ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisHan] บันทึกของจื่อเทา ft.TaoHun

    ลำดับตอนที่ #1 : บันทึกที่ 1 :: ผมล่ะหน่าย ::

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 56


     




                    กลับมาแล้วครับ กลับมาถึงก็ออกแรดปั่นจักรยานแล้วถ่ายรูปเท่ๆ ลง Renren กันเลย

                    เมื่อ วานเราต้องเล่นไลฟ์กันแบบหกคน ที่เซี่ยงไฮ้ครับ มันก็ค่อนข้างประหม่าอยู่สักหน่อยนะ เพราะถึงแม้จะเป็นประเทศบ้านเกิดและเราก็โปรโมทกันที่ประเทศจีนเป็นทุนเดิม อยู่แล้ว แต่ว่าแฟนคลับทุกคนก็ตั้งตารอดูเพอฟอร์แมนซ์ของพวกเราในครั้งนี้กันอย่างมาก เราเองก็ลุ้นเช่นกัน วูฟ แบบไม่ครบสิบสองคน นี่มันครั้งแรกเลยนะครับ ซ้อมกันมาเนี่ยก็ตื่นเต้นเองว่ามันจะออกมาดีเหมือนอย่างที่ตั้งใจกันไว้หรือ เปล่า อีกอย่างนี่ก็เป็นงานใหญ่มากเสียด้วย ให้แสดงโชว์กลางสนามฟุตบอลเนี่ย นึกถึงพวกงานซุเปอร์โบว์ของทางฝั่งยุโรปเลย มันต้องเท่มากแน่ๆ

                    งาน นี้นอกจากโชว์แล้ว เสี่ยวลู่ กับ เปาจึ ยังต้องเป็นตัวแทน จีน เกาหลี ไป เตะบอลอีก ปกติสองคนเขาก็ไปเตะกันแทบทุกเย็นที่ว่างอยู่แล้ว แต่งานนี้อยู่คนละทีมเลยไม่รู้ว่าจะแยกร่างเชียร์ใครดี..... ข้าง ๆ ผมที่เกาะขอบที่กั้นทำหน้าเก๊กเหมือนไม่เชียร์ใครสักคนนี่น่ะ หึ....ความจริงอยากตะโกนเชียร์ลำเอียงข้างเถอะผมรู้ ใช่ พี่เขาเป็นงี้แหละชอบทำเป็นลับๆ ล่อๆ แบบนี้ประจำ หน้าตาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่แสดงออกมาสักนิด ตั้งแต่สนามบินโน่นแล้วที่บินมาน่ะ เดินอยู่ข้างผมแต่ตานี่เผลอปั๊บเป็นมองหา ไม่ก็ทำไปยืนอึนกันอยู่แถวมุมเสา ไม่พูดไม่จาไม่มองหน้ากัน คนนึงก้ม คนนึงมองทางอื่น คนนึงคุยกับพี่เมเนเจอร์อีกคนชวนผมไม่ก็ พี่อี้ชิงคุย....

                    ครับ ผมไม่ได้พูดถึงคนเพียงคนเดียว แต่ผมกำลังพูดถึงคนสองคนอยู่น่ะ เพราะว่าทั้งคู่เนี่ยทำอึนไม่ต่างกันจริงๆ ก็รักเหมือนพี่ชายทั้งคู่ล่ะแต่มันก็อดหมันไส้ไม่ได้ว่าจะไว้ท่า วางมาดอะไรกันนักหนา

