คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Heartless Warrior : This is for you (Reiner x Bertolt )
Title: Heartless Warrior
Author: sergeantfrog
Pairing: Reiner x Bertolt
Rating: PG
note : เพ้อ ฟิน และอยากลองของแปลกคือที่มาของฟิคตอนนี้ และอยากขอบอกว่ามันจะ spoil แหลกลานมากๆ ขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
‘ เหตุผลนั้นมันแสนง่ายดาย ’
‘ เพราะเราคือนักรบ ’
‘ และนักรบ...ไม่ต้องการหัวใจ ’
“เฮ้ ตื่นเถอะ นอนตรงนี้ไม่ได้นะ”
แรงเขย่าที่ไหล่เรียกสติที่ว่ายวนอยู่ในห้วงนิทราให้คืนกลับมา เด็กชายกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่ความง่วงที่หลงเหลืออยู่ออกไป สิ่งแรกที่เขาเห็นเมื่อปรือตาขึ้นมาคือแสงสีทองเป็นประกาย เหมือนแสงจากดวงอาทิตย์อันแสนอบอุ่น ซึ่งหาได้ยากในดินแดนอันหนาวเหน็บแห่งนี้
/ สวยจัง /
เขายื่นมือออกไปคว้าแสงสีทองแสนสวยมาไว้ในอ้อมแขน ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง...เขาเคยได้ยินมาว่าเมื่อใดที่เราเข้า ใกล้ดวงอาทิตย์มากเกินไปจะถูกเปลวเพลิงที่ร้อนระอุเผาผลาญจนเหลือเพียงเถ้า ธุลี แต่กับดวงอาทิตย์สีทองในอ้อมแขนของเขานี้กลับไม่เป็นแบบนั้น สิ่งที่เขาสัมผัสได้ไม่ใช่เปลวเพลิงที่แผดเผา แต่เป็นความอบอุ่นที่แสนอ่อนโยน
“เฮ้ เพื่อน ฝันเห็นสาวสวยหรือไง ปล่อยเถอะน่า มาทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันมันน่าขนลุกพิลึกนะ”
เสียงร้องเรียกและแรงสั่นไหวในอ้อมแขนทำให้เขาได้สติกลับคืนมาครบถ้วน ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นดวงอาทิตย์สีทองกลับ กลายเป็นเรือนผมของผู้เป็นเพื่อน
“ฉันขอโทษ”
อ้อมแขนที่ฉุดรั้งร่างของเด็กชายผู้มีร่างกายกำยำเกินวัยคลายออก ในตอนแรกเขากลัวว่าผู้เป็นเพื่อนจะแสดงท่าทางรังเกียจออกมาแต่ว่าไม่เพียง แต่ไม่ว่าอะไร เขากลับส่งรอยยิ้มพร้อมโบกมือบอกว่าไม่เป็นไร มันทำให้เขาโล่งอก
“เอาน่า ขอโทษอะไรกัน แค่ละเมอกอดเอง เรื่องแค่นี้ฉันไม่ถือหรอก แต่ฉันว่าเรากลับฐานกันเถอะ อากาศแถวนี้มันชักจะเย็นลงทุกทีแล้ว ”
“...ฉันไม่อยากกลับไป”
เขาซบใบหน้าลงไปบนเข่าที่ชันขึ้น การหลบสายตาคือสิ่งที่เขาเลือกจะทำ เพราะตอนนี้แสงสีทองแสนอบอุ่นกลับกลายเป็นสิ่งที่เสียดแทงสายตา
“พูดบ้าอะไรของนาย เดี๋ยวก็ได้หนาวตายกันพอดี กลับกันเถอะน่า ช้ากว่านี้เดี๋ยวจะถูกลงโทษอีกนะ”
“...นายกลับเถอะ ทิ้งฉันไว้นี่แหละ”
เสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างหนักๆกระทบลงกับพื้นข้างตัวเรียกให้เขาต้องหัน ไปมองก่อนจะพบว่าเป็นร่างของเพื่อนของเขาที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“ทำอะไรของนาย...”
