NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『Whisper of LOVE • Short Fanfiction』

    ลำดับตอนที่ #11 : ▲ [Conan] Catch me if you can (Kaito x Shinichi) - Part10 [END]

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 65


    แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)

     











     โคนันคุงครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงกับใบสมัครเข้าชมรมนี่แล้วนะ  

     

    เสียงของสึบุรายะ มิตซึฮิโกะ เด็กหนุ่มแก๊งนักสืบเยาวชนในวัยสิบเจ็ดปีเอ่ยขึ้นในขณะที่สองมือพัลวันอยู่ที่กองเอกสารจำนวนมากมาย เขาในฐานะหัวหน้าชมรมนักสืบเยาวชนต้องรับมือกับใบสมัครจำนวนมหาศาลก็ตั้งแต่ตอนที่มีข่าวว่าเพื่อนแว่นดันไปจับจอมโจรคิดที่เป็นตำนานตลอดสิบแปดปีของโตเกียวได้ กลายเป็นเรื่องราวที่ดังเปรี้ยงปร้างซะจนนอกจากใบสมัครแล้ว ยังมีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์อยู่ไม่ขาด 

     

    “ หน้านายดูเหมือนอยากจะแห้งตายตรงนั้นเลยนะ อย่างน้อยก็ทำหน้าดีใจที่ตัวเองดังหน่อยก็ได้ ฉันล่ะไม่เข้าใจนายจริงๆ ” 

     

    เด็กหนุ่มร่างท้วมว่าขึ้นขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังถือขวดน้ำผลไม้ สายตาเอือมระอามองไปยังตัวต้นเหตุที่เอาแต่นั่งกร่อยอยู่ตรงกลางห้อง ใบหน้าคมคายนั้นดูเหม่อลอยเหมือนไม่ได้สนใจฟังบทสนทนาตรงหน้านัก ชนิดที่ว่าหากปล่อยให้นั่งอย่างนั้นต่อไป พรุ่งนี้ก็อาจจะยังอยู่ที่เดิมก็ได้ 

     

    “ ทีงี้ล่ะมาทำเป็นเศร้า ตอนเขาหายไปถึงเพิ่งรู้ตัวสินะ ” แต่แล้วประโยคดังกล่าวก็เป็นตัวสะกิดให้นักสืบหนุ่มหันมาตอบกลับแทบจะทันทีเหมือนโปรแกรมอัตโนมัติ 

     

    “ พูดอะไรของเธอน่ะไฮบาระฉันแค่นอนไม่พออยากกลับบ้าน” มองเห็นใบหน้าหวานของเด็กสาวกำลังยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะแล้วอดย่นคิ้วเข้าหากันไม่ได้ โคนันรู้สึกราวกับว่าอารมณ์กำลังตีกันมั่วไปหมด ได้แต่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทางประตูหลังของห้องชมรมไปทั้งอย่างนั้น 

     

                ไฮบาระเพียงอมยิ้มให้กับใบหน้างงงันของคนที่เหลือ ก่อนยักไหล่ทั้งสองข้างเล็กน้อยแล้วเดินตามร่างของเพื่อนสนิทออกไป พอดีกับจังหวะที่ประตูอีกฝั่งของห้องชมรมถูกเปิดออก พร้อมเด็กสาวเจ้าของผมสีน้ำตาลแดงที่เดินเข้ามาพร้อมใบหน้าเหรอหรา 

     

    “ อ๋า… โคนันคุงกลับไปซะแล้ว พี่นักข่าวอุตส่าห์จะมาขอสัมภาษณ์ซักหน่อยแท้ๆ ” 

     

     

     

     

     

    “ แล้ววันนี้แฟนเธอไม่ไปส่งที่บ้านหรือไง ถึงได้มาป้วนเปี้ยนอยู่ที่ชมรมโรงเรียนมัธยมได้ ” นักสืบหนุ่มเอ่ยถามเพื่อนข้างๆที่เอาแต่ก้มหน้าตอบข้อความแฟนตัวเองตลอดเวลาด้วยใบหน้าติดจะเอือมระอาไม่น้อย 

