ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : #12 คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และ อุ่นเนาะ...
#12 คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และอุ่นเนาะ....
"หมายความว่าไงว่ะ"
ผมกำลังจะถามต่อ แต่ไอ้ป้องเดินหนีผมไปเล่นเกมรับน้องด่านอื่นก่อนแล้ว สมองโง่ๆของผมมันประมวลไม่ออกหรอกว่าที่มันบอกว่ามองหมายความว่ายังไง
มองผมแบบที่ผมมองมัน...
'เหมือนๆกัน'เหรอครับ... ?
ผมอยากจะลากคอมันมาถามให้ชัดๆ แต่เพราะติดว่าผมกับน้องต้องตายังไม่ผ่านด้านถังน้ำแข็งนี้สิครับ
แล้วทำไม..... น้องรหัสผมถึงได้ยิ้มกรุ้มกริมใส่ไอ้อู๋แบบนั้นล่ะครับ
"รู้จักกันเหรอ?"
ผมนั่งลงข้างๆไอ้ต้องตาก่อนจะถามมัน ไอ้อู๋หันหน้าเมินไปอีกทาง น้องต้องยิ้มเจ้าเลห์
อะไรของพวกมันว่ะ???
นอกจากจะไม่ได้คำตอบ ยังมีคำถามแถมมาให้ผมอีกต่างหาก ผมหันไปสกิดไอ้เฟรม รายนั้นเองก็ยักไหล่เป็นเชิงว่างงเช่นเดี่ยวกับผม
ความรู้สึกบางอย่างสะกิดใจผมเล็กๆ
ผมมองสำรวจไปที่ตัวเพื่อนสนิทตัวเอง ก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าของรักของหวงของมันหายไป ทั้งๆที่เจ้าตัวใส่ประจำและไม่มีทางลืม ของที่มันใส่ประดับมาตลอดหนึ่งปีนี้
แหวนแห่งเทพ...
"อู๋...แหวนมึง...?!?!"
ไอ้อู๋คอตกไปกับคำทักของผม ก่อนมันจะถอนหายใจเฮือกพูดออกมา
"คลื่นลูกใหม่ ไล่คลื่นลูกเก่าเสมอ กูดวลแพ้..."
ผมตกใจกับคำพูดของเพื่อนสนิทตัวเอง พอๆกับไอ้เฟรมที่สำลักน้ำโออิชิ
ถึงมันจะเป็นคนบ้าๆบอๆเสือผู้หญิง เพล์บอยไปทั่ว แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้มันยืนหยัดอยู่ในเพลินจิตวิทยาได้ ก็คือความสามารถในการแฮกของมัน สิ่งที่ยืนยันคือแหวนสีดำสนิทที่เจ้าตัวภาคภูมิใจนักหนาทุกครั้งที่ใครเห็นมัน
"พี่'เก่ง'จริงๆครับ ผมขอยอมรับ ไวรัสของพี่เองก็ทำผมแทบเดี้ยงเหมือนกัน ถ้าผมไม่โกงคงเอาชนะไม่ได้จริงๆ"
ต้องตาพูดขึ้น มือขาวสองข้างล้วงเอาสร้อยคอสีเงินสนิทที่มีแหวนสีดำเมื้อมคล้องอยู่ตรงกลางออกมา
ไอ้ต้องตาเป็นแฮกเกอร์!!!!!
ผมกับไอ้เฟรมนั่งอึ่ง ไม่คิดเลยจริงๆว่าเด็กอย่างไอ้ต้องจะเป็นแฮกเกอร์ได้ ไอ้อู๋โบกมือเป็นเชิงให้พวกผมเงียบก่อนจะพูด
"สงครามไม่หน่ายอุบาย ปีที่แล้วกูก็วางยาพี่กรนั้นแหละถึงได้ชนะ ชักเข้าใจพี่มันนิดๆแล้วแหะ"
มันตัดพ้อ ผมกับไอ้เฟรมยังนั่งอึ่ง
"ไม่คิดเลยว่าน้องรหัสกูจะเป็นแฮกเกอร์"
"ใช่...ดูแค่ข้างนอกนี้ไม่ให้เลยว่ะ"
ไอ้เฟรมพูดเสริม มองน้องมันตั้งแต่หัวจรดเท้า
ต้องตาฉีกยิ้มตามสไตล์ของมัน ก่อนจะพูดต่อ
"จริงๆผมใบ้ไปแล้วนะ"
"ใบ้?"
