ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[My Dream]] นิทรา...ลิขิตรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 56


    ณ บ้านกลางเมืองหลังหนึ่ง

    Happy Birthday  to you

    Happy Birthday  to you

    Happy Birthday     Happy Birthday 

    Happy B-i-r-t-h-d-a-y  t-o …  y-o-u


    “ขอให้มีความสุขมากนะ และเป็นเด็กดีของพ่อตลอดไป   อธิษฐานก่อนสิลูก แล้วค่อยเป่าเทียน” ชายวัยกลางคนกล่าวอวยพรลูกสาวคนเดียวของเขา เขาต้องเลี้ยงลูกคนเดียว หลังจากภรรยาเสียชีวิตหลังคลอดลูกสาว


    “ค่ะพ่อ”หญิงสาวอายุครบ 18 ปี บริบูรณ์  หลับตาและอธิษฐาน


    ‘ขอให้ได้เจอหน้าแม่สักครั้ง’จากนั้นเธอก้มลงเป่าเทียน พู่!




    นันท์นภัสเดินอยู่ริมถนน กำลังจะเดินข้ามทางม้าลาย สายตาเธอมองไปยังถนนฝั่งตรงข้าม และเธอเห็นผู้หญิงใส่ชุดเดรสสีขาว หน้าตาละม้ายคล้ายในรูปแม่ของเธอ 

    เธอจึงตะโกนเรียก “แม่”   แล้วเธอก็ตัดสินใจเดินข้ามถนนไปหาผู้หญิงคนนั้น โดยที่ไม่ทันดูซ้ายดูขวาเลย

    ขณะนั้น ก็มีรถยนต์แล่นมาจะพุ่งมาชนเธอ ทันใดนั้นก็มีมือของใครบางคนเอื้อมมาดึงเธอไว้  ทำให้เธอเสียหลักล้มลงในอ้อมกอดของใครคนนั้น  สายตาของเธอมองเห็นหน้าคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้  ใบหน้าของเขาจัดว่าหล่อเลยทีเดียว ผิวขาว จมูกเป็นสันได้รูป

     



    “นันๆ  ตื่นได้แล้วลูก เดี๋ยวไปเรียนสายนะ”เสียงพ่อดังมาจากข้างล่างทำให้นันท์นภัสตื่น


    “โอ๊ย! ปวดหัวจังเลย  ฉันฝันแบบนี้อีกแล้ว  นี่เป็นเป็นครั้งที่สามแล้ว”  นันท์นภัสตื่นขึ้นมาแล้วก็บ่นพึมพำกับตัวเอง  เธอฝันแบบนี้ทุกคืนวันอังคารมาเป็นครั้งสามแล้วหลังจากที่ผ่านวันเกิดครบ 20 ปีของนันท์นภัสมาได้ 3 สัปดาห์


    หลังจากเธอบ่นเสร็จ เธอก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ไปเรียน



    ที่โต๊ะหินอ่อนใน มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง กลุ่มหญิงสาว 3 คนกำลังนั่งคุยกันอยู่


    “วันนี้ยัยนันยังไม่มาอีก เดี๋ยวก็ไปเรียนสายกันพอดี” หญิงสาวคนหนึ่งบ่นถึงนันท์นภัส


    “พูดถึงก็เดินมา นั่นไง” หญิงสาวอีกคนเหลือบไปเห็นนันท์นภัสกำลังเดินมาจึงโบกมือเป็นสัณญานให้นันท์นภัสพร้อมตะโกนบอก  “นันๆ  ทางนี้” หลังจากได้ยินเพื่อนสาวของเธอเรียก  เธอก็เดินไปยังโต๊ะที่กลุ่มเพื่อนสาวของเธอนั่งอยู่


    “แหมเธอ มาสายอีกแล้วนะ” เสียงของแป้งหรือพรชนก เพื่อนสาวของนันท์นภัสแซว


    “แปลกนะ วันพุธทีไรเธอมาสายทุกครั้งเลย  ฉันสังเกตมา 3 ครั้งแล้ว ”รสหรือรสสุคนธ์พูดด้วยความสงสัย


    “นั่นสิเป็นอะไรหรือเปล่า ฝันแบบเดิมอีกหรือไง”จอยหรือจิรภา พูดด้วยความเป็นห่วง


    “อือ ช่างมันเถอะ รีบไปเรียนกันดีกว่า เดี๋ยวไม่ทัน” นันพูดเสร็จก็เดินนำเพื่อนไปยังห้องเรียน


