดเดาเอาเองว่าบัดนี้ชายหนุ่มคงพร้อมจะสู้กับเขาแล้ว น่าเสียดาย..ที่ชายร่างสูงเจ้าของเนตรสีทองยังไม่พร้อมทำเช่นนั้น พลังของเขามีจำกัด..แล้วก็ใช้ไปมากเมื่อยามต่อสู้และยามที่สลายไอดันเต้ไป..อย่างน้อยๆที่สุด เขาไม่อยากดึงพลังอื่นมาใช้
อิลเวสเค้นพลังเวทย์ของตัวเอง พยายามใช้มนต์ให้น้อยที่สุดฟื้นฟูร่างกายของความอ่อนล้าของตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่จะเริ่ม เทวดาหนุ่มกลับโจมตีออกมามาทั้งที่ปากบอกว่าจะต่อให้ พายุหมุนลูกเล็กค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นและหมุนวนเข้ามาทางชายหนุ่มร่างสูง เส้นทางที่พายุหมุนเคลื่อนผ่านถูกทำลายจนกระจุยเป็นเศษดินจนอิลเวสนึกเอาเล่นๆว่าถ้าเขาโดนเข้าไปจะเป็นเช่นไร แต่ตอนแน่นอนว่าเขาไม่ได้วิ่งเข้าไปในลูกพายุขนาดย่อมเพื่อพิสูจน์ ชายเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินกระโดดหลบลูกพายุหมุนนั้นแล้วจึงต้องกัดริมฝีปากตนระงับความเหนื่อยอ่อนและความเจ็บ ก่อนจะเบิกตากว้างมองพายุหมุนที่พลันเวียนเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว อิลเวสยืนนิ่งแล้วจึงจัดแจงร่ายมนต์เปลวเพลิงขึ้นมาให้ห่อล้อมพายุหมุนนั้นจนมันค่อยๆถูกกลืนหายไป
เจ้าของเนตรสีทองหอบหายใจ พลังเริ่มร่อยหรอจนอยากลงไปนอนเอาดื้อๆ จนกระทั่งเริ่มตั้งสติได้ เขาถึงหันไปถามผู้โจมตีที่กำลังเริ่มร่ายมนต์ขึ้นใหม่ด้วยน้ำเสียงโทนราบเรียบดังเดิม “ไม่ได้จะต่อให้หรอกรึ?”
“ไม่ขอมาก็นึกว่าไม่อยากเสียศักดิ์ศรี”
อิลเวสถอนหายใจ มองใบหน้าเรียวของอีกฝ่ายที่ยามนี้เริ่มร่ายเวทย์อีกครั้งโดยไม่รอให้คู่ต่อสู้พักกายพักใจ ..ร่างกายยังคงสะบักสะบอมด้วยเขาไม่เคยถนัดในเวทยการฟื้นฟู มือหนากระชับดาบซึ่งเป็นอาวุธหนึ่งเดียวที่เขาถนัดที่สุด ดวงตาเปล่งประกายพร้อมสู้อีกครั้ง ก่อนจะแสยะยิ้มเย็นและเอ่ยเสียงเรียบกดดัน
“อันที่จริง..นายคิดถูก”
แฮ่ก..แฮ่ก..
เนล ล่าวิ่งไปตามถนนเลียบสายน้ำแห่งนครลากูน่าตามทศที่รู้สึกถึงคลื่นพลังที่ รั่วไหล..อันที่จริงตอนนี้คงต้องเรียกว่าเขาเกือบจะรู้สึกชัดเจนแล้วด้วยซ้ำ ว่าเจ้าของคลื่นเวทย์ที่รู้สึกได้นั่นเป็นของอิลเวส ส่วนอีกคนนึง..เขายังไม่รู้ว่าป็นใคร แต่คลื่นพลังพิสุทธิเช่นนั้น..บางทีคงเป็นเทวดา
เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงกัดริมฝีปาก ไม่ใช่เรื่องดีเลยที่มาปล่อยให้อิลเวสรับมือกับเทวดาคนเดียว แต่ตอนนี้เขาก็ไม่กล้าจะกระโดดขึ้นหลังคาไป แถวนี้มีคนยืนอยู่มาก ถ้าหากว่าเขากระโดดขึ้นไปวิ่งบนนั้นล่ะก็ มันจะกลายเป็นเป้าสายตาไป
เนลล่าถอนหายใจยาว รู้สึกวุ่นวายนิดหน่อยกับสิ่งที่คิดจะทำ.. ร่างบางตั้งต้นวิ่งเข้าซอกตึกมากมายที่มีอยู่ในนครลากูน่าซึ่งเป็นถนนสายเล็ก เท้าใต้รองเท้าบู๊ทสัมผัสิวน้ำเจิ่งนองซึ่งมีมากมายในลากูน่า ก่อนจะกระโดดส่งร่างตัวเองขึ้นไปบนหลังคาบ้านซึ่งเรียงรายยาวอย่างสวัสดิภาพโดยไร้ผู้คนพบเห็น ร่างบางใต้อาภรณ์สีขาวล้วนยืนรับสายลมปนกลิ่นน้ำที่พัดอยู่เบื้องบน ก่อนจะหลับตาเพื่อหาสัมผัสซึ่งรู้สึกอยู่ตลอดเวลาให้ชัดเจนอีกครา
..คลื่นพลัง เบาบางลง
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เมื่อครู่เขารู้สึกได้แล้วว่าคลื่นพลังบางอย่างรั่วไหลออกมาอย่างเต็มที่ แต่แล้วกลับบางลง..เป็นเพราะกั้นเขตอาคมอีกรอบงั้นหรือ..ไม่สิ
เพราะพลังของทั้งสองคนอ่อนลง?
