ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรากฏว่าเป็นรัก

    ลำดับตอนที่ #11 : เกินไป

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ย. 66


    “รู้ไหมว่าถ้าผมเป็นพี่ แล้วแฟนผมส่งข้อความแบบนี้ไปให้ผู้ชายคนอื่น ผมคงอาละวาดบ้านแตก” จ้าวเวยหลงพูดหน้าระรื่น โดยที่ในมือนั้นหันหน้ามือถือไปทางอู่อี้เทียนพอเป็นพิธี มากกว่าที่จะหวังให้ร่างสูงของญาติผู้พี่อ่านข้อความที่เขาได้รับมากจามาสฟ้า บอกถึงสถานที่เหมือนฝันนัดแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนๆ คืนนี้มาให้เขา

    เพราะอะไรคงไม่ต้องมานั่งบอกหรอก...ของมันรู้ๆ กันอยู่ และด้วยความที่จ้าวเวยหลงได้ปวารนาตัวเป็นสาวกคนหนึ่งของมาสฟ้าตามปู่ของเขาไปอีกคนเรียบร้อยแล้ว เขาจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวหลังอ่านข้อความนี้แทบทันที เมื่ออู่อี้เทียนเดินเข้ามาในห้องพักของเขา จ้าวเวยหลงจึงอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยญาติผู้พี่ของตน หวังได้ความสะใจนิดๆ หน่อยก่อนที่จะออกไปหาเหมือนฝัน

    “ถ้าแฟนฉันหนีกลับบ้าน ฉันเองก็คงรีบไปตามง้อ ไม่รอให้พี่สาวเขาส่งข้อความมาบอกว่าต้องทำยังไง” อู่อี้เทียนเองก็ไม่ใช่คนมีเมตตาอะไร เมื่อจ้าวเวยหลงปากดีกล้าเยาะเย้ยเขา เรื่องอะไรที่เขาต้องออมมือปล่อยให้ลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยเขาอยู่ฝ่ายเดียว ทำให้คนที่ทิ้งเวลาเป็นเดือนกว่าจะตามมาง้อคนรักได้แต่ข่มฟันเข้าหากัน ใจจริงอยากจะเถียงแต่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขานั้นไม่อาจโต้แย้งคำพูดของอู่อี้เทียนได้เลย เพราะทุกอย่างที่อู่อี้เทียนพูดนั้นเป็นความจริง

    “นั่นเหตุสุดวิสัย พี่ก็น่าจะรู้นี่ว่าทำไมผมถึงตามเหมือนฝันมาเลยไม่ได้”

    “อย่างนั้นแกก็น่าจะรู้ ว่าที่มาสฟ้าส่งข้อความมาหาแกไม่ใช่เพราะว่าเขาพิศวาสอะไรแก” อู่อี้เทียนเอ่ยเสียงราบเรียบ สีหน้าของเขาก็เฉยเมยไร้ความรู้สึก แต่จ้าวเวยหลงรู้ดีว่าอู่อี้เทียนกำลังโกรธเขา “เขาก็แค่อยากให้น้องสาวเขามีความสุข แค่นั้นแหละ”

    “รู้แล้วน่า” จ้าวเวยหลงกระแทกเสียง ก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าตังค์เป็นอย่างสุดท้ายก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยัดมันลงไปกระเป๋ากางเกงด้านหลังอย่างลวกๆ เตรียมตัวจะออกไปข้างนอกกระนั้นก็ไม่ลืมที่จะหันมาบอกกับลูกพี่ลูกน้องของตน “ผมก็แค่เล่าให้ฟังเฉยๆ เกิดพี่รู้ทีหลังว่ามาสฟ้าส่งข้อความหาผม แล้วพาลหึงผม ผมก็ซวยรอบสองน่ะสิ”

    “ฉันไม่ได้หึง”

