คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ♀ TOM (or) BOY ♂ - 09
♀ TOM (or) BOY ♂
09
ช่วงเวลาเย็นใกล้ค่ำแบบนี้คงเป็นเวลาดีที่เหล่านักเรียนนักศึกษา รวมถึงเหล่าคนทำงานต่างก็เสร็จสิ้นภารกิจของตน จึงไม่แปลกที่ผู้คนมากมายจะเดินสวนกันไปมาในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองแห่งนี้ ซึ่งกลายเป็นสถานที่นัดพบของคนอีกคู่หนึ่ง
ไม่ใช่คู่รัก หรือจะบอกว่าเพื่อนซี้ก็คงไม่ใช่... เพราะเป็นลูกเจ้าของหอ กับคนเช่าห้องเบอร์ 23 ที่กลายมาเป็นที่ปรึกษาในการเลือกซื้อของให้กับสาวในฝันนามว่า แพรวา เท่านั้นเอง
และด้วยนัดกันในสถานที่แบบนี้ ความตั้งใจของคชาที่จะยกเอากาต้มน้ำไปคืนจึงต้องเป็นอันยุติลงชั่วคราว…
คชาในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ง่ายๆ สวมเสื้อคลุมอีกตัวทับเพื่อปิดบังหน้าอกแบนราบแบบผู้ชายก้าวเท้าเข้ามาหาคนที่ยืนรออยู่ก่อน เต๋ายังอยู่ในชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกับเขา สะพายกระเป๋าเป้สีดำเพราะเพิ่งเลิกเรียน
พอเห็นแบบนี้ คนตัวเล็กก็เพิ่งนึกได้... เกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมา นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกที่ไม่ใช่บริเวณแถวๆ หอพัก
ตอนแรกไม่อยากสุงสิงด้วยไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมถึงเลยเถิดมาได้ขนาดนี้?
“ว่าไงชา จะซื้ออะไรให้แพรวาดี?” เต๋าหันมาถามอีกคนที่เดินตามหลัง ชะลอให้เพื่อนทอมมาเดินอยู่ข้างๆ กัน “นี่เป็นของชิ้นสำคัญเลยนะ”
เห็นท่าทีกระตือรือร้นของอีกคนอย่างนั้น คำพูดของแพรวาเมื่อตอนบ่ายก็แล่นเข้ามาในหัว
‘ฝากไปบอกเขาด้วยละกันว่าแพรวามีคนที่ชอบอยู่แล้ว เลิกทำอะไรบ้าๆ สักที’
จะบอกเต๋าแบบนี้ได้ยังไง?... ขนาดคนอื่นอย่างเขา ฟังแล้วยังสะอึกเลย
“เป็นไรชา? ไม่สบาย?” เห็นสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีของอีกคน เต๋าจึงถามขึ้นมา และยิ่งเห็นอีกคนยืนนิ่งแบบนั้น เลยถือโอกาสยกหลังมือแตะหน้าผากอีกคนเบาๆ “ตัวก็ไม่ร้อนหนิ หรือว่า...”
“เวียนหัวแพ้ท้องรึเปล่า? ตกลงนี่ลูกของเราจริงๆ หรอ?” กลับมาพูดจาทะเล้นใส่ซะจนคชาต้องขมวดคิ้วเบะปากค้อนให้อย่างที่เคยทำประจำ ที่ทำท่าอ้วกใส่วันนั้น เต๋ามันยังเอามาเล่นจนถึงวันนี้!
“ท้องก็บ้าแล้ว!” ท้องไม่ได้ว้อย! เขาโวยเสียงใส กระฟัดกระเฟียดใส่ซะจนอีกคนหัวเราะออกมาเบาๆ
“นั่นสิ ตัวก็แค่นี้... ว่าแต่หิวยัง จะกินอะไรเดี๋ยวเลี้ยงเอง”
“อ้าว... ไม่ซื้อของให้แพรวาแล้วรึไง?”
“หลังกินเสร็จก็ได้ นี่หกโมงแล้ว เวลาอาหารพอดี... เอาร้านนี้ละกันขี้เกียจเดิน” พูดพลางเดินนำไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ในระดับสายตา ก่อนจะหันมาถามความเห็นอีกคน
“กินได้ใช่ไหมชา?”