มีทางเป็นไปได้สูง แต่จะไม่มีวันแน่ใจจนกว่าจะถึงที่หมาย
คิดได้ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงกระโจนพาตนไปตามกลิ่นอายของพลังทันที
แคร้ง!!
“ใช้ดาบได้ทำไมถึงไม่ใช่ตั้งแต่แรก”เสียงทุ้มเอ่ยถาม มองดาบในมืออีกฝ่ายที่โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ แต่ดูเหมือนเจ้าของดาบจะไม่ยอมตอบอะไร สองหนุ่มต้านทานกำลังกันจนต่างฝ่ายต่างผละออกไป อิลเวสไม่รอช้ารีบตวัดดาบเข้าโจมตี ไลบราลีเอนกายหลบดาบหวุดหวิดก่อนจะรี่แทงเข้ามาที่ใบหน้าของชายหนุ่ม อิลเวสที่ร่างกายยังไม่ฟื้นฟูดีถูกเฉี่ยวที่ใบหน้าจนเลือดซิบ บุรุษเจ้าของเรือนผมสีเขียวแสยะยิ้มถูกใจ ก่อนจะบุกเข้าไปอีกครา อิลเวสที่แม้ร่างกายอยู่ในสภาพที่ใกล้จะสลบเต็มที่หลบดาบที่แทงเข้ามาด้วยสัญชาตญาณ ก่อนจะสวนดาบไปหาอีกฝ่ายอย่างว่องไวด้วยความชำนาญ เป็นเหตุให้แขนของชายร่างเพรียวถูกฟันจนเลอดไหลอีกครั้ง
“อา..ชุดฉัน”ไลบราลีคราง “พลังเวทย์ไม่เหลือหลอแล้วด้วย”
..อึดชะมัด
ไลบราลีอดคิดไม่ได้หลังใช้เวทย์มนตร์โจมตีจนแม้แต่เขาก็ไม่เหลือพลังให้ดึงออกมาใช้ แต่ที่ประหลาดคงเป็นการปรับใช้พลังที่เหลือน้อยของคนตรงหน้ามากกว่า..
ใช้วิธีสลายเวทย์โดยใช้มนต์ร่วมกับดาบตัวเอง แถมยังบีบพลังจนไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายด้วย
เท่าที่ตาเห็นแค่ดูก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้ถนัดเรื่องเวทย์มนตร์ แต่ดูเหมือนจะถนัดการประยุกต์ใช้ให้ได้ผล กลับ กันตัวเขาเองใช้แต่เวทย์มนตร์ใหญ่ๆจนพลังถูกสูบสุดท้ายเลยอยู่ในสภาพที่ต้อง อัญเชิญดาบมาใช้ร่วมกับความเร็วที่ใช้เวทย์มนตร์ทำให้เพิ่มขึ้นนิดหน่อย ..ยังดีที่เขาเองฟื้นฟูกำลังและสภาพร่างกายได้แล้ว ถึงพอจะสู้ได้สูสีกับยอดฝีมือคนนี้ที่แทบไม่เหลือแรงให้สู้อีกต่อไป
คิดไม่ออกเลยว่าถ้าอีกฝ่ายมีพลังเต็มเปี่ยม..เขาจะสู้ฝีมือดาบที่รวดเร็วนี้ได้รึเปล่า แต่ที่สำคัญกว่านั้น
ผู้พรากความตายคนนี้อายุกี่ร้อยปี...?
ทั้งสัญชาตญาณ พลังสมาธิ การใช้พลัง ความเฉียบแหลมฉับไว อย่างน้อยความสามารถนั้นไม่น่าได้มาด้วยเวลาสั้นๆแค่สิบยี่สิบปี แต่ก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน ในเมื่อบางทีเจ้าตัวอาจจะเป็นอัจฉริยะที่สามารถทำเรื่องพรรคนั้นได้ด้วยเวลาไม่กี่ปี
กระนั้น ปากพาจนของไลบราลีก็เผลอถามไปจนได้
“นายอายุเท่าไหร่อ่ะ”
“จำไม่ได้”
ขวับ!!