“ก็นายไม่กลับฉันเลยจะอยู่เป็นเพื่อนไง”
“ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย นายกลับไปเถอะ”
“หุบปากไปเถอะน่า ฉันบังคับนายไม่ได้ นายก็บังคับฉันไม่ได้เหมือนกัน”
หลังคำพูดนั้นพวกเขาทั้งสองต่างก็เงียบไป คงเพราะต่างฝ่ายต่างก็รู้นิสัยฝ่ายตรงข้ามดีว่าถึงจะพูดอะไรออกไปก็ไม่มีประโยชน์
“...ถามจริงๆนะ ทำไมนายถึงไม่อยากกลับไป”
“นายไม่คิดเหรอว่าทำไมเราต้องกลับไปให้ถูกฝึกเป็นเครื่องมือแบบนั้นด้วย”
“นักรบไม่ใช่เครื่องมือนะ มันคือหน้าที่อันทรงเกียรติต่างหาก”
เมื่อเขาลอบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของผู้เป็นเพื่อนความ รู้สึกหลากหลายก็ประดังเข้ามา ทั้งความไม่เห็นด้วย ทั้งความรู้สึกสมเพชกับแนวความคิดในอุดมคติที่เป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความ เป็นจริง แต่ความรู้สึกที่เด่นชัดที่สุดกลับเป็นความอิจฉา...ใช่เขาอิจฉา...อิจฉาที่ อีกฝ่ายยังคงความเชื่อมั่นของตนเองเอาไว้ได้โดยไม่สั่นคลอน
“แม้ว่าสิ่งที่ทำจะเป็นแค่การถูกส่งให้ไปตายในแดนศัตรูงั้นเหรอ”
“ถ้ามันเป็นการตายที่คุ้มค่าล่ะก็นะ”
“...ไม่มีการตายครั้งไหนที่คุ้มค่าหรอก”
เขานั่งกอดเข่าเหม่อมองลมหายใจที่กลายเป็นไอสีขาวเพราะอากาศที่เริ่มเย็น ลงเรื่อยๆ ความหนาวเย็นทำให้เขานึกถึงบ้าน...สถานที่ห่างไกลแสนหนาวเหน็บแต่อย่างน้อย ก็ยังมีคนที่คอยเขาอยู่
“ฉันอยากกลับบ้าน...ทำไมเราต้องไปในที่ๆไม่มีใครคอยเราอยู่ด้วย”
“ก็เพราะมันคือหน้าที่ไง เฮ้อ ฉันล่ะอิจฉานายชะมัด อย่างนายไม่ต้องพยายามอะไรมากพวกเขาก็คงเลือกนายอยู่แล้ว แต่ฉันนี่สิ พยายามแทบตายจะได้รับเลือกรึเปล่าก็ไม่รู้”
“นายก็ทำได้ดีแล้ว”
“แต่มันยังดีไม่พอ ยิ่งช่วงนี้ครูฝึกชอบพูดเรื่องให้ทิ้งหัวใจส่วนที่เป็นมนุษย์อะไรก็ไม่รู้ ฉันไม่เข้าใจสักนิด แถมยังบอกอีกว่าถ้าทำไม่ได้ไม่ว่าที่ผ่านมาจะทำได้ดีแค่ไหนก็หมดหวัง”
‘ การละทิ้งความเป็นมนุษย์ ’ เขายังจำได้ดีถึงบทเรียนที่ได้รับมาจากการฝึก บางทีจะเรียกว่าเป็นบทเรียนก็คงไม่ถูกต้องมากนัก เพราะในความเป็นจริงมันเป็นแค่คำพูดไม่กี่ประโยคที่ครูฝึกพูดออกมาก่อนจะ ทิ้งให้พวกเขาทำความเข้าใจเอาเอง
‘ จำไว้ว่าถึงแม้เราจะมีส่วนที่เหมือนมนุษย์ แต่เราไม่ใช่พวกมัน พวกเรามีจิตใจอยู่สองส่วน ส่วนหนึ่งคือสิ่งที่เป็นตัวเราที่แท้จริง อีกส่วนคือใจที่บรรจุอารมณ์ความเป็นมนุษย์ ซึ่งในการจะเป็นนักรบที่แท้จริงเราจะต้องตัดมันทิ้งไป ภารกิจที่เรากำลังจะทำมันสำคัญเกินกว่าจะปล่อยให้มีความผิดพลาดเพราะใจที่ เป็นมนุษย์ได้ ’
“นายอยากเป็นมากงั้นเหรอ?”
