คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ` _________ ( introduction )
เสียงกรี๊ดดังอื้ออังไปทั่วบอลรูมขนาดเล็ก ทั้งเสียงอังกอร์กระหึ่มเชียร์ ทุกอย่างปะปนกันมั่วจนคนฟังต้องเงี่ยหูเพื่อแกะพยางค์ในสิ่งที่ได้ยิน อา... ใช่ เป็นชื่อๆหนึ่ง ชื่อที่คนทั้งฮอลล์ต่างพร้อมใจกันตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงเพียงเพื่อคนๆเดียว คนซึ่งยืนถือไมค์ยิ้มกว้างอยู่บนเวที นัยน์ตาสีดำสนิทสั่นไหว ก่อนทั้งร่างจะค้อมลงแทนคำขอบคุณทั้งมวล
เขาโบกมือให้แฟนคลับนับพันพลางถอยเท้ากลับเข้ามาจนแทบชิดฉาก ท่าทางใบ้ของเจ้าหน้าที่ในชุดสีดำสนิทกำลังเตือนเขาว่าถึงเวลากลับเข้าไปข้างใน แม้จะยังอยากยืนมองภาพที่แสนตื้นตันตรงหน้านี้อีกหน่อย แต่เขารู้ดี สำหรับวันนี้หมดเวลาของคยูฮยอนแล้ว
หลังจากใช้เวลาแต่งหน้าทำผมและแต่งตัวอยู่เป็นชั่วโมง แต่เพียงในเวลาน้อยกันกว่าครึ่ง ห้องเล็กๆหลังเวทีก็กลับชะล้างคราบไอดอลเสียงบาดใจคนฟังจนเหลือเพียงเด็กหนุ่มกะโปโลคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่หน้าบานกระจก ตลับคอนแทคเลนส์บิ๊กอายถูกบิดฝาซ้ำเพื่อให้มั่นใจว่ามันถูกปิดสนิทดีแล้วจึงเก็บใส่กระเป๋าเป้ใบย่อมซึ่งมีหนังสืออยู่สองสามเล่ม มือเรียวคว้าเอาแว่นหนาเตอะจากในกล่องยาวขนาดฝ่ามือมาใส่ซ้อนปิดดวงตาเล็กรี พอเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้นก็นึกหงุดหงิดไม่น้อยเมื่อเห็นหลุมสิวขนาดใหญ่บนใบหน้าขาวซีดยามไร้เครื่องสำอาง ไม่ชอบ... แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้มันหายไป
ไม่มีไอดอลหนุ่มรูปหล่อดวงตากลมโตอย่างเช่นบนเวทีเมื่อหมดเวลางานของคยูฮยอน เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นนักศึกษาและมีดีที่น้ำเสียง จับพลัดจับผลูได้เข้ามาเป็นนักร้องก็ดีเท่าไหร่ เครื่องสำอางและแสงสีเปลี่ยนคน นั่นคือสัจธรรมของวงการบันเทิงนี่เอง
ชายหนุ่มค่อยๆเลื่อนบานประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงส้นสูงซึ่งก้าวเข้ามา อา.. คิมฮโยรินนั่นเอง นักร้องสาวจากเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีวงหนึ่งซึ่งมีความโดดเด่นพอตัว ได้พูดคุยกันบ้างตอนไปอัดรายการเพลงรายการหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ แค่รู้ว่าได้ขึ้นไลฟ์วันเดียวกัน แต่ไม่คิดว่าสาวเจ้าจะมาหาถึงห้องพร้อมกล่องขนมราคาแพง
“เธอ... ขอโทษนะจ๊ะ คยูฮยอนอยู่ไหม?”
เปิดมาประโยคแรกไอดอลหนุ่มแทบลมจับจนล้มทั้งยืน ว่าก็ว่าเถอะไอ้ประโยคคำถามหยาบคายแบบนี้ใช่ว่าจะเป็นครั้งแรกเสียเมื่อไหร่ ตั้งสติได้ก็ยิ้มตอบกลับไปอย่างสุภาพ พร้อมออกเสียงชัดเจนในแบบของโจวคยูฮยอนคล้ายกำลังพิสูจน์บุคคลก็ไม่ปาน “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คะ?”
