ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic snsd] ღ.Yes! It's fate.ღ {TaeNy}

    ลำดับตอนที่ #1 : ความทรงจำ

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 56


    ณ เกาะเชจู 

    "ฮือๆๆ...ฮือๆๆๆ"  เสียงอะไรว่ะ!!!   เด็กน้อยตัวเล็กเดินเข้าไปตามเสียงที่ได้ยินด้วยความอยากรู้ว่าที่ได้ยินคือเสียงอะไรและแล้วก็เจอกับเด็กผู้หญิงผมสั้นตัวไม่ใหญ่ไปกว่ากันนั่งก้มหน้าร้องไห้  เลยเดินเข้าไปหาเด็กผู้หญิงคนนั้นเพื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง
    "เธอ...เธอ"  เงีบไม่มีเสียงตอบรับจึงลองเรียกอีกครั้ง    

    "เธอ...เธอ"  เงียบไม่มีอะไรตอบสนองกลับมาเจ้าเด็กน้อยความอดทนต่ำเริ่มจะเดินกลับแต่ขณะเดินกลับ 

    "ฮือๆๆๆๆฮือๆๆๆ..."  เสียงร้องไห้ที่หนักกว่าเดิมดังขึ้น  ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งเข้าไปดูเด็กหญิงคนนั้นอีกครั้ง  แต่เปลี่ยนวิธีเรียกใหม่
    "เธอ...อย่าร้องไห้นะ บอกได้มั้้ยว่าเป็นอะไร ทำไมมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว มีอะไรให้เราช่วยมั้ยบอกเราได้นะ"  

    เงียบไปแปปนึงก็มีเสียงเล็กๆปนสะอื้น ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องซักเท่าไหร่ ตอบกลับมา  
    "ฉันหลงทางกับ พ่อแม่ หาไม่เจอไม่รู้จะทำยังไง ฉันกลัว ฉันกลับไม่ถูก ฮือๆๆๆ"

    "ไม่เป็นไรนะเราจะอยู่เป็นเพื่อนเอง ไม่ต้องกลัว"  และแล้วบรรยากาศรอบข้างก็เงียบมีแต่เสียงคลื่นกระทบหาดทรายสลับกับเสียงสะอื้นของเด็กหญิงคนข้างดังสลับกันไปมา  จนจะได้ใกล้เวลามื้อเย็นเด็กน้อยก็เริ่มหิวแต่ก็ไม่กล้าทิ้งเด็กผู้หญิงไว้คนเดียว  นั่งคิดอยู่แปปนึงก็ปล่อยเสียงออกมา     "ใกล้จะมื้อเย็นแล้ว หิวมั้ย?"   เงียบตามเคยได้แต่นั่งถอนหายใจหันไปมองหน้าคนข้างๆพิจารณาใบหน้าเธอแล้วเด็กคนนี้น่ารักเหมือนกันนะไม่น่าต้องมานั่งร้องไห้คนเดียวอยู่ตรงนี้เลย  น่าสงสารจัง  จนคนที่้ถูกมองอยู่รู้สึกได้จึงหันกลับไปมอง  เมื่อวินาทีที่ได้สบตากับเด็กน้อยอีกคนที่คอยส่งยิ้มมาให้ตัวเอง  เจ้าตัวก็หยุดร้องไห้รู้สึกดีใจที่มีเพื่อนมาคอยนั่งเป็นเพื่อนไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว  ความกลัวที่มีก็ลดน้อยลงมากโข  เมื่อเด็กน้อยเห็นเด็กหญิงหันหน้ากลับมาและเริ่มหยุดร้องได้ก็ส่งยิ้มหวานๆตามฉบับส่งไปให้  แล้วก็ยกมืออันน้อยนิดขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตาตามพวกแก้มสีชมพู  พอเช็ดแล้วมันเหมือนจะไม่หมดเลยล้วงมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆมาซับให้อีกทีไล่เช็ดตั้งแต่แก้มที่เปื้อนน้ำตาทั้งสองข้างจนมาถึงดวงตา  ก็เขินอายขึ้นมากเมื่อสังเกตเห็นว่าเด็กหญิงคนนี้ตาหวานจัง  เช็ดเสร็จแล้วก็ส่งผ้าเช็ดหน้าให้เด็กหญิงเอาไปเช็ดต่อ  เพราะตัวเองอายที่จะสบตากับเด็กหญิงคนข้างๆ
    "หิวหรือยัง?" อยู่ๆเสียงของเด็กน้อยดังออกมาเรียกความสนใจให้กับเด็กหญิงข้างกาย

