ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ล่าล้างเลือด

    ลำดับตอนที่ #1 : บอกลา

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 55


    อากาศตอนเที่ยงวันที่เมืองปากชมร้อนระอุ แต่บรรยากาศในวัดป่าห้วยเสียวนั้นร่มรื่นเย็นสบาย ต้นไม้ใหญ่กระจายอยู่ทั่วบริเวณวัด วันนั้นตั้งอยู่ในเชิงเขาเล็กๆ มีทางลูกรังต่อจากถนนใหญ่ ไกลเข้ามาในป่า เป็นวัดป่าไม่มีรั้ว มีอุโบสถไม้และกุฏิอยู่ 3 หลัง กระรอกและบ่างกระโดดอยู่บนต้นหว้า ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงขึ้นอยู่ที่โคนต้น ไก่ป่าส่งเสียงขันแว่วมา วัดนี้มีหลวงพ่อดำเป็นเจ้าอาวาสและพระหนุ่มอีก 3 รูปจำพรรษาอยู่ พร้อมกับเด็กวัดอีก 2 คน เสียงเล็กแหลมของเด็กดังมาแต่ไกลหลวงพี่โชค มีโยมมาหา”   ไอ้ดอนเด็กวัดหัวเกรียนฟันหลอจอมซนตะโกนขึ้นไปบนกุฏิ พระหนุ่มชะโงกออกมาทางหน้าต่าง “มีอะไรว่ะ” ไอ้ดอนยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าบันได ข้างหลังมีชายหนุ่มสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาอยู่อยู่ด้านหลัง สวมแว่นกันแดดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ รองเท้าหนังหุ้มส้นดูราคาแพงสะพายเป้สีดำ พระโชคจ้องตาโยมผู้มาเยือนตาไม่กระพริบ “เชิญบนกุฏิเถอะโยม”  ชายหนุ่มสำอางเดินสง่าผ่าเผยขึ้นมาบนกุฏิทั้งๆที่สีรองเท้า ดินเปื้อนบันไดกุฏิขึ้นมาเป็นทาง “นั่งก่อนก็ได้” เมื่อดูใกล้ๆ ชายหนุ่มผู้มายืนดูคุ้นตาพิกล “โยมดูไม่ใช่คนแถวนี้ มีเรื่องอะไรถึงได้มาหาอาตมาเหรอโยม” ชายหนุ่มถอดแว่นกันแดดออกสอดไว้ในกระเป๋าเสื้อ “พระคงจำผมไม่ได้ ผมมีเรื่องจะให้ช่วย พระสึกออกมาอยู่กับผมเถอะ” พระโชคถึงกับอึ้งไปสักพัก

    ตะวันคล้อยบ่าย  ไอ้ดอนเล่นลูกแก้วอยู่ใต้ต้นโพธิ์ข้างกฏิเห็นพระโชคเดินลงมาจากกุฏิพร้อมชายหนุ่ม ตรงเข้าไปหาหลวงพ่อดำในอุโบสถ  สักพักก็เดินลงมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขายาวดูไม่เข้ากับหัวโล้นเดินตรงเข้ามา “ไอ้ดอน ต่อไปนี้เอ็งอย่าซนให้มากนะ โตแล้วก็บวชเรียน ดูแลวัดกับหลวงพ่อให้ดี ว่างๆข้าจะมาเยี่ยม ข้าฝากเอ็งแค่นี้แหละ” แล้วทิดโชคก็ขึ้นรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อคันโตวิ่งฝุ่นตลบออกจากวัด ไอ้ดอนวิ่งตามแต่วิ่งไม่ทันจึงหันหลังกลับพร้อมน้ำตานองหน้า

     

    +++++++++++++++

     

                     รถตู้ 12 ที่นั่งวิ่งอยู่บนทางหลวงสาย 35 ข้ามแม่น้ำแม่กลอง เข้าสู่ถนนเพชรเกษมมุ่งลงใต้ ภายในรถตู้ คำแหง หนุ่มไร่อ้อยชาวขอนแก่นกำลังฮัมเพลงลูกทุ่งเบาๆ ใจลอยไปถึงครอบครัว เขาอาศัยอยู่หลังไร่อ้อยกับแม่และหลานชายที่พี่สาวทิ้งเอาไว้ ทำงานรับจ้างจิปาถะ ชีวิตนี้เขาหวังแค่เพียงให้แม่อยู่สบายและให้หลานชายเรียนสูงๆจะได้หลุดออกจากชีวิตจนๆที่เหมือนพลเมืองชั้นสองอย่างนี้เสียที คำแหงน้อยใจชะตาชีวิตของตัวเองอยู่บ้าง แต่ไม่เท่าน้อยใจพ่อบังเกิดเกล้าที่ทิ้งแม่ไปปล่อยให้ลำบากอยู่ในไร่เช่นนี้ เขาขึ้นรถตู้มาพร้อมกับเพื่อนชายในหมู่บ้านใกล้เคียง 8 คน เพื่อมาหางานทำในช่วงว่างจากงานไร่ หวังจะได้เงินไปซื้อผ้าไหมไปฝากแม่และเอาไว้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ไปฝากหลานชาย คำแหงเคยขึ้นมาทำงานที่กรุงเทพบ่อยครั้งส่วนใหญ่เป็นงานใช้แรงงาน แต่ครั้งนี้ต้องไปไกลถึงสุราษฏร์ธานี เป้าหมายอยู่ที่โรงงานอาหารทะเลแช่แข็ง คำแหงไม่เคยกลัวงานหนัก ขอแค่เงินดีคำแหงยินดีทำเสมอ ลมเย็นปลิวกระทบใบหน้า โลกทั้งใบค่อยๆมืดลง คำแหงเผลอหลับไป

