คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ไข่ 2 ใบ ในห้องหนังสือ
Poor Detective นักสืบยาจก
1
[ไข่ 2 ใบ ในห้องหนังสือ]
ประเทศไทย กรุงเทพมหานคร ปี พ.ศ. 2555
“เฮ้อ...นี่เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เสียงพูดอันแผ่วเบาดังมาจากเด็กหญิงคนหนึ่ง ดูจากรูปร่างหน้าแล้วคงจะมีอายุราวๆ 15-16ปี เธอได้ถามกับตัวเองมานานหลายวันแล้ว เธอเป็นใคร มาที่นี่ได้อย่างไร(รู้แล้วเหรอว่าที่นี่ที่ไหน?) เธอหน้าตาซีดเซียวเนื่องจากไปได้กินอาหารมาหลายวัน เหตุเพราะเธอไม่มีเงินนั่นเอง ตอนนี้เธอกำลังงุนงงอย่างที่สุด เมื่อเห็นภาพที่อยู่ข้างหน้า ภาพที่อยู่ข้างหน้าเธอนั้นเป็นเมืองที่ใหญ่โตมโหฬาร มีผู้คนเดินไปอย่างพลุกพล่าน และเครื่องจักรยนตร์ที่วิ่งได้อย่าง “รถยนต์”เต็มไปทั่วทั้งเมือง...
“นี่.. แล้วเราเป็นใครกัน?” เธอพูดพร้อมพลางขมวดคิ้วแสดงให้ถึงอาการสงสัยถึงที่มาของตนเอง ซึ่งนอกจากกระเป๋าหนังที่ติดตัวมาตั้งแต่ต้นที่เธอมาอยู่ในเมืองนี้แล้ว ก็ไม่มีสิ่งของอย่างอื่นติดตัวมาเลย
“โอ๊ย....”เธอร้องออกมา เพราะเธอมัวแต่คิดเรื่องการมีตัวตนของเธอ จนไปชนกันต้นไม้ แล้วก็มีสิ่งของสิ่งหนึ่งได้หล่นร่วงกระเด็นออกมาจากกระเป๋าของเธอ สิ่งนั้นมีรูปร่างหนาปานกลาง เป็นรูปสี่เหลี่ยม และมีปากกาเสียบเอาไว้ในหน้าปกของมัน ใช่แล้วมันคือ “สมุดโน๊ต”
“นิดา” ชื่อนี่ถูกเขียนอยู่ในหน้าปกของสมุดโน้ต แต่ว่าคงมีบางส่วนที่หลุดลอกไป เพราะพื้นที่ที่เขียนชื่อยังเหลืออีกมาก
เธอมองชื่อนี้ซักพัก แล้วพลางพูดว่า “นี่คงอาจจะเป็นชื่อของฉัน”
เธอลองสังเกตุสักพัก ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว สมุดว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดถูกเขียนเอาไว้ เพียงแต่ชื่บางส่วนของเธอบนหน้าปก
ใช่แล้ว “นิดา” คือชื่อของเด็กผู้หญิงคนนี้ แต่ยังไม่ครบซะทีเดียว เธอเป็นเด็กที่มีสีหน้าบ่งบอกว่าเธอนั้นเป็นเด็กที่มีหน้าตาสละสลวย ดวงตาของเธอนั้นกลมโตเป็นสีดำ ซึ่งสีผมของเธอก็ได้เข้ากับดวงตาที่กลมโตของเธอ เมื่อดูจากใต้ขอบดวงตาของเธอนั้น ก็บ่งบอกได้ว่าเธออดหลับอดนอนมาหลายคืน
นิดาได้เดินมาเรื่อยๆ เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับเมืองแห่งนี้ซึ่งเธอไปรู้ว่าทีหลังว่าชื่อ “กรุงเทพฯ” จนเธอไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งได้ทิ้งสิ่งหนึ่งลงไปในถังขยะ หลังจากผู้ชายคนั้นเดินหายไป นิดาก็ได้เข้ามาดู และพบว่ามันคือใบปลิวนับ 100 กว่าใบถูกทิ้งอยู่ในถังขยะ เมื่อเธอหยิบมาดูก็พบอีกว่า ใบปลิวนี้เป็นใบปลิวสมัครงาน สำนักงานนักสืบมือฉมัง นิดาลองอ่านดูคร่าวๆ ก็ได้รู้ว่าสำนักงานนักสืบนี้อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนอยู่มากนัก เธอจึงตัดสินใจไปทำงานเผื่อจะได้กินอะไรบ้าง