     

    “ ฉันจะติดธุระแถวนี้ไม่ได้เลยหรือไงยะ เธอก็รู้ว่าจากที่นี่ถึงบ้าน เดินแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ” เด็กสาวยกแฟ้มงานในมือของตนให้ดู ที่จริงแล้วการที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยเพียงคนเดียวในกลุ่มก็ทำเอาเวลาติดต่อกับเพื่อนๆพลอยน้อยลงไปด้วย นานๆทีถึงจะได้มาเดินกลับบ้านพร้อมกันแบบนี้ 

     

                เด็กหนุ่มพยักหน้าเข้าใจเหมือนไม่อยากต่อความอะไรอีก มันกลายเป็นความเงียบที่ไม่มีใครได้เอ่ยอะไรขึ้น แต่ก็ราวกับว่าเขากำลังดึงตัวเองเข้าสู่โลกส่วนตัวเสียมากกว่า ไฮบาระเงยหน้าขึ้นจากมือถือก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ระยะนี้คนๆนี้ก็เป็นแต่อย่างนี้อยู่เรื่อย 

     

    “ ฉันถามจริงๆนะคุโด้คุง… สิบปีที่เธอปะทะกับหมอนั่นอยู่ตลอด เธอไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง? ” 

     

    เด็กหนุ่มเว้นระยะเวลาก่อนจะตอบคำถามไว้นานพอสมควร ในขณะที่ใบหน้าคมนั้นกลับไม่ได้สบตาคู่สนทนาแต่อย่างใด 

     

     …ฉันต้องรู้สึกอะไรงั้นหรอแค่ตามจับหมอนั่นได้ก็พอแล้วนี่ ” 

     

    เอาแต่สังเกตพฤติกรรมคนร้ายจนลืมสังเกตตัวเองไปแล้วหรือไงนะ… พ่อคนปากแข็งเอ้ย 

     

    นักวิทยาศาสตร์สาวยิ้มขำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเอ่ยอีกหนึ่งประโยคทิ่มแทงใจระหว่างที่ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตูบ้านของตนแล้ว 

     

    “ คิดดูดีๆสิ เธอน่ะขาดพ่อจอมโจรคนนั้นไปไม่ได้แล้วนะ คุโด้คุง ” 

     

                ทำเอาคนที่กำลังไขประตูรั้วหน้าบ้านชะงักกึกไปทั้งอย่างนั้น ก่อนจะเอ่ยคำพูด ‘ไม่ใช่ซะหน่อย’ ออกมาอย่างแผ่วเบา ราวกับหัวใจมันกระตุกแรงกว่าเดิม  พร้อมกับความรู้สึกเห่อร้อนน้อยๆที่พวงแก้ม เขารีบก้าวเข้าสู่พื้นที่บ้านคุโด้โดยไม่ได้สนใจใบหน้ายิ้มอย่างรู้ทันของเพื่อนสาวอีกต่อไป 

     

    คุโด้ ชินอิจิ เดินเข้ามาทิ้งตัวลงบนที่นอนของตัวเองอย่างหมดแรง ในขณะที่คิ้วเรียวยังคงขมวดมุ่นเข้าหากันไม่คลาย มีเรื่องที่กวนใจคือเขาไม่อาจสลัดภาพใบหน้าของคนๆหนึ่งออกไปได้เลย จะตามมาวนเวียนในระบบความคิดของเขาไปถึงไหนกันนะ… อุตส่าห์คิดว่าถึงมือตำรวจแล้วทุกอย่างจะได้คลี่คลายลงเสียทีซะอีก 

     

    ‘ นายจะทนได้งั้นหรอ ถ้าหากฉันจะหายไปเฉยๆ… ’ ทั้งใบหน้าทั้งน้ำเสียงที่แสดงออกมาตอนนั้นยังคงติดตา 

     

    เขาต้องทนได้สิ ถึงได้พยายามเลิกคิดเรื่องจอมโจรคนนี้อยู่นี่ไง… 

     

    ทั้งเรื่องที่โรงเรียน ทั้งคดีที่มีเข้ามาไม่ขาดก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว… 

     

     

     

     

     

    กริ๊งงงงง! 