     ขณะที่นันท์นภัสกำลังเดินไปเรียน ก็มีผู้ชายขี่รถจักรยานพุ่งมา


    “ เฮ้ย หลบไป” “นัน ระวัง” เสียงผู้ชายคนนั้นตะโกนพร้อมกับเสียงรสสุคนธ์ ตะโกนเตือนเพื่อนสาว ทันใดนั้นก็มีผู้ชายคน
    หนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้เธอ คว้าตัวเธอไว้  ทำให้เธอตกอยู่อ้อมแขนอันอบอุ่นของเขา สายตาของทั้งสองประสานกัน


    “ระวังหน่อยสิเธอ”ชายที่ช่วยเธอไว้พูดตำหนิเธอ แต่สายตาของนันท์นภัสจ้องมองใบหน้าของเขาเหมือนติดอยู่ในภวังค์
    จนไม่ได้ยินเสียงที่เขาตำหนิเธอ ที่เดินไม่ระวัง


    “นันเป็นไงบ้าง” รสสุคนธ์เดินเข้ามาถามนันท์นภัสด้วยความเป็นห่วง


    เมื่อได้ยินเสียงรสสุคนธ์ นันท์นภัสก็ได้สติ จึงตอบกับเพื่อนว่า “ไม่เป็นไร” แล้วพยายามผละออกจากวงแขนของเขา  เพื่อยืนด้วยขาตัวเอง ขณะผู้ชายคนนั้นก็อุทาน“โอ้ย”


    “อุ้ย! ขอโทษค่ะ” นันท์นภัสโค้งเพื่อเป็นการขอโทษและก้มเก็บหนังสือที่หล่นใส่เท้าเขานั่นเอง


    “เธอนี่ไม่ขอบคุณสักคำ แล้วยังทำหนังสือหล่นใส่อีก ซุ่มซ่ามจริง ไม่น่าช่วยเลย”


    “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว รีบไปเรียนกันเหอะ เดี๋ยวสาย”จอยพูดพร้อมสะกิดแขนนันท์นภัส และเดินนำเพื่อนไป


    “ขอบคุณนะคะ ไปเหอะยัยนันเดี๋ยวสาย”รสสุคนธ์กล่าวขอบคุณแทนเพื่อน พร้อมกับลากนันท์นภัสเดินตามจอยไป


    “ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยยัยนัน”แป้งพูดพร้อมส่งสายตาหวานปิ้งๆ ก่อนที่จะเดินตามเพื่อนๆไป


    “เฮ้ย แกผู้ชายคนนั้น หล่อจัง”แป้งพูดบอกเพื่อน


    “คนนั้นคนไหนของแก”รสถามด้วยความสนใจ


    “ก็คนที่ช่วยยัยนันเมื่อกี้ไง อยากรู้จัง ว่าเขาเป็นใคร”แป้งพูด


    “อยากรู้แกก็ไปสืบสิ จะได้รู้ว่าเป็นใคร”จอยพูดแบบรำคาญแป้งที่เพ้อแต่ผู้ชาย


    “แน่นอน ฉันสืบแน่”  แป้งพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกึ่งประชด แต่เมื่อใจของแป้งคิดถึงผู้ชายคนนั้นก็พูดน้ำเสียงเบาลง
    พร้อมด้วยท่าทีเขินอาย “เพราะฉันรู้สึกว่าฉันปิ้งผู้ชายคนนั้นแล้ว”


    “แป้งแกเลิกเพ้อเหอะ”จอยพูด


     “ ใช่ ฉันว่าผู้ชายคนนั้นน่าจะปิ้งยัยนันมากกว่ามั้ง งั้นคงไม่ช่วยยัยนันหรอก” รสสุคนธ์พูดด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ท่าทางของแป้งที่เพ้อถึงผู้ชาย


    “เว่อร์แล้ว  ยัยรส  เขาช่วยเพราะมนุษยธรรมมากกว่า แถมเขายังตำหนิที่ฉันซุ่มซ่ามอยู่เลย”นันท์นภัสพูดแก้ตัวเพื่อไม่ให้เพื่อนเข้าใจผิด แต่ในใจของนันท์นภัสก็ยังคิดตามที่รสสุคนธ์พูด


    “นี่พวกแกเลิกเพ้อได้แล้ว”จอยพูดตำหนิเพื่อน พร้อมชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือไปให้เพื่อนๆดู “นี่มัน สายแล้วนะแก ฉันวิ่งไปเรียนก่อน พวกแกจะเดินคุยกันต่อก็ตามใจ”


    “เฮ้ย จริงด้วย”ทั้งสามอุทานเมื่อเห็นว่าเลยเวลาเข้าเรียนมา5 นาที จึง รีบวิ่งตามจอยไปเข้าเรียน



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×