“อือ”
“โอเคนะ... เดี๋ยวสั่งของเปรี้ยวมาให้”
“เต๋า!!!!!”
หลังจากสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อย คชาก็มองเหม่อผ่านกระจกใสออกไปนอกร้าน หากแต่สมองยังคิดทบทวนเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา... คำพูดของแพรวา กับกาต้มน้ำอันนั้น
“เออเต๋า...กาต้มน้ำนั่น” บางทีเรื่องนี้อาจจะพูดง่ายกว่า “คือ...” ทว่าพูดได้เท่านั้นเขาก็นิ่งไปเพราะไม่รู้จะต่อยังไงดี
เดี๋ยวเราเอาไปคืนนะ เพราะเราว่าจะย้ายหอพอดี... คำพูดแค่นี้ที่ปากไม่ยอมทำงาน
หรือเพราะหัวใจมันไม่ยอมสั่งการเสียมากกว่า
แต่เพราะความเงียบทำให้คนตีความไปอีกอย่าง... “จะขอบคุณ? ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้” เสียงทุ้มเอ่ย แม้ปากไม่ได้ยิ้มกว้างแต่แววตาก็สื่อถึงความยินดี
“ยกอันเก่าของที่บ้านมาให้น่ะ ลองดูก่อนว่าใช้ได้ไหม ถ้าไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที” พูดพลางหันไปสนใจน้ำชาที่พนักงานเสิร์ฟเพิ่งเอามาให้ ดันแก้วหนึ่งไปไว้ตรงหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะดูดชาเขียวจากแก้วของตัวเอง
“ชาค่ะ... ไว้วันหลังชงชาให้กินมั่งสิ” เหมือนพูดเล่น แต่คนพูดน่ะแอบคิดจริง
“เราคงไม่ได้อยู่ชงแล้วล่ะ”
เพียงคำพูดสั้นๆ แค่นั้น การกระทำทุกอย่างก็หยุดเคลื่อนไหว เต๋านิ่ง มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะถามออกมา
“หมายความว่าไง?”
“เราว่าจะย้ายหอน่ะ”
“ย้ายทำไม? ที่นี่ไม่ดีตรงไหน?”
ตอบไม่ได้... ถึงหอพักเพียงพอจะไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเลวร้าย แถมเกือบสองอาทิตย์ที่เขามาอยู่ก็เริ่มเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้คุ้นชิน
“อยากดูทีวี? อยากเล่นเน็ต?”
ได้ยินอีกฝ่ายถามก็พยักหน้าเออออตามไป ทั้งๆ ที่ใจไม่ได้ต้องการมันขนาดนั้นเลย
“ก็มาบ้านฉันสิ มีทุกอย่างนั่นแหละ” เว้นไปไม่กี่วิก็พูดต่อ “อยากได้พัดลมด้วยใช่ไหม? เดี๋ยวพาไปซื้อเดี๋ยวนี้เลย”
ใครจะคิดว่าคำตอบของเศรษฐพงศ์จะง่ายแค่นี้… เขาไม่รู้เลย... สิ่งที่ว่ามาไม่เกี่ยวกับเหตุผลที่เพื่อนทอมคิดย้ายหอเลยสักนิด แต่ที่อีกคนต้องไปเพราะไม่ควรมาอยู่แต่แรกแล้วต่างหาก
หอพักหญิงก็คือหอพักหญิง... จะมีผู้ชายมาอยู่ได้ยังไง?
อาหารจานแรกที่มาเสิร์ฟทำให้บทสนทนาเว้นวรรคลงชั่วคราว คชานั่งนิ่งหากแต่ลนลานอยู่ข้างใน ไม่รู้จะจัดการยังไงเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีแบบนี้
“แค่เราคนเดียว หอไม่ขาดรายได้หรอก” ร่างเล็กพูดต่อเมื่อสรรหาคำพูดออกมาได้
“แล้วคิดว่าฉันอยากได้เงินหรือไง!” เต๋ากระชากเสียงตอนท้ายซะจนอีกฝ่ายสะดุ้งโหยง ตาคู่คมมองสีหน้าจ๋อยๆ ของอีกคนแล้วก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
แล้วจะโมโหไปทำไมวะ? ก็แค่คนคนเดียว
“แล้วจะไปอยู่ที่ไหน?”