                    หลัง จากที่ เสี่ยวลู่ กับ เปาจึ กลับมาจากสนามแข่งแล้ว ก็ต้องรีบไปเปลี่ยนชุดกันอย่างด่วนจี๋ ส่วนพวกผมก็เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ที่สองคนนั้นวิ่งกลับเข้ามานั่นล่ะ ในระหว่างที่ชุลมุนชุลเก ผมแอบเห็นนะว่าตุ้ยจางน่ะหายไป ไม่สืบก็รู้ว่าคงหนีไม่พ้นไปดูกวางที่เพิ่งกลับมาจากสนาม แล้วพอออกมารวมๆ กันเสื้อกวางน้อยก็ใส่กลับด้านมาซะแล้ว... มาเป็นพี่ซูโฮไลฟ์คราวก่อนเลย ผมกับเปาจึมองหน้ากันและใช้ศอกถองกันเองเบาๆ ก่อนทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ส่วนสองคนนั้นน่ะเหรอ? ก็ทำมึนๆ อึนๆ มีพี่ชายสุดหล่อของผมเดินมาตรงหน้าต่างที่ผมกำลังแหวกม่านมองลงไปในยังสนาม ด้านนอกนั่นก่อนเป็นรายแรก จากนั้นสักพักก็เป็น กวาง ที่ตามมาอีกทีและมองออกไปยังด้านนอกเช่นกัน

                    อีก แล้ว ตลอดอ่ะ มันเบื่อเหมือนกันนะที่ต้องทำเป็นเออออไม่รู้เรื่องรู้ราวของพวกเขาเนี่ย เนียนกันมากกกก ทำเป็นยืนกันเฉยๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรกันแล้วสักพัก พี่ชายผมก็หันไปโบกมือให้แฟนคลับ ส่วนกวางน้อยก็หันไปส่งยิ้มให้ตาม ก่อนจะเดินหลบฉากกันออกไป พี่อี้ชิงก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวเดินออกมาดูบ้างเพราะท้องฟ้ามันมืดครึ้มแล้ว ก็ โครม! ฝน สาดเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา แฟนคลับและคนดูในสนามกางร่มกันยกใหญ่ โอ้.....ไม่นะ เพอร์ฟอร์แมนซ์วูฟครั้งแรกแบบหกคนของพวกเรา ฟ้าช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย นี่มันลางร้ายชัดๆ!!

                    หรือว่าเพราะใครมันไปทำผิดผีอะไรกันช่วงเปลี่ยนเสื้อหรือไงวะ.........

                    นั่น ล่ะ แต่มันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ผมก็มีลื่นไปบ้างนิดหน่อยแต่ก็เอาอยู่ครับ สบายมากเรื่องการทรงตัวขอให้บอก ออกไปกลางสนามก็วิ่งกางปีกรับน้ำฝนกันเลย ความจริงมันก็เท่ดีนะ ไม่ได้ถือว่าเลวร้ายอะไร เหมือนเราได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่งน่ะ วิ่งตากฝนเล่นฮ่าๆๆ พอจบจากเพอฟอร์แมนสองเพลงเรียบร้อยแล้วเราก็มีการโค้งขอบคุณแฟน และคนดูรอบสนาม ตุ้ยจางคว้ามือผมไว้ด้วยตำแหน่งที่ยืนอยู่ ส่วนพี่อี้ชิงก็คว้ามือตุ้ยจางอีกข้างไว้เช่นกัน ผมแอบเห็นนะว่าเสี่ยวลู่มัวแต่ก้มถอดหมวกโค้งให้คนดูอยู่พอลุกขึ้นมาได้ กำลังจะไปแทรกกลางระหว่างพี่อี้ชิงกับพี่ชายผม เปาจึผู้ไม่รู้อะไรก็ดึงมือเสี่ยวลู่ไปแล้ว อันนี้ผมแอบขำนะ ตุ้ยจางไม่รู้อะไรเลยอ่ะว่าเสี่ยวลู่จะจับมือตัวเอง พอโค้งครั้งที่สอง ที่หมุนตัวกลับแล้วมือพี่อี้ชิงกับตุ้ยจางหลุดออกจากกัน เจ้ากวางน้อยก็ไม่รีรอที่จะคว้ามือโดยอัตโนมัติ เล่นเอาพี่อี้ชิงเหวอไปเลย

