ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] ✚ :: L0VE N0TE :: ✚ [KAI x D.O.]*

    ลำดับตอนที่ #1 : ✚ :: L0VE N0TE :: 1

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 55


     

     

    Author : FAKU HAKU
    Pairing : JONGIN x KYUNGSOO
    Rate : PG-15






    LOVE NOTE*

     

     



    - 1 -
     


     ใครสักคนคงอาจจะเคยพบกับประสบการณ์ที่ไม่อยากจดจำมาแล้วทั้งนั้น แต่ก็แล้วแต่คนว่าเขาจะอยากให้มันเกิดขึ้นหรือไม่

     ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากหรือเปล่า

     แต่ที่แน่ๆ ก็คือมันเกิดขึ้นกับผมมาแล้วอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง

     และคงไม่มีวันที่ผมจะลบมันออกไปจากความทรงจำได้อย่างแน่นอน

     

     

    ผมคงไม่บอกว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้แล้วผมจะอยากให้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผมนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

    เพราะถึงอย่างไรเสียคนเราก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้อยู่ดี

    และที่สำคัญกว่านั้น มิใช่เพราะอดีตที่ผ่านมาหรอกหรือที่ทำให้เราเป็นเราในวันนี้

    ผมคงได้แต่ขอบคุณวันที่ผ่านๆ มาเหล่านั้นที่ช่วยให้ผมเติบโตเป็นผมอย่างที่ผมเป็น

     

      

    และผมก็คงต้องใช้ชีวิตของผมต่อไปในแบบที่ผมเติบโตมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ตามในอนาคตไม่ว่าใกล้หรือไกล

     

     

    ส่วนเรื่องที่ไม่น่าจะจำของผมน่ะหรือ ???

     

     

    ผมเจ็บปวดเหลือเกินที่ถูกบอกเลิกและคงต้องใช้มากกว่าเวลานักในการที่ผมจะผ่านพ้นมันมาได้

    ผมทรมานอย่างมากมายที่ถูกทอดทิ้งและคงจะต้องใช้มากกว่าเรี่ยวแรงทั้งชีวิตที่ผ่านมาเพื่อฉุดดึงให้ผมกลับไปใช้ชีวิตปกติ

     

     

    ทั้งๆ ที่ผมเองก็ใช้ชีวิตที่ผ่านมากับคนรักอย่างที่คิดดีแล้วว่าผมควรจะต้องรักอย่างไร

    และสุดท้ายผมก็ตอบคำถามตัวเองไม่ได้อยู่ดี...

     

     

     

    ...ว่าสุดท้ายแล้วผมต้องรักยังไง...

     

    Love Note

     

     

     

    เฮ้ นายๆ"

     

     

    โดคยองซูสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาหันมาหาในขณะที่ชายหนุ่มกำลังมองไปยังกระดานเพื่อจดเนื้อหาของบทเรียนวันนี้ลงไปในสมุดอย่างตั้งใจ

    เขาเงยหน้าขึ้นและก็มองเห็นใบหน้าของตัวการที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบและกำลังส่งยิ้มมาให้

     

     

    มีอะไรจงอิน" ถามกลับไปเบาๆ

     

     

    ขอยืมปากกาหน่อยสิ"

    อีกฝ่ายกระซิบกลับมาด้วยไม่อยากรบกวนเพื่อนคนอื่นในชั้นเท่าไรนัก

    "...พอดีว่าลืมเอากล่องดินสอมา...”

    มือหนายกมือขึ้นไปเกาศีรษะเมื่อกำลังอธิบายเหตุผล

    "...แล้วพอดีเพื่อนฉันก็ยัง...”