“อี๊!! คอฉัน!!”ร้องโหยหวนเมื่อดาบตวัดโดนลำคอ ไลบราลีอดเหงื่อตกไม่ได้ด้วยหากรู้สึกตัวช้ากว่านี้เขาคงถูกดาบเล่มนั้นบั่นคอไปแล้ว..ถึงเป็นเทวดาก็ใช่จะตายไม่เป็นนะ..
แต่อันที่จริงก็ควรจะกล่าวว่าเสียเปรียบตั้งแต่สู้กับผู้พรากความตายแล้ว
เห..
“ผู้พรากความตาย..ไม่ใช่ว่ามีร่างกายที่ฟื้นฟูได้รวดเร็วหรอกหรือ?”
กึก!
ฉัวะ!
ชั่วพริบตาที่คำถามนั้นดังออกมาจากริมฝีปากแดงของไลบราลี ดาบเรียวบางสีนิลก็ตวัดเข้าให้ที่กลางอก หัวใจของเทวดาหนุ่มหล่นวูบแทบกองกับพื้น ดวงตาสีม่วงสวยมองหน้าอกตัวเองที่เป็นฟันลึกพอสมควร ก่อนจะทันได้เงยสบดวงตาสีทองเปล่งประกายเหี้ยม ไลบราลีกลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนที่อิลเวสจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็น “ถามทำไม”
“...เขาว่ากันว่า..ผู้พรากความตายเป็นอมตะ ทั้งอายุก็จะถูกหยุดไว้ในช่วงเวลาที่กลายเป็นผู้พรากความตาย ..และถ้าพูดถึงคำว่าอมตะ ก็คือฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่ตาย ทั้งบาดแผลเองก็น่าจะหายอย่างรวดเร็ว ไม่ถูกโรคภัยไข้เจ็บหรือความแก่ชราถามหา เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดชีวิตที่มนุษย์..ไม่สิ..สิ่งมีชีวิตต้องการ แต่เท่าที่ดูแล้ว
ตอนนี้นายบาดเจ็บจนแทบสลบแล้วไม่ใช่เหรอ”
“...ก็ใช่”อิลเวสรับคำ แสยะยิ้มไร้ความจริงใจ ดวงตาคล้ายจะแฝงด้วยความอำมหิตกว่าเดิม “แต่ฉันคิดว่าคงทนยืนอยู่ได้จนกว่าจะเชือดเทวดาซักตนเสร็จ”
ขวับ!!
คมดาบสุญญากาศปรากฏขึ้นอีกครั้ง ไลบราลีพยายามจะดึงเขตป้องกันมาใช้แต่ท่าทางจะไม่เหลือพลังให้ดึงจริง สิ่งที่เขาพอทำได้จึงเป็นการหลบคมดาบแบบตามมีตามเกิด บาดแผลเกิดขึ้นอีกครั้งทั้งที่อุตส่าห์รักษาไปแล้ว ..ดูเหมือนว่าผู้พรากความตายตรงหน้าเขาจะโกรธกับการถูกถามเรื่องของตัวเอง..แต่
ถ้าชั่งน้ำหนักความตายกับเรื่องที่อยากรู้ อย่างที่สองมันหนักกว่าจมเลยจริงๆ
“ผู้พรากความตาย..ไม่มีวันตายจริงๆน่ะหรือ? แล้วทำไมถึงได้บาดเจ็บได้ล่ะ แล้วที่จริงนายอายุเท่าไหร่กันแน่? ผู้พรากความตาย..จริงแล้วต่างจากมนุษย์จริงๆน่ะหรือ....นี่ นายช่วยตอบเทวดาโง่ๆคนนี้หน่อยสิ คุณผู้พรากความตาย??”
“ฉันจะตอบก็ต่อเมื่อนายชนะฉัน......”
เคร้ง!!
“เท่านั้น!!”