     

    แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือที่แผดเสียงร้องดังลั่นก็เป็นตัวปลุกเด็กหนุ่มให้ตื่นขึ้นจากนิทรา เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองเพลียจนหลับไปตอนไหนก็ไม่ทราบ บนหน้าจอทัชสกรีนแสดงรายชื่อสารวัตรคู่ปรับของบุรุษรัตติกาล ทำให้รู้ตัวว่าควรเอามือถือออกให้ห่างจากหูก่อนจะรับสาย 

     

    เอโดงาวะ โคนัน นายใช่มั๊ยเปิดทีวีเปิดทีวีเดี๋ยวนี้เลย!! ] เสียงทุ้มแหบโวยวายผ่านสายโทรศัพท์ ประโยคที่ค่อนออกไปทางออกคำสั่งทำให้คนที่เพิ่งตื่นนอนรับมือไม่ทัน 

     

    “ จ..ใจเย็นๆก่อนนะครับ เกิดอะไรขึ้นหรอครับ ” มือเรียวยกขึ้นนวดขมับเบาๆ อะไรคือการที่สารวัตรนากาโมริโทรหาเขาตอนสองทุ่ม เพื่อบอกให้เปิดทีวีกันนะ 

     

    คิดว่ามีเรื่องอะไรอีกล่ะก็เจ้าจอมโจรคิดไง! ] 

     

    หืม… 

     

    “ ตอนนี้เขาก็โดนจับอยู่ไม่ใช่หรอครับ? ”

      

    จากวันที่บุกจับวันนั้นก็ร่วมหนึ่งเดือนแล้ว แลกกับชีวิตที่แสนวุ่นวายมันก็ไม่คุ้มเท่าไรนัก ไม่รู้ว่าคราวนี้คนๆนั้นจะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีก หรือครอบครัวต้องการประกันออกมากันนะ …แต่ถึงจะอย่างนั้นก็ไม่เกี่ยวกับหน้าที่นักสืบของเขาเสียหน่อย

      

    โดนปล่อยออกมาแล้วน่ะสิมันทิ้งสาส์นเตือนว่าจะขโมยเพชรด้วย แต่รายละเอียดไม่ได้บอกอะไรเลย ทำทั้งเมืองวุ่นวายไปหมดแล้วเนี่ย! ] 

     

    “ อะไรนะครับ ด..เดี๋ยวนะครับ ” 

     

    โอเค… มันเป็นความผิดของเด็กหนุ่มเองที่ไม่ยอมเช็คข่าวสารประจำวันของวันนี้ให้เป็นปัจจุบัน แต่เรื่องราวที่ประดังเข้ามาก็กระทันหันเสียจนลำดับเหตุการณ์ไม่ทัน ทำไมจอมโจรรัตติกาลคนนั้นถึงถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว แล้วไอ้สาส์นเตือนที่ว่านั่นคืออะไรกันแน่ 

     

    นายต้องช่วยฉันจัดการ สถานีตำรวจจะระเบิดอยู่แล้ว! …แค่นี้ก่อนนะมีสายแทรก! ] 

     

    เสียงของโทรศัพท์ที่ดังระงมผ่านสายสนทนาเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีว่าเวลานี้กรมตำรวจกำลังวุ่นวายเพียงใด สารวัตรผู้เสียงดังคนนั้นตัดสายไปอย่างรวดเร็วหลังจากฝากภาระเอาไว้ให้กับคนที่เชื่อมือได้ ชินอิจิรู้ดีว่าถ้าหากไม่กำลังหัวหมุนจริงๆ คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีขนาดนั้นคงไม่โทรมาขอความช่วยเหลือกับเขาหรอก 

     

