คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ลาก่อน
บทที่ 10 ลาก่อน
ณ ห้อง ม.6/1
เบส. ทำไมวันนี้มานั่งเซงอยู่ตรงนี้ล่ะคร้าฟ ไม่ไปนั่งกับเบวเหรอ
เกม. เบวมีติวพิเศษตอนพักเที่ยงว่ะ
ต้อม. หง๋อยเลยดิมึง
เกม. หง๋อยไม มีพวกมึงอยู่ตั้งสองตัว กูไม่หง๋อยหรอก
ช่วงพักเที่ยง ผมลงจากห้องไปซื้อน้ำ แล้วไปยืนดักรอเบวใต้อาคาร 6 ซึ่งเป็นอาคารเรียนของห้องพิเศษ ไม่นานเบวก็เดินลงมาพร้อมกับพวกเพื่อนๆ
เกม. เบว!
เบวหันมาแล้วยิ้มให้ผม เธอแยกกับกลุ่มเพื่อนแล้วเดินมาหาผม
เบว. เกมมาหาเราเหรอ
เกม. ใช่ เราซื้อน้ำมาให้
เบว. อุ้ย..ขอบคุณนะ
เกม. แล้ว...นี้เบวยังต้องกลับขึ้นไปเรียนอีกเหรอ
เบว. อืม ใช่ เดี๋ยวซื้อข้าวเสร็จเราก็ต้องกลับไปเรียนเลย เกมมีอะไรรึเปล่า
เกม. อ๋อ..เปล่าหรอก เราแค่อยากจะชวนเบวไปนั่งด้วยกันเฉยๆ แต่ถ้าเบวไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ
ผมอยากจะถามเบวว่าทำไมไม่กดไลค์รูปคู่ แต่ผมก็ไม่กล้า กลัวเบวคิดว่าผมเป็นผู้ชายงี่เง่า
เกม. ช่วงนี้เราไม่เห็นเนิร์ดมาโรงเรียนเลย.. เบวรู้ไหมว่ามันหายไปไหน
เบว. เราก็ไม่รู้มากหรอกนะ เหมือนว่าเนิร์ดจะมีธุระกับพ่อที่บ้านย่า แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเหมือนกัน
เกม. อ่อ....
เบว. ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราไปก่อนนะ
เกม. เดี๋ยว! เรามีอีกเรื่องอยากจะขอเบวอ่ะ คือ...ถ้าเราขอให้เบวช่วยติวหนังสือให้เรา...จะได้ไหม?
เบวมีสีหน้าที่ไม่สบายใจเมื่อได้ยินคำถามนั้น
เบว. เราขอโทษจริงๆเกม เราไม่ว่างจริงๆอ่ะ คงติวให้ไม่ได้ ขอโทษนะ
เกม. ฮ่าๆๆ(หัวเราะ) เห้ย..ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมาก เราแค่ถามเฉยๆ เผื่อเบวจะว่าง ขอโทษที่รบกวนนะ เบวไปซื้อข้าวเถอะ เราจะไปล้ะ..
ผมโบกมือบ้ายบายเบวแล้วแยกตัวออกมา
ช่วงเย็นหลังกลับมาจากโรงเรียน ผมปั่นจักรยานไปที่บ้านของเนิร์ด แต่ภาพที่เห็นคือบ้านเนิร์ดนั้นมืดสนิท ไม่เปิดไฟสักดวงเหมือนไม่มีใครอยู่ ผมลงจากรถจักรยานแล้วเดินไปเกาะรั้วบ้าน พร้อมกับชะเง้อหน้ามองพยายามส่องเข้าไปในบ้าน แต่ก็พบเพียงความมืด ความเงียบ และความว่างเปล่า วันนี้ผมคงไม่ได้เจอมันแล้ว ผมเลยถอดใจแล้วปั่นจักรยานกลับบ้าน
กลับมาถึงบ้านผมก็ทักแชทไปหาเบว ผมรอเบวอยู่นานสองนาน แต่เบวก็ไม่อ่านและไม่ตอบเหมือนอย่างเคย สงสัยกำลังอ่านหนังสืออยู่
ผมคิดอยู่นานว่าจะโทรหาเนิร์ดดีไหม แต่ก็ไม่รู้จะโทรไปทำไม จะโทรไปถามว่าทำไมไม่มาโรงเรียน แล้วผมจะถามมันไปเพื่ออะไร ผมทำได้แค่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
...............................
เช้านี้ก่อนเข้าแถว ผมเดินไปหาเบวที่แถว แต่ก็ไม่ลืมที่จะชะเง้อมองหาไอ่เนิร์ด “ไม่มาอีกแล้วเหรอวะ”
เบว. เกม?
เบวสะกิดหลังแล้วเรียกผม ผมไม่ทันสังเกตเห็นเบวเพราะมัวแต่มองหาไอ่เนิร์ด
เบว. มาหาเราเหรอ
เกม. อ้อ..เอ่อ ใช่ๆ คือ...เรามีของมาให้เบวน่ะ
ผมหยิบเสื้อคู่ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เบวดู
เบว. นี้อะไรเหรอเกม
เกม. เสื้อคู่ไง
ผมพูดไป ก็เขินตัวบิดไป ผมกางเสื้อที่พับอยู่ออกเพื่อให้เบวเห็นลายเสื้อที่มีคำว่า ‘แฟนผมน่ารัก’
เกม. เป็นไง น่ารักไหม... เอาไว้เวลาเราสองคนไปเที่ยวด้วยกัน ก็ใส่คู่กันนะ
เบว. อะ..อืมๆ (ยิ้มแบบฝืนๆ) ขอบคุณนะ
จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนมีใครมาผลักอกผมอย่างเต็มแรง
ฟิว. เห้ย! ทำเชี้ยไรวะ
เบว. ฟิว! อย่า!
