ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพบุตรสองเงา

    ลำดับตอนที่ #1 : วันแรกที่พบกัน

    • อัปเดตล่าสุด 20 มิ.ย. 56


              เสียงเจี๊ยวแจ๊วที่กำลังสนุกกับเครื่องเล่นดังขึ้น เมื่อเด็กกลุ่มนึงเล่นวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน กุลินเงยหน้าจากหนังสือแอบขำรู้สึกสนุกกับเด็กๆ ไปด้วย ที่นี้คือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่หล่อนอยู่มาตั้งแต่เด็ก เป็นบ้านที่รู้สึกอบอุ่นอยู่เสมอ ปีนี้หล่อนจะอายุ 18 ปี ตามกฏแล้วหล่อนต้องย้ายออกจากบ้านแห่งนี้ อยู่อยู่ความคิดนี้ก็แว่บเข้าในสมอง รอยยิ้มหุบลงฉับพลัน เสียงลมหายใจกระแทกเบาๆ ลอดยาว สายตาทอดยาวไปไกลผ่านเด็กๆ หล่อนรู้สึกใจหายบอกไม่ถูกที่ต้องจากบ้านหลังนี้ไป
              "กุลิน...มาอ่านหนังสือตรงนี้นี่เอง"
              เสียงคุ้นเคยทำให้หล่อนหันไปยิ้มก่อนที่จะมองหน้าด้วยซ้ำ ครูขนิษฐานั่นเอง หญิงวัยกลางคนรูปร่างผอมสูง ถือหนังสือพรุงพรังจนแทบร่วงเดินเข้ามาหา ครูส่งยิ้มกว้างมาแต่ไกล น้ำเสียงเป็นคนอารมณ์ดี สนุกสนาน ทำให้คนที่อยู่ใกล้มีึความสุขและอบอุ่น
              กุลินรีบวางหนังสือลุกขึ้นจากที่นั่งปูนข้างระเบียง เข้าไปช่วยถือหนังสือทันที
              "จะขนหนังสือไปเก็บเหรอค่ะ ครู"
              "จ๊ะ... ครูจะเอาหนังสือที่เค้าบริจาคนี้ ไปไว้ในห้องสมุด" 
              "น่าอ่านทั้งนั้นเลยนะคะ หนังสือการ์ตูนพวกนี้ ใครบริจาคมาเหรอค่ะ... ท่าทางใจดีจัง เอาหนังสือมาให้ตั้งเยอะแยะ"
              "ก็คุณจินดา ผู้อุปการะคุณรายใหญ่ของเรานั่นแหละ ท่านใจดีมากเลย คอยบริจาคปัจจัยต่างๆ ให้กับเราเป็นประจำ"
              "ค่ะ... หนูได้ยินชื่อท่านบ่อยนะคะ แต๋ไม่เคยเห็นท่านสักที" 
              "ท่านไม่อยากเป็นข่าว บริจาคไม่ประสงค์ออกนามด้วยซ้ำ นี่ก็รู้กันเฉพาะภายในนี่แหละ ท่านต้องการทำบุญโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน"
              "แล้วที่ครูเรียกหนูเมื่อกี้ มีอะไรรึเปล่าค่ะ" 
              "อืม...ใช่ลืมไปเลย" ครูขนิษฐาเน้นเสียงดังตกใจ จนหล่อนเผลอตกใจไปด้วย ครูมักจะตกใจกับทุกเรื่องแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่าไรก็ตาม บางครั้งจะดูลนลานไปบ้าง 
              "ก็เรื่องที่กุลินต้องย้ายออกไปจากที่นี้ไง หนูมีที่ไปรึยัง" ครูยิงคำถามที่หล่อนกลุ้มใจอยู่ แม้จะวางแผนในอนาคตเอาไว้บ้าง แต่ก็อดที่จะใจหายไม่ได้
              "ตอนนี้หนูได้ทุนเรียนที่มหาวิทยาลัยวินเทอร์ เค้าให้ทุนเรียนและอุปกรณ์การเรียน แต่สำหรับที่พัก ค่าเสื้อผ้า ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายจิปาถะ ต้องออกเอง" กุลินเอ๋ยถึงมหาวิทยาลัยวินเทอร์ มหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียง แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ระบบการเรียนนานาชาติ และเป็นที่ยอมรับในระดับโลก นอกจากค่าเทอมจะแพงหูฉี่แล้ว ก็ต้องสอบเข้าความยากไม่ต่างกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดัง ยิ่งทุนเรียนของมหาวิทยลัยนี้มีเพียงผู้ที่สอบเข้าได้อันดับ 1-3 เท่านั้น
              "อืม... กุลินได้ทุนมหาวิทยาลัยนี้สินะ อย่างนี้ก็เหมือนไปเรียนที่ต่างประเทศเลย แต่ครููว่าก็ลำบากเหมือนกันนะ ถ้าต้องออกค่าใช้จ่ายเยอะขนาดนั้น"
              "ไม่ลำบากขนาดนั้นหรอกค่ะครู หนูมีงานพิเศษ สอนหนังสือให้เด็ก 4 คน แล้วน้องๆ เค้าก็จะชวนเพื่อนมาเรียนเพิ่มอีก" กุลินยิ้มร่าเริง เก็บความรู้สึกเศร้าเอาไว้ หล่อนรับติวหนังสือให้เพื่่อนหรือรุ่นน้องมาตั้งแต่เด็ก งานพิเศษนี้ทำให้เธอมีเงินเก็บมากพอควร แต่สิ่งที่หล่อนหนักใจคือเรื่องที่หล่อนต้องออกไปอยู่ข้างนอกตามลำพังมากกว่า 