    มันแปลกเกินไปที่อยู่ๆคนๆนั้นจะประกาศสาส์นเตือนออกมาในเวลาแบบนี้ ไม่ใช่เอ่ยปากเองว่าจะเลิกขโมยแล้วหรือไงกัน… 

     

    เป็นไปได้หรือเปล่าว่าสาส์นนั่นจะเป็นของปลอม แต่อาการหัวร้อนขนาดนั้นของสารวัตรนากาโมริก็เป็นคำตอบที่ดีให้อยู่แล้ว…           

     

    มีเพียงเครื่องหมายคำถามอยู่เต็มระบบความคิดของนักสืบหนุ่มไปหมด เขาพยายามลำดับความคิดว่าควรเริ่มทำสิ่งใดก่อนในขณะที่จ้องมือถือในมืออย่างไม่มีจุดหมาย ความร้อนอบอ้าวภายในห้องนอนเป็นเหมือนสิ่งที่กระตุ้นในร่างนั้นเดินออกไปเปิดประตูหน้าระเบียงออกเพื่อหวังระบายอากาศ ดวงตาสีอคอมารีนทอดมองขึ้นไปบนผืนฟ้าสีดำสนิท           

     

    ตอนเจอกันครั้งแรกก็เป็นช่วงเวลาแบบนี้สินะ… กลางดึกหน้าร้อนแต่กลับมีลมพัดโกรกเย็นสบาย และพระจันทร์เต็มดวงที่ส่องสว่างฉาบไปทั่วพื้นหลังสีดำ และดูเหมือนว่าวันนี้จะดวงใหญ่กว่าปกติเสียด้วยสิ 

     

    เอาล่ะควรทำยังไงดี 

     

    ฟลุบ 

     

    เสียงของวัตถุที่เบาหวิวที่ลงสัมผัสกับพื้นระเบียง เป็นตัวขัดจังหวะเด็กหนุ่มที่กำลังก้มหน้าสนใจข่าวสารในมือถือของตน ซึ่งหากมองไม่ผิดไป นั่นคงจะเป็นกระดาษแผ่นเล็กๆแนบไว้กับดอกกุหลาบสีขาว เขาคงเข้าไปหยิบสิ่งของที่คุ้นเคยนั้นขึ้นมาแล้ว หากไม่มีสายลมที่พัดโกรกเข้ามายังใบหน้า และอีกหนึ่งเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ 

     

    ปลายเท้าที่สวมรองเท้าคัทชูสีขาวสะอาดทิ้งลงบนขอบระเบียงอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะทำลายความเงียบสงบของค่ำคืน หมวกผ้าไหมทรงสูงที่คาดด้วยผ้าสีน้ำเงินที่โคนหมวก ชุดสูทสีขาวบนร่างสูงโปร่ง และผ้าคลุมผืนใหญ่ที่กำลังโบกสะบัดโต้ลม ราวกับฉากเปิดตัวที่งดงามของเจ้าชายผู้แสนสง่า 

     

    จอมโจรคิด! 

     

    ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้…! 

     

    “ ไงคุณนักสืบ ไม่เจอกันนานเลยนะ ” 

     

                ใบหน้าที่คมคายนั้นถูกบดบังไปด้วยแว่นขาเดียว  แต่ยังคงปรากฏดวงตาสีแซฟไฟร์บลูที่สวยงาม รอยยิ้มบนริมฝีปากได้รูปที่ระบายออกมาน้อยๆ ราวกับกำลังเย้ยหยันทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่แสนจะคุ้นเคย …ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม 

     

     “ ฉันมาขโมยหัวใจของนาย ” 

     

    หัวใจมันพาลเต้นแรงซะจนหน่วงไปทั้งช่องอก รอยยิ้มของคนตรงหน้าที่เหยียดออกที่มุมปากเบาๆ แม้ไม่รู้ความหมายแต่ก็ทำให้นักสืบหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า ระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนทำไมถึงทำให้เขาเป็นเอาได้ขนาดนี้กันนะ… 

     

     “ ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ ” 