"ครับ ก็ตามกฏที่คุณกาเซียร์ เซซิลตั้งไว้นั้นแหละครับ ว่าต้องมีการใบ้บอกตัวตนของคนที่คิดจะชิงแหวน"
ประเพณีชิงแหวนเป็นแบบนั้นจริงๆครับ คนชิงต้องบอกใบ้ ยืนยัน หรือแสดงตัวตนว่าตัวเองคือคู่ต่อสู้ส่วนจะใบ้ขนาดไหนก็ตามดุลพินิจของพี่กาเซียร์
"พี่จำข้อความทิ้งท้ายได้ไหมครับ?"
ข้อความทิ้งท้าย….
ผมกัลป์ไอ้อู๋ทำหน้านึก ก่อนจะนึกได้ถึงข้อความที่ได้ต้องทิ้งไว้ตอนโจมตีเพจไอ้อู๋ครั้งแรก...
..........Enchanted Dream
..........(ฝัน’ต้อง’มนต์)
ผมตาลุกวาว ไอ้เฟรมตบมือชอบใจ ส่วนไอ้อู๋กัดฟันกรอด ก็ถ้าสังเกตดีๆน้องมันก็ยืนยันตัวตนของตัวเองแบบชัดเจนจริงๆนั้นแหละครับเพียงแต่เรามองข้ามจุดเล็กๆน้อยๆแบบนี้ไป
เพราะงั้นแหวนสีดำเมื้อมจึงถูกเปลี่ยนเจ้าของในลักษณะนี้นั้นเอง....
“คู่ต่อไปลุกเลยค่า”
พี่ม.หกตกมือเรียกผมกับไอ้ต้องตาลุก น้องมันเก็บแหวนเข้าไปในเสื่อตามเดิมก่อนจะเดินไปยืนข้างๆผม
“มึงไปวางยามันตอนไหนว่ะ ?”
ผมถามด้วยความสงสัย ก็โน๊คบุ๊คไอ้อู๋อ๊ะแถบไม่เคยห่างจากตัวมันด้วยซ้ำ
ต้องตาทำหน้าเจ้าเลห์ก่อนมันจะย้อนถามผม
“พี่ก็สนิทกับพี่อู๋นิครับ แล้วตอนไหนบ้างล่ะที่พี่อู๋ยอมปล่อยมือจากโน๊คบุ๊ค”
ตอนที่ไอ้อู๋วางมือจากโน๊คบุ๊ค...
เข้าห้องน้ำ....ไม่ใช่ มันเอาเข้าไปด้วย
กินข้าว....ไม่ใช่ มันกินหน้าคอมมันนั้นแหละ
แล้วงั้นตอนไหนว่ะ ?....
ผมวนลูปความคิดตัวเองเกี่ยวกับความทรงจำตั้งแต่เป็นเพื่อนกับมันมา จนสุดท้ายก็ร้องอ้อออกมาเบาๆเมื่อคิดถึงตอนที่มันไม่มีโน๊คบุ๊คในมือออก
“รู้จักกับเชอรี่ด้วยเหรอ ?”
“ไม่เชิงรู้จักครับ แค่พอไหว้วานให้เสียบแฟตไดร์กับเปิดเนตทิ้งไว้ก็เท่านั้น”
ผมไม่รู้จะปลอบไอ้เพื่อนสนิทยังไงเพราะมันดันโดนวางยาตอนมีsexกับสาว จะโทษใครก็ไม่ได้ได้แต่โทษที่ตัวเองเจือกไม่รอบครอบพอนั้นแหละครับ รู้ทั้งรู้ว่ากำลังจะโดนชิงแหวน ยังจะมีหน้าไปเล่นอะไรแบบนั้นอีก
ต้องตากับผมช่วยกันกระโจนมือควานหาเหรียญห้าสิบสตางค์ประมาณเกือบๆ3-4รอบก็เจอเหรียญครับ แมร่งดันไปอยู่ตรงมุมๆถังน้ำแข็งเลยเนี้ยดิ
เกมด่านต่อๆไปก็มีเรื่อยเปื่อยครับ กินขนมแข่งกันบ้าง ปิดตาแต่งหน้าน้องรหัสบ้าง แต่พวกผมก็รู้นะว่าพี่ๆตั้งใจกันจัดกิจกรรมนี้จริงๆ เพราะขนาดเนรมิตรห้องข้างๆให้กลายเป็นบ้านผีสิงได้เนี้ย
ให้คะแนนความพยายามสิบเต็มสิบเลยครับ....
