คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1 ฤกษ์ร้าย
ท่ามกลางเสียงดังอื้ออึงที่ฟังแทบไม่เป็นภาษาจากเหล่าหญิงรับใช้ ร่างบอบบางที่ดูผอมแห้งของหญิงสาวผมสั้นสีรัตติกาลผู้แต่งกายอย่างหรูหรานอนหายใจถี่อย่างอ่อนแรง ใบหน้าเรียวเล็กซีดเซียวฉีกยิ้มอย่างอ่อนล้าก่อนที่นัยน์ตาสีดำกลมโตของนางจะปิดลงตลอดกาล
ฮือ...ฮือ.....โฮฮฮฮฮฮ..!!!...
คลื่นเสียงที่แสนโศกเศร้าโหมกระหนํ่าสะท้อนกังวานรอบห้องบรรทมที่ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยอัญมณีและทองคำพราวระยับ
ผู้คนต่างร้องไห้อย่างโศกเศร้าสุดหัวใจกับการจากไปของพระสนม แม้แต่พระมเหสีที่ถูกคิดว่านางคงแอบปิติอยู่ภายใน ก็ทรงกันแสงดั่งเสียสติพระวรกายของราชินีสั่นไหวอย่างหวาดกลัว ด้วยรู้ในสิ่งที่จะตามมาเมื่อเสาหลักแห่งจิตวิญญาณนี้หักลง
“ขะ..ขอแสดงความยิน…ดีด้วยเพค่ะ……พระองค์….ทรง…ได้….ฮืออออ”หญิงรับใช้นางหนึ่งกล่าวถ้อยคำเสียงสะอื้นก่อนคุกเข่าลงแทบพระบาท และทูนพระกายาเล็กๆขององค์ทารกเอาไว้เหนือหัวของตน โดยมีเบื่องหลังเป็นเหล่าข้ารับใช้และทหารหลายร้อยที่คุกเขาลงกับพื้นเพื่อแสดงความเคารพต่อพระโอรสผู้เกิดมาพร้อม ความรักและความหวังจากทั้งองค์ราชาและประชาชน
“ทรงได้…พระ…ธิดา…เพค่ะ…ฮือ!!!!”ใบหน้าของทั้งหญิงชายต่างเปื้อนไปด้วยคลาบนํ้าตา สตรีนั้นนํ้าตานองหน้าอย่างไม่กลัวว่าจะสูญเสียความงามความสง่า บุรุษนั้นร้องไห้สะอึกสะอื้นราวเด็กทารกอย่างไม่กลัวเสียชาติทหาร เพราะมากกว่าการสูญเสียเสาหลักแห่งจิตวิญญาณ คำสาปที่ถูกตีตราลงบนแผ่นดินได้เริ่มเดินอีกครั้งแล้ว
“โอ้….มหาราชา ถึงเวลาจ่ายค่าตอบแทนความต้องการอันแสนละโมบของท่านแล้ว… โปรดส่งมอบพระธิดาน้อนให้แก่ข้าเถิด” ชายร่างสูงในชุดคลุมสีดำกล่าวอย่างเยือกเย็นโดยไม่สนใจในสายตา วิงวอน หวาดกลัว หรือเกลียดชังที่ถูกเหล่าบริวารและพ่อขององค์ทารกผู้ถูกเยินยศว่าเป็นมหาราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนแม้แต่น้อย ทั้งยังกล่าวต่อไปอย่างเหยียดหยามและดูถูกอีกว่า
“โถ่มนุษย์เอ๋ย…โปรดอย่าได้กังวลหรือตามหาเลย ข้าจะไม่ฆ่านางแน่นอนจะดูแลอย่างดี …...”ชายน่ารังเกียจกรีดรอยยิ้มมุมปากชวนขนลุกอย่างสยอดสยอง“ไม่ต้องให้ออกมาต้องแสงเดือนแสงตะวันอีกเลย!!! ฮ่า ฮ่า ฮ้า!!!!”
.
.
.........ผู้คนเรียกขานนามของข้าว 'ออโรร่า' นามของเจ้าหญิงที่ซักวันจะกลับมา……..
และนี่ล่ะคือวันที่ข้าเกิด..
..
...
...