     

    คนที่ควรจะโดนดำเนินคดีในข้อหาโจรกรรมต่อเนื่องมาถึงสิบแปดปีกลับถูกปล่อยตัวออกมาอย่างง่ายดาย แถมยังแต่งตัวเต็มยศออกมาประกาศสาส์นเตือนสร้างความวุ่นวายทั้งเมืองไปด้วยอีก 

     

    “ แค่มงกุฎนั่นมัดตัวฉันไม่ได้หรอกนะ… ของจริงไปถึงบ้านซึสึกิก่อนที่นายจะมาที่ร้านนั่นเสียอีก ” โจรหนุ่มกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ส่งให้ใบหน้าของคนเด็กกว่าย่นเข้าหากันด้วยรู้สึกขัดใจไม่น้อย 

     

    เด็กหนุ่มเองก็รู้ดีในวันนั้นว่ามันเป็นของปลอม… แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะส่งของจริงกลับคืนเจ้าของแล้ว 

     

    “ ในเมื่อไม่มีหลักฐานมัดตัวนอกจากของปลอมนั่น การกักตัวต่อไปก็ไม่มีความหมาย ”  

     

    “ แต่อย่างน้อยฉันก็ยอมรับผิดตามกฎหมายแล้วนะ ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาขยิบตาให้คนตรงหน้าครั้งหนึ่งพร้อมรอยยิ้มจนทำให้อดหมั่นไส้ไม่ได้ ที่แท้ก็วางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้ว มีแต่เด็กหนุ่มที่หัวปั่นกับการไล่จับอยู่นานสองนาน 

     

    โจรก็ยังเป็นโจรวันยันค่ำ โจรกรรมกระทั่งช่วงเวลาที่ควรถูกดำเนินคดี… 

     

    “ คิดจะมอบตัวอยู่แล้ว …ทำไมถึงต้องเป็นฉัน ” 

     

     ชื่อเสียงของเอโดงาวะ โคนันดังกระฉ่อนไปทั้งโตเกียว ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการซักเท่าไรนัก คนๆนี้จงใจรับคำท้าของตระกูลซึสึกิเพราะรู้ว่าใกล้ชิดกับเด็กหนุ่ม ยอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเพื่อทำให้เอโดงาวะ โคนันสามารถหาเบาะแสได้ 

     

    ร่างสูงโปร่งก้าวลงมาจากขอบระเบียงแทนคำตอบ เพียงเวลาสั้นๆก็สามารถเข้าประชิดตัวเด็กน้อยตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว แขนข้างหนึ่งรวบเข้าที่เอวบางจากด้านหน้า คนเสียเปรียบที่ไม่ทันมีโอกาสได้หลบจึงต้องเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของจอมโจรอย่างช่วยไม่ได้ 

     

    “ เพราะต้องเป็นนายเท่านั้นยังไงล่ะ ” 

     

    รอยยิ้มที่ระบายออกมาอย่างอ่อนโยน แววตาที่เหมือนกำลังสื่อความหมายว่า ‘ต้องเป็นนายเท่านั้น’ ดั่งคำพูด ทำเอาคนตัวเล็กกว่าทำหน้าไม่ถูก ทั้งใบหน้าที่ร้อนผ่าวและหัวใจที่เต้นรัวเป็นกลองชุด เสียงทุ้มน่าฟังที่ดังอยู่ข้างหู ทำไมคนๆนี้ถึงได้มีอิทธิพลกับเขามากมายขนาดนี้กันนะ 

     

    “ สรุปให้หรือเปล่า… เอ ถึงไม่ให้ฉันก็จะขโมยหัวใจของนายอยู่ดี ” ใบหน้าคมนั้นยื่นเข้ามาใกล้กว่าเดิมจนปลายจมูกของทั้งคู่ห่างไม่ถึงคืบ ส่งให้ดวงตาสีอคอมารีนคู่สวยของนักสืบม.ปลายเบนหลบโดยอัตโนมัติ 

     