    หิวแล้ว”  ดีใจจังที่ได้ยินเสียงของเด็กหญิงเธอยิ้มให้น้อยๆ  แต่แล้วเด็กหญิงทำเหมือนจะร้องไห้อีกครั้งเด็กน้อยเห็นท่าไม่ดีจึงรีบถามอีกครั้ง  “เป็นอะไรทำหน้าเศร้าอีกแล้ว”  เมื่อเด็กหญิงได้ยินที่ถามก็ตอบกลับไปว่า  “เราไม่มีเงินเลย”  เด็กน้อยเมื่อได้ยินก็ยิ้มสดใสตามฉบับกลับไปให้แล้วบอกว่า  “ไม่เป็นไรไปกินกับเราก็ได้นะ  เพราะเราก็มากับพ่อแม่มีพี่ชายด้วยนะพวกเขาเลี้ยงเราได้

    พอได้ฟังเด็กหญิงก็ยิ้มออกมาบางๆและพยักหน้าเพื่อเป็นการตอบตกลงตามนั้น

                แล้วทั้งเด็กน้อยและเด็กหญิงก็จับมือกันเดินไปหาพ่อแม่ของเด็กน้อยที่ยืนรออยู่ไม่ไกลเท่าไหร่  ในความคิดของเด็กน้อยในตอนนั้นรู้สึกแค่อยากทำให้เด็กหญิงคนนี้หยุดร้องไห้  เพราะใบหน้าน่ารักนี้ไม่น่ามีน้ำตาให้เปื้อนเลยจริงๆ  คงไม่ได้ต่างกัไนที่เด็กหญิงคนนี้รู้สึกปลอดภัยขึ้นมากไม่คอยกลัวอะไรอีกคิดอะไรเพลินๆก็เจอหน้ากับผู้ใหญ่สองคนดูหน้าตาใจดียืนยิ้มมาให้ จึงยิ้มตอบกลับไป  ชายกลางคนท่าทางใจดีกล่าวกับเด็กน้อยที่ตนเองจับมือด้วยสีหน้ายิ้มบางๆ
    "ไปพาใครมาเล่นด้วยหล่ะ  เลิกเล่นได้แล้วนะ  ได้เวลากินข้าวแล้ว  จะได้ไปพักผ่อน" พร้อมลูบหัวเด็กน้อย
    "เขาหลงทางกับพ่อแม่  นั่งร้องไห้ตรงหาดคนเดียว  สงสาร"  ปากก็พูดบอกผู้เป็นพ่อไปแต่ตากลับมองแต่ใบหน้าเด็กหญิงแล้วยิ้ม  ชายคนนี้นย่อตัวลงให้ระดับความสูงประมาณสายตาเด็กหญิง  
    "หนูหลงทางหรอจ๊ะ  พอจำทางกลับบ้านได้มั้ย
    ?  หรือจำได้มั้ยว่าพักอยู่ที่ไหน  อาจะไปส่งไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ"  
    พอได้ฟังที่ชายคนนี้พุดก็ส่ายหน้าเบาๆเป็นการบอกให้รู้ว่า  จำไม่ได้  
    "ไม่เป็นไรนะ  ค่อยๆคิด." ชายคนนั้นบอกอย่างใจดีและผู้หญิงท่าทางใจดีอีกคนเอามือลูบหัวเด็กทั้งสอง  
    "ป่ะงั้นกินข้าวกันก่อนนะจะได้มีแรงคิด  หิวแล้วใช่มั้ย
    ?"  เด็กหญิงพยักหน้าให้รู้คำตอบว่าหิวแล้วและเด็กน้อยคนเดิมก็จูงมือเ็ด็กหญิงไปที่โต๊ะอาหารของครอบครัวที่มีเด็กชายคนหนึ่งนั่งรอพร้อมกับอาหารน่าทานหลายอย่างเต็มโต๊ะเรียกน้ำลายเด็กหญิงได้อย่างดี
    "ทำไมมาช้าจัง  พี่หิวข้าวแล้วนะนั่งซิ!!!"  เด็กชายบอกกับเด็กน้อยพร้อมทั้งที่มีอาหารเต็มปาก  เด็กน้อยนั่งลงข้างๆพี่ชายและไม่ลืมที่จะเลื่อนเก้าอี้ข้างๆให้เด็กหญิงที่มาด้วยได้นั่งใกล้ๆกัน  และแล้วก็กินอาหารมืออร่อยปนเสียงสงครามแย่งอาหารตามฉบับพี่น้องที่ไม่มีใครยอมใคร  หัวเราะบ้าง  ทะเลาะบ้าง  งอนกันบ้างของสองพี่น้องเรียกร้อยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ไม่หลงเหลือคราบน้ำตาของเด็กหญิงได้เป็นอย่างดี  เมื่อทานอาหารเสร็จกันหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีที่น่าจะเป็นแม่ของเด็กน้อยก็ลองถามเด็กหญิงอีกทีเพื่อจะตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อดี  
    "พอจำได้หรือยังค่ะว่าพักอยู่ที่ไหน