                    บาง ทีผมก็ค่อนข้างสงสัยนะ ว่าเพราะอะไรสองคนนี้ถึงได้มีปฏิกิริยาอัตโนมัติกันบ่อยครั้งนัก แล้วพอปฏิกิริยาเหล่านั้นแสดงออกมาก็เป็นอันต้องพากันชะงักหรือสะดุดหยุดตัว เองกันไปทั้งคู่ก่อนทุกครั้ง เห็นแล้วงงเป็นบ้า เนี่ยแล้วสรุปสุดท้ายสองคนก็สอดประสานมือกุมมือกันอย่างเติมเต็มช่องว่างของ กันและกันในขณะโค้งขอบคุณคนดู..... ส่งผลให้ตุ้ยจางที่จับมือผมอยู่เปลี่ยนวิธีจับมือผมมาเป็นสอดประสานบ้างเช่น เดียวกัน.....ขนลุกซู่~~ พี่จับกันไปสองคนก็ได้นะไม่ต้องมาบังคับจับผมแบบนี้ด้วยเหมือนกันหรอก ผมเสียหายมากจริงๆ!  

                    กลาง คืนหลังจากที่เราอิ่มหมีพีมันกับอาหารที่ทางเจ้าของงานจัดเลี้ยงไว้ให้แล้ว นั้น เราก็แยกย้ายกันกลับเข้าห้องพักไป ทางผู้จัดเขาแยกห้องไว้ให้เราน่ะ คนละห้องกันไปหกห้องด้วยกัน ผมก็กะว่าอาบน้ำเสร็จแล้วก็จะไปหาพี่ชายสุดเท่ของผมเสียหน่อย เพราะจริงๆ มันก็เป็นเรื่องปกติของผมล่ะที่ไม่ชอบอยู่คนเดียว

                    ผม เดินออกมาเคาะประตูห้องตุ้ยจาง เคาะอยู่สองสามครั้งก็ยังไม่ได้ยินอะไร เคาะอีกทีและรอจนสักพักพี่ชายร่างสูงใหญ่สุดเท่ของผมก็แง้มเปิดออกมา

                    “ทำไมพี่เปิดช้างี้เนี่ย”

                    “เข้า ห้องน้ำอยู่น่ะ” ตุ้ยจางตอบผมแบบนั้น ผมเลยเตรียมตัวกระโจนเข้าห้องตุ้ยจางไป แต่ก็ถูกมือใหญ่ๆ ที่สามารถจับลูกบาสได้ด้วยมือเดียวนั้นดันหัวให้ถอยออกไป

                    “จะนอนแล้ว ห้องใครห้องมันนะ ราตรีสวัสดิ์” ตุ้ยจางบอกผมลวกๆ แล้วก็ปิดประตูปัง! ปล่อย ให้ผมยืนเอ๋ออยู่คนเดียวหน้าห้องอย่างงงๆ กว่าจะทำใจได้ว่าถูกพี่เมินก็ใช้เวลาอยู่นานพอดู และเดินเลยไปยังพี่ชายคนที่สอง เป้าหมายอันดับรองลงมาที่หวังจะไปคุยด้วยแก้เซ็ง เรื่องแมชแข่งขันวันนี้ที่ดันพลาดท่า ยิงประตูไม่เข้า แถมทีมยังแพ้อีกต่างหาก แต่ผมเคาะเท่าไร ห้องพี่ชายคนนี้ก็ดูจะเงียบสนิทแบบไม่ได้ยินแม้แต่เสียงทีวีด้วยซ้ำ ....สงสัยไม่อยู่ห้อง หรือว่าอยู่กับเปาจึ คุยกันเรื่องบอลที่แพ้ฟระ?