    “ ไม่ตลก ฉันไม่มีให้หรอกนะ…  

     

    “ คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า 

     

    ดวงตาสีแซฟไฟร์บลูในเวลานี้มันกลับส่องประกายสวยงามดั่งสีของอัญมณี เหมือนกับมนตร์สะกดบางอย่างที่ทำให้ทั้งร่างถูกตรึงเอาไว้อย่างนั้น ประโยคที่ราวกับจะอ้อนก็ไม่เชิงของบุรุษรัตติกาลทำเอาหัวใจของเด็กแว่นอ่อนยวบไม่เป็นท่า 

     

    “ ทำไมต้องคิดถึง ฉันดีใจต่างหากที่นายโดนจับไปได้ซักที ”

      

    “ หน้านายไม่เห็นบอกอย่างนั้นเลยนะ ” 

     

    คนตัวสูงกว่าว่าพร้อมยิ้มขำ คำตอบที่แถแบบข้างๆคูๆแบบนี้มันช่างไม่เนียนเอาซะเลย การแกล้งเด็กปากแข็งตรงหน้าไปเรื่อยๆแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน พวงแก้มนั้นฉายสีแดงระเรื่อ คิ้วเรียวที่ขมวดชนกันจนจะผูกเป็นปมได้อยู่แล้ว พอคนในอ้อมแขนทำท่าจะแกะแขนของเขา ทั้งใช้แรงที่น้อยกว่าเหมือนจะผลักออก เจ้าตัวจึงรีบสวมกอดให้แน่นกว่าเดิม หวังไม่ให้ตุกติกไปไหนได้อีก 

     

    ตั้งแต่รู้จักกันมา คนๆนี้ก็ยังคงพยศเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลย… 

     

    “ เกมส์นี้ฉันชนะแล้ว นายโดนจับง่ายๆแบบนั้นก็ถือว่าแพ้แล้ว ” พอเหนื่อยที่จะต่อต้าน เด็กแว่นก็รีบเปลี่ยนเรื่องไปประเด็นอื่น ซ้ำยังหาเรื่องมาพูดข่มคนที่กำลังได้เปรียบตัวเองในเวลานี้อีก 

     

    “ ใครว่าล่ะคุณนักสืบ เกมส์นี้นายเป็นคนแพ้ตั้งแต่หลงชอบคนอย่างฉันแล้วต่างหาก ”  แต่ก็ใช่ว่าจอมโจรหนุ่มจะวกเข้าสู่ประเด็นเดิมไม่ได้เสียหน่อย ใบหน้าคมคายนั้นเผยรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ เสียงขำในลำคอปรากฏออกมาเบาๆเมื่อใบหน้าของเด็กน้อยในอ้อมแขนแสดงให้เห็นว่ากำลังเขินอายไม่น้อย 

     

    “ มไม่! อุ๊บ! ” 

     

    จะบอกว่าไม่ใช่  แต่อีกฝ่ายก็ดันเร็วกว่า ริมฝีปากได้รูปประกบเข้าหาเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วจนไม่มีโอกาสได้โวยวายอะไรออกไป มันเป็นจูบที่อ่อนโยนแต่กลับแฝงไปด้วยความปรารถนา เรี่ยวแรงของคนตัวเล็กกว่าก็พลันมลายไปกับรสชาติที่หอมหวานนั้นเสียจนลืมต่อต้านไปเสียสนิท 

     

    “ ไม่ผลักออกแบบนี้ ฉันเหมาว่าชอบไปเลยแล้วกันนะ ” 

     

    บุรุษรัตติกาลถอนริมฝีปากออกอย่างแผ่วเบาก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ชวนให้ใจสั่น ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พักหายใจก็ช้อนตัวของเด็กหนุ่มขึ้น ก่อนอุ้มทั้งร่างเดินเข้าห้องไปทั้งอย่างนั้น มีเพียงเสียงโวยวายจากเด็กแว่นไล่หลังมาไม่เบานักว่าให้ปล่อยได้แล้ว 

     