ผมอยากจะอัดหน้ามันคืน แต่ก็เกรงใจเบว ต่อหน้าเบวผมไม่อยากทำพฤติกรรมที่มันป่าเถื่อน ผมเลยพยายามข่มใจให้เย็น
เกม. กูก็มาหาแฟนกูสิวะ
เบว. ฟิว ออกไปก่อน เราขอร้อง
ไอ่ฟิวทำหน้าไม่พอใจแล้วเดินหนีไปท้ายแถว
เบว. ขอโทษด้วยนะเกม เสื้อน่ารักมากเลย ขอบคุณนะ เกมกลับไปเข้าแถวก่อนนะ เดี๋ยวเราทักแชทไป
ผมค่อยๆพยักหน้าแล้วเดินกลับไปเข้าแถวด้วยความเศร้า แค่มองก็ดูออกไม่ต้องบอกก็พอรู้ว่าฟิวกับเบวต้องมีอะไรบางอย่าง…
ช่วงบ่าย ผมกับเพื่อนขึ้นไปติวกับติวเตอร์พิเศษที่ทางโรงเรียนจัดให้ที่หอประชุม นักเรียนชั้น ม.6 ทุกคนต้องขึ้นไปติว
ผมนั่งเรียนอยู่กับกลุ่มเพื่อน ไม่กล้าไปนั่งกับกลุ่มเบว ทำได้เพียงแค่มองจากที่ไกลๆ หลังติวเสร็จนักเรียนทุกคนก็ลุกแล้วทยอยเดินออกจากห้อง ผมลุกขึ้นแล้วมองไปที่โต๊ะที่เบวนั่ง แต่เบวไม่อยู่แล้ว เห็นก็แต่เสื้อคู่ที่ผมซื้อให้ ซึ่งเบววางทิ้งไว้อยู่ใต้โต๊ะ ถ้ามองโลกในแง่ดี เบวอาจจะลืมหยิบกลับไปด้วย วินาทีนั้นผมเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเราคงไม่ใช่คนที่เบวต้องการ แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจเท่าไหร่นัก ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมตัวผมถึงไม่รู้สึกเศร้าเลย …
ด้วยความเสียดาย ผมจึงหยิบเสื้อคู่ที่เบวทิ้งไว้เก็บกลับเข้ากระเป๋าตัวเอง อุตส่าห์ซื้อมาตั้งแพง
เดินออกมาจากหอประชุม ความซวยก็มาเยือนเมื่อผมหารองเท้าของตัวเองไม่เจอ “ใครเอารองเท้ากูไปวะ!” ผมมองหาอยู่นานสองนาน แต่ก็ไม่มีวี่แววของรองเท้าตัวเองเลย “ชิบหายแล้วกู ข้างนอกฝนเริ่มตกแล้วด้วย”
เบส. หารองเท้าไม่เจอเหรอ
เกม. เออว่ะ แม่งหายไปไหนก็ไม่รู้
เบสกับต้อมเดินมาช่วยผมหารองเท้าที่หายไป
เกม. พวกมึงกลับบ้านกันไปก่อนเถอะ เดี๋ยวกูหาเอง
ต้อม. ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกกูช่วย
เกม. กูว่าเราหาไม่เจอหรอกมึง กูหามาตั้งนานแล้วเนี่ย
เบส. มึงลองไปดูในถังขยะสิ มีใครแกล้งเอารองเท้ามึงไปทิ้งรึเปล่า
ผมเดินไปดูที่ถังขยะตามที่มันบอก
เกม. ไม่มีว่ะ
ต้อม. เชี้ย... แล้วมันจะหายไปไหนวะ
เบส. เอางี้ มึงเอารองเท้ากูไปใส่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเอามาคืน
เกม. โอ้ย..ไม่เอาหรอก ถ้ากูเอาของมึงมา แล้วมึงจะใส่อะไร
ต้อม. เอาของกูก็ได้ ข้างนอกฝนตก มึงจะเดินเท้าเปล่าลุยน้ำกลับบ้านเหรอ
เกม. ไม่เอาๆ พวกมึงกลับกันไปก่อนเลย ไม่ต้องห่วงกู กูจะรอจนกว่าฝนหยุดแล้วเดี๋ยวค่อยเดินออกไปรอรถ
เบส. งั้นพวกกูกลับก่อนนะ กูต้องรีบกลับไปดูแลย่าที่บ้าน ไอ่ต้อมก็ไปช่วยด้วย
(ครอบครัวต้อมกับเบสสนิทกัน)
เกม. เออ กูเข้าใจ ย่ามึงป่วยติดเตียงนิ รีบกลับไปเถอะ
ต้อม. โทษทีนะมึง ถ้ามีอะไรก็โทรหาพวกกูนะ
เกม. โอเค ได้ๆ รีบไปเถอะ
ว่าแล้วเพื่อนผมก็วิ่งฝ่าฝนออกไป เพื่อรอรถกลับบ้าน ส่วนผมติดแหงกอยู่หน้าหอประชุมเพราะไม่มีรองเท้า
ผมรอให้ฝนหยุดอยู่นาน แต่ไม่ว่าจะรอนานเท่าไหร่ ฝนก็ไม่หยุดตกสักที เวลาเริ่มเย็น ผมไม่อยากรออยู่โรงเรียนแล้ว ตอนนี้ผมอยากกลับบ้าน จะขอความช่วยเหลือจากครูก็ไม่ได้ ไม่มีใครอยู่แถวนี้สักคน “เอาวะ เปียกก็เปียก” ผมตัดสินใจถอดถุงเท้าแล้วรีบวิ่งลุยฝนลุยน้ำด้วยเท้าเปล่าออกไปหน้าโรงเรียน ทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่ผมเมื่อผมวิ่งออกไปรอรถเมล์ เด็กคนอื่นๆต่างหันมามองที่เท้าผมเพราะผมไม่ใส่รองเท้าเหมือนตัวประหลาด ผมล่ะอยากจะตะโกนว่า ‘รองเท้ากูหายโว้ย’ ออกไปซะจริงๆ ผมอายมาก เลยพยายามเดินออกมายืนรอรถไกลจากตัวโรงเรียนหน่อย คนจะได้ไม่สังเกตเห็น “เชี้ยเอ้ย..เจ็บตีนชิบหาย” ขณะที่ผมเดินกระเพกๆอยู่นั้น จู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนรถมอเตอร์ไซร์ของใครบางคนวิ่งตามหลังมา ผมจึงหันหลังไปมองด้วยความสงสัย
เกม. เห้ย! ไอ่เนิร์ด!!!
ผมรู้สึกดีใจมาก เพราะไม่ได้เจอมันนาน
เนิร์ด. ให้พี่ไปส่งไหมน้อง
ไอ่เนิร์ดพูดแซว พร้อมกับจอดบิ๊กไบร์เทียบข้างผม มันไม่ได้ใส่ชุดนักเรียน แต่ใส่ชุดรำลองสีดำกับกางเกงยีนขายาว
เนิร์ด. ทำไมไม่ใส่รองเท้าวะ รองเท้ามึงอยู่ไหน?
เกม. รองเท้ากูหาย
เนิร์ด. หายตั้งแต่ตอนไหน
เกม. ก็..ตอนขึ้นไปติวที่หอประชุมอ่ะ
เนิร์ดลงจากรถแล้วเปิดใต้เบาะนั่ง จากนั้นมันก็หยิบเสื้อกันฝนออกมาคลุมให้ผม
เนิร์ด. ขึ้นรถกูเร็ว เดี๋ยวไปส่ง
ผมไม่รอช้า รีบกระโดดขึ้นรถมันทันทีจนรถมันโยงเยกไปมา
เนิร์ด. เห้ยๆ ขึ้นเบาๆก็ได้ กูจะล้ม
รถบิ๊กไบร์วิ่งไปตามท้องถนน ผมนั่งอยู่บนรถมันไปเรื่อยๆ พอเห็นแผ่นหลังของมันแล้วผมกลับรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้กลับมาอยู่ในที่ๆปลอดภัย นี้ผมไม่ได้เจอมันมากี่วันแล้วเนี่ย
เกม. มึงหายไปไหนมา ทำไมไม่มาโรงเรียน
ผมเอ่ยถามมันด้วยความสงสัย แต่เนิร์ดกลับเงียบ ไม่ตอบผม
ผมสังเกตเส้นทางที่มันขับมอไซร์ผ่าน นี้มันไม่ใช่ทางไปบ้านผมนิ
เกม. มึง...ผิดทางรึเปล่าวะ
เนิร์ดยังคงเงียบและไม่ตอบผม ผ่านไปไม่นาน รถของเราก็มาจอดที่หน้าร้านขายรองเท้าแห่งหนึ่งใกล้ๆสะพานลอย ไอ่เนิร์ดลงจากรถแล้วเดินนำผม ผมเดินตามมันเข้าไปในร้านอย่างแปลกใจ
เนิร์ด. มึงใส่รองเท้าเบอร์อะไร
เกม. ห๊ะ?!