“แน่นอนสิ คอยดูไอ้ที่ให้ทิ้งๆอะไรเนี่ยฉันจะทำให้ได้แล้วได้ได้รับคัดเลือกให้ได้เลย”
เขามองใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในหมู่ผู้คนที่อาศัยในดินแดนอันหนาวเหน็บแห่ง นี้...ความมุ่งมั่นที่ทำให้เขาเป็นสิ่งแปลกปลอม เป็นสิ่งที่อยู่ผิดที่ผิดทางเหมือนแสงอาทิตย์ที่ไม่ควรจะส่องประกายในดินแดน แห่งนี้
/ ความเป็นมนุษย์มันทำให้นายแตกต่าง...เป็นความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวที่ฉันสามารถสัมผัสได้ /
“ยังไงก็จะออกไปจริงๆใช่ไหม”
“ใช่ ไม่ว่ายังไงก็ตาม”
/ ฉันตัดสินใจแล้ว...ถ้าการเป็นนักรบคือหน้าที่ของนาย... /
“...เรากลับกันเถอะ”
“อะไรของนายกัน ฉันชวนตั้งนานไม่ไป แต่อยู่ดีๆนายก็เปลี่ยนใจขึ้นมาซะงั้น”
“...”
เขาไม่ตอบแต่ยันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งมือไปช่วยดึงร่างผู้เป็นเพื่อนให้ ลุกขึ้นมาด้วย ในตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาคิดไปเองหรือว่าอากาศมันหนาวเย็นจนเกินไป มือทั้งสองที่จับกันถึงได้รู้สึกอุ่นจนร้อน
/ ...การปกป้องไม่ให้ความอบอุ่นนี้หายไป มันก็คือหน้าที่ของฉัน /
...................................................................................................................................
“รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเรียกพวกเธอสองคนมาที่นี่”
“ไม่ทราบครับ/ค่ะ”
เขามองผู้บังคับบัญชาซึ่งอยู่เบื้องหน้า หากไม่นับเรื่องที่เขาพยายามจะหนีหลายครั้งเมื่อยังเด็ก น้อยครั้งที่เขาจะถูกเรียกเข้าพบเป็นการส่วนตัวแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการถูกเรียกเข้ามาพร้อมเด็กสาวข้างๆด้วย
“จากผลการประเมิน ฉันคิดว่าพวกเธอคงจะพอรู้ตัวกันแล้วว่าจะถูกเลือกแต่ภารกิจครั้งนี้เราไม่ได้ต้องการแค่พวกเธอสองคน”
ผู้บังคับบัญชาหยิบเอาแฟ้มข้อมูลขึ้นมาเปิดผ่านๆ ก่อนจะพูดออกมาเหมือนตั้งใจที่จะพูดกับตัวเองมากกว่าจะเป็นการบอกเล่า
“ไรเนอร์ บราวน์ ดูจากการทดสอบสมรรถภาพและความสามารถ รวมไปถึงการปรับตัวแล้วถือว่าเป็นระดับท๊อป แต่การละทิ้งความเป็นมนุษย์นั้นแทบจะทำไม่ได้เอาซะเลย...การส่งคนแบบนี้ไปมี แต่จะสร้างปัญหาให้กับกลุ่มซะเปล่าๆ นั่นคือความเห็นของฉัน แล้วสำหรับพวกเธอในฐานะผู้อาจได้ร่วมงานคิดยังไง”
“เขาเป็นคนมีความสามารถครับ แม้ว่าจะไม่สามารถละทิ้งความเป็นมนุษย์ไปได้จนหมด แต่ผมเชื่อว่าเราจะใช้ส่วนนั้นของเขาให้เป็นประโยชน์ในการแทรกซึมได้”