              "อ่ะ...ถึงล่ะ" ครูเดินนำเข้าไปในห้องสมุด ที่ไม่มีบรรณารักษ์ แม้จะเรียกว่าห้องสมุดแต่ก็เป็นเพียงห้องเล็กๆ มีชั้นวางหนังสือ 2 ชั้น อยู่มุมห้อง  ที่จะจัดเรียงหนังสือมาใหม่น่าสนใจ ส่วนหนังสือเล่มเก่าจะถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบในลังกระดาษที่ถูกตกแต่งไว้อย่างน่ารัก วางเรียงยาวติดกำแพงหลังห้อง 
              "หนูไปเอาอุปกรณ์มาทำควมสะอาดก่อนนะคะ" หล่อนอาสาไปหยิบอุปกรณ์อย่างรู้งาน จริงแล้วห้องนี้หล่อนทำความสะอาดตั้งแต่เช้าแล้ว เพียงแต่อยากทำความสะอาดห้องก่อนจัดหนังสือเข้าไปใหม่
              ไม่ถึง 5 นาที หล่อนก็กลับมาที่ห้องอีกครั้งโดยถือผ้าขี้ริ้ว ไม้กวาด ไม้ถูพื้น และกระป๋องน้ำที่เติมน้ำไม่ถึงครึ่งถัง หล่อนวางอุปกรณ์ไว้ที่มุมห้องด้านหลัง เริ่มใช้ผ้าขี้ริ้วชุบน้ำบิดหมาด เริ่มเช็ดชั้นวางหนังสือ ขมักเขม่น 
              "หนูก็ขยันจริงๆ นะ ชอบทำความสะอาดตลอดเลย"
              "หนูค่อยข้างชอบทำความสะอาดน่ะค่ะ หนูรู้สึกว่าได้ทำประโยชน์ให้คนที่มาใช้ห้องนี้มีความสุข"
              "นั่นสินะ..." ครูยิ้มพึมพำเบาๆ อารมณ์ดี อิ่มเอมที่เลี้ยงให้กุลินเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม นี้เป็นความสุขที่สุดของครูแล้ว ครูค่อยหยิบหนังสือบนชั้นวางที่เก่ามากแล้ว จัดเรียงใส่ลังตามตัวอักษร ลงในลังกระดาษ เพื่อให้กุลินทำความสะอาดสะดวกขึ้น ครูหันมองกุลินเป็นระยะ เพราะตอนนี้ไม่รู้จะเข้าเรื่องที่จะพูดได้อย่างไร
              "มีอะไรรึเปล่าค่ะ ครู" หล่อนถามขึ้น เมื่อรู้สึกว่าครูมีท่าทีอยากพูดอะไรบางอย่างกับหล่อน หล่อนมักสังเกตท่าทีของคนอื่น และมีเซนส์ในการรับรู้ความรู้สึกของคนอื่นได้
              "มานั่งนี่สิกุลิน" ครูชี้ไปที่โต๊ะทำงานเล็กที่อยู่อีกมุมนึง กับเก้าอี้ตัวเล็กอีก 2 ตัว กุลินรู้สึกได้ว่าครูมีเรื่องสำคัญที่จะคุยด้วย หล่อนผาดผ้าขี้ิ้ริ้วไว้ที่ขอบกระป๋องน้ำ แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับที่ครูนั่งรอ
              "หนูจำคุณจินดาที่ครูเล่าให้ฟังได้ไหม" ครูมองตา บ่งบอกให้รู้ว่าเป็น
              " 
              "ทุกคนเข้าแถวให้เรียบร้อย"
              เสียงตะโกนดัง ของครูขนิษฐา ทำให้เด็กน้อยวัยน่ารักที่กำลังจอแจ หยอกล้อกัน ต่างเบียดกันเข้ามาเป็นแถวตรงยาว
              เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงตรง กุลินในฐานะที่อายุมากกว่าน้อง น้อง ทุกคนในที่นี้ มีหน้าที่ ตักอาหารให้โดยฉันจะได้ทานเป็นคนสุดท้าย
              "พี่กุลิน หนูขอข้าวเยอะหน่อยนะ" เสียงแจ้วเรียกชื่อฉัน พร้อมยื่นถาดหลุมอลูมิเนียมมาใกล้ แววตาเป็นประกาย วันนี้กับข้าวเป็นข้าวหมูแดง กุญเชียง ไข่ต้ม กับน้ำซุปหวานลื่นคอ ของโปรดเธอเสียด้วย
              "ถ้าไม่พอค่อยมาตักใหม่ พี่ไม่อยากให้เรากินเหลือ"
              "ก็ได้ค่ะ" นางฟ้าตัวน้อยเสียงเจื่อย เดินหน้าง่ำออกไป
              หล่อนอมยิ้มกับความเอาแต่ใจเล็กๆ ของเด็กหญิงตัวน้อย ทุกคนต่างชอบทานเหมือนกัน ถ้าเพิ่มอาหารให้กับเธอเป็นพิเศษ อาหารวันนี้อาจไม่พอกับเด็กร้อยกว่าชีวิต
              เด็กน้อยวิ่งกรูเข้ามาต่อแถว รับอาหารใหม่อีกรอบ ไม่เหลือหมูแดงแล้ว เด็กไม่รังเกียจอาหารที่เหลือแต่ข้าวกับน้ำราด 

                         

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×