     

     

    พูดได้เพียงเท่านั้นก็ต้องเงียบไปเพราะคนตัวเล็กอยู่ๆ ก็ยื่นปากกาที่กำลังใช้อยู่มาให้

     

     

    แล้วนายจะใช้อะไรล่ะ"

     

     

    ไม่เป็นไร ฉันใช้ดินสอเอาได้" ตอบกลับไปสบายๆ

    "...เอาไปเถอะ แล้วรีบๆ หันกลับไปได้แล้ว

    เดี๋ยวไม่รู้เรื่องกันพอดี"

     

     

    พูดเสร็จก็ส่งรอยยิ้มกลับไปให้

    อีกฝ่ายเห็นดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรต่อแต่รับปากกาแล้วหันกลับไปแต่โดยดี

    โดคยองซูก้มตัวลงไปยังกระเป๋าสะพายใบสีเทาของตัวเองแล้วก็รื้ออยู่พักหนึ่งก่อนจะได้กระเป๋าดินสอติดมือกลับมา

    เปิดมันออกและหยิบเอาดินสอกดออกมาแล้วเรียนต่อไปเหมือนเมื่อครู่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น

    จนเมื่อผ่านไปราวห้านาที เต่ากระดาษพับเองตัวหนึ่งก็ถูกส่งมาจากโต๊ะข้างหน้า

    ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปอีกครั้งและคิมจงอินก็ส่งยิ้มกลับมา

    มือเรียวหยิบมันขึ้นมาจากตรงหน้าก่อนจะค่อยๆ แกะมันออกอย่างเบามือ

     

     

    ...ขอบคุณที่ให้ยืมนะ...

    ...แล้วก็เพิ่งได้ข่าวเรื่องนายกับรุ่นพี่คริส เสียใจด้วยนะ...

    ...ตั้งใจเรียนล่ะ...

     

     

    ร่างเล็กไม่ได้เขียนอะไรตอบกลับไปแต่ค่อยๆ พับมันกลับคืนรูปร่างเดิม

    และเก็บมันใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อนอกของตัวเองอย่างบรรจง

     

     

    เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

    คำพูดที่คนข้างหน้าส่งมาให้ยังสะท้อนอยู่ในหูและภาพความทรงจำต่างๆ ก็ฉายเข้ามาเหมือนจะตอกย้ำ

    หยดน้ำใสๆ หยดหนึ่งก่อตัวที่ขอบตาแต่เขาก็เช็ดมันออกอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไรนัก

    มองตรงไปหน้าห้องและลงมือจดบทเรียนต่อไป

     

     

    ไปกินข้าวที่ไหนอ้ะ"

     

     

    คิมจงอินถามขึ้นเมื่อหมดชั่วโมงพลางคืนปากกามาให้คนตัวเล็ก

    และทั้งสองคนลุกขึ้นพลางหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย

     

     

    "ถ้ายังไงไปกินกับพวกเราก็ได้นะ"

     

     

    พวกเราที่ร่างสูงพูดก็หมายถึงตัวเขาเองกับเพื่อนในกลุ่มอีกสองสามคนที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ

    ใช่ว่าคยองซูจะไม่รู้จักคนเหล่านั้น เพราะเท่าที่จำได้ก็เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมปลายแล้ว

    แต่เพราะตัวเขาเองที่ไปมีแฟนเลยห่างเหินจากเพื่อนๆ ไป นับรวมแล้วก็ร่วมสี่ปีได้แล้วกระมัง

     

     

    ไม่เป็นไรหรอก พวกนายไปเถอะ"

    ชานยอลกับเซฮุนตามมาสมทบในเวลาไม่นานและทั้งสองคนก็ส่งยิ้มมาให้เขาเช่นเดียวกัน

    "...ฉันไม่เป็นไรหรอก"

     

     

    ก็ถ้านายยืนยันว่าอย่างนั้น...”