    “พี่น่ะโคตรขี้หึงเลยเถอะ” จ้าวเวยหลงแย้ง แม้ว่าอู่อี้เทียนจะมีเลือดกระกูลจ้าวในตัวเพียงครึ่งเดียว แต่มีอย่างหนึ่งที่จ้าวเวยหลงมั่นใจว่าไม่ว่าอย่างไร ญาติผู้พี่ของตนก็ไม่มีทางสลัดมันทิ้งไปได้ก็คือความขี้หึงขี้หวงที่อันตรายจนน่ากลัวของคนตระกูลจ้าวทุกคนได้รับสืบทอดไปในสายเลือดมี ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นอู่อี้เทียนจ้าวเวยหลงก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายก็คงไม่พ้นเป็นพวกขี้หึงจนหน้ามืดตามัวแบบเดียวกับเขา “อันที่จริงถ้าผมเป็นพี่ ผมก็คงหึงมาสฟ้าเหมือนกัน”

    “ฉันจะบอกเหมือนฝันว่าแกพูดแบบนั้น” อู่อี้เทียนเอ่ยลอดไรฟัน แค่ได้ยินว่าจ้าวเวยหลงคิดจะหึงหวงมาสฟ้า มือของเขาก็คันยุบยิบอยากจะลุกขึ้นไปซัดหน้าหล่อๆ ของจ้าวเวยหลงให้รู้แล้วรู้รอด “เผื่อว่าเขาจะลืมว่าครั้งหนึ่งแกคิดจะเคลมพี่สาวของเขา”

    “นั่นมันความคิดของพ่อต่างหาก ผมไม่เกี่ยว” คนที่เคยมีความลังเลว่าเขาควรจะคบหากกับมาสฟ้าแทนที่จะเป็นเหมือนฝัน เพื่อรักษาความมั่นคงของเก้าอี้ผู้นำตระกูลจ้าวเอาไว้นั้นมองอู่อี้เทียนตาขวาง “แล้วเราก็เพิ่งตกลงที่จะร่วมมือกันไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆ พี่ก็นึกอยากจะหักหลังผมขึ้นมาแล้วล่ะ”

    “บอกแล้วไงว่าต่อให้ฉันต้องลุยนรกหรือช่วยแกหักหักคนทั้งโลก ฉันก็ไม่สนตราบใดที่ฉันได้มาสฟ้า” เสียงเข้มนั้นเอ่ยนิ่งๆ แต่สีหน้าและแววตาของอู่อี้เทียนทำให้จ้าวเวยหลงรู้ได้ว่า ญาติผู้พี่ของเขาหมายความอย่างที่กำลังพูดทุกคำ “แต่ถ้าแกคิดจะหักหลังฉันแล้วแย่งมาสฟ้าไป ต่อให้แกใช้ชีวิตของคนทั้งตระกูลจ้าวมาขวาง ฉันก็จะทำให้พวกมันย่อยยับทั้งหมด ทั้งแกทั้งตระกูลจ้าว”

    “พี่เหมือนฟังคนโรคจิตเข้าไปทุกที” จ้าวเวยหลงพึมพำอย่างคนที่ไม่สามารถทำอะไรมากกว่านี้ได้แล้ว

    “ลองแกผ่านความตายมาแบบฉัน แล้วแกจะเข้าใจ” อู่อี้เทียนพึมพำ มือหนาเลื่อนไปแตะรอยแผลเป็นบริเวณต้นขาที่อยู่ใต้กางเกงขายาว หวนคิดถึงความเจ็บปวดที่เกือบพรากเขาไปจากมาสฟ้า “ลองแกได้เข้าใกล้ความตายแบบที่ฉันเจอมา แกจะรู้ว่าทำไมมาสฟ้าถึงสำคัญกับฉันแค่ไหน”

    “ไม่ล่ะ” จ้าวเวยหลงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องอยู่ในอาการโคม่า เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าเหมือนฝันสำคัญกับเขาแค่ไหน ตอนนี้แค่คิดว่าเหมือนฝันออกไปอยู่ไกลหูไกลตาและอาจจะทำให้ตัวเองเจ็บตัว เพราะมีเที่ยวมีเรื่องกับคนอื่นไม่หยุด หัวใจของจ้าวเวยหลงก็หนักอึ้งจนเขาแทบไม่สามารถข่มตาหลับได้ “ไม่ต้องนอนแบ็บอยู่โรงพยาบาลฯเหมือนพี่ ผมก็รู้ว่าเหมือนฝันสำคัญกับผมมากแค่ไหน”

    “งั้นเหรอ?”