ผู้บังคับบัญชามองเขาอย่างครุ่นคิดก่อนจะหันไปมองยังเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเขา
“แล้วความเห็นของเธอล่ะ เลออนฮาร์ท”
เขาลอบมองคนที่อยู่ข้างตัวด้วยแววตาอ้อนวอน เขาหวังว่าคำตอบของเธอคงจะไม่ออกมาเลวร้ายจนตัดโอกาสของไรเนอร์ แต่เหมือนว่าผู้ถูกจ้องจะรู้ตัวเธอเหลือบมองเขาด้วยหางตาก่อนจะกลับไปตอบคำ ถามที่ได้รับ
“ฉันไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ค่ะ”
“อืม...ทั้งคู่ไม่มีปัญหาอะไรสินะ งั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว พวกเธอออกไปได้แล้ว”
“ครับ/ค่ะ”
พวกเขาเดินออกจากห้อง ในตอนแรกก็ไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน จนกระทั่งเด็กสาวที่เดินมาข้างๆเขาเป็นผู้เอ่ยปากพูดออกมาก่อน
“นายกำลังทำบ้าอะไรอยู่ เจ้านั่นยังไม่พร้อมนายก็รู้เรื่องนี้ดี”
“เขาพร้อมพอๆกับพวกเรา และความสามารถของเขาก็มากพอที่จะรับภารกิจนี้”
“ฉันไม่ได้พูดถึงความสามารถ ใจของเจ้านั่นต่างหากที่ยังไม่พร้อม ไม่ว่าจะดูยังไงฉันก็ว่าหมอนั่นไม่มีวันทิ้งความเป็นมนุษย์ออกไปได้หมดหรอก”
“ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง”
เขาเปลี่ยนจากการเดินตรงไปข้างหน้าเป็นการเดินไปหยุดริมระเบียง แล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำแทน
“เขามีจิตใจของมนุษย์มากกว่าไททัน ถ้าทิ้งมันไปก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เขาจะกลายเป็นเครื่องจักรที่ทำตามคำสั่ง”
“เพราะแบบนั้นเจ้านั่นถึงไม่ควรจะเป็นนักรบไงล่ะ”
“นั่นคือความใฝ่ฝันที่สูงสุดของเขา”
“ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ดังฝัน”
“ถึงจะเป็นอย่างนั้นฉันก็จะทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อช่วยเขาให้ได้มากที่สุด”
“งี่เง่า จะทำไปทำไมเจ้านั่นไม่มีวันรับรู้ถึงสิ่งที่นายทำหรอกน่า”
“ไม่เห็นเป็นไร...แล้วรู้ไหมสักวันเธอก็จะเจอคนที่เธอพร้อมจะทำทุกอย่างให้แม้เขาจะไม่รับรู้เหมือนกันนั่นแหละ”
เขาวางมือลงไปบนศีรษะของเด็กสาวที่ตัวเตี้ยกว่าและลูบเรือนผมสีทองสว่าง อย่างเบามือ ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงแรงจับที่แขนและตัวเขาที่ลอยละลิ่วจนลงไปกองอยู่กับ พื้น
“ไม่มีทาง เชิญนายงี่เง่าไปคนเดียวเถอะ”
พูดจบเขาก็เห็นฝีเท้าของเด็กสาวที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ เมื่อเขากลับลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้งเขาก็เห็นผู้เป็นเพื่อนของเขากำลังเดิน ตรงมาหา