-------------
สิบแปดปีตามกาลเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ประชาชนไม่เคยได้พบพระธิดาองค์น้อยของพวกเขาอีกเลย
ทว่าหากกล่าวถึงเขตแสนไกลนอกพื้นที่แห่งราชอาณาจักรที่แสนเจริญรุ่งเรื่อง สู่ป่าลับแลแห่งความตายแสงแดดยามสายสะท้อนสีเขียวขจีเป็นประกายจากหยดนํ้าเล็กๆที่เกาะบนใบของราเฟิร์นซึ่งปกคลุมทั่วผืนดิน รากไม้ปอมเปอร์ยักษ์สีนํ้าตาลดูอวบอ้วนถูกปูทับด้วยพรมสีเขียวสดคืบคลานไปตามพื้นป่าจนดูเปรียบเสมือนดินแดนจากต่างมิติ เสียงนกแก้วเกอร์กิเลิอสีทองหายากขับกล่อมบทเพลงหวานที่ฟังดูทุ้มตํ่าจนผู้ฟังเสียวสันหลังวาบ และในบริเวณเดียวกัน ณ พุ่มใบไม้แหลมเตี้ยสีเขียวของต้นหนามมังกรดิน ฝูงจินเจอร์แคระที่ตัวเล็กกระจั้อยจนแทบมองไม่เห็นกระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนานพร้อมขับกล่อมร้องเพลงเสียงประหลาดที่ฟังดูแปลกหู
”พ่อมดมหาจอมเวท”…
“พ่อมดแห่งความโชคร้าย”…..
“เจ้าหญิงอยู่ในอันตราย ผู้กล้ามากมายยอมตายเพื่อนาง”….
“นัยน์ตาสีนํ้าทะเล เรือนผมทองเกอร์กิเลอผิวนวลดุจหิมะ ขอผู้กล้าโปรดช่วยเหลือนาง” ….
“เจ้าหญิงผู้น่าสงสาร เจ้าหญิงอยู่ในอันตราย ผู้กล้ามากมายยอมตายเพื่อนาง..โปรดช่วยเหลือนาง โปรดช่วยเหลือนาง”….
ขบวนแถวจินเจอร์นับสิบตนขับร้องซํ้าไปมา พร้อมหมุนตัวเต้นรำไปรอบๆ พลางขยับเท้าซ้ายขวาในจังหวะเดียวกัน รองเท้าไม้โอ๊คสีนํ้าตาลแก่ขนาดใหญ่ที่ดูไม่สมส่วนกับพวกเขากระแทกกันเป็นเสียงจังหวะ กึก กัก ตึก ตัก ตามทำนองดนตรี จนทำให้จินเจอร์ชราที่นั่งมองอยู่บนยอดใบเฟิร์นหัวเราะร่าในความขบขันของเหล่าลูกหลาน ก่อนสูบซิการ์หญ้ามอสสีทองที่มีกลิ่นฉุนกึกขนาดเล็กเพียงปลายเข็มอย่างสบายอารมณ์
ด้วยร่างอันอ้วนท้วนของตาแก่ในตอนนี้คงไม่อาจดูออกเลยว่าครั้งหนึ่งเคยได้รับการเยินยศอย่างเลิศหรูว่าเป็นหัวหน้านักรบจินเจอร์ แห่งราชอาณาจักร ผู้เป็นแนวหน้าบุกเข้าต่อสู้ทะลวงทัพศัตรูมามากมาย ใบหน้ายามชราตอนนี้ของตาเฒ่าเบ่งบานแดงกํ่าดั่งผิวมะเขือสุก ฉีกยิ้มแป้นพร้อมยกโหลไม้ฟิตเปิตที่ ภายในบรรจุไปด้วยนํ้าหวานจากดอกแสงอาทิตย์ที่มีฤทธิ์ทำให้มึนเมาได้ง่ายๆหรือก็คือแอลกอฮอล์ดีๆนี่เองขึ้นเสมอริมฝีปาก
ทว่ายังไม่ทันที่นํ้าหวานรสเลิศจะไหลลงคอ ตาเฒ่าจินเจอร์ก็ถึงกับถลึงตาอย่างตื่นตระหนกเมื่อพบกับร่างอันใหญโตของมนุษย์ชายเดินดุ่มๆบุกเข้าพื้นป่า
ตึก!! ตึก!....