เนิร์ด. พี่ครับ มีรองเท้านักเรียนชายเบอร์ 42 ไหมครับ
เนิร์ดหันไปถามเจ้าของร้านขายรองเท้า
เจ้าของร้าน. มีครับน้อง
พี่เจ้าของร้านเดินหยิบรองเท้าแล้วส่งให้เนิร์ด ไอ่เนิร์ดก้มลงแล้วใส่รองเท้าให้ผม
เกม. เดี๋ยวๆๆ!! กูใส่เองก็ได้
ผมตอบด้วยความเกรงใจ
เกม. มึงพากูมาซื้อรองเท้าเหรอ (ยิ้ม)
ผมพูดไปพร้อมกับใส่รองเท้าไป
เนิร์ด. อืม
เนิร์ดพยักหน้า
เกม. รู้ได้ไงว่าเท้ากูเบอร์ 42
เนิร์ด. หึ... กูรู้ก็แล้วกัน
เนิร์ดช่วยผมใส่รองเท้าจนเสร็จ ผมหันไปคุยกับเจ้าของร้าน
เกม. เอ่อ..พี่ครับ วันนี้ผมไม่ได้เอาตังค์มา คือ..เงินผมมีไม่พอน่ะครับ รองเท้าผมหายตอนอยู่โรงเรียน เลยรีบออกมาซื้อแล้วไม่ได้เตรียมตังค์มา ผมขอจ่ายวันพรุ่งนี้ได้ไหมครับ เอาบัตรประชาชนผมไปเป็นหลักประกันก่อนก็ได้ครับพี่
เจ้าของร้าน. อ่อ..ไม่เป็นไรหรอกครับน้อง พรุ่งนี้น้องค่อยมาจ่ายก็ได้
เกม. ขอบคุณมากครับ
ผมยกมือไหว้พี่เจ้าของร้านที่สุดแสนจะใจดีอย่างนอบน้อม จากนั้นผมกับเนิร์ดก็เดินออกมาขึ้นรถแล้วเดินทางต่อ
เนิร์ดขับมาจนถึงหน้าบ้านมัน ผมแปลกใจอีกครั้งว่ามันขับมาบ้านมันทำไม หรือว่ามันจะลืมว่าต้องขับไปส่งผม
เกม. มาบ้านมึงทำไมวะ?
เนิร์ด. เข้าไปเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านกูก่อน เสร็จแล้วเดี๋ยวกูไปส่ง
ผมเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกในบ้านเนิร์ด ผมไม่ได้เอาเสื้อมา เลยต้องใส่เสื้อเนิร์ดไปก่อน เสื้อมันก็จะหลวมๆหน่อย เพราะเนิร์ดตัวใหญ่กว่าผม
เดินออกมาจากห้องน้ำ ผมก็เห็นเนิร์ดกำลังเอาหนังสือในกระเป๋าผมออกมาตากแดดให้แห้ง เนิร์ดกำลังจะหยิบเสื้อที่ผมซื้อให้เบวออกมาจากถุง ผมจึงรีบวิ่งไปแย่งถุงกลับมาทันที เพราะอายและไม่อยากให้มันเห็น
เนิร์ด. อะไรวะ ไม่ตากเสื้อเหรอ
เกม. เสื้อในถุงมันยังไม่เปียกอ่ะ ไม่ต้องตากหรอก
เนิร์ด. อืม ตามใจมึงล้ะกัน
ผมรีบเก็บถุงเสื้อเข้ากระเป๋าทันที ไอ่เนิร์ดเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหัวที่เปียกให้ผม ผมตกใจเล็กน้อยและแอบรู้สึกเขินเพราะในชีวิตนี้นอกจากแม่ของผมแล้ว ก็ไม่เคยมีใครเช็ดศีรษะให้
เนิร์ด. หิวอะไรไหม เดี๋ยวกูเอาข้าวมาให้กิน
เกม. ไม่หิวว่ะ
เมื่อผมพูดจบ ไอ่ท้องเจ้ากรรมของผมก็ดันร้องทันที
เนิร์ด. แน่ใจนะว่าไม่หิว
เกม. เอ่อ..มาม่าสักห่อก็ได้มึง
ตัดภาพมาที่ผมกับเนิร์ดนั่งซดมาม่าอยู่ด้วยกันที่โต๊ะกินข้าวในห้องครัว
เกม. แม่กับพี่มึงไม่อยู่เหรอ
เนิร์ด. ใช่..ไปหาเพื่อนแถวนี้แหล่ะ อีกเดี๋ยวก็คงกลับมา
เกม. แล้วมึงล่ะ หายไปไหนมา มึงยังไม่ตอบกูเลยนะ
ไอ่เนิร์ดหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำถามนั้นจากผม
เนิร์ด. กู...มีธุระที่บ้านย่านิดหน่อย
เกม. ธุระอะไรวะ?
เนิร์ด. มีปัญหากับพ่อ เรื่อง....
เนิร์ดเงียบไปเหมือนไม่อยากพูด
เกม. มึง..ทะเลาะกับพ่อเหรอ
ยังไม่ทันที่เนิร์ดจะตอบผม เสียงประตูก็ดังขึ้นเหมือนมีใครเปิดเข้ามาในบ้าน
เนิร์ด. กลับมาแล้วเหรอแม่
แม่. กลับมาแล้ว...พอดีเบื่อๆก็เลยออกไปซื้อของกับน้าแอ๋มมา
แม่กับพี่สาวของเนิร์ดที่เพิ่งกลับมาถึง เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับถุงช๊อปปิ้ง ผมรีบยกมือไหว้สวัสดีทั้งสองอย่างนอบน้อม
แม่. อ่าว?...เกม? มาตั้งแต่ตอนไหนล่ะลูก
แม่ของเนิร์ดเอ่ยปากทักทายผม
เกม. เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เองครับ
ผมตอบแบบยิ้มๆ
พี่เนียร์. ทำไมเกมใส่เสื้อเนิร์ดล่ะ
เนิร์ด. ผมให้มันใส่เองแหล่ะพี่ เห็นมันเดินตากฝนคนเดียวอยู่ที่โรงเรียน ผมขับรถผ่านพอดีก็เลยรับมันมาด้วย
พี่เนียร์. อ๋อ......
