ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UndeR Wolrd OnlinE

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 อสูรคลั่งจอมเฉื่อย อิสระ

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ค. 56



    ตอนที่     1      อิสระ   อสูรคลั่ง จอมเฉื่อย


    ครืดด  ตึก
    !!!      5

         

               เสียงบานเลื่อนของประตูดังขึ้นพร้อมส้นสูงสีแดงแปร๊ดที่กระแทกลงพื้นแทบจะพร้อมๆกัน  เจ้าของส้นสูงกวาดตามองรอบๆห้องด้วยสายตาดุดันราวกับราชินีก็ไม่ผิดนัก   เหนือประตูมีป้ายสี่เหลี่ยมที่เขียนไว้ว่า  ห้อง  B-2   

     

    “นี่ๆวันนี้เลิกเรียนไปกินซิกิจิ่ป่ะ”   เสียงเด็กนักเรียนสาวคนหนึ่งพูดขึ้น 

    “เอาดิ่   ไปด้วยกันน่ะยัยบี”   เพื่อนสาวอีกคนตอบอย่างลิงโลด 

     “โอเค !!!!”  ว่าแล้วยัยบีก็ตามน้ำอีกคนดังลั่น

     

             และนี้คือบรรยากาศบางส่วนในห้องเรียน  B-2 หรือก็คือมัธยมปลายปีสองห้อง สองนั่นเอง   นักเรียนหลายคนหันมาจับกลุ่มคุยโดยไม่สนว่านี้คือหนึ่งใน ชม.เรียน     ส่วนกลุ่มผู้ชายก็เอาแต่นั่งล้อมวงเล่นสูงต่ำกันอย่างไม่กลัวคุกกลัวตารางกันเลยทีเดียว   โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้อาจารย์สาวสุดโหดได้มาเยือนยังห้องเรียนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

         อาจารย์สาวที่ว่าก็คือเจ้าของส้นสูงสีเปรี้ยว ที่ทุกคนให้ฉายาว่า เจ๊สี่  เพราะเธอใส่แว่นตาตลอดเวลาจนเหมือนจอมมารสาวสี่ตาอะไรเทือกนั้น    

     

                 และตอนนี้เธอยืนอยู่หน้าประตู  ดวงตาหลังกรอบแว่นนั้นกรีด อไลน์เนอร์คมกริบ   ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงที่ตอนนี้เม้มเข้าหากันแน่นด้วยอารมณ์ฉุนสุดขีด   เธอกระชับแฟ้มหนังสือที่เหน็บไว้แน่นพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ  ก่อนจะส่งสายตาอาฆาตไปทั่วห้องพร้อมกับตะโกนลั่นว่า

     

    “เงียบ เดี๋ยวนี้ !!!!!!!!!!

     

       พลัน เด็กนักเรียนทั้งห้องเงียบกริบราวกับเมื่อไม่กี่วินาทีนี้เป็นเสียงรถหวอที่วิ่งผ่านไป   และเพียงอึดใจทุกคนในห้องก็วิ่งกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง  จนตอนนี้ห้องเรียนดูกลับเป็นระเบียบเรียบร้อยราวกับหน้าเท้าเป็นหลังมือ   

     

       อาจารย์สาวเดินกระฟัดกระเฟียตตรงไปที่โต๊ะประจำตัวที่ตั้งอยู่หน้าห้อง   เธอทิ้งตัวกระแทกเก้าอี้ดึงตึง  เล่นเอานักเรียนหลายๆคนกลืนน้ำลายเอื้อกอย่างเสียวสันหลัง    ในขณะที่เธอบ่นกระปอดกระแปดอย่างหัวเสีย  จนนักเรียนบางคนได้ยินคร่าวๆว่า       

        

                “ไอ้พวกเด็กบ้าเอ๊ย   พ่อแม่ส่งมาให้เรียนแท้ ๆ    ทำเป็นแ_ดจะไปกินนู่นกินนี่   คอยดูเถอะได้สอบตกกันระนาวแน่ แม่จะหัวเราะให้ฮากลิ้ง ฮึ่มม”   อะไรประมานนี้ล่ะน่ะ

