คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
Intro…
“ขอโทษด้วยครับ ขอทางหน่อยครับ ขอโทษครับ”
“เดี๋ยวสิคะคุณ ช่วยอธิบายภาพที่ออกมานิดนึงสิคะมีคนรอฟังความจริงอีกมากนะคะ”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นครับ ขอโทษด้วยครับ”
.
.
.
พรึ่บ!!
ภาพความเคลื่อนไหวบนหน้าจอสี่เหลี่ยมดับมืดสนิทลงด้วยฝีมือของชายวัยกลางคนที่ทนดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าต่อไปไม่ไหส รีโมททีวีตัวยาวถูกวางลงอย่างพยายามสะกดกลั้นความโมโหที่กำลังพลุ่งพล่าน หากแต่อีกหลายชีวิตในห้องกลับสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดก้อนใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ภาพของชายหนุ่มท่าทางเร่งรีบที่กำลังบอกปัดนักข่าวและสื่อจำนวนมากมายที่รุมล้อมตัวเขาเอาไว้ดับลงพร้อมกับเม็ดเหงื่อและบรรยากาศของความตึงเครียดที่เข้ามาแทนที่ ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อโค้ทสีน้ำตาลตัวโคร่งนั่งตัวตรงแข็งเกร็งอยู่บนโซฟาตัวหนาทางซ้ายมือของโต๊ะสี่เหลี่ยมใบใหญ่กลางห้อง ใบหน้าขาวใสก้มมองพื้นตรงหน้างุดราวกับรู้ได้ว่าในอีกไม่กี่นาทีถัดมาต้องเกิดฟ้าผ่าขึ้นกลางห้องสี่เหลี่ยมนี้แน่นอน และเขาจะคงไม่เครียดขนาดนี้หากชายหนุ่มที่อยู่ในรายการข่าวบันเทิงรอบดึกคือตัวเขาเอง ห้องทั้งห้องเงียบกริบราวกับไม่มีใครอยู่ ทั้งที่ประชากรราวสามถึงสี่คนนั่งหัวโด่จนเขาเองรู้สึกอึดอัดไปหมด
“ฉันต้องการคำอธิบาย” ชายวัยกลางคนในชุดสูทราคาแพงท่าทางภูมิฐานขยับตัวลุกจากเก้าอี้ใหญ่หลังโต๊ะทำงานเดินตรงหยุดลงตรงหน้าชายหนุ่มที่ยังคงก้มหน้าก้มตาต่อไป เสียงเข้มเอ่ยถามราบเรียบหากแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่ทำเอาคนฟังถึงกับขนลุกชัน
“....................” หากแต่ยังคงมีเพียงความเงียบที่กลายเป็นคำตอบ ไม่ใช่เขาไม่อยากตอบหรือพูดอะไรออกไปบ้างแต่น้ำหนักความกดดันที่กำลังกดทับลงมามันยากมากเกินกว่าจะเอ่ยปากอะไรออกไป
“ฉันบอกว่าฉันต้องการคำตอบยังไงละนิชคุณ!!!” เสียงตวาดดังลั่นราวกับฟ้าผ่าทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นได้อย่างราบคาบ มือหนาเอื้อมคว้าคอเสื้อชายหนุ่มก่อนจะออกแรงกระชากอย่างแรงจนร่างทั้งร่างลอยติดมือตามขึ้นมา
“พ่อครับใจเย็นสิครับ”
“ท่านประธานคะใจเย็นค่ะ”
“ใจเย็นๆ แล้วค่อยคุยกันดีกว่านะครับพ่อไอ้คุณมันก็ไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอก ปล่อยก่อนเถอะพ่อ” ชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งนิ่งมานานขยับเข้ายื้อยุดพ่อตัวเองเอาไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวของเขาในห้องกำลังจะถูกพ่อของตนเองจับเหวี่ยงลงไปกองอยู่กับพื้นในอีกไม่กี่นาที พลางตวัดสายตาขอความช่วยเหลือจากผู้จัดการสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างร้อนใจ