แม่. ใกล้ค่ำแล้ว เกมนอนค้างที่นี้ก็ได้นะลูก
เกม. ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ เดี๋ยวผมกลับเลยก็ได้ครับ
เนิร์ด. จะกลับแล้วเหรอ?
ผมพยักหน้า
เนิร์ด. ได้..เดี๋ยวกูไปส่ง แต่กูเอาจักรยานไปนะ
เกม. ได้ แล้วแต่มึงเลย
ผมขึ้นไปเก็บหนังสือที่ตากเอาไว้ แล้วลงมาซ้อนท้ายรถจักรยานของเนิร์ด กว่าจะถึงบ้านผม ท้องฟ้าก็มืดซะแล้ว
เนิร์ด. ถึงแล้ว...ให้กูเข้าไปส่งในบ้านไหม
เกม. ไม่เป็นไร ส่งแค่นี้ก็ได้
เนิร์ดจอดจักรยานรอจนผมไขกุญแจและเปิดประตูรั้วเสร็จ นี้มันเป็นห่วงผมขนาดนั้นเลยเหรอ
เกม. พรุ่งนี้มึงจะไปโรงเรียนไหม
เนิร์ด. น่าจะได้ไปอยู่มั้ง
เกม. งั้นมึงรอกูแปปนึงนะ เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนเสื้อคืนให้
เนิร์ด. ไม่ต้องหรอก มึงใส่ไปเถอะ ไม่ต้องคืน เสื้อกูมีเยอะแยะ
เกม. มึงแน่ใจนะ
เนิร์ด. อืม...กูกลับก่อนนะ
เกม. เออ ขอบใจเว้ย ที่มาส่ง
ว่าแล้วไอ่เนิร์ดก็ปั่นจักรยานห่างจากผมออกไปไกลเรื่อยๆ..... เรื่อยๆ...... ผมยืนมองแผ่นหลังของมันที่ค่อยๆห่างออกไปไกลจนลับสายตา จริงๆแล้วผมไม่อยากให้มันจากไปไหน ผมไม่อยากให้มันกลับไปเลย อยากให้มันอยู่ด้วย อยู่เป็นเพื่อนผมในคืนนี้
............................
เช้าวันต่อมา ผมซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งเจ้าที่เนิร์ดชอบไปซื้อ แล้วเดินไปหามันก่อนเข้าแถว แต่ผมก็ต้องผิดหวัง เพราะผมไม่เห็นเนิร์ดอยู่ในแถวเลย รวมถึงเบวก็ไม่มาโรงเรียนด้วย
ซัน. มึงคือเกมห้อง 1 ใช่ไหม?
ไอ่ซัน หนึ่งในเพื่อนร่วมห้องของเนิร์ด เดินเข้ามาทักผม
เกม. ใช่..กูเอง มีอะไรเหรอ
ซัน. เนิร์ดมันฝากสมุดโน้ตมาให้มึงอ่ะ
ผมรับสมุดจากซันด้วยความแปลกใจ
ซัน. ไปล้ะนะ
เกม. อะ..เดี๋ยว!
ซันหยุดแล้วหันกลับมามองผม
เกม. มึงพอจะรู้ไหมว่าเนิร์ดมันไปไหน ทำไมถึงไม่มาโรงเรียน
ซัน. ไม่รู้จริงๆว่ะ โทษที
ผมเดินกลับมาที่แถวด้วยความเบื่อหน่าย อุตส่าห์ตื่นเช้ารีบออกไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง ตั้งใจว่าจะเอาไปให้มันแท้ๆ กลับกลายเป็นว่าผมต้องมานั่งกินหมูปิ้งที่ตัวเองซื้อมาแทน
เบส. เป็นไรวะ หน้าเครียดเชียว
เกม. ทำไมวันนี้เนิร์ดมันไม่มาวะมึง
เบส. กูจะไปรู้เหรอ มันก็คงไม่สบายมั้ง เลยมาไม่ได้
ต้อม. สมุดใครวะ ขอดูหน่อยดิ
เกม. สมุดโน้ตสรุปวิชาที่จะสอบจบปลายภาค
ต้อม. มึงทำเองเหรอ
เกม. ของไอ่เนิร์ดให้มา มึงคิดว่าหน้าอย่างกูจะมีปัญญาทำสรุปวิชาแบบนี้เหรอ
ต้อม. เจนภพ ปิยะมาศ ชื่อไอ่เนิร์ดจริงๆด้วย
เบส. ไหนๆ ขอกูดูหน่อย
เบสดึงสมุดจากผมไปเปิดดู
เบส. เชรดด.....ลายมืออย่างสวยอ่ะ... สรุปโคตรดี นี้ถ้าไม่รู้ว่าเป็นของไอ่เนิร์ดพวกกูคิดว่าเป็นของผู้หญิงทำนะเนี่ย งานเนียบจัดๆ
ต้อม. ขอยืมไปอ่านที่บ้านได้ป่าว?
เกม. พวกมึงจะเอามือถือมาถ่ายรูปหรือจะเอาไปถ่ายเอกสารก็ได้ แต่ต้นฉบับต้องอยู่กับกู
เบส. ขี้เกรียจว่ะ ขอยืมวันเดียวไม่ได้เหรอ
เกม. ไม่ได้! เล่มนี้กูหวง
ต้อม.ขี้งก..
เบส. หวงทำไม.. นี้มึงแอบคิดอะไรกับไอ่เนิร์ดรึเปล่าเนี่ย
เกม. คิดเหี้ยอะไรล่ะ กุไม่ให้!
หลังเลิกเรียนผมปั่นจักรยานไปที่บ้านของเนิร์ด บ้านดูเงียบๆ เหมือนไม่มีคนอยู่ แต่แล้วจู่ๆก็มีแสงไฟสว่างออกมาจากตัวบ้าน “หรือว่ามันจะอยู่ข้างใน” ผมรีบเดินไปที่หน้าบ้านแล้วเคาะประตูเรียก เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินมาหยุดอยู่หน้าประตู ผมหวังว่าคนที่เดินมาเปิดประตูจะเป็นเนิร์ด แต่แล้วผมก็ต้องผิดหวัง เพราะคนที่เดินมาเปิดประตูนั้นไม่ใช่เนิร์ด แต่กลับเป็นหญิงวัยกลางคนรายหนึ่ง แต่งตัวเหมือนพนักงานทำความสะอาดที่ผมไม่เคยรู้จักและไม่เคยคุ้นหน้าคุ้นตามาก่อน
พนักงานทำความสะอาด. มาหาใครเหรอหนู
ผมยืนสตั้นไปสามวิด้วยความแปลกใจและสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร หรือจะเป็นญาติของเนิร์ด
เกม. เอ่อ....คือ..ผมมาหาเพื่อนครับ
พนักงานทำความสะอาด. เพื่อน?