     

    “เอาล่ะๆ  ตอนนี้ก็ชั่วโมงโฮมรูมก่อนเลิกเรียน  เดี๋ยวอาจารย์จะเช็คชื่อล่ะ”  เธอว่าพลางเปิดแฟ้มของตนอย่างรวดเร็ว   หน้าแรกของแฟ้มเป็นเอกสารอะไรบางอย่างที่มีข้อมูลกรอกไว้เป็นแถวๆ   ข้างกันมีรูปคู่ของเธอและหนุ่มร่างกำยำคนหนึ่งที่ทำท่ายกมือเอามาชนกันเป็นรูปหัวใจดูสวีทดีแท้  

          

            เธอจ้องรูปนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วหน้าเธอก็ขึ้นสีจัด  จนนักเรียนแถวหน้าสังเกตเห็น    เธอกลบเกลื่อนท่าทีด้วยการกระแอมในคอเบาๆก่อนจะทำทีเปลี่ยนเป็นหน้าถัดไปอย่างบรรจง  หน้านี้เป็นรูปและรายชื่อของนักเรียนประจำห้องบีสองนั่นเอง

     

     “เอาล่ะ อาจารย์ไม่อยากมากความอะไรนัก เรียกชื่อใครก็รีบยกมือล่ะ”  เธอว่าพลางหยิมปากกาที่เหน็บอยู่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมา 

     

           เสียงขานเรียกชื่อดังขึ้นเรื่อยๆจากเลขที่หนึ่งไปสองและสามตามลำดับจนมาหยุดอยู่ที่ชื่อๆหนึ่ง 

     

    “นาย  อิสระ  ชนะสงคราม”   เสียงอาจารย์สาวขานเรียกอย่างเรียบเฉย   แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากผู้ใด  จนเธอต้องทวนซ้ำอีกรอบ

     

    “นายอิสระ ชนะสงคราม”   รอบนี้เธอเน้นเสียงหนักจนคนฟังได้ยินเป็นเสียงคำรามของสัตป่ายังไงยังงั้น  และเช่นเคยไม่มีใครขานรับ   อาจารย์สาวหันไปที่นักเรียนเคราะห์ร้ายคนหนึ่งซึ่งนั่งเยื้องๆกับโต๊ะของเธอ

     

    “นายอิสระไม่มาหรือไง หึ”  เธอถามเสียงเครียด

     

    “มะ..มาน่ะครับ  จารย์  แต่ตั้งแต่  คาบที่สี่ไปผมก็ไม่เห็นเขาแล้วอ่ะ ครับ” นักเรียนผู้เคราะห์ร้ายตอบอย่างกระอักกระอวน  อาจารย์สาวลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวอย่างอารมบูด   เธอหันไปมองรอบห้องจนหยุดสายตาที่เก้าอี้เรียนว่างเปล่าหลังห้องตัวหนึ่ง  ก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียดเหมือนกับปลงๆในเรื่องของเด็กนักเรียนคนนี้แล้ว

     

    “เอาอีกแล้วน่ะเด็กคนนี้  โดดเรียนเป็นว่าเล่นจะทำให้ชั้นกลุ้มใจไปถึงไหนก้านนนน  เวรก้ามมม  เวนกรรมม”

     

     

    ในเวลาเดียวกันนั้นบนดาดฟ้าของตึกเรียนหลัก  

     

     

               เด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนฉีกแข้งฉีกขาอย่างสบายใจบนคอนกรีตเย็นชืด   เขาใช้กระเป๋านักเรียนของตนเป็นที่หนุนหัวแทนหมอน บนกระเป๋ามีสติ๊กเกอร์ทำเองที่อ่านว่า 

     

     My  name  อิสสสส        สุดจะบรรยายจริงๆ

     

     