     

     

    จงอินพูดออกมาหลังจากที่จ้องมองอยู่เนิ่นนาน

    และราวกับว่าสายตาดุดันของเขาจะมองทะลุความคิดได้ก็ไม่ปาน

     

     

    "...แต่อย่าลืมนะ นายยังมีพวกเราเสมอ โอเคนะ"

     

     

    เวอร์ไปแล้วจงอิน" ร่างเล็กยิ้มกว้างกลับไป

    "...แค่ฉันเลิกกับแฟนนะ ไม่ได้โลกแตกซะหน่อย"

     

     

    ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ดี" ร่างสูงตอบกลับไป

    "...งั้นพวกเราไปล่ะนะ"

     

     

    แล้วคิมจงอินก็ขยับกระเป๋าให้เข้าที่ก่อนที่จะหันหลังกลับและเดินออกไปกับกลุ่มเพื่อนของเขา

    จากตรงที่ร่างเล็กยืนอยู่ก็มองเห็นได้ไม่ยากจากช่องกระเป๋าหลังสุดของร่างสูงว่ามันมีปากกาเสียบอยู่สองด้าม

     

     

    ลืมเอากล่องดินสอมาเลยมาขอยืมปากกาเขาอย่างนั้นสินะ...

     

     

    รอยยิ้มเล็กๆ ฉายขึ้นมาบนใบหน้า ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง

    ก่อนที่จะขยับขาทั้งสองข้างตรงไปหาอีกสามคนที่เดินนำไปค่อนข้างไกลแล้ว

    มือเรียวสะกิดที่ไหล่ของจงอินและเขาก็หันกลับมา

     

     

    ถ้าพวกนายไม่ว่าอะไร...” เขาเริ่ม  "...ขอไปด้วยคนนะ"

     

     

     

     

    Love Note

     

     

     

    แล้วหลังจากนั้นนะ...”

     

     

    ชานยอลยังคงหัวเราะไม่หยุดเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่ฟังเรื่องเล่าของเขา ไม่เว้นแม้แต่คยองซู

    จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาได้ราวอาทิตย์หนึ่งแล้วหลังจากที่เขาเพิ่งเลิกกับแฟนไป

    และหลังจากวันที่จงอินมาชวนไปกินข้าวด้วยกันวันนั้น

    ก็กลายเป็นภาพที่คุ้นตาไปแล้วว่าชายหนุ่มจะมานั่งด้วยเสมอในตอนเที่ยง

     

     

    จริงเหรอ เซฮุนอ้ะนะ...”

     

     

    ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อถามถึงเรื่องของเซฮุนที่ชานยอลเพิ่งเล่าจบไป

    รูปปากบิดออกเป็นรอยยิ้มกว้าง และเสียงหัวเราะก็ดังออกมาจากในลำคอ

     

     

    "...ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่านายจะเปิ่นขนาดนั้น ตอน ม. ปลายก็ยังเท่ห์ๆ อยู่เลยนี่"

     

     

    เซฮุนไม่ได้พูดอะไรนอกจากปล่อยให้ใบหน้าขาวเนียนขึ้นสีช้าๆ ด้วยความเขินอาย

    ด้วยเพื่อนตัวแสบของเขาเพิ่งเอาเรื่องที่เขาไปจีบคนอื่นมาเผาเสียจนไม่เหลืออะไร

    ทั้งเรื่องที่เขาเปลี่ยนจากนักบาสสุดเท่ห์กลายเป็นผู้ชายเชื่องๆ ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เรียบร้อยสุดๆ

    และทำท่าเหมือนกระดิกหางได้เวลาที่ได้คุยกับคนที่ตัวเองกำลังแอบชอบ

     

     

    จริงๆ" ชานยอลยังขำไม่เลิก

    "...ไม่เชื่อนายคอยสังเกตเองก็ได้นะ อ้าวพูดถึงก็มาโน่นแล้วไง"

     

     

    ทุกคนในโต๊ะแทบจะหันไปยังฝั่งที่ชานยอลมองพร้อมๆ กัน

    ที่ตรงนั้นชายร่างบางคนหนึ่งกำลังเดินตรงมายังโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่

    เซฮุนลุกขึ้นยืนโดยอัตโนมัติ สองมือปัดเสื้อให้เข้าที่เข้าทางและดูดีที่สุด

    รอยยิ้มกว้างฉายอยู่บนใบหน้า และดวงตาก็ส่องประกายแห่งความสุขออกมาโดยไม่ต้องพยายาม

     