เสียงตวาดกราดเกรี้ยวดังขึ้น ดาบปะทะกันเสียงดังตามด้วยเสียงของการเสียดสี ไลบาลีกัดริมฝีปาก แววตาสบายๆเริ่มหายไปแล้วแทนที่ด้วยแววเคร่งเครียด แขนที่ยันแรงกับอีกฝ่ายอยู่กำลังสั่นระริกด้วยแรงที่ผู้พรากความตายผมน้ำเงินกดลงมา แรงที่หายไปของชายหนึ่มร่งาสูงจู่ๆก็กลับคืนมาจากไหนไม่ทราบมากมาย ไลบราลีทานได้ซักครู่ก็กระชากดาบออก กระโดดพากายให้ไกลออกไปจากคนอันตรายมากกว่าเดิม
แต่เพียงครู่เดียวร่างสูงโปร่งของผู้พรากความตายก็หายวับมาปรากฏตัวตรงหน้าเขาทันที ดาบเรียวยาวตวัดเข้าหาร่างของเขาอย่างที่เทวดาหนุ่มตั้งตัวไม่ทัน ไลบราลีก้าวถอยหลัง ย่อกายหลบดาบแต่แล้วก็ต้องรีบเคลื่อยกายไปทางซ้ายเมื่อวิถีดาบที่ฟันลงมาตรงๆปรับเปลี่ยนทิศทางเร็วพอๆกับการหลบหลีกของเขา มือเรียวยาวของไลบราลีกระชับดาบของตัวเองแน่นแล้วฟันเข้าให้ที่เท้าของบุรุษเนตรทอง แต่นแน่นอว่าอิลเวสย่อมกระโดหลบทัน แต่ในขณะที่เขาลอยอยู่กลางอากาศ ก็ถูกด้ามดาบของไลบราลีฟาดเข้าให้เต็มแรง!!
พลั่ก!!
“.....นาย”อิลเวสคราง ร่างไถลไปตรามแรงส่งจนเกือบตกลงมาจากหลังคา รู้สึกจุกในช่องท้อง แต่ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนอวัยวะภายในที่ช้ำตั้งแต่แรกจะได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ชายหนุ่มไอเสียงดัง สำรอกเอาเลือดที่ช้ำอยู่ภายในออกมาเปรอะเปื้อนกระเบื้องหลังคา ไลบราลีหอบหายใจ ปาดเหงื่อและเลือดของตน ก่อนจะแสยะยิ้มและเอ่ยอย่างผู้มีชัย
“ถึงขีดจำกัดแล้วสินะ”
“.......”อิลเวสกวาดมองด้วยสายตาที่ยังไม่ยอมแพ้ แต่พอจะลุกขึ้นเขากลับต้องนิ่วหน้า ด้วยดูเหมือนคำพูดของอีกฝ่ายจะเป็นจริง
ร่างกายของเขาชาดิก เรี่ยวแรงก่อนหน้านี่ที่พอจะเค้นขึ้นมาได้หายไปจนหมด อิลเวสพยายามยกแขนขึ้น อย่างน้อยให้ทรงตัวได้โดยไม่ตกลงไป ดวงตามองไปยังคู่ต่อสู้ซึ่งยืนนิ่งโดยยังไม่ยอมโจมตีเข้ามา
..ยังพอขยับไหวรึเปล่านะ
ชายหนุ่มกำและแบมือ กระชับดาบเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะยันกายลุกขึ้นท่ามกลางการรอคอยของเทวดาหนุ่มที่แม้สภาพที่กว่าเขาแต่ก็ดูจะโทรมไม่แพ้กัน
“ถ้ายังไหวก็เข้ามา”เทวดาหนุ่มเอ่ยท้าทาย ตั้งท่าพื้นฐานพร้อมยิ้มอย่างเคยชิน “ฉันรออยู่
อิลเวสสูดลมหายใจลึก ประคองกายลุกขึ้น พยายามกำดาบของตนให้แน่นที่สุด ปาดรอบเลือดที่มุมปากของตนแล้วแสยะยิ้มบาง
“แล้วนายจะเสียใจ”
“อิลฮะ!!”
กึก!
ชายหนุ่มชะงัก ดาบที่กำลังเตรียมเข้าฟาดฟันหยุดกึกพร้อมกับที่อีกฝ่ายเผลอเกร็งท่าสุดชีวิต บรรยากาศที่คุกรุ่นด้วยไอร้อนแรงของการต่อสู้พลันชะงักและดับวูบลง อิลเวสเบิกตาน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองยังต้นเสียงอันคุ้นเคย
ร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่บนหลังคาถัดจากเขาไป ขาเรียวใต้กางเกงสีขาวดูจะยังยืนไม่ถนัดดีนักด้วยเพิ่งจะกระโดดโรยตัวถึง เรือนผมสีขาวเหลือม่วงสวยติดจะยุ่งเหยิงราวกับถูกลมพัดเข้าจังๆซักหลายครา ใบหน้าเกาะพราวด้วยหยาดเหงื่อ เนลลล่าหอบหายใจเหนื่อยอ่อน ใช้ท่อนแขนปาดเหงื่อของตน ก่อนจะเงยหน้ามองเพื่อนร่วมทางด้วยแววตาร้อนรน “อิลเวส ผมหาคุณตั้งนาน มาทำอะไรที่นี่กันครับ!! ทำไมถึงบาดเจ็บหนักขนาดนี้!!แล้วอีตาคนข้างหลังนั่นใคร!!”