    “แล้วก็เลิกระแวงผมสักที เพราะถ้าพี่ยังเก็บคำพูดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไปหึงเป็นจริงเป็นจัง พี่ได้เป็นบ้าจริงแน่” จ้าวเวยหลงว่า ก่อนจะก้มหน้าส่งข้อความที่เขาได้จากผู้ช่วยไปยังมือถือของอู่อี้เทียน “เรื่องที่พี่ต้องกลัวไม่ใช่เรื่องที่ผมพูดไม่คิด แต่เป็นไอ้หมอนี่ต่างหาก”

    จ้าวเวยหลงหยุดพูดเพียงเพื่อให้อู่อี้เทียนเปิดข้อความที่เขาเพิ่งส่งไปขึ้นมาอ่าน และมันก็เป็นอย่างที่เขาคาดเดา...เพียงอู่อี้เทียนอ่านข้อความไปได้ไม่ถึงสามนาที สีหน้าคมคายก็พลันเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดแบบที่แม้จะเตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว จ้าวเวยหลงก็ยังตกใจกับโทสะในแววตาของอู่อี้เทียน

    “มันเป็นใคร”

    “แฟนเก่ามาสฟ้า” จ้าวเวยหลงบอกไปตามตรงก่อนจะเม้มปากแน่น เมื่อตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้ตนตัดสินใจผิดพลาดใป ชายหนุ่มจึงรีบเอ่ยแก้ก่อนที่อู่อี้เทียนจะได้ทันลงมือทำลายข้าวของในห้อง “เอ่อ แบบว่าเคยเดทกับมาสฟ้าของพี่อยู่พักหนึ่ง แต่ไม่น่าจะได้เป็นแฟนเพราะว่าเหมือนฝันเคยมีเรื่องกับมัน”

    “หมายความว่าไง”

    “จะหมายความว่ายังได้อีกล่ะ ก็หมายความว่ามันกับมาสฟ้าเคยเดทกัน แต่เหมือนฝันดันรู้เข้าก็เลย...” พูดมาถึงความสามารถเฉพาะตัวของเหมือนฝันทีไร ลำคอของจ้าวเวยหลงก็แห้งผากขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาต้องกระแอมเบาๆ อยู่หนสองหนจึงจะสามารถพูดต่อได้ “มีเรื่องกันแล้วก็อย่างที่รู้ๆ มาสฟ้าก็ต้องเลือกน้องสาวมากกว่าผู้ชายอยู่แล้ว”

    “แสดงว่ามันไม่ได้เป็นแฟนเก่า มาสฟ้าไม่เคยรักมัน”

    “ก็คงแบบนั้นแหละ” ในเมื่ออู่อี้เทียนไม่ยอมรับความเป็นไปได้ว่ามาสฟ้าจะรักคนอื่นมาก่อนเขา แล้วจะให้จ้าวเวยหลงทำอะไรได้นอกจากยอมตามน้ำไป

    “อย่างนั้นก็ดี...”