“พวกแกเงียบไปเลย ไม่ต้องมายุ่ง!!!” ชายวัยกลางคนหันกลับไปตวาดเสียงดังลั่นอย่างน่ากลัว ใบหน้าเครียดเขม็งด้วยความโมโห
“แต่ว่าพ่อครับ”
“ฉันบอกให้แกเงียบไงแทคยอน ฉันไม่ได้ถามแกฉันถามไอ้ลูกหมานี่ถ้ามันทำมันก็ต้องกล้ารับสิ...ใช่ไหมนิชคุณ” ดวงตาวาวโรจน์จ้องมองใบหน้าใสของชายหนุ่มนามนิชคุณที่บัดนี้ซีดเผือดเป็นกระดาษขาวในมือย่างเอาเรื่อง หากแต่นิชคุณเองก็ยังคงความเงียบเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
“นายนี่มันยังมีความเป็นลูกผู้ชายเหลืออยู่อีกไหม ทำไมกล้าทำแล้วถึงไม่กล้ายอมรับลูกฉันมันเป็นผู้หญิงมันเสียหายกว่าแกตั้งหลายเท่านะนิชคุณ”
“ผะ ผะ ผม...ผมขอโทษครับ”
“กะ แกนี่มัน” มือหนากำแน่นง้างยกขึ้นสูงสุดแรงหากแต่มันกลับค้างอยู่ท่านั้น แขนทั้งแขนสั่นระริกด้วยความโมโห อยากจะซัดคนตรงหน้าจับใจหากแต่ความเอ็นดูที่เคยมีให้กลับทำให้ใจอ่อนเกินไปจนไม่กล้าพอทีจะลงไม้ลงมือ ทำได้เพียงเหวี่ยงร่างทั้งร่างนั้นให้ตกลงบนโซฟาอย่างแรง
น้ำใสเอ่อคลอรอบดวงตาสีเข้มจนพร่ามัว ไม่ได้กลัวเจ็บไม่ได้กลัวว่าจะโดนทำร้ายหากแต่กลัวความอ่อนแออันแสนงี่เง่าของตัวเองที่ไม่กล้ายอมรับผิดในสิ่งที่เดินล่วงล้ำเข้าไป ใบหน้าขาวใสก้มซุกนิ่งอยู่ภายใต้ฝ่ามือปล่อยให้สายน้ำร่วงไหลอย่างไร้คำพูดและการต่อต้าน ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างไร้การปกป้อง หากโดนท่านประธานซัดเข้าสักทีสองทีเขาอาจจะรู้สึกดีได้มากกว่าตอนนี้ที่เป็นอยู่ ความใจอ่อนของอีกคนที่แสดงออกทำเอาเจ็บจนจุกไปทั้งใจ อยากจะหายตัวไปเสียตอนนี้ หายไปให้ไกล ไกลมากพอที่คนเหล่านี้จะลบเลือนภาพและเรื่องราวของเขาให้หายไปจนหมดสิ้น
“ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ฟานี่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” เสียงขอโทษสั่นสะอื้นจนคนฟังสะท้อนใจ นัยน์ตาคมเข้มหลับปิดตัวอย่างรู้สึกผิด ในตอนนี้เวลานี้ไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรเขาก็พร้อมแล้วที่จะยอมรับมันทุกอย่าง ขอแค่ให้ทุกอย่างมันจบลงเสียที
“ยูริพรุ่งนี้จัดการหาผู้จัดการใหม่มาดูแลฟานี่ด้วยนะ ส่วนแทคยอนแกจัดการเรื่องข่าวทั้งหมดที่ออกมาให้เรียบร้อยซะ” ประธานฮวังเอ่ยปากสั่งการบุคคลที่สามและสี่ในห้องให้จัดการเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนจะขยับสูทให้เข้าที่โดยไม่เอ่ยพูดถึงหนึ่งหนุ่มที่นั่งกองอยู่บนพื้นกลางห้องแม้แต่นิดเดียว น้ำเสียงที่เรียบนิ่งบอกถึงการตัดสินใจอันเด็ดขาดที่ทุกคนต้องยิมรับ เพราะหากเทียบกับเรื่องที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มต้องถือว่าเขาโชคดีไม่น้อยที่โดนทำโทษแค่นี้ โชคดีแค่ไหนแล้วที่ท่านประธานไม่เอาเรื่องที่เขากล้าไปล่วงเกินลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงหนึ่งเดียวของเขา ลูกสาวหัวแก้วหัวแว่นที่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นดาวดวงใหม่แห่งวงการบันเทิง
.