เด็กหนุ่มตวาดใส่ ทั้งห่วงทั้งโกรธ มองเครื่องแต่งกายสีขาวซึ่งบัดนี้ถูกย้อมไปด้วยสีเลือดของเพื่อนร่วมทาง ทั้งใบหน้าซีดขาวยังบ่งบอกด้วยว่าสูญเสียเลือดไปมากเพียงใด เนลล่ายืนนิ่ง มองไปยังร่างของชายเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินด้วยสายตาคาดคั้น
“เอ่อ...”
ชายหนุ่มร้องในคอหลังเหม่อจ้องดวงตาโกรธขึ้งของเด็กหนุ่มร่างบางอยู่นาน อ้ำอึ้งด้วยไม่รู้จะตอบคำถามใดก่อนดี ดวงตาสีทองมองใบหน้าร้อนรนของผู้ร่วมทางที่จ้องมองมามาด้วยเนตรกลมโตสีแดง อิลเวสทำท่าจะกระโดดไปหา แต่แล้วเสียงหวดลมกลับดังหวือมาที่เหนือหัวของบุรุษเนตรสีทอง
ขวับ!!
ด้วยสัญชาตญาณ อิลเวสรีบย่อกายลงหลบดาบที่ฟันมาโดยที่เป้าหมายที่คอเขาทันที ก่อนจะหันหลังมองไปที่เจ้าของดาบซึ่งกำลังยิ้มกริ่มอยู่เบื้องหลังเขาด้วยแววตาระริกแสนสนุกที่พลันหวนกลับมา
ไอ้หมอนี่..
อิลเวสอดขัดเคืองขุ่นรำคาญใจไม่ได้กับการลอบกัดของอีกฝ่าย และยิ่งหงุดหงิดอยากเชือดเทวดาทิ้งเมื่อได้ยินคำต่อมา
“ว้า..”ไลบราลีร้องด้วยความเสียดาย พาดดาบที่ฟันพลาดลงกับบ่าตัวเอง “ว่าจะทดลองซะหน่อย ว่าถ้าผู้พรากความตายหัวขาดจะต่อกันได้รึเปล่า”
“..นาย”อิลเวสกัดฟันกรอด ฝืนกายลุกขึ้นโดยมีแรงโกรธเป็นตัวช่วยพยุง มือหนากำดาบแน่น ก่อนจะเข้าปะทะกับเทวดาหนุ่มอีกครา
เคร้ง!!
“อิลเวส!!”เด็กหนุ่มตะโกน มองเพื่อนด้วยความเป็นห่วงด้วยบัดนี้ร่างกายของชายหนุ่มสะบักสะบอมจนแทบจะล้มไปกองกับพื้นอยู่แล้ว ในขณะที่คู่ต่อสู้ไม่มีบาดแผลสาหัสเลยซักที่...แบบนี้ต่อให้อิลเวสฝืนขนาดไหน เก่งเพียงใด อีกซักพักคงต้องล้มไปกองกับพื้นเพราะเลือดหมดตัวแน่
เนลล่ากัดริมฝีปาก ดวงตาเปล่งประกายความไม่พอใจ มือเรียวดึงเอามีดสั้นทั้งสองของตนออกมาเตรียมกระโดดเข้าร่วมการต่อสู้ แต่แล้วคลื่นพลังบางอย่างกลับอัดกระแทกเข้ามาที่กลางหลังจนเด็กหนุ่มถึงกับกระอัก ร่างบอบบางกลิ้งโค่โล่ตามความชันของหลังคาจนแทบจะตกลงไปหากว่ามือไม่ไวจับขอบกระเบื้องเอาไว้
อิลเวสที่เห็นเด็กหนุ่มตกลงไปเบิกตากว้าง หากเพียงชั่วครู่ที่เผลอละสายตาคนตรงหน้ากลับถือโอกาสบุกเข้ามาโจมตี จนชายหนุ่มได้มาอีกแผล อิลเวสสบถในลำคอ ดวงตาสีทองเปล่งประกายกร้าว ก่อนจำต้องหันมาสนใจกับการต่สู้ต่อไป
ร่างโปร่งบางห้อยต่องแต่ง เนลล่ามองความสูงและสายน้ำเล็กที่ไหลเอื่อยเบื้องล่างแล้วกลั้นหายใจ ก่อนจะพยายามถีบตัวเองขึ้นมา และพบกับร่างหนึ่งวึ่งยืนท้าวสะเอวมองเขาอยู่ข้างบน
“ไง รีบขึ้นมาสิ”
ชายหนุ่มกระดิกนิ้ว ก่อนจะจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงสีเขียวส่องประกายของตนให้เข้าที่ ดวงตาสีอ๊อดอายซึ่งยามนี้ถอดผ้าปิดตาไปแล้วมองมาด้วยแววตาสนุก ชายหนุ่มมีรุปร่างสูงหนา สวมใส่เสื้อแนบเนื้อสีดำพร้อมสวมทับด้วยเสื้อขนสัตว์สีน้ำตาล กางเกงวาสส่วน และบู๊ทข้อสูง ใบหน้าคุ้นเคยทำให้เนลล่าขมวดคิ้ว ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อภาพของชายหนุ่มไปซ้อนทับกับใครบางคนเข้า
“นาย.....