     

    ดูซะคยองซู...” ชานยอลชี้ให้ดู

    "...ฉันบอกแล้ว เซฮุนมันกระดิกหางทุกครั้งแหละเวลาเจอลู่หานน่ะ"

     

     

    คนตัวเล็กอมยิ้มน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายชี้ให้เขาดูอาการดีใจจนออกนอกหน้านั้น

    แต่จะว่าไปก็ว่าเซฮุนก็คงไม่ได้

    เขาเองก็คงมีอาการแบบเดียวกันนี้ตอนที่มีความรักที่กำลังเบ่งบาน

    และก็ไม่แน่ว่าอาจจะรู้สึกอยู่แบบนั้นแม้จะเป็นวันที่เขาโดนบอกเลิกก็ตาม

    รอยยิ้มนั้นหมองลงไปเล็กน้อยเมื่อเรื่องพวกนั้นย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง

     

     

    เป็นไงบ้าง เรียนหนักมั้ย"

     

     

    เสียงทักทายดังขึ้นจากปากเล็กๆ ของเซฮุนก่อนจะเดินตรงไปช่วยลู่หานถือของมาที่โต๊ะ

    อีกฝ่ายหนึ่งก็ดูคุ้นเคยกับคนที่เหลือยกเว้นคยองซูเป็นอย่างดี

    คงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเซฮุนถึงได้มีอาการมากก็ในเมื่อคนตัวบางนั้นมีนิสัยน่ารักมากขนาดนี้

    แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ก็คงไม่ใช่อารมณ์ที่จะมาร่วมยินดีมีความสุขไปกับความรักของคนอื่นเท่าไรนัก

    รอยยิ้มนั้นก็ยังคงอยู่บนใบหน้าของร่างเล็กเหมือนอย่างคนอื่น

    เพียงแต่ข้างในเท่านั้นที่ไม่ปกติ

     

     

    ไปเดินเล่นข้างนอกมั้ย"

     

     

    เห?”

     

     

    ไปจากเรื่องพวกนี้สักแป๊ป"

    จงอินพูดต่อไปด้วยเสียงกระซิบ

    "...นายไม่จำเป็นต้องทนนะถ้าไม่อยาก"

     

     

    ได้ไง เพื่อนนายกับแฟนเพื่อนนายนะ" ถามกลับไป

     

     

    ก็เพราะเป็นเพื่อนกันก็เลยเข้าใจกันไง"

    ร่างสูงยิ้มกลับมา "...ไปเถอะ ไปเดินเล่นกัน...”

     

     

    แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนโดยไม่รอให้คยองซูพูดอะไรต่อไปอีก

     

     

    "...เฮ้ ไปเดินเล่นข้างนอกนะ

    ถ้าพวกนายกินเสร็จแล้วก็ไปกันก่อนเลยก็ได้ไม่ต้องรอ...”

     

     

    หันไปพูดกับทั้งโต๊ะที่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ทักท้วงอะไรก่อนจะหันกลับมาหาคนตัวเล็กอีกครั้งหนึ่ง

     

     

    "...เอ้า เร็วสินาย"

     

     

    ดังนั้นไม่นานหลังจากนั้นคยองซูจึงออกมาเดินเล่นอยู่ในสวนกับอดีตเพื่อนสนิทที่ห่างหายกันไป

    เขาเองรู้สึกขอบคุณจงอินอยู่ลึกๆ

    เพราะก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะกลั้นใจทนต่อไปได้อีกสักเท่าไรในเมื่อภาพความทรงจำเก่าๆ ก็เอาแต่รื้อฟื้นขึ้นมา

    และถึงแม้พอออกมาข้างนอกแล้วจะเป็นความเงียบงันที่อยู่ระหว่างคนสองคน

    มันก็ยังน่าอึดอัดน้อยกว่าเมื่อนั่งอยู่ในบทสนทนาที่เขาไม่อยากรับฟังหลายต่อหลายเท่านัก