.
.
ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของร่างบางตรงหน้าด้วยหัวใจพองโต รอยยิ้มที่ฉายชัดไปทั้งปากและดวงตาของคนตรงหน้าทำเอาโลกทั้งโลกสดใสจนยากเหลือเกินที่ห้ามตัวเองไม่ให้มองแล้วยิ้มตาม ความน่ารักสดใสและเป็นกันเองของร่างบางคงเป็นเสร่ห์ที่ทำให้คนเกือบค่อนประเทศรวมถึงตัวเขาตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้แบบโงหัวไม่ขึ้น จากคนธรรมดากลับกลายเป็นนางฟ้า จากคนธรรมดากลับกลายเป็นนักร้องชื่อดังที่ไม่มีคนรู้จัก แต่เพียงสิ่งเดียวที่เขามองเห็นมาตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนผู้หญิงตรงหน้าเขาก็ยังคงเป็นเพียงเด็กน้อยที่แสนไร้เดียงสาเสมอมา ความไร้เดียงสาที่อดไม่ได้ต้องเผลอตามใจทุกครั้งไป
“เลอะหมดแล้วนะคะ ระวังหน่อยสิฟานี่เราเป็นไอดอลแล้วนะระวังปาปารัสซี่เก็บภาพนี้ได้นะน่าเกลียดตายชัก”
“เลอะแล้วก็เช็ดให้หน่อยสิคะ” ร่างบางแสนทะเล้นยื่นหน้ายื่นตาเข้าหาอีกคนอย่างออดอ้อนพร้อมสายตาวิงวอนอย่างน่ารัก
ชายหนุ่มทำคิ้วขมวดย่นเข้าหากันเมื่อเห็นภาพร่างบางตรงหน้ากินไอศครีมจนหกเลอะเทอะ อดไม่ได้ที่จะแกล้งทำเสียงเข้มดุอีกคนจนหน้ามู่ ก่อนจะยื่นกระดาษทิชชู่ออกไปซับคราบไอศกรีมที่ติดอยู่ตรงข้างแก้มก่อนจะแอบหยิกแก้มอีกคนอย่างนึกหมั่นไส้ หากแต่ต่างคนต่างรู้ดีว่าในคำขู่และการกระทำเหล่านั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายหรือความรู้สึกที่ไม่ดีอะไรทั้งนั้นและทุกครั้งก็ต้องจบลงด้วยเสียงหัวเราะอย่างตลกขบขันที่ทำเอาคนผ่านไปผ่านมาอดยิ้มตามไม่ได้
“ฟานี่คะอีกสามชั่วโมงงานจะเริ่มแล้วนะพี่ว่าเราไปกันเถอะเดี๋ยวจะไม่ทัน” ชายหนุ่มพลิกดูนาฬิกาบอกเวลาบนข้อมือก่อนเอ่ยปากเตือนร่างบางที่ต้องไปออกงานโชว์ตัวที่ตึกฝั่งตรงข้าม แค่เขายอมตามใจพาเธอออกมาหาไอศครีมทานจนเวลาล่วงเลยมาขนาดนี้ก็มากพอที่จะทำให้เขาโดนท่านประธานดุได้พออยู่แล้ว แต่ถ้าขืนเขาพาเธอกลับเข้าไปไม่ทันมีหวังเขาได้ตกงานแน่
“โธ่...พี่คุณอย่าเพิ่งไม่ได้เหรอฟานี่ยังทานไม่เสร็จเลยนะคะ”
“ไม่ได้ค่ะลุกเลยนะ!!”
“อย่ามาทำดุฟานี่เหมือนผู้จัดการคนอื่นเลยนะฟานี่ไม่กลัวหรอก พี่คุณไม่เห็นจะน่ากลัวสักนิด แบร่!!” ร่างบางแกล้งทำหน้างออย่างไม่พอใจที่โดนผู้จัดการหนุ่มส่วนตัวทำเสียงเข้มเข้าใส่ แต่มีเหรอที่คนอย่างทิฟฟานี่จะกลัวเพราะเธอรู้ดีว่าสุดท้ายผู้จัดการหนุ่มคนนี้ของเธอก็ต้องยอมตามใจเธออยู่ดี ที่เธอยอมทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่ายเพราะไม่อยากให้เขาต้องมาเดือดร้อนเพราะเธอต่างหากละ
“พี่คุณเสร็จงานวันนี้แล้วฟานี่อยากไปช็อปปิ้ง...นะคะๆๆๆ” ชายหนุ่มหันกลับไปมองหน้าร่างบางข้างตัวอย่างตกตะลึง ดูเหมือนร่างบางช่างสรรหาข้อเรียกร้องที่ดูจะสร้างความปวดหัวให้เขาอีกแล้วสินะ แถมมาทำหน้าทำตาออดอ้อนแบบนี้....