ในขณะเดียวกันที่ ร้าน7-11หนึ่ง
“เฮ้อ...ไม่มีเงินเลยมื้อนี้คงเป็นมื้อสุดท้ายแล้วมั้งเนี่ย”
เสียงถอนหายใจของ “มิรินอร มิรณ์รพันธุ์” ราวกับว่าเบื่อหน่ายในชีวิต เพราะ เธอพึ่งจะถูกบริษัทเก่านั้นไล่ออกมา ตอนนี้เธอก็ได้เพียงแค่เป็นคนตกงาน ที่ไม่รุ้จะหางานอะไรทำ เพื่อที่จะประทังชีวิตไป
มิรินอรเดินออกจาก7-11ด้วยความผิดหวังพร้อมกับขนมปังหอมกรุ่มที่พึ่งอุ่นมาได้ไม่นาน เธอฉีกซองแล้วกำลังจะทิ้งที่ถังขยะ มิรินอรเห็นว่ามีเศษกระดาษในถังขยะหน้า7-11 เต็มไปหมด เธอเลยลองหยิบขึ้นมาอ่านดู “สำนักงานนักสืบมือฉมัง รายได้ต่อเดือนดี สนใจไปที่ X-X-X”
“นี่..มีเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อในนี้หน่อยก็ยังดี” มิรินอรพูดอย่างไม่สบอารมณ์ แต่พอเธอหาเหลือบมองรายได้ต่อเดือน มันทำให้เธอนั้นยิ้มแป้นออกมาโดยที่ไม่รุ้ตัว แถมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ 7-11 ด้วย
“รายได้ก็ดีนี่น่า จะลองไปทำงานดูก็แล้วกัน” หญิงสาวพูดพร้อมปั่นจักรยานไปหาสำนักงานนักสืบมือฉมังโดยทันที
ณ สำนักงานนักสืบมือฉมัง
“เฮ้อ...ไม่มีใครมาสมัครงานเลย” เสียงพูดอันหมดอาลัยอาวรณ์ของ “จอห์น เบิร์น ลัคซัค” ที่กำลังพิมพ์ใปปลิวหาคนงานมาทำงานเป็นนักสืบในสำนักงานของเขา
ในขณะนั้นเอง เด็กผู้หญิงที่ชื่อ นิดาก็ได้เปิดประตูเข้ามาแล้วพูดว่า “ขอโทษนะค่ะ มีใครอยู่ไหมค่ะ?” สาเหตุที่นิดาถามไปอย่างนั้นเพราะที่นี่ดูโทรมมาก เหมือนจะไม่มีเงินมาดูและซ่อมแซมราวกับว่าอีกไม่นานจะรื้อแล้ว
“ฮือๆ.. ในที่สุดก็มีคนมาสมัครงานแล้ว!!” จอห์นได้เข้ามากอดนิดาเอาไว้ราวกับว่าจะไม่ให้พนักงานคนแรกหนีไปไหนเป็นอันขาด
ขณะนั้นเอง!!! มิรินอรได้ปั่นจักรยานมา แต่เพราะเป็นถนนหนทางไม่เป็นใจ ถนนนั้นเป็นทางลาดลง เธอเลยหยุดจักรยานไม่อยู่ แล้วก็ไปชนกับจอห์นซึ่งกำลังกอดนิดาเอาไว้แน่น
“กรี้ดๆๆๆ” นิดากรีดร้องอย่างตกใจเพราะสิ่งที่เธอนั้นเห็น คือถ้าจอห์นไม่มาบังเอาไว้ ก็คงต้องเป็นเธอที่โดนจักรยานชนเต็มเหนี่ยว
“เอ่อ... ขอโทษนะคะ จะมาสมัครงานอ่ะค่ะ” มิรินอรพูดพลางขอโทดจอห์น
“ฮือๆๆ ได้คนมาสมัครงานอีกคนแล้วๆ” จอห์นตะโกนพร้อมกับมีน้ำตาไหลพรากออกมา
“เอ่อ..นี่ไม่มีใครมาสมัครเลยหรือเนี่ย เสียเวลาปล่าๆ” มิรินอรพูดด้วยสีหน้าเกรี้ยวโกรธ
“มาช่วยฉันทำงานเถอะนะ มาเป็นนักสืบให้กับสำนักงานฉันเถอะ” จอห์นพูดพร้อมกอดขาของมิรินอรเอาไว้แน่น