     

     

    ชิงช้าป่ะ"

     

     

    โดคยองซูเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่ออีกฝ่ายถามพลางชี้ไปยังชิงช้าผู้ใหญ่สองสามอันที่แขวนเรียงรายอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างตึกของมหาวิทยาลัย

    อากาศตอนกลางวันนี่ก็คงไม่เหมาะที่จะไปใช้บริการมันเท่าไรนัก

    แต่อย่างน้อยเงาของต้นไม้ก็ยังพอจะบังแดดให้ชิงช้าพวกนั้นกวักมือเรียกคนไปนั่งได้ในระดับหนึ่ง

     

     

     

    ตอนนี้เนี่ยนะ?”

    ย้อนถามกลับไปพลางแหงนหน้ามองดูพระอาทิตย์

    "ร้อนตายพอดี"

     

     

    อะไร เห็นเมื่อตอนเด็กๆ นายยังชอบเล่นเลยเวลานายมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ...”

     

     

    อีกฝ่ายยืนยันกลับมาพลางก้าวเดินตรงไปยังตัวที่อยู่ริมสุด

     

     

    "...มาเถอะน่า ไม่เหนื่อยหรอก

    เดี๋ยวฉันไกวให้ นายแค่นั่งเฉยๆ ก็พอ"

     

     

     

    เมื่อไม่สามารถหาทางปฏิเสธได้ประกอบกับที่ร่างสูงก็ไปหยุดอยู่ที่ชิงช้าอันริมสุดและก็ทำท่าเชิญให้เขาไปนั่งด้วยแล้ว

    โดคยองซูก็ต้องจำใจเดินเข้าไปนั่งในที่สุด

    คิมจงอินย้ายไปยืนข้างหลัง สองมือแกร่งวางลงไปบนสายชิงช้าและเตรียมพร้อมที่จะแกว่งให้คนนั่งเหวี่ยงขึ้นไปสูงขึ้น

     

     

    เอาสูงป่ะ"

     

     

    ไม่ต้องสูงมากหรอก...” ตอบกลับไปโดยไม่มองหน้า

    "เดี๋ยวนายเหนื่อย"

     

     

    งั้นถ้าฉันบอกว่าไม่เหนื่อยก็ไกวสูงได้สิ?”

     

     

    ไม่ต้องเลยไอ้ตัวแสบ"

     

     

     

    ตอบกลับไปพลางเกาะที่นั่งแน่นขึ้น

    รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยปลอดภัยในเงื้อมมือของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

     

     

    "...ไม่ต้องเลยนะ"

     

     

    หะหะหะ...” คิมจงอินหัวเราะออกมาเบาๆ

    "...รู้อยู่แล้วน่าไม่แกล้งหรอก หน้าซีดไปได้...”

     

     

    แล้วเขาก็เริ่มต้นโยกไหวให้เจ้าชิงช้านั้นเคลื่อนขึ้นและลงช้าๆ

    คนตัวเล็กลอยสูงขึ้นจากพื้นทีละน้อยๆ อยู่ในการควบคุมของคนตัวสูง

    และถึงแม้มันจะไม่ได้สูงมากมายนักแต่เขาก็รู้สึกดียามที่มีลมพัดมาปะทะใบหน้าและร่างกายนั้นก็ยกลอยเหนือพื้นขึ้นไป

    ตอนที่กลับลงมาเองก็เช่นกันที่พื้นรองเท้าเกือบๆ จะลากดินและก็ไกวกลับไปข้างหลัง

    ก่อนจะเป็นอย่างเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก

     

     

    ถามหน่อยสิ" ร่างสูงถามขึ้นมา

    "...ทำไมนายกับรุ่นพี่คริสถึงเลิกกัน"

     

     

    รอยยิ้มนั้นจืดลงไปแทบจะในทันทีและสีหน้าของคยองซูเองก็เปลี่ยนไป

    แต่ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจหรือไม่อยากตอบคำถาม

    ตรงกันข้าม ใบหน้าที่ก้มลงเล็กน้อยเหมือนกับจะครุ่นคิดหาคำตอบมากกว่า

    และเมื่อเรียวปากเล็กขยับเป็นคำพูดอีกครั้งมันก็เบาเสียจนร่างสูงแทบจะไม่ได้ยิน

     

     

    เรื่องนั้นเขาเองก็ไม่ได้บอกฉันเหมือนกัน...”