    “ถามจริง?” จ้าวเวยหลงอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เพ่งเห็นและได้ยิน เขาพูดจากกวนประสาทอู่อี้เทียนมานานสองนาน แต่นอกจากจิกกัดพอแสบคันๆ อู่อี้เทียนก็ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมาเลยกระทั่งเขาพูดเรื่องแฟนเก่าของมาสฟ้า อู่อี้เทียนถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา “ผมว่าพี่ป่วย ไม่ก็น่าจะหมกมุ่นกับมาสฟ้าเกินไปแล้วนะ เอาจริงๆ”

    “ไว้ฉันจะหารูปแฟนเก่าของเหมือนฝันมาส่งให้แกดูบ้างแล้วกัน” อู่อี้เทียนสวนกลับ ไม่สนใจมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของจ้าวเวยหลง เขายังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้หัวใจ “เพราะฉันว่าแกเองก็ไม่ดีไปกว่าฉันหรอก เรื่องหมกมุ่นกับผู้หญิงน่ะ”

    “ผมเป็นแค่กับเหมือนฝัน” จ้าวเวยหลงแก้เสียงเข้ม

    “ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ขืนแกมีผู้หญิงอื่น ฉันคงต้องเปลี่ยนแผนมาช่วยเหมือนฝันกำจัดแกไปให้พ้นๆ ชีวิตเขา”

    “ผมเป็นญาติพี่นะ ไม่ใช่เหมือนฝัน” จ้าวเวยหลงโวยวายอย่างเหลืออด อีกทั้งเขาก็เบื่อที่อู่อี้เทียนพูดเหมือนเขามีประโยชน์แค่กำจัดเหมือนฝันให้พ้นทาง ไม่ใช่ญาติที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน “พี่ต้องช่วยผมสิถึงจะถูก”

    “เหมือนฝันจะเป็นน้องสาวเมียฉันในอนาคต” อู่อี้เทียนว่าหน้าตาย ยังคงสะลัดความรู้สึกคับยิบๆ ในอกเพราะความจริงที่ว่ามีผู้ชายคนอื่นในชีวิตของมาสฟ้านอกจากเขาออกไปไม่ได้สักที “ส่วนแก...จะได้เป็นญาติของฉันต่อไปไหม ก็ขึ้นอยู่กับผลงาน”

    “เอาจริงดิ?”

    “จริงยิ่งกว่าจริง”

    อู่อี้เทียนยังคงไร้หัวใจเหมือนอย่างที่จ้าวเวยหลงจำได้ แต่ก็นั่นแหละ...เขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากกว่านี้หรอก จ้าวเวยหลงรู้ดีว่าเขามันก็แค่ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นหอกข้างแคร่ของอู่อี้เทียน จะเอาอะไรไปสู้กับผู้หญิงที่เห็นอนาคตอย่างมาสฟ้าล่ะ

    “พูดจริงนะ นอกจากพี่แล้วผมก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเหมาะกับมาสฟ้าได้เท่าพี่อีก” จ้าวเวยหลงชี้หน้าคมคายของอู่อี้เทียน ภาพที่มาสฟ้าแฉแผนการของเขาต่อหน้าน้องสาวของเธอ เพื่อเอาคืนเขาแทนอู่อี้เทียนยังแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของจ้าวเวยหลง แววตาที่มาสฟ้าใช้มองเขาในเช้าวันนั้นมันเหมือนกับสายตาที่อู่อี้เทียนใช้มองเขาตอนนี้ไม่มีผิด “ผมพูดจริง ไม่ได้เอาใจพี่”

    “ฉันจะนับเสียว่านั่นเป็นคำชมนะ” อู่อี้เทียนกระตุกยิ้มมุมปาก ทำให้สีหน้าของเขาดูยียวนกวนประสาทอย่างไรชอบกล

    “ผมไม่คิดงั้นนะ”

     

    เหมือนฝันรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ที่เธอรีบร้อนออกจากบ้านพร้อมกับอิงจันทร์แล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าความรู้สึกแปลกๆ ที่ว่านั้นคืออะไร แต่เมื่อออกมาข้างนอกพร้อมกับเพื่อนๆ แล้วความรู้สึกที่ว่าก็ยังไม่หายไป จากที่คิดว่าเธอคงคิดมากไปเองในตอนแรก ก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกไม่ชอบมาพากลหรืออาจจะเป็นที่เขาเรียกว่าลางสังหรณ์