ผมกับน้องรหัสชวนกันไปเล่นนู้น เล่นนี้บ้าง จนกระทั้งวนครบทุกด่าน ในขณะที่ผมกำลังยืนๆอยู่นั้นเอง....
“โอ๊ย ไอ้เชรี้ย ใครเอาน้ำแข็งใส่หลังกูว่ะ”
ผมสถบสะดุ้งตัวรีบควักน้ำแข็งออกจากหลังเสื่อ เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าตอนนี้มีมือมืดกำลังระดมเอาน้ำแข็งใส่หลังเพื่อน นี้พวก
มึงคิดว่าตัวเองเป็นเอลซ่าเหรอว่ะ!!!
ไอ้พวกเอลซ่าปลอมยังไม่เลิกเล่นครับ วิ่งพล่านไปทั่วจับคนนู้นที่คนนี้ที่ใส่น้ำแข็ง พอเป็นแบบนั้นสงครามก็บังเกิดครับตอนนี้น้องๆม.4หลายๆคนกลับบ้านแล้วล่ะครับ กลัวโดนรุ่นพี่(บ้าๆ)แบบพวกผมแกล้ง
“โอ๊ย!!!”
เสียงไอ้อู๋ร้องครางก่อนจะล้วงน้ำแข็งออกจากหลังเสื่อ อันนี้ฝีมือผมเองครับ
ในขณะที่กำลังทำกรรมกับเพื่อนสนิทตัวเองอยู่นั้นเอง เวรกรรมก็ย้อนเข้ามาเต็มหน้าผม ไอ้เวรคนใดสักคนนี้แหละครับ ปาน้ำแข็งมาโบ๊ะเต็มๆหน้า!!!ผมปาดน้ำแข็งก่อนจะวิ่งไปคุ้ยๆหยิบน้ำแข็งในถังมาใส่มือตัวเอง
แล้วมหกรรมปาน้ำแข็งก็เริ่มต้นขึ้น...
“ไอ้เกียร์ มึงนี้เองปากู”
“มึงปากูก่อนว่ะเพื่อน .....โอ๊ย!!!! ไอ้เฟรม กล้ารอบทำร้ายกูเหรอ”
“เออ ทำไมกูต้องไม่กล้าว่ะ”
ไม่ใช่มีแค่พวกผมหรอกนะ ตอนนี้ไอ้พวกม.5หลายๆคนเริ่มๆจะปาใส่พวกเดี่ยวกันเองแล้วครับ มีรุ่นพี่ม.6บางคนมาแจมด้วย แน่นอนว่าพวกผมจัดแจงรับพี่ๆด้วยน้ำแข็ง แน่ละใครมันจะยื่นเป็นเป้านิ่งให้ปาน้ำแข็งใส่ครับ
ตอนนี้รอบตัวผมเต็มไปด้วยความวุ่นวาย พอมองออกไปนอกห้องประชุมก็เห็นไอ้ป้องยื่นเท้าแขนตรงสุดขอบริมระเบียงมองพระอาทิตย์กำลังใกล้ตกอยู่
ความคิดเหรี้ยๆวาปเข้ามาในหัว ก่อนผมจะค่อยๆเดินย่องไปอยู่ด้านหลังมัน วงแขนของผมโอบรัดรอบเอวมันไว้ พอรู้ตัวแล้วมันก็หันมาโวยวายกับผมตาเหลือก
“ไอ้เกียร์ ปล่อย!!!”
ปล่อยก็โง่ดิว่ะ!!!
ผมไม่สนใจเสียงร้องของมัน ปกติแรงไอ้ป้องก็น้อยกว่าผมมากๆอยู่แล้ว แม้จะมีส่วนสูงไล่เลี่ยกันก็เถอะ แต่มันผอมกว่าผมครับ(ย้ำอีกครั้งด้วยความสัตย์จริงว่าผมไม่ได้อ้วนนะ มันแค่ตัวบางกว่าเฉยๆ-3- ) ทำให้ไม่มีแรงพละกำลังจะมาต่อกรได้หรอก
ไอ้ปกป้องดิ้นสู้ผมเท่าที่กำลังมันจะเอื้ออำนวย แต่ยังไงๆก็แพ้อยู่ดี
ผมรวบแขนรวบขามันแบบท่าอุ้มท่าเจ้าหญิงก่อนจะรีบๆเดินไปทางถังน้ำแข็ง พอเห็นแบบนั้นไอ้ปกป้องยิ่งตาเหลือกโพลง ร้องแหกปากส่งเสียงโวยวายด่าทอผม แต่เสียใจด้วยครับไม่มีใครช่วยเหลือมึงได้หรอกเว้ย!!!