“ไม่ไกลจากหอเดิมนักหรอก เพื่อนหาให้”
“จะย้ายเมื่อไหร่?”
“เร็วๆ นี้แหละ” เร็วที่สุด...เท่าที่จะเร็วได้
“เดี๋ยวช่วยขนของ”
“ไม่เป็นไร”
“ก็บอกจะไปช่วยไง” เอ่ยเสียงทุ้มเหมือนปกติหากแต่สายตาดุดันอย่างควบคุมไม่ได้ เขาก้มลงดูดน้ำเย็นๆ ในแก้วเผื่อมันจะช่วยคลายความหงุดหงิดลง แล้วจึงหันไปสนใจอาหารในจาน เพื่อเบนความคิดของตัวเอง
อาหารอีกจานที่สั่งถูกนำมาเสิร์ฟในตอนนั้นพอดี ทั้งสองคนจึงหยุดบทสนทนาแล้วลงมือทานแทน มันคงเป็นมื้ออาหารที่อึดอัดที่สุดของทั้งคู่เมื่อต่างคนต่างเงียบ หลายครั้งที่คชาแอบมองสังเกตท่าทีของอีกฝ่าย แต่เมื่อถูกจับได้ก็รีบหลบสายตาทันที
“เอ่อ... แล้วของที่ให้แพรวา จะให้เมื่อไหร่อะ?” คชาเป็นฝ่ายถามเมื่อทานข้าวไปได้เกินครึ่งจาน... ไม่ใช่แค่อยากชวนคุยเท่านั้น แต่เพราะนึกถึงอีกฝ่ายด้วยจริงๆ
“พรุ่งนี้... ให้พร้อมกับบอกเฉลย ว่าฉันเป็นเจ้าของขนมพวกนั้นเอง”
“แค่นั้น?”
“ก็คงบอกชอบ ต่อจากนั้นก็คงต้องดูว่าแพรวาจะว่าไง”
เขาชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้ยินคำพูดของเต๋า... เห็นสีหน้าที่ดูจะมีความหวังบางอย่าง ไม่ได้ดูหงุดหงิดเหมือนยี่สิบนาทีก่อนหน้านี้เลย
แม้จะดีใจที่อีกฝ่ายเลิกอารมณ์เสีย แต่ยังอดกังวลไม่ได้... ถ้าเต๋าถูกปฏิเสธกลับมา... ไม่สิ ยังไงเต๋าก็ต้องถูกปฏิเสธแน่ๆ อยู่แล้ว ...กับผู้หญิงมั่นใจในตัวเองอย่างแพรวา
เขาควรจะบอกเต๋าก่อนไหม? แต่ตอนนี้ เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดยังไงเลยจริงๆ
“จะซื้ออะไรไปสารภาพรักดี... ชาค่ะ พวกผู้หญิงเขาชอบอะไรกัน?”
“หา...” ในเมื่อเขาไม่ใช่ผู้หญิง เขาควรตอบว่าอะไร “ดอกไม้มั้ง” ผู้หญิงทุกคนน่าจะดีใจไม่ใช่หรอเวลาที่ได้ดอกไม้
“แล้วเธอชอบดอกไม้อะไร?”
“ถามเรา? ดอกไม้? ...ดอก..มะลิ” คิดยังไงก็พูดออกไปโดยทันที เขาชอบดอกมะลิ ดอกไม้ดอกเล็กๆ สีขาวบริสุทธิ์หอมเบาบางที่ทำให้นึกถึงครอบครัว
ไม่รู้ตัวเลย รอยยิ้มบางเบาของเขากำลังทำให้อีกฝ่ายหลุดยิ้มจางๆ ออกมาเช่นกัน
“อะไรชาค่ะ... อยากเป็นแม่คนหรอ?”