     

     

    หันไปมองหน้าคนที่กำลังไกวชิงช้าพร้อมกับยิ้มเศร้าๆ

    จังหวะของชิงช้าเริ่มช้าลงทีละเล็กทีละน้อย

     

     

    "...ไม่รู้นะ สำหรับฉัน ไอ้คำที่ว่าฉันดีเกินไปสำหรับเขา มันฟังไม่ขึ้นสักนิด"

     

     

    อืม ฉันเข้าใจนะ ขอโทษด้วยที่ถาม" พูดออกมาอีกครั้งเมื่อชิงช้าหยุดลง

    "...นายอยากคุยต่อหรือเปล่า"

     

     

    ถามมาเถอะ ถ้าตอบได้ฉันก็ตอบ...” ยิ้มกลับไปอีกครั้ง

    "...กับนายฉันไม่เคยมีความลับ

    แล้วก็คงไม่จำเป็นต้องมีด้วยล่ะมั้ง"

     

     

    ร่างสูงค่อยๆ เดินไปนั่งบนชิงช้าตัวที่อยู่ใกล้ๆ กัน

    ไกวน้อยๆ พอให้มันขยับไปตามหน้าที่ของมัน

    คยองซูที่เห็นก็ทำตามบ้าง

    ชิงช้าสองอันขยับขึ้นขยับลงราวกับว่าเวลานั้นค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปอย่างไม่เร่งร้อน

     

     

    ถ้านายว่ามันฟังไม่ขึ้น..." เริ่มถามอีกครั้ง "...แล้วนายเชื่อว่ายังไงล่ะ"

     

     

    มันจะมีเหตุผลอะไรที่คนเราเลิกกันหลังจากคบกันมาตั้งสี่ปีกว่า...

    อาจจะเป็นเพราะว่าฉันน่าเบื่อเกินไป

    เพราะเราไม่เคยทะเลาะกันไม่เคยเถียงกัน เพราะว่าฉันยอม

    คงเป็นเพราะอย่างนั้นล่ะมั้ง"

     

     

    ไม่คิดว่าเป็นเพราะเขาเลย?”

     

     

    ตอนนี้คงยังไม่คิดหรอก"

     

     

    ทั้งๆ ที่เขาก็ดูเป็นคนงี่เง่านะที่บอกเลิกนาย...”

    ลองพูดออกไปลอยๆ เหมือนกับไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นการต่อว่า

    "...ทั้งๆ แบบนั้นนายก็ยังคิดว่าเขาดีอีกล่ะสิ"

     

     

    เพิ่งอาทิตย์เดียวเองนะจงอิน

    จะให้ฉันเลิกรักใครสักคน มันคงไม่เร็วขนาดนั้นมั้ง"

     

     

    อีกครั้งที่รอยยิ้มเล็กๆ ฉายตรงมาให้ร่างสูง

     

     

    "และถ้าเรารักใครสักคนมากๆ

    มันคงยากนะที่จะมองให้คนที่เรารักเป็นคนไม่ดี

    นายว่าอย่างนั้นไหม"

     

     

    ก็เพราะรักอีกสินะ...”