“ผมนี่แหละ คยูฮยอน” พอเห็นสาวเจ้าทำท่าชะงักก็เลยพูดแสดงตัวไปชัดเจน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับเป็นความนิ่งขนัด หล่อนเพ่งหน้าเขาอยู่พักหนึ่ง... พักหนึ่งเลยทีเดียว จากนั้นกล่องขนมในมือก็ถูกลดลงจนกลายเป็นว่าซ่อนไว้ข้างหลัง ยิ้มแหยๆปรากฏบนดวงหน้าสวยแต่งแต้มเครื่องสำอางในแบบสมัยนิยม เธอล่อกแล่กนิดหน่อย ก่อนจะชี้มือชี้ไม้กลับไปยังทางที่เพิ่งเดินมา
“เอ่อ... ฉันลืมไปแล้วว่าจะพูดเรื่องอะไร ขอตัวก่อนนะคะ”
ไม่ถึงครึ่งนาทีร่างอ้อนแอ้นกลับลับหายไปจากสายตาโดยที่ไม่ต้องออกปากพูดอะไรอีก ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ... เขาเริ่มชินเสียแล้วกับอากัปกิริยาโต้ตอบของคนที่ได้รู้จักโจวคยูฮยอนตัวเป็นๆ... แบบที่ไร้เครื่องสำอางและสิ่งปรุงแต่งสไตล์ดั้งเดิมแบบที่ได้มาจากท้องพ่อท้องแม่แท้ๆ ไม่มีหรอกแฟนคลับวิ่งกรูล้อมหน้าล้อมหลัง หลังจบไลฟ์แต่ะสัปดาห์สิ่งที่เขาต้องทำคือการนั่งเล่นเกมส์พีเอชพีบนรถไฟฟ้าใต้ดินจนถึงสถานีแถวบ้าน เดินกลับบ้างนั่งรถประจำทางบ้างเช่นปุถุชนไม่มีอะไรผิดแผก เพราะเมื่อไหร่ที่ล้างเครื่องสำอางออก... ความเป็นไอดอลรูปหล่อก็ตายจากไปเมื่อนั้น
สะพายกระเป๋าเป้สีซีเปียใบโปรดก้าวอาดๆไปตามโถงทางเดินขนาดสามเมตรซึ่งทอดยาวไปสู่ประตูด้านหน้า เสียงดนตรีในไลฟ์ยังดังกระหึ่มเป็นบทเพลงของวงบอยแบนด์รุ่นพี่ซึ่งครองแชมป์มันแทบทุกสัปดาห์ โจวคยูฮยอนมีแฟนคลับในระดับพอตัว แต่ยังไม่มากพอจะไปอาจหาญริท้าตำแหน่งแชมป์ประจำสัปดาห์กับใคร ฝีเท้าวิ่งตึกตึกก้องไปทั่วบริเวณ ทัพเด็กสาวกำลังวิ่งมาทางนี้... ในมือมีพัดและป้ายเชียร์คยูฮยอนหมาป่าเจ้าสเน่ห์เต็มเปี่ยม...
.......แต่แล้วพวกเธอก็วิ่งสวนโจวคยูฮยอนเด็กหนุ่มใส่แว่นหน้าตาจืดชืดไปอย่างไม่ไยดี...
ไม่วายจะเหวี่ยงกระเป๋าสัมภาระรุงรังมาโดนหน้าท้องเอาจนจุกแทบทรุด ยังไม่ทันจะตั้งหลักได้ก็โดนแรงปะทะจากสาวๆอีกกลุ่มหนึ่ง คราวนี้ล้มกลิ้งลงไปกับพื้นโดยไม่ต้องสืบ สบถโอดครวญเบาๆพร้อมส่งสายตาอาฆาตให้เหล่าแฟนคลับผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ซึ่งวิ่งไปตามหาคยูฮยอนกันไม่ต่างจากไลฟ์สัปดาห์ก่อนๆ ดักเจอแทบตาย ตามหาจนแทบทุกมุมบริษัทก็ไม่เคยได้เจอ ไอดอลหนุ่มรูปหล่อลึกลับผู้มีความจริงปิดบังไว้ดั่งพระเอกหนัง ไม่เลย... ยืนโทงๆให้มาขอลายเซ็นได้ง่ายๆอยู่มันทุกสัปดาห์ แต่ไม่เคยอยู่ในสายตาเมื่อพวกเธอกรูกันไปตามหาภาพลวง...
“เฮ้คุณ เป็นอะไรไหม?”