ไอ้คนปากสว่างที่ร้านเหล้า”
โครม!!
คนกำลังเก๊กหล่อล้มหัวฟาดพื้นทันทีพร้อมลื่นครูดลงมาจนหยุดในระดับเดียวกับที่เนลล่า เด็กหนุ่มผมขาวเหลือบม่วงที่ปีนขึ้นาได้ครึ่งตัวแล้วกระพริบตาปริบๆมองคนที่ล้มลงมาแล้วหรี่ตาลง ก่อนจะแสยะยิ้มแล้วเอ่ยถามออกไป “เอ๋.. นายมาอยู่ที่นี่ได้ไงล่ะครับเนี่ย”
“ก็ตามหมอนั่นมาน่ะสิ”บุ้ยใบไปทางหนึ่งในสองคนที่กำลังปะทะกัน “กระโดดลิ่วมาทางหลังคา ไม่ได้สงสารฉันเล้ยว่าไม่ได้สามารถจะตามมาได้น่ะ”
“หือ? แล้วถ้างั้นนายตามมาที่ได้ไงล่ะครับ”เอ่ยถามเสียงกระด้างไร้ความเกรงใจด้วยยังติดภาพจอมลวนลามที่มาขัดขวางเขากินของโปรด แต่ดูเหมือนชายหนุ่มเนตรสองสีจะไม่ได้ว่าอะไร ยอมบอกแต่โดยดี
“วิ่งตามมาแล้วเดินเข้าบ้าน แล้วก็ปีนขึ้นมา เหนื่อย”ถอนหายใจแล้วรีบลุกขึ้น “อย่าไปขัดสองคนนั้นเลย ให้มันตายไปข้างค่อยหยุด”
“ตาบอดรึไงครับถึงไม่เห็นว่าอิลเวสเสียเปรียบ ผมจะไปช่วย!”เนลล่าร้องอย่างนึกได้แล้วรีบถีบตัวเองปีนขึ้นมาบนหลังคา แต่แล้วคลื่นพลังเดิมก็อัดกระแทกเขาเข้ามา แต่คราวนี้เนลล่าตั้งรับทัน มือเรียวรับคลื่นพลังไว้แล้วปล่อยให้หมดพลังไปเอง พลันเนตรสีทับทิมจึงมองไปยังเจ้าของคลื่นพลังที่อัดมาใส่ตน
“นาย...”
“ทางนั้นเขากำลังสนุก เราก็มาหาเรื่องเล่นกันดีกว่า”ว่าพลางดึงมีดออกมาเล่มหนึ่ง เนลล่าขมวดคิ้ว ก่อนดวงตาจะเป็นประกายอย่างนึกสนใจ
“นายใช้มีดเป็นอาวุธเหรอครับ?”
“นายก็ด้วยนี่”
คราวนี้เนลล่าจึงถูกเบนความสนใจมาที่สิ่งตรงหน้าทันที ดวงตาพราวระริกด้วยไม่ยากนักที่จะเจอคนที่ใช้อาวุธปะเภทเดียวกัน โดยเฉพาะมีดอย่างที่เขาใช้ ชายหนุ่มที่มองเห็นดวงตาของเนลล่าก็นึกเดาได้ว่าเจ้าตัวคงสนใจจะสู้กับเขาแล้ว ริมฝีปากหนายิ้มกริ่ม ก่อนจะว่าต่อไป
“เอ้า ว่าไง”
“ผมขอรับคำท้าครับ!!”
แล้วการต่อสู้อีกคู่หนึ่งก็เริ่มขึ้น
เสียงเสียดสีกันของดาบดังกังวานสะท้อนก้อง
อิล เวสมองใบหน้ายียวนกวนประสาทของคนที่ทานกำลังกับเขาแล้วขมวดคิ้ว นึกหงุดหงิดจนอยากจะฟันคออีกฝ่ายให้ขาดสะบั้น เสียแต่ว่าแรงของเขาตอนนี้ไม่มากพอจะทำเช่นนั้นได้ ชายหนุ่มร่างสูงนึกอยากเผด็จศึกด้วยร่างกายของเขาไม่อาจขยับต่อไปได้แม้แต่ เซนต์เดียว ..เรียกว่าตอนนี้ ชายหนุ่มกำลังต่อสู้ตามสัญชาตญาณของร่างกายก็ว่าได้
บางทีเขาอาจจะแพ้ ? หรือบางทีเขาอาจจะชนะ?
ตอนนี้..ไม่อาจคาดเดา
พลั่ก!!