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงของขบวนมนุษย์กระแทกกับก้อนหินเสียงดัง อื้ออึง จนบรรดาสัตว์ภายในป่าต่างเงียบเสียงลงด้วยความประหลาดใจในสิ่งมีชีวิตแปลกหน้า นานมากแล้วที่พวกมันไม่ได้พบเห็นมนุษย์ มีมนุษย์น้อยคนจริงๆที่จะกล้าเหยียบเท้าเข้าสู่ดินแดนป่าลับแล แต่นี่ก็อาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีของการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยก็เป็นได้……
“จินเจอร์สินะ เป็นอย่างที่ได้ยินจริงๆด้วย พวกจินเจอร์ยังไม่สูญพันธุ์ ยอดเยี่ยมจริงๆเข้าป่าได้ไม่นานก็ได้พบจินเจอร์แล้ว”
เสียงแหลมเล็กไม่เข้ากับร่างกายที่ดูเทอะทะของชายอ้วนร่างเตี้ยผิวสีนํ้าตาลเข้มกล่าวด้วยใบหน้าแป้นแล้น บ่าซ้ายของเขาสะพายดาบเล่มใหญ่ขนาดมหึมาเอาไว้ แค่เพียงทอดสายตาคราบเลือดที่แห้งติดอยู่ก็พอจะทราบได้ว่าดาบนี้ไม่ได้มีดีแค่ขู่
“ข้าได้ยินเสียงเพลงของพวกท่าน ข้าคิดว่าพวนท่านคงจะรู้เส้นทางนะ ช่วยบอกได้ไหม ทางไปหอคอยพ่อมดแบล็คน่ะ”
ชายตัวสูงผิวขาวท่าทางดูดีมีตระกูลอีกคนกล่าวด้วยใบหน้าเป็นมิตรพร้อมมองไปทางจินเจอร์เฒ่า ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้นำของคณะนักเดินทางเหล่านี้ ด้วยประสบการณ์มากมายของตาเฒ่าเค้ารู้ได้ทันที่ว่านี่ไม่ใช่คณะเดินทางธรรมดาๆเหมือนที่เคยมีมา
จินเจอร์มักขับร้องเพลงแต่บทเพลงของพวกเขามีฤทธิ์ก้องกังวานไปทั่วป่า ทว่ามนุษย์ธรรมดาถึงจะได้ยินเสียงเพลงเหล่านี้ก็ไม่อาจหาตัวพวกเค้าที่ขนาดเล็กเพียงเมล็ดข้าวสาลีได้ง่ายๆกล่าวคือมนุษย์ชายผู้นี้มีประสาทรับรู้ที่ดีกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่านัก
“ได้สิ เพื่อเป็นรางวัลที่ท่านหาพวกข้าพบ ข้าจะบอกทางแก่พวกท่านเอง”
จินเจอร์ชราตอบยิ้มๆก่อนกระดกโหลไม้ฟิตเปิตเพื่อดื่มนํ้าหวานอึกโตอย่างหรรษา นามมากแล้ว นามมากจริงๆที่ไม่ได้พบปะมนุษย์ ดูซิว่าคณะนักเดินทางเหล่านี้จะสามารถจบตำนานของเจ้าหญิงแห่งหอคอยลับแลได้หรือไม่กัน….
" ฮา ฮ่า โอ้!!เจ้าชายข้าว่าฝีมือระดับท่าน อย่าว่าแต่พญามังกรสี่ทิศเลย ต่อให้จะมีจอมมังกรสิบตนหรือทั้งทัพ ท่านก็คงจัดการได้ไม่ยาก!!!"ชายร่างอ้วนหันมากล่าวอย่างโอ้อวดในตัวผู้เป็นนายด้วยเสียงแหลมดังแสบหูผู้ฟัง ทว่าองค์ชายผู้ถูกกล่าวถึงกลับไม่ได้แสดงอาการดีใจใดๆ แต่กลับหุบรอยยิ้มของเค้าและหันมากล่าวแก่ชายร่างอ้วนด้วยเสียงอันเยือกเย็นจนชายผู้ฟันขนลุกชัน
"เงียบเถิดไนซัส..ความโอ้อวดของเจ้า จะทำให้งานใหญ่ของเราพัง..."องค์ชายผู้สงบนิ่งเอ่ย...
.
.
.
.
ทุกอย่างกำลังจะเริ่ม ...หึหึ..ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิทานของข้า.......นิทาน จากเรื่องราวของข้า……………
...
-------------------------------------------------
+
ความคิดเห็น