เกม. เพื่อนผมที่ชื่อเนิร์ดน่ะครับ เขาอยู่กับแม่แล้วก็พี่สาวเขาที่นี้
พนักงานทำความสะอาด. อ๋อ...เจ้าของเก่าน่ะเหรอ
เกม. เจ้าของเก่า? ป้าหมายความว่ายังไงเหรอครับ
พนักงานทำความสะอาด. เพื่อนน้องเขาย้ายออกไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เขาไม่ได้บอกน้องเหรอ
ผมได้แต่ยืนเงียบ เพราะพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะรวบรวมสติให้กลับมา
เกม. แล้วเขาย้ายไปที่ไหน ป้ารู้ไหมครับ
พนักงานทำความสะอาด. ป้าไม่รู้หรอก เขาจ้างป้ามาทำความสะอาด ป้าก็มา ป้าไม่รู้จักกับเจ้าของบ้านหรอก
เกม. อ๋อ..เอ่อ..ครับ งั้นผมไม่รบกวนแล้วครับ ขอบคุณนะครับ
ก่อนเดินออกมาผมมองเข้าไปในบ้าน บ้านดูโล่งๆไม่เห็นเฟอร์นิเจอร์สักตัว
...................
ผมรู้สักกะวนกะวาย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มือสั่นไปหมด รีบกดเบอร์มือถือและโทรไปหาเนิร์ดอย่างไว แต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด กดโทรไปสิบสายมันก็ไม่รับ “ทำไงดี ทำยังไงดี” อีกคนที่ผมนึกออกก็คือเบว ผมเลยรีบโทรไปหาเบวอย่างด่วน
ปลายสาย. ฮัลโหลเกม
เกม. เนิร์ด! เนิร์ดมันไปแล้วเบว เนิร์ดไปไหนอ่ะเบว! เนิร์ดมันหายไปไหน? เบวพอจะรู้ไหม?
ผมพูดเสียงสั่นเหมือนคนเสียสติ
เบว. ใจเย็นๆก่อนนะเกม ค่อยๆพูด ตอนนี้เบวก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเนิร์ดอยู่ที่ไหน เพื่อนในกลุ่มไม่มีใครติดต่อเนิร์ดได้เลยตอนนี้
เกม. คือ..ตอนนี้เราอยู่ที่บ้านเนิร์ดแต่เนิร์ดย้ายออกไปแล้ว
เบว. ห๊ะ! ย้ายออกไปตอนไหน แล้วเกมรู้ได้ยังไง
เกม. มีป้าแม่บ้านเขามาทำความสะอาดบ้านเนิร์ดหลังย้ายออกอ่ะ เราเลยเข้าไปถามเขา
เบว. ป้าเขาว่ายังไงบ้าง
เกม. ป้าบอก ไม่รู้เหมือนกันว่าเนิร์ดไปอยู่ที่ไหน
เบว. เกม?
เกม. หื้อ?
เบว. ร้องไห้เหรอ
เกม. เปล่า ไม่ได้ร้อง..
เบว. แต่เสียงเกมเหมือนคนร้องไห้เลยนะ
เกม. ...(เงียบ)
เบว. เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกันต่อที่โรงเรียนนะ เบวจะลองถามพ่อดู เผื่อพ่อจะรู้
เกม. ครับ...ขะ..ขอบคุณมากนะเบว
วันต่อมา เบวนัดผมมาคุยที่ห้องซ้อมดนตรีของโรงเรียนหลังพักเที่ยง
เบว. เราเพิ่งรู้ข่าวจากพ่อ ว่าเนิร์ดกลับไปอยู่ที่แคนาดากับพ่อเนิร์ดแล้ว
เกม. โห่ว...! แคนาดาเลยเหรอ แล้วทำไมมันไม่บอกอะไรพวกเราเลยอ่ะ จะลาสักคำก็ไม่มี
เบว. เราก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมจู่ๆเนิร์ดถึงตัดสินใจบินไปกระทันหันแบบนั้น
เกม. เบวติดต่อมันไม่ได้เลยเหรอ
เบว. ไม่ได้เลย เบวโทรหาก็ไม่ติด ไม่ใช่แค่ไม่รับ แต่เหมือนเนิร์ดปิดเครื่องไปเลย เบวทักเฟสไปหา เนิร์ดก็ไม่ออน เพื่อนคนอื่นๆก็ติดต่อเนิร์ดไม่ได้เหมือนกัน เมื่อวานเราขอให้พ่อโทรไปหาพ่อของเนิร์ด แต่พ่อเบวตอนนี้อยู่มาเลเซีย พ่อบอกว่ายังไม่มีเวลาติดต่อกับพ่อเนิร์ดเลยเพราะยุ่งอยู่กับงาน ถ้าเบวติดต่อเนิร์ดได้เมื่อไหร่ เบวจะบอกเกมนะ
ผมได้แต่นั่งเงียบด้วยความสิ้นหวัง ต้องรออีกกี่ชาติ ผมถึงจะได้เจอมันอีก
เบว. เกมอยากจะคุยกับเนิร์ดจริงๆ เหรอ
เกม. ก็ไม่ขนาดหรอก แค่อยากจะถามมันว่าจะไปทำไมถึงไม่ลากันสักคำเลย
เบว. ไม่ขนาดนั้นจริงอ่ะ แต่เสียงเกมเมื่อวานดูเป็นห่วงเนิร์ดมากเลยนะ
เกม. เรา..เราแค่ตกใจเฉยๆ
เบวหัวเราะเบาๆ
เบว. แต่เนิร์ดนี้ก็จริงๆเลยนะ! อีกแค่เดือนเดียวก็จะเรียนจบแล้วแท้ๆ ไม่น่ารีบลาออกเลย
เกม. ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก คืนก่อนมันยังไปส่งเราที่บ้านอยู่เลย ไม่น่าเชื่อว่าตื่นเช้ามาอีกวันจะไม่เจอมันแล้ว ย้ายไวชิบหาย โอ๊ะ!..โทษทีเบว เราเผลอพูดคำหยาบ
เบวถอนหายใจ
เบว. ไว้รอพ่อเรากลับมาก่อนนะ พ่ออาจจะช่วยได้
(เกมพยักหน้า)
.
.
.
.
.
หนึ่งเดือนผ่านไป………..
เบส. ฉลองงงง!! จบแล้วโว้ยย!! ว๊ะฮู้ๆๆๆ
ต้อม. ในที่สุดก็จบสักทีโว้ยย..... มาๆ พวกมึง ชนแก้วๆ
เกม. อ้าว! ชนน..!