    ?  อาจะพาไปส่ง"   เงียบไปครู่นึงเด็กหญิงก็เหมือนจะนึีกอะไรออกขึ้นมา  
    "หนูอยู่ที่โรงแรมที่มีสระน้ำใหญ่ะ  มีรูปปั้นปลาตัวใหญ่ๆหลายตัวค่ะ"  เด็กหญิงตอบกลับไปด้วยความมั่นใจ  และทั้งครอบครัวของเด็กน้อยก็ขับรถไปยังโรงแรมที่เด็กหญิงบอก  ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงยังโรงแรมที่เด็กหญิงบอกเพราะแถบนี้ไม่ค่อยมีโรงแรมขนาดใหญ่แถมยิ่งบอกว่ามีรูปปั้นปลาตัวใหญ่ยิ่งหาง่ายเพราะมีอยู่ที่เดียว  ทั้งหมดพากันเดินไปที่ล็อบบี้เพื่อจะแจ้งให้ตามหาพ่อแม่ของเด็ก  ในขณะที่กำลังจะบอกกับเจ้าหน้าที่ก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลังวิ่งเข้ามาหาพวกเธอ
    "มิยอง  มิยองอ่า!!!  หายไปไหนมาลูก  รู้มั้ยแด็ดเป็นห่วงแทบแย่  แด็ดขอโทษนะลูกกลัวมั้ย
    ?  แด็ดอยู่นี่แล้วนะเด็กดี"
    เสียงของชายมีหนวดตัวใหญ่ท่าทางใจดีพูดพร่ำบอกกับเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา  เด็กหญิงทำได้แค่ส่ายหัวยิ้มหวานกว้างๆให้ชายที่กอดตัวเองและยกนิ้วน้อยๆชี้มาทางเด็กน้อย  ชายตัวใหญ่เดินเข้ามาหาเด็กน้อยพร้อมจูงมือเด็กหญิงมาด้วย  
    "เขาช่วยหนู  พาหนูไปกินข้าวแล้วก็พาหนูมาส่งที่นี่"  เด็กหญิงบอกผู้เป็นพ่อด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสที่ทำให้เด็กน้อยอึ้ง!ไปเลย  ในความคิดเด็กน้อยเมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่น่ารักสดใสไร้น้ำตาคลอเบ้าถึงกับใจสั่นๆไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร  ร้อนที่หน้าลามไปถึงใบหู  จนหน้าแดงไปถึงใบหู  ทำให้ชายตัวใหญ่อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะรู้สึกดีกับเจ้าตัวน้อยนี้ที่ช่วยลูกสาวเค้า
    "ไม่สบายหรอลูกทำไมหน้าตาแดงกำ่ขนาดนี้ "  ชายตัวใหญ่ถามพร้อมเอามือถาบเหมือนวัดไ้ข้ เด็กตัวน้อตกใจยืนตัวแ็ข็งทื่อส่ายหน้าบอกไม่เป็นไร  เขาจึงพยักหน้ากลับเพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าเข้าใจที่เด็กน้อยสื่อออกมา
    "ขอบใจหนูมากนะ  ที่ช่วยลูกสาวของลุง  ไม่งั้นลุงคงไม่ให้อภัยตัวเองเลยที่ปล่อยให้ลูกหลงทาง  โชคดีของลูกสาวลุงมากที่เจอกับหนู  ไม่งั้นลุงไม่รู้เลยลูกลุงจะเป็นยังไง  ลุงคงเสียใจและไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตแน่เลย  ขอบใจหนูมากจริงๆนะ"  ชายตัวใหญ่พร่ำบอกขอบคุณหลายครั้งจนเด็กน้อยยอมปล่อยเสียงน้อยๆออกมา  "ไม่เป็นอะไรค่ะ  เพื่อนกัน"
    เขายิ้มให้กับความใจดี จริงใจ ไร้เดียงสาของเด็กน้อยตรงหน้า  และหันไปขอบคุณคนเป็นพ่อเป็นแม่ของเด็กน้อยพร้อมก้มหัวให้ 90ํ ให้ด้วยความขอบคุณที่ตื้นตันใจที่ได้เจอลูกสาวอีกครั้ง
    "ขอบคุณพวดุณมากจริงๆนะครับที่ช่วยเหลือลูกสาวของผม  ขอบคุณมากจริงๆครับ  ถ้าลูกผมเป็นอะไรไปผมไม่รู้จะทำยังไงเลยครับ  ผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีลูก"
     