    “เป็นอะไรวะฝัน หน้าบึ้งมาตั้งแต่เย็นแล้วนะ” อิงจันทร์เพื่อนรัก ผู้ที่เคียงบ่าเคียงไหล่อยู่กับเหมือนฝันทุกสมรภูมิการทะเลาะวิวาท ไม่ว่าใครก็ตามในกลุ่มที่มีเรื่องมีราว ขอให้เรื่องลอยไปถึงหูเหมือนฝันก็เป็นอันรู้กันว่าเรื่องจะลงเอยยังไง และถึงแม้ว่าพักหลังมานี้พวกเธอจะห่างหายจากวงการไป ทว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนทั้งอิงจันทร์และเหมือนฝันก็ได้พิสูจน์ฝีมือแล้วว่า ความสามารถของพวกเธอนั้นยังคงเส้นคงวาไม่มีแผ่ว

    “เออ คนเขาอุตส่าห์ทิ้งลุกทิ้งผัวออกมากินเหล้าเป็นเพื่อน ใจคอมึงก็ไม่คิดจะเล่าอะไรให้พวกกูฟังเลยหรือไง” นิรินเพื่อนผู้เสียสละทิ้งแฟนหนุ่มและลูกแมวของพวกเขาเพื่อออกมาสังสรรค์นั้นพูดขึ้น คืนนั้นเธอเองก็ร่วมวงอยู่กับเหมือนฝันและอิงจันทร์ติดแค่ว่าเธอนั้นต้องกลับบ้านไปก่อน มารู้อีกทีก็ตอนที่เพื่อนคนอื่นส่งข้อความมาหา เรื่องที่อิงจันทร์กับเหมือนฝันมีเรื่องมีราวกับอดีตคู่หมั้นของอิงจันทร์ “เอาแต่นั่งหน้าบูด แบบนี้พวกกูก็ยิ่งอยากรู้มากกว่าเดิมสิวะ”

    “กูรู้สึกแปลกๆ ว่ะ” เหมือนฝันเม้มปาก คิ้วงามของเจ้าหล่อนขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างไม่สบายใจ “รู้เหมือนเหมือนตอนที่จับได้ว่าไอ้ตำรวจนั่นจ้องจะเคลมพี่ฟ้าเลย”

    “หา!” เอมกับนิรินร้องอุทานออกมาพร้อมกัน รู้ว่าตำรวจคนเดียวในชีวิตของมาสฟ้าก็คือยุทธนาโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเดาให้ยาก แต่พอคิดว่าเรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีทำไมเหมือนฝนถึงได้ขุดเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก พวกเธอก็พากันขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าคนพูด

    “มึงคิดมากเองเหอะฝัน วันนั้นแค่ยุทธเขามาที่ร้านเหล้า ไม่เห็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่” อิงจันทร์ที่อยู่นเหตุการณ์ว่า แม้ว่าจะในสภาพเมามาย แต่จากเรื่องที่มาสฟ้าเล่าให้ผู้ใหญ่ฟัง ทั้งตัวเธอและเหมือนฝันก็เหมือนจะจำเรื่อราวในคืนนั้นได้ขึ้นมาเลื่อนลาง

    “วันไหน วันที่มีเรื่องมีราวกันน่ะ?” เอมถาม เมื่อทั้งเหมือนฝันและอิงจันทร์พร้อมใจกันพยักหน้าเบาเป็นคำตอบ เจ้าหล่อนก็ถึงกับต้องอุทานออกมาอีกรอบ “ตายห่า! ทำไมโลกมันถึงได้กลมแบนี้วะเนี้ย”

    “หมายความว่าคืนนั้นพวกมึงเจอทั้งไอ้ยุทธแล้วก็ไอ้ฤกษ์เลยเหรอ?” นิรินตาโต

    “เออ”

    “ซวยชิบหายเลย”

     

     

     

     

     

     

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×