เสียงซึ่งลายมากระทบโสตประสาทจนคนล้มต้องขยับกรอบแว่นให้เข้าที่เพื่อเพ่งมอง มือซึ่งยื่นลงมาให้เขาหมายจะช่วยเหลือบ่งถึงความจริงว่ามีคนมาช่วยเขาหาใช่ความฝันลมๆแล้งๆซึ่งนักร้องหนุ่มต้องการมาตลอด จับคว้ามือนั้นไว้ อาศัยแรงดึงเบาๆทั้งร่างก็กลับลุกขึ้นหยัดยืนในท่าที่ควรจะเป็นได้อย่างไม่ยาก หากใครจะบอกว่าสภาพโจวคยูฮยอนตอนนี้ดูไม่จืดล่ะก็... คิดเสียใหม่ เพราะมันจืดสุดๆไปเลยต่างหาก!
“เด็กพวกนั้นวิ่งกันไวชะมัด ไม่รู้กลัวไอดอลที่รักหายไปเหมือนอาทิตย์ก่อนๆอีกหรือยังไง” พูดพลางส่ายศีรษะน้อยๆแล้วกระชับสายกล้องซึ่งสะพายไว้ขึ้นในท่าทะมัดทะแมง การแต่งกายเป็นชุดเสื้อยืดธรรมดาสีดำ ดูแล้วเหมือนพวกช่างกล้องไม่มีอันจะกินไม่มีผิด
“ขอบคุณครับ” ส่งยิ้มให้อ่อนๆไม่ถือว่าผูกมิตรเสียทีเดียว ดวงหน้าดูดีติดขี้เล่นนั้นยิ้มตอบกลับมาจริงใจไร้พิษภัยให้อดสงสัยไม่ได้ว่าว่ามาทำอะไรที่นี่ รับจ้างถ่ายรูปจากพวกแฟนเบส หรือเป็นโอตาคุคลั่งสาวๆเกาหลีกันล่ะ
เหมือนถูกอ่านใจออก ยิ้มสุภาพนั้นคลี่ออกอีกหน่อยให้เห็นแววทะเล้น ทำสายตาพยักพเยิดไปทางที่พวกเด็กสาวเพิ่งวิ่งไป จึงว่าต่อเสียงใสไม่มีปิดบังหรือเหนียมอายจนคนฟังรู้สึกเขินขึ้นมาดื้อๆ “ผมเป็นแฟนคลับคยูฮยอนน่ะ อาทิตย์นี้ว่างไม่ติดงานเลยแวะมาถ่ายรูปสักหน่อย”
ตั้งท่าจะพูดออกไปว่า ‘ผมนี่แหละคยูฮยอนที่คุณชอบ’ คิดอีกทีก็ยิ่งกว่าโชว์ปาหี่ละครสด พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อหนำซ้ำคงโดนหัวเราะเยาะกลับมานึกว่าเล่นมุขขำ อย่างตอนพ่อกับแม่กว่าจะยอมเชื่อว่าลูกตัวเองได้เป็นนักร้องดังก็ต้องแหกตาใส่บิ๊กอายโปะรองพื้นหนาๆให้ดูเป็นขวัญตาจนตื่นตะลึงกันถ้วนหน้า เพราะอย่างนั้นครั้งนี้ขอสงบปากสงบคำไว้ดีกว่าพูดไปก็เข้าตัว
“อ๋อ... ครับ ผมเองก็ชอบคยูฮยอนเหมือนกัน”
พูดไปอย่างนั้นเหมือนปลงในโชคชะตาชีวิตของตัวเอง ขาเรียวก้าวเดินออกไปข้างหน้า ทว่ากลับต้องถลากลับมาที่เดิมเมื่อถูกคู่สนทนารั้งแขนไว้เสียอย่างนั้น คยูฮยอนได้เห็นดวงตาวาววับเป็นประกายนั่นแล้วก็อดใจเต้นตุบตับไม่ได้ สีหน้าของคนตรงข้ามเขาตื่นตะลึงแต่แฝงไว้ด้วยความยินดีอย่างถึงที่สุด
“นาย... นายชื่ออะไร...?”
สรรพนามเปลี่ยนไปทันตาเห็นเสียจนคนถูกถามผงะ แต่ก็ตอบไปด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ “จะ...โจวคยูฮยอน”
สิ้นคำชายหนุ่มก็เบิกตาโพลง มือที่กระชับอยู่ต้นแขนเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นการบีบแน่น มันสั่นน้อยๆ แต่ก็ทำเอาหัวใจของโจวคยูฮยอนเต้นแรงกว่าเดิมอีกเท่าตัว บางทีคนๆนี้อาจจะรู้ว่าเขาคือ...
“คยูฮยอน...”
“...........”
“...โจวคยูฮยอน......”
“..........”
“นี่ฉันฟังไม่ผิดไปจริงๆใช่ไหม.... นายน่ะ...”
“...........”