    แต่ดูเหมือนคำพูดแกมออกคำสั่งนั้นจะไม่มีผลอะไรกับจอมโจรผู้เจ้าเล่ห์คนนี้เลย… 

     

                   จอมโจรก็เป็นดั่งผู้รังสรรค์ผลงานศิลปะที่สวยงาม นักสืบก็เป็นแค่คนที่มาวิจารณ์ผลงานของจอมโจรเท่านั้น เพราะเลือกเดินบนเส้นทางคนละสายกัน จึงไม่มีวันที่ทั้งสองจะมาอยู่ร่วมกันได้

     

                    แต่เรื่องราวในวันนี้คงเป็นทฤษฎีที่ถูกค้นพบใหม่ ใครจะไปคิดว่าเส้นขนานที่วิ่งคู่กันมาตลอด จะมาบรรจบลงตรงนี้ได้กันล่ะ…         

     

                มอบจุมพิตที่อ่อนโยนให้แก่กัน ในค่ำคืนแสนอ่อนหวานที่มีเพียงคนสองคน ให้สายลมอันแผ่วเบา ดวงจันทร์และแสงดาวที่งดงามท่ามกลางผืนฟ้าที่มืดสนิทได้เป็นพยาน

     

    ฉันให้ไม่ได้หรอก

     ของแบบนั้นมันอยู่ที่นายตั้งนานแล้ว

     ก่อนที่นายจะได้มงกุฎไปเสียอีก

     

     

     

     

     

    ‘ ขอรับหัวใจที่ผมเป็นเจ้าของไปก่อนนะครับ ’

     

     

     

     

     

      

    THE END…

     

     







    รับร่างกายไปด้วยเลยหรือเปล่าคะ อุ้มน้องเข้าไปในห้องนอนขนาดนั้นแล้ว-.,- //เบลอความเห็นนี้ไปค่ะ

    กรี๊ดดดด จบแล้วค่าาา มันจบแล้วค่ะท่านผู้อ่านT^T
    หลังจากใช้เวลาแต่งเรื่องนี้มานานสองนาน ในที่สุดก็ถึงฝั่งฝันซักทีค่ะ

    ขอโทษในความล่าช้าของไรเตอร์มาตลอดนะคะ 
    ผิดที่เราเป็นคนกว่าจะแต่งตอนนึงออกมาได้จะต้องย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าๆอีกหลายรอบ
    เป็นคนเช็คการเรียบเรียงประโยคในตอนๆนึงหลายรอบมากกว่าจะเสร็จนี่แหละค่ะ
    สิริเวลารวมสำหรับตอนจบนี้ได้ ใช้เวลาไปเกือบ3วันเลยค่ะ;-;
    เห็นเพื่อนที่อัพวันนึงได้หลายๆตอนแล้วก็คิดว่าสุดยอดจริงๆ ทำได้ยังไงกันT^T

    ที่จริงก็แอบรู้สึกว่าจบห้วนไปนิดนึงนะ-.,- แต่ขอจบแบบนี้ละกันเนอะ
    ไรเตอร์สารภาพว่าไม่เคยมีโอกาสแต่งฉากNCซักทีจริงๆค่ะ

    สำหรับเรื่องต่อไปที่จะแต่งในบทความนี้คือคู่ของ Gilgamesh และ Saber
    จาก Fate seriesค่ะ มีใครหวีดคู่นี้เหมือนไรเตอร์ไหมเอ่ย;-; เป็นนอร์มอลไม่กี่คู่ที่ชอบมากๆเลยค่ะ
    เนื้อเรื่องคงประมาณกษัตริย์ระหว่างสองเมืองที่มารักกัน(?) อย่าลืมติดตามกันน้าาา

    ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามฟิคเรื่องนี้มาจนถึงตอนสุดท้ายนะคะ
    ถ้ามีโอกาสก็อยากจะแต่งคู่นี้อีกจริงๆค่ะ ไคชินเป็นอะไรที่กร๊าวใจ และตลอดกาลมากๆ>3




    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×