“จะบ้าหรือไง! ก็กลิ่นมันหอมดี” เบะปากพูดออกมาอย่างเคย... เพราะบ้านที่โคราชปลูกไว้ แล้วเขากับน้องก็ชอบไปเก็บมาเอาให้แม่ตอนวันแม่ต่างหาก
“อืม... แล้วเธอว่าอย่างแพรวาจะชอบดอกไม้อะไร?”
“แพรวา...” หยุดคิดไม่นานก็ตอบออกไป “ไม่รู้สิ รู้แต่แพรวาชอบสีชมพู”
“ชมพูหรอ... งั้นกินเสร็จไปซื้อกัน”
กลิ่นหอมของเหล่ามวลหมู่ดอกไม้หลายสิบชนิดที่ปรุงผสมปนเปกันพาให้คนทั้งสองที่เดินเข้ามาใหม่อดรู้สึกสดชื่นตามไม่ได้ โดยเฉพาะคนตัวเล็กที่เหลียวซ้ายแลขวามองดูดอกไม้รูปร่างแปลกตาที่พากันอวดโฉมไปทั่วทุกมุมร้าน
“เอาแบบไหนดีชา?” เต๋าหันไปถามอีกคนที่กำลังมองสำรวจทั้งหมดนั่นอย่างสนอกสนใจ ส่วนตัวเองก็มองสอดส่องแบบที่ต้องการไปด้วยอีกเช่นกัน แต่ก็ละลานตาไปหมดเสียจนเลือกไม่ถูกเลย
“ไม่ทราบว่าจะเอาไปให้ในโอกาสไหนคะ?... เลือกให้ตามความหมายก็ดีนะคะ” พนักงานสาวกล่าวกับทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงสดใส เธอลุกออกจากเคาท์เตอร์ของร้านเดินตรงมาหาลูกค้าทั้งสองคน “ดอกไม้แต่ละชนิดแต่ละสีก็มีความหมายของมัน”
“แล้วถ้าจะสารภาพรัก?”
ไม่นานหลังจากที่ได้ฟังพนักงานสาวกล่าวแนะนำ เต๋าก็จัดแจงเลือกสั่งดอกไม้ สีโบว์ กระดาษห่อ พร้อมทั้งการ์ด เพื่อให้ที่ร้านจัดการนำไปส่งในวันพรุ่งนี้ช่วงบ่ายเสร็จสรรพ ร่างสูงกำลังหยิบกระเป๋าเงินออกมาเพื่อจ่ายสตางค์ ส่วนคชานั้นเดินออกมารออยู่หน้าร้านได้พักหนึ่งแล้วเพราะต้องออกมารับโทรศัพท์เสียก่อน
“โอเคเฟรม พรุ่งนี้บ่ายสองนะ” พูดตกลงกับเพื่อนคนเดิมเสร็จสรรพก็กดวางสาย มือบางเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง สมองน้อยๆ ไล่ลำดับสิ่งที่ต้องทำ
คืนนี้ ไปนัดแพรวาให้มาเจอกับเต๋าตอนพรุ่งนี้บ่ายๆ
และเวลาเดียวกันนั้น เขาต้องออกไปดูหอใหม่กับเฟรม… อาจจะต้องกดเงินไปด้วย เพราะเฟรมบอกว่า ถ้าพอใจก็จ่ายเงินแล้วเข้าอยู่ได้เลย
หมายความว่าคืนนี้ต้องเตรียมเก็บของแล้วสินะ... แล้วกาต้มน้ำนั่นล่ะ?