     

     

    คิมจงอินไกวสูงขึ้นและเบนหน้ากลับไปมองตรงๆ ด้วยไม่อยากสบตากับคนตัวเล็กในตอนนี้สักเท่าไรนัก

     

     

    "เหงาหรือเปล่านายอ้ะ"

     

     

    ก็แค่เหงา ไม่ตายหรอก"

     

     

    เออก็จริง"

    กลืนคำว่าเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกันเท่าไรลงคอไป

    มือหนาจิกเข้าด้วยกันอยู่บนสายชิงช้าและภาวนาให้ตัวเองรวบรวมความกล้าให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่เสียที

    "นายยังมีฉันนะไม่ว่าจะยังไง"

     

     

    ชิงช้าอันข้างขวาของจงอินหยุดเคลื่อนไหวแทบจะในทันทีที่ประโยคนั้นสุดลง

    ร่างสูงค่อยๆ ชะลอจังหวะของตัวเองลงบ้างจนไปหยุดอยู่ข้างๆ กัน

    ดวงตาดุดันค่อยๆ หันไปสบตากลมโตของคนตัวเล็ก ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความสงสัย

    และจงอินก็ได้เพียงแต่ขอร้องอยู่เงียบๆ ไม่ให้คนตัวเล็กพูดอะไรก็ตามที่อยู่ในใจของเขาออกมาในตอนนี้

     

     

    นายก็พูดแบบนี้ตลอดสินะ...” อีกฝ่ายพูดกลับมา

    "...แต่ฉันอยากจะขอร้องอะไรนายอย่างนึงได้ไหม"

     

     

    อะไรล่ะ" พยายามรักษาน้ำเสียงให้มั่นคง

     

     

    อย่าเพิ่งชอบฉันตอนนี้เลย...” คยองซูพูดออกมาแผ่วเบาทว่าชัดเจน

     

     

    "...ตอนนี้ฉันยังทำใจไม่ได้ ฉันยังเป็นคนอ่อนแอ...”

    ดวงหน้านั้นก้มลงต่ำเหมือนจะเป็นการลำบากที่จะต้องพูดออกมาเช่นนั้น

    "...ฉันยังไม่รู้ว่าถ้าพี่คริสกลับมาฉันจะตอบเขาว่ายังไง

    และถ้าหากฉันเข้มแข็งผ่านมันไปได้และนายเกิดชอบฉันตอนนี้จริง

    ฉันคงจะชอบนายไม่ยาก...”

     

     

    เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง

     

     

    "...แต่มันก็จะเป็นแค่อารมณ์อ่อนไหวชั่ววูบของฉันเท่านั้น...”

    ดวงตานั้นเป็นประกายเล็กน้อยเหมือนกับจะมีน้ำตาคลอ

    "...เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งชอบฉันเลยนะ

    เพราะฉันไม่อยากทำตัวไม่ดีกับนาย"

     

     

    ราวกับจะมีเข็มสักพันเล่มแทงเข้าไปกลางอกของคิมจงอินหรือไม่ก็มีน้ำเย็นจัดสาดเข้าใส่หน้าเขาอย่างไรอย่างนั้น

    แต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมากไปกว่ายิ้ม

    รอยยิ้มที่เกิดขึ้นเพื่อจะแสดงความเข้าใจให้อีกคนสบายใจแม้ทั้งเนื้อทั้งตัวนั้นราวกับว่าจะหมดแรง

     

     

    ....แล้วจะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไรในเมื่อเขาละเมิดการขอร้องนั้นไปตั้งแต่เมื่อนานแสนนานมาแล้ว...














    TALK



     

    สวัสดีครับ ฟาคุ ฮาคุ (ไอซ์ฮาคุ) ครับ

    หลังจากที่วันก่อนเพิ่งจบเรื่อง ROCK ไป

    มาคราวนี้ก็ขอถือโอกาสอะไรสักอย่างลงอีกสักเรื่องเลยแล้วกันนะฮะ

     

    จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ

    แค่อยากจะบอกว่า

    ขอฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะครับ

    แล้วผมจะเอาฟิคมาฝากเรื่อยๆ ฮะ

     

    ขอบคุณมากครับ

    @ice_haku
     

     

    Minor!
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×