นี้ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว ผมกับเบสแล้วก็ต้อมมานั่งดื่มฉลองสอบผ่านด้วยกันที่สวนหลังบ้านของผมเอง
ต้อม. เอาตรงๆเลยนะ กูไม่คิดว่าพวกเราจะสอบปลายภาคผ่านกันเลยว่ะ นึกว่าจะไม่จบซะแล้ว ต้องขอบใจสมุดโน้ตของไอ่เกมมากเลยนะเว้ย แม่ง..ออกตรงเกือบหมดทุกข้อเลยว่ะ
เกม. ไม่ใช่สมุดกู สมุดของไอ่เนิร์ดมันนู้น
ต้อม. เออ ว่าแต่มึงยังติดต่อมันไม่ได้เลยเหรอ
(เกมส่ายหน้า)
ต้อม. เห้อ.. ชั่งมันเถอะ จะไปแคร์อะไรวะ สนใจเรื่องสอบเข้ามหาลัยของพวกเรากันดีกว่า พวกมึงเล็งมหาลัยไหนกันไว้บ้าง
เบส. กูว่าจะไปต่อนิติมอพะเยาว่ะ
เกม. เห้ย! ก็ดีนะ เดินตามรอยพ่อมึงเลยนิ
เบส. ใช่ พ่อก็อยากให้กูเป็นทนายแบบเขานั้นแหล่ะ
ต้อม. มอพะเยา?? ทำไมไปไกลจังเลยวะ
เบส. แล้วพวกมึงล่ะ
ต้อม. กู...กูว่าจะไปมอพะเยากับมึงว่ะ
เบส. เชี้ย! มึงเมาป๊ะเนี่ย พูดจริงดิ
ต้อม. หึ! กูพูดเล่น
เบส. อ่าว..ไอ่สาดด
ต้อม. กูอยากเข้ามอกรุงเทพ แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะเข้าคณะอะไร
เกม. กูก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเข้าที่ไหน
เบส. ไม่ได้นะเว้ย มหาลัยใกล้จะเปิดสอบแล้ว เดียวไม่ทันนะ
เกม. กูไม่รู้ว่าอยากทำอาชีพอะไร เลยไม่รู้จะไปต่อทางไหน มืดแปดด้านว่ะ
เกมถอนหายใจ
ต้อม. ไม่เข้าที่เดียวกับเบววะ
เกม. โห่ว..ระดับเบว คงจะสอบเข้าแต่มหาลัยชั้นนำอ่ะ กูจะเอาปัญญาที่ไหนไปสอบ
เบส. ช่วงนี้กูไม่เห็นมึงไปไหนมาไหนกับเบวเลย เลิกกันแล้วเหรอ
เกม. ก็คงงั้นมั้ง
ต้อม. เชี้ย...พวกมึงเลิกกันตอนไหน
เกม. ยังไม่ได้บอกเลิก แต่ก็ไม่ได้...
ต้อม. ไม่ได้อะไร?
เกม. (ร้องไห้)
ต้อม. เห้ย!! ร้องไห้ทำไมวะ (ตกใจ รีบหยิบทิชชู่ส่งให้เกม)
เบส. เชี้ยเกม มึงเป็นอะไรของมึงวะเนี่ย
จู่ๆผมก้รู้สึกเศร้าจนร้องไห้ออกมา เบสกับต้อมคอยใช้มือลูบหลังเพื่อปลอบใจผม เมื่อเห็นสภาพผมเป็นแบบนี้ พวกมันก็หยุดพูดถึงเรื่องเบวทันที แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน
ใช่แล้ว ผมไม่ได้รู้สึกชอบหรืออยากเจอกับเบวเหมือนเมื่อก่อนเลย ทำไมความรู้สึกมันว่างเปล่าแบบนี้นะ จะส่งข้อความไปหาก็ยังขี้เกรียจ แต่ใจของผมกลับคิดถึงใครอีกคนแทน
พวกผมนั่งดื่มกันไปเรื่อยๆจนเหลือผมกับเบสแค่สองคนเพราะไอ่ต้อมก็หลับคาโต๊ะไปแล้ว
เบส. เกม? มึงโอเคหรือเปล่า ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ก็เล่าให้กูฟังได้นะ
ผมเงียบอยู่นานก่อนจะพูดออกมา
เกม. เนิร์ด....เนิร์ดมันไปแล้วว่ะ มันไปแบบไม่บอกอะไรกูเลย มึงว่า ที่มันไปเพราะมันเกลียดกูหรือเปล่าวะ กับเรื่องที่กูเคยทำไม่ดีกับมัน
เบส. กูว่าไม่ใช่หรอกมึง มึงก็ขอโทษมันไปแล้ว ถ้ามันเกลียดมึงจริง มันคงไม่เอาสมุดโน้ตมาให้มึงหรอก
เกม. กูไม่เข้าใจเลยว่ะ แม่งจะจบอยู่แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะสอบปลายภาค ทำไมมันต้องลาออกไปแบบกระทันหันอย่างนี้ด้วย อยู่ต่ออีกหน่อยก็ไม่ได้ จะถึงวันจบอยู่แล้ว..
เบส. กูว่าเนิร์ดมันต้องมีเหตุผลสำคัญบางอย่างของมันแหล่ะ เลยต้องออกไปก่อน
เกม. เหรอ?
เบส. กูถามหน่อยดิ ทำไมเนิร์ดไปแล้วมึงต้องมานั่งเสียใจขนาดนี้ด้วย
เกม. กูก็ไม่รู้ว่ะ.... แต่กูคิดถึงมัน
เบส. มึงชอบมันเหรอ?
เกม. เปล่า! กูชอบเบว
เบส. แล้วที่มึงร้องไห้เนี่ย มึงร้องไห้คิดถึงใคร
เกม. ....(เงียบ)
เบส. มึงลองคิดใหม่ คิดให้ดี กูจะถามอีกครั้ง ว่ามึงร้องไห้เสียใจเพราะใคร?
เกม. .........เพราะ...เบว
เบส. เบวทำอะไรให้มึงเสียใจ
เกม. กูรู้ว่าเขาไม่ได้ชอบกู
เบส. เห้อ..ไอ่เกมเอ้ย.. มึงลองฟังหัวใจของมึงดีๆว่าที่มึงเสียใจอ่ะเพราะเบว หรือเนิร์ด
......................
วันปัจฉิมนิเทศ ผมยืนแสบท้องอยู่ในแถวอย่างทรมานเพราะไม่ได้กินข้าวเช้า ปกติต้องมีคนเอาข้าวมาให้ แต่วันนี้ไม่มี คิดถึงข้าวเหนียวหมูปิ้งของไอ่เนิร์ดชิบหาย บรรยากาศของงานเป็นไปอย่างคึกคัก บางคนยิ้มมีความสุข บางคนร้องไห้เพราะคิดถึงเพื่อน ผมวุ่นวายกับการแจกของที่ระลึกจนหัวหมุน หลังจากแจกของและถ่ายรูปกับเพื่อนเสร็จผมก็ส่งข้อความไปหาเบวเพื่อนัดเจอกันที่ห้องดนตรีแบบสองต่อสอง ผมนั่งรอเบวอยู่นาน เมื่อเบวเดินเข้ามาในห้อง ผมก็รีบลุกขึ้นยืนทันทีจนเบวตกใจ
เบว. อุ้ย! เป็นไรอ่ะเกม
เกม. อ้อ เปล่าๆ พอดีเมื่อกี้รีบลุกไปหน่อย โทษที
เบว. เกมเรียกเรามา มีอะไรหรือเปล่า
เกม. อืมม..จริงๆ เรามีเรื่องอยากจะสารภาพอ่ะ
เบว. คือ..เราก็มีเรื่องอยากจะบอกเกมเหมือนกัน
ผมค่อนข้างแปลกใจ และสงสัยว่าเบวมีเรื่องอะไรที่อยากจะบอกผม
เกม. ถ้างั้น เราสองคน... พูดพร้อมกันนะ
เบว. อื้ม..(พยักหน้า)
เกม. 1....2.....3!