“เฮ้ เบล อยู่นี่เอง ฉันอุตส่าห์ตามหาตั้งนาน ว่าแต่นายรู้ไหมว่ายัยแอนนี่ไปกินรังแตนที่ไหนมา เมื่อกี้ตอนเดินสวนกันยัยนั่นอยู่ดีๆก็จิกฉันซะได้”
“...ไม่รู้สิ แล้วนายตามหาฉันมีเรื่องอะไร”
เขามองผู้เป็นเพื่อนที่อารมณ์ดีกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด ไม่จำเป็นต้องเดาเขาก็รู้ว่าไรเนอร์ตามหาเขาทำไม
“ฉันได้รับเลือกแล้วล่ะ เบล ทีนี้เราจะได้เป็นคู่หูกันแล้วไง”
“นายลืมแอนนี่ไปแล้วหรือไง”
“เอาน่าๆ เปลี่ยนเป็นทีมก็ได้ นายนี่ก็ชอบคิดเล็กคิดน้อยจังเลยนะเบล เราไปฉลองกันเถอะ”
แขนหนาหนักพาดลงบนไหล่ของเขาก่อนจะเปลี่ยนคล้องคอดึงให้เขาเดินตามไปด้วย ใบหน้าของไรเนอร์ยังคงเต็มไปร่องรอยของความสุข
/ เป็นแบบนี้นั่นแหละดีแล้ว...มันดีแล้วที่นายยังคงยิ้ม ยังหัวเราะ ยังมีความเชื่อมั่น การมีแค่ครึ่งใจที่เป็นไททันไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับนายหรอก /
/ ต่อให้ต้องสูญเสียครึ่งใจที่เหลืออยู่ไปเพื่อทดแทนในส่วนของนาย...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยให้นายเปลี่ยนไป /
/ ใช่แล้ว...ฉันยอมที่จะเป็นนักรบที่ไร้ใจเพื่อนาย /
/ ฉันจะเป็นนักรบที่ไร้ใจ...เพื่อนายผู้เป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียว /
TBC
ฟิค เรื่องนี้เกิดจากการดูตอนที่ 13 ขอรับ แต่แทนที่จะสครีมเฮย์โจว์แบบชาวบ้านเขาเรากลับไปสะดุดกับคำขอโทษของแอนนี่ มากกว่า เลยอยากแต่งเรื่องของแกงค์ทริโอไททัน ซึ่งบรรยากาศมันอาจจะออกไปในแนวไรเบลมากไปหน่อยแต่ขอยืนยันนะขอรับว่าเป็น เรื่องของทริโอไททันที่มีเบลทรูทเป็นตัวดำเนินเรื่อง(เห็นใจนายจืดจางเลยยัด บทให้เลยนะเนี่ย) แต่เอาจริงๆ....มันก็ไรเบลล่ะนะ
ที่ แต่งคู่นี้ไม่ใช่อะไรหรอกขอรับ อ่านมังงะตอนล่าสุดแล้วมันกลับมาพีคคู่นี้อีกรอบ(ความจริงรักคู่นี้ก่อนรีเอ อีกนะ(ใช่สิตอนคู่นี้โผล่ก่อนเฮย์โจว์จะมีบนตั้งหลายเดือนเลยนะในมังงะ)) เลยไปไล่หาฟิคอิงค์อ่านจนหมดแล้วอยากอ่านภาษาไทยแต่น้องมันบอกว่าคู่นี้ไม่ มีใครแต่งหรอก แต่เราไม่เชื่อนั่งหาอยู่เป็นชั่วโมงๆแล้วก็พบว่า...มันไม่มีจริงๆด้วย ก็เลยต้องมานั่งแต่งเองเพราะทนความฟินไม่ไหวไปตามระเบียบ
ปล.จะมีคนอ่านไหม คู่ที่ไม่ค่อยมีใครนิยมเนี่ย
ปล2. ดองซีรี่ย์เซนเซย์ต่อไปอีกหน่อยแล้วกันสครีมเฮย์โจว์บ่อยจนเอือมตัวเองแล้ว เปลี่ยนอารมณ์มาคู่อื่นซะบ้าง
:-Daisy ✿
ความคิดเห็น