“มาทำงานด้วยกันเถอะนะค่ะ” นิดาพูด “ตอนนี้ฉันก็ไม่มีเงิน คุณเจ้าของสำนักงานนักสืบมีฉมัง คุณก็ไม่มีเงินใช่ไหมค่ะ” นิดาพูดเพื่อไม่ให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้
มิรินอรลองคิดในใจดูเหมือนกัน เพราะตัวเองก็ไม่มีเงินเหมือนทั้ง 2 คน ถ้าไปที่อื่นอาจไม่มีงานทำอีกแล้วก็ได้
“โอเค ฉันตกลงทำงานที่นี่” มิรินอรพูดพร้อมกับเบี่ยงหน้าไปทางอื่น
นิดายิ้มให้พร้อมกับถามชื่อของแต่ละคน “ทุกคนชื่ออะไรกันเหรอค่ะ ฉันชื่อนิดา ค่ะ” นิดาพูดเพื่อสร้างความสัมพันธ์ก่อน
“ฉันเองก็ไม่รุ้นะค่ะ ว่าฉันเองชื่อนิดาหรือเปล่า เพราะฉันจำอะไรไม่ได้เลย มีเพียงแต่กระเป๋ากับสมุดโน๊ตเล่มนี้” นิดาพูดตะกุกตะกักนิดๆ
“ฉันชื่อมิรินอร มิรณ์รพันธุ์ เรียกว่าอรก็ได้นะ” มิรินอรพูดต่อจากนิดาทันที
“ฉันชื่อจอห์น เบิร์น ลัคซัค จะเรียกว่าจอห์นหรือห่วยขั้นเทพก็ได้นะ เพื่อนๆของฉันเรียกฉันว่าอย่างนี้” จอห์นพูดต่อจากมิรินอร
“ทีนี้เรามาทำความสะอาดที่นี่กันดีกว่านะ ไม่มีใครทำความสะอาดมาตั้งนานแล้ว” จอห์นพูดพร้อมกับทำหน้าอ้อนวอนปนขอร้องนิดๆให้ช่วยกัน
“แล้วทำไมไม่ทำเองล่ะค่ะ” อรพูดต่อแบบยียวนกวนอารมณ์
“แหมก็มันใหญ่มากนี่น่าที่นี่นะ ฉันทำคนเดียวไม่ไหวหรอก” จอห์นพูดแก้ตัว พร้อมก้มตัวขอร้องอย่างเต็มความสามารถ
“มาช่วยกันทำเถอะค่ะ ให้ที่นี่ดูน่าอยู่ เพราะฉันก็ไม่มีที่จะไปแล้ว” นิดาก็พูดขอร้องให้อรมายอมทำเช่นเดียวกัน
“ก็ได้ เห็นว่าเธอขอร้องนะ” อรพูดพร้อมมองไปที่จอห์นทื่กำลังก้มตัวขอร้องอยู่ ใจจริงเธอนั้นอยากช่วยแต่อรเป็นคนที่ปากไม่ค่อยตรงกับใจ
“แบ่งหน้าที่กันทำนะ ฉันจะไปทำความสะอาดห้องนั่งเล่น ส่วนพวกเธอไปทำที่ห้องหนังสือกันนะ” จอห์นออกคำลั่งแบบเจ้านายใส่
“ค่ะ” ทั้ง 2 คนตอบพร้อมกันและแยกย้ายไปหาเครื่องมือทำความสะอาด
ที่ห้องหนังสือ สำนักงานนักสืบมือฉมัง
“หนังสือนี่รกจังเลยนะ” นิดาพูดพลางยิ้มให้อร ที่กำลังโมโหจอห์นอยู่
“เอ๊ะ!! นี่มันอะไรเนี่ย หีบแสนสวยงามอันนี้” อรพูดอย่างตกใจ
“ฉันเจอกุญแจตรงนี้นะ อร” นิดาพูดเสริมต่ออร
“เรามาลองเปิดกันดูไหม ว่าอะไรอยู่ในกล่องใบนี้” อรพูดโดยที่มีแผนคิดจะแก้แค้นจอห์นในใจ
“อย่าเลย อรเดี๋ยวคุณจอห์นจะว่า” นิดาห้ามอร
“แต่เราเปิดดูนิดหน่อยตาจอห์นไม่ว่าหรอกน่า 555+”
“อืม” นิดาพูดพลางไม่สบายใจซักเท่าไร พอลองเปิดดูปรากฏว่า ข้างในมีใข่ 2 ใบ ใบหนึ่งมีลวดลายขาวสลับน้ำตาล ส่วนอีกใบเป็นลายสีเขียวปนฟ้า ทั้งสองใบมีความแตกต่างจากไข่ใบอื่นคือ มีสีสันลวดลายแบบที่ อรและนิดา ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน
ความคิดเห็น