เราเลิกกันเถอะ!!
(ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน)
สิ้นเสียงพูด ผมกับเบวมองหน้ากันแบบอึ้งๆไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นพวกเราก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ผมกับเบวนั่งขำกันอยู่นานสองนานกว่าจะหยุดขำได้
เบว. ฮ่าๆๆๆ >< สบายใจแล้วนะ
เกม. โคตรสบายใจเลย
เบว. ถามหน่อยดิ ทำไมเกมถึงชอบเราเหรอ
เกม. ก็...เบวเก็บกระเป๋าตังค์ให้เราอ่ะ เราเลยรู้สึกประทับใจตั้งแต่ตอนนั้น
เบว. อ๋ออ....ฮ่าๆๆๆ><(หัวเราะ) ตอนนั้นเองเหรอ..... เกม! อันที่จริงเราไม่ใช่คนที่เก็บกระเป๋าตังค์ของเกมได้หรอกนะ
เกม. อ้าว? แต่เบวเป็นคนเอากระเป๋ามาคืนเรานะ
เบว. คนที่เก็บได้เป็นเนิร์ดต่างหาก...เนิร์ดเก็บได้แล้วเอามาให้เรา เพราะเราอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เราประกาศเรียกชื่อเกมผ่านเสียงตามสายตั้งหลายรอบ แต่เกมก็ไม่ได้ยินสักที เราก็เลยเอาไปให้ที่แถว
เกม. จริงดิ!
เบว. จริงง!
ผมรู้สึกช๊อกกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่คิดเลยว่าคนที่บังเอิญเก็บกระเป๋าผมได้จะเป็นเนิร์ด
เกม. อ๊าว? เป็นงั้นไป (หัวเราะ) แต่ถึงยังไงก็ขอบคุณเบวมากนะ อุตส่าห์เอามาให้ถึงในแถวเลย
เบว. ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง
เกม. แล้ว...เบวกับฟิว เป็นยังไงกันบ้างตอนนี้
เบวหน้าเจื่อนลงทันที
เบว. ตอนนี้...เรา...กลับไปคบกับฟิวแล้วอ่ะ ช่วงเวลาที่ผ่านมา ฟิวก็ตามง้อตลอดเลย เรา..ขอโทษจริงๆนะเกม ตอนนั้นที่เราตอบตกลงเพราะน้อยใจฟิวจนขาดสติอ่ะ
เกม. อืม...ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ...ที่ผ่านมาขอบคุณนะเบว
เบว. เอ้ย..เราต่างหากที่ต้องขอบคุณเกม
ผมยิ้มให้เบวก่อนจะหยิบของขวัญออกมา
เกม. ของขวัญวันปัจฉิม ให้เบวครับ
เบว. โง้ยย...ตุ๊กตาน่ารักมากเลยเกม เกมรอเราแปปนะ
เบวหันไปหยิบของบางอย่างออกมาให้ผม
เบว. อ๊ะ..นี้คือของที่ระลึกจากเรา
เกม. พวงกุญแจโคตรสวย ขอบคุณครับ
เบว. จ้า...อ้อ เกม เรา...ติดต่อเนิร์ดได้แล้วนะ เกมยังอยากคุยกับเนิร์ดอยู่ไหม
สีหน้าของผมเศร้าลงทันที แต่สุดท้ายผมก็กลับมายิ้มแล้วตอบกลับเบวไป
เกม. ไม่เป็นไรเบว เรา…คงไม่ได้เจอมันอีกแล้วล่ะ ไม่รู้จะคุยอะไรด้วย
เบว. หน่า..ทักไปหาหน่อยก็ได้นะ เดี๋ยวเราติดต่อให้ ตอนนั้นที่ติดต่อไม่ได้เพราะมือถือเนิร์ดหาย ก็เลยต้องเปลี่ยนทุกอย่างใหม่หมดเลย
ผมได้แต่ส่ายหน้าเบาๆเพื่อปฎิเสธ
เกม. แล้วเบวรู้สาเหตุที่มันไปแคนาดาแบบปุบปับไหม
เบว. เราไม่รู้เลยเกม เราถามแล้ว แต่เนิร์ดไม่ตอบ เนิร์ดบอกแค่ว่าพ่อสั่งให้ไป
ผมพยักหน้าเข้าใจ
เบว. อยากดูรูปเนิร์ดตอนอยู่แคนาดาไหม
เกม. มีเหรอ?
เบว. มีสิ เนิร์ดเพิ่งส่งรูปมาให้ดูเมื่อวาน
เบวเปิดรูปในมือถือให้ผมดู ไอ่เนิร์ดแม่งโคตรดูดี อย่างกับเด็กอินเตอร์ เปรียบเทียบกับผมในตอนนี้ ผมดูโคตรกระจอก ผมสังเกตเห็นฉากข้างหลังในรูปมีป้ายเขียนว่า university
เกม. ตรงที่เนิร์ดอยู่ เป็นมหาลัยเหรอ
เบว. ใช่ เนิร์ดสอบเข้ามหาวิทยาลัยแมคกิลล์ ที่แคนาดาได้ เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของที่นู้นเลยนะ
เกม. ไม่แปลกใจ ระดับเนิร์ด เราว่าเข้าได้ไม่ยาก เออ..ว่าแต่ ไม่จบ ม.6 เข้ามหาลัยได้ด้วยเหรอ
เบว. ก็สอบ GED เอาไง
เกม. ห๊ะ? GED?
เบว. GED คือวุฒิมอปลายในระบบอเมริกัน ใช้ยื่นแทนวุฒิ ม.6 ได้
เกม. โคตรเจ๋ง….แล้วที่บ้านมันทำธุรกิจอะไรเหรอ ทำไมรวยจัง
เบว. เราก็ไม่ค่อยแน่ใจนะ รู้แค่ว่าตระกลูของเนิร์ดเป็นเจ้าของ HO กรุ๊ป น่าจะทำธุรกิจหลายอย่าง เช่นพวก โรงแรม โรงงาน ร้านค้า โรงพยาบาล ส่งออกอาหาร อะไรประมาณนี้
ดูจากที่ๆมันไปอยู่แล้ว ไอ่เนิร์ดดูมีความสุขมากจนผมรู้สึกมีความสุขตามไปด้วยขณะที่มองภาพ ผมเผลอยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว และดีใจที่เนิร์ดมีชีวิตที่ดี มีสังคมที่ดี มีอนาคตที่มั่งคงและสดใสรออยู่ข้างหน้า ได้อยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว แถมยังรวยเป็นเศรษฐี ชีวิตนี้คงไม่มีเรื่องให้ต้องกังวล ต่างจากผมที่ตอนนี้ยังสอบเข้าที่ไหนไม่ได้สักที่เล๊ย...