ใครมันจะไปปฏิเสธได้ลงกันละ.....
“ครับๆๆๆ หมดงานนี้แล้วก็หมดตารางงานแล้วแต่ห้ามกลับดึกนะพรุ่งนี้บ่ายมีงาน”
“โอเคค่ะ...พี่คุณน่ารักที่สุดในโลกเลย”
แขนแกร่งถูกร่างบางฉกชิงไปโอบกอดเอาไว้แนบแน่นก่อนจะพากันข้ามถนนไปยังตึกฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว สัมผัสของความใกล้ชิดที่ได้รับทำเอาหัวใจที่พองโตอยู่แล้วเมื่อได้อยู่เคียงข้างกลับพองโตมากกว่าเดิมจนแน่นคับไปทั้งอก สุขจนเก็บอาการแทบไม่อยู่ สุขไปทั้งหน้าทั้งหัวใจรู้ดีว่าไม่ควรคิดเกินเลยไปมากกว่าการเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่ความหอมหวานของความสุขเป็นสิ่งน่ากลัวที่ชอบมาเย้ายวนจนอดเผลอใจตามเกือบทุกครั้งรวมถึงครั้งนี้ในตอนนี้ ที่เขาถือสิทธิ์เดินจูงมือเกาะเกี่ยวแขนอีกคนอย่างใกล้ชิดและสนิทสนมมากเกินกว่าคำว่านักร้องกับผู้จัดการส่วนตัว ภาพความสนิทสนมอันน่ารักอาจทำให้ใครหลายคนรอบข้างมีความสุขจนเผลอยิ้มตาม ทำให้ใครหลายคนแทบสำลักตายในความหวานแหววที่เกิดขึ้นจนลืมตัวไปว่าพวกเขาเป็นคนสาธารณะลืมไปว่ามีสายตาอีกหลายร้อยพันคู่จ้องมอง...ลืมไป
ลืมไปว่ามีดปลายแหลมจากมุมมืดที่มองไม่เห็นรอคอยจังหวะที่จะทิ่มแทงพวกเขาอยู่ตลอดเวลา....
แชะ แชะ แชะ......
เสียงรัวชัตเตอร์ถี่ยิบราวกับลืมหายใจดังออกจากมุมมืดของตึกไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็นและไม่มีใครได้ยิน กล้องราคาหลายแสนพร้อมเลนส์ซุมขนาดยาวลดระดับลงเผยให้เห็นรอยยิ้มพออกพอใจของเจ้าของ ภาพล้ำค่าที่กำลังจะกลายเป็นแหล่งเงินแหล่งทองของเขาถูกบันทึกเอาไว้อย่างเรียบร้อย ช่างกล้องก้มลงมองอุปกรณ์คู่ใจกับภาพน่ารักหวานแหววของไอดอลสาวตรงหน้าสลับไปมาอย่างมีความสุข
“ขอบคุณนะทิฟฟานี่ภาพความสุขของเธอกำลังจะทำให้ฉันมีกินมีใช้ไปได้อีกหลายเดือนเลยเชียวละ” แว่นตาดำกรอบเหลี่ยมสวมทับ
กลับลงบนใบหน้าพร้อมอุปกรณ์ถ่ายภาพที่ถูกเก็บลงใส่กระเป๋าอย่างเบามือ ขายาวก้าวตามเป้าหมายสองคนตรงหน้าอย่างเว้นระยะหากแต่ทุกอย่างยังคงอยู่ในสายตา....
.
.
.