“...คงชอบคยูฮยอนมากถึงขนาดเปลี่ยนชื่อให้เหมือนเขาใช่ไหมล่ะ -.-“
“หะ... หา”
“ชื่อจริงๆของนายคงจะเป็นโจวคยองฮีหรือโจวนิมฮยอนอะไรแบบนี้ใช่ไหมล่ะ”
ถ้าจะถามว่าหัวใจของผู้ชายที่ชื่อโจวคยูฮยอนตอนนี้มีขนาดเท่าไหร่ มันอาจจะเหลือเชื่อสักหน่อยถ้าจะบอกว่ามันเล็กกว่าลูกพีนัทหรือเม็ดองุ่น แหงล่ะ... แต่คงไม่เหลือเชื่อมากไปกว่าไอ้ชื่อแย่ๆที่คนตรงหน้านี้กล่าวหาเขาเป็นแน่ โจวคยองฮีอย่างนั้นเหรอ? บ้าเอ๊ย! ใครมันจะไปชื่ออะไรแบบนั้นกันเล่า
“ขอโทษด้วย แต่ใบเกิดผมก็เขียนชื่อโจวคยูฮยอนเหมือนกับในบัตรประชาชน”
“ไม่จริงน่า...”
“ใช่ ไอ้ชื่อที่คุณพูดมานั่นมันไม่จริงเลยสักนิด” บอกไปแบบไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก หมอนี่มันพวกพูดเองเออเองทั้งเพ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมองก็เห็นว่าได้เวลาที่จะต้องไปแล้ว “ขอบคุณที่ช่วยนะครับ ขอตัวก่อน”
จะหาว่ามนุษยสัมพันธ์ไม่ดีหรืออะไรก็ช่างเถอะ ยังไงผู้ชายคนนี้ก็ไม่รู้และไม่คิดจะเชื่อว่าเขาคือคยูฮยอนหมาป่าเจ้าเสน่ห์คนนั้น อา... มันเป็นไปไม่ได้เลยนี่นะ ไอดอลหนุ่มรูปหล่อกับไอ้แว่นสิวเขร่อะที่ต่างกันราวห้ากับเหวแบบนี้
“อันที่จริงฉันกับนายควรจะเป็นเพื่อนกันนะ”
ร่างที่กำลังเดินจากไปหยุดกึก อะไรนะ? เมื่อกี้คนๆนั้นพูดกับเขาหรือเปล่า
“เพราะเท่าที่ฉันเห็น... แฟนบอยของคยูฮยอนก็มีแค่พวกเราทั้งคู่ อย่างเราน่ะเรียกเดอะเลเจนท์เลยใช่ไหมล่ะ?”
เดอะเลเจนท์......? -_-
“ไอ้รูปสวยๆที่ลงในบอร์ดวูล์ฟเวิลด์นั่นก็ฝีมือฉันไง ยูส Donghae861015 น่ะ นายต้องรู้จักดีแน่ๆ”
ถึงตรงนี้ร่างสูงโปร่งค่อยๆเหลียวหันมามองคนที่อมยิ้มทะเล้นอยู่อีกครั้ง ตกลงว่าหมอนี่ต้องการอะไรจากเขากันแน่ เพื่อนหรือ? มันคงจะตลกรับประทานล่ะถ้าจะให้มาเป็นเพื่อนและร่วมเยินยอตัวเองแบบนี้ ขนลุกตายชัก
“ฉันน่ะเข้ากับพวกผู้หญิงไม่ได้เท่าไหร่ เพราะอย่างนั้นช่วยมาเป็นเพื่อนฉันหน่อยเถอะ”
“ขอโทษนะครับ ผมต้องรีบไป”
ตัดบทแล้วรีบก้าวฉับๆออกมาโดยไม่รีรออะไร เพราะนี่คือความจริงไงล่ะ... ความจริงที่ทำให้เขาไม่กล้าหวังว่าจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นในชีวิต โจวคยูฮยอนก็เป็นแค่โจวคยูฮยอนอยู่วันยังค่ำ เป็นแค่ไอ้แว่นสิวเขร่อะหน้าตาโคตรธรรมดาแบบที่จะหามาสักกี่แสนล้านคนก็ได้ในเกาหลีเท่านั้นเอง
____________________________________________________
ฝากหน่อยนะคะ ไม่ค่อยได้เขียนฟีลกู๊ดเท่าไหร่ไม่ถนัดเลย ;_ ;
เรื่องนี้แต่งทิ้งไว้นานแล้ว ได้เวลาเอามาลงให้อ่านสักที เอะ ๆ
ไม่รู้จะชอบกันรึเปล่า -.-
ความคิดเห็น