          ผมสีน้ำตาลประบ่าของเขาที่ทอแสงแดดคล้ายสีช็อคโกแลตเลิกขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าอ่อนวัย   ที่ตรงมุมปากมีน้ำลายไหลยืด  เขาพลิกตัวไปมาหลายสิบตลบราวกับว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงนุ่มชั้นดีอะไรอย่างนั้นแหละ

     

    ตี้ดๆ   ตี้ดๆ  ตี้ดๆ   เสียงสัญญาณอะไรบางอย่างดังขึ้นไม่หยุด  จนเจ้าของผมสีช็อคโกแล็ตต้องกวาดมือคลำหา  เขาคว้าไปมารอบตัวอยู่พักหนึ่ง   จนนึกขึ้นได้ว่าของสิ่งนั้นอยู่ในกระเป๋านักเรียนของตัวเอง  จึงล้วงไปที่กระเป๋าหน้าและคว้ามันออกมา 

     

             ตอนนี้เขาปรือตามองไปที่ของสิ่งนั้น   ในขณะที่พยายามปรับโฟกัสสายตาของตัวเองด้วยการกระพริบตาถี่ๆหลายครั้ง    จนมองเห็นวัตถุทรงกลมสีเงินวาววับที่มีหน้าปัดบอกเวลา มันคือนาฬิกาปลุกประจำตัวเขานั่นเอง

     

    “อา   สามโมงครึ่งแล้วหรอเนี่ย   เจ๊สี่บ่นแน่เลย”  เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจและหาววอดในเวลาเดียวกัน   นัยตาสีฟ้าครามของเขากวาดตามองไปรอบตัวและพบว่ามีเพียงกระเป๋าเป้ของตัวเองที่วางไว้ข้างหลัง    

     

        และนี่คือพระเอกของนิยายเรื่องนี้  เจ้าของนามอันสะเทือนเลือนลั่น(โรงเรียน)  นาย อิสระ  ชนะสงคราม    นามสกุลอาจจะอลังการไปบ้างแต่ก็นะมันตกทอดกันมารุ่นสู่รุ่น  อายุอานามก็สิบห้าย่างสิบหก  สูงร้อยเจ็ดสิบ หนักหกสิบเอ็ดเรียกว่าเจ้าเนื้อพอสมควร หน้าตาจัดได้ว่าหล่อถึงขนาดติดหนึ่งในสิบของโรงเรียนแห่งนี้เลยด้วย   หมอนี่คือจอมขี้เบื่อขี้เกียจและจอมเฉื่อยชารักสบายและอะไรอีกร้อยแปดที่คนๆนึงจะรักสบายได้     

            และเขายังมีอีกฉายาหนึ่งที่นักเรียนชายทุกคนตั้งให้ (แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เต็มจะรับนัก)   นั่นคือ    "อสูร  คลั่งจอมเฉื่อย  อิสระ"  ฉายาที่ได้มาจากการเป็นนักวิวาทอันดับหนึ่งในโรงเรียนนั่นเอง   และเหตุที่ทำให้เขาเป็นชายผู้ไร้เทียมทานนั้นมาจากลุงของเขานั่นเอง  เพราะตั้งแต่เด็กนายอิสก็โตมากับโรงยิมมวยปล้ำของลุง   เรียกได้ว่าความเป็นนักสู้เข้าเส้นเลือดเลยก็ว่าได้   

     

              เด็กหนุ่มนั่งขยี้ผมยุ่งของตัวเองพร้อมหาววอดอีกครั้งด้วยความเคยชิน      ขนาดตื่นมานายอิสยังยืนเหม่อมองไปในท้องฟ้าเหมือนกับคนไม่มีวิญญาณ  หรือจะบอกว่าไม่ได้เอาวิญญาณมาเรียนด้วยก็ได้    

            ไม่ต้องถามเลยว่าทำไมหมอนี่ไม่เข้าเรียน  ก็เพราะเจ้าตัวเบื่อสภาพเดิมๆที่ต้องมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมๆที่เดิมๆ  สู้มาหลับสบายๆตากลมบนดาดฟ้ามันดูสบายกว่าเป็นไหนๆ

     

     

    แอ๊ดดด   ปึง!!!!!