เสียงรัวชัตเตอร์พร้อมแสงแฟลชนับร้อยดังสะท้อนกระทบแสงจากหลอดไฟในสนามบินจนแสบตา มือเรียวยกหยิบแว่นกันแดดประจำตัวขึ้นสวมทับใบหน้าพร้อมขยับผ้าพันคอผืนหนาให้ปิดบังใบหน้าของตัวเองให้มากที่สุดก่อนจะต้องก้าวผ่านพ้นประตูผู้โดยสารขาออกไปเผชิญกับกองทัพสื่อและนักข่าวที่ตามรอยและกลิ่นเรื่องอื้อฉาวประจำของเธอที่เพิ่งหลุดออกมาอีกครั้ง รู้ดีว่าตัวเองยืนอยู่ในที่สว่างต้องยอมรับข้อซักถามและทุกคำกล่าวหาคำแนะนำติเตียนที่เกิดขึ้นแม้จะยากเพียงใดก็ตาม ลมหายใจถูกสูดเข้าลึกจนเต็มปอดก่อนขยับตัวเองให้เข้ายืนในจำแหน่งด้านหลังบอดี้การ์ดร่างสูง
แชะ แชะ แชะ แชะ!!!
“รูปที่หลุดออกมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับทิฟฟานี่”
“เป็นเรื่องจริงใช่ไหมครับที่คุณกับผู้จัดการส่วนตัวมีความสัมพันธ์กัน”
“พอครับ พอครับ...พอครับ ไม่มีอะไรทั้งนั้นขอทางด้วยครับ” บอดี้การ์ดร่างใหญ่ใช้ตัวเองบังหญิงสาวร่างบางจากกล้องและแสงแฟลชนับร้อยที่ถาโถมเข้าหาพร้อมตวาดห้ามเสียงดังลั่นเซ็งแซ่ เหล่าทีมงานและสตาฟจำนวนมากพยายามใช้ร่างของตัวเองดันเพื่อเปิดเป็นทางเดินไปสู่รถตู้คันใหญ่ที่จอดรอรับร่างบางอยู่ด้านนอก หากแต่ด้วยจำนวนคนที่มากมายเกินไปทำให้เส้นทางที่ดูเหมือนจะไปถึงนั้นช่างยากลำบากเหลือเกิน
“พวกคุณสองคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงขั้นไหนกันแล้วครับคุณทิฟฟานี่...ช่วยตอบคำถามด้วยครับ”
“จริงหรือเปล่าคะที่ว่าพวกคุณสองคนย้ายมาอยู่กินด้วยกันแล้ว”
ข้อคำถามร้อยแปดพันเก้ามากมายดังเข้ากระทบโสตประสาทจนน้ำตาที่ทนกลั้นเอาไว้ตั้งแต่เกิดเรื่องแทบกลั้นต่อเอาไว้ไม่อยู่แม้จะพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกมากเท่าไหร่แต่ถ้อยคำถามอันแสนโหดร้ายที่ดูจะเกินความเป็นจริงมากเกินไปจนบางครั้งฟังดูน่ารังเกียจทำเอาน้ำใสเอ่อคลอเต็มสองเบ้าตา หากไม่มีแว่นกันแดดสีดำคอยบดบังเอาไว้ทุกคนในทีนี้คงเห็นความอ่อนแอที่พังทลายลงไม่เป็นท่าของเธอ
มือเรียวสวยกำรูปภาพของเธอกับผู้จัดการหนุ่มตอนถูกแอบถ่ายที่ลานจอดรถแน่นจนยับยู่ยี่เป็นรอย ไม่เคยคิดเลยว่าอารมณ์ชั่ววูบกับสัมผัสหอมหวานที่ได้รับจะพาเอาความเดือดร้อนมากมายมาสู่ตัว กลายเป็นข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งทุกฉบับของหนังสือพิมพ์บันเทิง หัวข้อถกประเด็นร้อนตามโซเชียลเนตเวิร์ค ส่งผลให้ตารางงานมากมายที่ถูกกำหนดไว้ถูกยกเลิกอย่างกระทันกัน
“ฉาวอีกครั้ง!! ไอดอลสาวทิฟฟานี่ควงผู้จัดการหนุ่มจุมพิตกลางลานจอดรถห้างดัง...ไอ้พวกนี้มันไม่มีอะไรจะเขียนกันแล้วหรือไงนะ” ชายหนุ่มร่างสูงด้านหน้าสบถออกมาอย่างหัวเสียหลังก้มอ่านข้อความในหนังสือพิมพ์บันเทิงรายวันที่เขียนเล่นข่าวพาดพิงถึงน้องสาวของตัวเองกับผู้จัดการหนุ่มไม่เลิกไม่รา มือหนาขยำหนังสือพิมพ์ในมือทิ้งด้วยความโมโห
เพียะ!!