“มีอะไรจะสั่งเสียไหมไอ้ป้อง”
“เชรี้ย อย่าเกียร์ กูไม่สบาย”
“ไม่เป็นไร ถ้าป่วยเดี่ยวกูดูแลเอง ฮ่าๆ”
มันสถบก่อนจะพยายามดิ้น แต่เพราะตัวมันเองก็กลัวผมทำตกกระแทกใส่พื่นเหมือนกันเลยดิ้นได้ไม่เท่าไหร่
ผมจัดการให้ไอ้เฟรมไอ้อู๋มาปลดทรัพย์สินมีค่าออกจากกระเป๋ากางเกงมันพอเหลือแค่ตัวเปล่าๆแล้ว ผมกับเพื่อนในห้องก็มายื่นล้อมวง
“สาม สอง หนึ่ง !!! เฮ”
‘ตู้ม’
เสียงเฮของผมกับเพื่อนๆดังขึ้นพร้อมๆกับไอ้ป้องที่โดนโยนเข้าไปในถังน้ำแข็ง มันกระโจนตัวออกมาข้างนอกก่อนจะวิ่งวนไปทั่วระบายความเย็น
“ไอ้...เชรี้ย....เกียร์”
มันด่าผมไปปากสั่นไป ผมกลั่วหัวเราะคนถูกอุ้มลงถังน้ำแข็งไอ้เจ็บนะไม่เจ็บหรอกนะครับ แต่มันหนาว
ใบหน้าจืดๆที่เลอะอยู่แล้วยิ่งเปื้อนหนักกว่าเก่า เพราะน้ำผสมกับแป้งยิ่งกระจายให้หน้ามันเลอะกว่าเดิม ริมฝีปากเรียวเม้าปากไม่ให้สั่นแต่ดูเหมือนจะทนไม่ไหวเท่าไหร่ ใบหน้ามันซีดเซียวเล็กน้อย แววตามันค้อนสะบัดใส่ผม ก่อนจะรีบออกไปอังแสงพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้ารำไร
“เห้ย จับไอ้เกียร์ไว้”
เวรละครับ!!!
ผมวิ่งหนีไปพวกทโมนนี้ไปรอบๆห้อง เมื่อพวกมันเล็งผมเป็นเป้าหมายต่อจากเพื่อนๆคนอื่นๆที่เริ่มทยอยกันโดนจับลงถังน้ำแข็ง ฮาสุดก็คงจะเป็นพวกแก๊งนางฟ้าที่โดนอุ้มลงพร้อมๆกับเสียงกรี๊ดแปดสิบเดซิเบล
แต่ต่อให้ผมวิ่งเร็วขนาดไหนก็แพ้พวกมันทั้งห้องอยู่ดีครับ.. T T
“ล็อคขามันไว้”
ไอ้อู๋สั่งการ มันล็อคแขนทั้งสองข้างของผมพร้อมๆกับความช่วยเหลือของเพื่อนๆในห้อง
ตอนนี้ร่างกายผมไร้อิสระ ถูกปลดของมีค่าที่จะพังได้ถ้าเปียกน้ำออกจากตัวก่อนจะถูกยกมายังหน้าถังน้ำแข็ง
“มีอะไรจะสั่งเสียไหมน้องเกียร์”
ไอ้อู๋พูดล้อเลียนผม
“ไอ้กาก แพ้เด็ก”
ไอ้อู๋กัดฟันกรอดคาดโทษผมไว้ ก่อนจะจะทุ่มตัวผมใส่ลงถังน้ำแข็ง
วินาที่แรกที่น้ำเย็นๆเข้ามาในเสื่อ ผมก็ทำแบบเดี่ยวกับไอ้ป้องนั้นแหละครับ คือแทบจะกระโจนคลานสี่ขาออกมาเลยด้วยซ้ำ ในหัวมีแต่ความรู้สึกที่ว่าเย็น หนาว และโคตรจะหนาววววววววและเย็นนนนนนนน
ผมกอดอกตัวเองก่อนจะวิ่งออกนอกห้องไปยื่นข้างๆไอ้ป้องที่ยังดูเหมือนจะหนาวไม่เลิก
“เป็นไงล่ะสัส ต้นคิดดีนัก”
มันสถบใส่ผม ยืนกัดฟันกรอด
“เออ รู้แล้วว่าหนาว”
“เห้ย อย่าเบียดกูดิ”
มันว่าเพราะผมขยับเข้าไปยืนเบียดๆมัน ไอ้เชรี้ย ก็แสงพระอาทิตย์มันส่องอยู่แค่นี้นี่หว่า