          

              เสียงประตูดาดฟ้าเปิดดังลั่นส่งให้จอมโดดเรียนต้องหันไปมองยังต้นเสียง   และหลังประตูนั่นมีชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขายืนอยู่   ผมสีม่วงตัดรองทรงชี้ตั้งด้วยเจลเซทผมของเขาดูเด่นสดุดตา

     

    “เฮ้ย   โดดเรียนอีกแล้วหรอว่ะเพื่อน”   ผู้มาเยือนว่า   เด็กหนุ่มคนนี้คือเพื่อนสนิทของอิสระมีนามว่า  แชมป์ ทั้งสองคนคบกันมาตั้งแต่อนุบาลก็ว่าได้   เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องโตมาด้วยกันเลย

     

    “เออ  เบื่ออ่ะ  ตอนแรกก็ว่าจะโดดคาบเดียว  แต่ดันหลับเพลินอ่ะดิ่”  อิสระตอบอย่างสบายๆจนเพื่อนสนิทอย่างแชมป์ได้แต่ถอนหายใจกับท่าทีเฉื่อยชาของเพื่อนจอมขี้เกียจคนนี้

     

               นายอิสระคว้าเป้บนพื้นขึ้นมาสะพาย  ก่อนจะบิดขี้เกียจไปมาอีกระลอก   เขาหันมายิ้มให้แชมป์ก่อนจะเดินเอื่อยๆเหมือนคนหมดแรงมาที่ประตูดาดฟ้า

     

    “ทำไรดีว่ะ  ปิดเทอมใหญ่นี้เพื่อน”เขาว่าพลางเอามือตบไหล่เพื่อนซี้

     

    “ไม่รู้ว่ะ   วันนี้วันสุดท้ายเทอมสองแล้วด้วย  นายปิดเทอมจะทำไรว่ะ”แชมป์ถามกลับ   ส่งให้คนขี้เกียจตอบอย่างขี้เกียจอีกตามเคย

     

    “ไม่รู้ว่ะ   มันเบื่อๆ ”

     

    “ให้มันได้อย่างนี้ซิ่ว่ะ  เองเนี่ย เอ้อ   สนใจเล่นเกมป่ะว่ะพวก”   แชมป์ถามเหมือนกับพยายามจะหาทางเลือกให้เพื่อนจอมขี้เกียจมีกิจกรรมร่วมกับเขา    เพราะปิดเทอมที่แล้วพอบอกเจ้าอิสไปว่า   ไม่รุ้เหมือนกัน   มันเล่นหายหน้าไป  จนมารู้ที่หลังว่ามันกินๆนอนๆแล้วก็ไปคลุกอยู่โรงยิมมวยปล้ำแถวบ้าน  ตลอดปิดเทอม   ก็รู้สึกเซงแทนยังไงชอบกล

     

    “เกม ไรว่ะ”อิสถามอย่างสงสัย

     

    “ก็เกมที่กำลังดังอยู่ในตอนนี้ไงเพื่อนไอ้ที่ว่า   บริษัท  Unlimited (อันลิมิตเต็ด) อะไรนั่นสร้างอะ   น่าเล่นมากน่ะเว้ยเผื่อจะแก้เบื่อนายได้”   แชมป์ตอบพลางยักคิ้วและมองไปยังตึกด้านหน้าที่ไกลออกไปจากตึกเรียน   ส่งให้นายอิสต้องเหลียวหลังหันไปมองตามอย่างช่วยไม่ได้  

     