                    “เฮ้ย ตื่นๆๆ” เสียงตะโกนของเพื่อนปลุกคำแหงให้ตื่นออกจากภวังค์ เขาพบตัวเองนอนอยู่บนพื้นในห้องมืด มีกลิ่นปัสสาวะเหม็นฉุนคละคลุ้งไปทั่ว ไม่มีหลอดไฟ ไม่มีหน้าต่าง เมื่อสายตาเริ่มปรับให้ชินกับความมืด เขาพบว่าตัวเองกับเพื่อนอีกคน ชื่อไอ้สมหมายติดอยู่ในห้องมืดขนาด 6 ตารางวา มีลูกกรงเหล็กกั้นห้องส่วนที่ขังเขาไว้กับประตูทางออก “เฮาอยู่ไสว่ะคำแหง”  “บักหมาย จั่งซี้มันผิดปกติแล้ว” ไม่ขาดคำประตูห้องเปิดออก แสงนีออนสาดเข้ามา   เงาชายสองคนทาบอยู่บนพื้น เป็นชายร่างสูงใหญ่ร่างกายกำยำ สองอีกคนตัวเล็กกว่า มือด้านซ้ายมีนิ้วแค่สี่นิ้ว “เอาคนไหน”ชายนิ้วด้วนพูด ชายร่างใหญ่เดินตรงเข้ามาใกล้ลูกกรงเหล็ก คำแหงและสมหมายถอนกรูดไปชิดกำแพงด้านหลัง “กูเอาหมด แต่กูขอเข้าไปดูใกล้ๆ” ชายนิ้วด้วนใช้มือข้างดีควานหาลูกกุญแจในกระเป๋ากางเกงก่อนเปิดลูกกรงเหล็ก ชายร่างใหญ่เดินตรงเข้าไปหาคำแหง ตัวสูงกว่าเขาเกือบคืบ กลิ่นน้ำหอมโชยฉุน เขายืนอยู่ตรงหน้าเขา ส่วนสมหมายเข่าอ่อนทรุดลงไปแล้ว คำแหงประเมินสถานการณ์ ประตูลูกกรงเปิดอยู่ หากเขาชิงลงมือก่อน เขาอาจหนีออกจากที่นี่ได้แน่ วินาทีนั้น คำแหงเหวี่ยงหมัดซ้ายตรงเข้าไปที่ลิ้นปี่โดนเต็มๆ แต่มันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเหวี่ยงหมัดขวาเล็งเข้าปลายคางชายร่างใหญ่ แต่พลาด ชายร่างใหญ่ปล่อยกำปั้นเข้าปลายคางด้านซ้ายของคำแหง เสียงหมัดกระทบเนื้อดังสนั่น คำแหงหน้าสะบัด รู้สึกชาไปทั้งใบหน้า เข่าสองข้างทรุดลงกับพื้น ก่อนที่โลกของเขาจะมืดสนิทอีกครั้ง

                    เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่ง เขาหันซ้ายหันขวาพบว่ารอบตัวเขานั้นมีแต่น้ำ ตอนนี้เขาถูกมัดติดกับเสาเรือประมง ด้านหน้าเขามีชายตัวผอม ผิวคล้ำ ใส่กางเกงขาสั้นเปลือยท่อนบน ปากคาบมวนบุหรี่ มีดเล่มยาวขัดอยู่ที่เอว มันพูดขณะที่กำลังจุดบุหรี่”ตอนนี้มึงอยู่กลางอ่าวไทย เลือกเอาว่าจะทำงานให้กูหรือให้กูฟันมึงทิ้งลงทะเลเป็นอาหารปลา”  มันสูบควันบุหรี่เข้าไปแล้วพ่นออกมาใส่หน้าคำแหง”แต่ตอนนี้กูอยากจะบอกมึงว่า กูเสียใจกับมึงด้วย มึงคงไม่มีโอกาสได้บอกลาใครอีกแล้วหล่ะ” คำแหงสิ้นเรี่ยวแรงทันที

    +++++++++++++++
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×