“อูย..เจ็บนะพ่อคุณ!”บุรุษ เนตรสองสีร้องครางพร้อมเอียงตัวหลบมีดที่อีกฝ่ายตวัดเข้ามา หลังถูกเด็กหนุ่มผมขาวคนนี้ประชิดตัวแล้วถีบเข้าให้จังๆกลางอกจนจุก ทั้งเด็กหนุ่มยังหมุนกายตวัดดาบใส่เขาสองครั้งซ้อนด้วยมีดคู่จนหลุบแทบไม่ ทัน เหงื่อเย็นๆ ไหลผ่านหน้าผากของชายหนุ่มผมเขียวประกาย ก่อน ที่เขาจะอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายโจมตีย่อกายลงแล้วกวาดขากับพื้นเพื่อตัดการ ทรงตัวของเด็กหนุ่ม เนลล่ากระโดดขึ้นทันแต่ก็เสียการทรงตัว ทั้งเมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกที อีกฝ่ายกลับหายไปจากสายตาเสียแล้ว!!
จุ๊บ..!
…
“...!...ทำบ้าอะไรครับเนี่ย!!!!!”ตวาด ลั่นใส่คนที่จู่ๆก็มาจูบที่คอเขาจนเด็กหนุ่มถึงกับขนลุกหน้าซีดด้วยความขยะ แขยงมือไม้ชาทั้งรู้สึกเหมือนผื่นขึ้น ริมฝีปากสั่นกึกๆมองบุรุษที่แลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างพึงพอใจ เนลล่าลูบคอตัวเอง ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโมโห ก่อนจะรีบตวัดกวาดมีดเข้าโจมตีชายหนุ่มเจ้าของเนตรสองสีอย่างรวดเร็ว ผู้ถูกโจมตีก้าวถอยหลังออกมา ยกมือข้างหนึ่งลูบปลายคางอย่างครุ่นคิดแล้วหลุดวลีบางอย่างออกมา
“ฝน.....
กับ..การรอคอย”
ร่างกายของเนลล่าชาวาบทันที ภาพที่ไม่อยากจะคิดถึงพลันผุดวูขึ้นในความทรงจำ
“พูดอะไรออกมาน่ะ!”
เนลล่าตวัดมีดใส่อีกฝ่าย ตวาดใส่อย่างตกใจ คำพูดที่เปรยออกมานั่นราวกับจะแทงเข้าไปในหัวใจ ..คำพูดไม่กี่คำที่ร่วงหล่นลงสู่ก้นบึ้งของความคิด แล้วเรียกให้ฝุ่นตะกอนแห่งความทรงจำฟุ้งขึ้นมาในหัวใจของตน
ไม่..หมอนี่ไม่รู้หรอก..
ไม่ได้จงใจหรอก...
บาดแผลทางใจ..หนึ่งเดียวของเขา!
เนล ล่ากัดริมฝีปาก กำมีดแน่น ดวงตาทอประกายกร้าวก่อนเข้าโจมตีอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่งโดยที่ผู้ถูกโจมตีก็ พยายามปัดป้องอย่างสุดความสามารถ ชายหนุ่มแตะริมฝีปากหนาของตัวเอง มองท่าทีอันสับสนของเด็กหนุ่มร่างบางด้วยอารมณ์สนุกสนาน ไม่ต่างจากเพื่อนเทวดายามต่อสู้กับชายหนุ่มผมน้ำเงิน ก่อนที่มือหนาอีกข้างที่ถือมีดไว้จะตวัดเฉี่ยวใบหน้าของเด็กหนุ่ม แล้วถือโอกาสแตะริมฝีปากลงที่ฝ่ามือเรียวของคู่ต่อสู้อีกครั้ง
เนลล่าสะดุ้งอีกระลอก
“นาย!!”
“ไม่ยอมกลับมา..”
“หยุด!”
“ทิ้ง..ไว้ลำพัง..หนาวเหน็บ...”
“หยุดนะ!!!”
ไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น!!
“...ช่วงนี้มีอะไรมากระตุ้นให้ฉุกคิดไม่ใช่หรือ..กลิ่นน่าอร่อยถึงฟุ้งขนาดนี้”ชาย หนุ่มเอ่ย แสยะรอยยิ้มกว้างที่ชวนให้เด็กหนุ่มร่างบางพะอืดพะอม เนลล่าหายใจติดขัด..บางสิ่งที่กดลึกไว้ในหัวใจกำลังเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ...
เรย์..ทำไม..
ทำไมล่ะ..
ขอบตาร้อนผ่าวเมื่อคิดถึงความทรงจำที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่ตนจะมี แต่ชั่วพริบตาที่เด็กหนุ่มประมาท ร่างตรงหน้าก็หายไป!!
และแล้ว..เสียงกระซิบทุ้มต่ำเย็นยะเยือกดังขึ้นที่ข้างใบหู
“ฉันอยากรู้จริงๆ..ว่าฝันของนายมันจะอร่อยตรงใจฉันรึเปล่า?”