“โอ้ยยูริเธอมาตีฉันทำไมเนี่ย...”
“หัดหุบปากซะบ้างสิแทคยอนพูดอะไรไม่ได้ดูเวลาล่ำเวลา” หญิงสาวหันมาจ้องชายหนุ่มเขม็งอย่างเอาเรื่องก่อนจะพยักเพยิดให้มองร่างบางเจ้าของกระทู้ที่เอนหลังพิงนอนลงอย่างเหนื่อยล้า เปลือกตาสองข้างปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อนเต็มที่ทั้งตารางงานก่อนหน้าที่แน่นเอี๊ยดจนแทบไม่ได้ขยับตัว ทั้งข่าวฉาวมากมายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำเอาแรงจะยืนแทบไม่เหลือ
“พี่แทคพี่คุณอยู่ไหนเหรอทำไมวันนี้พี่คุณไม่ตามมารับฉันที่สนามบินด้วยละ” ร่างบางเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาอย่างอ่อนล้า หากแต่ความเงียบที่กลายมาเป็นคำตอบของความสงสัยกับแววตาที่มองสลับกันไปมาด้วยความกังวลใจทำเอาร่างบางต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่งมองด้วยความสงสัย
“มันเกิดอะไรขึ้นพี่แทค ยูริ...ฉันถามว่าพี่คุณไปไหนทำไมไม่มารับฉันเขาเป็นผู้จัดการฉันนะ”
“............................”
“พี่แทค!!!” เสียงหวานตวาดดังลั่นด้วยความร้อนใจยิ่งเห็นท่าทางเลิ่กลั่กอย่างลังเลใจของพี่ชายกับคอสตูมสาวส่วนตัวยิ่งกลัวหนักมากกว่าเดิมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอีกคน มือเรียวสวยตรงเข้าคว้าคอเสื้อพี่ชายจากทางด้านหลังก่อนออกแรงเขย่าอย่างแรงจนร่างทั้งร่างของแทคยอนโยกไปมา
“ฉันถามว่าพี่คุณไปไหน!!!”
“ฟานี่ใจเย็นก่อนสิฟังพวกเราอธิบายก่อนนะ” ยูริพยายามเอ่ยร้องห้ามฟานี่แต่ดูเหมือนจะยากลำบากเหลือเกินในเมื่อหนึ่งมือเธอต้องคอยประคองพวงมาลัยอีกหนึ่งมือต้องคอยดึงห้ามหญิงสาวเอาไว้
“พอได้แล้วฟานี่!! ไอ้คุณมันไปแล้วได้ยินไหม มันไปแล้ว!!”
“ไป??...ไปไหน พี่คุณไปไหนพี่แทค” แทคยอนเบือนหน้าหนีออกนอกหน้าต่างอย่างอดกลั้น เขารู้ดีว่าหากน้องสาวเขาต้องรู้เรื่องเข้ามีหรือที่เธอจะไม่เจ็บปวด ถึงภายนอกจะเป็นเพียงแค่ไอดอลกับผู้จัดการส่วนตัวถึงจะไม่เคยแสดงออกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ไปมากกว่านั้น แต่ทั้งคู่และเขารวมถึงยูริรู้ดีว่าภายในใจของสองคนนี้รู้สึกกันอย่างไร และเขาเองที่มองเห็นทุกอย่างมาตลอดมีเหรอที่จะไม่จำปวดที่เห็นน้องสาวและเพื่อนรักของตนเองต้องเจ็บปวดแบบที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
“ไปแล้วละฟานี่...ไปเพื่อช่วยทุกคนไปเพื่อให้เรื่องทุกอย่างมันจบลง”
..............................................................................................................
Talk: ความจิ้นส่วนตัวพอมีข่าวเลยอยากแต่งเท่านั้น ต่อมจิ้นระเบิดโอเค.....ฝากตัวด้วย #กราบงามๆ
TO BE CONTINUE ^^
ความคิดเห็น