    หลังจากขอบคุณกันเสร็จทั้งหมดก็ชวนกันไปนั่งคุยกันสักพักหนึ่ง  พอเห็นเวลาชักดึกแล้วจึงแยกกันไปพักผ่อนโดยที่ชายตัวใหญ่พูดขอร้องให้ครอบครัวของเด็กน้อยมาทานอาหารเย็นด้วยกันวันพรุ่งนี้ตอนเย็น  และเมื่อเห็น มิยอง ท่าทางเล่นมีความสุขกับเด็กน้อยคนนั้นจึงขออนุญาตพ่อแม่ของเด็กน้อยว่าพรุ่งนี้จะพาเด็กๆไปดูการแสดงโลมาสีชมพู  พ่อแม่เด็กน้อยตกลงตานั้นโดยไม่ลืมถามความสมีัครใจของลูกทั้งสองของตน   
    "นี่ นี่  ชื่ออไรหรอ?  ยังไม่ได้บอกเลยนะ"  เด็กหญิงถามเด็กน้อยออกไปเพราะเขารู้ชื่ของเธอแต่เธอไม่รู้ชื่อของเขาเลย  แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำแบบนี้เรียก  รอยยิ้มให้คนโดนถามและคนที่ได้ยินรอบข้างต่างพากันยิ้มเอ็นดูให้เด็กทั้งสอง
    "คนนี้พี่ชายเราชื่อ จีอุง  ส่วนเรา..."  เงียบไปพักนึง  "ไว้บอกพรุ่งนี้"  บอกออกมาทั้งยิ้มและทำน่ากวนๆ  ยั๊กคิ้วข้างเดียวให้เด็กสาวได้อายเล่นใบหน้าแดงก่ำ  โชคดีที่ตอนนี้ไม่ค่อยสว่างเลยไม่มีใครสังเกตุเห็นว่าเด็กหญิงเขินอายมากแค่ไหนกับการกระทำของเด็กน้อยตรงหน้า  ครอบครัวเด็กน้อยกำลังขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน  เด็กหญิงรีบคว้ามือเด็กน้อยไว้แล้วโน้มใบหน้าเข้าใกล้หน้าใสๆของเด็กน้อย พร้อมพูดด้วยเสียงเบาๆด้วยความเขินอาย
    "ขอบคุณมากนะที่วันนี้ช่วยเรานะ  ยินดีที่ได้รูจัก"  ยิ้มให้คนตรงหน้าพยักหน้าเข้าใจที่เด็กหญิงพูด
    "จุ๊บ!!!...  ฝันดีนะ"  เด็กน้อยยืนอึ้ง!  ไม่รู้จะก้าวไปทางไหนดีคิดไม่ออก  อากาศก็ร้อน  ใจก็เต้นแรง  พอตั้งสติได้จะหันกลับไปบอกฝันดีกับเด็กหญิง  ก็ไม่เห็นใครแล้วเพราะครู่กรณีวิ่งหายเข้าไปกับพ่อซะแล้ว  ได้แต่ถอนหายใจและรีบวิ่งขึ้นรถเพื่อกลับบ้านไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้มีนัดไปเที่ยวกับเด็กหญิงที่ชื่อ มิยอง แต่เช้า  พอถึงบ้านทำภารกิจของตัวเองเสร็จก็รีบเข้านอนแต่ก็ยังนึกถึงใบหน้าน่ารัก  รอยยิ้มหวานๆที่เห็นแล้วชวนให้ใจสั่น  แล้วต้องอมยิ้มกับภาพที่โดนเด็กหญิง จุ๊บแก้ม
     
    "คิดถึงทีไรหน้าแดง  ใจเต้นเร็วทุกที  เฮ้อ!!!"  บ่นกับตัวเองเบาๆ   "ผันดีนะ  มิยองอา"
    อีกฝากของเด็กหญิงก็อมยิ้มใต้ผ้าห่มผืนหน้าด้วอาการเขินอายที่ตัวเองกล้าไป จุ๊บแก้มเด็กน้อย
    "พรุ่งนี้เราจะต้องรู้จักชื่อเธอให้ได้  อิอิอิ"  ตั้งใจกับตัวเองเรียบร้อยแล้วรีบข่มตาหลับ  เพราะพรุ่งนี้มีนัดไปเที่ยวกับเพื่อนใหม่แต่เช้า

    9.00 น.  หน้าโรงแรมของเด็กหญิง      สองพี่น้องรอการปรากฎตัวของใครบางคนและไม่นานเกินรอก็เห็นเด็กหญิง