และแล้ว... ชายหนุ่มก็หันใบหน้าของคู่ต่อสู้มา พร้อมประทับริมฝีปากลงบนเรียวปากของเด็กหนุ่มร่างบาง
“เนลล่า!!”
อิล เวสร้องลั่น มองเด็กหนุ่มที่ถูกคู่ต่อสู้รุกประชิดขณะที่รับดาบจากเทวดาหนุ่มอยู่ และยิ่งร้อนใจเมื่อร่างนั้นพลันสลบลงไปต่อหน้าต่อตา เจ้าของดวงตาสีทองกัดริมฝีปาก กดดาบอีกฝ่ายลงแล้วปัดออกก่อนจะวิ่งไปทางหลังเด็กหนุ่มที่พลาดท่า แต่ทว่า บุรษแห่งสีสันกลับเคลื่อนกายเข้ามาตรงหน้าเขา ก่อนจะตวัดดาบเข้าโจมตีแล้วเอ่ยขึ้นเสียงระรื่น
“เฮ้..นายยังชนะฉันไม่ไ....”
“ถอยไป เจ้าเทวดาสมองกลับ!!”
เสียง ทรงอำนาจตวาดกึกก้องดังสั่นนราวกับสายฟ้าที่พลันฟาดลงมายังผืนพิภพ ดาบเรียวบางปะทะกับดาบของอีกฝ่ายแล้วปัดดาบอีกฝ่ายอย่างแรงให้หลุดมือไป ดวงตาสีทองกราดเกรี้ยวพลันเปลี่ยนสีด้วยความโกรธ..จากทองคำสว่างดุจจันทรา แปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มอมม่วงดุจดั่งผืนฟ้ายามราตรี มืออีกข้างซึ่งไม่ได้ถือดาบยกขึ้น สายฟ้าสีดำปรากฏในมือหนาของชายหนุ่มเนตรสีน้ำเงินเข้ม และแล่นปราดเข้าโจมตีเทวดาหนุ่มจนร่างกายชาดิก..ไม่อาจขยับได้อีกต่อไป
..ไม่ได้หลบ...ไม่ได้ป้องกัน..เพราะขณะนั้นเรื่องอื่นพลันแล่นปราดเข้ามาในห้วงความคิด.ลรื้อค้นข้อมูลในสมองและประมวลผลตามสัญชาตญาณ
ดวงตานั่น..!!
...เด็กนี่
ชายหนุ่มพึมพำเบา ดวงตาอ๊อดอายเบิกขึ้นนิดๆอย่างถูกใจ แขนเรียวยาวที่ไร้มัดกล้ามประคองร่างที่เขาเพิ่งจะ ‘ดูดกลืน’ ความ ฝันไปด้วยวิธีที่ทำร้ายจิตใจคนโดนกินมากที่สุด แต่สำหรับเขาแล้วเป็นลิ้มรสชาติได้อร่อยที่สุดไป แต่แล้วเขาก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองลอยขึ้น เมื่อเพื่อนร่วมทางของเด็กหนุ่มร่างบางพลันกระชากคอเขาออกมา ดวงตาสีทองเปล่งประกายกร้าวยะเยือก ก่อนเสียงทุ้มเข้มจะดังตวาดขึ้นตามแรงอารมณ์
“นายทำอะไรเนลล่า!!”
โจทก์มองใบหน้าคมด้วยหน้านิ่งราวไม่รู้สถานะของตน
“ฉันแค่กินฝันร้ายของหมอนี่เฉยๆ..”เขาตอบเสียงราบเรียบ เรียกความงุนงงให้แก่ชายหนุ่มร่างสูงได้อย่างดี “นาย..”
“ฉันเป็นไนท์แมร์”
“อะ......”
“อิลเวส ลินสแตรงก์..”เทวดา หนุ่มเรียกชื่อเต็มของผู้ที่ต่อสู้กับตนด้วยเสียงอ่อนระโหย ร่างกายยังไม่หายชาดี อีกทั้งหมดเรี่ยวแรงไปในพริบตาราวกับถูกดูดพลังชีวิตไป ชายหนุ่มรอจนร่างกายดีขึ้นก่อนตะเกียกตะกายข้ามหลังคามายืนอยู่ข้างหลัง เพื่อนและคู่ต่อสู้ของตนที่กำลังหิ้วคอไนท์แมร์หนุ่ม ดวงตาสองคู่หันมาให้ความสนใจเขา ไลบราลีกระแอมไล่เลือดที่ติดหลอดลมครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่อัดแน่นด้วยความสนุกสนาน “เมื่อครู่ดวงตานายเปลี่ยนสี...ไม่อยากจะเชื่อ...”
ดวงตาสีม่วงอเมทิสต์พราวระริก
"นายเป็นคนของเผ่าแสงจันทร์งั้นหรือ?”
ความคิดเห็น