                    ด้วย ความดีใจ เผื่อได้นอนคุยกับพี่ชายถึงสองคนแบบยันเช้าผมเลยเดินลัลลาไปยังห้องของเปาจึ เคาะประตูห้อง ไปทีสองที เปาจึก็เปิดประตูต้อนรับกันด้วยรอยยิ้มแล้ว ผมจึงไม่รอช้าพุ่งเข้าห้องเปาจึไปด้วยความไวแสงและกระโดดลงเตียงพร้อมตะโกน

                    “เสี่ยวลู่~~~

                    “ไม่อยู่อ่ะ”

                    “อ้าว!” ผมทำหน้าเหวอเมื่อสรุปไม่พบร่างของพี่ชายคนที่สองที่น่ารักน่าแกล้งคนที่หวัง

                    “ลู่หานมานั่งคุยได้แป๊บนึง แล้วก็มีแมสเสจเข้ามือถือ หลังจากนั้นก็หายไปเลย”

                    “อยู่ห้องพี่อี้ชิงหรือเปล่าครับ?”

                    “อี้ชิงไปนั่งคุยกับเฉินอยู่นะ ไม่อยู่ที่ห้องน่ะ? คงกลับไปคุยโทรศัพท์ที่ห้องตัวเองมั้ง”

                    “ผมไปที่ห้องพี่ลู่มา...แต่ไม่อยู่นะ?” ผมบอกพร้อมทำหน้างงงวยใส่เปาจึ เปาจึก็ทำหน้างงไม่ต่างกันกับผม

                    “แล้วตุ้ยจาง?”

                    “ผมมาจากห้องตุ้ยจางเมื่อกี้ แต่ตุ้ยจางไม่ให้เข้าห้องบอกว่าจะนอนแล้ว?”

                    แล้ว ผมกับเปาจึก็มองหน้ากะพริบตาใส่กันปริบๆ อีกครั้ง ก่อนชี้กันและกัน พูดพร้อมกันออกมาว่า “อ้อออออออออ แสดงว่า....” ก่อนปล่อยฮาก๊ากด้วยกันทั้งคู่

     

                    ครับ แค่ช่วงเสี้ยววินาทีแต่ยาวนานเหมือนหมื่นปี นี่ล่ะมั้งที่เหมาะสมกับพี่ผมทั้งสอง เอาตามตรงนะ ผมละหน่ายพวกเขามาก ชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ กันแบบนี้ตลอด หน้าฉากอย่าง หลังฉากอย่าง แต่รู้หรือเปล่าว่า ปิดอะไรใครไว้น่ะ มันปิดผมกับเปาจึไม่ได้หรอกนะ สักวัน ผมกับเปาจึนี่แหละจะประจานนนนนนนนนนนนนน



     

     ลงชื่อ จื่อเทา แพนด้าน้อยผู้น่ารัก
    ที่กุมความลับของพี่ชายทั้งสองไว้ในกำมือ....

                    
                       ปล. คราวหน้าถ้ามีไลฟ์กลางแจ้งจะไม่ปล่อยให้ตุ้ยจางคลาดสายตาไปหากวางตอนเปลี่ยนเสื้ออีกแน่นอน
    !

     -----------------------------------

    อันเก่าพลาดอ่ะ! ดันไปกดเป็นเรื่องสั้นนึกว่ามันจะอัพเป็นตอนๆ ได้ปรากฏลงได้แค่ตอนเดียวเลยต้องลบแล้วอัพใหม่ใส่นี่แทน T^T
    อีกอย่างคือตอนแรกนึกว่าจะเขียนตอนเดียวแต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ขอมาเรื่อยๆ ดีกว่ายามมีอะไรตลกๆ เกี่ยวกับคริสลู่ ฮ่าๆๆ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน และขอบคุณทุกเม้นท์ตั้งแต่เม้นท์ในของเก่าด้วยนะคะ T^T ต้องลบออกอ่ะ

    with love
    viruskei (เมย์)
    แล้วอย่าลืมแวะไปอ่าน RUBIK กันน้าาาา ^_^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×