    หน้าตาน่ารักวิ่งมาหา2พี่น้องที่ยืนรออยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มหวานสดใสตามฉบ้บ  ทำให้คนที่มองถึงกับเคลิ้มตามเป็นผลทำให้พี่ชายต้องตบหัวเพราะเรียกหลายรอบแล้วไม่รู้สึก  "น่ารักอ่ะดิ  ชอบก็จีบเลยดิว่ะ  เดี๋ยวอดนะเว้ย"  คำพูดล้อเลียนเมื่อเห็นอาการน้อง
    "กินอะไรกันมารึงยัง  เดี๋ยวแด๊ดดี้สั่งให้"  เด็กหญิงถามด้วยร้อยยิ้มหวาน  หวานมากในความคิดเด็กน้อยตอนนี้พาลให้ยิ้มตาม
    "ไม่เป็นไรเรากับพี่กินมาจากที่โรงแรมที่เราพักแล้วเหมือนกัน  ขอบใจนะที่ถาม"  ส่งยิ้มหวานกลับไปให้เด็กหญิงตรงหน้าอีกครั้ง
    "ถามนิดเดียวตอบซะยาวเชียว"  เด็กหญิงแซวเด็กน้อยกลับและทั้ง2ก็หัวเราะให้กันนิดหน่อย  จนคนที่มาด้วยไม่เข้าใจว่าให้เขามาด้วยทำไมเหมือนมาเป็นส่วนเกินยังไงก็ไม่รู้  คิดแล้วก็เศร้าใจไม่รู้ว่าวันนี้จะสนุกหรือเปล่า?  แต่ก็ต้องหยุดคิดเมื่อได้ยินเสียงของชายตัวใหญ่ที่จูงมือเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับตัวเองเข้ามาหา  เด็กหญิงเข้าไปจูงเด็กผู้ชายที่มาด้วยให้เดินมาตรงหน้า2พี่น้อง
    "วันนี้ขอพาพี่ชายเราไปเที่ยวด้วยกันนะ  นี่พี่ชายเราชื่อ  เลโอ"  2พี่น้องยิ้มให้พี่ชายของเด็กหญิงอย่างเป็นมิตร  เมื่อทำความรู้จักกันเสร็จทุกคนก็ึขึ้นรถเพื่อที่จะไปดูการแสดงของโลมาสีชมพูกัน 

    ในรถแวนผู้เป็นพ่อของเด็กหญิงเป็นคนขับ  ถัดมาเป็นที่นั่งของเด็กหญิงและเด็กน้อยและท้ายสุดเป็นของพี่ชายทั้ง2ที่ดูจะ