“กูก็หนาวนี้หว่า”
“ก็เล่นพิเรนท์เอง...โอ๊ย บอกว่าอย่าเบียด ตัวมึงมันเย็นนะเว้ย”
“ก็มึงตากแดดมานานแล้วมันก็อุ่นนี้หว่า”
มันกรอกตามองผมด้วยความรำคาญก่อนจะยื่นมือมาจับมือผมไว้ แน่ละว่าผมไม่ขัดศรัทธาหรอกเพราะหนาวไปทั้งตัวแล้วจริงๆ มือ
ทั้งสองข้างนี้แทบไม่รู้สึกด้วยซ้ำ เย็นจนชาอ่ะครับ
“อุ่นยัง ?”
“เออ...ก็...อุ่นดี”
“ให้จับสองข้างเลยไหมล่ะ ?”
ผมตอบมันด้วยการยื่นมือไปกุมมือมันแน่นๆแทน ไอ้ป้องเองก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่ทอดสายตามองไปทางพระอาทิตย์
“อุ่นเนาะ....”
“ก็อุ่นดิ นั้นพระอาทิตย์นี้หว่า”
“ไม่ใช่....”
ใบหน้าจืดๆของไอ้ป้องแสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมาชัดเจน ผมยิ้มหัวเราะเบาๆก่อนจะยกมือสองข้างที่ข้างหนึ่งมันกุมผมไว้ ข้างหนึ่งผมกุมมันไว้ขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาตรงกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาพอดี
...
.
.
.
“กูหมายถึงมึงนะ....โคตรอบอุ่นเลย......”
ไม่มีคำตอบจากปากมัน ก็อย่างว่าแหละ ปกติมันก็ไม่ค่อยพูดอะไรอยู่แล้วนิครับ
ผมกับไอ้ป้องยืนอังไอแดดจากพระอาทิตย์ที่จวนเจียนจะลับขอบฟ้า จนกระทั้งแสงสว่างสุดท้ายจางหายไป
“ป้อง...”
“ห๊ะ... ?”
“พระอาทิตย์นี้ สวยขนาดนี้เลยเนาะ”
ผมพูดลอยๆ มองพระอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนตกลงไป
“ธรรมชาติสวยงามเสมอ”
นั้นคงเป็นคำพูดสุดท้ายของมันที่ตอบผมกลับมา
ไม่มีคำพูดใดๆอีก ผมทอดสายตามองวิวไปเรื่อยๆมือทั้งสองข้างก็ยังกุมมันไว้และยอมให้มันกุม ผมเห็นเด็กๆในสนามกีฬาด้านล่างเหลือน้อยเต็มที่ นกน้อยเริ่มบินกลับรัง อาจารย์บางท่านเริ่มทยอยกลับบ้าน เสียงดังจากในหอประชุมเล็กยังเล็ดรอดออกมาให้ได้ยินบ้างในบางจังหวะผมได้ยินเสียงไอ้อู๋กรี๊ดด้วยแหละ คาดว่ามันคงจะโดนกรรมตามทันแล้วแน่ๆ(สาบานว่านี้คือเด็กม.ห้าที่เตรียมตัวแอดในปีหน้าและจะบรรลุนิติภาวะกันแล้ว...อาเมน)
แม้ทุกสิ่งจะเคลื่อนไหวไป แต่ผมกับมันเลือกที่จะหยุดนิ่ง.....
แค่หยุดอยู่นิ่งๆมองทุกสิ่งไปเรื่อยๆ
ผมเพิ่งรู้วันนี้แหละครับว่ามือของคนเรา
มันอบอุ่นขนาดนี้เลยแหะ.....
"Nature is as complex as it need to be…. and no more." #ก้องเกียรติ์
TBC.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น