จบงานวันปัจฉิม ผมก็เดินมาขึ้นรถเมล์เพื่อกลับบ้าน อันที่จริงผมก็อยากมีโมเม้นแบบว่าบ้านรวย เรียนเก่ง สอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ได้ไปเรียนต่างประเทศ พูดภาษาอังกฤษเก่งๆ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างชาติ มีเพื่อนเป็นฝรั่งอินเตอร์ๆ ใช้ชีวิตชิวๆอยู่ในเมืองหนาวๆ อยู่บนตึกสูงหรูๆ มีรถแพงๆให้ขับ วันรับปริญญาพ่อแม่มายืนถ่ายรูปกับผมด้วยความภาคภูมิใจ จบมามีการงานดีๆทำ มีเงินเดือนสูงๆ อยากได้อะไรก็ซื้อ อยากกินอะไรก็ได้กิน เข้าร้านชาบูหมูกะทะทุกวันแบบไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน อะไรแบบนั้นบ้างก็ดีนะ ฮ่าๆๆๆ><
หลังจากตื่นจากฝันกลางวันเพราะรถเมล์เบรกจนหัวผมพุ่งไปกระแทกกับกระจกเข้าอย่างจัง แต่รอบนี้คงไม่มีใครเอามือนุ่มๆมาบังกระจกให้ผมแล้ว
เปลี่ยนชุดอาบน้ำเสร็จ ผมก็กลับมาจัดข้าวของที่บ้านอยู่คนเดียวแบบเหงาๆ พร้อมกับเอาปลาทูให้แมวกิน ‘ถ้ามึงเหงาเมื่อไหร่ ก็มาเล่นที่บ้านกูนะ’ คำพูดของเนิร์ดลอยเข้ามาในหู เบื่อๆแบบนี้ ไปปั่นจักรยานเล่นสักหน่อยก็คงดี ผมคว้าจักรยานแล้วปั่นไปเรื่อยๆจนผ่านหน้าบ้านของเนิร์ด สภาพบ้านของมันตอนนี้อย่างกับบ้านร้าง ผมแอบไปยืนเกาะรั้วแล้วส่องเข้าไปในตัวบ้าน แต่เมื่อผมแตะประตู ประตูก็เปิดออกเหมือนกับไม่ได้ล็อก “อ่าว ประตูรั้วไปได้ล็อกนี้หว่า” ผมเลยแอบเปิดประตูเข้าไป เนื่องจากผมมาบ้านมันบ่อย ผมเลยรู้ว่ามันชอบซ่อนกุญแจไว้ในกระถ่างต้นไม้ข้างบ้าน ไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีอยู่ไหม ผมจึงลองไปค้นดู “เชี้ย..! มีกุญแจจริงๆด้วย นี้มันทิ้งกุญแจไว้แล้วไม่ได้เอาไปด้วยเหรอวะ” แต่ก็อย่างว่าแหล่ะ ย้ายออกแล้วจะเอากุญแจไปทำไม ผมไม่รอช้า รีบไขกุญแจแล้วเปิดประตูบ้านเข้าไป ผมมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่เลยกล้าเข้ามา
ภายในบ้านชั้นล่างนั้นว่างเปล่า มีแต่พื้นโล่งๆ ผมจึงเดินขึ้นไปชั้นบนและค่อยๆเปิดประตูเข้าไปในอดีตห้องของไอ่เนิร์ด ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์และของใช้บางส่วนที่ยังเหลืออยู่ แต่ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาว ผมเดินไปที่ชั้นวางหนังสือและโต๊ะอ่านหนังสือที่เนิร์ดเคยนั่ง เตียงเปล่าๆที่ผมกับมันชอบนั่งเล่นเกมด้วยกัน ยิ่งอยู่ในห้องนี้นานเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งคิดถึงมัน หนังสือที่มันเคยใช้ติวให้ผมยังวางอยู่บนตู้หนังสือ ตอนแรกผมนึกว่าหนอนหนังสืออย่างมันจะหอบหนังสือออกไปด้วยนะเนี่ย ผมนั่งอยู่ในห้องนั้นพร้อมกับนึกย้อนถึงภาพความทรงจำเก่าๆที่ย้อนเข้ามาในหัว
ผมอ่านสมุดโน้ตที่มันเคยจดสรุปวิชาต่างๆ เอาไว้ จะว่าไปลายมือมันก็สวยจริงๆ “เจนภพ ปิยะมาศ” ผมใช้นิ้วลูบไปที่ชื่อบนปกสมุดของมันเบาๆด้วยความคิดถึง “ไหนมึงบอกจะติวข้อสอบมหาลัยให้กูไงวะ” แคนาดา อยู่ไกลจากประเทศไทยแค่ไหนกันนะ ผมหันไปดึงผ้าคลุมสีขาวที่คลุมลูกโลกอยู่ออก แล้วหมุนหาประเทศแคนาดา “อยู่คนละซีกโลกเลยว่ะ” ทำไมมึงไปอยู่ไกลจังวะเนิร์ด
ผมนึกถึงรูปของเนิร์ดที่เบวเอาให้ผมดู มันเหมือนกับว่าผมกับมันอยู่กันคนละโลก ถึงแม้ว่าผมจะแอบคิดถึงมันแต่ลึกๆผมโคตรจะดีใจที่มันหลุดพ้นจากเพื่อนห่วยๆแบบผม ไปเจอเพื่อนใหม่และสังคมที่ดีกว่า
อยากรู้จังว่าตอนนี้มันกำลังทำอะไรอยู่ มันอาจจะกำลังนั่งเรียนอยู่ในห้องแอร์ กินกาแฟ กินข้าว อาบน้ำ เล่นกีฬา ตีกอล์ฟ ไปเที่ยว เล่นหิมะ หรือว่าหลับอยู่กันนะ ผมเผลอนั่งอยู่ในห้องนานไปหน่อยจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็คือเช้าของอีกวัน “ชิบหาย! กี่โมงแล้ววะเนี่ย” ดีนะที่ไม่ต้องไปโรงเรียนแล้ว โชคดีที่ไม่มีใครเข้ามาในบ้าน ผมจึงรีบวิ่งลงมาล็อกประตูแล้วซ่อนกุญแจไว้ที่เดิม จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถจักรยาน ผมหันกลับไปมองบ้านหลังนั้นของเนิร์ดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปั่นจักรยานจากไป
ชาตินี้กูคงไม่ได้เจอมึงแล้วว่ะ
ลาก่อนนะเนิร์ด
จบบริบูรณ์
ซะเมื่อไหร่
ความคิดเห็น