    เป็นเพื่อนเล่นที่เข้ากันได้ดีทีเดียว  เด็กหญิงหันไปมองเด็กน้อยก็พบว่าอีกคนนั่งเล่นแต่เกมส์ไม่สนใจจะคุยกับเธอเลย
    "ไม่อยากคุยกับเราหรอ"  เด็กหญิงถามด้วยความน้อยใจเพราะตั้งแต่ขึ้นมาเด็กน้อยไม่คุยกับเธอเลย
    "ไม่รู้จะคุยอะไร ......เงียบ........ ต่อไปฉันจะเรียกเธอว่า  มิยอง นะ"  หันกลับไปยิ้มหวานให้เด็กหญิงที่นั้่งยิ้มให้ข้างๆ  ใจเด็กหญิงเต้นแรงเหมือนกัน  ตัวเด็กน้อยเองก็เขินอายไม่กล้าสบสายตา  ...เงียบกันสักพักมีแต่เสียงพี่ชายทั้ง2เล่นกันอยู่ด้านท้ายองรถ
    "ฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอเลยนะ  เมื่อไหร่จะบอกหล่ะ!!!"  ถามเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบ  และเด็กหญิงเองก็อยากมีเรื่องคุยกับเด็กน้อยข้างๆ
    "ไว้มื้อเย็นค่อยบอกล่ะกัน  ปล่อยให้ทายเอง  ห้าม! ถามใครนะพี่จีอุงก็ห้ามถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะไม่คุยกับ มิยอง  แล้วจะบอกเอง"
    แล้วยั๊กคิ้วข้างเีดียวให้เป็นการกวนนิดๆ  เรียกความหมั่นไส้ให้กับเด็กหญิงที่ทำได้เพียงย่นจมูกใส่คนข้างๆ
    "อ่ะถึงแล้ว  ลงกันได้เลยนั่งรอดูการแสดงตามหมายเลยนะลูกอยู่กันดีๆหล่ะเดี๋ยวแด๊ดไปซื้อน้ำกับขนมให้กินกันระหว่างดูนะ
    "ค่ะ/คับ"  ทุกคนตอบรับ  ที่นั่งก็จะเป็น  แด๊ดดี้-มิยอง-เด็กน้อย-จีอุง-ลีโอ(เพราะอายุมากสุดดูแลน้อง)  ไม่นานเกินรอแด๊ดดี้ก็กลับมาพร้อมกับน้ำอัดลมและขนมมากมายเต็มไปหมด  ทั้งหมดดูการแสดงของโลมาที่ทั้งน่าัรัก และฉลาด ด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่เคยได้มาดูเลยสนใจเป็นพิเศษ  เวลาผ่านไปจนการแสดงจบทุกคนปรบมือและถ่ายรูปกับโลมาเป็นที่ระลึกและแน่นอนเด็กๆกลุ่มนี้ก็ไม่พลาดเหมือนกันเิริ่มจาก  ถ่ายกันหมดแก๊งเลย(แด๊ดดี้ถ่าย)-เลโอถับมิยอง-เด็กน้อยกับจีอุง-เลโอกับจีอุง- สุดท้ายจะเป็น มิยองกับเด็กน้อย  ใช้เวลานานพอควรเพราะอาการเขินอายของทั้งคุ่ที่หน้าแดงก่ำกันทั้งคู่  
    "เร็วๆซิ  มันร้อนนะ"  เสียงเลโอเร่งดังขึ้นเพราะหมั่นไส้กับอาการท่าทีเิขินอายของน้องสาว
    "ใกล้อีก  โอบกันหน่อย"  เสียงจีอุงดังขึ้นมาบ้างเหมือนกันเพราะเริ่มหมั้่นไส้กับอาการของน้องตัวเอง
    และแล้วก็ได้ถ่ายสักทีผลปรากฎบนรูปเป็นภาพที่  เด็กน้อยยืนโอบคอมิยอง  ส่วนมิยองโอบเอวเด็กน้อย  ทั้งหมดก็เดินดูไปเรื่อยๆเจอตรงไหนสวยก็ถ่ายกันจนถึงร้านอาหารที่ดูน่ารับประทาน  เพราะตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้วทุกคนจึงเริ่มหิวข้าวกันแล้ว 
    "พอกินเสร็จ  แด๊ดดี้พาไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนะลูก"  ผู้เป็นพ่อกล่าวก่อนกินอาหาร
    "คับ/ค่ะ"  เสียงใสๆของเด็กๆตอบกลับมาอย่างสดใสด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่เคยไป  จึงรีบกินแล้วก็รีบไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
    เมื่อมาถึงเด็กๆต่างตื่นตาตื่นใจก้ับสิ่งที่ได้พบเห็นทุกคนเดินตามไกด์(แด๊ดดี้)เป็นคนนำเที่ยว  อธิบายให้เด็กๆได้ฟังกัน  มีปลามากมายให้ตู้กระจกขนาดใหญ่มากๆ  บ้างก็มีคนว่ายในชุดดำน้ำให้อาหารปลาอยู่เด็กน้อยยืนดูอย่างสนใจจนมิยองต้องเข้ามาดูด้วยเพราะอยากรู้ว่าเด็กน้อยดููอะไรทำไมน่าสนใจขนาดนี้  เมื่อเดินกันจนครบรอบ 2 3 รอบก็แล้วเด็กๆก็อยากจะเดินอีกให้เหตุผลว่าอยากเห็น  น่ารัก .............จนไกด์(แด๊ดดี้)ใจอ่อนพาเดินอีกรอบ  
    "รอบสุดท้ายแล้วนะคับเด็กๆ  เพราะมื้อเย็นนี้เรามีนัดทานข้าวกับครอบครัวกันใช่มั้ย?"  ให้เหตุผลกับเด็กๆเขาจะได้เข้าใจเเด๊ดดี้
    "คับ/ค่ะ"  ตอบรับอย่างว่าง่าย
    "แด๊ดดี้ค่ะ  ก่อนกลับพามิยองไปซื้อของที่ระลึกหน่อยนะค่ะ  นู๋อยากได้อ่ะ"  เด็กหญิงอ้อนผู้เป็นพ่อเรียกร้อยยิ้มได้รวมถึงเด็กน้อยที่กำลังแอบมองอยู่เป็นระยะๆ  พอเข้ามาในร้านขายของที่ระลึกต่างคนต่างเลือกของที่ชอบที่ถูกใจตามใจชอบ(แด๊ดดี้จ่าย)
    "อ่ะ...อ่าว"  มิยองกับเด็กน้อยอุทานพร้อมกัน
    "ชอบเหมือนกันหรอ?"  มิยองถามอมยิ้ม   เพราะมือของทั้ง2จับกันเข้าพอดีตอนนี้หน้ามิยองเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาบ้างแล้ว
    "อืม"  เด็กน้อยตอบแบบอายๆเพราะนอกจากจะโดนมือกันแล้วยังชอบแบบเดียวกันอีก  คิดแล้วเขินจัง!!!(ในความคิด)
    สิ่งที่ทั้งสองคนสนใจเป็นเพียงพวงกุญแจรูปโลมาตัวใสแต่ด้านในมีของเหลวเหมือนเป็นน้ำมันใส่สีมีกริตเตอร์เป็นประกาย  พอเขย่าหรือกระเทาะก็จะมีไฟให้เห็น  
    "ถ้าเป็นตอนกลางคืนไฟมันต้องสวยเห็นชัดกว่าตอนนี้แน่ๆเลย  ว่ามั้ย?อ่ะ"  พูดไปยิ้มไปมองหน้าคนข้างๆแล้วอมยิ้มอายๆ
    มิยองเอาเจ้าตัวโลมาที่มีของเหลวใสสีชมพูอยู่ด้านในพอเขย่าหรือกระเทาะกับฝ่ามือเบาๆจะมีแสงไฟขาวอมฟ้าปรากฎขึ้นให้เห็น
    "เราก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะถ้าเป็นตอนกลางคืนแสงมันคงสวยมากๆเลย"  พูดไปยิ้มไปแอบมองคนข้างๆเป็นระยะๆ
    เด็กน้อยเลือกโลมาที่มีของเหลวใสสีฟ้าอยู่ด้านในแต่พอเขย่ามันแล้วสีที่ออกมากลับเป็นสีขาวชมพูเข้มปรากฎให้เห็น
    ทั้ง2เลือกได้แล้วก็เดินไปหาแด๊ดดี้กับพี่ชายทั้ง2(ให้จ่ายเงินให้)  แล้วทั้งหมดก็พากันนั่งรถกลับไปทานข้าวกับครอบครัวเด็กน้อยตามที่ตกลงกันไว้  ระหว่างทางขับรถกลับโรงแรงของมิยองนั้นโทรศัพท์แด๊ดดี้ดังขึ้น 