ร่างเล็กยืนครุ่นคิดอยู่ตรงนั้น จิตใจเหม่อลอยออกไปยังห้องเบอร์ 23 ของตน นึกถึงข้าวของทั้งหมดที่ต้องกลับไปเก็บ นึกถึงแพรวาที่จะต้องกลับไปนัดหมาย นึกถึงเพื่อนร่วมหอร่วมชั้นอีกสองคนอย่างจอยและพี่หลิน นึกถึงใครบางคนที่เขาต้องมาเกี่ยวพันแบบงงๆ ในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้
“คิดอะไรอยู่?” และใครคนนั้นก็เป็นคนปลุกเขาออกจากภวังค์ความคิดที่หลุดลอย ตาคู่คมประสานมองเพื่อนตัวเล็กที่ยังคงเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ
“เปล่า... ไม่มีอะไร” เสียงใสตอบอีกคนพลางพยายามสลัดเรื่องในหัวออกไปให้พ้นทาง ก่อนที่คชาจะเดินนำอีกคนไปด้วยใจที่ยังคงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ชาค่ะ” ทว่าเสียงเรียกจากคนข้างหลังทำให้เขาต้องหันกลับมา ตอนนั้นเองที่คชาเพิ่งสังเกตว่าในมืออีกคนไม่ได้ว่างเปล่า
ลิลลี่สีขาวเพียงดอกเดียวในมือถูกยื่นออกไป เพียงเท่านั้นก็เป็นฝ่ายคนรับเองที่ยืนงง… ถึงมันจะเป็นเพียงดอกลิลลี่ดอกเดียวที่ถูกห่อแบบง่ายๆ ด้วยพลาสติกใสกับโบเล็กๆ ก็ตาม แต่ไม่มีความจำเป็นอะไรที่อีกคนต้องเอามาให้เขาเลย
คชาเลิกคิ้วขึ้นในเชิงถาม ขมวดคิ้วมองตาแป๋วอย่างไม่เข้าใจ ดูท่าจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตากำลังเห็นอยู่เสียเลย “ให้เอาไปให้แพรวาหรอ?” คงจะเป็นแบบเดิมเหมือนกับทุกครั้ง
“เปล่า” ได้ยินเท่านั้น คนฟังก็มือไม้สั่นแปลกๆ “ให้คนชื่อ ชาค่ะ นั่นแหละ... ขอบใจนะ สองอาทิตย์ที่ผ่านมา”
ถ้าเป็นทุกครั้ง เขาคงเถียงออกไปแล้วว่าตัวเองชื่อ ชา ไม่มีค่ะอย่างที่อีกคนชอบเติมให้ หากแต่คราวนี้ มันต่างออกไป ความรู้สึกต่างๆ มากมายไหลมาตีกันไปหมด
ประหลาดใจ.. ดีใจ.. ตื่นเต้น.. โหวงเหวง..
“ไม่เป็นไร” เขาพูดตอบออกไปเรียบๆ ขัดกับเสียงหัวใจที่กำลังเต้นดัง ก็ถูกแค่อีกคนดึงมือเขาไปเพื่อยัดดอกไม้นั่นใส่ในมือเขาก็เท่านั้นเอง
แต่ทำไมนะ... รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตเลย
มือหนาอุ่นคู่นั้นบีบมือเขาเบาๆ อีกสองสามทีราวกับจะตอกย้ำความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวในใจ... เต๋าขยับเดินเข้ามาใกล้ พูดเสียงไม่ดังแต่ได้ยินก้องในสมอง
“อย่าไปไหนเลยชาค่ะ... ไม่อยากอยู่หอเราแล้วหรอ?”
คชาไม่รู้... คำพูดนั้นไม่ได้เพียงดังก้องในสมอง หากแต่กระทบไปถึงก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายให้สูบฉีดแรงยิ่งกว่าเดิม
ทว่าสุดท้าย... ก็เป็นตัวเขาที่ขืนมือออกจากสัมผัสอบอุ่นที่กอบกุมนั้นเอง
‘ไม่ใช่ไม่อยาก แต่อยู่ไม่ได้’ คำพูดในใจที่ไม่ได้ส่งผ่านออกไปถึงอีกคน
“ขอโทษนะเต๋า”
TBC
เต๋ามาแล้วน้า สำหรับคนที่คิดถึง
อาจจะเหมือนดราม่านิดหน่อย ไม่ขำ ไม่เกรียนเหมือนเคย (กลัวคนผิดหวังเบาๆ)
แต่เอาน่า ใจเย็นๆ ให้มันค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป อย่าเพิ่งเลิกอ่านกันนะตะเอง
เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้า
ป.ล. ตอนนี้อัพเร็วเน้อ (ภูมิใจอะ ฮ่าๆๆ)
ความคิดเห็น