          ทิวทัศบนตึกดาดฟ้านั้นช่างสวยงามยิ่งนัก   เนื่องจากตึกเรียนมีความสูงกว่ายี่สิบชั้น  ทำให้สามารถมองเห็นเมืองรอบๆจากมุมสูงได้ง่าย   และในบรรดาตึกสำนักงานต่างๆในเมืองกรุงที่มีมากมาย   มีเพียงตึกเดียวที่สูงที่สุดและดูสวยงามที่สุด

     

           ตึกทรงกลมที่พุ่งสูงเสียดฟ้า  กะด้วยสายตาคงสูงไม่น้อยกว่าร้อยชั้นเป็นแน่  บนยอดตึกมีปติมากรรมขั้นเทพ(ในความคิดของอิสอ่ะน่ะ)  ที่แกะสลักเป็นรูปตัวยูขนาดมหึมาที่เพิ่งสร้างเสร็จไปเมื่อไม่นานนี้เอง

     

    “ไอ้เจ้าของตึกอลังๆ  นั่นอ่ะน่ะ”  อิสว่าพลางชี้ไปที่ตึงดังกล่าว   เขาหัวเราะหึๆราวกับเห็นเป็นเรื่องขบขัน

     

    “ก็เออดิ่    ไอ้บริษิทนี้เป็นเจ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าแทบจะทั่วโลกและดังที่สุดด้วยน่ะเว้ย” แชมป์กล่าวอย่างกระตือรือร้น  เพราะถ้าจะคุยเรื่องอิเรคโทรนิคหรือเทคโนโลยีหุ่นยนต์โรบอทอะไรพวกนี้แล้วล่ะก็ต้องเจ้าหมอนี่เลย

                

                 การันตีด้วยการที่หมอนี่เป็นแฟนพันแท้ของคนเล่นเครื่องใช้ไฟฟ้าเพราะแม้แต่ปากกาประจำตัวยังมีระบบเขียนเองอัตโนมัติ  (ซึ่งไม่รุ้ว่ามันไปหามาได้ไงอ่ะน่ะ:อิสระ) ซึ่งอิสขอยืมมาใช้ในห้องเรียนก็ได้คำตอบจากเพื่อนรักว่า    

           

                  เองจะเอาไปทำเบื๊อกไรว่ะในเมื่อเองโดดเรียนมันแทบทุกวิชา    (จำไว้เลยเจ้าเพื่อนเวรเอ้ยย:อิส)

     

     “แล้วแต่ว่ะก็ลองดูล่ะกัน  ถ้าน่าเบื่อ  ข้าก็เลิกเล่นน่ะเพื่อน”  อิสว่าพลางเลิกสนใจตึกดังกล่าว  เขาหัวเราะหึๆ  ในลำคอก่อนจะเดินลงบันไดมา  ปล่อยให้นายแชมป์ยืนมองตึกระฟ้านั่นด้วยประกายตาแวววับ  

     

    “อ่าวเฮ้ยรอด้วย   ทีจะชิ่งกลับบ้านนี่รีบเลยน่ะ  แล้วเองไม่อยากรู้หรอว่ามันชื่อเกมอะไร”  นายแชมป์วิ่งตามไล่หลังอิสมาอย่างเร่งรีบ  เขารู้อยู่แล้วว่าหมอนี่เป็นพวกไม่สนใจอะไรเท่าไหร่นอกจากเรื่องมวยปล้ำกับทะเลาะวิวาท    แต่ถ้าทำให้ชีวิตที่น่าเบื่อของหมอนี่หมดไปได้มันคงจะทำให้เขาสบายใจมากขึ้น

     

    “ว่า.......”  จอมเฉื่อยถามพยางค์สั้นๆเพื่อรอคำตอบของแชมป์  จนเพื่อนซี้ต้องตอบอย่างเซงๆกับท่าทีไม่ยี่หระของเจ้าอิสระ

     

    Under   Word   Online  ไงเพื่อน  ”   

    ผู้เขียน : ช่วยติชมคอมเม้นต์ด้วยน่ะครับ   ฝากด้วยครับนิยายของผมมือใหม่หัดแต่งน่ะ

     

     

     

     

     

             

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×