    "??????? ...... Hello!!!  @#@#####@&%#%&$%##%#$^&$@$^*&^%$$(*&^$@##&฿......yes! OK."
    สีหน้าของผู้เป็นพ่อไม่ดีเท่าไหร่กังวลไม่รู้จะบอกกับลูกทั้ง2ยังไง  ต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ใ้ห้ลูกเห็นแต่ไม่พ้นสายตามิยอง
    "แด๊ดดี้เป็นอะไรค่ะทำไมทำหน้าบึ้งไม่ยิ้มเลย  ใคร?โทร.มาหรอค่ะ"  เด็กน้อยถามตาใสไม่รู้เรื่องอะไร  ทำให้ผู้เป็นพ่อกลั้นน้ำตาทันที
    "ฟังแด๊ดดี้กันดีๆนะทั้ง2คน  ตอนนี้มั๊มมี้กับพี่มิเชลประสบอุบัติเหตุ อาการสาหัสมากเราต้องรีบกลับไปดูแลให้เร็วที่สุด  เราจะกลับกันเย็นนี้เลย"  พอได้ฟังที่ผู้เป็นพ่อพูดเท่านั้นเด็กทั้ง2ร้องไห้กันโยโยลำบากต้องให้อีก2คนที่ไม่รู้เรื่องคอยปลอบโดย  มิยองให้เด็กน้อยปลอบส่วนเลโอให้จีอุงปลอบ  โดยท่าทีที่ไม่มีทางจะหยุดร้องเลย
    "วันนี้คงไม่ได้ทานข้าวเย็นด้วยกันแล้วนะต้องรีบกลับบ้าน  ฮือๆๆๆๆๆ  มั๊มมี้กับพี่มิเชลถูกรถชน  ฮือๆๆๆ"  มิยองพูดไปร้องไห้ไป
    "ไม่เป็นไรนะค่อยกันกันวันหลังก็ได้  แม่กับพี่เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ  อย่าร้องเลย"  เด็กน้อยไม่รู้จะปลอบยังไง
    "แต่บ้านเราอยู่ไกลมากเลยนะกว่าจะได้เจอกันอีกคงจะอีกนานมากๆเลย ฮือๆๆๆๆ  ยังไม่อยากกลับเลย ฮือๆๆๆๆๆ"  
    "แล้วบ้านเธออยู่ไหนหล่ะบางทีเราอาจจะไปหาก็ได้นะ  อยู่ไหนหล่ะ?"  ยังคงเอาัมือลูบหัวเพื่อปลอบโยนคนที่กำลังร้องไห้อยู่
    "จริงหรอ? ฮือๆๆๆ  บ้านเราอยู่นู่นที่อเมริกา  ไปหาเราน่ะเราจะรอ ฮือๆๆๆ"  มิยองน้อยร้องไห้พูดไปฟังแทบไม่รู้เรื่อง
    "โห!!! ไกลจังเลยอ่ะ  เราจะไปยังไง? ตอนนี้เราเพิ่ง 8 ขวบ เองนะจะไปได้ยัง  แต่ถ้าเราโตกว่านี้เราสัญญาว่าจะไปหานะ"
    ให้คำมั่นสัญญาโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าอเมริกาอยู่ตรงไหนของโลก  ไกลแค่ไหนก็ตั้งใจจะไปหาเด็กหญิงที่ร้องไห้ในอ้อมกอดนี้ให้ได้
    "บอกเราได้มั้ย?  ว่าเธอชื่ออะไร? ฮือๆๆๆ  เราจะได้จำชื่อเธอไว้  จะได้ไม่ลืมกัน ฮือๆๆๆ"  มิยองถามอยากรู้เป็นที่สุด
    "ได้ซิ  ฟังให้ดีๆนะแล้วจำเอาไว้เราชื่อ  แทงกู แต่คนในครอบครัวชอบเรียกเราว่า  แทแท  นะฟังแล้วจั๊กจี๊ ยังไงไม่รู้"
    "งั้นเราจะเรียกว่า  แทแท  นะน่ารักดี ฮือๆๆๆ  มิยองอยากเป็นครอบครัวเดียวกับแทแทนะ ฮือๆๆๆ"  แทแท  ได้แต่พยักหน้าตกลงและคอยปลอบโยนอยู่ข้างๆตลอดการเดินทางจนรถมาถึงโรงแรมของมิยอง
    "สวัสดีครับ  รอนานมั้ยครั้บ"  ผู้เป็นพ่อของมิยองถามเมื่อเจอกับครอบครัวของ แทแทที่มีนัดมาทานข้าวเย็นด้วยกัน
    "ไม่เลยครับ  เราก็เพิ่งมาถึงกันได้แปปเดียวเองครับ  เป็นไงเด็กๆวันนนี้เที่ยวสนุกมั้ย?  บอกพ่อซิ"  พร้อมเอามือทั้ง2ลูบลูกทั้ง2
    "คือต้องขอโทษ! ด้วยนะครับที่วันนี้พวกเราไม่สามารถทานข้าวเย็นด้วยได้แล้ว  พอดีภรรยากับลูกสาวของผมประสบอุบัติเหตุ  ผมกับลูกต้องรีบกลับไปดูครั้บ"  พ่อของมิยองกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าปนความรู้สึกขอโทษที่ผิดนัด  สองสามีภรรยาก็ไม่ด้ว่าอะไรเพราะคงไม่อยากให้มีใครเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น  
    "ไม่เป็นไรค่ะ  พวกเราเข้าใจเหตุผล  ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะคะ  เพราะถ้าเป็นฉ้นก็คงทำแบบเดียวกับคุณ  รีบไปเถอะค่ะเดี๋ยวไม่ทัน"
    "เดินทางไกลมั้ยครับกว่าจะถึง"  พ่อของแทแทถามด้วยความเป็นห่วงเพราะดูอาการของพ่อเด็กหญิงคงไม่มีสมาธิขับรถนานๆแน่
    "ครอบครัวผมอยู่ที่ อเมริกา นะครับ  พวกเราจะึ้ขึ้นเครื่องกลับเย็นนี้เลยครับ  ที่จริงอีก3วันกว่าจะกลับเพราะผมสัญญาไว้กับลูก
    เสร็จงานแล้วจะพาพวกแกเที่ยวให้เต็มที่เลย  แต่ต้องเปลี่ยนแผนผมเองก็สงสารลูก  แต่ก็ห่วงทางนู้นอยู่มากเลยต้องรีบกลับ"
    "พวกแกเป็นเด็กดีต้องเข้าใจคุณครับ"  พ่อของแทแทให้กำลังใจพ่อมิยอง
    "งั้นขอตัวพาลูกไปเตรียมตัวกลับก่อนนะครับ  ขอบคุณมากนะครับ"  พร้อมทิ้งนามบัตรให้สองสามีภรรยาไว้ให้ติดต่อเพื่อต้องการความช่วยเหลือหรือถ้าไป อเมริกา  ก็ติดต่อครอบครัวของเขาได้เพื่อที่เขาจะได้ดูแลคืนบ้าง  เขาคุกเข่าต่อหน้าเด็กน้อย
    "ลุงขอบใจมากเลยนะที่ช่วยมิยองเอาไว้  ไว้ไป อเมริกา ลุงจะพาไปเที่ยวให้ทั่วเลยนะ  ลุงไปก่อนนะเด็กดี"  แทแทได้แต่พยักหน้าขึ้นลง
    "ป่ะลูก  ไปเตรียมตัวกันได้แล้วเดี๋ยวจะไม่ทันเครื่องออกกัน"  พร้อมจูงมือลูกน้อยทั้ง2เดินข้าไปในโรงแรมที่พัก  อยู่ดีๆเด็กหญิง มิยองตัวน้อยก็วิ่งกลับมาหา แทแทอีกครั้ง  พร้อมยื่นพวงกุญแจโลมาตัวสีชมพูให็แทแท
    "แทแท  แลกกันนะจะได้ดูเวลาที่คิดถึงมิยอง ฮ์อๆๆๆ"  มิยองพูดไปสะอื้นไป  ส่วนแทแทก็พยักหน้าแล้วแลกเปลี่ยนของกันแะละกันแต่อยู่ๆดีๆก็ต้องตกใจ  หน้าแดงร้อนผ่าวเพราะโดน  มิยองน้อย จุ๊บ! เข้าที่ริมฝีปางเล็กๆ  ด้วยความเขินทำได่เพียงแค่ยึืนอาย
    "ไว้เราค่อยเจอกันใหม่นะ  เราจะจำแทแทไปตลอดนะ  บ๊ายบายแทแท"  พูดเสร็จมิยองวิ่งกลับเข้าไปโรงแรมตามผูู้เป็นพ่อไป  ทิ้งให้แทแทยืนด้วยความอาย"  ก็จะมีเพียงภาพเด็กน้อยขี้แยที่กล้าหอมแก้ม จุ๊บปากแทแทในความทรงจำตลอดเวลา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×